
บทที่ ๘
ไออุ่นจัดที่รินรดข้างแก้มและซอกคอก่อกวนห้วงนิทราอันสุขสงบ หญิงสาวประท้วงในลำคอเมื่อร่างกายถูกยุ่มย่ามหนักมือขึ้นเรื่อยๆ เธอลืมตา ครั้นเห็นใบหน้าคมเข้มลอยเด่นหราใกล้ๆ ก็ออกแรงผลักและถีบด้วยความตกใจ
เรี่ยวแรงนั้นทำให้ธีรดนย์หงายผลึ่ง เดหลีกระถดหนีหมิ่นเหม่ขอบเตียง เธอคว้าหมอนมาตีเขาพร้อมกับตวาดแว้ดทันทีที่รู้ว่าคนรักทำอะไร
“แทนทำบ้าอะไร ทำลงไปได้ยังไงฮะ!”
“ทำอะไรเล่า” ธีรดนย์ถามพลางยื้อยุดหมอนจากเจ้าหล่อน
“เมื่อคืนทำอะไร แล้วเมื่อกี้ทำอะไร ต้องให้บอกจริงๆ เหรอ”
ยิ่งคิดยิ่งเดือดดาล เดหลีกระชากหมอนมาฟาดแฟนหนุ่มระบายโทสะ
“ก็แค่จะปลุกเนี่ย จะลงไปวิ่ง เห็นนอนหลับอุตุมันน่าแกล้ง” เขาบอกพร้อมกับปัดป้อง “ใครจะไปทำไรได้ ไฟแดงโร่”
หญิงสาวชะงักกึก ใช้ความรู้สึกสำรวจกลางร่างกายตน ก่อนพบว่ามีปราการชั้นบางป้องกันจริงๆ
‘ใครจะไปรู้เล่า!’ เดหลีโต้ในใจแล้ววางหมอนลงบนเตียงเช่นเดิม ถึงอย่างนั้นสีหน้าหญิงสาวก็ยังคงเครียดเคร่ง แม้สิ่งที่เธอหวาดระแวงจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ร้ายกว่านั้น...มันอาจเกิดขึ้นตอนที่เธอไม่รู้ตัว
“ต่อไปแทนห้ามถึงเนื้อถึงตัวกับเดียร์ เข้าใจไหม”
อารมณ์ดีที่ได้เย้าแหย่คนรักพลันสะดุด ธีรดนย์ทำหน้านิ่ว เท้าเอวมองผู้ที่ยืนอยู่อีกฝั่งเตียงด้วยความงุนงงเป็นที่สุด เขามั่นใจว่าที่ผ่านมาเขากับเธอเข้ากันได้ดี ไม่สิ...ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมต่างหาก
“ไม่อะ ไม่เข้าใจ”
“ถึงไม่เข้าใจก็ต้องทำ” เดหลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ต่อไปเราจะไม่จูบ ไม่มีเซ็กซ์กัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ห้ามแทนทำอย่างนั้นกับเดียร์”
“จะใช้ไม้นี้เอาคืนแทนใช่ไหม” เขาย้อนเสียงแข็ง
หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยกลบเกลื่อนใจที่สั่นไหว แต่นี่เป็นแค่ความตั้งใจแรกเท่านั้น เธอจะหวั่นไหวไม่ได้เด็ดขาด
“ได้...” เขาประชดลอดไรฟัน “ได้สิ ตามใจ”
ธีรดนย์ก้าวออกจากห้องเร็วๆ รู้สึกเหมือนถูกคนรักหมิ่นแคลนด้วยข้อห้ามเหล่านั้น ทั้งที่เมื่อวานเขาคิดว่าทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้วแท้ๆ หลังได้รับคำขอบคุณจากเธอ
‘ขอบคุณที่พามา ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง’
ถ้าไม่ใช่เพราะตะกอนปัญหาคาค้างใจ เขาคงรั้งศีรษะเธอมาปล้ำจูบสักที แต่ธีรดนย์เพียงแค่ยิ้มปูเลี่ยนๆ อย่างไม่คุ้นชินกับคำขอบคุณจากคนรัก เขาละวางความเคืองขุ่นต่อเธอไว้ที่คืนวาน แล้วตั้งใจว่าจะกลับมากระชับความสัมพันธ์ ทว่าเดหลีกลับถีบเขาตกจากยอดเขา
ได้...เขาก็อยากรู้ว่าเดหลีจะต้านทานความต้องการระหว่างกันได้นานเท่าไร เธอทนได้เขาก็ทนได้เหมือนกัน
หลังแว่วเสียงประตูห้องปิดลง หญิงสาวก็รีบตะครุบโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูข้อความจากเธอคนเมื่อวาน แล้วแทบปาโทรศัพท์ทิ้งเมื่อไม่ได้รับข้อความตอบกลับอย่างที่คิดหวัง แต่ยั้งมือไว้ได้ทัน แล้วพุ่งตัวไปเปิดกระเป๋าสตรีบนตู้ลิ้นชักแทน
หยีจะทำตามที่เดียร์บอกในแบบของหยีโดยไม่บอกคนอื่นว่าตัวเองเป็นใคร ส่วนเรื่องงานหยีจะพยายามสักตั้ง แต่ถ้าฝืนไม่ไหวหรือถูกจับได้ เดียร์ก็คิดหาทางออกไว้แล้วกัน
วันนี้หยีไปงานศพตัวเอง เจอแจ็กกี้ จูลี่ แล้วก็เพื่อนร่วมเอก วันๆ ของเดียร์ทำอะไรเจอใครบ้างก็ควรบอกให้รู้ อยากให้ใครปฏิบัติกับเราอย่างไรก็อย่าลืมทำอย่างนั้นกับเขา หยีจะซื่อสัตย์ถ้าเดียร์ซื่อสัตย์
แล้วก็เลิกดื่มซะที แทนและหยีต้องเดือดร้อนเพราะเดียร์
‘แทนและหยี’ หรือ
เดหลีแทบกรี๊ดใส่คนที่บังอาจชี้แนะ ทั้งที่เธอเป็นฝ่ายค้นพบความจริงและหาวิธีปกป้องทั้งญาณิศาและตนเอง ไม่อยากเชื่อว่าข้อความเหล่านั้นจะมาจากเพื่อนผู้แสนดีในสายตาใครต่อใคร รวมถึงเธอที่เคยเป่าหูชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ญาณิศาก็โอนอ่อนคล้อยตามทุกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะจำลายมือเพื่อนสนิทได้ เดหลีไม่มีทางเชื่อว่าญาณิศาจะกล้าหักกับเธอ
ใจหนึ่งที่หุนหันพลันแล่น เดหลีอยากป่าวประกาศบอกความจริงกับทุกคนที่รู้จัก ให้รู้กันไปว่าระหว่างเธอที่เป็นเจ้าของร่างกายตัวเองกับญาณิศาที่อิงแอบใต้เงาผู้อื่น ใครสมควรถูกประณาม ถ้าเพียงแต่มีคนเชื่อว่าเธอพูดความจริง ทว่ามันยากจะเชื่อ และไม่แคล้วคนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เต็มๆ ก็คือเธอ...เจ้าของชื่อเสียงเรียงนาม หน้าตา และเรือนกาย
หญิงสาวทิ้งตัวนั่งบนเตียง ปาสมุดบันทึกสุดแรง ระบายความโกรธเคืองที่มีต่อผู้ที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ยิ่งตระหนักว่าเธอคิดอยากแก้เผ็ดเอาคืนญาณิศามากเท่าไรก็เท่ากับเป็นการทำลายตนเองและทุกสิ่งที่ตนสร้างมา เดหลีก็ยิ่งโกรธจนกายสั่นเทิ้ม น้ำตาคลอ
ถ้าคิดว่าจะเอาชนะเธอได้ก็มาสู้กันสักตั้ง ถ้าคิดจะชุบมือเปิบครอบครองชีวิตที่เธอสร้าง คนรัก และหน้าตาในสังคม เดหลีจะทำทุกวิถีทางให้ญาณิศาประสบความยากลำบากนับแต่วันนี้เป็นต้นไป
หญิงสาวกวาดตาสำรวจห้องพักแบบสตูดิโอที่เจ้าของประกาศให้เช่าพร้อมเฟอร์นิเจอร์ด้วยความพึงพอใจ ถึงแม้พื้นที่ห้องจะแคบไปบ้าง มีบานเลื่อนกระจกกั้นห้องนอนกับห้องนั่งเล่นเป็นสัดเป็นส่วน แต่ก็ไม่เลวสำหรับการอยู่คนเดียว ที่สำคัญคือ ห้องเช่าพร้อมอยู่ในคอนโดมิเนียมแห่งนี้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐานและอยู่ใกล้เส้นทางรถไฟฟ้า เท่านั้นก็เพียงพอให้ผู้ที่เร่งรีบหาที่พักใหม่ตกลงปลงใจเซ็นสัญญา
เดหลีหลุบตามองกุญแจและคีย์การ์ดในมือแล้วใจหาย เธอไม่ได้บอกธีรดนย์ล่วงหน้าเรื่องที่ตัดสินใจย้ายออก แต่เขาจะต่อว่าเธอไม่ได้ตราบใดที่เธอยังคงชำระหนี้ที่กู้ร่วมกัน ไม่ได้จะทิ้งภาระให้เขาเสียหน่อย
แม้เพียรย้ำกับตนเองเช่นนั้น เดหลีก็เลือกหลบออกมาก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับมาจากยิม แสร้งเมินข้อความและสายเรียกเข้าจากเขา แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่มีอะไรรับประกันความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวร่วมห้อง เธอไม่เชื่อว่าชายหญิงที่สิเน่หาต่อกันจะทำเพียงแค่นอนหลับจับมือได้ทุกคืนค่ำ เดหลียอมหักใจจากความรักความหวงแหน ตัดไฟแต่ต้นลมเสียแต่ตอนนี้ ดีกว่าเจ็บปวดเจียนตายวันที่ทุกอย่างถลำลึก
ร้ายกว่านั้น หากความใกล้ชิดเปิดโอกาสให้ธีรดนย์ได้เรียนรู้นิสัยใจคออีกด้านที่ไม่ใช่ตัวตนของเธอหากญาณิศายืนกรานจะเป็นตัวของตัวเอง แล้วเขาค่อยๆ ตกหลุมรักตัวตนด้านนั้น มันยิ่งกว่าฝันร้ายที่ฝังจิตฝังใจ เพราะไม่เพียงแต่สูญเสียคนรักให้เพื่อนดังที่เคยระแวง เดหลีคงรู้สึกเหมือนตายจากตัวตนที่เป็น ตายจากความรัก ตายทั้งเป็นในร่างกายตน
แม้หนึ่งวันมียี่สิบสี่ชั่วโมงเท่าเดิม แต่หญิงสาวรู้สึกเหมือนเวลาในชีวิตสั้นลง เมื่อเข้าใจกฎแห่งเวลาแล้วว่าเวลาของตนจะหมดลงเมื่อนาฬิกาตีสิบสองครั้ง...หรือตอนเที่ยงคืน
เทวดาไม่เห็นใจนักท่องราตรีบ้างเลย!
เดหลีตะโกนประท้วงในใจ หลังเร่งมือเก็บเสื้อผ้าข้าวของจำเป็นจนแล้วเสร็จ ธีรดนย์ก็ยังไม่กลับมา โทร. ไปก็ไม่รับสายราวกับต้องการเอาคืนเธอ
‘อยากให้ใครปฏิบัติกับเราอย่างไร ก็อย่าลืมทำอย่างนั้นกับเขา’
ข้อความยอกย้อนของญาณิศาสะท้อนในมโนสำนึก เดหลีกรีดร้องในลำคอประสาคนแพ้ไม่เป็น ยิ่งเป็นคำแนะนำจากผู้ที่ประสบการณ์ชีวิตเป็นศูนย์อย่างนั้นเธอก็ยิ่งต่อต้านอย่างถือศักดิ์ศรี ต่อให้สิ่งที่อีกฝ่ายตักเตือนจะกระทบความรู้สึกเข้าอย่างจังก็ตาม
ฟ้าภายนอกเริ่มหม่นมัว สักหลาดสีเทาคลี่ปกคลุมเมืองหลวงยามโพล้เพล้ เช่นเดียวกับความรู้สึกของหญิงสาวที่บอกลาไม้กระถางแต่ละต้นที่ตนประคบประหงม เธอนำพวกมันไปด้วยตอนนี้ไม่ได้ และตั้งใจว่าหากรถยนต์ซ่อมเสร็จเมื่อไรค่อยมาขนย้ายอีกที
ตอนนั้นเองที่ประตูห้องเปิดออก เดหลีสบตาคมกล้าที่เลื่อนจากกระเป๋าเดินทางกลางห้องมาจับจ้องเธอ
“รออยู่พอดี” เธอบอกตั้งใจจะพูดจาด้วยเหตุผลให้เขาเข้าใจ
“จะไปไหน”
“เดียร์จะไปอยู่ห้องเพื่อน เขาฝากดูแลห้องระหว่างที่ไม่อยู่”
“เพื่อนคนไหน” ชายหนุ่มเค้นเสียงถาม ไม่อยากเชื่อว่าหญิงสาวแต่งเรื่องอีกครา
“แทนไม่รู้จักหรอก เพื่อนสมัยมัธยม” เธอตอบส่งๆ และยืนยันด้วยรอยยิ้มบางๆ ให้เขาสบายใจ “ไม่ต้องห่วง ยังไงเดียร์ก็ส่งค่าห้องทุกเดือนน่า”
“คิดว่าแทนห่วงเรื่องเงินมากกว่าคนงั้นเหรอ” ธีรดนย์ย้อนทันควัน นัยน์ตาวาวขึ้นราวมีประจุลูกไฟข้างใน “เดียร์เป็นอะไรกันแน่ มีคนใหม่หรือไง พูดมาตรงๆ ได้อยู่แล้ว”
“เดียร์-ไม่-คบซ้อน” เธอเอ่ยหนักแน่น
“แล้วเหตุผลของการไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ไม่นอนด้วยกัน แล้วยังย้ายออกมันคืออะไร” เขาถามเสียงเข้ม “เอาดีๆ เดียร์ตอบตรงๆ”
เขาร้องขอความจริงจากเธอในเวลาที่เธอตัดสินใจเดินหน้าและไม่อาจหันหลังกลับ และถึงแม้เธอจะบอกความจริงสักกี่ครั้งเขาก็ไม่เชื่อ มีประโยชน์อะไรที่จะทุ่มเถียงผิดใจกันด้วยเรื่องเดิม
เดหลียึดกระเป๋าเดินทางแน่นขณะหักห้ามความอ่อนไหว เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นใจธีรดนย์ เข้าใจที่เขาต้องการคำตอบชัดเจน ที่ผ่านมาทั้งเขาและเธอต่างชัดเจนในความสัมพันธ์ เธอกับเขาไม่เคยมีความลับต่อกัน ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คบกันยาวนานถึงเจ็ดปี ทว่าตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป เธอเลือกถอยออกมาดีกว่าสูญเสียทั้งตัวและหัวใจเขาให้ผู้อื่นอิงแอบครอบครอง
“เดียร์มีเหตุผลของเดียร์” หญิงสาวตอบไปในที่สุด “แต่ถึงเราไม่อยู่ด้วยกันก็ยังเจอกันได้ แทนยังเป็นคนสำคัญที่สุดเสมอ”
“เหรอ ในฐานะอะไร” เขาย้อนเสียงขื่น
“ฐานะเดิม”
ธีรดนย์เบือนหน้าขบกราม แม้เชื่อว่าเดหลียังคงรักตน ไม่มีใครเข้ามาแทนที่ความสำคัญดังคำพูดของเธอ แต่คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม...ความสงสัยกลับเพิ่มพูนเต็มอก และเขาจะต้องรู้สาเหตุที่แท้จริงให้ได้
“ย้ายไปอยู่ที่ไหน” เขาข่มใจถาม แล้วได้รับรอยยิ้มเปิดเผยตอบมา
“แถวพระโขนงน่ะสิ ไกลหน่อยแต่มีรถไฟฟ้า คอนโดติดถนนใหญ่ด้วย ปลอดภัย” เธอเอ่ยเสียงแจ่มใสราวรอตอบคำถามนี้อยู่แล้ว
“เอาของไปแค่นี้?” ชายหนุ่มชำเลืองมองกระเป๋าเดินทางกับกระเป๋าสะพายใบใหญ่อย่างละใบ
“ทำไม เดียร์ไม่ทันย้ายออกก็คิดจะกำจัดข้าวของที่เหลือแล้วเหรอ” เดหลีแกล้งเย้า หวังลดความตึงเครียด ก่อนถูกประชดอย่างสมจริงเข้าให้
“คิดอยู่”
หญิงสาวมองค้อน แต่ลึกๆ โล่งใจหนักหนาที่ธีรดนย์รับฟัง ยอมรับการตัดสินใจของเธอ แม้เขาเองจะไม่พอใจและไม่เข้าใจเหตุผลก็ตามที
“แทนไม่ต้องไปส่งหรอก”
มือที่ช่วยถือกระเป๋าสะพายพลันชะงัก เดหลีเสหลบตาที่ทอประกายสับสน กลบเกลื่อนความหวั่นไหวของตนด้วยการเอ่ยติดตลก
“เดียร์เลือกไปเอง แทนจะลำบากไปส่งเพื่อ”
“อย่าโบ้ยเลย เดียร์ไม่อยากให้รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็บอกมาเถอะ” เขาดักคออย่างรู้ทัน “ถ้าต้องการอย่างนั้นก็จะลงไปส่ง หรือไม่ได้เพราะนัดใครมารับ”
หญิงสาวส่ายศีรษะ ก้อนเนื้อในอกปวดปลาบกับสิ่งที่ตนตัดสินใจทำลงไปและผลกระทบต่อคนที่เธอรัก ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์บ้าๆ ขึ้นกับชีวิต กาลเวลาและเรื่องราวต่างๆ นานาที่เข้ามาและผ่านไปวันแล้ววันเล่าทำให้เดหลีเกือบลืมไปแล้วว่าเธอรักเขามากเพียงใด
ไม่เพียงแต่เป็นคนรักที่ดี ธีรดนย์เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เป็นมนุษย์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งในชีวิตเธอ
“ไม่ได้นัด ถึงเดียร์จะสวย แต่ไม่เคยหว่านเสน่ห์หลอกใช้ผู้ชายนะ” เดหลีตอบอย่างภาคภูมิใจ และยังต้องการให้ความมั่นใจแก่ผู้ชายคนเดียวที่เธอหว่านเสน่ห์ใส่
ถ้าตาไม่ฝาด เธอเห็นรอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง แต่ไม่ทันพิจารณาหาความรู้สึกของเขา ธีรดนย์ก็ฉวยกระเป๋าล้อลากไปจากเธอแทน
เดหลียอมให้แฟนหนุ่มลงไปส่งข้างล่าง ที่จริงเธอไม่ต้องการพรากจากเขา สี่ปีที่ลืมตาตื่นมาพบคนรักเคียงข้างกลายเป็นความคุ้นเคย แต่ถ้าเรื่องงานเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอกับธีรดนย์จำเป็นต้องห่างกันบางคืนวัน นี่ก็เป็นอีกภาระหน้าที่ที่เดหลีตั้งใจจะทำให้ลุล่วง จนกว่าเธอจะเข้าใจและหาทางแก้ไขเรื่องมหัศจรรย์พันลึก เธอจำเป็นต้องอยู่ห่างจากเขา ก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างกันจะยุ่งเหยิงอีนุงตุงนัง
ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่วายใจหายตอนที่ธีรดนย์ช่วยยกกระเป๋าใส่ท้ายรถแท็กซี่
“ถึงแล้วบอกด้วยละกัน” เขาบอกเสียงอ่อนลง ทว่าคิ้วยังขมวดมุ่น
เดหลีพยักหน้า เอ่ยคำที่ไม่เคยบอกเขามาแสนนาน
“ขอบคุณนะ”
“อย่าขอบคุณเลย เพราะคำขอบคุณเมื่อวานกับวันนี้ทำแทนอิ่มใจจนจุก”
น้ำเสียงและแววตาเจ็บปวดผิดหวังของชายหนุ่มสะท้อนใจคนที่รักเขา เดหลีเม้มปาก ริมฝีปากสั่นระริกด้วยความเสียใจและโกรธเกรี้ยวโชคชะตา
ถ้าไม่ใช่เพราะญาณิศากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเธอ คอยแย่งเวลาความสุขและโอกาสต่างๆ เธอก็ไม่ต้องเป็นคนงี่เง่าไร้เหตุผลเช่นนี้ เป็นทุกข์กับความหวาดระแวงว่าธีรดนย์อาจปันใจไปหาคนอื่นที่ดีกว่าตนทั้งหมด เพราะญาณิศาคนเดียว
ความผิดที่ก่อและความรู้สึกผิดต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก็ส่วนหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าเดหลีจะยอมตกเป็นเบี้ยล่างโชคชะตาที่ถูกแทรกแซง เธอเก็บงำความรู้สึกเดือดดาลข้างในมาระบายผ่านข้อความเมื่ออยู่ลำพัง
แกทำให้ชีวิตฉันต้องปั่นป่วน
มีหน้ามาสอนเจ้าของชีวิตตัวจริงอีกหรือ
หญิงสาวยืนหอบหายใจหน้ากระจกเงา ลิปสติกสีแดงหลุดร่วงจากมือ
อีกคืนที่เดหลีต้องพึ่งพาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ย้อมใจ เมื่อก่อนเธอไม่นิยมดื่มชนิดเอาเป็นเอาตาย แต่ตอนนี้อะไรที่เป็นอุปสรรคต่อญาณิศา ทำให้อดีตเพื่อนรักทุกข์ทรมาน เดหลีปรารถนาให้ญาณิศาพบความลำบากยุ่งยาก เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายทำให้ชีวิตเธอต้องวุ่นวาย ยากจะควบคุม
แล้วความตั้งใจของเดหลีก็สัมฤทธิผล
อีกคืนที่ญาณิศารู้สึกตัวกลางดึกเพราะท้องไส้ปั่นป่วน เธอตะเกียกตะกายลงจากเตียงด้วยความทุลักทุเลเร่งร้อน จนไม่ทันคิดหาสาเหตุที่สภาพห้องเปลี่ยนไป เห็นประตูบานหนึ่งก็รีบผลักเข้าไป หญิงสาวเกาะขอบอ่างล้างหน้า อาเจียนเหม็นเปรี้ยวออกมา
ญาณิศาครางในลำคอหลังอาเจียนหมดไส้หมดพุง เธอใช้มือหนึ่งปิดจมูกขณะเปิดน้ำไล่เศษอาหาร ครั้นเงยหน้ามองกระจกเงาเต็มตา ข้อความสีแดงก็ซ้อนทับใบหน้าราวกับตีตราประจาน
สมองที่ถูกกดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ค่อยๆ ประมวลผล แล้วเมื่อรู้ว่าข้อความนั้นจะเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจากเดหลี กายสาวก็สั่นเทิ้ม ชิงชังความทะนงตนของอดีตเพื่อนรักจับใจ
เดหลีไม่เคยเห็นเธอเป็นคนเท่ากัน ที่ผ่านมาเธอเป็นแค่เครื่องประดับของสาวสังคมเท่านั้น เมื่อเธอกล้าแสดงความคิดเห็นบ้าง อีกฝ่ายถึงได้โกรธแค้นถึงขั้นประณามหยามเหยียด ทวงสิทธิ์เหนือชีวิตตน แล้วชีวิตเธอที่ต้องมีอันเป็นไปเล่า เดหลีจะชดใช้อย่างไร
หญิงสาวลบข้อความเหล่านั้นด้วยมือ ออกแรงราวกับต้องการลบความเจ็บปวดที่ประทับแน่นในความรู้สึก ยิ่งใบหน้าสะท้อนบนกระจกชัดเจนขึ้นเท่าไร ความชิงชังปนเจ็บแค้นที่เคยคบคนผิดก็ยิ่งประจักษ์แจ้งแก่ใจ
เราต้องตายก็เพราะเดียร์
แต่แกไม่เคยมองเห็นความผิดตัวเอง
เพราะอย่างนี้ทุกคนถึงเกลียดแกไง
เดหลีพรากชีวิตตอนนั้น ญาณิศาไม่มีโอกาสแม้แต่จะปกป้องตัวเอง เป็นเหตุให้ครอบครัวต้องเสียใจ แต่เธอจะไม่ยอมให้เดหลีทำร้ายจิตใจหรือกำหนดชีวิตเธออีกต่อไป
หญิงสาวปาลิปสติกแท่งนั้นลงในชักโครก น้ำตาพรั่งพรูออกมาด้วยความเจ็บใจ
อาการเวียนศีรษะทุเลาลงหลังล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็น ญาณิศาได้สติสำรวจห้องพักที่ตนตื่นขึ้นมาซึ่งประกอบด้วยเครื่องเรือนไม่กี่ชิ้นอย่างเตียง โซฟา ตู้เสื้อผ้า ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าก็มีแค่โทรทัศน์กับตู้เย็นบนเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ไม่มีอุปกรณ์ทำครัวสักชิ้น ผู้ที่ดูแลเซอร์วิซอะพาร์ตเมนต์มาก่อนค่อนข้างมั่นใจว่านี่เป็นห้องเช่าแน่นอน
เสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุดยังแขวนไม่เต็มราวตู้เสื้อผ้าเสียด้วยซ้ำ บ่งบอกว่าเดหลีคงรีบย้ายมาอยู่ที่นี่แบบปัจจุบันทันด่วน เธอค้นหาโทรศัพท์มือถือและสมุดบันทึกหวังทราบสาเหตุ แต่พบเพียงหน้ากระดาษว่างเปล่าและข้อความเดิมที่เธอส่งไปเมื่อวันก่อน คนที่กำหนดกฎกติกาบิดพลิ้วเสียเอง
ญาณิศารู้ดีแก่ใจว่าเดหลีคงโกรธเกลียดเธอยิ่งขึ้นหลังจากที่อ่านข้อความของเธอ คนมองโลกในแง่ร้ายอย่างเดหลีคงหวาดระแวงว่าผู้อื่นจะได้ดีกว่า เช่นที่เคยหวาดระแวงความรู้สึกที่เธอมีต่อธีรดนย์ ใช้วาจาส่อเสียดราวกับมิตรภาพระหว่างกันหมดความหมาย คราวนี้เดหลีก็คงต้องการให้เธออยู่ห่างจากธีรดนย์ หรือไม่ก็กลัวชายหนุ่มจับพิรุธพวกตนได้ แลกกับการยอมย้ายออกมาอยู่ลำพัง
ดีเสียอีก แต่นี้ไปเธอจะเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ทำสิ่งที่อยากทำ และเมื่อเดหลีเป็นฝ่ายผิดกติกาก่อน ญาณิศาก็ไม่จำเป็นต้องรักษากติกาเช่นกัน
หญิงสาวไม่รับสายหรือตอบข้อความตามตัวจากเพื่อนร่วมงานเดหลี หลังเปิดดูตำแหน่งแห่งหนที่ตนอยู่ผ่านโทรศัพท์มือถือ เธอก็ออกไปคาเฟ่ที่ได้ยินชื่อเสียงจากรีวิว ต่อด้วยเลือกซื้อเสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัวที่ห้างสรรพสินค้า รัศมีความรักสวยรักงามของเดหลีคงสะท้อนออกมาผ่านรูปลักษณ์ เธอถึงได้รับข้อเสนอมากมายจากคลินิกความงามและโยคะสตูดิโอ ญาณิศารับไว้พิจารณาด้วยความสนใจ
การมีชีวิตอิสระ ไม่ถูกจำกัดด้วยสุขภาพ และได้รับความสนใจเป็นเช่นนี้เองสินะ ชีวิตเช่นนี้ย่อมหล่อหลอมให้ผู้หญิงเปี่ยมด้วยความมั่นใจและถือดี เพราะไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงหรือง้องอนใคร
กว่าจะกลับถึงห้องตอนบ่ายแก่ เธอก็พบว่าตนใช้จ่ายไปพอสมควร เงินในบัญชีลดลงอย่างน่าใจหาย ญาณิศาคิดว่าเดหลีจะมีเงินเก็บมากกว่าตัวเลขห้าหลักหลายเท่า หรือไม่ก็อาจมีบัญชีอื่นที่ไม่ได้บอกเธอ
หญิงสาวปัดความรู้สึกรบกวนจิตใจแล้วลงมือจัดการข้าวของที่ซื้อมา เคาน์เตอร์ครัวแคบลงถนัดตาด้วยกระทะ จานชาม ตู้เย็นเต็มไปด้วยอาหารสดและผักผลไม้ พื้นที่กว่าครึ่งในตู้เสื้อผ้าเป็นชุดที่เพิ่งเลือกซื้อมา ญาณิศาวางแก้วน้ำและแปรงสีฟันด้ามใหม่ไว้ข้างแปรงสีฟันของเดหลีเป็นอย่างสุดท้าย
แม้จะใช้ร่างกายร่วมกัน ทว่าความรู้สึกของผู้หญิงสองคนกลับแบ่งแยกเหินห่างจนไม่อาจใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน
ความคิดเห็น |
---|