6

ผมจับแม่ได้แล้ว


 

บทที่ 6 ผมจับแม่ได้แล้ว

 

สหกรณ์ไม่แน่ใจว่าวันนั้นตัวเองสลบเพราะพิษไข้หรือแค่เผลอหลับ แต่ในฝันเขาเห็นนางร้ายผู้เลวทรามชวนให้คนอยากใช้ความรุนแรงกับเธอ เพียงแต่คนในฝันไม่ใช่บุษบาทว่าเป็นกังสดาล วันถัดมาไม่รู้ว่าเพราะตากฝน โดนผ้าเปียก หรืออดนอน ส่งผลให้เขาไข้ขึ้นเป็นพักๆ หมดแรงจะกลับห้องของตน และทั้งหมดที่ว่าเป็นเพราะกังสดาล 

“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะดูแลคุณเอง” เธอตบอกอาสา แล้วอาศัยจังหวะที่เขากำลังมึนงงให้คนไปเอาข้าวของเสื้อผ้าของเขาย้ายมาอยู่กับเธอ 

“ผมนอนพักเดี๋ยวก็หาย คุณไม่ต้องเสียเวลาดูแลผมหรอก ไปพักเถอะ” ถ้าไม่มีเธออยู่ในห้องคอยชวนคุย เขาคงนอนหลับสนิท 

เห็นได้ชัดว่ากังสดาลเดาความคิดของสหกรณ์ได้ แต่ไม่เปลี่ยนใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะอยู่เงียบๆ ใส่หูฟังดูละคร แค่อยากให้แน่ใจว่ากลางคืนคุณจะไม่ไข้ขึ้นสูงเกินไป”

เธอทำได้ตามปากพูดจริงๆ ทุกครั้งที่ตื่นเขาจะเห็นเธอนั่งหลบมุมมองจอโทรศัพท์ พอรู้สึกว่าเขามองก็จะลุกมาวัดไข้อย่างเอาใจใส่ นอกจากแปลกใจที่กังสดาลมาถึงอเมริกาเพื่อดูละครไทยผ่านอินเทอร์เน็ต สหกรณ์ยังค้นพบด้วยว่ามีคนที่ดูละครโต้รุ่งอยู่จริง แต่ถ้าถามว่าเธอดูแลคนป่วยเป็นหรือไม่ เขาคงต้องบอกว่าไม่ เพราะนอกจากวัดไข้ เขาต่างหากที่ต้องคอยดูแลเธอ

หนึ่งเดือนในอเมริกาเป็นเขาคอยพาเธอไปโน่นมานี่ไม่ให้ลูกคุณหนูขี้เบื่อหลงทางไปไหน พาเธอไปงานเลี้ยงผู้ลงทุน พาเธอไปตลาดหุ้นเพื่อหาข้อมูล แล้วก็ยอมให้ใครบางคนเลื่อนตั๋วเครื่องบินมานั่งคู่เขาเพื่อกลับเมืองไทยไปด้วยกัน เพราะทนเห็นการดูแลตัวเองที่ไม่ได้เรื่องของเธอไม่ได้ และขอค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ด้วยการให้เธอคอยนวดศีรษะของเขาลดความเคร่งเครียดเหนื่อยล้าจากการทำธุรกิจ

เมล็ดพันธุ์ถูกหย่อนลงในดินโดยบังเอิญ แล้วแตกรากผุดหน่ออ่อนอย่างรวดเร็วจนสหกรณ์ไม่ทันได้ตั้งตัว กว่าจะรู้เขาก็กำลังจะต้องโบกมือลากังสดาล

 

สนามบินนานาชาติเป็นทั้งจุดสิ้นสุดการเดินทางและจุดแยกย้าย สหกรณ์ไม่ได้เดินทางกลับจากอเมริกาเป็นครั้งแรก รวมถึงเคยเอ่ยคำลากับใครหลายคนตรงนี้มาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาไม่อยากจะเอ่ยออกมาก่อน จึงได้แต่ยืนมองตากังสดาลเงียบๆ

“ขอบคุณที่ช่วยดูแลกีกี้นะคะ” กังสดาลเผยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนให้สหกรณ์ จนเขาอยากบอกว่าถ้าฝืนใจไม่ต้องยิ้มก็ได้ แต่เขาเองก็กำลังฝืนยิ้มตอบเธอเช่นกัน

“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย” สหกรณ์ตอบกลับอย่างมีมารยาทประหนึ่งตอบคนที่รู้จักกันเพียงผิวเผิน แต่มือที่แสนซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของเขายังจับมือกังสดาลไม่ปล่อย บ่งบอกว่า ‘แค่เรื่องเล็กน้อย’ ที่บอกออกไปเป็นความจริง เขาคิดว่าการดูแลเธอตลอดหนึ่งเดือนเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เล็กขนาดที่เขาอยากจะทำซ้ำอีก

การดูแลผู้หญิงที่ทำอะไรไม่เป็นเลยทั้งวุ่นวายและยุ่งยาก แต่เป็นความยุ่งยากที่เขาเต็มใจ ทั้งที่ควรรู้สึกลำบาก แต่เขากลับอยากให้เวลาหนึ่งเดือนนั้นยืดยาวเป็นหนึ่งปี

มันเป็นหนึ่งเดือนที่มีเรื่องราวมากมาย เธอมีเขาและเขามีเธอเป็นเพื่อนสนิทในต่างแดน เพื่อรับประกันว่ากังสดาลจะไม่พาตัวไปอยู่ในสถานการณ์ลำบากในอนาคต สหกรณ์จึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอเหมือนตอนที่พบกันครั้งแรก แล้วถามเธอประโยคหนึ่งก่อนเธอจะหายไปตามทางเดินสนามบินสุวรรณภูมิ

“เรามาคบกันไหม ผมจะดูแลคุณเอง”

 

“ต่อจากนี้กีกี้จะเปลี่ยนตัวเอง จะเป็นแม่ที่ดูแลลูกของเราให้ดีที่สุด” 

กังสดาลสะดุ้งตื่นหลังจากฝันเหลวไหลทั้งคืน แล้วจำได้แค่ประโยคท้ายๆ ที่ทำให้เธอตื่นพร้อมอาการปวดศีรษะ แล้วก็ปวดยิ่งขึ้นเมื่อเปิดเข้าโปรแกรมในโทรศัพท์มือถือ

#กีกี้ซิ่งนรก กังสดาลไถทวิตเตอร์ดูแฮชแท็กใหม่แล้วถอนหายใจกับการคาดการณ์ผิดของตนเอง แต่อย่างน้อยเธอก็เดาถูกว่าคนร้อยทั้งร้อยร่วมกันสาปส่งการขับรถของเธอ หญิงสาวเลยไม่อาจกระโดดเข้าไปในกระแสวิพากษ์วิจารณ์แล้วอธิบายว่าเมื่อวานเป็นความผิดเธอที่ขับรถไปเล่นมือถือไป แต่เมื่อเดือนก่อนเธอไม่ผิด เธอขับรถกลับจากกองถ่ายมาดีๆ อีกฝ่ายดันขับรถเบียดเลนมาชนรถของเธอ พอลงไปไกล่เกลี่ยโดยบอกให้โทร. ตามประกันก็โดนข้อหาคนรวยรังแกคนจน ตามด้วยคนดังเหวี่ยงวีน หนำซ้ำคลิปซึ่งเผยแพร่อย่างโด่งดังบนโซเชียลก็เป็นจังหวะที่เธอกำลังเสียงดังใส่ ต่อให้แก้ตัวจนตายก็ไม่มีใครฟัง ขนาดทนายของเธอยังไม่อยากจะฟัง

วันนี้ทนายส่วนตัวคนเดิมโทร. มาเตือนไม่ให้เธอขับรถอีก กังสดาลจึงพึ่งพาบริการขนส่งสาธารณะ และเพื่อไม่ให้คนขับแท็กซี่จำหน้าได้ หญิงสาวเลยปลอมตัวแบบจัดเต็มทั้งหมวก แว่นตาดำ และหน้ากากอนามัย ปลอดภัยทั้งคนมองและเชื้อโรค ก่อนจะย่องมาสังเกตการณ์ชั้นล่างตึกบริษัทจงทรัพย์ หรือก็คือมาจับตาดูสหกรณ์

เธอมาซุ่มดักรอเจอเขาตั้งแต่เช้าจนเที่ยงก็ไม่เห็นแม้กระทั่งเงา แต่ทำเอาพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินมาสอบถามอ้อมๆ ว่าเธอใช่มิจฉาชีพหรือเปล่า กังสดาลเลยต้องถอดหมวกและหน้ากากอนามัยเผยโฉมดาราตกอับออกไปให้เขาเห็น 

ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีเพราะพี่ยามเป็นแฟนคลับที่ยังเหลือน้อยนิดของเธอ หญิงสาวจึงตะล่อมถามมาได้ว่าสหกรณ์จะมาถึงบริษัทเมื่อไร

“ท่านประธานมาแต่เช้าแล้วครับ น่าจะมาแล้วก็ออกไปก่อนคุณกีกี้จะมาถึง ทุกวันท่านประธานจะมาก่อนพนักงานรักษาความปลอดภัยกะกลางวันด้วยซ้ำไปครับ และส่วนใหญ่จะออกจากบริษัทหลังยามเสียด้วย บางวันก็ค้างคืนในบริษัท ถ้าคุณกีกี้อยากจะดักเจอ ต้องมาตีห้าหรือไม่ก็สามสี่ทุ่ม”

พนักงานรักษาความปลอดภัยอธิบายชัดเจน กังสดาลฟังแล้วคิดตามก็ได้ข้อสรุปว่าหากจะซุ่มจับตาดูสหกรณ์ควรตื่นก่อนไก่ขันหรือไม่ก็มาหลังหมาหอน 

“ฉันไม่ได้จะมาดักเจอค่ะ”

ถึงจะจริง แต่กังสดาลก็ต้องแก้ต่างเอาไว้ก่อน แต่พี่ยามทำหน้าเข้าอกเข้าใจ

“ครับๆ เอาเป็นพรุ่งนี้มาแต่เช้าแล้วกันนะครับ”

แม้ว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยไม่พูดออกมา กังสดาลก็รู้ว่าเขาต้องนึกภาพนางร้ายมาดักรอพระเอกหล่อรวยตามแบบฉบับละครแน่นอน จะแย้งก็ไม่ไหว ขนาดจะเดินจากไปเขายังอวยพรทิ้งท้าย

“สู้ๆ นะครับ”

ถึงจะไม่สำเร็จเพราะนางร้ายไม่อาจคว้าใจพระเอกได้ ก็ขอให้พยายามต่อไปเผื่อจะได้ขยับอันดับเป็นนางรอง

รันทด ท้อ และห่อเหี่ยว รวมกันเป็นความรู้สึกของกังสดาล เธอมาแอบอยู่ที่นี่เพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน แต่ถึงตรงนี้ค่อยคิดได้ว่าเป็นแผนการงี่เง่าสิ้นดี เจอสหกรณ์แล้วเธอจะทำอะไรต่อ จะรู้ไหมว่าเรื่องที่เอ่ยเมื่อวานมีต้นสายปลายเหตุยังไง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่การหลอกลวงหรือเข้าใจผิด แต่คิดๆ แล้วเรื่องที่ให้เธอไปทำหน้าที่แม่ มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว กระทั่งแฟนเธอยังไม่มี ลูกจะมาจากไหน แถมยังไปอยู่ในความดูแลของคนแปลกหน้าอีกต่างหาก

หญิงสาวปัดเรื่องที่ไม่รู้เข้าไปสู่หมวดช่างมันเถอะ ชีวิตเธอมีเรื่องเยอะให้ปวดหัวพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาคำพูดเหลวไหลของคนแปลกหน้ามาใส่ใจ แต่พอจะขยับตัวออกไปจากอาคาร คนที่พนักงานรักษาความปลอดภัยบอกว่าออกไปแล้วก็กลับเข้ามา หนำซ้ำในวงแขนมีคนตัวจิ๋วติดมาด้วย 

ไม่เกี่ยวกับช่วงบ่ายด้านล่างอาคารแทบปราศจากคน แต่เป็นเพราะเรดาร์เตือนภัยของกังสดาลจะดังทันทีที่มีสหกรณ์เข้าใกล้ จะว่าไปก่อนที่เขาจะเดินเข้าประตู เธอก็รู้ว่าเป็นเขา กังสดาลควรใช้เวลาพิจารณาเด็กชายวัยประมาณห้าขวบในอ้อมแขนซึ่งสหกรณ์อุ้มว่าใช่เด็กที่เขาอ้างว่าเธอเป็นแม่หรือเปล่า น่าเสียดายที่เธอละสายตาจากสหกรณ์ไม่ได้ 

พบครั้งแรกคุ้นหน้า พบอีกครั้งยิ่งคุ้น คุ้นจนกังสดาลกลัวว่าอาจเคยรู้จักเขามาก่อน กระแสความคิดคงมีพลังบางอย่างเพราะสหกรณ์หันขวับมาทางทิศที่เธออยู่ 

สัญชาตญาณสัตว์เล็กสั่งให้กังสดาลหลบวูบเข้าหาผนัง ซ่อนตัวด้านหลังต้นไม้ปลอมสูงเหนือศีรษะ พยายามเลียนแบบจิ้งจกให้แนบเนียนที่สุด เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอขอบคุณหน้าอกไม้กระดานและความชอบใส่เสื้อสีเขียวใบไม้ของตนที่ทำให้การหลบซ่อนมีประสิทธิภาพสูงสุด 

หญิงสาวกลั้นหายใจหลบอยู่พักหนึ่งก่อนจะรวบรวมความกล้าโผล่ศีรษะออกมามอง ระหว่างนั้นคนตัวเล็กก็ไหลเลื่อนจากแขนของชายหนุ่มร่างสูงลงมาเดินด้วยตนเอง 

ตลอดชีวิตของคนจิตเพี้ยนอย่างกังสดาล มักจะสงสัยว่าถ้าเดินไปเตะเด็กวัยเดินเตาะแตะ เจ้าตัวกลมเหล่านั้นจะกลิ้งเหมือนลูกฟุตบอลหรือเปล่า แล้วพวกตัวสูงกว่าหน่อยโดนเตะจะล้มเป็นโดมิโนไหม แต่พอมองคนตัวเล็กๆ ขาวๆ ซึ่งส่อแววว่าจะเป็นหนุ่มขายาวในอนาคตเดินอาดๆ เลียนแบบคนตัวสูงข้างๆ เธอก็รู้สึกว่าทางเดินราบเรียบในอาคารเต็มไปด้วยอันตราย อยากพุ่งเข้าไปอุ้ม เพื่อไม่ให้คนตัวน้อยนุ่มนิ่มเดินสะดุดอะไรแล้วล้มลงไปเจ็บ

เด็กน้อยก้มหน้าก้มตาตั้งใจเดินจนมองไม่เห็นใบหน้า กังสดาลอยากรู้มากว่าเด็กคนนี้ใช่คนที่สหกรณ์อ้างว่าเป็นเด็กที่ถูกเธอทอดทิ้งหรือเปล่า เขาหน้าตาแบบไหน จะคล้ายเธอไหม ความอยากรู้กัดกินใจเธอจนอยากจะเดินเข้าไปมองใกล้ๆ แต่สัญชาตญาณสัตว์เล็กบอกให้หลีกเลี่ยงสัตว์ใหญ่ เธอเลยได้แต่ย่อตัวนั่งยองๆ เกาะกระถางต้นไม้ประดับ มองมุมนี้เห็นเขาไม่ชัดเจน เธอเลยใช้แขนข้างหนึ่งเหนี่ยวลำต้นเพื่อทรงตัว แล้วยืดคอให้ยาวที่สุดเพื่อมองให้เห็นใบหน้าของเด็กชาย 

โครม!

ควรมีป้ายเตือนว่ากระถางไม่อาจทนแรงเหนี่ยวจากคนที่พยายามชะเง้อมอง

ด้วยความตกใจกังสดาลกระโดดผลุงหนีต้นไม้ และด้วยเสียงดังโครมทุกสายตาเลยมองมาที่เธอ มันเลยไม่เป็นการสะดวกที่จะร้อง ‘เหมียว’ แล้วบอกว่าแมวทำ ที่สำคัญมีบางคนไม่เปิดโอกาส 

สองขาสั้นป้อมที่เมื่อครู่กังสดาลยังกังวลใจว่าจะเดินแล้วล้มหรือไม่ วิ่งปานจรวดกระแทกใส่ขาของเธอ มือของกังสดาลรีบจับเขาเอาไว้โดยอัตโนมัติ แต่ยังช้ากว่าสองแขนเล็กอวบราวรากบัวที่กอดขาเธอแน่น มันเป็นการจู่โจมที่นุ่มนิ่มอบอุ่นจนทั้งตัวเธอไร้แรงต้านทาน พานจะอ่อนยวบลงไปกอดตอบเขา ก่อนจะตัวแข็งทื่อตอนได้ยินเสียงเล็กอ่อนหวานเรียกขาน

“แม่ครับ”

เมื่อวานเธอแค่มาหางาน แล้วดูสิ วันนี้เธอเจอใคร กังสดาลอยากแปลงร่างเป็นแมวแล้วกระโดดหนีไปไหนสักที่ แต่ร่างกายของเธอภายใต้การมองอย่างกดดันของสหกรณ์ช่างแข็งทื่อ ได้แต่ยิ้มแหยๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่กอดขาเธออยู่กำลังยิ้มร้ายแบบที่แปลได้ว่า ‘ผมจับแม่ได้แล้ว’

 

 

ละครโรงเล็ก

ตอน จารชน

กีกี้ : กระถางต้นไม้บริษัทคุณขัดขวางการแสดงบทจารชนของฉัน

ดอลลาร์ : ถ้าไม่มีมันแม่คือ นาตาชา โรมานอฟ (นางเอก) ครับ

สตางค์ : ความสวยไม่พูดถึง ความสูงคุณถึงหรือเปล่า

กีกี้ : TwT


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น