ละครฉากแรก
อากาศในช่วงแดดร่มลมตกค่อนข้างเย็นสบาย ชายหนุ่มวัยสามสิบปลายๆ กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงห้องทำงานบนชั้นสองของบ้านสไตล์โมเดิร์น ซึ่งต่อเติมออกมาจากบ้านทรงไทยร่วมสมัยหลังหนึ่งในย่านชานกรุง บริเวณรอบๆ เป็นสนามหญ้ากว้างกว่าสามสิบไร่ที่ปกคลุมด้วยร่มเงาไม้ใหญ่ ให้ความรู้สึกร่มรื่นและเงียบสงบราวกับอยู่ต่างจังหวัด ทั้งๆ ที่ถัดออกไปไม่ไกลนักคือเมืองหลวงอันแสนวุ่นวาย
“ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดี แกอยากอยู่จัดการธุระส่วนตัวทางนั้นต่ออีกสักหน่อยก็ตามสบายนะ” รามิลอนุมัติวันลาให้ทั้งๆ ที่คนในสายยังไม่ได้ร้องขอ
ก่อนหน้านี้เลขาฯ คนสนิทของเขาเพียงแค่โทรศัพท์มารายงานความคืบหน้าโครงการสร้างบ้านตากอากาศที่เขาใหญ่ และตั้งใจว่าจะจองเที่ยวบินกลับกรุงเทพฯ ทันที
“ท่านประธาน...หมายความว่าไงครับ”
“บ้านเขาอยู่โคราชไม่ใช่เหรอ” รามิลยิ้มมุมปากเล็กน้อย
หลายวันมานี้ชายหนุ่มสังเกตว่าเลขาฯ ทำงานเหมือนคนหัวใจออกจากร่าง กว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งถูกสาวคนรักบอกเลิกเพราะทำงานหนักจนไม่มีเวลาไปหามานานหลายเดือนก็ตอนได้ยินพวกพนักงานแอบเมาท์กันในออฟฟิศ ซึ่งในฐานะที่ทวีฤทธิ์ช่วยงานเขามากว่าสิบปี รามิลรู้ดีว่าอีกฝ่ายจริงจังกับผู้หญิงคนนี้มากขนาดไหน และเหตุที่ต้องทำงานหนักก็เพราะอยากเก็บเงินเอาไว้สร้างครอบครัว
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบอยู่กับผู้ชายที่บ้างานเกินไปหรอก...ไอ้วี”
มีเสียงหัวเราะน้อยๆ ของทวีฤทธิ์ตอบมา เพราะนอกจากเรื่องงานแล้ว...เจ้านายของเขาไม่เคยเป็นรองใครเรื่องผู้หญิง
“ขอบคุณครับ ท่านประธาน”
ความสดชื่นของคนในสายทำให้รามิลพลอยสบายใจไปด้วย หวังว่าหากปรับความเข้าใจกับสาวคนรักสำเร็จ...ทวีฤทธิ์จะกลับมาทำงานได้อย่างมีชีวิตชีวาเหมือนเดิม
“จะแต่งเมื่อไรก็บอก ฉันเป็นเจ้าภาพให้เอง”
“แล้วท่านประธานล่ะครับ ได้ข่าวว่าคุณนายท่านก็อยากเป็นเจ้าภาพให้เต็มแก่” คนสนิทหนุ่มแกล้งเย้าเข้าบ้าง เพราะทุกครั้งที่แวะมาบ้านรามิล ประมุขของบ้านมักสอบถามเขาเรื่องสาวๆ ของลูกชายเสมอ
เหตุมาจากประธานหนุ่มวัยสามสิบเก้าคนนี้เคยมีข่าวกับสตรีมากหน้าหลายตา บ้างก็เป็นทายาทนักธุรกิจด้วยกัน บ้างก็เป็นดารานางแบบ แต่กลับไม่มีวี่แววว่าคนไหนจะได้เป็น ‘ตัวจริง’ เสียที
“ปีหน้าก็จะแตะเลขสี่แล้วนะครับ คุณนายท่านเกรงจะไม่ได้อุ้มหลาน”
เหมือนโดนด่าอ้อมๆ ว่าใกล้หมดน้ำยาเต็มแก่!
“ถ้าแกห่วงเรื่องของฉันขนาดนี้ กลับกรุงเทพฯ มาทำงานคืนนี้เลยละกัน”
“อุ๊ย! ไม่ดีกว่าครับ” ทวีฤทธิ์รีบหัวเราะกลบเกลื่อน “อยากมีท่านประธานเป็นเจ้าภาพงานแต่งมากกว่า”
รามิลส่ายหัวเล็กน้อยพลางตัดสายทิ้งดื้อๆ นึกรำคาญเลขาฯ ที่นับวันจะยิ่งลามปามอะไรไม่เข้าท่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยถือสา ด้วยรู้ว่าลึกๆ อีกฝ่ายหวังดี และอาจเบื่อกับการต้องคอยตอบคำถามมารดาเขาพอๆ กับที่เขาเองก็เบื่อเช่นกัน
หนุ่มวัยสามสิบเก้าไม่เข้าใจว่าความโสดของเขากลายเป็นความกังวลของคนรอบตัวไปตั้งแต่เมื่อไร เพราะขนาดเขาเองยังไม่กังวลใจเรื่องพวกนี้เลย ใช่ว่ารักสนุกเหมือนอย่างที่ใครต่อใครคิด แต่ที่เปลี่ยนคนควงไปเรื่อยๆ ก็เพราะยังไม่เจอคนที่ใช่เท่านั้นเอง
ร่างสูงราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรในชุดลำลองสบายๆ เดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน เพราะเมื่อครู่ตรวจแผนธุรกิจค้างไว้ แต่ครั้นวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะ ดวงตาคมก็พลันเหลือบไปเห็นต่างหูข้างหนึ่งในบริเวณใกล้ๆ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปแมวน้อยกำลังนอนหลับบนเสี้ยวพระจันทร์
ใบหน้าน่ารักของสาวแปลกหน้าคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของต่างหูข้างนี้ค่อยๆ ลอยเข้ามาในสมอง
รามิลบังเอิญเจอหล่อนที่ลานจอดรถไนต์คลับเมื่อราวๆ หนึ่งเดือนก่อน เหตุมาจากเพื่อนเขามีเรื่องเซ็งๆ จึงชวนไปดื่ม เมื่อขับรถไปถึงรามิลจึงโทร. หาเพื่อนในจังหวะที่กำลังล็อกรถ
‘ฉันมาถึงแล้ว แกอยู่ตรงไหน’
‘อยู่หน้าผับเนี่ย กำลังจะเข้าไปแล้ว’ เสียงใสๆ ของหญิงสาวตอบมาจากในบริเวณใกล้เคียง
รามิลพบว่าหล่อนเพิ่งก้าวลงมาจากยาริสสีแดงฝั่งตรงข้าม มือข้างหนึ่งถือสมาร์ตโฟนแนบข้างใบหู ส่วนอีกมือหนึ่งกำลังปิดรถ บ่งบอกให้รู้ว่าหล่อนกำลังคุยกับคนในสายเช่นกัน
จังหวะพอเหมาะดีแท้...
ชายหนุ่มแอบคิด แต่ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษแล้วก้าวไปยังไนต์คลับ เขาได้คำตอบจากเพื่อนตัวเองแล้วว่าจองโต๊ะวีไอพีบนชั้นลอยเอาไว้
‘โอเค เดี๋ยวเจอกัน’
‘เจอกันจ้า ที่รัก’ เสียงใสๆ ของหญิงสาวคนเดิมตอบมาทางด้านหลังอีกครั้ง
ชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวขึ้นบันไดมายืนหน้าทางเข้าหมาดๆ ถึงกับชะงัก หันกลับไปมองพร้อมกับความไม่เข้าใจว่าทำไมจังหวะสนทนาถึงเหมือนเป็นคู่สายกันเองได้ขนาดนี้ แต่หล่อนก็เดินผ่านเขาไปเฉยๆ โดยที่มือยังถือโทรศัพท์แนบใบหูอยู่
‘แกอย่าเพิ่งชิงตกผู้ชายหมดผับนะ เหลือไว้ให้ฉันตกบ้างอะไรบ้าง’
พับผ่า!
รามิลตะลึงนิดๆ ก่อนจะส่ายหัวเพราะความคิดของเด็กสมัยนี้ หน้าตาก็น่าเอ็นดูดี ไหงกลายเป็นแมวป่าล่าสวาทไปเสียได้
มือหนากดวางสายจากเพื่อน มองตามหลังนางแมวป่าที่กำลังก้าวไปในแผนกต้อนรับส่วนหน้า เขาเพิ่งสังเกตว่าผมของหล่อนเป็นสีน้ำตาลอ่อนที่ค่อยๆ ไล่ลงมาเป็นโทนชมพูในช่วงปลาย ยิ่งเจ้าตัวมัดจุกครึ่งหัว...ส่วนที่เป็นสีชมพูจึงปรากฏให้เห็นเด่นหรา นอกจากนี้สาวเจ้ายังสวมเชิ้ตเปิดไหล่สีขาวที่แม้จะไม่รัดรูปนัก ทว่าการผูกชายเสื้อไว้เหนือสะดือก็เผยให้เห็นเอวคอดๆ รับกันกับบั้นท้ายกลมกลึงภายใต้กางเกงยีนขาสั้นที่อาจจะไม่ถึงขั้น ‘เสมอหู’ แต่อีกนิดหนึ่งก็จะเห็นแก้มก้นอยู่แล้ว
ท่าทางจะเฮี้ยวไม่เบา...
รามิลก้าวตามไปยังทางเดียวกัน แต่เมื่อผ่านแผนกต้อนรับเข้ามาในไนต์คลับที่ค่อนข้างคึกคัก เขาก็ก้าวขึ้นบันไดไปยังโต๊ะที่เพื่อนจองไว้โดยไม่ได้สนใจนางแมวป่าอีก ชายหนุ่มไม่ชอบเด็กก๋ากั่นสไตล์นี้ และไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าคืนนั้นเขาจะกลายเป็นเหยื่อที่นางแมวตะปบเสียเอง
ซ้ำร้าย...เขายังไปจบลงบนเตียงกับหล่อน!
แม้จะจบไม่ค่อยสวยสักเท่าไร เพราะเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจเลยเถิดไปไกลขนาดนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางแมวป่าตัวนี้ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
หล่อนมีอะไรที่ชวนให้เขาประหลาดใจหลายอย่าง...
รามิลยิ้มน้อยๆ พลางหยิบต่างหูรูปแมวน้อยนอนกอดเสี้ยวจันทร์บนโต๊ะทำงานขึ้นมา แม้จะเป็นต่างหูแฟชั่นธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีราคาสักเท่าไรนัก แต่เกือบเดือนมานี้เขาเคยพยายามทำตัวเป็นเหยื่อด้วยการเอาไปคืนหล่อนที่ไนต์คลับหลายครั้ง
น่าเสียดาย... เขาไม่เจอนางแมวป่าที่นั่นอีกเลย
ทันใดนั้นเสียงรถยนต์คันหนึ่งแว่วมาจากทางหน้าบ้าน
รามิลหันไปมองนอกหน้าต่าง รถสปอร์ตสีบลอนด์คันหนึ่งกำลังแล่นเข้ามาตามทางในรั้วที่ตัดผ่านสนามหญ้าอันกว้างขวาง และทำให้เขาอดหันไปมองนาฬิกาบนผนังไม่ได้
ปกติวันหยุดแบบนี้ธนนท์มักไม่ค่อยอยู่บ้าน ไม่รู้วันนี้นึกครึ้มอะไรถึงกลับไวนัก...
ชายหนุ่มประหลาดใจนิดๆ แต่ไม่ติดใจนานนัก เขาวางต่างหูในมือลงบนโต๊ะ แล้วหยิบแผนธุรกิจที่พิจารณาค้างอยู่มาดูต่ออีกครั้ง
นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณมิลคะ”
“เชิญครับ” เขาอนุญาตง่ายดาย เพราะจำเสียงได้ว่าเป็นสาวใช้คนสนิทของคุณนายรัดเกล้า
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองประตูห้องที่ถูกเปิดเบาๆ อย่างมีมารยาท ก่อนจะเห็นสาวใช้กำลังก้าวเข้ามาในห้อง ร่างอวบท้วมในวัยเฉียดห้าสิบนั้นอยู่ในชุดเสื้อคอบัวสีขาวกับผ้าถุงสำเร็จสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งเป็นเครื่องแบบสาวใช้ประจำบ้านรติรักษ์
“คุณนายให้มาเชิญคุณมิลไปที่ห้องนั่งเล่นริมน้ำค่ะ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ พี่แป้น” รามิลขมวดคิ้วน้อยๆ ช่วงบ่ายแก่ๆ อย่างนี้ประมุขของรติรักษ์มักชอบจิบชาและอ่านหนังสือเงียบๆ โดยไม่ให้ใครรบกวนมากกว่า
“คุณนนท์พาแฟนมาแนะนำค่ะ”
รามิลแทบไม่อยากเชื่อหู ธนนท์เพิ่งเปรยเรื่องนี้บนโต๊ะอาหารเช้าเมื่อวาน แต่ตอนนั้นเขายังไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายกำลังคบหาดูใจอยู่กับใครจริงๆ เพราะแต่ไหนแต่ไรไม่เคยพูดถึง แล้วจู่ๆ ก็โผล่มาในตอนที่รู้ว่าตัวเองมีว่าที่คู่หมั้นเป็นลูกสาวเจ้าสัวใหญ่แห่งวงการรับเหมาก่อสร้าง
เดาได้ไม่ยากว่าเหตุใดคุณนายรัดเกล้าถึงให้สาวใช้มาตามเขาลงไป เพราะไม่ใช่แค่ประมุขของรติรักษ์เท่านั้นที่ระแคะระคาย...
รามิลเองก็อยากรู้จักผู้หญิงคนนี้เช่นกัน
เบื้องหน้าของณจันทร์คือห้องโถงกว้างของบ้านทรงไทยร่วมสมัยที่ตกแต่งอย่างหรูหรา บนเพดานยกสูงนั้นมีโคมไฟระย้าแบบที่เคยเห็นแค่ในละคร และไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมาเห็นในชีวิตจริง เพราะเกือบหกปีที่คบหากับธนนท์มา ณจันทร์เพียงแค่รับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นทายาทตระกูลดัง แต่ไม่เคยมีโอกาสได้มาบ้านเพื่อนสักครั้ง และไม่เคยจินตนาการด้วยซ้ำว่าบ้านจะงดงามอลังการขนาดนี้
นอกจากโคมไฟที่ออกแบบอย่างประณีตบรรจง ผนังสีขาวที่ตัดกับสีของพื้นไม้และขอบหน้าต่างยังเสริมให้บ้านดูสะอาดสะอ้าน บันไดไม้ขนาดใหญ่ตรงกลางห้องโถงนั้นมีทางแยกขึ้นไปได้ทั้งซ้ายและขวา ให้อารมณ์เหมือนโรงแรมหรูๆ มากกว่าจะเป็นบ้านด้วยซ้ำ อาจเพราะภาพเขียนจากศิลปินชื่อดังต่างๆ ที่แขวนประดับอยู่ตามผนังทางเดินด้วย
ดวงตาที่เปล่งประกายแวววาวของผู้มาเยือนทำให้สาวใช้ที่มาต้อนรับจ้องเป๋ง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตื่นตาตื่นใจขนาดนี้ ทั้งๆ ที่มองจากเสื้อผ้าหน้าผมแล้วดูเหมือนจะเรียบร้อย
ธนนท์เหลือบไปเห็นท่าทีของสาวใช้เข้าก็ตัดสินใจกระแอมเบาๆ เพื่อขัดจังหวะ “พี่หนูแดงครับ รบกวนเตรียมเครื่องดื่มให้ผมกับเกี่ยวก้อยหน่อยนะครับ”
“ได้ค่ะ คุณนนท์” หนูแดงรับคำ แต่ก็มิวายหันไปมองเพื่อนสาวคนสนิทของเขาอีกครั้ง พอณจันทร์หันมาสบตาเข้า สาวใช้จึงยิ้มแห้งๆ แล้วรีบก้าวไปทำตามคำสั่ง
ณจันทร์รอกระทั่งบุคคลที่สามห่างไปจากห้องโถงแล้วถึงค่อยหันไปหาเจ้าของบ้านหนุ่มหล่อ
“แกๆ เปลี่ยนพลอตเป็นเมียกำมะลอตอนนี้ทันไหม เห็นบ้านแกแล้วฉันชักอยากเป็นคุณนาย อยากได้แหวนเพชรวงใหญ่ๆ สักสิบกะรัตในวันแต่งงานอะ” นักเขียนสาวยิ้มระรื่น แต่ไม่ทันได้วาดฝันไปไกลกว่านั้นก็โดนเกย์หนุ่มจิ้มหน้าผากเข้าให้
“หยุดมโนแล้วท่องนะโมค่ะ”
ณจันทร์อ้าปากค้าง คลำหน้าผากป้อยๆ
“ไหนว่าไม่อยากมดลูกตันเพราะมีผัวเป็นเกย์ไง แหม...พอเห็นบ้านฉันเข้าหน่อยนี่พร้อมเอาปูนฉาบมดลูกเชียวนะชะนี” เป็นการค่อนขอดที่ทำเอาณจันทร์ได้แต่หัวเราะแห้งๆ “สำรวมค่ะ สำรวม ตาวาวขนาดนี้ ต่อให้นุ่งขาวห่มขาวเป็นแม่ชี ยังไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นคนดีอะแก”
“แหม...” ณจันทร์ทอดเสียง หมั่นไส้เพื่อนที่พยายามไม่ออกอาการตุ้งติ้งมากนัก ทั้งๆ ที่บริเวณนี้ไม่มีใครสักคน “แกไม่เชื่อมือฉันแล้วจ้างฉันมาเพื่อ?”
“ค่ะ เชื่อว่าเพื่อนแสดงเก่ง แต่หน้าต่างมีหูประตูมีตา จะพูดจะจาอะไรก็หัดสำรวมกิริยาเอาไว้บ้าง” ธนนท์ใช้เสียงผู้ชายในการสนทนากับหล่อน กวาดตามองไปรอบๆ เป็นนัยว่าให้ระมัดระวัง คนเผลอกระโดดลงมาในเรือลำเดียวกันจึงอดขาดความมั่นใจไม่ได้
“จะว่าไป...ฉันต้อง ‘ขนาดนี้’ จริงๆ เหรอแก” ณจันทร์ก้มมองสำรวจเสื้อผ้าบนร่างกายตัวเองที่ไม่เหมือนตัวเองเลยสักนิด เพราะชุดที่ธนนท์ซื้อมาให้ใส่เข้าฉากสำคัญในวันนี้เป็นเสื้อคอบัวสีขาวแขนตุ๊กตากับกระโปรงสีน้ำตาลอ่อนบานคลุมเข่าที่โคตรป้า ยิ่งหันไปเห็นวิกผมยาวมีหน้าม้าสะท้อนรางๆ ในกระจกหน้าต่าง ณจันทร์ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนสตรีปี 2500 หลงยุคมา แล้วไหนจะถูกธนนท์สั่งห้ามทาลิปสติกสีโปรดอย่างสีแดงอีก “คนเรียบร้อยมันไม่จำเป็นต้องปากซีดเหมือนคนป่วยหรือเปล่าอะแก”
“ป่วยบ้าป่วยบออะไร เขาเรียกหน้าสดสะกดใจชายย่ะ”
ณจันทร์ถึงกับอึ้ง ไม่เข้าใจว่าเพื่อนไปเอาความคิดประหลาดๆ นี้มาจากไหน
“ก็พวกนางเอกนิยายไง” ธนนท์แจกแจงราวกับมานั่งอยู่ในใจหล่อนไม่มีผิด “กี่เรื่องๆ ก็เห็นคนเขียนชอบบรรยายว่าสวยแบบธรรมชาติ พระเอกเห็นปุ๊บตกหลุมรักปั๊บ ไม่ว่าคุณเธอจะเป็นสาวใช้ เป็นคนสวน เกิดในสลัม ทำงานหนักตรากตรำขนาดไหนก็ยังสวยค่ะ ไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตา...พระเอกหลงหัวปักหัวปำทุกเรื่อง”
ณจันทร์หัวเราะพรืด ไม่ปฏิเสธว่านิยายหลายๆ เรื่องเป็นอย่างที่เพื่อนยกตัวอย่างจริง แถมยังขายดิบขายดีอีกต่างหาก เพราะขนาดหล่อนไม่ค่อยปลื้มนางเอกสไตล์นั้นยังจิ้มโหลดอีบุ๊กมาอ่านเอาฟินบ่อยๆ ยิ่งถ้าพระเอกหล่อร้าย แบดบอย ขี้เอา...แต่ใจ หล่อนยิ่งมือลั่นง่ายๆ เพราะถือคติที่ว่า ‘ของมันต้องมี’
“นั่นมันนางเอกยุคโบราณ...นางเอกยุคนี้เขาพัฒนาแล้วแก ปากแดงก็เป็นนางเอกได้”
“แต่ละครเรื่องนี้ คนดูคือย่าฉัน จบปะ” เกย์หนุ่มดีดนิ้วเป๊าะตรงหน้า ประหนึ่งจะปลุกเพื่อนตื่นจากความเป็นตัวของตัวเอง “จงนึกถึงวิชาการตลาดที่อาจารย์สำรวยสอนว่าเราต้องมองความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ขาด ท่องไว้ค่ะเพื่อนก้อย แกมาหาผู้ใหญ่ ไม่ได้มาหาผู้ชาย”
“เพื่อนก็ไม่ได้เห็นแก่ผู้ชายเลยสักนิดนะแก ไม่งั้นจะยอมสละความโสดและความซิงของตัวเองมามีผัวเกย์อย่างแกเพื่อ?”
“เงิน”
ณจันทร์อ้าปากค้าง อยากสะบัดบ๊อบใส่คนตรงหน้า แล้วพูดประโยคสวยๆ ตามแบบฉบับนางเอกนิยายเสียจริงๆ ว่า...เงินของแกซื้อฉันไม่ได้ เพราะเงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แต่เวลาเดียวกันก็รู้อยู่เต็มอกว่าหลายอย่างในชีวิตต้องใช้เงิน
โดยเฉพาะหนี้เฮียโป้ง...
ความคิดสุดท้ายที่ฉายชัดในสมองทำให้หญิงสาวเลือกจะเม้มปากน้อยๆ ต่อให้ชุดจะป้าและหน้าจะป่วยแค่ไหนก็ช่าง เพื่อเงินแล้ว...หล่อนจะยอมเป็นกุลสตรีศรีสยามสักวันก็ได้
“จริงๆ แล้วแกก็เห็นแก่เพื่อนด้วย” ธนนท์มิวายยิ้มประจบเมื่อเห็นหน้าตูมๆ ของเพื่อนสาว แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อจู่ๆ ณจันทร์เบิกตากว้าง ยกมือขึ้นประนมพร้อมกับที่ร่างกายสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเหมือนโดนผีเข้า “พะ...เพื่อนก้อย เป็นอะไรอะแก”
“วิญญาณนางเอกเข้าสิง”
ธนนท์ถึงกับอึ้ง ก่อนจะหัวเราะพรืดเพราะความเล่นใหญ่เล่นโตของเพื่อน ดวงตาที่มีประกายขบขันนั้นมองภาพหญิงสาวหยุดชักกระตุกพลางลดระดับมือลงมากุมตรงหน้าอย่างสำรวม
“คุณย่าของนนท์น่าจะรอนานแล้ว เราเข้าไปหาท่านเลยดีกว่าไหมคะ” ณจันทร์ฉีกยิ้มหวานประหนึ่งกุลสตรีมาเอง “ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานๆ ก้อยว่าจะไม่เหมาะ”
“เริด!” เกย์หนุ่มดีดนิ้วเป๊าะ ไม่รอช้าที่จะพาแฟนกำมะลอของเขาตามไปทางซ้ายมือของห้องโถง
หญิงสาวยังอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น เพราะทางเดินในบริเวณนี้มีหน้าต่างเรียงต่อกันหลายบานจนมองเห็นสวนอันกว้างใหญ่ภายนอก กระทั่งมาถึงห้องนั่งเล่นบริเวณสุดปลายทางด้านหลัง ประตูห้องแบบเปิดโล่งนั้นก็ทำให้ณจันทร์เห็น
หญิงสูงวัยนั่งอยู่บนโซฟายุโรปคลาสสิก และกำลังสนทนาอะไรบางอย่างกับสาวใช้วัยเฉียดห้าสิบ ซึ่งสวมเครื่องแต่งกายแบบเดียวกับหนูแดงและนั่งพับเพียบอยู่บนพื้น
แม้ห้องจะไม่กว้างขวางนัก แต่เฟอร์นิเจอร์สีสว่างและระเบียงโล่งๆ ที่มองเห็นทัศนียภาพแม่น้ำก็ช่วยให้ห้องนั่งเล่นแห่งนี้ดูโปร่งสบาย
ทว่า...พอหญิงสูงวัยหันมาเท่านั้น ความสบายก็พลันจางหาย
สีหน้านิ่งๆ ของประมุขแห่งรติรักษ์ทำให้ณจันทร์อดเกร็งนิดๆ ไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามสำรวมกิริยายามก้าวตามธนนท์ไปทางมุมนั่งเล่นด้านใน
“คุณย่า” เกย์หนุ่มแอ๊บแมนยิ้มทักทายเล็กน้อย
“ตานนท์ กลับมาแล้วหรือ” รัดเกล้ารับไหว้คนเป็นหลาน ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวที่ตามหลังเขามาติดๆ อย่างพิจารณา เพราะตั้งแต่สาวใช้วิ่งมารายงานว่าธนนท์พาผู้หญิงมาบ้าน หล่อนก็เดาได้เลาๆ ว่าน่าจะเป็นคนรักที่เขาเพิ่งเปรยให้ฟังเมื่อวาน
“นี่เกี่ยวก้อยครับคุณย่า คนรักที่ผมเล่าให้ฟัง” เกย์หนุ่มไม่รอช้าที่จะแนะนำคนรักอย่างเป็นทางการ ทั้งยังแอ๊บแมนได้เนียนมากๆ จนณจันทร์ถึงกับอึ้ง เพราะไม่เคยได้เห็นธนนท์ในบทบาทหลานชายหัวแก้วหัวแหวนมาก่อน “เกี่ยวก้อย คนนี้คุณย่าของนนท์เอง”
แม้จะยังเกร็งๆ กับสายตาที่ประมุขของบ้านมองหล่อนตั้งแต่หัวจดเท้า แต่แววตาคู่นั้นก็ไม่ชวนให้รู้สึกถึงความดูหมิ่นเหมือนในละครหลายๆ เรื่อง เพราะดูเหมือนแค่มองสำรวจการแต่งกายตามประสาผู้ใหญ่เจ้าระเบียบมากกว่า
ณจันทร์ยิ้มน้อยๆ พลางยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณย่า”
“ไหว้พระเถอะจ้ะ” หญิงสูงวัยรับไหว้ น้ำเสียงราบเรียบเช่นเดียวกับสีหน้า ก่อนจะพยักพเยิดไปยังที่นั่งทางฝั่งซ้ายมือ ซึ่งเป็นเก้าอี้ทรงยุโรปแบบเข้าชุดกัน “นั่งก่อนสิ”
ณจันทร์ยิ้มรับในเชิงขอบคุณ เป็นเวลาเดียวกับที่ธนนท์หันมาพยักหน้าชวน ร่างบางในชุดเสื้อคอบัวกับกระโปรงยาวคลุมเข่าจึงก้าวตามไปนั่งลงข้างๆ เกย์หนุ่ม
“ได้ยินตานนท์เล่าคร่าวๆ ว่าเธอเรียนอยู่คณะเดียวกันหรือ”
“ค่ะ” หญิงสาวเห็นว่าผู้ใหญ่ไม่ได้ตั้งแง่รังเกียจจึงเริ่มผ่อนคลายลง ทั้งยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าเกย์หนุ่มที่กำลังเก๊กแมน แล้วนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกันตอนปฐมนิเทศในคณะ
ธนนท์เดินมานั่งลงบนเก้าอี้ว่างข้างกายหล่อน กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของผู้ชายลอยมากระทบจมูกจนชวนให้ต้องหันไปมอง
วินาทีนั้น...ณจันทร์ในวัยเฟรชชี่แอบเคลิ้มไปกับเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขาที่หล่อเข้มเหมือนพระเอกละครตบจูบ ยิ่งเพื่อนร่วมคณะหนุ่มหันมาประสานสายตา หัวใจดวงน้อยๆ ก็สั่นไหวจนเกือบส่งยิ้มหวานไปให้ตามประสาคนมนุษยสัมพันธ์ดี หากว่าอีกฝ่ายจะไม่ยกขาขึ้นมาเบาๆ เพื่อนั่งไขว่ห้างเสียก่อน
ยิ้มอ่อนๆ ที่เพื่อนร่วมคณะสุดหล่อส่งมาให้ในเวลานั้นราวกับจะบอกเป็นนัยว่า...อย่าอ่อยนะนังชะนี ฉันไม่นิยมกินสปีชีส์เดียวกัน!
นั่นเป็นความทรงจำแรกพบที่ประทับอยู่ในใจณจันทร์แบบไม่รู้ลืม
“เรานั่งข้างกันตั้งแต่วันปฐมนิเทศเลยค่ะ นนท์เป็นเพื่อนคนแรกในเอกที่ก้อยรู้จัก เพราะก้อยมาจากต่างจังหวัด ไม่รู้จักใครมาก่อนเลย ตอนปีหนึ่งพักอยู่หอในก็ได้รูมเมตเป็นเพื่อนคณะอื่น เราสองคนก็เลยสนิทกันมาเรื่อยๆ”
ในฐานะเพื่อนสาว...ได้แต่เก็บคำขยายความไว้ในใจ เพราะไม่ลืมว่าตอนนี้รับบทแฟนกำมะลอของเกย์หนุ่มอยู่
“มาจากต่างจังหวัด เป็นคนที่ไหนล่ะ”
“เชียงใหม่ค่ะ”
“งั้นหรือ” หญิงสูงวัยเลิกคิ้วเหมือนคาดไม่ถึง “ฉันก็เป็นคนเชียงใหม่เหมือนกัน ว่าแต่...ลูกเต้าเหล่าใครกันล่ะ เผื่อว่าฉันจะรู้จัก”
“พ่อของก้อยมีสวนลำไยที่แม่ริมค่ะ ชื่อสวนพ่อเลี้ยงอาทิตย์” ณจันทร์ตอบตามตรง แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักแน่ๆ
แม้จะเป็นสวนขนาดใหญ่และส่งออกลำไยอบแห้งไปต่างประเทศ แต่เมื่อเทียบกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าของตระกูลรติรักษ์แล้ว ธุรกิจเล็กๆ ของครอบครัวหล่อนคงเทียบไม่ติดฝุ่น
“พ่อเลี้ยงอาทิตย์...ชื่อคุ้นๆ นะ” รัดเกล้าพยายามนึกอยู่ครู่สั้นๆ เสียงฝีเท้าคนที่กำลังก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็ดึงความสนใจจากประมุขของบ้านไปเสียก่อน “อ้าว! ตามิล มาแล้วหรือ”
ณจันทร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่คิดว่าจู่ๆ จะมีคนมาร่วมวงสนทนาด้วย แต่ครั้นจะหันไปมองบ้าง เก้าอี้ตัวที่หล่อนนั่งอยู่ตอนนี้ก็หันหลังให้ทางประตูห้อง หากเอี้ยวตัวมากไปประเดี๋ยวจะไม่สำรวม ท้ายที่สุดกุลสตรีภาคบังคับจึงเลือกนั่งรออย่างสงบ
“มารู้จักแฟนตานนท์เขาสิ”
“ครับ”
เสียงนุ่มๆ ของชายหนุ่มที่ตอบรับมานั้นค่อนข้างคุ้นหูณจันทร์อย่างประหลาด พอเขาเดินตรงไปยังเก้าอี้ตรงข้าม หล่อนจึงอดไม่ได้ที่จะมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น กระทั่งคนมาใหม่ค่อยๆ นั่งลง ใบหน้าหล่อๆ ที่หันมาประสานสายตาก็ทำเอาณจันทร์ถึงกับตัวชาวาบ
ดวงตากลมโตกะพริบปริบอย่างไม่อยากเชื่อ ภาพความทรงจำในไนต์คลับเมื่อราวๆ หนึ่งเดือนก่อนวนกลับมาในสมองทันที
“ตามิล นี่เกี่ยวก้อย แฟนตานนท์เขา” คุณนายรัดเกล้าแนะนำในฐานะผู้ใหญ่ และสีหน้าแววตาที่ดูจะผิดคาดของชายหนุ่มก็ทำให้คนมีชนักติดหลังเริ่มหวาดหวั่นพรั่นใจ
“คนนี้เหรอครับ”
ณจันทร์กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ยังไม่ลืมว่าคืนนั้นตัวเองก่อเรื่องวุ่นวายอะไรเอาไว้ ซ้ำยังไปจบทุกอย่างลงบนเตียงของเขา!
แล้วกันสิ...ทำไมจู่ๆ เขาถึงมาปรากฏตัวในบ้านรติรักษ์ได้
“เกี่ยวก้อยครับ นี่ลุงมิล...ที่นนท์เคยคุยให้ฟังว่าเป็นประธานบริษัทเรียลเอสเตตไง”
ลุง?
ณจันทร์หันขวับไปมองธนนท์อย่างอึ้งๆ พอจะรู้ว่าคุณนายรัดเกล้ามีลูกชายสองคน หนึ่งคือพ่อแท้ๆ ของธนนท์ที่เสียชีวิตไปนานหลายปี และอีกหนึ่งคือพี่ชายของพ่อ
อื้อหือ...ใครจะไปคิดเล่าว่าพี่ชายของพ่อจะหล่อแซ่บเหมือนหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ เพียงนี้ แต่ไม่ว่าจะหล่อแซ่บขนาดไหน นาทีนี้คงไม่มีอะไรแซ่บไปกว่า ‘เรื่องคืนนั้น’ ของหล่อนกับลุงอีก
ลุง...ที่หล่อนเรียกว่าผัว!
แม้จะนานมาแล้ว แต่แววตานิ่งๆ ยากจะคาดเดาอารมณ์ของอดีตผัวในค่ำคืนหรรษากลับทำให้คนมีชนักติดหลังเริ่มร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะเป็นไข้
ณจันทร์ค่อยๆ กระพุ่มมือไหว้พลางก้มหน้าหลบสายตาชายหนุ่ม ไม่แน่ใจว่าเขายังจำหล่อนได้ไหม เพราะต่างฝ่ายต่างก็เมาๆ มึนๆ ด้วยกัน อีกทั้งคืนนั้นหล่อนยังแต่งหน้าแน่น แต่งตาแบบแคตอายส์ ปากแดงแรงฤทธิ์ และมัดจุกครึ่งหัวอวดไฮไลต์ผมสีชมพูกลางหลัง
“สวัสดีค่ะลุงมิล”
ว่ากันว่า...ผู้หญิงแก้ผ้ายังไม่ลุ้นเท่าผู้หญิงหน้าสด!
หวังเพียงว่าขอบตาดำๆ จากการปั่นนิยายดึกจนเป็นแพนด้า และหน้าจืดๆ ปากซีดๆ ของหล่อนในวันนี้คงช่วยสลัดภาพของ ‘นางแมวป่า’ ที่เขาตั้งฉายาให้ในค่ำคืนนั้นได้
ความคิดเห็น |
---|