1

ทำคุณบูชาโทษ


1

ทำคุณบูชาโทษ

เส้นเลือดข้างขมับของ สิขเรศ สิงควรรณ เต้นตุบๆ ด้วยความเครียด เขากับผองเพื่อนรวมสี่คนตกอยู่ในวงล้อมของชาวบ้านจำนวนมากที่ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมอะไรเลย ลุกฮือจะรุมกินโต๊ะพวกเขาซึ่งเป็นคนต่างถิ่นให้เลือดตกยางออกกันท่าเดียว อุตส่าห์ขับรถขับเคลื่อนสี่ล้อบุกน้ำลุยโคลนมาจนถึงดินแดนทุรกันดารสุดแสนห่างไกลความเจริญก็เพื่อบริจาคเงินและอุปกรณ์การเรียนให้แก่เด็กๆ ยากไร้ด้อยโอกาส แต่ผลตอบแทนที่ได้รับคือข้อหาอุกฉกรรจ์ประหนึ่งว่าเขาเป็นชายโฉดจิตใจชั่วร้ายต่ำทราม ล่วงละเมิดเด็กสาวพรหมจรรย์ผู้หนึ่งให้ต้องหมองมัวเปื้อนมลทิน

“ฟังกันบ้างสิ ผมอธิบายจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว เมื่อวานที่ลำห้วยผมกับเพื่อนๆ เจอเด็กคนนั้นโดนน้ำป่าซัดไปติดอยู่กับซอกหินก็ช่วยกันใช้เชือกคล้องตัวดึงขึ้นมา เด็กหมดสติ ลมหายใจแผ่วเต็มที ผมจำเป็นต้องเป่าปากเพื่อช่วยปฐมพยาบาล ไม่ได้คิดอกุศล ไม่เคยคิด! ตอนที่ช่วยเข้าใจว่าเป็นเด็กผู้ชายด้วยซ้ำ”

“ข้าเห็นมันจับนมไอ้บัวกับตา ทั้งจับนมทั้งดูดปาก ดูดแล้วดูดอีกไม่รู้กี่จ๊วบต่อกี่จ๊วบ” ไอ้หนุ่มหุ่นผอมแห้งรีบลอยหน้าลอยตาฟ้องพ่อเฒ่าทองเอี่ยมซึ่งเป็นผู้นำชุมชน

“ใช่ๆ ข้าก็เห็น ไม่ได้จับเฉยๆ นะ นวดๆ คลึงๆ อีกแน่ะ”

หญิงหม้ายผมหงอกหมดหัวร่วมผสมโรงด้วยอีกคน เสียงแปดหลอดของนางดังก้องรอบทิศโดยไม่ต้องพึ่งพาโทรโข่งหรือไมโครโฟนเป็นตัวช่วยขยาย

“ปัดโธ่โว้ย!” คนโดนกล่าวหาอยากแจกกำปั้นให้พวกกะลาแลนด์ฟันกรามร่วงกราว ด้อยความรู้แต่จินตนาการแง่ลบบรรเจิดเพริศแพร้วยิ่งนัก ปากสว่างโพนทะนาเป็นตุเป็นตะกระทั่งเขาตกที่นั่งลำบาก

“ใจเย็น อย่าเพิ่งมุทะลุ” สิงหราช สิงหคุณาวัฒน์ ดันแผ่นอกสะท้อนขึ้นสะท้อนลงของเพื่อนรักเอาไว้ป้องกันสถานการณ์ลุกลาม กะด้วยตาคร่าวๆ ชายหญิงหน้าตาถมึงทึงที่กลุ้มรุมพวกเขาอยู่น่าจะเกือบครึ่งร้อย แต่ละคนล้วนเตรียมพร้อมจะกรูเข้าประทุษร้าย บ้างถือไม้ บ้างถือมีด บางคนยืนจังก้ากำด้ามจอบเอาไว้มั่น

“ครูสมบูรณ์ คุณช่วยแก้ต่างให้เพื่อนผมที ไอ้เสือมันทำซีพีอาร์ช่วยเด็กให้รอดชีวิต ไม่เจตนาแต๊ะอั๋งลวนลามอะไรทั้งนั้น ที่เป่าปากกับปั๊มหัวใจก็เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ชาวบ้านกำลังเข้าใจผิด”

“ครับ ได้ครับ”

ยังดีที่ครูอาสาอยู่ในที่เกิดเหตุและเป็นที่รักใคร่ชอบพอของราษฎรบ้านโป่งชะง่อน ได้คนกลางที่มีคุณวุฒิช่วยสื่อสารเจรจาสี่หนุ่มค่อยรู้สึกใจชื้น ถ้ารู้ล่วงหน้าว่าการช่วยเหลือเด็กเพิ่งโตคนหนึ่งขึ้นจากน้ำจะนำพาปัญหาและความยุ่งยากมาให้ พวกเขาคงเผ่นแน่บกลับภูมิลำเนาตั้งแต่เมื่อวานตอนค่ำ แต่เพราะบริสุทธิ์ใจคิดดีทำดี หลังบริจาคสิ่งของเสร็จยังปักหลักกางเต็นท์นอนหน้าเสาธงโรงเรียน ตั้งแคมป์รอบกองไฟสัมผัสบรรยากาศแถบชนบทติดชายป่ากันอย่างสุนทรีย์

เสือ สิขเรศ เจ้าของไร่พันดาวกับ สิงห์ สิงหราช เจ้าของไร่เรืองสิงห์ สนิทสนมกันมาแต่เด็ก ต่างคนต่างหลงใหลในอาชีพเกษตรกรรม มีอาณาจักรหลายร้อยไร่เป็นของตนเอง โดยใช้ความรู้ระดับบัณฑิตเกียรตินิยมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่พัฒนาปรับปรุงให้

ได้ผลผลิตดี อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรประจำจังหวัด ผู้ที่มาเยี่ยมชมมักตื่นตาตื่นใจกับความล้ำหน้าทันสมัยจนนิยมบอกต่อกันปากต่อปาก

วิศรุต หนุ่มแบงก์ กับต้นนที นักออกแบบผลิตภัณฑ์ฝีมือฉกาจ เพิ่งเคยออกทริปแนวจิตสาธารณะเป็นครั้งแรก เจอผู้คนในชนบทรวมตัวกันใช้กฎหมู่เข้ากดดันโอบล้อมก็ใจหายใจคว่ำ หน้าถอดสีกันทั้งสองคน

“เอาละๆ เงียบๆ กันหน่อย” พ่อเฒ่าทองเอี่ยมกระแทกปลายไม้เท้าลงบนผืนดิน หนวดยาวๆ กับเคราดกๆ เพิ่มความน่ายำเกรงให้แก่เจ้าของได้มากโข ถึงอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาคู่ดุของแกยังคมปลาบ ถ้าใครกล้าหือบังอาจลองดีอาจจะโดนแพ่นกบาลหัวร้างข้างแตก

“ข้าเข้าใจเอ็ง แต่เอ็งก็ต้องเห็นใจไอ้บัวมันบ้าง มันเสียนวลให้เอ็งแล้ว ถ้าเอ็งไม่รับผิดชอบต่อไปมันจะมองหน้าใครติด ใครจะอยากสู่ขอผู้หญิงผิดจารีตเอาไปทำเมีย หนุ่มสาวบ้านโป่งชะง่อนแค่จับมือถือแขนกันก็ถือเป็นการผิดผี ต้องทำพิธีกราบไหว้ขอขมาผีเจ้าที่กับผีบรรพบุรุษอย่างเอิกเกริก ไม่อย่างนั้นจะมีผู้คนล้มเจ็บ ไม่ก็เกิดอาเพศหรือภัยพิบัติร้ายแรง คนเมืองอย่างเอ็งไม่เชื่อก็ไม่แปลก แต่พวกข้าเชื่อ และจะไม่ยอมนิ่งดูดายให้ประเพณีเก่าแก่ถูกลบหลู่ดูหมิ่น เอ็งร่ำรวยใหญ่โตมาจากไหนข้าไม่รู้ แต่ถ้าเอ็งหยามน้ำใจลูกหลานบ้านโป่งชะง่อนแล้วเปิดตูดหนีละก็ ต้องได้เห็นดีกันแน่” น้ำเสียงแข็งกร้าวนี้ส่งตรงถึงสิขเรศโดยเฉพาะ

“รับผิดชอบ! จะให้ผมรับผิดชอบยังไงไม่ทราบ”

หนุ่มร่างสูงโต้สวนทันควัน เดือดดาลปุดๆ กระทั่งเห็นช้างตัวเท่าหมู ความผิดของเขาไม่มีแม้เพียงกระผีกริ้น พวกหูหนาตาเถื่อนจะพิพากษาโทษเอาแต่ใจถ่ายเดียว บ้านเมืองมีขื่อมีแป ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะขาดแสงสีซิวิไลซ์ ไฟฟ้าประปายังเข้าไม่ถึง

“ไอ้บัวมันเป็นหลานสาวพรานบุญ พรานบุญเป็นมิ่งขวัญกำลังใจของคนโป่งชะง่อนมาช้านาน คนที่นี่เคารพนับถือแกทั้งนั้น”

“ผมถามว่าจะให้ผมรับผิดชอบเด็กที่ชื่อบัวยังไง” สิขเรศเค้นเสียงลอดไรฟัน หน้านิ่วคิ้วขมวดแทบจะผูกเป็นโบ

ผู้เฒ่าหน้าขรึมจ้องตาบุรุษรุ่นลูก นักเลงเก่าอย่างแกเปล่งวาจาหนักแน่นชัดเจนทุกวลี

“ตอนนี้พรานบุญป่วยหนักนอนแบ็บอยู่แต่กับแคร่ไม้ไผ่ เอ็งต้องไปทำพิธีเสียผีที่กระท่อมไอ้บัว เพื่อนๆ เอ็งก็ต้องไปด้วย อย่าคิดบิดพลิ้วเป็นอันขาด”

“ได้! จะเสียกี่หมื่นกี่แสนผมจะให้ ถือเสียว่าให้เด็กกินขนม”

“เอ็งหมายถึงอะไร เงินงั้นเรอะ”

“ก็รึไม่ใช่”

“หึๆ” ผู้เฒ่าสูงวัยแสยะยิ้มชวนฉงน แกหรี่ตาจ้องจำเลยให้ลุ้นระทึกตัวโก่ง

“คนอย่างพรานบุญคงไม่เรียกสินสอดทองหมั้นเป็นค่าเลี้ยงดูหรอก สักแดงเอ็งก็คงไม่ต้องจ่าย ส่วนพิธีตบแต่งพวกข้าจะจัดการให้เอง จัดให้ฟรี”

“พิธีตบแต่ง!” สิขเรศหน้าเหลอ รู้สึกเหมือนโดนรถสิบล้อพุ่งเข้าชนสิบคันรวด

“ก็เออน่ะสิวะ ถ้าไม่อยากโดนรุมกระทืบจนช้ำในตาย เอ็งต้องแต่งงานกับไอ้บัว แต่งให้เร็วที่สุด”

“จะแต่งเข้าไปได้ยังไง ผมอายุสามสิบเอ็ด เด็กคนนั้นหัวเพิ่งเท่ากำปั้น” ชายหนุ่มทักท้วงด้วยเสียงตะโกน หน้าดำคร่ำเครียดอยู่กลางแสงแดด

“สาวๆ หมู่บ้านนี้สิบห้าสิบหกมีผัวกันถมไป”

“ผมไม่อยากมีเมีย ไม่เคยคิดอยากจะมี”

“อุวะ! จะอยากมีหรือไม่อยากมีเอ็งก็ล่วงล้ำก้ำเกินไอ้บัวมันไปแล้ว ล้างกี่น้ำมันก็ล้างไม่ออก”

“ห่าเอ๊ย!”

“เอ็งจะเอายังไงวะ!” พ่อเฒ่าทองเอี่ยมตะคอกกลับ ถลึงตาโปนดูดุดันน่ากลัว

“เอายังไงก็เอา แต่ผมไม่แต่ง ไม่มีวันแต่ง!”

“เล่นมันเลยไหมพ่อเฒ่า เก่งนัก โดนมือโดนตีนจะได้หายเก่ง” ชาวบ้านเงี่ยหูฟังบทสนทนากันอย่างตั้งใจ พอไม่ถูกใจก็ส่งเสียงยุยงอึงมี่

“ตายโหง!” ต้นนทีลืมตัวเผลอสบถ

“พี่เสือ พี่เสือครับ อย่าใจร้อนนะครับ ลูกผมยังไม่ทันจะครบขวบ เมียผมก็ทั้งสาวทั้งสวย ถ้าผมตายมันต้องมีผัวใหม่แน่ ผมยังไม่อยากตาย ป๊ากับม้าก็เป็นโรคหัวใจ ผมอยากกลับบ้าน อยากกลับไปดูแลป๊ากับม้า” วิศรุตหน้าซีดหดเหลือสองนิ้ว

เขาอ้วนและใจเสาะกว่าใครเพื่อน รู้นิสัยสิขเรศกับสิงหราชดีว่าพร้อมรบพร้อมชน ต่างคนต่างเกลียดพันธะผูกมัดกันทั้งคู่ คำว่าเมียไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของสองหนุ่มสุดหล่อเสน่ห์แรง

เจ้าของไร่พันดาวมองหน้าสหายร่วมทริปทีละคนจนครบ สิงหราชเขาไม่ห่วง กอดคอกันบุกป่าฝ่าดงมานักต่อนัก ต้นนทีก็พอไหว ถ้าหลังชนฝาคงสู้ยิบตา มีก็แต่วิศรุตที่ใกล้สติแตก เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพราวเต็มหน้าผาก ลุกลี้ลุกลนยิ่งกว่าเขาซึ่งตกเป็นจำเลยข้อหากระทำรุ่มร่ามอนาจารต่อผู้เยาว์ซึ่งเขาจำหน้ามันไม่ได้ด้วยซ้ำ

แต่งงาน! แค่คิดก็สยองจนต้องสะบัดศีรษะแรงๆ ขับไล่อารมณ์หงุดหงิด เจ้าสาววัยกระเตาะที่ชาวบ้านพยายามยัดเยียดให้เขารับผิดชอบเป็นเมียคือไอ้บัว มันเป็นตัวซวย เพิ่งเจอกันเมื่อวานแค่ประเดี๋ยวเดียวยังดิ้นไม่หลุดจากข้อกล่าวหาบ้าบอคอแตก ขืนตกกระไดพลอยโจนตกล่องปล่องชิ้นกันจริงๆ เขามีหวังต้องย้ายที่พักไปอยู่ในโรงพยาบาลศรีธัญญา

เด็กบ้า! พอไม่ตายก็หายหัวไปจ้อย ไม่มาช่วยแก้ต่างให้เขาเลยสักคำ ทำคุณบูชาโทษ โปรดสัตว์ได้บาปโดยแท้

 

อธิบายก็แล้ว ตะเบ็งเสียงเถียงจนคอแหบคอแห้งก็แล้ว แต่ในท้ายที่สุดสิขเรศก็ต้องมายืนกำหมัดแน่นอยู่หน้ากระท่อมไม้ไผ่มุงหลังคาด้วยตับใบจากพอกันแดดกันฝน

ครูสมบูรณ์เพิ่งเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าพรานบุญเป็นหมอสมุนไพรที่รักษาโรคร้ายให้แก่ชาวบ้านได้สารพัดโรค ใครปวดหัวตัวร้อนเป็นต้องวิ่งมาหาแก ซึ่งก็หายเจ็บป่วยกันเป็นส่วนใหญ่

หรือแม้แต่จะประกอบพิธีกรรมทางศาสนายังต้องมาขอฤกษ์ยามเหมาะสม สมัยที่ยังแข็งแรงแกเข้าป่าล่าสัตว์และขายของป่าเป็นอาชีพ ล่ำลือกันหนาหูว่าพรานเฒ่ามีคาถาอาคมเก่งกล้าไว้ป้องกันตัว ยิงไม่เข้า แทงไม่ตาย ปราบภูตผีปีศาจได้อีกด้วย

ในบั้นปลายชีวิตพรานบุญก็เหมือนคนแก่คนอื่นๆ ที่หนีสังขารไม่พ้น หยูกยาตำรับไหนก็ไม่อาจยับยั้งโรคชรา แกเดินไม่คล่อง เรี่ยวแรงถดถอยจนต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บนแคร่ ดีที่ยังมีหลานสาวดูแลปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด

“เอ็งตามข้ามา คนเดียวเท่านั้นนะ ที่เหลือรออยู่นอกกระท่อม” พ่อเฒ่าทองเอี่ยมออกคำสั่งเสียงเข้ม

สิขเรศขบกรามจนขึ้นสันนูน จะฟาดงวงฟาดงาอาละวาดก็ทำไม่ได้ดังใจ สวัสดิภาพของเพื่อนๆ สามคนอยู่ในกำมือของชาวบ้านชุมชนโป่งชะง่อน

วิศรุตกำลังจิตตก โดนควบคุมตัวคล้ายเป็นนักโทษก็หน้าเหย เหงื่อกาฬแตกพลั่กชุ่มแผ่นหลัง กระทั่งเสื้อยืดคอกลมเปียกเหงื่อแทบจะบิดน้ำออกได้

พรานบุญร่วงโรยก็แค่ร่างกาย ดวงตาของแกลึกล้ำทรงพลังอย่างผู้ที่ผ่านโลกกว้างมาแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ

“อีกหกวันข้าก็ตายแล้ว ให้นังบัวมันแต่งงานเย็นนี้เลย ข้าจะได้หมดห่วง”

“เฮ้ย!” คนหนุ่มสะดุ้งโหยง อยากจะขำ แต่ขำไม่ออก ปาหี่หลอกเด็กยังน่าเชื่อถือกว่าลมปากมนุษย์ชราที่โอ้อวดตนเองว่าล่วงรู้อนาคต รู้กระทั่งกำหนดวันตายได้ว่าจะตายวันไหน

“อืม...ฉุกละหุกไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร ข้าจะเกณฑ์ชาวบ้านให้ช่วยกันเก็บดอกไม้ใบหญ้ามาตกแต่งกระท่อมของพี่บุญให้สวยงามเหมาะจะเป็นห้องหอ เหล้ายาปลาปิ้ง ข้ากับเมียจะรับเป็นธุระจัดหาให้ทั้งหมด”

“ไม่ต้องเคร่งครัดมากพิธีการนักหรอก แค่บอกกล่าวผีสางเทวดาก็พอแล้ว”

“นั่นก็ถูก แต่ผูกข้อมือเสียหน่อยถึงจะดี ผู้เฒ่าผู้แก่ต้องให้พรบ่าวสาวด้วย จะได้เป็นสิริมงคล”

“ขอบใจเอ็งมาก”

“ไม่ต้องเกรงใจ พี่บุญเป็นคนดี ทำคุณงามความดีเอาไว้นับไม่ถ้วน”

สิขเรศนับหนึ่งถึงร้อยจนหมดสิ้นความอดทน เขายืนหัวโด่อยู่แท้ๆ แต่ไม่มีใครไถ่ถามความสมัครใจ มัดมือชกกันหน้าตาเฉย

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด เอะอะจะสนตะพายตะพึดตะพือ สมัยนี้เขาส่งยานอวกาศไปนอกโลกกันแล้ว จะงมงายอยู่กับความเชื่อล้าหลังก็เอาเลย เอาที่สบายใจ แต่อย่าลากผมให้มีเอี่ยวกับประเพณีโบราณคร่ำครึ ชอบก็ไม่ได้ชอบ รักก็ไม่ได้รัก ขืนล่มหัวจมท้ายกันก็มีแต่พังกับพัง พังมหาวินาศสันตะโร!” เจ้าของไร่พันดาวยืนจังก้าขึงขัง ดวงตาคมกริบของเขาบัดนี้วาววับไปด้วยอารมณ์โกรธ

“โบราณคร่ำครึงั้นรึ” พ่อเฒ่าทองเอี่ยมกระชากเสียงห้วน

“พูดหมาๆ แบบนี้อยากเละคาตีนใช่ไหมไอ้หนุ่ม ประเพณีโบราณคร่ำครึนี่แหละที่ช่วยปกป้องสาวๆ โป่งชะง่อนให้รอดพ้นจากน้ำมือตัวผู้ที่ใจระยำ ปากว่ามือถึง เห็นผู้หญิงเป็นดอกไม้ริมทาง นึกจะเด็ดก็เด็ด ที่นี่ไม่เคยเกิดคดีฆ่าข่มขืน ไม่มีใครคบชู้สู่ชาย ผัวเดียวเมียเดียวกันจนแก่เฒ่า เอ็งนึกถึงใจไอ้บัวมันบ้าง หลานสาวพรานบุญเชียวนะโว้ย ถ้าเอ็งจะหยามมันเอ็งต้องข้ามศพข้าไปก่อน”

“เอาสิ! จะฆ่าจะแกงผมพร้อมแล้ว อย่างมากก็แค่ตาย ถึงจะตายด้วยข้อหาที่พิลึกพิลั่นที่สุดในโลกก็เหอะ”

“หึ เอ็งไม่กลัวตาย แล้วไอ้อ้วนเพื่อนเอ็งมันอาจหาญชาญชัยด้วยหรือเปล่าวะ ข้าเห็นมันยืนขาสั่นพั่บๆ เป็นเจ้าเข้า หน้างี้ซีดอย่างกับไก่ต้ม ถ้าเก่งฉกาจนักละก็ ข้าจะจับไอ้สามคนข้างนอกทำเป้านิ่งให้หนุ่มๆ ในหมู่บ้านฝึกยิงหน้าไม้”

บุรุษต่างถิ่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ก็ทำได้แค่นั้น คนแก่สารพัดพิษ ดักทาง ต้อนหน้าต้อนหลังเอาเขาเข้ามุม

“เฒ่าเอี่ยม” พรานบุญรวบรวมเรี่ยวแรงลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ แกโบกมือห้ามทัพเมื่อเสือสองตัวมีโอกาสพะบู๊กันเลือดสาด เสือหนุ่มวัยกำลังห้าวกับเสือเก่ารุ่นลายครามไม่มีใครไม่มีเขี้ยวเล็บ

“ข้าอยากคุยกับหลานเขยของข้าตามลำพัง แค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ”

“ก็ได้ คุยให้จบๆ ว่าจะเอายังไง นี่ก็สายมากแล้ว จะได้รีบตระเตรียมข้าวของทำพิธี”

ออกจากกระท่อมไปหนึ่งคน เหลืออีกสองคนจ้องประสานสายตา

หลานเขย...คำที่ไม่ชอบ ได้ยินเบาๆ ก็ขัดเคืองใจ

“ยื่นแขนมาสิ” คนแก่ออกคำสั่ง น้ำเสียงเนิบเนือยนั้นสะกดดวงใจรุ่มร้อนให้ค่อยเย็นลงอย่างประหลาด

สิขเรศนิ่วหน้าเมื่ออุ้งมือหยาบกร้านสัมผัสท่อนแขนคล้ามแดด ผิวเนื้อส่วนที่โดนจับอุ่นวาบขึ้นทันตาเห็น ไม้ใกล้ฝั่งผมหงอกขาวโพลนทั้งศีรษะคนนี้จะเล่นตุกติกไม้ไหนอีก หลานสาวยังเด็กอยู่แท้ๆ แทนที่จะหาทางให้หล่อนได้เรียนหนังสือมีวิชาความรู้เอาไว้เลี้ยงชีพ กลับเห็นดีเห็นงามกับพ่อเฒ่าทองเอี่ยมจะให้ดรุณีวัยแรกแย้มรีบมีผัว เด็กนั่นฟันยังไม่ทันจะสิ้นกลิ่นน้ำนม

ผู้สูงวัยหลับตา ริมฝีปากแห้งและซีดขยับขมุบขมิบในลักษณะบริกรรมคาถา เรือนร่างผ่ายผอมสั่นเทิ้มเป็นเจ้าเข้าอยู่ราวๆ สองนาทีก็หยุดสงบ ดวงตาเจนโลกที่ลืมขึ้นฉายแววพึงพอใจ

“เอ็งเป็นคนดี เทือกเถาเหล่ากอดี นิสัยใจคอใช้ได้เลยทีเดียว”

“หึ” ชายหนุ่มแค่นยิ้มหยัน เป็นคนดีมาทั้งชีวิต ถ้าอยู่ๆ ต้องแต่งงานมีเมียเป็นสาวบ้านป่านุ่งกางเกงครึ่งแข้งลายผ้าถุง เขาอาจจะเป็นบ้า บีบคอแม่สาวน้อยชนบทตายแหงแก๋คามือตั้งแต่คืนแรกของการร่วมห้องหอ ถึงตอนนั้นใครต่อใครคงรุมประณามว่าเขาชั่วโฉด เป็นฆาตกรใจเหี้ยมกระทำการต่ำช้าต่อเพศหญิงซึ่งเป็นเพศแม่

“นังบัวมันเป็นคู่แท้ของเอ็ง หนีกันไม่พ้นหรอกไอ้หนุ่ม ถ้าไม่เอามันทำเมียเสียวันนี้ วันหน้าเอ็งจะเสียใจ หนทางที่เคยราบรื่นมันอาจจะเกิดอุปสรรค”

“คู่แท้! ขอโทษนะครับ บังเอิญว่าผมไม่พิศวาสคู่แท้ของผมเลย ไม่อยากใกล้ชิด ไม่อยากทำความรู้จัก จะคุณไสยหรือเสน่ห์ยาแฝดก็มัดใจผมไม่ได้ ผมอยากไปให้พ้นๆ จากโป่งชะง่อน พาเพื่อนอีกสามคนกลับบ้านอย่างปลอดภัย”

พรานบุญหัวเราะหึๆ อยู่ในคอ ครู่ต่อมาก็ชี้นิ้วไปที่หน้าต่างบานกระทุ้ง

“นังบัวมันซ้อมปามีดสั้นอยู่ใต้ต้นคอแลน ต้นที่มีลูกเล็กๆ สีแดงๆ ออกเป็นพวงอยู่เต็มต้น ถ้ามันพูดคำเดียวว่ายังไม่อยากเอาผัว ข้าจะตามใจมัน”

“ได้!” สิขเรศถอนฉุน เคยขีดชะตาชีวิตให้ตัวเองเสมอมา บัดนี้หญ้าอ่อนหัวเท่ากำปั้นมีอำนาจตัดสินใจราวกับเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเขาก็มิปาน

เอาเถอะ เห็นแก่สิงหราช วิศรุต และต้นนที จะยอมหักไม่ยอมงอเหมือนทุกคราวย่อมไม่ได้

เมื่อร่างสูงปีนหน้าต่างออกไปพ้นกระท่อม ชายชราก็ทอดกายลงนอนหงาย เกิดแก่เจ็บตายเป็นสัจธรรมที่แสนธรรมดา พรานบุญไม่กลัวความตาย ห่วงก็แต่หลานรักที่ยังเยาว์วัยด้อยคุณวุฒิ โลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก หล่อนยังต้องเรียนรู้อีกมาก ล้มลุกคลุกคลานและเสียน้ำตาก่อนจะยืนหยัดแข็งแกร่ง อสรพิษในผืนป่าว่าร้ายแล้ว มารยาสาไถยของผู้คนเมืองเจริญชวนสะพรึงเสียยิ่งกว่า

 

มีดสั้นโบราณขนาดเหมาะมือพุ่งฉิวเฉียดหน้าคนตัวสูงไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด แหวกอากาศจนเกิดเสียงลมหวีดหวิวตามแรงขว้างอันคล่องแคล่วแม่นยำของสาวน้อยวัยแค่สิบหก ปักฉึกเข้ากลางลำต้นของไม้ผลออกลูกดกซึ่งถูกหมายใจเอาไว้แต่แรกให้เป็นเป้านิ่ง มันเป็นการทักทายกึ่งหยอกล้อที่น่าหวาดเสียว พลาดเพียงนิดหน้าหล่อๆ จะเกิดแผลเหวอะหวะจากคมอาวุธ

เด็กพิเรนทร์! เป็นลูกเป็นหลานพ่อจะหวดก้นเสียให้เนื้อช้ำ

“นาย” ไอ้บัวยิ้มแฉ่ง ผู้ชายที่ช่วยชีวิตมันไว้ มันย่อมจำได้แม่น

“เฮ้ย! อย่าเข้ามา!” สิขเรศร้องห้ามเสียงหลง

แต่ถึงกระนั้นเด็กสาวก็ปราดมาเกาะแขนทำตัวเป็นตุ๊กแก ยิ้มแป้นแล้นหน้าระรื่นให้เขาโมโหตงิดๆ

“ทำแบบนี้มันผิดผีไม่ใช่เรอะ”

“เมื่อวานผิด แต่วันนี้ไม่ผิด ข้าเสียนวลให้นายแล้ว เสียตั้งแต่เมื่อวาน”

“เมื่อวานฉันแค่ช่วยเธอ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไม่ให้สมองขาดออกซิเจน” เขาเบื่อที่ต้องจาระไนซ้ำซาก อธิบายไปก็ใช่จะหลุดพ้นจากความซวย สีซอให้ควายฟังยังง่ายเสียกว่า

“จะยังไงก็ช่าง ข้าถือว่าข้าเป็นผู้หญิงของนาย นายเป็นผัวข้า ข้าจะกอดจะจูบนายก็ยังได้”

“ฮะ!” สิขเรศหน้าเหลอ ทั้งอึ้งทั้งมึนกับความซื่ออันสุดโต่ง ได้สติก็รีบขยับหนี แต่ไม่วายถูกเด็กเปรตตามติดตอแย เนื้อตัวขะมุกขะมอมเอย กลิ่นสาบผสมกลิ่นเหงื่อเอย เสื้อผ้าเผ้าผมไม่รู้ทำความสะอาดปีละกี่ครั้ง

“นายรู้ไหม ข้าว่ายน้ำเก่งอย่างกับปลา ที่เมื่อวานโดนน้ำป่าซัดเกือบตายต้องเป็นเพราะเจ้าป่าเจ้าเขาดลบันดาลให้พบเนื้อคู่ เมื่อคืนข้านอนคิดไตร่ตรองจนรอบคอบ เราสองคนมีวาสนาต่อกัน ที่จะต้องตบแต่งนายไม่ต้องกังวล ข้าเต็มใจ”

“จะบ้ารึไงฮะ! เต็มใจกะผีน่ะสิ เธอเต็มใจแต่ฉันไม่เต็มใจ”

“ทำไมล่ะนาย ผู้ชายชอบมีเมียเด็กกันนี่นา ข้าเพิ่งแตกเนื้อสาว ยังไม่เคยเกี้ยวพาราสีกับไอ้หนุ่มบ้านไหนเลยสักคน ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่นะ” เจ้าหล่อนลอยหน้าลอยตาบอก ไม่สะเทิ้นเขินอายเลยสักนิด

เศรษฐีชาวไร่หน้าร้อน คุณพระคุณเจ้าช่วย ที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วจำนรรจาอยู่ตอนนี้เป็นสาวน้อยจากพงไพรหรือลิงทโมนกันแน่ วาจาดิบๆ ไร้จริตมารยาของมันทำเขามวนท้อง กระอักกระอ่วนไปต่อแทบไม่เป็น ด้วยรูปร่างหน้าตาและฐานะย่อมเคยโดนอ่อยและออดอ้อนออเซาะจากสาวแก่แม่หม้ายทั่วสารทิศ แต่ไม่มีใครเหมือนไอ้บัว ไอ้เด็กแก่แดดเนื้อตัวกระดำกระด่างผู้มีดวงตาสุกสกาวคล้ายดวงดาว

ตามันสวย...สวยมาก โดดเด่นดำขลับกว่าดวงตาคู่ไหนๆ ที่เขาเคยเห็น

“ฟังฉันนะ” เขาจำใจจับบ่าบอบบางทั้งสองข้างให้อยู่ในอุ้งมือ ไม่อยากสัมผัสก็ต้องสัมผัส

“ปีนี้ฉันอายุสามสิบเอ็ด เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว ส่วนเธอยังโตไม่เต็มที่เลยด้วยซ้ำ เราสองคนไม่เหมาะจะเป็นผัวเมียกัน เป็นอาเป็นน้าน่ะพอได้ ฉันเจตนาดี แต่ก็ทำให้เธอเสื่อมเสีย ผิดจารีตประเพณีของท้องถิ่น ฉันยอมรับผิดในข้อนี้ เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ฉันมีที่ทางอยู่เยอะ จะยกแปลงเล็กๆ ให้สักแปลง ปลูกบ้านให้อยู่อีกหลังเลยก็ได้ ที่นั่นใกล้หมอใกล้โรงพยาบาลกว่าโป่งชะง่อน ปู่ของเธอจะได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง พ้นจากที่นี่ก็หมดคนรู้จัก ไม่มีใครนินทาเธอแล้ว”

ไอ้บัวนิ่วหน้า นายรูปหล่อเห็นมันเซ่อเซอะ เป็นตัวตุ่นที่อาศัยอยู่ในรู

“อยากเรียนหนังสือไหม ฉันส่งให้เรียนได้นะ สาวในเมืองเขาแต่งตัวกันสวยๆ มีโรงหนัง มีสวนสนุก มีร้านรวงขายข้าวของกระจุกกระจิก ถ้าอยากทำงานก็ทำกับฉัน ฉันเป็นเจ้าของไร่ชื่อไร่พันดาว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง มีอะไรต่อมิอะไรตื่นตาตื่นใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่นี่”

“นาย” มันช้อนตาขึ้นมอง ดวงตาใสแจ๋วแตกต่างจากชุดเก่าๆ สีหม่นมัว

“ทุกอย่างที่นายว่ามามันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนใช่ไหมล่ะ”

“ก็ใช่”

“ข้าไม่เอาหรอก ข้าอยากเป็นเมียนาย”

สิขเรศข่มใจแล้วข่มใจอีก ถ้าไม่ห่วงความปลอดภัยของเพื่อนๆ ไอ้เด็กร้ายกาจจะโดนเขย่าตัวหัวสั่นหัวคลอน ดูเผินๆ มันบ้องแบ๊วไร้เดียงสา แต่แท้ที่จริงหัวหมอใช่ย่อย

“ทำไมถึงอยากเป็น”

“ข้าเสียจูบให้นายแล้ว ไม่แต่งกับนายก็เสียฟรีน่ะสิ”

“นั่นไม่ใช่จูบ มันเป็นการช่วยเหลือ ฉันช่วยเธอไม่ให้เธอตาย ถ้าไม่ช่วยเธอก็ตายไปแล้ว” เสียงอธิบายเข้มข้นขึ้นตามอารมณ์ขุ่นมัว ไอ้บัวมันกวนประสาทเก่งหรือมันไม่รู้ประสาจริงๆ เขาไม่แน่ใจนัก

“ข้าตกหลุมรักนาย เห็นหน้าปุ๊บตกหลุมรักปั๊บ” สาวบ้านป่าอมยิ้มแก้มตุ่ย รู้ว่ายั่วขึ้นก็ยิ่งจุดไฟสุมควันเพิ่มกระพือ

“นายหล่อจะตาย ตัวซู้งสูง จมูกก็โด่ง มีลูกกับนายลูกของข้าจะได้น่ารัก”

ชายหนุ่มกัดฟันกรอด หัวหมุนเพราะโดนปั่นหัว เด็กเมื่อวานซืนเห็นเขาเป็นลูกเจี๊ยบ จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด

“ไม่อยากจะทวงบุญคุณหรอกนะ แต่มันจำเป็น ฉันช่วยเธอขึ้นจากน้ำ ต่อลมหายใจให้เธอได้อยู่ดูแลปู่ของเธอต่อ เธอควรจะตอบแทนบุญคุณของฉันบ้าง ไม่ได้ลำบากยากเย็นอะไรเลย แค่บอกตาเฒ่าหน้าโหดกับปู่ของเธอว่าเธอไม่อยากแต่งงานกับฉัน ไอ้ที่ชาวบ้านเห็นว่าฉันจูบเธอมันเป็นการเข้าใจผิด ฉันไม่ได้จูบ จูบกับเป่าลมเข้าปากมันไม่เหมือนกัน”

“ไม่เหมือนกันหรือนาย” นัยน์ตาซุกซนเต้นระริก

“ไม่เหมือน ที่เอาปากประกบปาก ฉันแค่ผายปอดให้เธอก็เท่านั้น”

“ไม่รู้สิ ข้าคนบ้านนอก วันๆ เจอแต่ต้นไม้ใบหญ้า โทรทัศน์ไม่มีดู หนังสือไม่มีอ่าน ผู้ชายผู้หญิงเอาปากชนกันข้าก็เรียกจูบหมดนั่นแหละ”

“ฮึ้ย!” หน้าหล่อๆ บัดนี้บูดบึ้ง งอหงิกเป็นจวัก

“เอางี้ก็แล้วกัน เห็นแก่หนี้บุญคุณที่นายช่วยชีวิตข้าไว้ นายจูบข้าสิ”

“อะไรนะ!” เสียงถามดังกว่าเสียงตะโกน

“ข้าแยกแยะไม่ออกจริงๆ ว่าจูบกับเป่าลมเข้าปากมันต่างกันยังไง นายลองจูบข้าดู ถ้าจูบของนายวันนี้ไม่เหมือนกับเมื่อวาน ข้าจะเชื่อนายแล้วไปบอกปู่ บอกพ่อเฒ่าทองเอี่ยมว่าข้ายังบริสุทธิ์สะอาดเป็นไอ้บัวคนเดิม ไม่มีราคีแปดเปื้อน ให้ปล่อยตัวนายกับเพื่อนๆ ของนายออกจากหมู่บ้านไป”

บุรุษหุ่นสมาร์ตยืนนิ่งขึง เบื้องหน้าเขาคือสาวน้อยตัวเล็กนิดเดียว คนสวยระดับนางแบบ น่ามองระดับนางงาม ขาวจั๊วะเย้ายวนเป็นไข่ปอก เขายังไม่อยากแลกลิ้นแลกน้ำลายด้วยสักคน ประสบการณ์ทางเพศไม่ใช่ไม่มี เซ็กซ์ไม่ผูกมัดเขาเองก็ชอบ ภารกิจบนเตียงระหว่างเขากับผู้หญิงที่ผ่านมาผ่านไปเหมือนสายลมถึงพริกถึงขิงอยู่ไม่น้อย แต่เขาไม่จูบปากใคร ไม่จูบ ไม่เคยคิดอยากจูบ

“เร็วๆ สินาย ชักช้าเดี๋ยวข้าเปลี่ยนใจนะ”

“เอ่อ...” เท้าหนาถอยหลังหนีอัตโนมัติ

อพิโธ่พิถัง...เกิดเป็นชายชาญอกสามศอกต้องมาตกม้าตายเพราะเด็กบ้านป่าเมืองเถื่อนเพียงคนเดียว รู้ถึงไหนอายถึงนั่น

“หนึ่ง! สอง! สาม!” มันนับเร็วจี๋ เร็วชนิดที่สิขเรศยังงงงวยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

นับครบสามไอ้บัวก็ไม่รอช้า มันโถมตัวเข้าใส่เรือนร่างสง่างาม ทำชายหนุ่มเซแซ่ดๆ อย่างคนไม่ทันตั้งหลัก ด้วยความสูงที่ห่างกันเยอะ เด็กสาวต้องเขย่งปลายเท้าจึงไต่แขนโอบรอบคอเขาได้

“ปากข้าไม่เหม็นหรอกน่า ข้าเพิ่งเคี้ยวใบฝรั่งมา เมื่อเช้าก็เอากิ่งข่อยกับเกลือถูฟันแล้วด้วย”

ตาคมหลุบมองดวงหน้าที่ลอยอยู่เกือบชิด ต่ำกว่าดวงหน้าคือลำคอที่มีคราบขี้ไคลฝังแน่นอยู่เป็นปื้นดำ

โอพระเจ้า! ขนแขนทุกเส้นของเขาลุกเกรียว

“ฉัน...”

“ถ้านายไม่จูบข้าไปแล้วนะ จะไปต้มน้ำสมุนไพรให้ปู่กิน”

“เดี๋ยวก่อน เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”

เอาวะ ยอมเสียส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ หลับหูหลับตามอบจุมพิตให้แก่ไอ้ตัวแสบ คราวนี้ทีมันก็ต้องตามใจมัน พ้นไปจากชุมชนโป่งชะง่อนเขากับมันก็ไม่ต้องเจอกันแล้ว แต่ไม่แน่มันอาจจะตามไปหลอกหลอนเขาในฝันร้ายก็เป็นได้

สิขเรศกลั้นหายใจเมื่อแนบหน้าเข้าหาเด็กสาววัยเยาว์ ดวงตาสองข้างหลับปี๋ ไม่อยากรับรู้ว่ากำลังจูบใคร เมื่อริมฝีปากกับริมฝีปากพบเจอกัน เขาก็รีบบดๆ เคล้าๆ พอเป็นพิธีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ในยามถอนปากออกห่างรู้สึกเหมือนขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้า โล่งอกสุดขีด ยังดีที่ไม่ขาดใจตายระหว่างจูบ

“อ๋อ...อ...” ไอ้บัวลากเสียงยาวเฟื้อย มันถอยสองก้าวมายืนเอียงคอมองคนเสียรู้ยิ้มๆ

“จูบเป็นแบบนี้นี่เอง”

“ไง ไม่เหมือนเมื่อวานใช่ไหม”

“ไม่เหมือน”

“ดีแล้ว งั้นช่วยฉันหน่อย ช่วยไปพูดกับชาวบ้านให้ปล่อยฉันกับเพื่อนๆ ของฉันไป”

“คงไม่ได้แล้วละนาย”

เจ้าของไร่พันดาวหรี่ตา สีหน้ายิ้มกริ่มแฝงเลศนัยของคู่กรณีฟ้องชัดว่าเขากำลังจะโดนโกง

“เมื่อวานนายไม่ได้จูบข้า แต่เมื่อกี้นายจูบ รอยจูบของนายยังร้อนผ่าวๆ อยู่เลย”

“ไอ้...ไอ้บัว!”

สาวน้อยคลี่ยิ้มหวานเจี๊ยบในแบบของมัน กวนโมโหคนที่กำลังเขม้นมองถมึงทึง อีกหน่อยปู่จะจากไปแล้ว ปู่บอกว่ามันยังเด็กนัก จะต้องมีคนดีๆ คอยดูแลจนกว่าจะเติบโตเป็นสาวเต็มตัว

สิขเรศเป็นใครมาจากไหนไม่สำคัญ ปู่บอกว่าเขาเป็นเนื้อคู่มีดวงสมพงศ์ ไอ้บัวชื่อฟังปู่มาแต่ไหนแต่ไร ถ้าปู่ว่าดีมันก็ว่าดี อย่าว่าแต่แต่งงานก่อนวัยอันควร แม้ต้องไปตาย ถ้าปู่บอกให้ไปมันก็จะไป

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น