10

บทที่ 10


10
“โอเคไหมคะ”
แพรวพรรณรายเงยหน้ามองคนตัวโตที่ยืนอยู่ข้างๆ หล่อนอย่างไม่วางตา เพราะถูกตรึงไว้ด้วยความถูกใจบางอย่าง วันนี้ชายหนุ่มดูแปลกไปมาก เพราะไม่ได้สวมเสื้อเชิ้ตและสูทครบเซตแบบทุกที แต่กลับสวมเสื้อยืดโปโลแขนกุดสีขาว ท่อนล่างเป็นกางเกงยีน ถึงจะสอดชายเสื้อเข้าในกางเกงและคาดเข็มขัดทับอย่างเรียบร้อย แต่ฌอนฤทธิ์กลับดูลำลองสบายๆ ทำให้สายเซอร์อย่างแพรวพรรณรายแอบกรี๊ดลุคนี้ของชายหนุ่มในใจ บวกคะแนนเพิ่มให้อีกเพราะผมที่เคยเรียบกริบถูกเสยยุ่งๆ ทำเอาคนวัยสามสิบกว่าดูอายุไล่เลี่ยกับหล่อนขึ้นมาทันที
“อืม ดีเลย ดีมากๆ”
ฌอนฤทธิ์บอกด้วยความพอใจ ผลงานที่เห็นอยู่ตรงหน้าดีกว่าที่คาดไว้มาก ตาคมกวาดมองกลาสเฮาส์กลางสวนสวยของโรงแรมที่หญิงสาวออกแบบให้เป็นสปาชั่วคราว เนื่องจากอีกหนึ่งสัปดาห์จะปิดให้บริการในส่วนของสปาหลักเพื่อปิดปรับปรุง ตกแต่งภายในใหม่ ปรับฟังก์ชันการใช้งานบางส่วน โดยแพรวพรรณรายเลือกที่จะกรุกระจกรอบด้าน ใช้กระจกแบบพิเศษที่มองไม่เห็นจากด้านนอก ทำให้ผู้ที่มารับบริการได้รับความเป็นส่วนตัว มีม่านสีขาวติดตั้งด้วยระบบไฟฟ้าไว้บังแสง และผนังกระจกเลื่อนออกให้เป็นแบบโอเพนแอร์ได้อย่างง่ายดาย
“จริงๆ นะคะ”
“จริงสิ”
“ไม่ได้ตอบเอาใจหญิงแน่นะคะ”
เพราะกลัวว่าเขาจะอวยเลยถามซ้ำ แต่กลับได้รับสายตาดุๆ กลับมาพร้อมกับที่นิ้วชี้เรียวยาวของเขาจิ้มลงกลางหน้าผากหล่อน ถึงจะถูกใจ และก็กำลังจีบอยู่ แต่คนแบบเขาไม่เอาเรื่องงานมาปะปนกับเรื่องส่วนตัวหรอก กำไรส่วนกำไร หัวใจส่วนหัวใจ ทุกอย่างแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน
“เพ้อเจ้อ นี่เรื่องงาน ผมไม่มาชมเอาใจใครหรอก ที่ชมนี่เพราะสวยจริงๆ คุณเก่งนะ มีพรสวรรค์ ขนาดงานแรก ยังทำได้ดีมากๆ เลย เมื่อกี้ตอนจะเดินเข้ามาลุ้นแทบแย่ว่าจะมีอะไรหล่นใส่หัว หรือมันจะไหวไหม”
ได้ยินแบบนั้นเจ้าตัวก็ยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย แต่ไม่วายค้อนเขา เพราะนับได้ว่านี่เป็นสิ่งปลูกสร้างแรกที่หล่อนทำออกมาเป็นเรื่องเป็นราว ถึงแม้ว่าจะเป็นอาคารชั่วคราว มีระยะเวลาการใช้ประโยชน์แค่ไม่กี่เดือนก็อดภูมิใจไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้น หญิงก็ดีใจจังที่คุณฌอนชอบ อึ๊ย อย่าค่ะ”
เพราะไม่รู้เลยว่าหน้าตาตัวเองเวลายิ้มพรายนั้นน่าฟัดแค่ไหน หญิงสาวเลยโดนเจ้าของโรงแรมหากำไรด้วยการก้มลงหอม เล่นเอาเจ้าตัวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
“อย่าเหย่ออะไร เมื่อวานก็ชิ่งผมนะ มาให้หอมที”
หลังจากคืนวันศุกร์ที่ทั้งคู่ได้กระเถิบความสัมพันธ์กันอีกขั้น ไม่ถึงขนาดจับจูงมือกันเดิน แต่ก่อนแยกย้ายกันไปนอนชายหนุ่มก็มอบจูบราตรีสวัสดิ์แสนหวานให้หญิงสาว เล่นเอาวันเสาร์ทั้งวันแพรวพรรณรายต้องหนีกลับวังไปตั้งหลัก อ้างกับชายหนุ่มที่โทร. มาสวัสดียามเช้าแต่หัววันว่าต้องไปเอาเสื้อผ้ามาเพิ่ม ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงหล่อนแค่ยังไม่รู้ว่าจะสู้หน้าอีกคนอย่างไร พอเช้าวันนี้โชคดีที่ฌอนฤทธิ์มีนัดกับก๊วนกอล์ฟอยู่แล้ว เลยพอให้หม่อมราชวงศ์คนสวยมีเวลาหายใจหายคอ แต่ก็ไม่อาจเบี้ยวนัดตอนนี้ได้เพราะมีเรื่องงานมาเกี่ยวพัน
“ไม่ได้ชิ่ง ก็หญิงไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้ว ก็ต้องกลับไปเอาไหมคะ”
“ไม่ได้ส่งซักหรือไง”
ถ้าจำไม่ผิดเขาสั่งให้พนักงานจัดการในส่วนของเสื้อผ้าให้หญิงสาว แล้วทำไมเจ้าตัวถึงต้องกลับวังไปขนของมาเพิ่ม
“ส่งสิคะ แต่หญิงเอามาไม่กี่ชุด”
“แล้วทำไมเอามาไม่กี่ชุด ก็รู้อยู่แล้วนิว่าต้องอยู่นานแค่ไหน”
คนดุเป็นทุนเดิมคาดคั้นหญิงสาวที่ดื้อเอาการ ขนาดไปรับออกมาจากบ้านยังอุตส่าห์เล่นแง่เก็บของมานิดๆ หน่อยๆ นี่เขาต้องทำถึงขั้นไหนหล่อนถึงจะรู้ว่าเขาไม่ปล่อยกลับไปง่ายๆ อีกแล้ว
“ก็คิดว่าจะได้กลับบ้านบ้าง ไม่รู้นิคะว่าแทบจะไม่ได้ก้าวขาออกไปไหน”
แพรวพรรณรายตอบแบบไม่สบตา หันมองสิ่งปลูกสร้างรอบตัว ทำทีเป็นสำรวจความเรียบร้อย ก่อนที่จะโดนอีกคนตวัดเอวกลับมา กอดรัดแน่นจนเนื้อตัวแนบกันไปหมด เล่นเอาคุณหญิงดิ้นพราดๆ เพราะกลัวใครเห็น เนื่องจากตอนนี้ต่อให้ไม่ได้อยู่ในที่แจ้ง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในที่ลับเช่นเดียวกัน
“ว้าย! ปล่อยค่ะ คุณฌอน นะ ปล่อยหญิงก่อน”
หญิงสาวบอก จากที่ไม่เคยต้องอ้อนใครทั้งชีวิต ตอนนี้หล่อนเริ่มทำเสียงสองเสียงสามเป็นเพื่อวอนให้คนตัวโตใจอ่อน เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่าคนดุชอบให้อ้อนอย่างกับอะไร นึกขัดใจลึกๆ ที่คนคนนี้ทำมึนข้ามโพรเซสการจีบ ไม่มีการสารภาพรัก แต่เข้าถึงเนื้อถึงตัวหล่อนไปเสียเฉยๆ แต่ฟังเหตุผลของเขาแล้วก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เพราะเจ้าตัวบอกว่าถ้าถูกใจกันทั้งคู่แล้วจะมาเสียเวลากันอีกทำไม สู้เรียนรู้ของจริงไปเลยดีกว่า
“ไม่” มือหนึ่งกระชับเอวบางแน่น “มาให้จูบซะดีๆ วันนี้ชวนไปสนามกอล์ฟด้วยก็ไม่ไป กว่าจะได้เห็นหน้าต้องเดินผ่านสนามตั้งสิบแปดหลุม ขับรถกลับมาอีกเกือบสองชั่วโมง แถมต้องเอางานมาล่อถึงจะยอมมาเจอ”
อีกมือหนึ่งคว้าหมับที่ต้นคอของคุณหญิง ประกบจูบราวกับรู้องศากันมาเป็นอย่างดี ไม่สนว่าอีกคนจะเบี่ยงหน้าหนี หรือพยายามทำตัวให้หลุดจากการรัดรึงของเขาแค่ไหน ยิ่งหล่อนดิ้น เขายิ่งแทรกเนื้อตัวให้เข้าใกล้เหมือนจะรวมเป็นร่างเดียวกัน
จนเวลาผ่านไปไม่ต่ำกว่าสิบนาที จากจูบที่ชายหนุ่มคิดว่าจะสัมผัสหวานเบาๆ คาดโทษคนที่ทำให้เขาคิดถึง เกือบกลายเป็นว่าเขาเองที่จะได้รับโทษ ต้องทนทรมานจากความใกล้ชิดที่ยังอยากได้อีกนิด แต่เพราะรู้ว่าสถานที่ไม่เหมาะควรจึงยอมถอนปากออก เปิดโอกาสให้แพรวพรรณรายได้ส่งเสียงทั้งๆ ที่กำลังจะหมดแรง
“งือ คุณฌอน ปล่อยก่อน”
เอ่ยเรียกเขาทั้งๆ ที่หลับตา เสียงหวานแผ่วพร่าจนเจ้าตัวยังไม่อยากเชื่อว่านั่นคือเสียงตนเอง มือไม้โอบรอบคอเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่ที่รู้คือตอนนี้ขาแข้งอ่อนยวบไปหมด
“หืม ว่าไง”
แม้ละริมฝีปากออกทั้งๆ ที่ยังติดใจรสหวานล้ำที่ได้ชิม แต่ปลายจมูกของเขายังคลอเคลียกับผิวสวย ชอบจริงๆ ที่ดอมดมไปแล้วสัมผัสได้ถึงเนื้อจริงแทบจะไร้เครื่องสำอางปกปิด อดใจไม่ไหวต้องกดหอมอีกฟอดใหญ่
“ปล่อยเถอะนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็น”
“เห็นได้ไง ก็ไหนว่าออกแบบให้คนมองจากข้างนอกไม่เห็น”
“แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครเปิดเข้ามานิคะ”
“นี่วันอาทิตย์นะ ไหนหญิงแพรวบอกผมว่าให้เขามาทำความสะอาดวันจันทร์เช้าไง”
“ก็...ก็เผื่อ...”
จากหอมแก้มก็ไล่ลงมาจูบซอกคอหอมกรุ่น จากที่เคยควบคุมอาการ ดูแลอารมณ์ตัวเองได้ แต่ทำไมพออยู่ใกล้คนคนนี้ ฌอนฤทธิ์เป็นได้นอตหลุดกระเด็นกระดอนจนหมดมาดขรึม กลายเป็นคนหนุ่มร้อนรักที่จัดการมือไม้ตัวเองไม่ได้ ห้ามปากตัวเองไม่อยู่
“เผื่ออะไรคนดี ถ้ากลัวก็ขึ้นห้อง...สั่งอะไรขึ้นไปกินกันดีกว่าปะ ซีรีส์ที่หญิงแพรวชอบเขาอัปตอนใหม่แล้วนิ”
พูดจบก็ยอมละมือออกจากร่างเย้ายวน เหลือแค่โอบบ่าบางที่ตั้งใจว่าหากเปิดประตูออกไปก็คงต้องเว้นระยะห่างในการเดิน ทั้งๆ ที่อยากคลอเคลียเนื้ออุ่นไม่ให้ห่างกาย แต่เวลานี้ยังไม่ใช่ ยังประกาศอะไรโจ่งแจ้งแบบนั้นไม่ได้ เพราะมีอีกรายเรื่องที่ยังไม่ถึงเวลา
“แต่...แต่...หญิงกลัวคนว่า...”
ถึงจะได้รับการย้ำจากการกระทำของเขา แต่คนภายนอกยังไม่ทราบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ดังนั้นแพรวพรรณรายก็ต้องคิดเยอะหน่อยเวลาเขาแสดงออกอย่างถึงเนื้อถึงตัว
“ใครจะมาว่าอะไรได้ นี่โรงแรมผม ผมจะทำอะไรก็ไม่มีใครว่าได้ทั้งนั้น”
และแล้วหม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายก็ต้องยอมเดินตามคนเอาแต่ใจตัวเองขึ้นห้องพักหลังจากเขาชี้แจงเหตุผลอยู่นานว่า การสั่งอะไรขึ้นไปกินในห้องพักนั้นไม่มีอะไรเป็นที่สงสัยแก่พนักงานอย่างที่หล่อนกำลังกังวล เพราะทั้งคู่ก็เคยทำเช่นนั้นมาแล้วระหว่างเคลียร์เรื่องแบบที่ต้องแก้ไขกัน จวบจนมาหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์ เจ้าของโรงแรมก็ได้แต่ส่งเสียงถามเบาๆ แต่ก็พอได้ยินกันทั้งคู่
“ตกลงห้องใคร”
“หืม?” หญิงสาวหันขวับหาคนที่ก้มหน้าก้มตากดมือถือ ไม่สนใจที่จะมองหน้าคู่สนทนา
“จะกินข้าวห้องใคร จะกินอะไรด้วย ผมกำลังจะสั่งเขาแล้วเนี่ย”
“แล้วควรกินที่ไหนล่ะคะ”
แพรวพรรณรายสะบัดเสียงตอบระหว่างก้าวขาเข้าลิฟต์ หยิบการ์ดออกมาทาบแผงวงจรเพื่อกดชั้นที่ต้องการ ก็เขาเองเป็นคนกล่อมให้ขึ้นไปกินข้าวเย็นบนห้อง พอตอนนี้จะมาให้หล่อนเลือกว่าจะกินที่ไหน
“เอ้า นี่ถามดีๆ ไม่กวนสิ”
หน้าหล่อก้มถามเสียชิดใบหู เพิ่งรู้ว่าเขาเอาร่างแน่นหนั่นเข้ามาติดประชิดหลัง แถมวางมือลงบนเอวหล่อนเสียเรียบร้อย จนแพรวพรรณรายต้องเบนหน้าหนีไอร้อน พยายามกัดฟันไม่ให้ความวาบหวามที่เขาสอนให้รู้จักปะทุขึ้นมาอีก
“คุณฌอนนั่นแหละไม่กวนสิคะ ถอยไป ในลิฟต์มันมีกล้อง”
พูดจบก็โดนเขาดันตัวประชิดแผงกดลิฟต์ ในขณะที่แขนแกร่งรัดร่างจนนาบแนบกับร่างเขา พอรับรู้ว่าร่างกายของคนข้างหลังกำลังเครียดขึงก็หน้าร้อนจัด เพราะไม่เคยใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามมากขนาดนี้
“มุมนี้มองไม่เห็น หันหน้ามา ขอจูบหน่อย”
เพราะเคยตรวจเช็กภาพในห้องคอนโทรลด้วยตัวเองมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ชายหนุ่มจึงรู้ดีว่ามุมไหนที่จะรอดพ้นการจับตามองของพนักงาน มือที่รั้งเอวคอดลูบสูงขึ้น ในขณะที่มืออีกข้างก็บิดหน้าสวยให้หันหา ประกบปากจูบดูดดื่ม เขาร้อนสุดฉุดไม่อยู่ตั้งแต่ในสปาแล้ว อดรนทนแทบไม่ได้ที่ต้องกลั้นใจเดินกลับห้อง อยากจับอีกคนฟัดให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป ตกใจตัวเองเหมือนกันที่พอได้แตะก็ไม่อาจยับยั้งชั่งใจได้อีกเลย
“พอแล้วค่ะ ลิฟต์จะถึงแล้ว ปะ...ปล่อยนะคะ หญิงกลัวกล้องเห็น”
สถาปนิกสาวละลายไปกับสัมผัสของเขาเช่นกัน แต่ความละอายยังมีอยู่เต็มเปี่ยมจึงพยายามเบี่ยงตัวออก จัดแจงเสื้อแสงให้เรียบร้อย ก่อนลิฟต์จะเปิด แล้วรีบเดินดุ่มๆ ไปหยุดที่หน้าห้องของตัวเอง ตั้งท่าจะเปิดประตูหนีเขาเข้าไปพักหายใจหายคอ เพราะโดนปล้นลมหายใจไปนับไม่ถ้วนตั้งแต่เจอหน้าเขา แต่ฌอนฤทธิ์ไวกว่า คว้าเอวบางแล้วอุ้มแพรวพรรณรายจนตัวลอยเดินมาที่ห้องเขา ไม่สนเสียงร้องห้ามปราม จับหล่อนยัดเข้าเพนต์เฮาส์ได้ก็สแกนนิ้วล็อกประตู ใส่รหัสความปลอดภัยกันไว้อีกชั้นทันที
“อะไรกันคะ คุณฌอนหิ้วหญิงมาแบบนี้ได้ยังไง”
“ได้สิ ก็เมื่อกี้ดื้อจะหนีผม ก็ต้องเอาตัวมาดื้อๆ แบบนี้”
“หญิงไม่ได้หนี”
แค่ขอไปพักหายใจแป๊บนึง กับอยากจะสำรวจความพร้อมของหน้าตาว่ายังโอเคหรือไม่ อดเขินไม่ได้ว่าทำไมหล่อนกลายเป็นผู้หญิงที่ห่วงสวยห่วงงามไปแล้ว
“ไม่หนีแล้วเมื่อกี้ไปหยุดอยู่หน้าห้องทำไม นอกจากดื้อแล้วยังขี้โกหกอีกนะ เนี่ยๆ จะดิ้นไปไหน นั่งดีๆ สิ”
โอ๊ย ก็จะให้นั่งดีๆ ได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้ชายหนุ่มรัดรั้งหล่อนไว้บนตักกว้าง โอบแขนรอบเอวไม่พอ ยังเอาปลายจมูกมาถูไถกับเนื้อตัวหล่อนอีก
“คุณฌอนก็หยุดอะไรแบบนี้สักทีสิคะ เห็นหญิงเป็นอะไรเฮอะ”
“ก็เป็นของผมน่ะสิ”
“หญิงไม่ได้เป็นของคุณ!”
เสียงที่ว่าจะอ่อนเริ่มแข็ง ถึงจะถูกใจและพอใจทั้งความรู้สึกและสัมผัสของความสัมพันธ์นี้ แต่การที่เขามาพูดตีขลุมแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของก็ทำให้หล่อนไม่ค่อยพอใจ
“ไม่ได้เป็นได้ยังไง นี่ของผม”
น่ะ! ว่าจะใจแข็ง แต่คนชอบดุกลับเข้าโหมดอยากดัน เม้มซอกคอขาวเบาๆ ไม่ให้เกิดรอย แถมยังจูบที่ข้างแก้ม
“นี่ก็ของผม”
แล้วเขาก็บิดหน้าสวยมาประกบริมฝีปากทันใด ดูดเม้มแทรกไซ้ลิ้นเรียวดับอารมณ์ร้อนของตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าดันอุณหภูมิให้สูงไปกันใหญ่ มือไม้เลื่อนจากเอว ผ่อนคนตัวบางให้นอนราบไปกับโซฟา มีร่างหนาทาบทับอยู่ด้านบน ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของหญิงสาวออกเผยให้เห็นเนื้อโนมที่มีบราเซียร์ลูกไม้ห่อหุ้มอยู่ เพิ่งเห็นจะจะว่าตัวบางๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเอกซ์เอาเรื่องจนเขาน้ำลายสอแบบนี้
หน้าหล่อรีบก้มลงซุกไซ้คนที่ใจเตลิดไปกับสัมผัสรุกของเขา เห็นนิ่งๆ เงียบๆ แต่รายไหนที่เขาจ้องจะฟาดก็เรียบไปทุกราย มือไม้ทำงานประสานกันกับสมองเมื่อมือหนาข้างขวาละไปปลดบรา ในขณะที่มือข้างซ้ายย้ายไปปลดกระดุมกางเกงยีนขาสั้นที่เขาอยากจะเอาไปเผาทิ้ง ดีที่วันนี้เจ้าตัวใส่เดินเฉิดฉายในโรงแรมคู่กับเขา รูดกางเกงพร้อมอันเดอร์แวร์ออกจดปลายเท้าด้วยความว่องไว เล่นเอาคุณหญิงสะดุ้งวาบเพราะโดนลอกคราบในเวลาไม่เกินห้านาที ขนทุกเส้นลุกชันเพราะทั้งไอเย็นที่กระทบผิว ทั้งเพราะสัมผัสร้อนจากเขาที่ไล่จากปลายเท้าขึ้นมา
ฌอนฤทธิ์รู้ดีว่าหล่อนรู้สึกเช่นไร จึงหยัดกายขึ้นปราดตามองภาพความงามตรงหน้าด้วยความพอใจ เนื้อขาวลออเปล่งปลั่งตัดกับโซฟาผ้ากำมะหยี่สีดำ ผมยาวสยายเหมือนนางพรายที่พร้อมจะพร่าลมหายใจเขา ตาหวานเยิ้มปรือเพราะฤทธิ์รักที่เขาปรนเปรอ รู้ดีจากประสบการณ์ว่าหากปล่อยผ่านวินาทีโกลเดนโมเมนต์นี้ไป เขาจะพลาด
โอกาส เลยรั้งร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นในอ้อมแขน ก้าวเร็วๆ พาขึ้นห้องนอนของตัวเองที่ชั้นสอง โดยที่ยังพรมจูบที่ริมฝีปากหวานฉ่ำไม่ละสักวินาที ไม่นานก็วางหญิงสาวลงบนเตียงที่ขึงตึง
“คะ...คะ...คุ...คุณฌอนคะ”
“ขา...สวย....แล้วก็อร่อยไปทั้งตัวเลย หญิงแพรว”
แค่สัมผัสก็แทบจะละลาย แต่ตอนนี้มาออดอ้อนเสียงหวาน ร่ายมนตร์ใส่ไปทุกอณูผิว เล่นเอาแพรวพรรณรายหูหนวกเพราะคำหวาน ตาบอดเพราะความรัก มือบางเริ่มดึงชายเสื้อเขาออกจากกางเกง ต้องการสัมผัสเนื้อตัวเขาบ้าง ชายหนุ่มก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โหย่งตัวดึงเสื้อจากด้านหลังออกแล้วโยนลวกๆ ไปที่พื้น กระตุกเข็มขัดออก ถอดกางเกงด้วยความรวดเร็ว แล้วลงคลุกวงในต่อ
เขาไม่แน่ใจว่าแพรวพรรณรายเคยมีประสบการณ์แบบนี้หรือไม่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้รังเกียจ อาจจะรักและหลงมากจนอดใจไม่ไหว เลื่อนมือลงสัมผัสจุดอ่อนไหว พบเนื้อเนียนกริบไม่มีอะไรปิดบังก็ชอบใจที่หล่อนดูแลตัวเองอย่างดี แทรกเรียวนิ้วรุกเร้าจนอีกคนดิ้นหนี ไม่ช้าร่างก็กระตุกเกร็งแสดงชัดเจนถึงความพรั่งพร้อมทุกประการ กรีดร้องเสียงหวานเพราะสิ่งที่ไม่เคยพบเจอ
“หญิง ฮึก...อ๊า...คุณ...ชะ...ชะ...ฌอน อ๊า...”
“หืมคนดี แยกขาให้ผมหน่อย”
ชายหนุ่มไม่รอ เบียดเนื้อตัวเข้ามาอยู่กึ่งกลาง แยกขาเรียวออกให้กว้าง รับรู้ได้ถึงการขัดขืนเบาๆ ของอีกฝ่ายเลยออกปากให้ช่วยๆ กัน มันเขี้ยวคนที่เสร็จสมไปแล้ว แต่ทำอิดออดไม่ยอมให้เขาตามไปบ้าง จึงจดแก่นกายร้อนผ่าวแข็งกร้าวถูไถลงตรงส่วนบอบบางเรียกอารมณ์หล่อนให้พวยพุ่งอีกครั้ง เพื่อเอื้ออำนวยให้เขาแทรกตัวเข้าได้ง่ายขึ้น
หญิงสาวเริ่มได้สติก็เท้าศอกสองข้างลงกับเตียง ยันตัวขึ้น ผงกหัวดูก่อนจะแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นสิ่งที่จะเข้ามาในร่างกาย อ้าปากค้างตั้งท่าจะห้าม แต่กลายเป็นว่าฌอนฤทธิ์พรมนิ้วมือย้ำจุดเดิมให้หล่อนครางเสียงหวาน เผลอแหงนหน้าสวยไปด้านหลัง แอ่นตัวขึ้น ทำเอาสติของชายหนุ่มขาดผึง กดตัวเข้าหาเต็มแรงก่อนจะต้องฝ่าด่านที่ตัวเองเพิ่งรู้ว่ามีพร้อมๆ กับที่แพรวพรรณรายกรีดร้อง
ชายหนุ่มนึกเสียใจที่ไม่ถนอมหล่อน แต่ดันพรวดเข้าเต็มรัก แล้วตอนนี้เขาเองก็โดนรัดแทบขาดใจ แต่จะให้ขยับขยายอะไรก็คงลำบาก เพราะคนตัวบางเกร็งตัวด้วยความเจ็บ เล่นเอาเขาต้องสูดปาก
“โอ๊ย! เจ็บ”
เล็บคมครูดต้นแขนเขาจนได้เลือด แต่ฌอนฤทธิ์ก็มิได้นำพา ก้มลงจูบทั่วใบหน้าหวาน ก่อนจะคลุกเคล้ากับอกอวบ ดูดยอดทรวงสีหวาน ละเลงลิ้นจนหม่อมราชวงศ์สาวสวยห่อไหล่
“คนดี ผมขอโทษ อย่าเกร็ง สบายๆ อย่าเกร็ง”
บอกอย่างนั้นเพราะเริ่มสัมผัสได้ว่าหล่อนผ่อนคลายบ้างแล้ว แต่ก็ยังทำให้เขาแทบขาดใจ ครั้นจะให้เร่งเร้าทำอะไรก็คงไม่ได้เพราะรู้แจ้งเห็นจริงแล้วว่าอีกคนเก่งแต่ปาก ทว่าไร้ประสบการณ์อย่างสิ้นเชิง
“ก็มันเจ็บ เจ็บมากๆ”
“เจ็บก็กัดผม กัดลงมา”
ได้ยินแบบนั้นแพรวพรรณรายก็ไม่วายค้อนควักเขาทั้งๆ ที่ร่างกายสอดประสานกันแนบแน่นชนิดที่แค่หายใจเข้าเขายังวูบวาบไปทั้งตัว นี่โรคจิตหรือไงถึงทำหล่อนเจ็บแล้วยังอยากให้หล่อนทำเขาเจ็บอีก
“ดีขึ้นไหม”
อีกมือกระตุ้นเร้าด้านล่างตามหลักทางกายภาพเพื่อช่วยบรรเทา ไม่นานเสียงดุก็กลายเป็นเสียงครางหวาน จนชายหนุ่มกล้าขยับถอนตัวออกเบาๆ ก่อนจะย้ำลงไปใหม่สั้นๆ ให้อีกคนปรับตัว จนรู้ว่าหญิงสาวเริ่มรับมือไหวเลยละมือจากจุดเร้าย้ายมารวบเอวบางที่กำมือเดียวแทบมิด ก่อนจะพรมจูบทั่วหน้าสวยเรียกขวัญอีกครั้ง
“ผมขยับนะ ไหวแล้วใช่ไหม”
เสียงทุ้มถามอย่างพร่าแผ่ว กัดฟันทนต่อความคับตึงของหล่อน นี่ถ้าเป็นคนอื่นเขาพูดเลยว่าอัดไม่ยั้งไปนานแล้ว ไม่มานั่งสนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะไหวหรือไม่อย่างไร
“แล้วถ้าหญิงไม่ไหว”
จังหวะช้าๆ ที่ชายหนุ่มขยับเขยื้อนทำให้หัวใจหญิงสาวเต้นเร็วรัวจนนับชีพจรไม่ได้ ไม่รู้ว่าควรให้เขาหยุด หรือไปต่อ
“ไม่ไหวไม่ได้แล้ว”
พูดจบฌอนฤทธิ์ก็เริ่มขยับ สับสะโพกเข้าออกตามความต้องการของร่างกาย โยกไหวอยู่เหนือร่างสวยของคนหัวไว หรือสัญชาตญาณพาไปก็ไม่รู้ หล่อนตอบรับสนองเสนอจนชายหนุ่มคำรามซ่านในลำคอ ยิ้มพลางมองภาพตรงหน้าด้วยความลุ่มหลงไปทั้งหัวใจ ตรอกตรึงความรู้สึกที่ยังพูดออกมาไม่ได้ ได้แต่แสดงออกผ่านการกระทำให้หล่อนรู้ว่าร่างนี้เป็นของเขาคนเดียว แต่พอเห็นแววตาหล่อน ณอนฤทธิ์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดย้ำให้หญิงสาววางใจ
“คุณเป็นของผม ของผมนะแพรว”
พูดไปก็ยิ่งรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพอๆ กับที่รับรู้ว่าอีกคนกำลังจะทะยานถึงฝั่งฝัน ทั้งเพราะร่างเล็กบิดเกลียว ทั้งเพราะแรงรัดกระตุกตัวเขาจากภายใน ทำให้ฌอนฤทธิ์ยิ่งโหมแรงรักแบบไม่พักยก สับสะโพกสอบเรียกเสียงกรีดร้องเพราะความสุขสมครั้งแรกในชีวิตจากราชนิกุลสาว ก่อนที่เขาจะรัวจังหวะไม่ยั้ง ทำเอาหล่อนสะท้านเกร็งรับอีกครั้ง ร้อนวูบชาวาบไปตั้งแต่หัวจดเท้า ในหัวมีแต่ประกายระยิบระยับพร่างพราย ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าสองแขนเรียวโอบรอบคอเขาที่ทิ้งตัวทับทาบอยู่บนตัวหล่อน ฟังเสียงลมหายใจหนักๆ ข้างหูสอดประสานกับเสียงหอบของตัวเอง อบอุ่นประหลาดๆ ยามเนื้อตัวชื้นเหงื่อเบียดเสียดกัน
แพรวพรรณรายมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ฌอนฤทธิ์ถอดถอนแก่นกายที่ยังแข็งตึง แถมยังสูดปากคล้ายจะบอกว่าอยากได้อีก แต่สงสารหญิงสาวที่ยังไม่เจนวิชาพอที่จะต่อรอบสอง แต่เขาทำให้หล่อน ‘ถึง’ ไปถึงสามครั้ง
“อาบน้ำไหม” มือหนาปัดผมที่ตกลงปรกหน้าสวย จูบที่หน้าผากใสอย่างเอาใจ
“งือ”
คนโดนเอาใจสะบัดหน้าหนี รู้ว่ากิจกรรมที่เพิ่งผ่านพ้นไปใช้พลังงานมาก แต่ไม่เคยรู้ว่าจะทำเอาแทบหลับทันทีขนาดนี้
“อยากอาบไหม ผมพาไป”
“อาบไม่ไหว”
“งั้นอุ้มเลยนะ”
ฌอนฤทธิ์จูบแก้มหล่อนอีกครั้ง บอกอีกฝ่ายให้รู้ว่ากำลังจะบริการแบบไหนจะได้ไม่วี้ดว้ายตกใจ ก็ตั้งใจจะอาบให้นี่ละ หญิงสาวก็ไม่อิดออด โอบรอบคอเขาทันที ยืนพิงร่างหนาในห้องอาบน้ำแบบเรนชาวเวอร์ ยอมและปล่อยให้เขาลูบเนื้อตัวพร้อมฟองสบู่ ทำท่าจะหลับมิหลับแหล่ แต่ก็ไม่วายปัดป่ายเมื่อชายหนุ่มเริ่มคุกคาม
“ไม่เอาแล้ว”
“น่า ไม่มีอารมณ์เหรอ”
“อารมณ์น่ะมี แต่ไม่มีแรง”
จะไม่ให้เตลิดเพริดไปได้อย่างไร ก็ฌอนฤทธิ์ไม่แค่อาบ แต่ยังล้วงควักทุกซอกทุกมุม เล่นเอาหล่อนที่ยืนซ้อนพิงตัวเขาอยู่ต้องแหงนหน้าวางศีรษะลงที่บ่าบึกบึน อ้าปากส่งเสียงครางอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
“นอนเฉยๆ ก็ได้ นะ นะ ผมอยากอีกแล้ว”
เขาดึงมือหล่อนมาด้านหลังให้สัมผัสแก่นกายแข็งกร้าวที่ทิ่มแทงก้นงอนของแพรวพรรณราย แม่ตัวร้ายก็ไม่เขินอาย หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าเขา ก้มลงมองของใหญ่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็เมื่อครู่ได้ดูแวบเดียวก่อนที่ฌอนฤทธิ์จะดันทั้งหมดเข้าตัวหล่อน
“โห...มิน่า”
มือบางลูบไล้ตามการชักพาของฝ่ายชายที่คล้ายๆ จะสอนให้หญิงสาวรู้ว่าวิธีเร้าอารมณ์รักต้องทำอย่างไร
“อ๊า...มิน่าอะไร...อืม...เก่ง” คนที่ตั้งตนเป็นครูหลับตาชมลูกศิษย์เสียงพร่า
“มิน่าหญิงถึงเจ็บ อุ๊ย ไม่ไหวแล้วนะ คุณฌอนปล่อยหญิงลงเดี๋ยวนี้!”
หม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายเบิกตา เพราะอยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็ช้อนบั้นท้ายหล่อนขึ้น ทำเอาหญิงสาวต้องยกมือโอบรอบคอเขาในขณะที่ขาเรียวสองข้างก็เกี่ยวเอวสอบไว้ตามสัญชาตญาณ มองคนตรงหน้าที่ถือวิสาสะอุ้มหล่อนออกจากห้องน้ำทันใด ไม่สนใจว่าหล่อนจะร้องห้ามแค่ไหน ก่อนจะปล่อยร่างขาวผ่องลงบนสังเวียนที่เพิ่งทำสงครามไปเมื่อครู่ ยังไม่ทันได้เว้นว่างให้แม่บ้านมาเก็บกวาดก็ต้องพาหล่อนลงไปคลุกเคล้าอีกครั้ง คนหล่อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะโถมตัวทับอีกฝ่ายทันทีที่พูดจบ
“ปล่อยตามคำขอ แต่ปล่อยลงบนเตียงนี่แหละ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น