9

ตำแหน่งงานใหม่

บทที่ 9 ตำแหน่งงานใหม่

 

นางเอกในสายตาสหรัฐไม่ทันได้คาดคั้นนางโกง วาสินีก็ชิงต่อว่ากังสดาลก่อน 

“แกโกหก ไหนแกบอกว่าแกจะไม่เจอกับเขาอีก”

“ถือว่าหายกัน แกยังโกหกฉันเรื่องที่แกไม่รู้จักเขาได้เลย” กังสดาลไม่เห็นความจำเป็นต้องยอมรับผิดกับเพื่อนคนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอไม่ผิด

วาสินีโกรธจนตาพอง กังสดาลมั่นใจว่าหากโรงพยาบาลไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยจนไร้จุดอับสายตา เธอได้รู้แน่ว่านอกจอนางเอกชื่อดังตบจริงได้เจ็บแค่ไหน

“แกจะหาเรื่องฉันใช่ไหม หา! นังกีกี้”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะคุณน้ำหวาน” บทมันคุ้นจนกังสดาลต่อได้โดยอัตโนมัติ แต่การแก้ต่างและการเรียกอย่างสุภาพไม่ช่วยลดความโมโห อาจเพราะว่าเธอเผลอสลับบทเป็นนางเอกแทนนางเอกตัวจริง

“อยากให้คนอื่นรู้หรือไงว่า...” พอเห็นว่าคนฟังกะพริบตาปริบๆ วาสินีถึงนึกได้ว่าตนกำลังหลุดพูดอะไรออกมา

“จะพูดก็พูด อมพะนำทำไมให้น้ำลายบูด”

“แก...แกมัน...”

“แกมันลูกไม่มีพ่อ แม่ไม่สั่งสอน ไร้การศึกษา เอาละ ฉันด่าแทนแกหมดแล้ว แกบอกเรื่องที่ฉันไม่รู้มาซะทีเถอะ เสียเวลาแกไปหาเงิน หรือแกก็ว่างงานเหมือนฉัน”

เหตุผลของกังสดาลเล่นงานจนคิ้ววาสินีขมวดแน่นแบบไม่แคร์ค่าโบท็อกซ์

“ใช่ คนอย่างฉันงานเยอะ ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องมาเสียเวลากับคนอย่างแก”

วาสินีเลือกชอยซ์หนีแทนอยู่เถียงต่อ แต่มือกังสดาลไวกว่าคว้าต้นแขนอีกฝ่ายเอาไว้

“นี่ๆ จะไปเลยเหรอ แกก็รู้ว่าฉันจำเรื่องสมัยก่อนไม่ได้ อย่าว่าแต่คุณสตางค์คนนี้เลย แกกับฉันทะเลาะกันเรื่องอะไรฉันยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ” กังสดาลแก้ต่างให้ความทรงจำของตน แต่กลับทำให้วาสินียิ่งโมโห

“แกจำไม่ได้ แต่ฉันจำได้ว่าแกเคยทำอะไรเอาไว้กับฉันบ้าง”

ขาของวาสินีเปลี่ยนทิศทาง เลือกหันมาเผชิญหน้ากับกังสดาล ตาจ้องตากะฟาดฟันเต็มที่ คนแรกกำหมัด คนหลังปล่อยมือเตรียมตั้งการ์ดแต่ก็ยังพลาดอยู่ดี เพราะเธอมีดีแค่ปาก

“แกก็พูดออกมาเซ่ จะเก็บไว้ทำบ้าอะไร”

กังสดาลพูดจบ มือวาสินีก็มาถึงตัว 

โครม! 

“โอ๊ย!”

กังสดาลไม่คิดว่าจะถูกผลัก ต่อให้คาดไว้ก็ต้านแรงไม่อยู่ วาสินีสูงกว่าเธอครึ่งศีรษะ แรงก็เยอะกว่า ยิ่งใช้สองมือผลัก ยิ่งต้านไม่ไหว ผลก็คือเธอเซล้ม คนออกแรงผลักเองก็ตะลึงกับการใช้อารมณ์ของตนเช่นกัน แล้วก็ยิ่งตกใจจนตัวแข็งเมื่อมีบุคคลที่สาม สี่ ห้า มาเป็นพยาน

“ว้าย! พี่น้ำหวาน!” เสียงร้องแสดงความประหลาดใจมาพร้อมกับฝีเท้าหลายคู่ สลับฉากที่กำลังดำเนินอยู่ทันที

ท่ามกลางความประหลาดใจ กังสดาลทึ่งความสามารถในการเปลี่ยนสีหน้าของวาสินียิ่งนัก เพียงเสี้ยววินาทีจากนางร้ายปากแข็งก็กลายเป็นนางเอกปากหวาน หันไปพูดคุยจ๊ะจ๋ากับบรรดาแฟนคลับ ทิ้งอดีตเพื่อนเอาไว้ข้างๆ แต่บรรดาสาวน้อยทั้งหลายก็ไม่ลืมว่าเมื่อครู่เห็นทั้งสองอยู่ด้วยกัน

“กีกี้ใช่ไหมคะ” น้ำเสียงมีความลังเล ไม่ใช่เพราะไม่แน่ใจว่าใช่กังสดาลหรือไม่ แต่เพราะเดาความสัมพันธ์ระหว่างอดีตนางร้ายกับนางเอกในดวงใจไม่ออก 

กังสดาลแทบจะมองเห็นวงจรความคิดของเด็กสาวห้าหกคนที่กำลังยืนล้อมวาสินีออก หากนางเอกดังบอกว่าเธอกำลังหาเรื่องตนคาดว่าเธอคงโดนรุมด่า เผลอๆ อาจโดนตบก็เป็นได้ หญิงสาวขยับปากจะเตือนว่าตบคนไม่ได้เสียค่าปรับห้าร้อยแล้วนะ แต่เป็นห้าพัน ยิ่งเธอไม่สู้คนด้วย ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเสียเงินหนึ่งหมื่นแถมอาจต้องนอนคุกอีกหนึ่งเดือน ยังดีที่นอกจากเรื่องค่าปรับเธอยังใช้สมองคิดข้อตัวได้ด้วย

“ใช่ค่ะ กีกี้เอง เราเป็นเพื่อนคณะเดียวกันค่ะ ไม่นึกว่าจะมาเจอที่นี่” นอกจากยอมรับว่าตนเป็นใคร กังสดาลยังดึงมิตรภาพของตนกับวาสินีมาใช้

“เป็นเพื่อนกันจริงเหรอคะ” คำที่เด็กสาวไม่ได้พูดก็คือ ‘คนระดับเธอมาเป็นเพื่อนพี่น้ำหวานได้ยังไง’

“คณะที่พี่เรียนเน้นทางด้านการแสดง คนที่อยากเป็นนักแสดงก็เรียนที่นั่นกันทั้งนั้นค่ะ” วาสินีแก้ต่างครบจบในสองประโยค เพราะแฟนคลับของเธอต่างรู้ว่าเธอเรียนคณะนิเทศศาสตร์เอกการแสดงของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ซึ่งนักแสดงส่วนใหญ่เลือกเข้าเรียนเพื่อฝึกฝีมือรวมถึงสร้างคอนเนกชัน ดังนั้นสายตาแสดงความกังขาเลยเปลี่ยนเป็นหยามหมิ่นหน่อยๆ 

“อ้อ...เลยเป็นเพื่อนคณะเดียวกัน”

แปลว่าถ้าไม่เพราะบังเอิญเรียนที่เดียวกัน นางเอกชื่อดังย่อมไม่ใช่เพื่อนกับนางร้ายชื่อเสียงเสีย กังสดาลโดนเหน็บจนชินเสียแล้ว เหลือบมองไปทางวาสินีเห็นสีหน้าอีกฝ่ายเผยความกระอักกระอ่วนปนละอายใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ต่างอะไร

ก็นี่มันวงการบันเทิง ใครจะยอมบอกว่าลับหลังแฟนคลับเป็นพวกอารมณ์ร้ายนิสัยเสีย เพราะเข้าใจดี รวมถึงเมื่อครู่เธอไม่ได้เผยความจริงว่าตนโดนลงไม้ลงมือก่อน กังสดาลจึงถือเสียว่าทำในสิ่งที่ตนพอใจ ใครจะคิดอย่างไรไม่ได้เกี่ยวกับเธอ

“พี่ต้องขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ไปละนะกีกี้” เพราะทนปั้นหน้าไม่ไหววาสินีรีบโบกมือบ๊ายบายกังสดาลแล้วขอตัวจากบรรดาแฟนคลับแบบม้วนเดียวจบ

จะตามไปคาดคั้นต่อก็ใช่ที่ ขนาดช่วยรักษาภาพลักษณ์ไม่ให้ต้องเสียชื่อ วาสินียังไม่คิดจะหันมาขอบคุณสักคำ กังสดาลจำต้องหันกลับไปหาสหกรณ์กับสหรัฐ พร้อมหาทางสืบเรื่องในอดีตจากคนอื่น แต่ไม่ทันไรก็มีข้อความถูกส่งมาให้

น้ำหวาน : แกกับเขาเคยคบกันตอนแกไปอเมริกาเมื่อเจ็ดปีก่อน

อ่านทวนสองรอบกังสดาลยังไม่อยากจะเชื่อ แต่ลึกๆ ในใจเธอรู้ว่าวาสินีเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของเธอไม่ได้โกหกเพราะจำนวนปีตรงกับคำพูดของสหกรณ์ เมื่อมีคนสองคนพูดเหมือนกันมันไม่ใช่แค่ 1+1=2 ยิ่งรวมเข้ากับใบหน้าของสหรัฐก็จะกลายเป็น 3 ดังนั้นจึงมีเพียงหนึ่งเดียวที่โกหก 

บุษบา แม่ของเธอเอง

 

เจ็ดปีก่อนเกิดอะไรขึ้นเป็นช่องโหว่ใหญ่ในสมองของกังสดาล เธอจำได้แค่สี่ปีกับอีกสิบเดือนก่อนเธอฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลหลังจากนอนเป็นผักนับเดือน แต่นั่นคือการตื่นมาเจอกับฝันร้ายเพราะเธอเคลื่อนไหวไม่ได้อยู่บนเตียงให้คนป้อนข้าวป้อนน้ำนานเกือบปี ไม่มีทั้งความคิดและกำลังจะไปหาความจริงได้ที่ไหน ดังนั้นคนที่ตอบคำถามของเธอได้คือคนที่กำลังนั่งรอเธอพร้อมรัศมีสังหารซึ่งเธอไม่เคยเข้าใจว่าเคยไปก่อความแค้นให้เขามากมายอะไรขนาดนั้น

“แม่ชนะไหมครับ” สหรัฐโพล่งถามด้วยความคาดหวัง กังสดาลได้แต่ตอบด้วยรอยยิ้มแหย รู้เลยว่าเด็กชายกำลังจินตนาการภาพเธอตบวาสินีคว่ำ

“ถ้ามองในแง่ธรรมะย่อมชนะอธรรมก็ถือว่าฉันชนะ” อย่างน้อยเธอก็สะกดใจไม่ใช้กำลังตอบโต้ ไม่แฉการใช้กำลังของใคร

“เสร็จธุระคุณแล้วนะครับ จะได้รีบกลับกันเสียที” สหกรณ์ไม่ได้ถามแต่สั่ง เพราะถามไปก็หยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาด้วย

“คือ...ฉันมีอะไรจะถามคุณ” ถ้าไม่รู้คำตอบตอนนี้ กังสดาลก็ไม่รู้จะไปหาจากที่ไหน เธอหยิบโทรศัพท์มือถือให้สหกรณ์ดูประวัติการสนทนาระหว่างเธอกับวาสินี โดยมีสหรัฐพยายามเขย่งตัวยืนจากเก้าอี้นั่งเพื่อดูบ้าง เขาหันมองลูกแล้วหยิบแท็บเล็ตจากกระเป๋าส่งให้

“ดอลลาร์ ลูกไปนั่งดูละครออนไลน์ตรงนั้นไป” ตรงนั้นของสหกรณ์อยู่ห่างออกไปสุดทางเดินพอดี มีเก้าอี้นั่งและอยู่ในสายตาผู้ปกครอง 

สหรัฐทำปากยื่นจะเถียงว่าเขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้รับสิทธิ์นั้น เพราะถูกพ่อตัดบทอย่างเฉียบขาด 

“จะดูตอนนี้ หรือไม่ได้ดูตลอดกาล”

กังสดาลไม่ค่อยเห็นด้วยกับการข่มขู่เด็ก แต่เธอไม่เคยมีลูก และจิตสำนึกบอกว่าเรื่องที่กำลังจะคุยกับสหกรณ์ไม่เหมาะกับเด็กเท่าไร ไม่รอให้สหรัฐเดินไปถึงจุดหมาย สหกรณ์ก็ชะโงกตัวดูโทรศัพท์ในมือของกังสดาล 

เธอเกรงว่าเขาจะมองเห็นไม่ชัดจึงนั่งลงด้านขวาของเขา แล้วเอนตัวเข้าหาเพื่อให้เขาดูโทรศัพท์ในมือขวาได้ถนัด ก่อนพบว่าต้นแขนซ้ายของเธอเบียดเขาอยู่ อยู่ดีๆ หัวใจก็เต้นตึ้กตั้กโดยไร้เหตุผล ไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าเขายื่นนิ้วมาเลื่อนข้อความขึ้นไปดูการสนทนาเก่าๆ กว่าจะรู้ตัวเขาก็เลื่อนไปถึงเมื่อหลายเดือนก่อนตอนเธอกับวาสินีโต้เถียงกันเรื่องผู้จัดการอีกฝ่ายปล่อยข่าวไม่ดีใส่เธอทั้งที่เธอจำเหตุการณ์เก่าๆ หลายอย่างไม่ได้ นี่เป็นหลักฐานหนึ่งที่ชี้ว่าเธอความจำเสื่อมจริง แต่อีกนัยก็อาจเป็นข้อแก้ตัวอย่างดีที่เธอใช้จนคล่องก็ได้ หญิงสาวหวังว่าเขาจะเชื่อ แต่เธอมองแววตาของเขาผ่านขนตาที่หลุบต่ำไม่ออก

“คนที่บอกว่าคุณรถคว่ำตกเขาคือคุณบุษบาคนเดียวใช่ไหมครับ” สหกรณ์ดึงกังสดาลกลับสู่โหมดมีสติ แต่ก่อนที่จะกลับมาเต็มที่ เขาก็ยิงคำถามต่อไป “ผมคาดว่าคุณติดต่อเธอไม่ได้”

เธอพยักหน้าอีกรอบ แล้วไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็ยิงคำถามชุดใหม่

“คุณจำได้ไหมว่าหมอที่รักษาคุณคือใคร ชื่อโรงพยาบาลล่ะ”

คำตอบเปลี่ยนเป็นการส่ายหน้าแทน สายตาสหกรณ์เลื่อนไปยังศีรษะกังสดาล เธอสังหรณ์ว่าเขามองเห็นแผลเป็นบนนั้นโดยไม่ต้องแหวกผมของเธอดู “ถ้าสมองบาดเจ็บหนัก คุณต้องมีคนคอยดูแล อย่างน้อยก็ต้องมีนักกายภาพบำบัด”

“เอ่อ...ฉันจำชื่อนักกายภาพที่แม่ฉันจ้างมาได้ค่ะ แต่ฉันไม่มีเบอร์เขา อ้อ...ฉันมีเบอร์แม่บ้านนะคะ ถึงป้าใยจะลาออกแล้วแต่ยังติดต่อได้อยู่”

“ผมไม่คิดว่าแม่บ้านของคุณจะรู้เรื่องก่อนคุณเข้าโรงพยาบาล เพราะตอนนั้นคุณตั้งท้องดอลลาร์ เพื่อจะปิดข่าวตามที่คุณบุษบาเสนอ คุณอยู่คอนโดของผม แล้วช่วงนั้นผมไม่เห็นคุณติดต่อใครเลย เรื่องที่เราเคยคบกันนอกจากคุณบุษบาก็คงมีคุณน้ำหวานที่รู้”

คนหนึ่งติดต่อไม่ได้ อีกคนไม่อยากคุยกับเธอ กังสดาลเห็นถึงทางตันตรงหน้า ซึ่งทางออกเดียวของเธอคือคนตรงหน้านี่เอง

“ฉันอยากจ้างนักสืบ เราหาในเน็ตได้ไหมคะ พวกสืบหาชู้”

“ผมไม่อยากให้ใครก็ไม่รู้มายุ่งเรื่องส่วนตัวของผม พวกในเน็ตไม่รู้ว่าจะเชื่อถือได้หรือเปล่า ผมยอมจ่ายให้ทีมที่คุ้นเคยเพิ่มอีกเท่าตัวให้เขาปิดปากเงียบดีกว่า อันที่จริงผมติดต่อพวกเขาไปแล้ว ถึงพวกเขาจะถนัดหาข้อมูลทางธุรกิจมากกว่าขุดข้อมูลส่วนตัวใคร แต่ก็พอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง ตอนคุณไปคุยกับคุณน้ำหวาน ผมจำกัดแวดวงข้อมูลให้พวกเขาตรงไปหาเหตุการณ์ผ่าตัดของคุณ แต่พวกเขายังสืบไม่ได้ ในเมื่อคุณไม่รู้ชื่อโรงพยาบาลกับหมอ เราคงต้องรออย่างเร็วพรุ่งนี้”

เรื่องผ่านมาห้าปีต้องใช้เวลาในการขุดคุ้ย ยกเว้นบินไปคว้าตัวบุษบาที่ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของโลก แต่สหกรณ์ใช้เวลาที่เพิ่งเจอกังสดาลเมื่อวานหาทีมสืบล่วงหน้า แสดงให้เห็นว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้เพียงใด   

“มันคงใช้เงินเยอะเลย” กังสดาลขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่สบายใจกับสิ่งที่ตนไม่รู้และช่วยอะไรไม่เลย หนำซ้ำต้องอาศัยกำลังทรัพย์ของคนอื่นในการแก้ปัญหา “ทำไมคุณถึงยอมจ่ายทั้งที่ไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นยังไงกันแน่คะ”

สหกรณ์พูดเองว่าข้ออ้างเรื่องความจำเสื่อมของเธอฟังเป็นละคร แต่เขากลับทุ่มเทเพื่อพิสูจน์ว่าเธอพูดจริง เป็นความย้อนแย้งที่เธอไม่เข้าใจ และเขาเลือกจะย้อนถามเธอแทน

“แล้วทำไมคุณไม่สงสัยเรื่องความทรงจำที่หายไปมาก่อนเลยครับ”

ไม่มีคำตำหนิอยู่ในนั้น แต่กังสดาลรู้ได้ว่าสหกรณ์กำลังประณามการกระทำตลอดหลายปีของเธออยู่ หญิงสาวมีข้อแก้ตัวที่ดีแต่ไม่คิดว่าเขาจะเชื่อเธอ ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานอยู่ตรงหน้า เพราะแม้แต่เธอเองก็ไม่อาจเชื่อความทรงจำของตนได้ เธอจึงทำได้แค่อดทนรอให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เธอเองยังไม่เข้าใจ

“ฉันสงสัยมาตลอดค่ะ แต่ไม่รู้จะไปหาคำตอบที่ไหน”

แม่ของเธอไม่บอก เพื่อนสนิทก็ไม่ยอมพูด ทุกคนขังเธอเอาไว้ในความมืด ระหว่างอยู่ในสภาวะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เธอนอนร้องไห้โดยไม่สามารถยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาอยู่บนเตียงหลายครั้งเพียงเพราะไม่สามารถเค้นหาความทรงจำที่หายไป

“คุณไม่รู้หรอกว่าการลืมเรื่องราวไปหลายปีมันทรมานฉันมากแค่ไหน” หัวใจกังสดาลร้อนรนอยากให้สหกรณ์เข้าใจ แต่สายตาที่เขาทอดมองมามีเพียงความเยียบเย็น

“เรื่องนั้นผมไม่รู้หรอกครับ ผมรู้แค่ว่าการจดจำใครบางคนตลอดหลายปีทั้งที่ควรลืม มันทรมานมาก”

 

หลังจากสหกรณ์แง้มๆ หัวใจให้กังสดาลเห็นนิดหน่อย เขาก็ปิดฉับล็อกกลอนแน่นหนาไม่ให้รู้ว่าข้างในซ่อนอะไรเอาไว้อีก เธอเลยหันไปเปิดหน้าตักเผยความลับของตนให้สหรัฐรู้ เพราะในอนาคตทั้งสามคงต้องเจอกันอีกเยอะ เกรงว่าเด็กชายจะตื่นตกใจถ้ารู้ความจริงกะทันหัน

“เข้าใจไหมคะว่าหลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่มาเจอหนู เพราะว่าฉันมีปัญหาเรื่องความทรงจำ” อธิบายเองกังสดาลยังงงเอง หันไปทางด้านคนขับก็พบว่าสหกรณ์กลอกตาใส่ ส่วนสหรัฐซึ่งนั่งบนคาร์ซีตสำหรับเด็กข้างๆ เธออ้าปากแสดงความไม่เข้าใจ หญิงสาวรวบรวมความคิดว่าจะขอความช่วยเหลือจากคนช่างประชดอย่างสหกรณ์อย่างไรดี สหรัฐก็ยื่นมือมาดึงแขนเธอให้ก้มมองเขา

“แม่เก่งที่สุดเลย มีแค่นางเอกเท่านั้นครับที่ความจำเสื่อม”

ความปลาบปลื้มปรากฏชัดบนใบหน้าสหรัฐ คนฟังมีปฏิกิริยาต่างกันไป สหกรณ์ถอนใจ กังสดาลอึ้ง ทึ่งกับตรรกะเพี้ยนๆ อันแสนคุ้นเคยนี้

“แม่หัวกระแทกเลยลืมทุกอย่างไปหมดใช่ไหมครับ” สหรัฐถามพลางขย่มตัวเองด้วยความตื่นเต้นบนคาร์ซีต หากสหกรณ์ยอมอ่อนข้อ เขาคงขอไปนั่งตักกังสดาลแล้ว

สำหรับเด็กชายที่ชอบบ่นว่าตัวเองไม่ใช่เด็กเล็ก ไม่ชอบให้ใครอุ้ม ไม่ชอบให้ใครกอด สหรัฐมีสองมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด เขาขอให้กังสดาลอุ้ม เขาขอให้เธอกอด เขาเกาะติดเธอไม่ต่างจากทาด้วยกาวตราช้าง และสีหน้าของเขาช่างเต็มไปด้วยความสุข

สหกรณ์ขับรถไปลอบถอนหายใจไป ขณะเดียวกันก็ลอบมองผ่านกระจกหลังไปมองกังสดาลที่นั่งเบาะหลังข้างๆ คาร์ซีตเพื่อรอฟังว่าเธอจะตอบคำถามของสหรัฐอย่างไร เพราะเรื่องรถคว่ำตกเหวน่าจะเป็นเรื่องโกหกของแม่เธอ จังหวะนั้นเขาบังเอิญได้สบตาเธอ แล้วก็เห็นเธอหลบตาเขาอย่างหวาดกลัว แบบหนูเจอแมว เขาเลยถลึงตาใส่ทั้งที่เธอมองไม่เห็น

“ฉันน่าจะความจำเสื่อมเพราะป่วย” กังสดาลตอบไปก็หลบสายตาลอบมองจากทั้งด้านหน้าและด้านข้าง จึงไม่เห็นสายตาที่เหลือบมองผ่านกระจกหลังซึ่งเต็มไปด้วยความสับสนไม่ต่างจากเธอ 

สหกรณ์ไม่ชอบเห็นกังสดาลอยู่ในสภาพสิ้นไร้หนทาง แต่เขาก็ไม่รู้จะทำเช่นไร ในเมื่อตัวเขาเองยังไม่อาจจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้ เขารู้ว่าเธอต้องสับสนกับข้อมูลที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปร้อยแปดสิบองศา ถึงมันจะเปลี่ยนมุมมองเขาแบบเดียวกัน ทว่าไม่มากพอจะทำให้เขาลืมเลือนคำพูดกับการกระทำของเธอที่ทำร้ายจิตใจเขาจนย่อยยับเมื่อห้าปีก่อน 

เพราะยังเจ็บจนฝังใจเขาจึงไม่มีทางผลีผลามยื่นมือดึงเธอกลับเข้ามาในการดูแลของเขาอีกครั้ง สองมือของสหกรณ์กำพวงมาลัยรถแน่น ดังนั้นมือที่ยื่นออกมาย่อมไม่ใช่มือของเขา 

“ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวแม่ก็หายป่วย” น้ำเสียงอ่อนนุ่มแบบเด็กๆ ของสหรัฐเปลี่ยนบรรยากาศชวนอึดอัดให้สดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมกับความคาดหวังในแววตาของเขา

สำหรับเด็กอายุไม่ถึงห้าขวบดี สหรัฐช่างพูดและช่างคิด เขายื่นมือเล็กป้อมไปหาไหล่กังสดาล ส่วนเธอเอนลงมาหาเพื่อให้เขาสามารถเอื้อมไปตบบ่าปลอบใจเธอ หญิงสาวซาบซึ้งใจอย่างเห็นได้ชัด ก้มต่ำลงไปอีกให้เจ้าตัวเล็กที่เกลียดการถูกหอมแก้มยื่นหน้ามาให้เธอจูบแก้มป่องๆ 

ความเข้ากันดีของสองแม่ลูกทำสหกรณ์ขมวดคิ้ว เขาสังเกตมานานแล้วว่าโครงหน้ากับดวงตาของสหรัฐถอดแบบกังสดาลมา แต่พอมองเทียบกันใกล้ๆ ก็คล้ายแม้กระทั่งรอยยิ้ม หวังว่าวันหน้าลูกชายของเขาจะไม่ตัดความสัมพันธ์พ่อลูกเพราะอยากเข้าวงการบันเทิง 

เมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มมีความคิดเพ้อเจ้อ เขาก็เปลี่ยนเรื่องไปยังสิ่งที่ต้องทำ “พ่อจะพาลูกไปดูบ้านแม่ ต่อไปถ้าวันไหนพ่อยุ่งๆ ลูกก็มาเที่ยวเล่นบ้านแม่แล้วกัน”

สหกรณ์บอกลูกชายพลางสบตากังสดาลเพื่อเตือนให้จำข้อตกลงก่อนหน้านี้ ในเมื่อเธอมาสมัครงานบริษัทของเขา เขาก็จะรับเธอเอาไว้ ไม่ใช่ตำแหน่งหนักงานส่งเสริมการตลาด แต่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก ความแตกต่างทางอาชีพสูง ทว่าตราบใดที่เขายังหาคำตอบไม่ได้ว่าตกลงเธอจากไปเพราะเหตุใด คราวนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก เขาจะจับเธอเอาไว้มั่น

 

 

ละครโรงเล็ก

ตอน ไม่สนไม่แล

กีกี้ : เหอๆ หล่อแค่ไหนฉันก็ไม่สน (ปาดน้ำลาย)

สตางค์ : หึๆ สวยแค่ไหน ผมก็ไม่แล (เก็บเขี้ยวเก็บหาง)

ดอลลาร์ : ช่วยด้วย! พ่อกับแม่ผมใกล้จะกระโจนใส่กันแล้ว!!!


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น