1

คุณหญิงพราว


รถจากัวร์สีขาวคันใหญ่ที่แล่นออกจากรั้ววังธาดาไปไม่ถึงครึ่งนาทีทำให้คนที่เดินออกมาส่งแขกถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเหลียวมองคนข้างๆ ที่เดินตามมาส่งแขกด้วยกัน แต่สีหน้ากลับแตกต่างกันคนละอารมณ์

หม่อมราชวงศ์พราวรัมภา ธาดาเทพ มองใบหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของหม่อมสุภัสสร ธาดาเทพ แล้วส่ายหน้าน้อยๆ ด้วยความรู้สึกทั้งเหนื่อยและเบื่อระคนกันจนแยกไม่ออกว่ารู้สึกแบบไหนมากกว่ากัน เมื่อได้เห็นสายตาที่ ‘หม่อมแม่’ มองตาม ‘ว่าที่ลูกเขย’ ไปด้วยความชื่นชมและเปี่ยมไปด้วยความหวัง ซึ่งแตกต่างจากความรู้สึกของลูกสาวอย่างสิ้นเชิง

หากคนที่เพิ่งนั่งรถจากัวร์คันหรูออกไปจากวังเป็นชายหนุ่มตามปกติทั่วไปที่มาทาบทามสู่ขอหญิงสาว พราวรัมภาก็คงไม่รู้สึกอะไรมากนัก แม้ว่าจะไม่เคยมีรสนิยมชื่นชอบ ‘ฝรั่ง’ มาก่อน แต่นี่ ‘เขยฝรั่ง’ ที่หม่อมแม่หมายมั่นปั้นมือนั้นอายุมากกว่าท่านพ่อเสียอีก แล้วจะไม่ให้สาววัยยี่สิบหกปีอย่างเธอรู้สึกหดหู่ได้อย่างไรเมื่อนึกถึงวันที่ต้องเข้าพิธีแต่งงาน หรือตอนเข้าหอกับชายฝรั่งวัยห้าสิบแปดปีซึ่งแก่คราวพ่อ

ลำพังความรู้สึกของตนเองก็แย่แล้ว เพราะดูเหมือนชีวิตวัยสาวที่กำลังสดใสต้องอับเฉาลงทันทีตามวัยของสามีที่อยู่ในวัยใกล้เกษียณรอมร่อ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าจะกล้าเงยหน้าขึ้นมองใครๆ ที่มาเป็นแขกร่วมงาน คงไม่มีใครคิดหรือมองในแง่ดีไปได้ที่สาววัยยี่สิบหกยอมแต่งงานกับเจ้าบ่าววัยคราวพ่อ ใครเล่าจะคิดว่านั่นเป็นรักแท้ที่บังเอิญมาผิดเวล่ำเวลาได้ถึงขนาดนี้ นอกเสียจากจะคิดว่าฝ่ายหญิงแต่งงานเพราะหวังเงินจากเศรษฐีวัยดึกเท่านั้นเอง ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริงที่พราวรัมภาปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน

คุณหญิงพราวรัมภา หรือ ‘หญิงพราว’ เริ่มรู้สึกว่าชีวิตผกผันนับตั้งแต่ท่านพ่อ หม่อมเจ้าชรินทร ธาดาเทพ สิ้นเมื่อสองปีที่ผ่านมา ตอนที่ท่านยังอยู่ก็พอมีคนให้ความเคารพยำเกรง แต่หลังจากท่านสิ้นแล้ว หนี้สินต่างๆ ก็เข้ามารุมเร้าทันที เพราะเจ้าหนี้ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างกลัวว่าจะไม่ได้เงินจึงพากันถาโถมเข้ามาหา ทั้งพราวรัมภาและหม่อมสุภัสสรจึงรับหน้ากันแทบไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องพยายามทยอยใช้หนี้สินกันไปจนกว่าจะหมดสักวันหนึ่ง

หนี้เล็กๆ น้อยๆ พราวรัมภายังพอรับมือไหว ทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย เธอพยายามทำมาหากินอย่างขมีขมันมาตั้งแต่เรียนจบกลับจากประเทศอังกฤษด้วยวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปีเท่านั้น ด้วยการเปิดโรงเรียนสอนดนตรีตามสาขาวิชาที่ร่ำเรียนมา บวกกับพรสวรรค์ด้านนี้ตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้มีอาชีพติดตัวไว้สร้างรายได้และเลี้ยงตัวเองได้อย่างสบายๆ หากครอบครัวไม่มีหนี้สินพะรุงพะรังเช่นที่เป็นอยู่

ไม่เท่านั้นเธอยังเจียดเงินเก็บบางส่วนไปร่วมหุ้นเปิดบริษัทออกแบบและผลิตกระเป๋าสำหรับสตรีกับอรอินทุ์ ญาติสาวฝ่ายบิดาซึ่งเป็นนักออกแบบที่ร่ำเรียนสำเร็จทางด้านนี้มาจากประเทศอิตาลี ทั้งสองคนสนิทสนมกันมาแต่เล็กแต่น้อยในฐานะลูกพี่ลูกน้องที่มีอายุเท่ากัน

หากไม่มีเรื่องหนี้ก้อนใหญ่ แถมวังธาดาจะถูกธนาคารยึดแล้วละก็ ชีวิตของ ‘หญิงพราว’ น่าจะสุโขสโมสรมากกว่านี้เป็นแน่ เพราะสาววัยยี่สิบหกอย่างเธอกำลังอยู่ในวัยมุ่งมั่นที่สนุกกับงานและเป้าหมายในชีวิต

“ถอนใจทำไมล่ะคะ ลูกหญิงของแม่” หม่อมสุภัสสรเดินเข้ามาจับแขนลูกสาวขณะเดินกลับเข้าบ้านพร้อมกัน ท่อนแขนเรียวยาวเปลือยตั้งแต่หัวไหล่นั้นนวลเนียนเปล่งปลั่งด้วยวัยสาวสะพรั่ง จนผู้เป็นแม่อดลูบไล้เบาๆ ไม่ได้ด้วยความภาคภูมิใจ

“แม่จะให้พราวดีใจหรือคะ” เจ้าของร่างเพรียวกลมกลึงถามกลับพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้หรูตัวยาวบุนวมในห้องรับแขก

วันนี้พราวรัมภาสวมเสื้อแขนกุดแบบพอดีตัวกับกางเกงเนื้อผ้าพลิ้วแนบไปกับรูปร่างระหงที่มีส่วนสูงกำลังดีแบบสาวไทย อันเป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอีกเช่นกันสำหรับสายตาชายชาวต่างชาติที่เบื่อความเทอะทะใหญ่โตของคนชาติเดียวกัน เพราะวันนี้มหาเศรษฐีจากประเทศยักษ์ใหญ่ อย่าง วิลเลียม เจ. บราวน์ ถึงกับจ้องมองตาแทบไม่กะพริบ แถมยังออกปากจะช่วยทุกเรื่องที่คนในวังธาดากำลังเดือดร้อนแบบไม่มีข้อเกี่ยงงอนอีกด้วย

“แน่นอนสิคะ ลูกขา...” หม่อมสุภัสสรลากเสียงยาวพลางนั่งลงข้างๆ โดยพยายามลูบแขนเนียนๆ อย่างเอาใจ แล้วเอ่ยต่อไปว่า “บิลล์เหมาะสมกับลูกหญิงของแม่ที่สุด ไม่มีใครเหมาะไปกว่านี้อีกแล้ว แม้แต่ชายเมศ”

พราวรัมภาฟังแล้วส่ายหน้านิดๆ ที่มารดาเรียกมหาเศรษฐีชาวอเมริกันอย่างสนิทสนมด้วยชื่อเล่น แถมยังเอ่ยพาดพิงถึงญาติผู้พี่ฝ่ายบิดาคือ หม่อมราชวงศ์ราเมศ ธาดาเทพ ซึ่งใกล้ชิดสนิทสนมกับพราวรัมภาเป็นพิเศษ แต่เธอไม่เคยคิดอะไรกับเขาเกินเลยไปกว่าความเป็นญาติพี่น้องกันเท่านั้น

ทว่า...ก่อนหน้าที่ วิลเลียม เจ. บราวน์ จะปรากฏตัวขึ้นมา ดูเหมือนมารดาก็ยังเห็นดีเห็นงามและพยายามเชียร์ให้ลูกสาวปลงใจกับญาติผู้พี่ซึ่งมีท่าทีสนใจพราวรัมภามานานแล้ว

แต่พราวรัมภาไม่เคยคิดว่าตนเองจะอับจนหนทาง หรือถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้านก็คือ ไม่มีปัญญาหาผู้ชายจนต้องมาแต่งงานกับญาติพี่น้องด้วยกันเอง ถ้าชีวิตต้องอับจนถึงขึ้นนั้น ขออยู่เป็นโสดไปเรื่อยๆ เสียยังจะดีกว่า

ที่ผ่านมาหม่อมสุภัสสรมองว่า ‘ชายเมศ’ เหมาะสมกับลูกสาวของตนก็เพราะเขาเป็นราชนิกุลเช่นเดียวกัน แถมยังมีมรดกติดตัวอยู่ไม่น้อย แม้จะไม่ถึงขั้นมหาเศรษฐี แต่ก็เรียกว่ามีกินมีใช้ไปตลอดทั้งชาติก็ว่าได้ แต่เวลานี้คนที่มาใหม่อย่างมิสเตอร์บราวน์นั้นเหนือกว่า คุณชายราเมศย่อมต้องตกกระป๋องไปตามระเบียบ

ราเมศเคยเสนอให้ความช่วยเหลือแก่พราวรัมภา แต่เธอปฏิเสธ เพราะหนี้สินทั้งหมดที่ครอบครัวก่อไว้นั้นเป็นเงินจำนวนมากซึ่งอาจทำให้ราเมศเกือบหมดตัวได้เลยทีเดียว นั่นไม่ใช่หน้าที่ที่เขาต้องมารับผิดชอบ เขาควรได้แต่งงานกับหญิงสาวที่เพียบพร้อมสักคนและมีความสุขกับชีวิตคู่บนกองมรดกของเขา ดีกว่ามาหมดตัวเพราะเธอเพียงคนเดียว

“ลองคิดดูสิคะ ลูกเป็นถึงคุณหญิงแห่งวังธาดา ถ้าจะแต่งงานก็ต้องเป็นผู้ชายระดับ วิลเลียม เจ. บราวน์ เท่านั้น ขืนไปแต่งกับผู้ชายธรรมดาๆ แล้วแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คนในแวดวงสังคมไม่หัวเราะกันแย่เหรอที่คุณหญิงพราวไปคว้าเอาใครก็ไม่รู้มาเป็นคู่”

“แม่คะ ทุกวันนี้เราไม่ได้ร่ำรวย แถมยังติดลบด้วยซ้ำไป ถ้าพราวแต่งงานกับผู้ชายธรรมดาๆ ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร”

มือที่ลูบแขนขาวผุดผ่องหยุดนิ่งทันที หม่อมสุภัสสรทำตาโตเกือบเท่าไข่ห่านทีเดียว

“แปลกสิคะ” หม่อมว่าแล้วปล่อยแขนลูกสาวด้วยท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์ “มีราชรถมาเกยถึงหน้าบ้านแต่ไม่ขึ้น แถมไม่ขึ้นไม่พอยังต้องไปเรียกซาเล้งมาช่วยกันขนของออกจากบ้านเพื่อระเห็จไปอยู่ที่อื่นอีกด้วย ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นที่ไหน คิดดูเอาเองก็แล้วกันนะคะลูกขาว่าแปลกไหม”

เรื่องวังธาดานี่เองที่ทำให้คนอย่างคุณหญิงพราวรัมภาจำต้องต้อนรับขับสู้มิสเตอร์บราวน์ ฝรั่งวัยคราวพ่อมาจนถึงวันนี้ เขาเทียวไปเทียวมาระหว่างอเมริกากับไทยนานร่วมสองเดือน โดยหนแรกๆ นั้นมาติดต่อเรื่องงาน แต่ระยะหลังมาเพื่อพบเธอโดยตรง

“แล้วไม่แปลกหรือคะที่พราวต้องแต่งงานกับคนอายุเกือบหกสิบเพื่อหวังแค่เงินจากเขา”

“บิลล์เขาก็ไม่ได้ดูแก่อะไรมากมายนี่คะ เขาดูแลตัวเองดีซะขนาดนั้น ถ้าพุงห้อยย้อยก็ว่าไปอย่าง นี่หน้าก็ยังตึง หุ่นก็ออกสมาร์ต จะว่าไปดูดีกว่าพวกหนุ่มๆ เสียด้วยซ้ำ บางคนยังไม่ถึงสี่สิบเลยพุงยื่นมาแต่ไกลเชียว” หม่อมสุภัสสรส่ายหน้าเมื่อนึกถึงภาพไม่ชวนมองตามประสาคนรักสวยรักงาม

หม่อมสุภัสสรอายุสี่สิบแปดปีแล้ว แต่ยังดูทั้งสาวและสวยกว่าวัยจริงๆ นับสิบปี เพราะเป็นคนที่ดูแลตัวเองมาตลอดตั้งแต่สมัยสาวๆ ใบหน้าจึงยังดูเต่งตึง รวมไปถึงรูปร่างก็ยังเพรียวงาม แม้จะมีบางส่วนเปลี่ยนแปรไปตามวัยบ้างแต่ก็ยังเป็นคนรูปร่างดีโดยพื้นฐาน ความงามของหม่อมตกทอดมาถึงพราวรัมภาเกือบทั้งหมด เพราะเธอมีเค้าหน้าบางส่วนเหมือนบิดาอยู่บ้าง แต่รูปร่างผิวพรรณอันสวยงามนั้นได้มาจากมารดาราวกับถอดแบบกันออกมาทีเดียว

“ถ้าคุณบราวน์เขามาขอแม่แต่งงาน แม่จะแต่งกับเขาไหมล่ะคะ” พราวรัมภาอดถามไม่ได้ เพราะเห็นว่ามารดาปลื้มเขานักหนา

“แต่งสิคะ ลูกหญิงขาจะช้าอยู่ไย”

“แต่ท่านพ่อเพิ่งเสียได้สองปีเองนะคะ แม่ลืมท่านได้แล้วหรือ” คนเป็นลูกวกกลับมาคิดเรื่องนี้ก็เริ่มมีอาการไม่พอใจขึ้นมาเพราะอดน้อยใจแทนบิดาไม่ได้

“แหม...แม่ไม่ลืมหรอกค่า แต่ตอนนี้เรากำลังเข้าตาจนนะคะ ถ้าแม่แต่งแทนลูกได้แม่ก็จะทำ”

“แม่คะ!”

พราวรัมภาฟังแล้วรู้สึกตกใจมากกว่าซาบซึ้งที่ผู้เป็นแม่คิดจะยอมเสียสละเพื่อลูกได้ถึงเพียงนี้ เธอกลับคิดไปว่าแม่คงอยากมีชีวิตที่สุขสบายมากกว่าที่เป็นอยู่

ครอบครัวเธอแบกหนี้สินมาไม่ต่ำกว่าหกปีแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ส่งลูกสาวไปเรียนต่อที่อังกฤษ เพราะระยะสิบปีหลังก่อนที่บิดาจะสิ้น ท่านลงทุนทำธุรกิจหลายอย่างซึ่งส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ บางครั้งเหมือนเอาเงินไปทิ้งเสียมากกว่าด้วยความที่ต้องการกอบกู้ฐานะ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นยิ่งถลำลึกเพราะเชื่อคำยุยงของเพื่อนฝูงและคนรอบข้างบางคนที่ไม่หวังดีและอาจเข้ามาหาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์

“แม่ชอบคุณบราวน์ขนาดนั้นเลยหรือคะ”

“แม่รู้แค่ว่าเขาจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ แล้วลูกหญิงของแม่ก็ไม่ต้องเหนื่อยทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียวอย่างทุกวันนี้ แถมไม่เท่านั้น วังธาดาของเราก็จะยังคงเป็นของเราตลอดไป”

พราวรัมภาจำต้องพยักหน้ายอมรับ ไม่ใช่เพราะอยากสบาย เพราะสิบกว่าปีมานี้ก็แทบไม่เคยใช้ชีวิตหรูหราเกินกว่าชาวบ้านชาวช่อง เพียงแค่มีที่อยู่เป็นวังและไปทางไหนมีคนยกย่องให้เกียรติในฐานะคุณหญิงคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นเกียรติยศที่คนอย่างพราวรัมภาต้องรักษาเอาไว้ แต่ที่ต้องยอมเห็นดีเห็นงามกับมารดาก็เพราะต้องการรักษาวังธาดาไว้ เนื่องจากบิดารักวังนี้มาก ท่านเรียกที่นี่ว่าเป็นบ้านของท่าน

แม้ท่านจะไม่ได้สั่งเสียให้ลูกสาวคนเดียวรักษาสมบัติชิ้นสุดท้ายไว้ให้ได้ แต่พราวรัมภาก็รู้ได้เองว่าเธอต้องรักษาวังธาดาเอาไว้เพื่อเกียรติของตระกูลธาดาเทพในสายของหม่อมเจ้าชรินทร

“แล้วคุณสารัชล่ะคะ” พราวรัมภาอดถามถึงชายคนนี้ไม่ได้ เขาเข้ามาพัวพันกับมารดาของเธอหลังจากที่บิดาสิ้นไปได้ไม่ถึงปี

สารัชเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง เป็นพ่อม่ายที่เลิกรากับภรรยาเก่ามานานหลายปีโดยที่ยังไม่มีคนใหม่ เขาสนใจหม่อมสุภัสสรทั้งที่รู้ว่าตอนนี้หม่อมมีแต่ตัวเท่านั้น แต่พราวรัมภาก็ยังรู้สึกรังเกียจหากเขาจะมาแทนที่บิดา

แล้วตอนนี้เขายังเป็นคนชักพามิสเตอร์บราวน์ มหาเศรษฐีจากอเมริกามาให้เธออีกด้วย ทั้งคู่สนิทสนมกันมาได้สักระยะ เพราะสารัชเป็นที่ปรึกษาการลงทุนในประเทศไทยให้นักลงทุนรายนี้

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ลูกไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องคุณสารัช แม่กับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน”

“แต่ใครๆ เขาไม่คิดกันอย่างนั้นนะคะ”

“นั่นมันเรื่องของเขา ลูกหญิงขา...มีใครบ้างไม่ถูกนินทา ขนาดพระพุทธองค์ยังตรัสไว้เลยว่าไม่มีใครในโลกที่ไม่ถูกนินทาแม้แต่พระองค์เอง”

“แม่อ่านหนังสือธรรมะด้วยหรือคะ พราวเพิ่งรู้” พราวรัมภาทำเสียงเหมือนไม่ค่อยเชื่อ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่มารดาเอ่ยมานั้นเป็นเรื่องจริง

“ใครเขาอยากจะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ คนเราทุกวันนี้นับถือกันที่เงิน ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าแม่จะเห็นแก่เงินหรอกนะคะ” หม่อมสุภัสสรเอ่ยกับลูกสาวคนเดียวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ปกติเธอมักพูดจากับลูกด้วยถ้อยคำไพเราะเสนาะหูตามแบบชาววังจนติดเป็นนิสัย

“พราวเข้าใจค่ะว่าเรากำลังมีปัญหา แม่ก็คงไม่อยากสูญเสียวังนี้ไป พราวเองก็สงสารท่านพ่อ แต่แม่ก็ได้ข่าวมาเหมือนกันใช่ไหมคะว่าเราถูกคนเขาพูดถึง แม้แต่ญาติๆ เราเอง”

“รู้ค่ะ ทีแรกก็ซุบซิบกันเรื่องแม่กับคุณสารัช ทั้งที่เราสองคนก็โสดทั้งคู่ ไม่รู้จะพูดถึงกันไปทำไมเพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิดทำนองคลองธรรม แล้วตอนนี้ก็มาซุบซิบกันต่อเรื่องหญิงพราวกับคุณบราวน์”

“เขาคงว่าเราหิวเงินจนหน้ามืด” พราวรัมภาบอกเสียงเบาด้วยความสลดและสะเทือนใจ

แม้จะเป็นคุณหญิงที่มีชีวิตความเป็นอยู่ธรรมดาและเรียบง่าย แถมยังต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาพยุงฐานะทางบ้าน แต่เรื่องของศักดิ์ศรีนั้นเธอไม่คิดว่าตนเองจะเป็นสองรองใคร จึงรู้สึกย่ำแย่อย่างที่สุดเมื่อต้องรับรู้ว่าถูกกล่าวหาเป็น ‘คุณหญิงหิวโซ’

“ลูกขา เขาอิจฉาเราน่ะสิ ก็ลองคุณบราวน์เดินเข้าบ้านคนพวกนั้น ขี้คร้านจะรีบเปิดประตูรับกันแทบไม่ทัน”

“แต่พราวอิจฉาคนที่เขาได้แต่งงานกับคนที่ตัวเองรักมากกว่าค่ะ”

“หญิงพราว...” หม่อมสุภัสสรหันมองหน้าลูกสาวด้วยสายตาอ่อนลง

“พราวอยากมีชีวิตที่เรียบง่ายค่ะแม่ ไม่ได้อยากเป็นเมียมหาเศรษฐีเลย ถ้าแลกชีวิตกับคนที่เขาต้องการคุณบราวน์ได้ พราวก็ยินดีแลก”

“โธ่ ลูกขา...พูดอะไรอย่างนั้น คุณบราวน์เลือกลูกก็เพราะความเหมาะสม เขามีเงินมากจนล้นเหลือ คงไม่ต้องการเงินจากใครอีก เขาถึงได้มองหาสาวสวยและมีเกียรติมายืนเคียงข้างไงคะ”

พราวรัมภารู้ว่าตนเองมีเกียรติยศแน่นอน แต่คนที่ปรารถนาตัวเธออย่าง วิลเลียม บราวน์ จะมองเห็นคุณค่านั้นเพียงใด บางทีเขาอาจจะมองเห็นเธอเป็นเพียงที่ระบายอารมณ์เท่านั้น!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น