จัสติน โธมัส บราวน์ เปิดอ่านรายงานฉบับหนึ่งผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ภายในห้องพักบนตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงย่านริมฝั่งเจ้าพระยา
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้แรงๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เพิ่งผ่านสายตาไป ตอนนี้เขากำลังจับตามองรูปภาพของสาวไทยคนหนึ่งที่มาพร้อมกับรายงานจากนักสืบเอกชน
หม่อมราชวงศ์พราวรัมภา ธาดาเทพ
ในรายงานมีภาพของสาวสวยที่เป็นถึงราชนิกุลอยู่หลายใบ และมีภาพใบหนึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีรูปร่างหน้าตาสะสวยไม่แพ้ลูกสาวเพียงแต่ดูสูงวัยกว่า เพียงแค่เห็นรูปก็แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเหตุใดพ่อของตนจึง ‘ติดกับ’ ได้ง่ายดายถึงเพียงนี้
เขายังคงเพ่งมองรูปสาวสวยที่มีเชื้อสายผู้ดีเต็มตัว เธอแต่งกายสวยงามมิดชิด ถึงกระนั้นบางรูปที่เป็นชุดแบบพอดีตัวก็ยังเน้นให้เห็นทรวดทรงสวยงามอย่างเด่นชัด แถมใบหน้าสวยอ่อนหวานแบบไทยๆ นั่นอีกที่น่าจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้ชาย โดยเฉพาะ วิลเลียม บราวน์ พ่อของเขา ให้เข้าไปหาได้ไม่ยาก
แม่สาวเลือดผู้ดีคนนี้มีดีกรีติดตัวมาจากอังกฤษ แถมยังนามสกุลดังและสวยแบบหาตัวจับยากอีกด้วย เขาเพ่งมองอยู่นานก็พอรู้ว่าเจ้าหล่อนไม่ได้ผ่านมีดหมอมาแน่นอน ใบหน้าสวยอ่อนหวานนั้นมีทั้งความสดใสตามวัยและเซ็กซี่นิดๆ แบบเป็นธรรมชาติ
จากที่เห็นการแต่งกายของหญิงสาวในรูป จัสตินรู้ว่าพราวรัมภาไม่ได้จงใจให้ตัวเองเซ็กซี่ เพราะเธอค่อนข้างแต่งตัวแบบผู้ดีและมีราคา บ่งบอกรสนิยมเป็นอย่างดี แต่ผู้หญิงเช่นนี้กระมังที่ผู้ชายหลายคนใฝ่ฝันหา เพราะเจ้าหล่อนมีแรงดึงดูดทางเพศแบบที่พระเจ้าให้มาโดยไม่ต้องพยายามให้เหนื่อย
ที่จัสตินรู้สึกเช่นนั้นไม่ใช่เพราะพ่อของตนกำลังติดพันเธอ แต่เขาเห็นตั้งแต่แวบแรกที่มองภาพถ่ายของเธอ
จัสตินเป็นฝรั่งที่เติบโตเมืองนอกก็จริง แต่เขากลับนิยมสาวไซซ์เอเชียที่มีรูปร่างกลมกลึงเล็กกะทัดรัด ที่สำคัญเขาชอบคนผิวขาวสะอาดสะอ้านซึ่งต่างจากรสนิยมฝรั่งทั่วไป และดูเหมือนพราวรัมภาจะมีทุกอย่างตรงตามที่เขาต้องการ ซึ่งคงเป็นรสนิยมของพ่อเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าเมืองไทยไม่มีคนสวยอีกแล้วนอกจากพราวรัมภา แต่คนสวยแบบจับใจนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ เขาจึงไม่ประหลาดใจว่าทำไมพ่อถึงคิดจะแต่งงานใหม่ตามข่าวที่ได้ยินมา
จัสติน บราวน์ มาปักหลักอยู่เมืองไทยได้ราวปีเศษเพื่อลงทุนทำธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ทำเงินจากการเทรดหุ้นได้มากมายมหาศาลตั้งแต่เพิ่งเรียนจบมาจนถึงวันนี้
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เขาชอบประเทศไทยจึงคิดมาใช้ชีวิตแบบสบายๆ ที่นี่ เพราะตอนเป็นวัยรุ่นเคยเรียนหนังสืออยู่ในกรุงเทพฯ นานหลายปี เนื่องจากวิลเลียมผู้เป็นพ่อเคยมาลงทุนทำธุรกิจในไทย กระทั่งแม่ของเขาป่วยหนักและเสียชีวิต สองพ่อลูกจึงตัดสินใจย้ายกลับไปอเมริกาอีกครั้ง
หลังจากแม่เสียชีวิต พ่อก็มีผู้หญิงใหม่อีกหลายคนแต่ไม่เคยแต่งงานกับใคร ส่วนใหญ่พ่อมักจะคบใครไม่ได้นานก็ต้องมีอันเลิกรากัน จนเขาเริ่มรู้สึกว่าพ่อเป็นนักล่ารักแต่ไม่เคยพบความรักเลยสักครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกจึงค่อนข้างห่างเหินในช่วงที่จัสตินเริ่มโตเป็นหนุ่มเต็มตัว เขาแยกไปเรียนมหาวิทยาลัยในอีกรัฐหนึ่ง โดยที่พ่อเป็นนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงโด่งดัง และมักจะนั่งเครื่องบินไปติดต่องานเป็นประจำจนแทบไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
แต่วันนี้พ่อคงอยากหาที่ปักหลักแล้วก็ได้ และเลือกเมืองไทยเช่นเดียวกันกับเขา ซึ่งคนเป็นลูกชายรู้ดีว่าเหตุใดพ่อจึงเลือกที่นี่และเลือกแต่งงานอีกครั้งกับผู้หญิงไทย
โอลิเวีย แม่ของจัสตินเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ส่วนพ่อเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายยิว วิลเลียม บราวน์ จึงทำมาหากินเก่งตามสายเลือด และถ่ายทอดยีนนี้มาให้บุตรชายคนเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย
“สงสัยงานนี้พ่อจะไม่รอด” ชายหนุ่มพึมพำเป็นภาษาอังกฤษ ขณะที่สายตายังคงจ้องมองภาพราชนิกุลสาวสวยไม่วางตา “ฉันไม่เชื่อหรอกนะสาวน้อย ว่าเธอรักตาแก่อย่างพ่อจริงๆ”
จัสตินรู้ข่าวมาได้สักพักแล้วว่าพ่อของตนบินมาเมืองไทยบ่อยๆ ในระยะสองสามเดือนมานี้ จนกระทั่งเริ่มรู้สึกผิดสังเกต จึงลองสืบข่าวจากคนใกล้ชิดของ วิลเลียม บราวน์ ก็ได้ความว่าเขากำลังจะแต่งงานกับสาวไทยวัยกระเตาะเพราะตกหลุมรักเข้าอย่างจัง ซึ่งข่าวที่รู้มาจากคนใกล้ชิดของพ่อไม่ได้เกินเลยไปจากสิ่งที่นักสืบเอกชนเพิ่งรายงานเข้ามาในวันนี้
เหตุที่จัสตินต้องไหว้วานให้รอน หรือโรนัลด์ เพื่อนซี้ตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนนานาชาติที่กรุงเทพฯ ติดต่อจ้างนักสืบเอกชนเพื่อสืบประวัติของหม่อมราชวงศ์พราวรัมภา ก็เพราะเป็นห่วงสวัสดิภาพของผู้เป็นพ่อ แม้ก่อนหน้านี้พ่อเคยคบหาผู้หญิงมากหน้าหลายตา กระทั่งผู้หญิงไทยก็เคยมีเข้ามาในชีวิตแต่เป็นเพียงช่วงสั้นๆ ไม่ยืดยาวนัก แต่หนนี้เขาเห็นสัญญาณอะไรบางอย่างว่า ‘พ่อเอาจริง’
รายงานของนักสืบที่รอนจ้างมานั้นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกไม่ชอบมาพากลที่เขาได้กลิ่นมาตั้งแต่ต้น พ่อของเขากำลังหลงเด็กสาววัยคราวลูกที่อายุแค่ยี่สิบหก แถมเธอยังสวยหรูไปทั้งเนื้อทั้งตัว มีบ้านเป็นวังหลังใหญ่ที่ช่วยส่งให้ราชนิกุลสาวดูดีมีราคาเพิ่มขึ้นในสายตาฝรั่งที่ค่อนข้างเห่อความเป็นไทยอย่างพ่อ ซึ่งไม่ต่างไปจากรสนิยมของชาวตะวันตกโดยทั่วไป
หากพ่อคิดจะแต่งงานกับม่ายสาวอย่างหม่อมสุภัสสร เขาอาจไม่กังวลมากขนาดนี้ แต่พอได้รับรายงานจากนักสืบมาแล้ว กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่แค่เรื่องอายุที่สะกิดใจจัสตินเท่านั้น
แรกทีเดียวเขาคิดเพียงว่าสาวสวยรวยเสน่ห์ที่ไหนจะอยากนอนกับคนแก่วัยคราวพ่อ แต่เมื่อได้รู้ลึกลงไปว่าคุณหญิงพราวรัมภาเป็นไฮโซไส้กลวงนั่นต่างหากเล่า ที่ทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าเรื่องที่สังหรณ์ใจนั้นไม่ผิดแน่ๆ เพราะคุณหญิงคนสวยมีหนี้สินท่วมตัวที่ต้องตามใช้เป็นพัลวัน ไม่เท่านั้นวังอันหรูหราของเธอยังติดจำนองธนาคารอีกด้วย ทำให้คนเป็นลูกอย่างจัสตินทนอยู่เฉยไม่ได้
“ดูท่าเสือแก่อย่างพ่อจะสิ้นลายก็คราวนี้แหละ!”
เขาอ่านเกมของสองแม่ลูกแห่งตระกูลธาดาเทพออกเพราะไม่มีอะไรซับซ้อนเลยสักนิด ก็แค่แม่ม่ายหิวเงินเพราะจมไม่ลง เลยต้องขายลูกสาวให้เศรษฐีฝรั่งแก่ๆ เพื่อพยุงฐานะตัวเองไว้ หรือไม่งานนี้อาจจะทำให้สองแม่ลูกอู้ฟู่ยิ่งกว่าเดิมก็เป็นได้ ส่วนแม่ลูกสาวก็คงไม่ต่างอะไรกับ ‘คุณหญิงตกอับ’ ต้องยอมเอาตัวเข้าแลกกับความสุขสบาย แม้จะต้องกล้ำกลืนบำเรอรักให้ชายแก่อย่างพ่อของเขาก็ตาม
หลังจากนั่งคิดเรื่องพ่ออยู่อีกสักพัก จัสตินก็เริ่มเซ็งและเบื่อขึ้นมา คืนนี้เขานัดดาหวันไว้ที่คอนโดแห่งนี้ แต่กลับไม่อยากสนุกกับสาวสวยเซ็กซี่เสียดื้อๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงยังตั้งใจจะปลดปล่อยอารมณ์กับสาวร้อนอย่างดาหวันไปจนถึงเช้า
เขาคบกับดาหวันมาได้หลายเดือน และเป็นผู้หญิงที่คบหาด้วยนานที่สุดนับแต่กลับมาอยู่กรุงเทพฯ คราวนี้ เพราะเจ้าหล่อนมีอะไรหลายอย่างที่ถูกใจเขา โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องมีอะไรผูกมัดกัน
จัสตินไม่เคยคิดจะแต่งงานกับใคร เขาเคยไม่ชอบการใช้ชีวิตของพ่อเรื่องผู้หญิง หลังจากแม่เสียชีวิตพ่อก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่สุดท้ายจัสตินกลับทำตัวไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ เขาเองก็เปลี่ยนผู้หญิงบ่อย ทั้งที่รู้สึกรังเกียจพฤติกรรมทางเพศเยี่ยงนี้ของผู้เป็นพ่อที่เคยบอกกับลูกชายว่า
‘ถ้าอยากให้ผู้หญิงถอดผ้า แกก็ต้องจ่ายเงิน ยกเว้นแม่ของแกคนเดียวเท่านั้นแหละที่ไม่อยากได้เงินจากฉันหรือจากแก’
แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่พ่อจะทำตัวเป็นเพลย์บอย เที่ยวจ่ายเงินซื้อผู้หญิงมาบำเรอความต้องการ เขารู้ว่าพ่อเข้าใจผิด แต่สุดท้ายเขากลับทำเช่นนั้น โดยพยายามบอกตนเองว่ายังไม่เจอผู้หญิงอย่างแม่ และกำลังอยู่ในช่วงแสวงหามาจนอายุสามสิบสามแล้วในตอนนี้
เขาโทร. ไปเลิกนัดดาหวัน จึงได้ยินเสียงหวานๆ ต่อว่ากลับมาเป็นภาษาไทยในลักษณะกระเง้ากระงอดซึ่งเป็นจุดขายของเธอที่มักจะเป็นสาวหวานช่างฉอเลาะ แต่พอขึ้นเตียงแล้วกลับร้อนเป็นไฟแบบที่เขาแทบไม่ต้องโหมกระพือ
จัสตินพูดไทยได้ค่อนข้างดีแม้จะไม่ชัดเป๊ะ หลังจากกลับมาอยู่กรุงเทพฯ นานหนึ่งปี เขาสามารถรื้อฟื้นภาษาไทยคืนมาได้ทั้งหมด เพราะเป็นคนมีพรสวรรค์เรื่องภาษาเป็นทุนอยู่แล้ว ทุกวันนี้จัสตินพูดได้ถึงสี่ภาษาแบบที่ไม่ต้องพยายามมากนัก
หลังวางสายจากดาหวันจึงโทร. หาเพื่อนซี้อย่างรอนทันที
“คืนนี้ว่างไหม” จัสตินถามเป็นภาษาอังกฤษตามที่คุ้นเคย
“ว่าง ว่าไง” ปลายสายซึ่งเป็นชายโสดเหมือนกันตอบแบบไม่ต้องคิด
“เบื่อ ไปหาอะไรดื่มกันหน่อยไหม” เขาบอกไปตามความรู้สึกในตอนนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องพ่อ แต่ตอนนี้จัสตินเริ่มรู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อหน่ายราวกับอยู่ในโลกใบนี้ตามลำพัง ทั้งที่เขามีผู้หญิงสวยมากมายรอให้เลือกได้ทุกเวลา แต่เขากลับไม่อยากเลือกใครขึ้นมาเสียเฉยๆ
ใจกลับคิดไปถึงหน้าสวยๆ แบบสาวผู้ดีของคุณหญิงพราวรัมภา เขาคิดถึงเจ้าหล่อนได้อย่างไรกัน ในเมื่อหล่อนกำลังจะมาเป็นแม่เลี้ยงของเขาในอีกไม่นานนี้
แม่เลี้ยงสาววัยยี่สิบหกซึ่งอ่อนกว่าลูกเลี้ยงถึงเจ็ดปี!
“เฮ้...ทำไมทำเสียงงั้นเล่า เหมือนเบื่อโลก” รอนทักกลับมา
“อืม...เซ็ง”
“นายเนี่ยนะเซ็ง แล้วสาวๆ หายไปไหนหมด ตอนนี้ใครเป็นเบอร์หนึ่ง ดาหวันใช่ไหม หรือว่านาตาลี”
คนที่กำลังเซ็งได้ยินชื่อหลังแล้วต้องส่ายหน้า นาตาลีคือสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกันที่เขาคบมาก่อนดาหวัน แต่ระยะหลังไม่ค่อยได้นัดเจอกัน เพราะนาตาลีทำงานในวงการบันเทิงและรับงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน อีกทั้งเขาเพิ่งเริ่มคบกับดาหวันในช่วงนั้นจึงห่างเหินกันไป
แต่ที่แน่ๆ จัสตินแทบไม่รู้สึกผูกพันกับใครเลยสักคน นอกจากสนุกกันไปวันๆ เพราะต่างคนต่างก็พอใจที่จะคบหากันด้วยเรื่องพรรค์นี้มาตั้งแต่ต้น
“เอาไว้คุยกันเพื่อน” เขาตัดบท
“นี่ นายน่าจะหาทำเลปักหลักกับใครสักคนได้แล้วนะ จะได้หายเซ็งเสียที ดาหวันก็ดีนี่ เห็นนายปลื้มที่คุณเธอช่างเอาอกเอาใจขนาดนั้น” รอนไม่ยอมจบ แต่พยายามหาทางออกให้เพื่อนเก่าที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่ไม่เคยขาดการติดต่อกันจนถึงวันนี้
“ก่อนจะแนะนำใคร บอกตัวเองก่อนดีไหม” จัสตินอดเหน็บไม่ได้ เพราะฝ่ายที่ทำปากดีแนะนำชาวบ้านก็ยังคงโสดและเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาพอๆ กัน
“ฉันไม่ได้เหงาเศร้าเซ็งเหมือนนายนี่ ขนาดไม่มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนนาย ฉันยังไม่เซ็งเลย”
“นายคงอยากบวช” จัสตินประชดให้ เพราะรู้ว่ารอนซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษนั้นนับถือพุทธตามฝ่ายมารดา
“ไม่ต้องมาประชดประชันกันหรอก เอ...หรือว่าเซ็งเรื่องพ่อนาย พวกเขารายงานเรื่องคุณหญิงนั่นให้นายแล้วใช่ไหม”
“เออ...นั่นแหละ ไว้คุยกันคืนนี้”
จัสตินตัดบทอีกครั้งก่อนจะวางสาย ตอนนี้เขาอยากหาที่เงียบๆ คุยกับใครสักคนที่ปรึกษาหารือกันได้ มากกว่าการลากสาวๆ ขึ้นเตียงไปสนุกกันแบบสุดเหวี่ยงเสียอีก
ความคิดเห็น |
---|