
บทนำ
การจราจรอันติดขัดของเมืองหลวงทำให้ผู้ที่ออกจากที่ทำงานใจกลางเมืองตอนหนึ่งทุ่มครึ่งถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านมาร่วมชั่วโมงแล้วเดหลียังไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง เธอเปิดแอปพลิเคชันสนทนาในโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อดูว่าสมาชิกที่นัดกันค่ำคืนนี้เดินทางถึงที่หมายครบหรือยัง แล้วก็ต้องแปลกใจที่เห็นสมาชิกที่ไม่คาดคิดปรากฏตัวในภาพถ่ายกลุ่มคนที่ไปถึงแรกๆ
เธอไม่ได้เกลียดชุติมน เธอแค่ไม่นับยายนั่นเป็นเพื่อน!
ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วที่เดหลีกับชุติมนไม่กินเส้นกัน สองสาวแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันภายใต้รอยยิ้มฉาบใบหน้า และหาโอกาสทิ่มแทงอีกฝ่ายด้วยการสาวไส้กี่ขดต่อกี่ขดสมัยเรียนโรงเรียนมัธยมแห่งเดียวกันมานินทาลับหลัง ทั้งหมดเพราะความหมั่นไส้ประสาผู้หญิงล้วนๆ ถ้าใครคนใดคนหนึ่งเข้าร่วมกิจกรรมใดของคณะ อีกคนจะต้องเสนอตัวมีส่วนร่วมด้วยเสมอ ไม่ยอมน้อยหน้า ทว่าเหตุการณ์ที่ทำให้เดหลีสาปส่งเพื่อนคนนี้คือตอนที่จับได้ว่าคนรักเก่าของเธอแอบคุยกับชุติมน ทั้งสองส่งข้อความหากันทั้งที่ไม่มีความจำเป็นที่ชายหนุ่มจากต่างสถาบันจะต้องรู้จักมักจี่กับเพื่อนที่เปรียบเสมือนคู่แข่งเธอ ถ้าไม่มีญาณิศาห้ามปรามและปลุกปลอบ เดหลีตั้งใจจะวีนชุติมนให้ไม่มีหน้ามาเรียนอีกเชียว
หญิงสาวไม่เหลือความไว้วางใจในตัวแฟนหนุ่ม เธอเลิกกับเขาหลังเหตุการณ์นั้น เดหลีหันมาทุ่มเทเต็มที่ให้แก่การเรียนและกิจกรรม ความโดดเด่นของดาวคณะอย่างเธอเป็นที่สนใจของหนุ่มๆ หนึ่งในนั้นคือธีรดนย์ นักศึกษาชั้นปีเดียวกันจากคณะบริหาร หนุ่มนักบาสเกตบอลผู้มีรอยยิ้มกว้างขวางจริงใจและเสียงหัวเราะเปี่ยมพลัง เธอกับเขาคบกันตอนปีสุดท้าย จวบจนปัจจุบันก็ล่วงเข้าเจ็ดปีพอดี
ธีรดนย์ไม่เหมือนแฟนเก่าเธอที่ชอบสมาคมหรือมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศเกินเรื่องกับสาวๆ เธอรู้สึกเหมือนพลิกกลับมา ‘ชนะ’ ชุติมน กระทั่งวันดีคืนดี...ไม่รู้โลกกลมหรือบิดเบี้ยว ชุติมนกลายเป็นเพื่อนร่วมงานคนใหม่ในฐานะเซลส์ประจำโรงแรมแห่งเดียวกัน และด้วยเหตุผลกลใดก็สุดรู้ ไดเรกเตอร์ชาวต่างชาติเลือกให้ชุติมนไปเป็นเลขานุการของเขาที่โรงแรมเครือเดียวกันในฮ่องกง เดหลีซึ่งกระหายพิสูจน์ตัวเองทั้งหัวเสียและผิดหวัง ยิ่งได้ยินว่าตอนนี้ชุติมนกลับมากินตำแหน่งใหญ่ขึ้นตามสายงาน เธอก็รู้สึกว่าที่ที่นั้นควรเป็นของเธอ ไม่ใช่คนปากหวานก้นเปรี้ยวอย่างยายนั่น!
เมื่อรู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคู่ปรับในรอบสองปี คนแรกที่หญิงสาวนึกถึงและหวังจะหาพวกหนีไม่พ้นญาณิศา เพื่อนสนิทที่นิสัยใจคอโอบอ้อมอารี สำหรับเดหลีแล้ว ญาณิศาเป็นทั้งเพื่อนที่ให้คำปรึกษา ทั้งพี่ที่เตือนสติ ทั้งน้องที่น่ารักน่าเอ็นดู
เธอส่งข้อความส่วนตัวหาญาณิศาซึ่งไปถึงร้านแล้วเช่นกัน
‘นังจอมปลวกโผล่ไปงานได้ไง หยีไม่เห็นบอกเราก่อนว่าชวนยายจูลี่มา เปลี่ยนใจไม่ไปได้ไหมเนี่ย’ (เอียง)
ไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมา
‘คงรู้จากเพื่อนสักคน มาเถอะนะเดียร์ ถ้าเดียร์ไม่มา หยีได้แกร่วทั้งคืนแน่’ (เอียง)
‘อย่าให้รู้นะว่าใครชวนมา’ (เอียง)
‘ชวนแทนมาด้วยก็ได้’ (เอียง)
‘บอกไว้แล้ว แต่ไม่รู้จะมาไหม คืนนี้ฮีมีนัดกินข้าวกับลูกค้า’ (เอียง)
‘มาเถอะน้าาา นี่หยีเลือกร้านนี้ก็เพราะเดียร์แชร์รีวิวมาให้เลยนะ’ (เอียง)
เห็นความพยายามหว่านล้อมเอาใจของญาณิศา เดหลีก็ค่อยๆ เย็นลง ที่จริงเธอไม่มีทางพลาดวันสำคัญของเพื่อนรักหรอก
‘ไปอยู่แล้ว วันเกิดเพื่อนเลิฟพลาดได้ไง’ (เอียง)
หญิงสาวยิ้มให้สติกเกอร์ตัวการ์ตูนกอดกันที่ญาณิศาส่งมา แล้ววางโทรศัพท์มือถือลงบนแท่นข้างพวงมาลัยรถ เธอเปิดหน้าจอแผนที่นำทางขึ้นมาอีกครั้ง ครั้นเห็นจุดหมายอยู่ในซอยลดเลี้ยวก็ทอดถอนใจ หวังว่าบรรยากาศร้านจะดีสมคำเล่าลือ หาไม่แล้วคงต้องทนฟังคนช่างติอย่างชุติมนค่อนแคะทั้งคืน
‘ร้านลับ’ ที่เป็นสถานที่นัดหมายค่ำคืนนี้เป็นเรือนกระจกยกพื้นเตี้ยๆ ล็อกเคบินสูงสองชั้นแวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ โดยเฉพาะรากอากาศและใบของต้นไทรที่แผ่ปกคลุมหลังคาร้าน แสงจันทร์สาดลงมาวับแวมยามค่ำคืนเช่นนี้จึงแลดูมีมนตร์เสน่ห์ลึกลับ กึ่งกลางทางเดินเป็นที่ตั้งของวงเวียนน้ำพุ รายรอบแท่นนาฬิกาแดด
ภายในร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เดหลีก้าวเข้าไปตกแต่งด้วยเครื่องเรือนทำจากไม้และหนังโทนสีดำกับน้ำตาล ได้กลิ่นหอมของกำยานที่พวยพุ่ง ควันจางๆ ลอยแตะจมูก หญิงสาวสะดุดตากับผนังด้านหนึ่งที่ตกแต่งด้วยนาฬิการูปทรงแปลกตาเป็นเอกลักษณ์หลายสิบเรือน บ่งบอกความหลงใหลส่วนตัวของเจ้าของร้าน และข้างเคาน์เตอร์บาร์ก็มีนาฬิกาตั้งพื้นโบราณ ลูกตุ้มสีทองแกว่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอราวกับจะสะกดจิตคนมอง
ครั้นกวาดตาหาพนักงานหรือใบหน้าคุ้นตาของเพื่อน เดหลีก็พบเพื่อนสาวสองคนเดินพ้นมุมกำแพงมาพอดี สามสาวทักทายกันเสียงเจื้อยแจ้ว แล้วพาคนที่เพิ่งมาถึงขึ้นบันไดไปด้วยกัน
“เหลือแกคนสุดท้ายเนี่ย ช้ากว่านี้ไม่เหลือไรให้กินแล้วนะ”
“รีบสุดแล้วเนี่ย อย่างกับพวกแกไม่รู้ว่าเย็นวันศุกร์รถติดนรกแตกแค่ไหน”
“ขนาดรีบนะ หน้าเป๊ะเว่อร์” เพื่อนอีกคนกระเซ้า
“เติมบนรถไงเล่า”
เสียงหัวเราะของสามสาวนำไปก่อนตัว เมื่อขึ้นมาถึงชั้นลอยซึ่งด้านหนึ่งไร้ผนัง มีเพียงราวกั้นมองลงไปเห็นบรรยากาศร้านข้างล่าง ญาณิศาก็รีบลุกจากโซฟามาหาเพื่อนรักทันที
“มาซะที รถติดจนหยีเกรงใจเดียร์เลย”
เดหลีหลุบตามองเพื่อนสาวที่โอบเอวเธอหลวมๆ ด้วยความดีใจ ญาณิศาตัวเล็กกว่าเธอร่วมสามนิ้ว ไว้ผมลองบ๊อบกับหน้าม้าหนา ไม่ต่างจากตอนที่ยังเป็นนักศึกษาแล้วเดหลีก็ชอบแกล้งสอดสองนิ้วหนีบผมม้าของเพื่อนเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว
“บอกว่ามาก็มาสิยะ แต่ลืมของขวัญไว้ที่คอนโดอะ”
“ไม่เป็นไรหรอก มาเจอกันก็ดีแล้ว”
ผู้ที่นั่งฝั่งหนึ่งของโซฟาตัวยาวพากันขยับให้สมาชิกที่เพิ่งมาถึง เดหลีนั่งริมสุดตรงข้ามญาณิศาซึ่งนั่งติดกับชุติมน สองสาวคู่แข่งแลกสายตาและส่งยิ้มให้กันราวไม่มีเรื่องขุ่นข้องหมองใจเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ต้องข้องเกี่ยวกัน
“ไม่เจอเดียร์ตั้งหลายปี ตั้งแต่ฉันกลับจากฮ่องกงละมั้ง สบายดีนะ”
“ดีมากกก” เดหลีลากเสียงตอบใส่จริต “เธอก็สวยขึ้นนะ”
“แหม ไม่นานก็ขึ้นเลขสามแล้ว ต้องดูแลตัวเองบ้าง ปาร์ตีหนักบ่อยๆ จะโทรมเอา”
คนฟังฉีกยิ้มปั้นแต่งแม้รู้ตัวว่าถูกแขวะ แน่สิ เธอเห็นโซเชียลมีเดียของชุติมนผ่านตาว่าเจ้าหล่อนขยันโพสต์ภาพในชุดออกกำลัง ส่วนเธอน่ะหรือ ขอเก็บแรงไว้ทำงานสังสรรค์ชอปปิงดีกว่า
“แล้ววันนี้แทนไม่มาด้วยเหรอจ๊ะ”
“ไม่ใช่แฝดสยามที่ต้องตัวติดกันตลอดนี่ ยังไงก็เจอหน้ากันทุกวัน ห่างกันบ้างก็ได้”
“พูดงี้เหมือนท้าทายอาถรรพ์รักเจ็ดปี”
“ท้าทายดีไหมนะ เพราะถึงยังไงก็เกินคนก่อนที่เจอ ‘อาถรรพ์’ เจ็ดเดือน” เดหลีลอยหน้าลอยตาตอบกลั้วหัวเราะ จงใจเน้นคำว่าอาถรรพ์ พร้อมกับสบตาท้าทาย ‘ตัวอาถรรพ์’ ที่เคยเป็นมือที่สาม
ชุติมนโปรยยิ้มตอบเสมือนทองไม่รู้ร้อน เมื่อเพื่อนในกลุ่มไม่รู้เรื่องราวในอดีต ก็ไม่มีความจำเป็นที่เธอต้องร้อนตัว
“เดียร์อยากสั่งอะไรเพิ่มไหม หยีไปเรียกพนักงานให้” ญาณิศาแทรกขึ้น หวังดึงความสนใจจากเพื่อนทั้งสอง
เดหลีมองอาหารนานาชาติละลานตาบนโต๊ะเตี้ยแล้วปฏิเสธ เธอรับจานจากเพื่อนคนหนึ่งที่ส่งมา ทว่าไม่ทันตักอาหารคำแรกใส่ปาก ชุติมนก็ชวนคุยอีก
“แล้วตอนนี้เดียร์ย้ายไปทำที่ไหนล่ะ พอฉันกลับมาถึงรู้ว่าเธอออกไปแล้ว”
คำถามนั้นคงเป็นการไถ่ถามทั่วไปฉันมิตร ซึ่งเดหลีคงไม่ติดใจถ้ามันไม่ได้ออกมาจากปากคนที่ชิงดีชิงเด่นกันตลอดมา
เธอบอกชื่อโรงแรมห้าดาวใจกลางเมืองที่ตนเป็นผู้จัดการฝ่ายขาย พร้อมกับยืดอกเชิดหน้าเล็กน้อย
“เสียดาย ถ้าอยู่ที่เก่าคงได้ทำงานด้วยกัน” ชุติมนทำสุ้มเสียงแสดงความรู้สึกตามคำพูด แต่ไม่วายถามซอกแซกต่อ “แล้วทำที่นั่นเดียร์ยังดูแลแอกเคานต์กลุ่มปิโตรเลียมเหมือนเดิมไหม”
ก่อนที่บรรยากาศระหว่างสามสาว เดหลี ญาณิศา และชุติมนจะอึดอัดไปกว่านี้ คนกลางที่รับรู้ความไม่ลงรอยของเพื่อนสองคนก็สบโอกาสขอเมนูจากพนักงานที่มาเสิร์ฟอาหารพอดี หลายคนที่ดื่มกินกันก่อนสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม ส่วนเดหลีสั่งค็อกเทลซิกเนเจอร์ของร้านปิดท้าย
“เดี๋ยวนะคะน้อง” ชุติมนเรียกพนักงานไว้แล้วหันไปเสนอความคิดแก่ทุกคน “ไหนๆ ก็ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ค็อกเทลซิกเนเจอร์ของที่นี่ก็ชื่อ ‘Time flies’ เรามาเล่นเกมรำลึกความหลังกันดีกว่า”
“ยังไงยะ” เพื่อนเกย์คนเดียวในกลุ่มถามขึ้น
“Truth or dare ไง เลือกมาว่าจะพูดความจริงหรือรับคำท้า เอาค็อกเทลนี่แหละมายกซด”
เพื่อนหลายคนพากันสบถไม่จริงจัง ไม่มีใครกลัวเมาเท่ากับต้องหารค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ทำท่าจะบานปลาย ถึงอย่างนั้นก็นึกสนุกตามคำชวนของชุติมน
เว้นแต่เดหลี...
“นี่งานวันเกิดหยีนะ พวกแกลืมรึเปล่า”
สายตาทุกคู่จับจ้องญาณิศาเพื่อรอการตัดสินใจ เจ้าของวันคล้ายวันเกิดจึงน้ำท่วมปาก จำต้องคล้อยตามเสียงส่วนใหญ่
“ก็น่าสนุกดีนะ เล่นกันก่อนค่อยตัดเค้กก็ได้”
“ต้องอย่างนี้สิจ๊ะ” ชุติมนเอ่ยเสียงระรื่น “เอา Time flies มายี่สิบแก้วเลยจ้ะน้อง”
เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบวง ยกเว้นเดหลีที่ตวัดค้อนมองเพื่อนรักอย่างไม่สบอารมณ์ อะไรๆ ญาณิศาก็ดีอยู่หรอก เว้นแต่นิสัยยอมคน ประนีประนอมทุกเรื่องทุกคนไปเรื่อย ที่ไม่เคยได้ดั่งใจเธอ
ได้...ในเมื่อชุติมนเสนอความคิดดีนัก เธอนี่แหละจะท้าดวลคนเจ้าความคิดเอง
คนที่เตือนและปรามเพื่อนคนอื่นกลับเสนอตัวเป็นคนแรก แน่นอนว่าเดหลีเลือกดวลกับชุติมน และเธอเลือกที่จะพูดความจริง ซึ่งชุติมนก็ต้องสารภาพความจริงเช่นกัน
“จริงหรือเปล่าที่สมัยมัธยมเธอเคยพักการเรียนไปทำแท้ง”
เริ่มต้นก็เผ็ดร้อน...ทุกคนพากันสูดปากรอฟังคำตอบจากเดหลี
“เลือกตอบตามจริงอย่างไม่ลังเลเลย ไม่เคยจ้ะ” หญิงสาวตอบเชิดๆ สวยๆ “แล้วจริงหรือเปล่าที่เธอเคยแย่งแฟนเพื่อน”
สายตาทุกคู่หันมองชุติมนที่หยิบแก้วค็อกเทลขึ้นมา ทว่าเจ้าตัวกลับตอบคำถามแทนการดื่ม
“ฉันว่าฉันไม่ได้แย่งนะ มีแต่ผู้ชายมาเอง”
เสียงโห่ฮาด้วยความหมั่นไส้ดังขึ้น เดหลียังคงยิ้มทั้งที่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เกมดำเนินต่อไปยังเพื่อนคนอื่น ให้สองสาวไม้เบื่อไม้เมาได้พักคิดหาทางแก้เผ็ดอีกฝ่าย คราวนี้เดหลีเลือกถามจากข่าวลือที่เคยได้ยินมา
“เขาว่าเธอเคยอ่อยอาจารย์แลกเกรดจริงหรือเปล่า”
หลายคนทำเสียงตกอกตกใจที่เดหลีกล้านำเรื่องซุบซิบนินทามาถามต่อหน้าชุติมน ยิ่งเห็นเจ้าหล่อนนั่งตัวตรง รอยยิ้มเลือนหายจากใบหน้าชั่วขณะ ก็ให้สะใจคนที่รอโอกาสเอาคืน
“ไม่เคยรู้เลยว่ามีคนพูดถึงฉันแบบนี้” ชุติมนปรับสีหน้าและน้ำเสียงแสดงความประหลาดใจ “จริงที่ไหนล่ะ เล่นแรงนะเดียร์”
หญิงสาวแสร้งตวัดค้อนพร้อมกับขยับตัวหันไปทางญาณิศาราวปึ่งงอน
“ถามหยีดีกว่า ไม่อยากรู้เรื่องคนเล่นแรงละ”
“เออ แหม นังเดียร์ ฉันชักกลัวแกนะเนี่ย แกยิ่งรู้ความลับฉันเยอะอยู่ด้วย” จักรพันธุ์ทำท่าอกสั่นขวัญแขวนด้วยจริตเกินหญิง เห็นคล้อยตามชุติมน
เดหลีเชิดหน้ายิ้มๆ อย่างไม่ยี่หระ จิบค็อกเทลที่หอมกลิ่นอบเชยและใบสะระแหน่อ่อนๆ ตอนที่ชุติมนเล่นเกมกับเพื่อนรักของเธอ
“หยีเคยแอบปลื้มแทน แล้วตอนนี้ล่ะ ยังชอบแทนอยู่ไหม”
เดหลีลดแก้วลง ครั้นสบตาที่ฉายแววตื่นตะลึงของญาณิศา เธอก็มั่นใจว่ามันคือความจริง
ความคิดเห็น |
---|