7

บทที่ 7


7
“เล่ามา ชะนี”
วโรตม์ที่เพิ่งมีเวลาว่างจากไซต์ก่อสร้างที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมวันซ์ ริวาลากเพื่อนสนิทออกมาจากผู้คนได้ก็รีบเปิดปากกระซิบถาม หลังจากรับรู้จากปากหม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ว่าหล่อนย้ายมาพำนักอยู่ที่ไซต์งานเพื่อความสะดวกในการทำงาน แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสสืบเสาะหาความจริง อีกทั้งยังเห็นว่าเจ้าของโรงแรมอย่างฌอนฤทธิ์ประกบเพื่อนแจในทุกๆ มื้ออาหาร เคยเห็นแม้กระทั่งเดินหิ้วคอมพ์ลงมาส่งยายคุณหญิงสุดเซอร์ถึงหน้าห้องทำงาน จึงใช้เวลาว่างเฮือกสุดท้ายของวันทำงานหลังจากร่วมประชุมประจำสัปดาห์กับเจ้าของโรงแรมไปด้วยกันเมื่อเช้า เพราะต่างฝ่ายก็ต่างมีความรับผิดชอบที่ต้องจัดการกันทั้งสิ้น แทบไม่ได้คุยกันทั้งๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ทำงานในโพรเจกต์เดียวกันแท้ๆ
“เล่าอะไรล่ะ”
ปากอิ่มขมุบขมิบถาม ก่อนจะก้มลงชิมน้ำแกงที่ปรุงเรียบร้อย จากนั้นมือไม้ก็เริ่มต้นเด็ดใบโหระพาที่แม่ค้าสุมไว้ในกะละมังสังกะสีที่มีถั่วงอกดิบวางรวมๆ กัน ใส่ชามก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเจ้าดังที่ขายอยู่ในซอยหลังโรงแรม มีทั้งพนักงานของวันซ์ ริวา ทั้งคนทำงานออฟฟิศทั่วไปมากินกันให้สลอนเต็มเพิงไปหมด
“ก็ไอ้ความสะดวกในการทำงานของแกคืออะไร วังวิริยาขนาดหลายไร่นั่นน่ะห่างไปแค่สามนาทีแม้ว!”
“เสือกจริงๆ ยิ่งโตยิ่งอยากรู้เรื่องชาวบ้านนะเราอ้ะ”
แพรวพรรณรายเงยหน้าจากอาหารกลางวัน หรี่ตามองเพื่อนแบบไม่สบอารมณ์ทั้งๆ ที่ปกติมีอะไรก็มักบอกมักกล่าวเสมอ แต่ตอนนี้ไม่รู้จะบอกอะไร ไม่รู้ด้วยว่าไอ้ที่เห็นที่คิดนี่มโนไปเองตามประสาผู้หญิงหรือเปล่า ฝ่ายโน้นเขาอาจจะแค่ดูแลหล่อนตามประสาที่เป็นธิดาในหม่อมเจ้าโชติรัตน์ ไม่มีอื่นใดก็ได้ หรือแม้แต่แย่ที่สุดก็อาจจะทำไปตามประสาหมาหยอกไก่ ตามประสาผู้ชายประเภทถ้าได้ก็เอา
“แล้วควรเสือกไหมล่ะ”
วโรตม์เบาเสียง ไม่ใช่กลัวว่าคนจะรู้เรื่องที่คุยกันอยู่ แต่กลัวว่าจริตที่เขาแสดงออกไปจะทำให้คนนอกรู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้อยากจะเป็นชาย
“ก็บอกแล้วไงว่างานตอนนี้มันเลิกดึกๆ ดื่นๆ แล้วอาทิตย์ก่อนดันเป็นลม ท่านพ่อก็ไม่สบายพระทัย แล้วเขา...” หน้าสวยบุ้ยใบ้ไปทางโรงแรมหลังงาม เป็นอันรู้กันว่ากำลังพูดถึงใคร ใช้ตะเกียบคีบเส้นเล็กที่มีเม็ดพริกป่นติดเต็มเข้าปาก ไม่มีเสียงซี้ดซ้าดออกมาให้เสียกิริยา
“...ก็รู้จักกับท่านพ่อ ก็เลยไว้พระทัยฝากเรามาอยู่ สบายจะตาย บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ”
“อ่อ แล้วปกติต้องจ่ายเหรอยะค่าเช่าบ้านน่ะ เป็นคุณหญิงอยู่บนกองเงินกองทอง ไม่ต้องออกมาตะลอนแบบนี้ก็มีเงินประเคนเข้าบัญชีทุกเดือน”
หมั่นไส้เพื่อนที่พูดเหมือนชีวิตลำบากเหลือเกินทั้งๆ ที่การที่แพรวพรรณรายเลือกทำตามใจนั้นทำให้ตัวเองลำบากกว่าปกติหลายเท่า
“เอ้า นี่ประหยัดค่ารถไฟฟ้าไปได้วันละหลายบาทนะ ข้าวกลางวันมีคนเลี้ยงฟรีๆ ก็ดีจะตาย”
ปากก็พูดไปงั้น แต่ก็อดนิ่วหน้าไม่ได้เพราะไม่เห็นความจำเป็นจริงๆ นั่นละว่าจะต้องมาคอยดูแลทำไม แถมวันไหนที่เขาไม่ว่างมาชวนไปชิมอาหารในห้องอาหารต่างๆ ในโรงแรม ก็มักจะส่งข้อความมาบอกให้รู้ตัวก่อน ไม่เคย
ต้องให้คอยเก้อ แล้วจากนั้นฌอนฤทธิ์ก็จะจัดการให้พี่แก้วตา แม่บ้านที่เขาเคยแนะนำว่าเป็นคนดูแลหล่อนเอาอาหารมาส่งถึงห้องทำงานชั่วคราว ราวกับหล่อนเป็นเด็กเล็กๆ ที่ต้องมีพี่เลี้ยงคอยส่งปิ่นโต
“ย่ะ อยากจะปากแข็งก็ตามใจ แต่ขอบอก...” วโรตม์กลอกตา เบ้ปาก ก่อนจะเขยิบตัวเข้าใกล้อีกทั้งๆ ที่ตอนนี้ร่างใหญ่แทบจะเกยอยู่บนโต๊ะก๋วยเตี๋ยวที่มีผ้าใบของแถมจากบริษัทน้ำอัดลมปูอยู่อยู่แล้ว “...ฉันเห็นเคมีทางเพศบางอย่าง ระอุออกมาจากตัวเขา”
“อีแต๊บ! แกก็เห็นเคมีทางเพศจากทุกคนมะ ชายแก่ พ่อม่าย ให้เป็นผู้ชายหน่อยแกก็ได้กลิ่นหมดอ้ะ”
“บ้าเหรอ มาเรียกชื่อต้นแบบนี้ได้ไง สั่งสอนกี่ครั้งทำไมไม่ฟังว่าให้เรียกคุณต๊อบ คุณต๊อบ ดูปากคุณแม่นะคะ...คุณ-ต๊อบ”
คนที่ดูแมนเกินร้อย หล่อเกินชาย แต่อยากเป็นผู้หญิงใจจะขาดจดปลายนิ้วไปที่ริมฝีปากสีแดงสดแบบที่ผู้หญิงอิจฉา
“ค่ะ คุณต๊อบ...แต๊บ!”
“โอ๊ย นี่หัวช้าเหรอยะ พูดจนปากเปียกปากแฉะว่าอย่าเรียก อย่าเรียก ไว้เรียกเวลาอยู่กันสองต่อสอง” คนเป็นวิศวะทำท่าอ่อนใจ แต่ยังไม่ลดละเรื่องที่ตั้งใจจะต้องรู้ความจริงให้ได้ในวันนี้
“แล้วที่แกเรียกฉันชะนีล่ะ ผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะเรียกผู้หญิงแบบนั้นฮะ”
หญิงสาวแหวกลับบ้างว่านอกจากหล่อน เขาก็ลืมตัวเหมือนกัน จิกเรียกหม่อมราชวงศ์ติดดินคนนี้ด้วยสรรพนามแบบที่มีวโรตม์ใช้คนเดียว
“เออๆ ขอโทษจ้ะคุณหญิง แต่จริงๆ นะแพรว แกบอกมา มีอะไรในห้องเพนต์เฮาส์หรือเปล่า หนุ่มหล่อกับสาวเซอร์ใช้ชีวิตร่วมกันสองต่อสอง โรแมนติกชวนจิ้นเว่อร์”
“คนละห้อง! และฉันเป็นลูกน้องเขา เขาก็ต้องดูแลสิ”
ทำเก๋าปากแข็งตอบเพื่อน แต่ไม่ยอมเปิดปากพูดความจริงว่าตั้งแต่วันแรกที่หล่อนย้ายมา ชายหนุ่มก็ยึดโซฟาห้องรับแขกดูหนังจนจบไปสองเรื่อง จนหล่อนหนีเข้าห้องนอน จัดข้าวของด้วยความเชื่องช้าเสร็จ หวังว่าตอนออกมาฌอนฤทธิ์จะกลับห้องของเขาไปแล้ว แต่กลับพบว่าชายหนุ่มเดินก็ยังปักหลักไม่ไปไหน แถมเอ่ยชวนหน้าตาเฉยให้ลงไปหาอะไรกินในห้องอาหารของโรงแรมด้วยกัน ราวกับว่าเขากับหล่อนมีกิจกรรมบ่ายวันอาทิตย์เช่นนี้ร่วมกันมาตลอด
อีกทั้งยังแนะนำหญิงสาวกับพนักงานว่าต่อไปนี้หากแพรวพรรณรายใช้จ่ายอะไรในวันซ์ ริวาก็ให้ลงบิลส่วนตัวเจ้าของโรงแรมอย่างเขาได้เลย พอคุณหญิงตัวร้ายออกปากค้าน ชายหนุ่มก็บอกหน้านิ่งไม่สบตา แต่เสตักอาหารใส่จานหญิงสาวเสียว่า
...
‘เอาลูกเขามาเลี้ยง ผมก็ต้องดูแลให้ดี เดี๋ยวมีเด็กกลับไปฟ้องพ่อว่าผมทิ้งขว้างก็เป็นเรื่องสิ ทานข้าวไป ไม่ต้องถามมาก ตัวเบายังกับนุ่น นี่ถ้าอุ้มครั้งหน้าคุณหญิงไม่หนักขึ้น ผมจะเอาข้าวกรอกปากให้เหมือนพวกห่านที่เขาขุนตับไปขาย’
...
“แพรวว นี่แกโง่จริงๆ ใช่ไหม เจ้านายบ้านไหนต้องดูแลลูกน้องดีปานนั้น ผัวเมียบางคู่ฉันยังไม่เห็นเขาเอาใจใส่ดูแลแบบที่คุณเขาดูแลแกเลย”
ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในที่สาธารณะวโรตม์คงได้มีเอามือทาบอกกันบ้าง
“เว่อร์ไป เขาดูแลตรงไหน แกไม่เห็นเหรอ เมื่อเช้าในที่ประชุมเขายังเหน็บแนม สับฉันเละเรื่องสปาชั่วคราว นี่ถ้าพรุ่งนี้ตีห้าไม่เสร็จตามกำหนดที่ฉันรับปากไป แกอาจจะเห็นหัวฉันที่เขาตัดเสียบประจานอยู่หน้าโรงแรมก็ได้นะ”
พูดแล้วก็โมโห ก็อีตาหัวหน้าวิศวกรมันตั้งใจจะแกล้งหล่อนจึงบอกให้ย้ายช่างที่เคยได้รับการจัดสรรให้ทำสปาชั่วคราวให้เสร็จไปทำล็อบบีก่อน ทั้งๆ ที่หากพื้นที่ในส่วนแรกยังไม่เรียบร้อย คนงานก็จะไม่สามารถรื้อสปาหลักได้ เพราะจะไม่มีที่ให้บริการลูกค้า
คู่แค้นของหล่อนอ้างว่าทางโรงแรมย้ำนักย้ำหนาว่าในส่วนพื้นที่ต้อนรับลูกค้าห้ามทำงานเลยกำหนดแม้แต่วินาทีเดียว ตัดสินใจเอาเองโดยไม่มีการหารือกับทีมงานใดๆ จนสัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์หล่อนต้องวิ่งวุ่นแก้ปัญหา ตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็น ออกแบบสปาชั่วคราวเสียใหม่เพื่อให้เปิดให้บริการได้ภายในวันจันทร์ตามกำหนดเดิม ซึ่งก็หมายความว่าคืนวันศุกร์วันนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ช่างจะมีเวลาเก็บรายละเอียด ก่อนจะต้องปล่อยให้กลิ่นสีกลิ่นทินเนอร์ระเหย ไม่ให้รบกวนลูกค้า
“งานก็ส่วนงานสิ เขาเป็นนักธุรกิจ เขาก็ต้องเห็นแก่รายได้ของเขามาก่อน แต่แกน่ะรายจ่ายชัดๆ กินเป็นพายุแบบนี้ ในโรงแรมนั้นน่ะ เป็นเงินมื้อละกี่พันยะ ไหนจะข้าวกล่องที่พระพี่เลี้ยงเอามาส่ง ไหนจะของว่างที่มีเฉพาะของแกคนเดียว หมั่นไส้ชะนีมากๆๆๆๆ”
“อีนี่!” แพรวพรรณรายใช้ตะเกียบชี้หน้าเพื่อนปรามให้เบาเสียงลง ทั้งๆ ที่วโรตม์ก็ไม่ได้ออกเสียงดังเลย แต่หล่อนกังวัลไปเองเพราะเห็นคนใส่ชุดพนักงานโรงแรมเดินมานั่งโต๊ะข้างๆ “บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ เลิกพูดแล้วก็รีบๆ กินได้แล้ว เดี๋ยวต้องเข้าบริษัทอีก”
“นิดนึงก็ไม่มีจริงๆ เหรอ บอกหน่อย น่านะ พลีส กูดไนต์ค้งกูดไนต์คิสมีบ้างมะ”
“เออ นิดนึงก็ไม่มี นี่จะซักให้มันได้อะไรฮะ รู้เรื่องของฉันแล้วรวยขึ้นไหม”
“ก็ไม่” วโรตม์ทำท่าคิด “แต่มันมีความสุข จะว่าไปแกกะเขาดูเหมาะกันดีนะ คนนึงพูดน้อยน้อย คนนึงพูดม้ากมาก จะได้ไม่แย่งกันพูด ไม่งั้นชีวิตสมรสแกต้องล้งเล้งเหมือนโรงงิ้วแน่ๆ”
“เหมาะยังไง แล้วใครบอกแกเฮอะว่าดุ กวนประสาทสิไม่ว่า ด่าฉันเป็นไฟ เถียงคำไม่ตกฟาก นี่ถ้าเด็กๆ อยู่บ้านเดียวกันนะ จะยุให้คนเอาขี้เถ้ายัดปาก ไม่ให้โตมาเป็นผู้ใหญ่แบบนี้เด็ดขาด คนอะไรกิริยามารยาทไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษเลย”
แพรวพรรณรายพูดไปก็คีบเส้นเข้าปากไป แต่ไม่มีอาหารหลุดออกมาให้เห็น แม้จะนั่งอยู่ในเพิงอาหารข้างทาง แต่หล่อนก็ยังฉายแววโดดเด่น รู้ได้ด้วยตาเปล่าว่าไม่ใช่คนธรรมดาดาษดื่นทั่วไป
“โอ๊ย เขาสิจะยัดปากแก เขาแก่กว่าตั้งกี่ปีจ๊ะ แม่คุณหญิง แล้วไอ้ที่ว่าเขาไม่เป็นสุภาพบุรุษ แกเนี่ยสุภาพสตรีสินะ ฉันไม่เห็นคุณเขาจะเป็นอย่างที่แกว่า ประชุมแต่ละทีพูดก็น้อย นิ่ง เงียบสยบความเคลื่อนไหว เล่นเอาหัวใจเต้นระรัว เวลาเขาปรายตามามองตอนฉันพูดในที่ประชุมนะแก เหมือนจะเฉือนเสื้อผ้าหลุดออกเป็นชิ้นๆ อยากจะบอกมากว่าไม่ต้องบ่งบอกด้วยสายตา พร้อมถอดมาก”
พูดจบคนที่อยากเป็นหญิงก็ทำหน้าเหม็นเบื่อเพื่อนรักทันที ได้ใกล้ชิดคนหล่อขนาดนั้นยังเอาเขามาว่าเสียๆ หายๆ ถ้าเป็นเขาหน่อยไม่ได้ จะหยอดซ้ายอ่อยขวา
“โอ๊ย อีมโน บอกให้กินเร็วๆ ไงแกนิ ค่อยๆ สาวเส้นเป็นกินสปาเกตตีไปได้”
“จะรีบไปไหน เส้นจะพันลูกกระเดือกอยู่ละ ประชุมตั้งบ่ายสอง นี่เพิ่งจะบ่ายโมง แกเรียกแท็กซี่จากนี่ไปยี่สิบนาทีก็ถึงละมะ”
วโรตม์บ่น แต่ก็รีบเพิ่มสปีดในการกินให้ทันความต้องการของหญิงสาว ปากก็เรียกให้เด็กในร้านมาเก็บเงินไปพลาง รู้ดีว่าอีกฝ่ายใจร้อน แต่แล้วก็อดแสลงหูกับคำหวานที่อยู่ดีๆ เพื่อนก็เปลี่ยนโหมดเรียกไม่ได้ สังหรณ์ใจว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล และก็จริงดังคาด
“คุณต๊อบ...คุณต๊อบขา เลี้ยงแพรวด้วยนะ เนี่ยรีบลากออกมาลืมหมดทั้งกระเป๋าเงิน ทั้งมือถือ ขอบคุณนะคะสำหรับอาหารมื้อนี้”
ไม่เกินสิบนาทีเพื่อนสองคนที่เรียนด้วยกัน ทำงานด้วยกันก็เดินเร็วๆ ผ่านทางเข้าของพนักงานตัดเข้ามาถึงห้องทำงานชั่วคราวของ วี.เค. คอนสตรัคชั่น วโรตม์อดมันเขี้ยวยายคุณหญิงตัวร้ายที่หลอกให้เขาเลี้ยงมื้อเที่ยงไม่ได้ เพราะพอเดินพ้นร้านก๋วยเตี๋ยวมาเจ้าตัวก็ลืมตัวควักเงินซื้อขนมไข่เต่าทอดมาใส่ปากหน้าตาเฉย แสดงให้เห็นโดยไม่ได้ตั้งใจว่าหล่อนไม่ได้ลืมกระเป๋าเงินอย่างที่อ้าง คนร่างใหญ่ใช้แขนที่มีกล้ามมัดโตรั้งคอคนตัวสูงแค่บ่าเข้ามา ก่อนจะใช้อีกมือขยี้ผมที่เจ้าตัวมวยไว้หลวมๆ
“โอ๊ย เล่นอะไรคุณต๊อบ ผมหญิงยุ่งหมดนะคะ นี่แน่ะๆ หญิงแกล้งให้เสื้อคุณต๊อบยับดีไหม เอาให้คืนนี้ไม่กล้าไปเดตที่ไหนเลย”
แพรวพรรณรายรู้ดีว่ากำลังโดนเพื่อนลงโทษเรื่องอะไร ก็รีบพูดจาเอาใจด้วยสรรพนามที่อีกฝ่ายชอบให้เรียกในที่สาธารณะพลางใช้มือโอบรอบเอวสอบของวโรตม์เป็นการแกล้งเพื่อนรักเพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มเนี้ยบจัด ไม่ชอบให้เสื้อผ้ามีรอยยับ หัวเราะเสียงดังลั่นที่ได้เอาคืน ไม่ได้สนใจว่ามีคนกำลังเดินมาทางมุมตึก แต่หยุดกะทันหัน
“หยุดทำไมครับ”
ดนัยงงไม่น้อยที่อยู่ๆ ฌอนฤทธิ์ก็หยุดเดินทั้งๆ ที่ทีแรกที่เรียกเขาออกจากห้องทำงานก็ดูรีบอย่างกับอะไร เจ้าตัวโผล่หน้าออกไปเหมือนกับแอบดูอะไรสักอย่าง จนเขาเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ ต้องออกปากถามอีกครั้ง
“มีอะไรครับคุณฌอน เอ๊ะ นั่นคุณหญิง ไม่รีบไปบอกเหรอครับ”
ชายหนุ่มไม่ตอบผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ตามองแน่วนิ่งไปที่คนสองคน ความไม่พอใจพุ่งวาบขึ้นมาในห้วงความรู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ก็ได้สติจากเรื่องที่ลูกน้องเพิ่งเตือนเลยตัดสินใจเดินต่อไปพร้อมรับคำ พอดีกับที่อีกฝ่ายเงยหน้ามาอย่างมีความสุข หน้าสวยที่เปล่งประกายสดใสหุบยิ้มลง แต่มือยังเกาะที่เอวเพื่อน ไม่สังเกตว่าตาชายหนุ่มหยุดมองที่ใด
ฌอนฤทธิ์อดแปลบในใจไม่ได้ว่าทำไมเวลาหล่อนเห็นเขาต้องทำหน้ายุ่ง ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยแทนตัวเป็นกันเองเหมือนที่ทำกับคนอื่นสักที
“อืม”
“อ้าว คุณฌอนฤทธิ์ สวัสดีครับ”
วโรตม์ตั้งสติได้ก่อน เขาคิดว่ามองความหมายในตาอีกฝ่ายไม่พลาด รีบปลดมือแพรวพรรณรายออก เขายังอยากมีงานทำ ยังอยากได้ชื่อว่าอยู่ในโพรเจกต์จนจบ ไม่อยากโดนเด้งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ยกมือไหว้เจ้าของโรงแรมเป็นครั้งที่สองของวันหลังจากได้พบกันในห้องประชุมไปแล้วเมื่อเช้านี้
“อืม”
“เดินมาถึงทางนี้ มีอะไรกับ วี.เค. หรือเปล่าครับ”
เพราะส่วนที่ฌอนฤทธิ์จัดไว้ให้เป็นหนึ่งในห้องประชุมของส่วนสำนักงาน ซึ่งจากชั้นผู้บริหารหากไม่มีเรื่องเฉพาะกับคนตรงนี้ในห้องประชุมนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเดินมาหรือเดินผ่านเลยด้วยซ้ำ
“ไม่มีอะไรกับ วี.เค. แต่จะมีอะไรกับคุณหญิง”
และก็เป็นวโรตม์อีกที่สำลักน้ำลายตัวเองออกมา ถึงตอนแรกจะไม่แน่ใจ ตอนนี้ละมั่นใจเลยว่าสิ่งที่เขาเดาไม่พลาดไปแม้แต่น้อย นี่คงคิดว่าเขาเป็นแมนเกินร้อย เป็นคนที่จะมาเป็นคู่แข่งละสิถึงเอ่ยอะไรกำกวมแบบนี้ แต่พอเห็นอาการนิ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวของเพื่อนสาวก็อ่อนใจ เลยตัดสินใจเล่นใหญ่ ในเมื่อชะนีทำโง่ไม่รู้ ตุ๊ดนี่ละจะช่วยให้รู้ เผื่อจะได้บุญได้ผู้งานดีแบบนี้บ้าง
“มีอะไรกับคุณหญิงครับ นี่เดี๋ยวคุณหญิงต้องรีบกลับไปประชุมที่บริษัท ฝากผมได้ไหม ผมทำแทนได้”
“ไม่ใช่คุณหญิง คุณทำแทนไม่ได้หรอก”
เจ้าของโรงแรมไม่ละสายตาจากหน้าสวยที่ขมวดยุ่งขณะเอ่ยสิ่งที่ต้องมาบอกหล่อน ตอนแรกก็รื่นรมย์ที่ได้รับหน้าที่มาบอกกล่าวสตรีผู้นี้ เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่ได้พูดด้วยดีๆ แถมเผลอใส่อารมณ์ไปไม่น้อยในห้องประชุม แต่ตอนนี้เริ่มจะหงุดหงิดที่ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ อยากระเบิดอารมณ์ใส่มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“ท่านชายโทร. มาบอกว่าจะเสด็จเสวยอาหารค่ำที่นี่ ให้ผมแจ้งคุณหญิงร่วมโต๊ะเสวย”
“ท่านพ่อจะเสด็จทำไมไม่บอกดิฉัน โทร. หาคุณทำไมคะ”
คนเป็นลูกออกอาการ ลืมไปเสียสนิทว่าก็ตัวเองนั่นละลืมเอาเครื่องมือสื่อสารติดตัวไป และที่ต้องเดินกลับมาที่นี่จนเจอเขาตอนนี้ก็เพราะมือถือเครื่องนั้น
“เห็นว่าโทร. หลายครั้งแล้ว แต่คุณไม่รับสาย ท่านเชิญผมด้วย แล้วก็วานให้ผมมาบอกคุณแต่เนิ่นๆ เพราะกลัวว่าจะนัดใครไปไหน” พูดจบประโยคนี้ฌอนฤทธิ์ถึงได้ฤกษ์หันมองวโรตม์เต็มๆ ตา จนคนเป็นชายแต่ร่างหนาวๆ ร้อนๆ ไม่ใช่เพราะสปาร์กถูกใจ แต่เพราะกลัวรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากผู้ชายตรงหน้า
“อ่อ แล้วยังไงคะ ท่านพ่อจะเสด็จกี่โมง ดิฉันมีคุยงานที่บริษัท จะกลับมาทันไหมก็ไม่รู้”
“สองทุ่ม งานคุณมันคงไม่นานขนาดนั้นมั้ง แล้วนี่จะไปยังไง ถ้าคุณขับรถไป ขากลับท่าจะติด จะไม่ทันก็เพราะอย่างนั้นแหละ”
ถึงแม้สถานที่ที่แพรวพรรณรายจะไปจะอยู่ในโลเกชันที่ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก แต่ก็รู้กันดีว่าการจราจรยามเย็นของกรุงเทพมหานครเอาเรื่องขนาดไหน
“ถ้าสองทุ่มก็คงไม่มีปัญหาอะไร ถ้ายังงั้น...” หญิงสาวหมุนข้อมือบางเพื่อดูเวลาก่อนจะโวยวายออกมาตามประสา “ตายแล้ว! สายๆๆ สายแน่ๆ บัตรรถไฟฟ้าก็ยังไม่ได้เติม คุณต๊อบ...”
แพรวพรรณรายหันหาเพื่อนรักที่พึ่งพิงได้ตลอด เอ่ยเสียงหวานแบบเวลาต้องการให้คนข้างๆ ทำอะไรให้ จน วโรตม์อยากจะถอนใจ อีนี่วอนหาเรื่อง หาตีนให้ตลอดตั้งแต่เรียนยันโต
“ขี่มอ’ไซค์ไปส่งหน่อยสิคะ หญิงสายแน่ๆ”
ได้ยินแบบนั้นฌอนฤทธิ์ก็ขบกราม เอ่ยปากออกไปทั้งที่ไร้การไตร่ตรองแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่ต้องไปซ้อนใคร!” เสียงทุ้มเพิ่มเลเวลจนคนในบริเวณนั้นตกใจหันมามองหน้าเขาทันที “ผมจะไปธุระทางบริษัทคุณพอดี ถ้ากลัวสายก็รีบตามมา จะแวะส่ง”
ปัง...
ฌอนฤทธิ์มองตามหลังบางของคนที่ลงจากรถเขาไปเมื่อวินาทีที่แล้ว หลังจากยกมือไหว้ขอบคุณเขาที่แวะมาส่งหล่อนเข้าบริษัททันเวลาก่อนประชุมสิบนาทีพอดี ตลอดทางเจ้าตัวนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาข้างหลังรถเคียงข้างเจ้าของ
โรงแรมอย่างชายหนุ่ม โดยไม่มีท่าทีจะชวนคนมีน้ำใจอย่างเขาคุย เอาแต่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ จนฌอนฤทธิ์อยากจะคว้ามาโยนออกนอกหน้าต่างรถเสียหลายรอบ
อยากจะตำหนิคนทำตัวเด็กทั้งๆ ที่จะสามสิบอยู่รอมร่อว่าควรจะมีมารยาทสนทนากับเขาบ้าง ติดที่ยังไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะทำได้ถึงขั้นนั้น ...หึ รอให้มีสิทธิ์ก่อนเถอะ พ่อจะซัดไม่เลี้ยง แต่แล้วแผนการที่จะปราบแม่ตัวแสบที่ขยันกวนหัวใจเขาก็ต้องพังพับไป เพราะดนัยที่นั่งคู่กับคนขับที่ตอนหน้าอ่านนายออกปุ๊บตั้งแต่เขาสั่งให้เตรียมห้องหับให้หม่อมราชวงศ์แพรวพรรณรายเมื่อเจ็ดวันก่อนถือวิสาสะลดกระจกกั้นห้องโดยสารลง ส่งเสียงถามด้วยความสงสัยปนสงสาร ว่า
“คุณณอนครับ ธุระที่บอกคุณหญิงว่ามาทางนี้คือที่ไหนครับ ถ้าไม่รู้ จะให้วนรถกลับไปเป็นประธานในที่ประชุมกับฝ่ายบัญชีไหมครับ นี่เลตเขามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมยังให้พวกเขารออยู่ เพราะคิดว่าธุระนั้นน่าจะสำคัญกว่า”
ได้ยินแบบนั้นฌอนฤทธิ์ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากขยับสูทให้เข้าที่แล้วจึงเอื้อมมือไปกดกระจกกั้นให้ขึ้นมาปิดดังเดิม ส่งเสียงแว่วๆ ให้ลูกน้องด้านหน้าทั้งสองคนพอได้ยิน และลอบยิ้มกันพอหอมปากหอมคอ
“อืม แล้วอีกสักสองชั่วโมงโทร. เช็กกับคุณหญิงด้วยว่าประชุมเสร็จจะให้รถวนมารับไหม”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น