2
ตกกระไดพลอยโจน
ตลอดทั้งวันกระท่อมไม้ไผ่ของพรานบุญคึกคักไปด้วยผู้คน ชาวบ้านทยอยกันมาไม่ขาดสาย ช่วยกันคนละไม้คนละมือกระทั่งที่อยู่ซอมซ่อประดับประดาไปด้วยดอกไม้และคบไฟเหมาะจะเป็นสถานที่ส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ ใครใคร่กินเหล้าก็หาที่ร่มปูเสื่อแล้วตั้งวง ใครใคร่กินข้าวก็หุงหากันควันฉุย ยกครัวมาไว้ตรงลานดินเพื่อความสะดวกในการปรุงและเก็บล้าง
พ่อเฒ่าทองเอี่ยมใจป้ำไม่เบา ทั้งไก่ ทั้งข้าวสาร พริกแห้ง เกลือ หอม กระเทียม หรือแม้แต่เหล้าป่า แกใช้เมียกับลูกขนมาให้บ้านงานเป็นเข่งๆ
กว่าสามหนุ่มจะเข้าถึงตัวสิขเรศก็พลบค่ำ พิธีการต่างๆ ที่สำคัญชายหนุ่มโดนมัดมือชกไปหมดแล้ว ยังเหลือก็แค่ทำหน้าที่ผัวของไอ้บัวอย่างสมบูรณ์ ซึ่งแน่ละ หัวเด็ดตีนขาดนายเสือแห่งไร่พันดาวจะไม่ยอมหลับนอนกับเด็กตัวเท่าเมี่ยง
มันยิ้มแฉ่งหน้าบานเป็นจานเชิง กระตือรือร้นสดชื่น ในขณะที่เขาขุ่นเครียดจนปวดหัว อยากตบบ้องหูหลานรักของพรานบุญสักทีสองที เอาให้หัวทิ่ม โทษฐานกล้าลูบคมเขา จนเขาพลาดพลั้งเสียเหลี่ยมตกกระไดพลอยโจน
“ไม่ต้องกลัวนะ พรุ่งนี้นายต้องได้กลับบ้าน” เจ้าบ่าวหน้าขรึมตบบ่าวิศรุตอย่างหนักแน่น รู้ว่าเพื่อนรุ่นน้องยังเสียขวัญ จิตตกไปต่างๆ นานา
“น้ำผึ้งหยดเดียวแท้ๆ บานปลายใหญ่โตจนเลยเถิด นายจะเอายังไงก็ว่ามา ฉันเอาด้วย ถ้าจะหนีก็ต้องหาทางหนีคืนนี้เลย” สิงหราชขมวดคิ้ว เพื่อนรักไม่สบายใจ ตัวเขาเองก็หมดความสุข
“ไม่หนี ก็อย่างที่นายว่า มันเลยเถิดมาไกลแล้ว”
“พี่เสือจะยอมรับเด็กที่ชื่อบัวเป็นเมียจริงๆ หรือครับ” ต้นนทีก็ใจเสีย ถ้าเจ้าสาวสวยน่ารัก เป็นช้างเผือกซ่อนตัวอยู่ในป่ายังพอทำเนา แต่นี่...ไม่เหมาะสมกันด้วยประการทั้งปวง
“ไม่รับ”
“อ้าว!”
“เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา พี่จำเป็นต้องขายผ้าเอาหน้ารอด ออกจากโป่งชะง่อนให้ได้ก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ค่อยคิด ไอ้บัวมันแสบนัก แก่นแก้วก๋ากั่นเป็นลิงเป็นค่าง แต่ถ้าพ้นจากที่นี่ไปมันก็แค่เด็ก ไม่มีชาวบ้านคอยถือหางมันจะทำอะไรได้ ถึงตอนนั้นจะปราบให้เชื่องเลยเชียว” นึกถึงรสจูบยังขยักขย้อนไม่หาย จูบเดียวทำเขาบ้อท่าเสียรู้ ต้องตกเป็นหลานเขยพรานบุญแบบสายฟ้าแลบ
“ไม่หนีก็ดี นายกับเด็กบัวทำพิธีตามความเชื่อไปแล้ว ถ้าพวกเราหนีไปเด็กบัวจะตกที่นั่งลำบาก จะอยู่ยังไงในสังคมที่เคร่งครัดเรื่องรักนวลสงวนตัว เอามันไปอยู่ไร่พันดาว หางานในไร่ให้ทำหรือส่งเสียให้เรียนหนังสือจะเข้าทีกว่า” สิงหราชออกความเห็น
“ก็ว่าอย่างนั้นแหละ” สิขเรศยกมือกุมขมับ บุพเพอาละวาดคงไม่ใช่ น่าจะเวรกรรมแต่ชาติปางก่อนตามเล่นงานเขาทัน บางครั้งเจ้ากรรมนายเวรก็มาในรูปแบบดรุณีน้อยวัยขบเผาะ
“ถ้านายไม่สะดวกใจ ฉันรับอุปการะเด็กบัวเองก็ได้ พาไปอยู่ไร่เรืองสิงห์ทั้งหลานทั้งปู่ คนแก่กับเด็กจะสิ้นเปลืองก็คงไม่กี่มากน้อย”
“ไม่ชอบเด็กผู้หญิงไม่ใช่รึไง”
“ฮื่อ” นายสิงห์แห่งไร่เรืองสิงห์ส่งเสียงแค่ในลำคอ เด็กผู้หญิงแก่แดดเป็นสาวเกินอายุ ชอบชม้ายชายตาให้ท่าเขาไม่ชอบ แต่เด็กผู้หญิงกตัญญูบุคลิกปราดเปรียวอย่างไอ้บัว
เขารู้สึกถูกชะตา ท่าทางมันฉลาด กิริยากระโดกกระเดกโผงผางนั้นให้คุณนายสร้อยระย้าผู้เป็นย่าขัดเกลาเสียหน่อย ขี้คร้านจะสงบสำรวมจนใครต่อใครพากันทึ่ง
“ขอบใจสิงห์ ไอ้บัวมันเป็นปัญหาของฉัน ฉันไม่ผลักภาระเอาไปให้นายหรอกนะ คืนนี้พวกนายนอนที่ไหนกัน”
“บ้านพ่อเฒ่าทองเอี่ยม”
“แล้วพี่เสือล่ะครับ คืนนี้พี่เสือต้อง...เอ่อ...ต้อง...” วิศรุตยิ้มแหย เหลือบตาไปทางเจ้าสาวที่นั่งขยับตัวหยุกหยิกอยู่กลางวงล้อมของผู้ชรา มันทัดดอกไม้แดงดอกใหญ่เกือบเท่าฝ่ามือเอาไว้เหนือใบหู นอกจากตัวเล็กเด็กบัวยังผอมกะหร่อง ไม่มีน้ำมีนวล หน้าอกยังเล็ก สะโพกยังไม่ค่อยผาย ห่างไกลจากนิยามสวยเซ็กซี่หลายโยชน์
“อย่าห่วงเลยรุต นั่นน่ะเด็ก พี่เป็นคนปกติ ไม่ใช่พวกวิตถาร เห็นเด็กจะได้เกิดอารมณ์ทางเพศ ต่อให้มันแก้ผ้าล่อนจ้อนจากหัวจดเท้าพี่ก็ไม่รู้สึกอะไร”
“โธ่...พี่เสือครับ ผมไม่ได้ห่วงว่าพี่เสือจะกินเด็ก ผมกลัวใจเด็กบัวต่างหาก กลัวมันไล่ตะครุบพี่เสืองาบลงท้อง”
“รุต!” สิงหราชปรามเสียงหนัก จะดีจะร้ายหลานสาวพรานบุญก็เป็นผู้หญิง
“ขอโทษครับพี่สิงห์ ผมสติแตกจนปากเสีย”
หนุ่มอ้วนส่งเสียงอ่อย ไม่แปลกที่คนรักความยุติธรรมจะออกโรงปกป้องคู่กรณีของเพื่อนซี้ เขาเป็นสุภาพบุรุษ ถูกเลี้ยงดูให้รู้จักให้เกียรติเพศตรงข้าม
“พี่เสือครับ พ่อเฒ่าทองเอี่ยมกวักมือเรียกให้ไปทางโน้นครับ ได้เวลาส่งตัวเข้าห้องหอแล้วมังครับ”
ต้นนทีลอบมองเสี้ยวหน้าคมคาย รู้เต็มอกว่าเพื่อนรุ่นพี่อิหลักอิเหลื่อเต็มกลืน แต่อย่างเก่งก็ทำได้แค่เอาใจช่วย เจ้าบ่าวรูปงามปานเทพบุตร เจ้าสาวรูปลักษณ์ดูไม่จืด ผิดฝาผิดตัวกันอย่างแรง คืนนี้คงเป็นคืนที่ยาวนานสำหรับสิขเรศ กว่าจะเช้ามีสิทธิ์ปวดกบาลเพราะเด็กบัวอีกหลายยก
เจ้าของแววตาครุ่นคิดคร้านจะถ่วงเวลา ผู้นำเคราดกบอกให้ทำอะไรเขาก็ทำ ตึงเครียดจนอ่อนเพลีย อยากจะล้มตัวนอนพักแล้วหลับเป็นตายแบบปิดสวิตช์ รวบรวมเรี่ยวแรงเอาไว้ต่อสู้กับวันใหม่ วันที่มีหญ้าอ่อนเป็นห่วงผูกคออันหนักอึ้ง
สิขเรศยอมทำตัวเป็นหุ่นยนต์อยู่เกือบสองชั่วโมง ในที่สุดภายในห้องไม้ไผ่ซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยแค่แมวดิ้นตายก็เหลือเพียงบ่าวสาวอยู่ด้วยกันตามลำพัง
“นายจ๋า” มันเรียกผัวป้ายแดงเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ไปไกลๆ เลยไป ฉันจะนอน”
“ไม่อาบน้ำก่อนหรือนาย”
“อาบตรงไหน”
“เดินไปอาบตรงลำธาร”
“งั้นไม่อาบ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มมองแคร่โรยกลีบดอกไม้แล้วเมิน กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์ดังวางอยู่ในมุมห้อง ระหว่างที่เขายุ่งๆ สิงหราชคงไปเอาจากรถมาให้ ห่วงเพื่อนรักกลัวไม่มีชุดสะอาดเอาไว้ผลัดเปลี่ยน
เด็กสาวหัวเราะคิก ผู้ชายหน้ายักษ์ขึงตาเข้าใส่ ทำท่าว่ากลัวโดนปล้ำ
“นายไม่อาบข้าก็ไม่อาบ ขี้เกียจอาบ”
“ไม่ต้องบอกก็รู้ ขี้ไคลเกาะเป็นคราบดำเมี่ยมขนาดนี้” ก็ได้แค่บ่นพึมพำงึมงำ ในยามหงุดหงิดไอ้บัวยืนเฉยๆ ก็ดูขวางหูขวางตา
เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างขวางจนตาหยี คืนนี้มันไม่ต้องดูแลปรนนิบัติปู่ เพื่อนบ้านใจดีที่สนิทกันรับอาสาทำหน้าที่แทน เห็นผู้ชายรูปงามแสดงอาการหวาดระแวงก็นึกมันเขี้ยว ไอ้บัวไม่ใช่เสือสางนางไม้ มันเป็นผู้หญิง ถ้ายึดประเพณีท้องถิ่นของชุมชนโป่งชะง่อน มันเป็นเมียของนายเสือคนหล่อแล้วด้วย
“นาย” มือเล็กดึงดอกไม้แดงออกจากเรือนผมสังกะตัง เอามาหมุนก้านดอกเล่น
“อะไร” เขาเดินดุ่มๆ ผ่านหน้าเจ้าสาวไปหยิบกระเป๋าเอามาทำหมอน นอนบนพื้นกระท่อมคงปลอดภัยกว่านอนบนแคร่
“ข้าร้อน” มันปาดอกไม้ผลุงลงพื้น จับชายเสื้อพื้นเมืองในลักษณะจะถอด
“อย่า!” ชายหนุ่มร้องห้ามเสียงหลง อากาศกลางคืนไม่ร้อน ออกจะหนาวเย็นด้วยซ้ำ
“ทำไมล่ะนาย ไม่ให้ข้าแก้ผ้า แล้วนายจะเอาข้าทำเมียได้ยังไง”
“โว้ย!” เศรษฐีชาวไร่โวยเสียงแห้ง
เด็กบ้า! เด็กห่าม! เด็กพิลึกกึกกือ! เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น
“อ๋อ รู้แล้ว นายไม่ให้ข้าถอด กะจะถอดให้ข้าเองใช่ไหมล่ะ ทีละชิ้นๆ”
“ไอ้บัว!” สิขเรศขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจับร่างเล็กหักกลางให้ขาดออกเป็นสองท่อน
“จ๋า ผัวจ๋าของไอ้บัว” มันช่างสรรหาถ้อยคำมาเย้าหยอก ทำตาเล็กตาน้อยอินโนเซนต์ ทั้งที่เห็นว่ามีคนโกรธควันแทบจะออกหู
“ขอร้องละ อย่าเรียกผัวจ๋าได้ไหม มันน่าเกลียด”
“อ้าว จะให้เรียกว่าอะไรล่ะ ทูนหัวของไอ้บัวก็แล้วกัน ข้าเคยได้ยินจากวิทยุ”
“ไม่เอา ไม่ชอบ ไม่อยากได้ยิน!”
“ที่รักจ๋า สุดที่รักของไอ้บัว”
“จะนอนแล้ว” เขาตัดบท ยิ่งคุยยิ่งสุมความเครียด
“นายยังนอนไม่ได้”
“ทำไม”
“ยังจะถาม ก่อนเข้านอนผัวเมียเขาต้องทำอะไรกันก่อนเล่า” ฝ่ายหญิงเดินทื่อเข้าหา
ฝ่ายชายถอยกรูดกระทั่งแผ่นหลังชนข้างฝา
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะไอ้บัว ถ้าห้ามแล้วไม่ฟังจะถีบให้กระเด็น”
สาวน้อยยิ้มเผล่ ดวงตาของมันทอประกายอภิรมย์มองเห็นชัด สุกใสสวยกระจ่าง ขนาดสิขเรศกำลังฉุนยังต้องอึ้ง เขาเตือนตัวเองว่าต่อไปอย่าริมองตาหลานสาวพรานบุญอีก มันเหมือนมีมนตร์สะกดให้ใจดวงแกร่งยวบอ่อน เวทมนตร์แห่งป่าดงพงไพรที่เขาไม่เคยเชื่อว่ามี
“กลัวข้าหรือนาย”
“หึ” ตัวเท่ามดง่าม แต่อวดกำแหง ถ้าไม่ถือคติที่ว่าลูกผู้ชายต้องไม่ทำร้ายเด็ก ผู้หญิง สตรีมีครรภ์ และคนชรา เอวบางร่างจ้อยอย่างไอ้บัวเอานิ้วชี้จิ้มๆ ก็เละเป็นโจ๊กคามือแล้ว
“ข้าแค่กระเซ้านายเล่น เมื่อตอนหัวค่ำผู้เฒ่าผู้แก่สอนข้าว่าผัวเมียกันต้องหมั่นหยอกเอินกันจะได้ลูกดก”
เจ้าของสีหน้าอิดหนาระอาใจโคลงศีรษะ นึกภาพเด็กสิบหกตั้งครรภ์เดินท้องโย้แล้วอยากถอนหงอกผู้สูงวัยเหล่านั้น ไอ้บัวยังเด็กนัก ไม่ควรยุยงส่งเสริมให้รีบผลิตทายาท วัยของมันเหมาะสมจะเรียนหนังสือ
“มีลูกคน จนไปเจ็ดปี ไม่เคยได้ยินบ้างหรือไง”
“เคยได้ยิน บ่อยด้วย แต่ข้ามีนายเป็นผัวแล้วนี่ คนอย่างนายคงไม่ปล่อยให้เมียกับลูกอดตาย”
“เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนอย่างฉันเป็นคนแบบไหน เราเพิ่งเจอกัน”
“ข้ารู้ว่านายเป็นคนแบบไหน คนที่เสี่ยงชีวิตช่วยเหลือคนแปลกหน้าในยามคับขันมีไม่กี่คนหรอกนาย ภัยถึงตัวพี่น้องท้องเดียวกันยังทอดทิ้งกันเอาตัวรอด นายเป็นคนดี เพื่อนๆ ของนายก็เป็นคนดี”
“สู่รู้”
“ข้าชอบคนนั้น คนที่ตัวสูงๆ คิ้วเข้มๆ รูปหล่อสูสีกับนาย”
“เธอหมายถึงใคร” สิขเรศหรี่ตา
“นายสิงห์”
“อย่ายุ่งกับเพื่อนฉัน! ห้ามไปเกาะแกะวอแวเป็นอันขาด” เขกกะโหลกให้หัวบวมท่าจะดี เผลอแผล็บแป๊บเดียวไอ้บัวตัวร้ายรู้ยันชื่อเสียงเรียงนามของสิงหราช
“หึง?” นัยน์ตาพร่างพรายเต้นระริก
“จะบ้าเรอะ หน้าอย่างเธอใครจะหึง”
“เมียตัวเองไม่หึง เอ๊ะ! หรือว่านาย...นายหึงนายสิงห์ ชอบไม้ป่าเดียวกันก็ไม่บอก มิน่าเล่า คืนแต่งงานแท้ๆ ไม่ยอมเล่นจ้ำจี้มะเขือเปราะกับข้า”
“ไอ้บัว!” เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มต้องเค้นเสียงลอดไรฟัน อยากหวดก้นสั่งสอนสักสามสี่ป้าบเผื่อจะหายทะเล้น เขาเกิดก่อนตั้งสิบห้าปี ตัวโตกว่า แข็งแรงบึกบึนกว่า มันไว้หน้ายำเกรงเสียที่ไหน กระโดดขี่คอเขาได้มันคงขี่ไปแล้ว
“ฉันกับนายสิงห์ซี้ย่ำปึ้กกันตั้งแต่เธอยังไม่เกิด เขาไม่ชอบคนเจ๊าะแจ๊ะ ต่อยหอยจนน้ำไหลไฟดับก็ไม่ชอบ ไปกวนใจเขามากๆ เขาจะรำคาญ”
“นายสิงห์ไม่รำคาญข้าหรอก นายสิงห์เอ็นดูข้า”
“เฮ้อ...พูดกับเธอพูดเท่าไรก็เปลืองน้ำลาย ฉันนอนละ” เขาเลือกนอนตรงกลางห้อง รีบหันหลังตะแคงข้างให้แคร่ไม้ไผ่
“ขึ้นมานอนบนแคร่สินาย นอนเบียดกันอุ่นดีนะ” เจ้าสาววัยรุ่นสู้อุตส่าห์มีน้ำใจ
สิขเรศเกร็งตัวรอรับสถานการณ์ หายใจไม่ทั่วท้อง กระทั่งแสงสว่างจากตะเกียงดับวูบลง ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวค่อนข้างเบาจากคนตัวเล็ก ไม่นานหลังจากนั้นห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ
โล่งอก...ไอ้บัวมันนอนบนแคร่ ไม่อุตริบุกโรมรันพันตูจะให้ได้เสีย แท้จริงแล้วมันคิดอะไรอยู่ อยากเป็นเมียเขาจริงๆ หรือทดลองกระตุกหนวดเสือเล่นเป็นการบริหารสติปัญญาและไหวพริบ
ความคิดเห็น |
---|