8

ตอนที่ 8


 

เพราะต้องเสียเวลาหาเบอร์โทรศัพท์ของยายไร้คิ้วนั่น ดังนั้นกว่าดามพ์จะใช้โทรศัพท์ในห้องทำงานโทร. กลับไปอีกทีจึงกินเวลาไปห้านาทีแล้ว

ห้านาทีที่เสียไปทำให้ใจเขาเย็นมากขึ้น ดังนั้นเสียงตวาดจึงเปลี่ยนไปเป็นเสียงดุแทน

“ห้ามวางสายนะ ฉันมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับไอ้หนึ่งต้องพูดกับเธอ”

ปลายสายไม่วางตามคำสั่ง แต่เขาต้องรอหลายวินาทีทีเดียวกว่าชื่นจิตจะตอบกลับมาว่า “เรื่องอะไรคะ และกรุณาอย่าใช้คำว่าไอ้เติมหน้าชื่อลูกค่ะ”

“ทำไมฉันจะเรียกมันว่าไอ้ไม่ได้ ถ้าเธอรู้ว่าไอ้หนึ่งมันไปก่อเรื่องอะไรไว้ เธอก็ต้องขึ้นเหมือนฉันนี่แหละ”

เสียงถอนหายใจดังเข้ามากระทบหูดามพ์ เขารู้ เธอคงตั้งใจบอกเขาด้วยเสียงถอนหายใจว่าเธอไม่เห็นด้วยกับเขา

อารมณ์ปรี๊ดของคนใจร้อนพุ่งขึ้นสูง ดามพ์รีบโพล่งเรื่องเลวร้ายที่อาทิตย์ไปก่อเอาไว้ออกมาทันที “ไอ้หนึ่งมันไปทำผู้หญิงท้อง ตอนนี้พ่อแม่ของผู้หญิงเขาตามมาเอาเรื่องถึงที่บ้าน เป็นไง น้องหนึ่งที่น่ารักของเธอมันยังน่ารักอยู่ไหม”

ชื่นจิตยอมรับว่าหลังจากได้ยินเรื่องร้ายที่ดามพ์เอ่ยออกมา เธอก็อึ้งไปเหมือนกัน ทว่า...เวลาเรารักใคร เราย่อมอยู่ข้างคนคนนั้นไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงตอบกลับไปอย่างมั่นใจว่า “ยังน่ารักอยู่ค่ะ”

ดามพ์หัวเราะเสียงหยัน “อ้อ เธอคงคิดว่าดีสินะ ถ้าไอ้หนึ่งมันมีลูก เธอก็จะได้เลี้ยงลูกมันต่อ แต่สำหรับฉันน่ะ ทำใจไม่ได้แบบเธอหรอกนะ เธอไม่มาเห็นพ่อแม่ของยายเด็กใจแตกนั่น มันกระเหี้ยนกระหือรือจะเอาเรื่องให้ได้ มันคงคิดจะรีดเงินจากฉันนั่นแหละ”

“เดี๋ยวนะคะ อย่าเพิ่งไปตกลงอะไร รอฉันกับน้องหนึ่งก่อน ตอนนี้น้องหนึ่งยังอยู่ในห้องเรียน เรียนพิเศษเสริมเพราะหยุดไปหลายวัน อีกสัก...สองชั่วโมงถึงจะเสร็จ”

“เธอคิดว่าไอ้ปลิงที่รอจะดูดเลือดฉันอยู่นี่จะรอจนถึงสองชั่วโมงเหรอ”

“เขาไม่มีทางเลือกนี่คะ เขาเป็นผู้เสียหาย ถ้าคุณบอกให้รอเขาก็ต้องรอ”

“แต่ฉันไม่อยากเห็นหน้าพวกมัน ไม่อยากให้พวกมันเข้ามาในบ้านฉันเสียด้วยซ้ำ” ดามพ์ตวาดลั่นแล้วกวาดปฏิทินตั้งโต๊ะกับแท่นวางปากกาที่เกะกะอยู่ตรงหน้าลงจากโต๊ะทำงานเขา

เสียงคล้ายอะไรบางอย่างตกแว่วเข้ามาในสายทำให้ชื่นจิตขมวดคิ้ว ไม่ต้องเห็นหน้ากันเธอก็รู้ว่าตอนนี้ดามพ์คงอารมณ์ขึ้นถึงขีดสุดแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ว่าเขาไม่ได้หรอกนะ ถ้าเธอมีลูกแล้วรู้ว่าลูกไปทำผู้หญิงท้องในวัยเรียน เธอก็คงแย่เหมือนกัน แต่แย่คนละแบบกับดามพ์

ผู้ชายคนนั้นคิดเพียงว่าเขาต้องยุ่ง ต้องเดือดร้อนเพราะลูก กลับกันหากเรื่องนี้เกิดกับลูกของเธอ เธอคงร้อนใจ เสียใจ กังวลใจเนื่องจากห่วงอนาคตของลูก

ผู้ชายคนนั้นเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตัวเอง ไม่รักใครนอกจากตัวเอง

“กรุณาระงับอารมณ์ด้วยค่ะ บอกให้พวกเขารอก่อน ฉันจะรีบพาน้องหนึ่งไปคุยกันให้รู้เรื่อง บางทีเรื่องอาจจะไม่แย่อย่างที่คุณคิดก็ได้นะคะ”

“ฉันเป็นคนมองโลกในแง่ของความเป็นจริง ไม่ได้มองโลกผ่านแว่นสีชมพูแบบเธอ ขอโทษ ฉันคงทำตามที่เธอบอกไม่ได้ ตอนนี้ฉันตามทนายมาแล้ว จะพยายามควบคุมความเสียหายให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ไอ้หนึ่ง...คราวนี้มันทำแสบ ฉันจะเอามันเข้าโรงเรียนดัดสันดานให้ได้ มันจะได้ไม่ทำเรื่องชั่วให้ฉันต้องปวดหัวอีก”

ชื่นจิตขมวดคิ้วเมื่อรับรู้ว่าผู้เป็นพ่อดูเหมือนจะตัดสินความไปแล้วทั้งที่ยังไม่ได้ฟังเรื่องจากทางฝั่งลูกเลย “เดี๋ยวนะคะ...เดี๋ยว ดูเหมือนคุณจะตัดสินไปแล้วว่าน้องหนึ่งทำผิดจริง คุณไม่คิดสักนิดเลยหรือคะว่านี่อาจไม่ใช่เรื่องจริง อาจเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกันก็ได้”

ถ้อยคำที่ชื่นจิตสะกิดเตือนทำให้ดามพ์ฉุกคิดขึ้นมานิดหน่อย จึงถามกลับไปว่า “เธอคิดว่าไอ้หนึ่งมันไม่ได้ทำเหรอ”

“ฉันไม่รู้ แต่ก่อนที่ฉันจะได้ฟังเรื่องจากปากน้องหนึ่ง ฉันจะไม่เชื่อในสิ่งที่ใครก็ไม่รู้มาพูดในเรื่องที่เลวร้ายเกี่ยวกับคนที่ฉันรัก”

ดามพ์หลับตา กัดกรามแน่น เขาอยากจะเชื่อมั่นในตัวลูกชายได้มากเท่าเธอเหลือเกิน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ตอนนี้เขาคงไม่ต้องปวดหัวจนหัวจะระเบิดแบบนี้

“เธอจะพาหนึ่งกลับมาได้เมื่อไหร่”

เมื่อเสียงของดามพ์ไม่ตวาดเช่นเดิม อีกทั้งยังไม่มีคำว่าไอ้นำหน้าชื่ออาทิตย์ ชื่นจิตก็พอรู้ว่าเขาเย็นลงบ้างแล้ว

“เห็นน้องหนึ่งว่าน่าจะเลิกเรียนตอนหกโมงเย็นค่ะ กว่าจะกลับถึงบ้านก็คงทุ่ม...ทุ่มครึ่ง ฉันจะรีบไปให้เร็วที่สุด ยังไงฉันว่าคุณไปพูดกับพ่อแม่ผู้เสียหายก่อนดีกว่า นัดวันมาคุยกันใหม่ดีไหมคะ เป็นพรุ่งนี้เช้าก็ได้ รอให้ทุกฝ่ายพร้อม ทุกฝ่ายเย็นลงก่อน ฉันว่าแบบนี้น่าจะดีที่สุด เราก็ไม่เสียเปรียบด้วยถ้ามีเวลาคิด มีเวลาไตร่ตรองให้รอบคอบ”

“เธอคิดว่าทางนั้นจะยอมตกลงเหรอ บอกแล้วว่าดูกระเหี้ยนกระหือรือเหลือเกิน”

“ถ้าไม่ตกลงก็ยื้อเวลาให้รอพวกเรากลับไปก่อนค่ะ ฉันจะพูดกับพวกนั้นเอง”

ดามพ์ถอนหายใจก่อนพึมพำ “ฉันจะพยายาม”

 

หกโมงห้านาที อาทิตย์เดินแกมวิ่งลงมาจากตึกเรียน เขาส่งยิ้มให้ชื่นจิตที่นั่งรอเขาอยู่บนม้านั่งหินอ่อนด้านล่าง แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อรอยยิ้มของพี่เลี้ยงที่ส่งมาให้นั้นดูจืดเจื่อนเสียเหลือเกิน

รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเด็กหนุ่ม หัวคิ้วเขาขมวดเล็กน้อยเมื่อเดินมาหยุดตรงหน้าผู้ที่รอเขาอยู่

“น้าชื่นเบื่อเหรอ หนึ่งก็บอกแล้วว่าไม่ต้องรอ หนึ่งกลับบ้านเองได้”

“น้าไม่ได้เบื่อหรอกจ้ะ เพียงแต่...มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”

“เรื่องอะไรเหรอ”

ชื่นจิตไม่ตอบทันที เธอลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มเดินออกจากตึกเรียน ตรงไปตามทางซึ่งลาดด้วยปูน มุ่งสู่ลานจอดรถสำหรับผู้ปกครองที่อยู่ห่างจากตึกเรียนนี้ค่อนข้างไกล

“น้องหนึ่ง...มีแฟนรึยังจ๊ะ”

เด็กหนุ่มหันมองพี่เลี้ยงซึ่งเดินอยู่ข้างๆ ด้วยไม่เข้าใจว่าจู่ๆ ชื่นจิตถามเรื่องนี้กับเขาทำไม “ไม่มีหรอก”

“จริงเหรอ น้องหนึ่งอยู่ในวัยที่น่าจะสนใจเพศตรงข้ามได้แล้วนะน้าว่า”

“ทำไมจู่ๆ น้าชื่นถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเนี่ย แปลก”

ชื่นจิตคิดระหว่างที่ยังไม่หยุดเดิน เธอเชื่อใจคนของเธอ คนซึ่งเธอเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเด็ก อาทิตย์อาจเป็นเด็กดื้อ พยศ แต่ไม่ใช่เด็กขี้โกหก โดยเฉพาะการโกหกเธอ เขาไม่เคยทำสักครั้ง

หญิงสาวตัดสินใจจับข้อมืออาทิตย์เอาไว้แล้วหยุดเดิน ทำให้เด็กหนุ่มหยุดตามพร้อมหันมามองอย่างประหลาดใจ เธอรับรู้ได้ว่าอาทิตย์เริ่มสงสัยและไม่สบายใจแล้ว สายตาเขามันบอก

“วันนี้มีคนไปหาพ่อน้องหนึ่ง เขาบอกว่า...หนึ่งไปทำลูกสาวเขาท้อง”

ดวงตาอาทิตย์โตเท่าไข่ห่านอยู่หลายวินาที ก่อนเขาจะตะโกนออกมาว่า “ไม่จริง! หนึ่งไม่เคย...” เพราะความที่ไม่ชอบโกหก อาทิตย์จึงงับพูดคำว่า ‘ไม่เคยมีอะไรกับใคร’ ได้ทัน

เห็นแบบนั้นชื่นจิตก็ร้อนใจ เขย่าแขนเด็กหนุ่ม “ไม่เคยอะไร ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีเซ็กซ์กับใครใช่ไหม เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นความเข้าใจผิดใช่รึเปล่า”

อาทิตย์อายจนทำหน้าไม่ถูก เรื่องแบบนี้...เขาไม่เคยคิดว่าจะต้องมาพูดเรื่องส่วนตัวมากๆ เช่นนี้ให้ชื่นจิตฟัง เด็กหนุ่มพยายามดึงมือออก แต่ชื่นจิตกำข้อมือเขาเอาไว้แน่น บอกให้เขารู้ว่าหากยังซักเขาไม่ขาว เธอคงไม่มีวันปล่อยเขาไป

โชคดีที่ตอนนี้โพล้เพล้แล้ว พระอาทิตย์กำลังจะตกดินก่อให้เกิดแสงสีส้มอมเหลืองสาดเข้ามาต้องใบหน้าเด็กหนุ่ม อาทิตย์จึงค่อนข้างมั่นใจว่าชื่นจิตคงไม่เห็นว่าเขากำลังหน้าแดง...เสียเชิงชายชะมัด

“บอกน้ามาน้องหนึ่ง นี่มันเรื่องซีเรียสนะ”

อาทิตย์เดาะลิ้น เมินมองไปทางอื่นแก้ขวย ก่อนตอบราวกับเสียไม่ได้ “หนึ่งไม่เคยมีแฟนจริงๆ แต่...เรื่องแบบนั้นก็...เคยๆ มาบ้าง”

‘อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกแขก อกต้องแตกตายแน่คุณแม่ขา’ ชื่นจิตอุทานในใจแล้วยกมือขึ้นทาบอก เธอมองเด็กที่เลี้ยงมาตั้งแต่ส่วนนั้นของเขายังเท่าหนอนน้อย ไม่คิดเลย...ไม่คิดเลยว่าวันนี้ต้องมารับรู้ว่าหนอนน้อยที่เธอเคยดูอย่างเอ็นดูจะเติบใหญ่จนสร้างคนสร้างชาติได้

“น้องหนึ่งเพิ่งสิบหก นี่ไปมีอะไรกับใครมาตั้งแต่ตอนไหน แล้ว...แล้วเรื่องทำผู้หญิงท้องนี่มันใช่รึเปล่าฮะหนึ่ง”

อาทิตย์ส่ายหน้าทันที “เรื่องทำท้องนี่ไม่ใช่แน่นอน มั่วแล้ว หนึ่งรู้หรอกว่าหากจะสนุกต้องป้องกันตัวเองยังไง หนึ่งไม่เคยลืม ไม่เคยพลาด”

“ไม่เคยลืม ไม่เคยพลาด...แปลว่าทำมาหลายครั้งแล้วสินะ”

ใบหน้าเด็กหนุ่มแดงแปร๊ด ได้แต่แสร้งถอนหายใจแล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนพยักหน้า

ท่าทางยอมรับของเขาแบบนั้นทำชื่นจิตเจ็บหน้าอกปลาบ เธอปล่อยแขนที่จับเอาไว้แล้วมองเด็กที่เลี้ยงมาด้วยแววตาแปลกๆ

น้องหนึ่งของเธอโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร

พอเห็นพี่เลี้ยงของตนทำท่าแปลกๆ อาทิตย์ก็ไม่สบายใจ เขารีบแก้ตัว “มันเป็นเรื่องธรรมดานะน้าชื่น อย่ามองหนึ่งแบบนั้นสิ น้าชื่นทำเหมือนหนึ่งทำอะไรผิด”

เธอต้องใช้สติ ใช้ปัญญา ใช้การระงับอารมณ์อย่างมากเพื่อจะไม่ตัดสินอาทิตย์ด้วยทัศนคติของผู้หญิงหัวโบราณ ชื่นจิตรู้ว่าโลกของเธอกับโลกของเด็กสมัยนี้แตกต่างกัน คิดไม่เหมือนกัน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากจนเธอตามไม่ทันอยู่บ้าง กระนั้นหากต้องการเข้าใจวัยรุ่นก็ต้องก้าวให้ทันความคิดวัยรุ่น

หากเธอตัดสินว่าอาทิตย์ผิดเพราะเริ่มมีประสบการณ์ทางเพศตั้งแต่อายุยังน้อย ต่อไปเขาคงไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับเธออีก นั่นแหละเป็นความผิดพลาดอย่างแท้จริง

“แต่หนึ่งก็ทำไม่ถูกนัก หนึ่งรู้ใช่ไหม”

“หนึ่งป้องกันทุกครั้ง” เด็กหนุ่มยังเถียง ซึ่งการเถียงคราวนี้ทำให้ชื่นจิตเป็นฝ่ายหน้าแดงขึ้นบ้างแล้ว

โอ๊ย...นี่ถ้าเธอเป็นแม่เขาจริงๆ มีประสบการณ์ มีคุณวุฒิพร้อมจะสอนเขาได้คงดีกว่านี้ แต่นี่...ตอนนี้กลายเป็นว่าเด็กที่เธอเลี้ยงมาดันมีประสบการณ์ในเรื่องหนึ่งมากกว่าเธอไปแล้ว ทำให้ชื่นจิตกระดากจนไม่กล้าสบตาเขา

“ป้องกันมันก็มีพลาดได้ ไม่อย่างนั้นวันนี้คงไม่มีผู้ปกครองเด็กผู้หญิงตามมาเอาเรื่องหนึ่งถึงที่บ้านหรอก”

อาทิตย์เดาะลิ้นอีกเพื่อแสดงความไม่พอใจ “หนึ่งป้องกันทุกครั้งจริงๆ ถ้าพวกนั้นคิดว่าหนึ่งทำลูกเขาท้องก็ให้พิสูจน์มา หนึ่งกล้าตรวจดีเอ็นเอ ว่าแต่...ใครกันที่กล้ามาใส่ร้ายหนึ่ง”

เมื่อถูกถามชื่นจิตก็ถึงกับเอ๋อ นี่เธอลืมถามไปได้อย่างไรว่าเจ้าทุกข์ชื่ออะไร

 

ระหว่างขับรถกลับบ้าน ชื่นจิตพยายามต่อโทรศัพท์หาดามพ์หลายครั้ง ทว่าเขาไม่รับสาย หญิงสาวคิดไปเองว่าเขาอาจปิดเครื่อง อาจวางโทรศัพท์ไว้ที่อื่นขณะที่คุยกับทนายสมประสงค์กระมัง

ดังนั้นหลังจากโทร. ไปสามครั้งแล้วเขาไม่รับสาย หญิงสาวจึงไม่โทร. อีก แต่เร่งขับรถให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเพื่อจะไปถึงบ้านให้เร็วขึ้น

เธอรู้ดี ตอนนี้ดามพ์คงวุ่นวายใจมาก และยิ่งวุ่นวายใจก็จะยิ่งโกรธอาทิตย์มากขึ้น เธออยากรีบพาอาทิตย์ไปคุยกับเขา อธิบายให้เขาเข้าใจว่าอาทิตย์ป้องกันทุกครั้งเมื่อมี...นั่นน่ะนะ

 

หนึ่งชั่วโมงกับอีกเจ็ดนาที ชื่นจิตก็พารถคันเล็กซึ่งเป็นรถจ่ายตลาดของบ้านไปจอดหน้าประตูทางเข้าตึกใหญ่

“จอดรถเอาไว้ตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน เรื่องนี้ด่วนมาก น้าอยากพาน้องหนึ่งไปพบพ่อให้เร็วที่สุด”

อาทิตย์ไม่ว่าอะไร ดูเด็กหนุ่มไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นทำให้ชื่นจิตโล่งใจ

มันต้องไม่ใช่...อนาคตของเด็กที่เธอเลี้ยงมายังต้องไปต่ออีกยาว เขาจะมาถูกทำลายด้วยการมีลูกก่อนวัยอันควรไม่ได้

อาทิตย์กับชื่นจิตเดินตามกันเข้ามาในห้องรับแขกซึ่งมีเพียงดามพ์นั่งอยู่ตามลำพัง ในมือเขาถือแก้วเหล้า ชื่นจิตมองไม่ออกว่าเขาดื่มไปขนาดไหนเพราะดูจากสีหน้าแล้วไม่รู้เลย ทว่าทำไมเขาต้องดื่ม มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ

หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหาดามพ์แล้วถามเสียงรัวเร็ว “เกิดอะไรขึ้นคะ แล้ว...แล้วคนที่มาหาคุณล่ะ”

“ไปแล้ว” ดามพ์ตอบเสียงนิ่ง...นิ่งเกินไป

“ไป...” ชื่นจิตคิดอยู่ไม่กี่วินาทีก็ยิ้มออก “อ้อ คุณจับได้ว่าพวกนั้นมาหลอกใช่ไหมคะ พวกต้มตุ๋นใช่ไหมคะ”

ดวงตาคมตวัดจ้องแม่สาวไร้คิ้วโลกสวย ริมฝีปากบางกลายเป็นรูปสระอิ พร้อมส่งเสียงดัง “ฮึ” ออกมาก่อนพูดว่า “หลอกเหรอ ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน แต่ดูจากหน้าที่การงานของทั้งตัวผัว ตัวเมีย ไม่น่าจะทำอาชีพต้มตุ๋น แถม...” ดามพ์วางแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะซึ่งอยู่ตรงหน้า

โต๊ะ...ที่ชื่นจิตเพิ่งสังเกตว่านอกจากจะมีขวดเหล้าเจียระไนวางอยู่แล้ว ยังมีซองเอกสารสีน้ำตาลวางอยู่เคียงกัน

และที่ดามพ์วางแก้วเหล้าลงก็เพื่อหยิบซองเอกสารขึ้นมา แล้วนำสิ่งที่อยู่ด้านในออกมาปาใส่หน้าชื่นจิตอย่างหยาบคาย

สิ่งที่ดามพ์ปาใส่เธอไม่ได้ทำให้เธอเจ็บ กระนั้นก็ทำให้เธอตกใจพอควร หญิงสาวก้มมองของที่ตกอยู่บนพื้นและพบว่า...มันเป็นรูปภาพกับแผ่นซีดี

ชื่นจิตก้มลงไปหยิบรูปมาดูแล้วก็หน้าร้อนผ่าว เพราะรูปนั้นเป็นรูปของคนที่กำลังมีความสัมพันธ์กัน เธอหันกลับไปมองอาทิตย์ที่เดินเข้ามาหยิบรูปดูเหมือนกัน

สีหน้าของอาทิตย์ค่อนข้างตกใจเมื่อเห็นรูปนั้น เขาเงยหน้ามองชื่นจิตก่อนเป็นคนแรก จากนั้นจึงเหลือบไปมองพ่อที่กำลังจ้องเขาอยู่เช่นเดียวกัน

“แกมีอะไรจะแก้ตัวไหมไอ้หนึ่ง”

แม้น้ำเสียงพ่อจะราบเรียบ แต่อาทิตย์ก็ยังจับความโกรธจัดในน้ำเสียงนิ่งสนิทของพ่อได้ เขาหลุบตามองรูปอีกครั้งก่อนตอบ

“ผมกับแพรวเคยมีอะไรกันจริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพอแพรวท้องแล้วผมต้องเป็นพ่อของเด็กไม่ใช่เหรอ”

“เด็กที่ชื่อแพรวคนนี้อายุเท่าๆ แก ดังนั้นไม่ว่าเขาจะท้องกับแกหรือไม่ได้ท้องกับแกก็หมายความแกไปพรากผู้เยาว์ แค่นี้แกก็เข้าคุกได้แล้ว ไอ้...”

ก่อนที่ดามพ์จะทันได้ผรุสวาทออกมา ชื่นจิตที่ดูสถานการณ์อยู่ก็โผลงไปนั่งข้างเขาพร้อมยื่นมือไปปิดปากที่กำลังจะพูดในสิ่งที่เขาเรียกคืนกลับมาไม่ได้

แน่นอน เมื่อถูกทำเช่นนี้ดามพ์ก็ถลึงตาจ้องชื่นจิต

ถลึงก็ถลึงสิ ถลึงมาก็ถลึงกลับ ชื่นจิตพยายามเตือนเขาด้วยสายตา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่รับรู้เพราะยังฮึดฮัด พยายามดึงมือเธอออกจากปาก จนเธอต้องเตือนเขาด้วยคำพูด

“ก่อนจะพูดอะไรออกมา กรุณาคิดก่อนนะคะ ก่อนพูดเราเป็นนายมัน แต่พอมันหลุดออกมาจากปาก คำพูดจะเป็นนายเรา ฉันไม่อยากให้คุณต้องเสียใจภายหลังเพราะสิ่งที่คุณพูดออกมาตอนที่คุณโกรธ ตอนที่คุณไม่คิด”

ในที่สุดดามพ์ก็กระชากมือชื่นจิตออกจากปากตนเองได้ พอพูดได้เขาก็ตวาดเธอทันที “เธอมันก็เข้าข้างไอ้หนึ่งตะพึดตะพือ เพราะแบบนี้ไงเล่า มันถึงได้ก่อเรื่องใหญ่ขึ้นๆ ทุกวัน ไอ้รักน่ะมันก็ดีอยู่หรอก แต่รักจนหูหนวกตาบอด ทำผิดอะไรก็ช่วยเหลือมันทุกอย่าง แบบนี้เขาเรียกว่ารักแบบพ่อแม่รังแกฉัน รู้จักไหม”

ชื่นจิตพยายามดึงมือตนเองออกจากมือดามพ์เพราะเขาบีบมือเธอแน่น แน่นจนเจ็บ ทว่าถึงเขาจะทำร้ายเธอแบบนั้น เธอไม่ร้องออกมาแม้แต่คำเดียว เธอจ้องเขากลับไปแล้วโต้โดยไม่เกรงกลัว

“ฉันไม่ได้รักน้องหนึ่งแบบไม่ลืมหูลืมตา คุณสิ ควรถามตัวเองว่าอคติแบบไม่ลืมหูลืมตารึเปล่า คุณถามลูกคุณแค่ประโยคเดียวก็ตัดสินความว่าเขาผิดแล้ว”

ดามพ์กระตุกยิ้ม ยิ้มที่ไม่รู้ว่าควรเรียกว่ายิ้มได้หรือไม่ เขาหันไปมองลูกชายที่ยืนจ้องเขานิ่ง “คำพูดจะเหนือกว่าหลักฐานได้ยังไง”

ได้ยินเช่นนี้อาทิตย์ก็กำรูปที่อยู่ในมือจนรูปนั้นกลายเป็นก้อนกลม เด็กหนุ่มยิ้ม ยิ้มแสนขมขื่น ซึ่งพอชื่นจิตมองเห็นก็อยากปราดเข้าไปกอดเด็กหนุ่มเอาไว้ในอ้อมแขนนัก ทว่าตอนนี้เธอยังไปไหนไม่ได้ พ่อแสนงี่เง่าไม่ยอมปล่อยให้เธอไปปลอบลูกเขา

นี่ดามพ์มองไม่เห็นหรืออย่างไรว่าตอนนี้คำพูดของเขาทำร้ายจิตใจลูกมากมายขนาดไหน

“ใช่ ไอ้ลูกเปรตคนนี้มันจะทำเรื่องดีๆ ได้ยังไง ใช่ ผมทำได้แต่เรื่องชั่ว เรื่องที่สร้างความเดือดร้อนให้พ่อ พูดออกมาอีกสิ พูดออกมาว่าพ่ออยากให้คนที่ตายน่ะเป็นผม แล้วคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นสอง สองลูกรักของพ่อ สองที่ไม่เคยทำให้พ่อต้องผิดหวัง”

คำพูดของลูกมันยั่วยุเหลือเกิน ทำผิดแล้วยังไม่รู้จักรับผิด เที่ยวได้เอาคนตายมาเป็นเกราะกำบัง คิดหรือว่าการทำเช่นนี้จะทำให้เขาเห็นใจมัน หายโกรธมัน มันคิดผิดแล้ว

ดามพ์ปล่อยมือชื่นจิตแล้วลุกพรวดขึ้นจากโซฟา เขาย่างสามขุมเข้าหาร่างที่เล็กกว่าตนอย่างคุกคาม มองลูกราวกับมองศัตรู เสียงของเขาต่ำ

แต่อาทิตย์ยังได้ยินชัดทุกคำพูด...คำพูดที่กรีดแทงใจเขาจนแทบทนไม่ได้

“เออ ฉันอยากให้คนที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นสอง เพราะสองไม่เคยทำให้ฉันต้องผิดหวัง ต้องหนักใจเหมือนแก ทำไม ฉันหวังแบบนั้นไม่ได้ใช่ไหม ฉันหวังจะได้ลูกที่แสนดีมาแทนลูกชั่วๆ แบบแกไม่ได้ใช่ไหม โอ๊ย!”

เสียงร้องดังขึ้นเพราะชื่นจิตซึ่งทนฟังไม่ไหวลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าชนดามพ์จนเขากระเด็นไปทางขวามือตนหลายก้าว

“ไปน้องหนึ่ง น้าว่าให้พ่อเขาหายเมาก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่า เมาๆ แบบนี้พูดกันไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก” ชื่นจิตคว้าแขนอาทิตย์แล้วพยายามดึงให้เขาเดินตามเธอมา

ทว่าอาทิตย์ขืนตัวเอาไว้ ไม่ยอมเดิน เขายืนนิ่ง จ้องพ่อของตนราวท้าทาย

พ่อก็ใจร้อน ปากร้าย ลูกก็ขี้น้อยใจ ช่างยั่ว เมื่อมาเผชิญหน้ากันก็มีแต่พังกับพัง ชื่นจิตร้อง “โอ๊ยยย...” ยาวอย่างขัดใจ เธอสะบัดมือที่คว้าแขนอาทิตย์ทิ้ง เท้าสะเอวฉับ หน้างอหงิก มองสองพ่อลูกที่ตอนนี้กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่

“เอาเลย!” เธอตะโกนเสียงดัง “อยากด่ากัน ทะเลาะกัน เตะหรือต่อยกันก็ทำให้พอใจไปเลย เอาสิ ฉันจะไม่ห้ามแล้ว จะฆ่ากันให้ตายไปเลยก็ได้ มันจะได้จบๆ เรื่องไปเสียที”

เออ...คนเรานี่มันก็แปลก เวลาคนห้ามก็คิดอยากจะทำ แต่พอเปลี่ยนเป็นยุให้ทำดันหยุด ไม่ทำเสียนี่

ดามพ์กับอาทิตย์เลิกจ้องตากันแล้วหันมองชื่นจิตที่โวยวายลั่นแทน

“ทำไมฮะ ทำไมพ่อกับลูกถึงได้พูดกันดีๆ โดยไม่ใช้อารมณ์ไม่ได้ มันจะตายรึไงถ้ายอมอ่อนข้อให้กันบ้าง รับฟังกันบ้าง เชื่อใจกันบ้าง มันยากตรงไหนกับไอ้การใช้เหตุผลในการพูดกัน เอาละ...คุณ” ชื่นจิตชี้ไปที่ดามพ์ “ในฐานะที่แก่กว่า น่าจะมีสติปัญญามากกว่า พูดออกมาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

ดามพ์ถูกสั่งอีกแล้ว คำสั่งนั้นทำให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาอยู่ในบ้านนี้ในฐานะเจ้าของบ้าน อยู่นอกบ้านก็เป็นนักธุรกิจชั้นนำที่ใครต่อใครให้ความเคารพ ไม่เคยมีสักครั้งที่จะถูกใครชี้หน้าและสั่งให้ทำแบบนั้นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงเกิดอาการของขึ้น เดินไปปัดมือของชื่นจิตที่ชี้หน้าเขาแล้วขึ้นเสียงใส่เธอ

“อ้อ จะให้ฉันเล่าความเลวของไอ้หนึ่งให้เธอฟังอย่างนั้นเหรอ ได้สิ แคะขี้หูแล้วรอฟังได้เลย”

แคะขี้หูรอฟัง...ทำไมเธอต้องทำเช่นนั้น ในเมื่อเสียงของเขาดังไปสามบ้านแปดบ้าน แบบนี้ต่อให้ไปอยู่ที่บ้านข้างๆ ก็ยังได้ยินเลย

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น