10

ขนมลึกลับ

๑๐

ขนมลึกลับ

 

เช้าวันใหม่แก้วกินรีตื่นแต่เช้ามาทำอาหาร เธอมักจะทำอาหารเตรียมไว้ให้คนในบ้านและสำหรับตักบาตรไปพร้อมๆ กัน มื้อเช้าจึงไม่ใช่เพียงข้าวต้มหม้อเดียว อีกอย่างบิดาไม่ถนัดกินอาหารอ่อนๆ ท่านมักบ่นว่าไม่อยู่ท้อง ช่วงเช้าเป็นช่วงที่อากาศยังไม่ร้อนสามารถลงแรงทำงานได้เต็มที่ ถ้ากินแต่ข้าวต้มแรงไม่มีถึงเที่ยงจะเสียงานเปล่าๆ มื้อเช้าของบ้านสวนตากมลจึงเป็นข้าวสวยกับกับข้าวที่รสชาติไม่จัดจ้าน ด้วยเนื้อแท้ไม่ใช่คนจันท์จึงไม่ได้ติดรสจัดจ้านเช่นคนเมืองจันท์โดยกำเนิด

อาหารเช้าในวันนี้คือแกงจืดเต้าหู้หมูสับ แก้วกินรีจัดใส่ถุงทั้งหมดสี่ชุดพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ปกติจะจัดไว้แค่พอดีคนในครอบครัว ทว่าวันนี้มีเกล้าเศียรมาเป็นแขกจึงเพิ่มมาอีกหนึ่งชุดเผื่อเขาจะอยากทำบุญด้วยกัน 

แก้วกินรียกถาดอาหารสำหรับตักบาตรออกจากห้องครัวก็เห็นเกล้าเศียรเดินออกมาจากห้อง ส่วนบิดาอุ้มแก้วกัลยารออยู่ที่โต๊ะอาหาร เห็นสีหน้าถมึงทึงของบิดาแล้วแก้วกินรีก็รู้สึกว่าที่ตัวเองไม่บอกเรื่องที่พบปราณกันต์ที่กรุงเทพฯ ให้ท่านทราบถือว่าตัดสินใจถูก และโชคดีที่ปราณกันต์ไม่รู้ที่อยู่ของเธอ ไม่เช่นนั้นบิดาคงได้ถือปืนไปไล่ยิงเขาแน่ๆ 

“ตักบาตรด้วยกันไหมคะหมอเกล้า” 

แก้วกินรีแสร้งลืมๆ ไปว่าเมื่อคืนเขาพูดอะไรและเธอตีความได้อย่างไร ทำตัวปกติทักทายเขาเหมือนเพื่อนคนหนึ่งเช่นเดิม ผิดกับเกล้าเศียรที่เหมือนจะตกผลึกแล้วว่าย่างก้าวต่อไปไม่ควรชักช้าอีก จึงรุกคืบเข้ามาฉวยเอาถาดในมือแก้วกินรีไปถือเสียเอง ท่ามกลางการถลึงตาของบิดาเธอนั่นแหละ

“ได้ตักบาตรร่วมกับคุณถือว่าเป็นบุญของผม”

“พ่อนนท์ก็จะมาตักบาตรด้วยนะ เจ้ารีไปเตรียมอีกชุด” 

กมลทะเล่อทะล่าเข้ามาคั่นกลางหนุ่มสาว ทำตัวเป็นก้างขวางคอชิ้นโตไม่ยอมให้แพทย์หนุ่มเกี้ยวพาราสีลูกสาวได้อย่างใจ หากจะจีบลูกเขาต้องข้ามศพพ่ออย่างเขาไปก่อน

ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง

“พ่อนนท์หรือเปล่า เจ้ารีไปเปิดประตูให้พ่อนนท์สิ”

“ค่ะพ่อ” 

บิดาอุ้มแก้วกัลยา ส่วนถาดอาหารตักบาตรก็อยู่ในมือเกล้าเศียร เธอจึงเหมาะสมที่สุดในหน้าที่นี้ แม้จะรู้สึกว่า...ชานนท์ช่างมาได้ทันเวลาดีจริงๆ และไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะบิดาที่รักของเธอได้เตรียมการเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ท่านไม่ได้ชวนชานนท์มาเพียงเพื่อรับประทานอาหารเช้าเท่านั้นตั้งแต่แรก

ร้ายนักนะตากมล...

แก้วกินรียิ้มเมื่อนึกถึงความถูกชะตากับชายหนุ่มที่ชื่อชานนท์ของบิดา จะว่าไปชานนท์ก็นับว่าเป็นคนดีคนหนึ่งแถมฐานะยังเข้าขั้นดีมากในอำเภอนี้ จะถือว่าเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟกต์ที่สุดของอำเภอก็ว่าได้ เพราะนอกจากเป็นเจ้าของสวนทุเรียนขนาดใหญ่ ขยันขันแข็ง เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ยังเป็นถึงลูกชายนายอำเภอที่หน้าตาไม่ขี้ริ้วแต่อย่างใดเลย 

ตลอดเวลาหนึ่งปีที่เธอและบิดาย้ายมาเป็นคนแปลกหน้าที่นี่ โชคดีที่ได้รู้จักชานนท์คนนี้ทำให้เส้นทางมืดมนสายนี้มีที่ไปอย่างมั่นคง แต่ก็นั่นแหละหัวใจคนบังคับไม่ได้ ถึงเขาจะแสนดี แสดงออกชัดเจนว่ารู้สึกเช่นไร และบิดาสนับสนุนเท่าไรระหว่างเธอกับชานนท์ก็เป็นได้เพียงเพื่อนที่ดีต่อกัน

แก้วกินรีเดินออกมาถึงหน้าบ้านแต่เจ้าของเสียงกริ่งกลับไม่ใช่ชานนท์อย่างที่คิด...

 “เอ้า...คุณนั่นเอง มาส่งขนมของคุณชานนท์เหรอคะ” 

แก้วกินรีทักทายชายส่งของคนเดิมที่มาบ้านของเธอสองอาทิตย์ติดๆ แล้ว ทุกครั้งที่มาก็เพื่อส่งขนมจากชานนท์คนที่บิดากำลังรอให้เขามาตักบาตรและรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน แต่เช้าวันนี้ชานนท์จะมาบ้านเธออยู่แล้ว ทำไมยังส่งขนมมาอีก เขาน่าจะรับมาพร้อมกันเลยมากกว่าหรือเปล่า 

จะว่าไปก่อนหน้านี้ชานนท์ไม่เคยใช้บริการบริษัทขนส่งมาก่อน เขามีอะไรก็มักจะแวะเอามาให้ด้วยตนเองเสมอ เพื่อถือโอกาสฝากท้องและนั่งเล่นกับแก้วกัลยา พอความสงสัยจุดประกายขึ้นในสมอง ความรู้สึกแปลกก็พลุ่งขึ้นมามากมายทันที  

“เซ็นรับให้หน่อยนะครับ”

พนักงานขนส่งยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้เซ็นรับของเช่นทุกวัน ไม่ตอบคำถามอะไรนอกจากพยักหน้า เขาได้รับงานให้รับขนมมาส่งที่นี่โดยชื่อคนส่งมีแต่เจ้าของที่เปิดการ์ดอ่านเท่านั้นที่รู้และเธอก็ทำเสียงแปลกใจเมื่ออ่านว่า...ชานนท์

“ว้าว เค้กมะพร้าวอ่อน ไม่ใช่ร้านขนมจากร้านที่ส่งมาทุกวันด้วย งานเนี้ยบขนาดนี้เขาให้คุณไปรับที่ไหนเหรอคะ เผื่อวันหลังถ้าฉันอยากกินอีกจะได้แวะไปบ้าง”

แก้วกินรีเซ็นรับเพราะหากไม่เซ็นบิดารู้เข้าเธออาจจะหูชาที่บังอาจไม่รับของจากชายหนุ่มที่ท่านหมายตาไว้ แต่แพ็กเกจจิงและความน่ากินของเค้กทำให้เธออดทึ่งไม่ได้ ร้านเบเกอรีแถวนี้เธอไปมาเกือบทุกร้านยังไม่พบร้านไหนหน้าตาเหมือนกับเค้กในกล่องนี้

“ผมยังมีของต้องไปส่งอีก ไว้คุณถามเขาเองนะครับ ผมขอตัวก่อน” พนักงานขนส่งยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วถอยหลังไปคร่อมจักรยานยนต์ สตาร์ตเครื่องได้ก็ขี่จากไปอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวสิ...” 

แก้วกินรีรั้งไว้ไม่ทันด้วยซ้ำ แต่มองตามหลังไปก็เห็นว่ารถจักรยานยนต์คันนั้นสวนกับรถกระบะสีดำเมี่ยมซึ่งหรี่ไฟหน้ารถทันทีเมื่อพบว่าเบื้องหน้ามีรถสวนมา เธอจำป้ายทะเบียนรถได้ว่าเป็นของชานนท์

“มาทำอะไรอยู่หน้าบ้านแต่เช้ามืดครับเจ้ารี” 

ชานนท์ กระโดดสูง หนุ่มเมืองจันท์แท้ที่มีผิวสีแทนตลอดร่างลดกระจกลงชะโงกหน้าออกมาทักทาย คำเรียกขานด้วยความสนิทสนมบ่งบอกสถานะของชายหนุ่มต่อบ้านหลังนี้อย่างชัดเจน เขาไม่ใช่เพียงแขกที่แวะมาหาชั่วครั้งชั่วคราว แต่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ตากมลยอมให้เรียกลูกสาวด้วยชื่อเล่น ‘เจ้ารี’

“รับขนมของคุณไงคะ ช่วงนี้ฉันดูผอมเกินไปใช่ไหมคะ ถึงได้ส่งขนมมาให้ทุกวันเลย แต่ว่า...วันนี้ไปสั่งมาจากร้านไหนคะ แปลกตามากเลย”

“ขนมอะไรครับ” ชายหนุ่มนามชานนท์ขมวดคิ้วเข้าหากันจนผูกเป็นโบ เขางงเป็นไก่ตาแตกกับคำพูดของแก้วกินรีจริงๆ

“เอ้า...คุณนนท์ไม่ได้ส่งมาเหรอคะ แต่ว่านี่...” 

แก้วกินรีคลี่การ์ดออกอ่านอีกรอบแบบสังเกตสังกา ดวงตาคู่งามค่อยๆ เบิกกว้างเมื่อค้นพบว่าลายมือบนการ์ดมีบางจุดคุ้นจนเธอใจหาย ต่อให้ปลอมลายมือยังไงก็ต้องเหลือเค้าโครงเดิมไว้บ้าง 

ไม่จริงน่ะ ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เห็นปราณกันต์อีก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตามมาถึงนี่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยู่ไหน ตอนโรงพยาบาลติดต่อมาเรื่องคืนรถ เธอยังให้เขาส่งไปถึงลพบุรีแล้วค่อยส่งคนงานไปรับกลับมา ในเอกสารประวัติการรักษาเธอก็ให้ข้อมูลที่ห่างจากความเป็นจริง เพราะเธอรอบคอบพอจึงแจ้งเกิดแก้วกัลยาและย้ายชื่อเข้าบ้านเดิมของบิดา ตัวเธอเองก็เช่นกัน ไม่มีทางที่จะสืบที่อยู่ปัจจุบันของเธอเจอจากทะเบียนราษฎร์

“มีใครส่งของมาให้เจ้ารีโดยอ้างชื่อผมเหรอ” 

ชานนท์ลงจากรถมาถาม หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาจะไม่ปล่อยคนคนนั้นไว้แน่

“ฉันเข้าใจว่าเป็นของคุณมาโดยตลอด” ยี่สิบวันแล้วด้วยที่พวกเธอรับประทานขนมจากพนักงานขนส่งคนนี้เพราะเข้าใจว่าเป็นของชานนท์ ผู้ชายที่เบอกว่าถูกแอบอ้าง

ทำไมสะเพร่าได้ขนาดนี้ หากถูกคนไม่ดีคิดวางยาไม่ตายกันหมดบ้านไปแล้วหรือ!

“ผมไม่เคยส่งอะไรมาแบบนี้ ใครมันบังอาจขนาดนี้”

เค้กสีขาวบริสุทธิ์นอนนิ่งในกล่องอันสวยงามหรูหรา คนอย่างชานนท์มากสุดคงจะซื้อเค้กชิ้นละยี่สิบบาทจากตลาดสด หรือไม่ก็ขนมไทยจำพวกทองหยิบ ทองหยอด ขนมชั้น

“ฉันต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าใครที่มันกล้าเล่นตลกแบบนี้” แก้วกินรีกำมือที่หิ้วถุงขนมจนนิ้วเล็กๆ เกร็งแน่น ไม่ว่าเจ้าของเค้กก้อนนี้จะเป็นใคร เธอจะกระชากหน้ากากเขาออกมาให้ได้ “เห็นพ่อบอกว่าจะมีหมอเด็กย้ายเข้ามาใหม่และจะเปิดคลินิกด้วย จริงหรือเปล่าคะ”

“จริงครับ อีกสามวันก็จะเข้าไปรายงานตัวที่โรงพยาบาล นี่คลินิกเขาก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ผมกะว่าจะมาพาเจ้ารีไปวนดูสักรอบเผื่อคุณจะอยากผูกมิตรกับเขา”

“ผู้หญิงหรือผู้ชายคะ” ขณะถามประโยคนี้ใจแก้วกินรีเกิดความกลัวคำตอบขึ้นมาดื้อๆ มันทั้งอยากรู้และไม่อยากรู้พอๆ กัน จนหน้าอกแน่นขึ้นมาขัดการหายใจ

“ผู้ชายครับ อายุน่าจะประมาณสามสิบกว่าๆ ผมเคยเจอแค่สองสามครั้งเอง แต่ท่าทางก็ดูดีใช้ได้เลย”

“เขาชื่ออะไรคะ” 

“อืม ปะ เอ่อ หมอปกครับ เขาบอกผมแค่ครั้งเดียวเลยจำสับสนนิดหน่อย แต่ชื่อปก”

“ปก? เขาชื่อปกจริงๆ เหรอคะ คุณนนท์ไม่ได้จำสับสนใช่ไหมคะ”

“อืม...” ชานนท์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยืนยันหนักแน่น “ปกจริงๆ ครับ ป้ายคลินิกเขายังชื่อปกป้องคลินิกเลยครับ”

“ปกป้อง” แก้วกินรีรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ถึงจะยังรู้สึกหายใจได้ไม่โล่งเท่าที่ควร แต่แค่ไม่ได้ยินคำว่าปราณกันต์อาการแน่นหน้าอกก็ดีขึ้น

“ทำไมเหรอครับ หรือว่าเจ้ารีรู้จักเขา”

“เปล่าค่ะ คุณนนท์ขับรถเข้าไปจอดในบ้านเถอะค่ะ พ่อรอคุณอยู่” 

แก้วกินรีและบิดาไม่เคยเล่าเรื่องในอดีตให้ใครที่นี่ฟังสักคน เมื่อมีใครถามถึงบิดาของแก้วกัลยาพวกเธอก็แค่ตอบสั้นๆ ว่าไม่มี ที่เหลือใครอยากคิดอย่างไรก็ปล่อยเขา ชานนท์เองก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษกว่าใครแม้เขาจะสามารถเอาชนะใจกมลได้ แต่อดีตของเธอก็ยังคงเป็นความลับมาจนถึงตอนนี้

“ครับ ผมซื้อขนมมาร่วมตักบาตรด้วย เจ้ารีเข้าบ้านไปก่อนได้เลย เดี๋ยวผมตามไป” ชานนท์กลับไปขึ้นรถแล้วเคลื่อนเข้าไปจอดที่หน้าบ้าน

แก้วกินรีเดินมาทันตอนชานนท์กำลังขนขนมที่เจ้าตัวบอกว่าซื้อมาตักบาตรลงจากรถ ลมหายใจถูกผ่อนออกแรงๆ เมื่อก้มมองเค้กในมือ เธอเอาสมองที่ไหนเชื่อนะว่าชานนท์ส่งเค้กมาให้ ทั้งที่เขารับประทานเป็นแต่ขนมไทย

ขนมลึกลับกล่องนี้เป็นของใครกันแน่!

 

วันนี้คือวันที่ปราณกันต์เข้ามารายงานตัวกับโรงพยาบาล เขาสวมเชิ้ตสีขาวผูกเนกไทสีกรมท่าเส้นที่อดีตภรรยาเลือกให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อตอนแต่งงานกันใหม่ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลในหน้าที่การงานของตนเอง

เพื่อนร่วมงานทั้งแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วย ไปจนถึงพนักงานเวรเปลล้วนแล้วแต่น่ารัก เอื้ออาทร เข้าหาง่าย ไม่ถือตัว เขาเข้าไปวันแรกก็สามารถทาบทามพยาบาลที่สนใจเข้ามาทดลองงานที่คลินิกได้หลายคน ตอนนี้ก็แค่รอให้คลินิกได้รับใบอนุญาตและเปิดทำการ หวังว่าคลินิกของเขาจะได้รักษาเด็กๆ และลดความเหน็ดเหนื่อยของมารดาที่ต้องพาลูกน้อยเดินทางเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดเพื่อหาหมอเฉพาะทาง แม้รายได้ไม่มากเพราะโรงพยาบาลรัฐค่าตอบแทนน้อยกว่าโรงพยาบาลเอกชนมากอยู่แล้ว ยิ่งเป็นโรงพยาบาลรัฐต่างจังหวัดค่าตอบแทนยิ่งไม่ต้องเอาไปเปรียบ คลินิกเองก็คงไม่อาจเก็บรักษาแพงๆ อย่างในกรุงเทพฯ ได้ แค่ประคองให้อยู่ได้ก็เพียงพอ 

ปก. ปกป้องคลินิก คลินิกที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเจ้าตัวเล็กของเขาโดยเฉพาะ ‘ปราณกันต์ ปกป้อง แก้วกัลยา’ นี่คือความหมายอันแท้จริงซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ชื่ออันเรียบง่าย เพราะเขารู้ว่าลูกสาวตัวน้อยป่วยบ่อยจนแก้วกินรีต้องพาไปหาแพทย์เฉพาะทางในตัวจังหวัดเดือนละหลายครั้ง เขาซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางจึงมาหาลูกสาวเสียเอง ลดความเหน็ดเหนื่อยของแก้วกินรีและเพิ่มความรวดเร็วในการได้รับการรักษาของแก้วกัลยา

“หมอปกคะ วันนี้ ผอ. จะขอเลี้ยงอาหารเย็นเป็นการต้อนรับ ท่านให้เรียนถามว่าหมอชอบรับประทานอาหารแบบไหน จะได้จองโต๊ะไว้ค่ะ” 

พยาบาลหน้าอวบอิ่มเคาะประตูห้องตรวจอันใช้ประโยชน์เป็นห้องพักแพทย์ไปด้วยในตัวยามไม่มีคนไข้ แล้วเดินเข้ามาถาม ห้องนี้อยู่ด้านในสุดของหน่วยตรวจกุมารเวชกรรมที่ทางโรงพยาบาลเห็นความสำคัญจึงแบ่งพื้นที่แยกออกจากหน่วยตรวจผู้ป่วยนอก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อจากผู้ใหญ่สู่เด็กเล็ก

“อะไรก็ได้ครับ ผมไม่เรื่องมากเรื่องอาหารการกิน” 

ปราณกันต์เงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ เขาไม่ค่อยยิ้มเต็มหน้าเต็มปากนานแล้ว แต่แค่นั้นพยาบาลวัยเกือบจะสี่สิบผู้ช่วยหนึ่งในสองของเขาก็ใบหน้าซับสีเรื่อ

“ท่าน ผอ.กำชับมาว่าไม่ให้หมอปกตอบแบบนี้ค่ะ ท่านบอกไม่ต้องเกรงใจ เราจำเป็นต้องขอบคุณที่หมอสละตัวเองมาอยู่โรงพยาบาลเล็กๆ ของเรา”

“อย่าได้ให้เกียรติขนาดนั้นเลยครับ ที่ผมมาก็เพราะมีเหตุผลส่วนตัว ไม่ได้เสียสละตัวเองแต่อย่างใด อีกอย่างผมสวมแค่หมวกหมอไม่ได้เป็นเทวดา ไม่ใช่ผู้วิเศษ ยังโกรธ เกลียด ไร้เหตุผล ไม่เอาไหน และทำเรื่องผิดพลาดมากมายเหมือนคนปกติ อย่าได้ยกย่องผมเกินกว่าคนทั่วไปเลยครับ” 

ปราณกันต์ไม่ได้เพียงพูดให้ตนเองดูดี ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขารู้สึกเช่นนี้จริงๆ คนเป็นแพทย์ไม่ได้เก่งเกินกว่าใคร ไม่ได้ฉลาดจนทำเรื่องผิดพลาดไม่ได้ ไม่ได้ไอคิวสองร้อยจนตามคนอื่นทันทุกประการ ไม่ได้ประเสริฐเป็นพระอรหันต์ที่โปรดสัตว์ทุกชนิดบนโลก เขาคือคนธรรมดาที่พยายามสุดความสามารถจนจบแพทย์อย่างยากลำบาก หากจะมีสิ่งไหนที่พอจะมีมากกว่าคนทั่วไปนั่นก็คือความพยายาม มีแค่ความพยายามที่คนเป็นแพทย์ทุกคนต้องทำอย่างที่สุดถึงจะจบมาได้ 

“เรียน ผอ.ให้หน่อยนะครับ ผมกินอะไรก็ได้จริงๆ และมื้อนี้ผมขอเลี้ยงตอบแทนโรงพยาบาลที่เห็นค่าความสามารถและรับผมเข้าทำงาน” 

เพราะต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดตั้งแต่เล็กจนโต เขาจึงกลายเป็นคนเรียบง่าย รับประทานอะไรก็อร่อยหมด และมักจะมองว่าทุกอย่างคืออาหารที่ต่อชีวิต จึงไม่มีของโปรด ไม่มีของเกลียด ไม่มีของที่กินไม่ได้

“งั้นพี่จะเรียน ผอ.ให้นะคะ” พยาบาลหมดข้อโต้แย้ง เมื่อแพทย์หนุ่มยืนยันเจตนารมณ์อย่างชัดเจนและจริงใจ 

“ขอบคุณครับ” 

ปราณกันต์ยิ้มให้อีกที ก่อนจะก้มหน้าลงอ่านแฟ้มประวัติคนไข้เด็กที่เคยเข้ารักษาที่นี่และจำเป็นต้องมารักษาต่อเนื่อง แฟ้มเหล่านี้มีอยู่เกือบสามสิบแฟ้ม เดิมทีคิดว่าจะหอบไปอ่านต่อที่บ้าน แต่เพราะมีงานเลี้ยง เขาจึงจำต้องทำเวลาให้เร็วขึ้น พรุ่งนี้เช้าจะได้ทำหน้าที่ในฐานะกุมารแพทย์เต็มตัวได้อย่างไม่ติดขัด 

พยาบาลวัยสี่สิบปิดประตูลงอย่างแผ่วเบาแล้วยิ้มหวานขณะเดินมาเกาะแขนพยาบาลรุ่นน้องที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ทำงานอยู่ในห้องตรวจเด็กด้วยกัน

“น้องจ๋า หมอปกนิสัยน่ารักมากๆ เลย พี่คิดว่าเราคิดไม่ผิดที่ยอมรับหน้าที่มาประจำที่นี่ เรารอดแล้ว”

“พี่ปลิวด่วนสรุปไปไหมคะ หน้าตาดีๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะใจดีเสมอไป วันนี้วันแรกน้องว่ายังพิสูจน์อะไรไม่ได้หรอก”

“ก็ใช่ แต่พี่เชื่อความรู้สึกตัวเอง เซนส์พี่ไม่เคยพลาด พี่ว่าหมอต้องมีเหตุผลบางอย่างถึงย้ายมาที่นี่ แต่หมอเป็นคนดีแน่นอน”

“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นค่ะ ไม่งั้นเราสองคนแย่แน่”

พยาบาลจะได้ดีก็ต่อเมื่อแพทย์ที่ตนสังกัดอยู่มีผลงาน น่ารัก นิสัยดี และเอื้ออาทรต่อผู้ใต้บังคับบัญชา หากไม่เป็นเช่นนั้นก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นนั่นแหละ 

“เชื่อพี่สิ เราได้รางวัลที่หนึ่งแล้ว” 

การตัดสินใจทำหน้าที่ใต้แพทย์คนใดคนหนึ่งก็เหมือนยื่นมือออกไปจับลอตเตอรี่โดยไม่มีเลขเด็ดในใจ โอกาสถูกรางวัลที่หนึ่งช่างน้อยนิดเพราะเท่ากับพึ่งพื้นดวงของตนเองล้วนๆ แต่หากได้จังหวะพอดิบพอดีก็แจ็กพอตแตกได้เหมือนกัน

“แล้วคืนนี้หมอปกจะไปกินอะไรคะ น้องจะเตรียมท้องรอ”

“อะไรก็ได้จ้ะ หมอปกไม่เรื่องมาก”

“ผอ. กำชับแล้วนะคะว่าไม่ได้หมอตอบแบบนี้ นี่ๆ เห็นไหมแค่สั่งอาหารก็จะเอาเราไปขึ้นเขียงแล้ว พี่ยังว่าเราได้รางวัลที่หนึ่งอีกเหรอ”

“ใจเย็นๆ ค่ะคุณน้อง หมอปกบอกว่าอะไรก็ได้แต่มีเหตุผลกำกับว่าเขาไม่ใช่เทวดาไม่ต้องยกย่องเขา เขาต่างหากที่ควรขอบคุณเราที่รับเขาเข้ามาทำงาน และมื้อนี้หมอปกขอเลี้ยงนะจ๊ะ เป็นไงล่ะ เราถูกรางวัลที่หนึ่งหรือเปล่า”

“จริงเหรอพี่”

“จริงแท้แน่นอน พี่ขอตัวไปรายงาน ผอ. ก่อนแล้วจะกลับมาล้างท้องรอคืนนี้”

“โคตรว้าวเลย รีบไปรีบกลับนะคะคุณพี่”

“จ้ะ ทีอย่างนี้ละยิ้มออกเลยนะ” 

“ก็คนมันกลัวนี่ ใครๆ ก็บอกว่าหมอที่ย้ายมาจากกรุงเทพฯ หยิ่งเป็นรูปปั้น เข้าถึงยาก อะไรๆ ก็ไม่ดีสักอย่าง”

“อย่าเอาคนคนเดียวมาตัดสินคนทั้งโลก จำไว้” 

ปลิวลมประทับสองนิ้วบนหน้าผากน้องพยาบาลผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน เธอค่อนข้างเชื่อว่าสิ่งที่คิดถูกต้องและแพทย์หนุ่มคนนี้จะไม่ทำให้เธอทั้งสองคนผิดหวัง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น