0

บทนำ


ทนำ

                เสียงลมพัดกระโชกจนต้นไม้ใหญ่รอบบ้านครูดกับหลังคาดังครืดคราด เด็กหนุ่มในวัยสิบเจ็ดปีบิดกายไล่ความเมื่อยขบ ลำคอของเขาแห้งผากตอนที่ย่ำเท้าลงบันไดบ้านไปหาน้ำดื่มก่อนเข้านอน ฝนซู่ใหญ่ตกกระทบหลังคา มีเสียงฝีเท้าย่ำตามหลังลงมา ขุนพลหันไปเห็นมารดากระชับเสื้อคลุมแนบลำตัวแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนล้า

                เด็กหนุ่มเดินต่อไปยังห้องครัวขณะที่แม่ของเขาไปอีกด้านของตึกใหญ่ เขาถอนใจยาวเหยียดด้วยรับรู้ถึงสถานการณ์เคร่งเครียดที่คุกรุ่นในครอบครัวมาหลายเดือนแล้ว แม้ว่าบิดาจะเก็บคำเงียบและไม่ได้เล่าถึงปัญหาใดๆ ให้ฟังแต่เขาก็รู้ดีว่า พ่อกำลังประสบปัญหาทางธุรกิจกับหุ้นส่วนที่สร้างบริษัทค้าวัสดุก่อสร้างขึ้นมาด้วยกันหลายปี ดูเหมือนว่าพ่อจะแก้ปัญหาที่ถูกทรยศได้ พ่อของเขาเก่งเสมอ แต่ผ่านมาไม่นาน พ่อก็กลับมาเคร่งเครียดอีก คราวนี้เขาได้ยินมาว่า

                มันเป็นผลพวงมาจากเศรษฐกิจ

                ขุนพลถอนใจอีกครั้งรู้ว่านั่นไม่ใช่หน้าที่ของเขา พ่อไม่อยากให้เขารับรู้ แม่ก็เช่นกัน หน้าที่ของเขาตอนนี้คือเรียนให้ดีที่สุด เด็กหนุ่มแทบจะไม่ได้นั่งรับประทานข้าวร่วมกับพ่อมาเป็นแรมเดือน ชีวิตวัยรุ่นมีอะไรมากมายให้เขาอยากเรียนรู้และสัมผัส เขามีสังคม มีเพื่อนฝูงที่สรรหากิจกรรมมาชักชวนให้เขาออกห่างจากภาวะตึงเครียดในบ้าน และลึกๆ แล้ว ขุนพลยังเชื่อมั่นว่า บิดาจะเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างที่เป็นมาเสมอ ท่านจะนำพาบริวารทุกคนพ้นผ่านจากสถานการณ์อันอึดอัดช่วงนี้ไปได้

                เสียงหนึ่งดังมาจากห้องทำงานด้านซ้ายของตึกชั้นล่าง ทำให้ขุนพลที่กำลังดื่มน้ำอยู่หน้าตู้เย็นสะดุ้งสุดตัว ขนลุกชันไปทั่วร่าง เขาเหลียวมองไปยังทิศทางที่มารดาเพิ่งลับหายไปไม่นาน แล้วเสียงกรีดร้องของแม่ก็ทำให้เขาวิ่งสุดฝีเท้าไปยังต้นเสียง

                คนรับใช้สองคนและคนขับรถของบิดาวิ่งตามหลังเขามาติดๆ เมื่อแทรกตัวผ่านประตูที่เปิดแง้มเขาเห็นมารดาประคองร่างที่กำลังสั่นกระตุกแรงๆ ของบิดาเอาไว้แล้วคร่ำครวญไม่หยุดปาก ขุนพลตัวแข็งค้าง เบิกตามองภาพนั้นอย่างช็อกสุดขีด ค่อยๆ ขยับเท้าที่หนักเหมือนถูกหินถ่วง ดวงตาคมพร่าเลือนเมื่อเข้าไปคุกเข่าอยู่ข้างแม่ ในมือพ่อมีปืนอยู่ด้วย และที่ขมับขวาก็มีเลือดไหลออกมาเป็นทางจนโชกไปทั้งร่างของพ่อ

                “อิฐ...”

                ดวงตาที่เบิกกว้างของพ่อและเสียงที่แหบแห้งขาดสะท้าน ชื่อของเขาคือคำสุดท้ายที่พ่อเปล่งออกมาก่อนจะขาดใจอยู่ในอ้อมแขนเล็กๆ ของแม่ผู้หวีดร้องออกมาสุดเสียง น้ำตาไหลแทบเป็นสายเลือด

                ชายหนุ่มมองภาพนั้นด้วยใจที่แตกดับ เสียงคร่ำครวญของคนรับใช้สองคนดังระงมระคนตกใจอยู่ด้านหลัง คนขับรถของพ่อล้มเลิกความตั้งใจที่จะอุ้มร่างใหญ่โตจมกองเลือดไปโรงพยาบาล ขุนพลสดับรับรู้ทุกอย่างโดยที่ไม่มีน้ำตาสักหยดไหลออกมา เพราะรู้ว่าวินาทีที่ลมหายใจสุดท้ายของพ่อขาดไปแล้ว...คนที่ควรเข้มแข็งที่สุดต้องเป็นเขา


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น