13

บทที่ 13


 

13

 

เสียงบานประตูฟาดกระทบผนังห้องดังลั่น จนคนที่จดจ่ออยู่กับเอกสารกองโตต้องเงยหน้ามอง ก่อนจะส่งสัญญาณให้แพตติเซียกลับไปทำงาน แล้วลุกขึ้นพร้อมรับมือแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่

“นอกจากจะแย่งสามีน้องแล้ว ยังคิดจะแย่งสมบัติน้องอีกหรือไง นังแนนนี่!”

เสียงแหลมแหวดังตั้งแต่ประตูห้องเปิดออก คริสเตียน่าได้รับข่าวจากสายในบริษัท ว่าลูกเลี้ยงเข้ามานั่งทำงานแทนประธานบริษัทที่ป่วยหนัก เดือดร้อนให้ต้องวิ่งแจ้นมาจัดการ

“พวกแกนี่มันหน้าด้านทั้งแม่ทั้งลูกนะนังแนนนี่ แกคิดจะแย่งทุกอย่างของฉันหรือไง”

เวโรนิก้าสั่นไปทั้งตัว ยิ่งเห็นใบหน้าสวยเก๋ของพี่สาวต่างแม่ยิ่งเดือดดาล แม้จะแข่งเรื่องอื่นชนะ แต่ความงามบนใบหน้า เวโรนิก้าแพ้ตั้งแต่แรกเกิด

“ใจเย็นเถอะค่ะ ค่อยๆ พูดกัน อายคนอื่นบ้าง ที่นี่บริษัทนะคะ ถ้าอยากจะอาละวาดวันหลังโทร. บอกก็ได้ จะไปให้ว่าถึงบ้าน”

นาถลัดดาตอบกลับเสียงเย็น เธอไม่อยากให้พนักงานเห็นภาพลูกกับภรรยาประธานบริษัทเถียงกัน มันทำให้ความน่าเชื่อถือของผู้นำลดวูบ

“ไม่เย็น แกจะทำไม ที่นี่มันบริษัทพ่อฉัน ฉันจะต้องสนใจพวกรับเงินเดือนบริษัททำไม”

คนชอบเหยียดหยามคนอื่นสวนกลับด้วยสีหน้าดุดัน พร้อมจะอาละวาดเอาเรื่องพนักงานที่มาสอดเรื่องนี้

“สายเลือดผู้ดีเก่าแห่งตระกูลยูราซอคไม่ถ่ายทอดมาถึงเธอบ้างเหรอโรนี่ ถึงได้อาละวาดราวโสเภณีถูกแย่งลูกค้า อย่าทำตัวต่ำจนเสื่อมเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล คนที่เธอกำลังเหยียดหยามตอนนี้ เขาทำงานสร้างผลกำไรให้บริษัทตั้งมากมาย ต่างจากตัวเธอที่เอาแต่ผลาญ หยุด! ไม่ต้องเถียง ถ้าอยากอาละวาดเชิญที่อื่น ฉันจะทำงาน ถ้าทำตัวมีประโยชน์ไม่ได้ก็อย่าสร้างเรื่องให้คนอื่นเขาตามแก้ กลับไปซะ และไม่ต้องคิดว่าฉันจะฮุบสมบัติของเธอ เพราะที่นี่เป็นบริษัทคุณพ่อ เธอมีสิทธิ์เท่าไหร่ ฉันก็มีสิทธิ์เท่านั้น หรือถ้ากลัวถูกฮุบสมบัตินักก็เชิญมาทำงานพวกนี้เอง จะได้ตามควบคุมสอดส่องผลประโยชน์ของตัวเธอได้ แต่ว่า...เธอคงไม่รู้เรื่องพวกนี้ เพราะถนัดฝึกปรือแต่เรื่องบนเตียง”

“แก! นังแนนนี่ แกว่าฉันเหรอ” คนไม่รู้จะเถียงแบบไหนเอ่ยถามพร้อมกระทืบเท้าถี่

“ใช่ และต่อไปนี้จะไม่มีการออมมือให้ใครทั้งนั้น เธอสองแม่ลูกร้ายมา ฉันก็จะร้ายตอบ พอกันทีกับการยอม ต่อไปนี้เราคงต้องสู้กันสักตั้งนะคะคุณแม่เลี้ยง สิ่งที่คุณทำกับแม่ฉันไว้ บอกได้เลย ฉันจะเอาคืนจากคุณสิบเท่า”

ดวงตาดุดันมองจ้องหน้าแม่เลี้ยงที่ยืนหน้าซีด แต่ยังกล้าประสานสายตา หวังจะบอกลูกเลี้ยงว่าไม่ยอมถอย แต่ในใจของคริสเตียน่าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้าเข้มแข็งกว่าลัดดามาก

“แกนึกว่าจะชนะฉันได้รึ แค่ได้คีริลล์ไปเป็นเจ้าบ่าวก็อย่าเพ้อฝันว่าเขาจะรักแกเหมือนอย่างที่วาดฝัน ฉันไม่มีวันยอมให้แกมีความสุข” คริสเตียน่าตอบกลับเสียงแข็ง ส่วนสองมือนั้นกำแน่น

“ถ้าอย่างนั้น เราคงต้องสู้กันสักตั้ง เริ่มตั้งแต่อะไรดีคะ คีริลล์ ไม่เอาดีกว่า เรื่องนี้ง่ายไป เริ่มตั้งแต่ฉันตามจับชายชู้ของใครบางคน ข้อหายักยอกเงินบริษัทดีไหมคะ”

หากว่าเมื่อครู่หน้าของคริสเตียน่าซีด ตอนนี้คงต้องเรียกว่าซีดยิ่งกว่าไก่ถูกต้ม แถมดวงตาที่ดุดันก็เปลี่ยนเป็นตระหนกยามได้ฟังบางอย่างจากปากลูกเลี้ยง

“ไปเยี่ยมคุณพ่อกันเถอะโรนี่ แม่ว่าเรื่องนี้ลูกคงต้องพูดกับคุณพ่อมากกว่าผู้หญิงคนนี้”

แม่เลี้ยงของนาถลัดดากระชากมือลูกสาวแล้วก้าวออกจากห้องทำงานท่านประธาน แม้จะรักษาท่าทางไม่ให้ดูลุกลี้ลุกลน แต่มันก็เด่นชัดเสียจนนาถลัดดาต้องอมยิ้ม

“เริ่มแล้วสินะ สงครามระหว่างเรา”

บ่าบอบบางที่ตั้งตรงทิ้งน้ำหนักลง หลังแบกตั้งยามเห็นหน้าแม่เลี้ยง คงถึงเวลาทวงคืนทุกอย่าง แม้แต่ความรักของบิดา คริสเตียน่าไม่ควรได้รับความสุขอีกต่อไป

“คงถึงเวลาที่ต้องสู้แล้วค่ะแม่ เราเสียสละมากเกินไป”

ดวงใจที่เคยเจ็บช้ำหล่อหลอมความสูญเสียมากมายจนกลายเป็นพลังให้นาถลัดดาลุกขึ้นสู้ หลังจากหลบลี้หนีไปหลายปี หญิงสาวก้าวไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วลงมือตรวจสอบบัญชีอย่างจริงจัง เพราะหลักฐานเหล่านี้คืออาวุธที่เธอจะใช้ฟาดฟันแม่เลี้ยง ผู้หญิงที่ทำร้ายแม่เธอจนสิ้นลมเพราะตรอมใจ

 

ขณะที่นาถลัดดาตัดสินใจจะบี้ขยี้แม่เลี้ยงกับน้องสาวต่างแม่ด้วยหลักฐานการเงินของบริษัท คีริลล์ซึ่งไม่ยอมหยุดเรื่องราวระหว่างทั้งสองก็ก้าวถี่เมื่อเห็นตึกสูงของบริษัทโกลพรอมกรุ๊ปตรงหน้า ชายหนุ่มปฏิเสธคำชวนของเอเดียน่าที่บุกมาหาถึงบริษัทเพื่อให้เขาพาไปส่งที่ห้องเสื้อใกล้ห้างสรรพสินค้ากุม ซึ่งดีไซเนอร์เชื้อสายปารีเซียงเตรียมจะเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้าของเขากลางกรุงมอสโก และคนที่เดือดร้อนต่อก็คืออังเดร ที่ต้องพาเอเดียน่าไปยังร้านแห่งนั้น

คีริลล์รีบมาที่นี่ เป้าหมายคือจัดการคนหัวดื้อที่ไม่ยอมรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งเลยเถิดเกินข้อสัญญาผูกมัดระหว่างสองครอบครัว เขาได้ครอบครองเรือนร่างอวบอิ่ม และพร้อมจะเข้าพิธีวิวาห์ตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ ทว่าคนเสียหายอย่างนาถลัดดากลับหนี เพราะอะไร เขามันด้อยค่าขนาดยอมรับเป็นสามีสักปีสองปีไม่ได้เชียวรึ นาถลัดดาทำให้เขารู้สึกไร้ค่าแบบที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำมาก่อน

“สวัสดีค่ะ...เอ...คุณคีริลล์ใช่ไหมคะ” แพตติเซียเคยเจอคีริลล์ แต่ไม่บ่อยนัก จึงไม่มั่นใจว่าชายตรงหน้าคือ คีริลล์ ซาโกเยฟ หรือเปล่า

“ครับ ผมมาหานาตาชา” เขาพยายามรักษาน้ำเสียงไม่ให้แข็งกร้าว แต่ทำได้ยากเหลือเกินเมื่อคนหัวดื้อกระตุกต่อมโมโหรายวัน และวันนี้จะต้องกำราบให้รู้เสียบ้าง ว่าเขาคือ คีริลล์ ซาโกเยฟ ไม่ใช่ผู้ชายทั่วไปที่นาถลัดดาจะเมินหน้าหนี คนอย่างเขาดีพร้อมทั้งรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทั้งหล่อ รวย เก่ง แถมเชี่ยวชาญเรื่องบนเตียง มีผู้หญิงมากมายต้องการตำแหน่งภรรยาเขา แต่นาถลัดดากลับผลักไส

“เอ่อ...ได้ค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ”

คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยอมพยักหน้าแล้วเดินนำประธานบริษัทชีคอฟเข้าไปยังห้องทำงานของประธานบริษัทโกลพรอม กรุ๊ป นึกสงสัยว่าคีริลล์มาหาว่าที่ประธานบริษัทคนใหม่ทำไม

“มีอะไรหรือคะ” เสียงถามนั้นดังมาจากมุมห้องด้านขวามือ ประตูตู้เปิดกว้างจนบังภาพคนมาเยือนมิด ประกอบกับตาหวานจับจ้องเพียงตัวอักษรในแฟ้มเอกสาร ไม่คิดจะเงยหน้ามองรอบตัว

คีริลล์ยกปลายนิ้วชี้แตะริมฝีปากส่งสัญญาณให้แพตติเซียเงียบ ซึ่งเลขาฯ สาวดูจะตามใจชายหนุ่มผู้หล่อเหลา เพราะยอมเดินออกจากห้องเงียบๆ

“ถ้าจะมาถามเรื่องอาหารไม่ต้องเตรียมให้นะคะ เดี๋ยวแนนนี่จะไปคุยงานกับเอเจนซี คงออกไปทานข้างนอกเลย”

คนทำตัวเป็นนักตรวจสอบบัญชียังคงมองจ้องเอกสารและพูดไปเรื่อย ฝ่ายคนที่เข้ามาใหม่เดินมาหยุดยืนด้านหลังและแอบมองแฟ้มเอกสารที่นาถลัดดากำลังอ่านพร้อมจดโน้ตสั้นๆ อย่างตั้งใจ

หากไม่มีมือหนึ่งแตะสัมผัสตรงเอวคอด นาถลัดดาคงไม่หันมอง เธอกะพริบตาหลายครั้ง ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อภาพนั้นไม่เลือนหาย หัวใจสาวเต้นรัว ตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะมายืนตรงนี้ และดูจะชิดใกล้จนได้สัมผัสลมหายใจข้างแก้ม

“คิดดีแล้วเหรอ ที่บอกยกเลิกสัญญา” เขาถาม เน้นเสียงหนักจนคนฟังเริ่มหายใจติดขัด ไม่รู้เพราะลมหายใจหรือแววตาดุดันของเขากำลังป่วนหัวใจให้เต้นแรง แม้จะก้าวถอย แต่เขาก็ตามติด จนแผ่นหลังของนางแบบสาวติดกับประตูตู้

“ก็นี่คือสิ่งที่คุณต้องการตั้งแต่แรกไม่ใช่หรือไง หนีบ่วงที่พ่อแม่คล้องคอรวบรัด มัดให้สองตระกูลชิดใกล้”

เธอว่าเสียงแข็ง พยายามแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่กลัว ทั้งที่อาการสั่นนั้นเด่นชัด จนคนฟังแสยะยิ้ม

“ใช่ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ ก่อนจะรู้ว่าผู้หญิงที่มอบพรหมจรรย์ให้ผมคือลูกสาวคนโตของคุณลุงโบริส คิดจะเล่นเกมนี้รึนาตาชา สู้ผมไหวรึ” เขาเลิกคิ้วถามเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นริมฝีปากบางเม้มแน่น

ชายหนุ่มรู้ดีว่านาถลัดดากำลังโกรธ แต่แทนที่จะถอยเพื่อรักษาความสัมพันธ์ กลับแกล้งหนักกว่าเก่า หวังให้เธอหัวหมุนเพราะโกรธจัด

“ฉันไม่คิดจะสู้กับคนอย่างคุณอยู่แล้ว ฉันต้องการหนีคุณเท่านั้น ผู้ชายวายร้าย” ดวงตาดำขลับวับวาวขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของคนโอหัง

“แหม...ผมชอบสีหน้าคุณตอนนี้จังเลย มันมีทั้งตระหนก หวาดกลัว และถือดี คิดจะหนีงั้นรึนาตาชา มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก เพราะอีกไม่นานโซ่แห่งสายใยจะรัดแน่นจนคุณหนีไม่พ้น” คำพูดเป็นปริศนาดังพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดบนมุมปาก

“พูดอะไรของคุณ” เธองง ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด

“เวลาจะให้คำตอบคุณเอง แต่จำไว้ว่าคุณหนีผมไม่พ้นแน่นอน ภรรยาของผมคือคุณ นาตาชา อย่าได้ดิ้นรนหนีให้เหนื่อย ถึงคุณลุงโบริสจะยกเลิกสัญญานั่นแล้วก็ใช่ว่าจะหยุดผมได้ คนอย่างคีริลล์ ถ้าอยากได้แล้วต้องได้ และคนที่ผมมีสิทธิ์ครอบครองก็ต้องเป็นของผมเท่านั้น ใครหน้าไหนก็อย่าคิดมาขวางสิทธิ์ของผม”

ท่าทางเหนือกว่าของคีริลล์กระตุกต่อมอยากรู้ แต่นาถลัดดาไม่อยากถามให้อีกฝ่ายยิ้มเยาะ แค่เห็นมุมปากยกสูงเหมือนกำลังเยาะเย้ยก็ร้อนผ่าวทั้งสองแก้ม และเดือดดาลหนักเพราะไม่สามารถเอาชนะคนแบบนี้ได้ ทำไมเธอถึงได้แพ้ทางเขาตลอด

“ก็ไม่แน่ ได้ข่าวว่าตอนนี้คุณเอเดียน่ามามอสโก หล่อนไม่มีทางปล่อยให้ผู้ชายที่จับจองหลุดมือ และฉันไม่อยากแย่งชิงผู้ชายแบบคุณ กรุณาออกไปจากชีวิตฉัน” เธออ้างชื่อเอเดียน่า หวังให้คีริลล์ยอมถอย

“ผิวสวย ดวงตากลมโตแบบนี้ ผมมองไม่เบื่อเลยรู้มั้ย ใจเย็นๆ นะครับที่รัก อย่าเพิ่งหายใจแรง เดี๋ยวอกคัปดีจะขยายจนกระดุมเสื้อเด้งหลุด” เสียงกลั้วหัวเราะดังขึ้น พร้อมกับมองตามเรือนร่างที่เอ่ยถึง

เขาเป็นผู้ชายบ้าบอที่สุด...นาถลัดดาคิดอย่างเข่นเขี้ยว โมโหจนต้องกำสองมือ กลัวจะเผลอยกตบจนถูกเขาสวนคืนด้วยความวาบหวาม

“และผมก็ต้องการเมียแบบนี้ ไม่ได้ชอบพวกผิวขาวซีด หน้ามีกระ อ้อ...เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ จะไปคุยงานกับเอเจนซีงั้นรึ”

แววตาล้อเล่นเปลี่ยนเป็นจริงจัง เมื่อพูดถึงเรื่องการเดินแบบของนาถลัดดา ซึ่งคีริลล์ไม่ยอมให้เธอไปเดินอวดสัดส่วนที่เขาคนเดียวเท่านั้นมีสิทธิ์มอง

“ทำไม มันเรื่องของฉัน คุณไม่เกี่ยว”

“ผิดแล้วละที่รัก ถ้าเรื่องของเมียแล้วผัวไม่เกี่ยว ไอ้หน้าไหนมันจะเกี่ยว โทร. ไปยกเลิกซะ ถ้าไม่อยากให้ผมล้มงานนั่น”

เขาไม่ได้ขู่ แต่จะทำจริงแน่นอน ใครจะยอมให้เมียตัวเองถูกลวนลามทางสายตา

“ฉันไม่ยกเลิก จะไปเดินแบบงานนั้นแน่นอน คุณไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตฉัน และถ้าคุณเข้าไปวุ่นวายจนงานล่ม ฉันจะคุยกับคุณป้าแอมมาเรีย ท่านน่าจะรู้ผิดชอบชั่วดีกว่าคุณ”

หืม! ปากดีไม่ลดละ แถมยังเอาแม่มาขู่เขา คิดหรือว่าคนที่อยากได้สะใภ้ชื่อนาตาชาจะเข้าข้างเธอ

“เหรอ แล้วเราจะได้รู้กัน แนนนี่”

“ไม่ต้องมาวุ่นวายกับชีวิตฉัน เชิญไปดูแลเทกแคร์แฟนคุณเถอะ เอเดียน่ามามอสโกครั้งนี้คงไม่ใช่แค่เรื่องงาน น่าจะมีเรื่องคุณด้วย และอย่าสร้างความเดือดร้อนให้ฉันด้วยการตามวุ่นวายจนเอเดียน่ามาอาละวาดใส่ฉัน”

“...” คีริลล์ไม่ตอบ เขาแค่ยักไหล่ เลิกคิ้ว พร้อมกับเดินเข้าใกล้อีกก้าว จนนาถลัดดานึกระแวง แต่คนอย่างคีริลล์มักจะทำอะไรเกินคาดหมาย เช่นตอนนี้ แก้มเนียนถูกริมฝีปากหนาแนบชิดอย่างแรงและว่องไว

นาถลัดดาได้แต่ยกมือกุมแก้มที่ถูกชายหนุ่มมอบรอยสัมผัส ขณะที่ตัวเขาเดินผิวปากออกจากห้องทำงานของประธานบริษัทโกลพรอมกรุ๊ป

“ผู้ชายบ้า!”

เธอแหวอย่างโมโห ไม่รู้จะรับมือกับคนแบบคีริลล์อย่างไรดี เขาร้ายลึกเจ้าแผนการแค่ไหนเธอรู้ดี และไม่อยากจะเจ็บช้ำอีกแล้ว ผู้ชายคนนี้ไร้หัวใจเกินกว่าจะรับได้

“คงต้องเรียกหน่วยอารักขา” หญิงสาวรีบกดโทรศัพท์หาอิวานอฟ ซึ่งออกไปประชุมข้างนอก เรียกให้พี่ชายมารับและไปเป็นเพื่อนตอนคุยงานเดินแบบตามที่นัดหมายไว้ ซึ่งงานนี้จะเป็นงานสุดท้าย ก่อนเข้ารับตำแหน่งงานที่โกลพรอมกรุ๊ปเต็มตัว หญิงสาวตั้งใจจะทิ้งทวนอย่างสุดความสามารถ ให้วงการนางแบบได้จดจำเธอไว้ในฐานะ ‘ซุปเปอร์มอเดล’

 

หลังจากจัดการนาถลัดดาไม่สำเร็จ สองแม่ลูกก็มุ่งตรงมาหาผู้นำครอบครัวที่โรงพยาบาล คนป่วยถอนใจหลายครั้งระหว่างฟังสองแม่ลูกแย่งกันพูดเรื่องที่นาถลัดดาเข้าไปทำงานที่โกลพรอมกรุ๊ป แต่แล้วเสียงเล่าอย่างจิกกัดกลับเงียบงันเพียงแค่โบริสบอกว่านาถลัดดาปฏิเสธการแต่งงานกับคีริลล์ และโบริสได้ตกลงกับฝ่ายผู้ชายเรียบร้อยแล้ว

เวโรนิก้าแทบจะกรี๊ดเมื่อรู้ข่าวเรื่องนาถลัดดาไม่แต่งงานกับคีริลล์ ขณะที่คริสเตียน่ายืนกัดฟันเมื่อรู้ข้อแลกเปลี่ยนของลูกเลี้ยง

“โรนี่ยังมีสิทธิ์ที่จะได้เป็นเจ้าสาวของพี่คีริลล์” หญิงสาวเพ้อฝันอย่างมีความสุข เดินยิ้มไปนั่งบนโซฟา เลิกโวยวายใส่คนป่วย

“แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่คุณจะให้นัง...แนนนี่ไปทำงานที่บริษัท คุณยกย่องแม่นั่นเกินไป” แววตาของคริสเตียน่าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากสีแดงจัดเม้มแน่นขณะมองหน้าสามี

โบริสรู้ดีว่าแม่เลี้ยงเกลียดลูกเลี้ยงมากแค่ไหน เขาเคยปิดหูปิดตาไม่รับฟังหรือรับรู้เรื่องที่นาถลัดดาถูกแม่เลี้ยงทำร้าย แต่ความจริงที่ได้รู้เมื่อไม่นานมานี้ทำให้เขาสำนึกได้ว่ากรรมตามทันเขาแล้ว เรื่องราวบางอย่างที่เขายอมปิดตามาตลอดได้สร้างรอยแผลใหญ่ในครอบครัว เขาทำร้ายลูก แต่ยกย่องภรรยาที่แอบสร้างเรื่องน่าอายลับหลังเขา

                “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง ในเมื่อคุณกับโรนี่ไม่สามารถดูแลบริษัทแทนผมได้” คนป่วยบอก นึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้คงได้แต่ทำใจ เขาเหลือบมองลูกสาวคนเล็กซึ่งนั่งทำไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเขาพูดเรื่องงาน

                “คุณพ่อไม่ต้องมองมาทางนี้ค่ะ เพราะอย่างที่รู้ โรนี่ยังไม่พร้อมเข้าไปทำงานที่บริษัท คุณแม่ก็เข้าไปทำสิคะ คุณแม่สนิทกับผู้จัดการ คุณแกรแฮมเคยช่วยกู้วิกฤติบริษัท ถ้าคุณพ่อทำงานไม่ไหวก็ดึงเขาขึ้นมาช่วยดูงานบริหารสิคะ”

เวโรนิก้าเคยเจอผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมตามผับหลายครั้ง แม้ชายคนนั้นจะอายุห้าสิบกว่าแล้ว แต่ใบหน้ายังคงหล่อเข้ม บุคลิกน่ามอง

                ริมฝีปากที่ซีดเพราะยารักษาตัวซีดหนักมากขึ้นเมื่อได้ยินลูกสาวพูด เวโรนิก้าไว้ใจผู้จัดการบริษัทมากถึงขนาดเอ่ยปากแนะนำให้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น โดยไม่รู้เลยหรือว่าการทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง

                “ลูกรู้จักแกรแฮมดีรึโรนี่” โบริสถามเสียงแผ่ว

                “ก็เคยเห็นเขามาทานข้าวกับคุณแม่บ่อยๆ นี่คะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นโดยไม่มีนัยแอบแฝง

ฝ่ายคนแอบทำผิดไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเวโรนิก้าเห็นภาพเหล่านั้น และพยายามปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มทั้งที่แอบกลืนน้ำลายเมื่อสบตาโบริส

“ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องบริหาร ช่วงที่คุณป่วยเลยไปปรึกษาแกรแฮม เขาช่วยฉันได้เยอะเลย ตอนนี้ก็ให้ช่วยกำกับดูแลเรื่องงานต่างๆ กลัวอิวานอฟจะพลาด”

“เหรอ ดีแล้วละ ที่มีคนมาช่วยเอียนเพิ่ม เจ้านั่นจะได้มีเวลาสอนงานแนนนี่” โบริสยิ้มขณะพูด

“คุณพ่อคะ ถ้า...แนนนี่ไม่อยากแต่งงานกับพี่คีริลล์ คุณพ่อก็ต้องให้พี่คีริลล์แต่งงานกับโรนี่นะคะ โรนี่รักพี่คีริลล์ คุณพ่อต้องช่วยโรนี่นะคะ”

หญิงสาววิ่งเข้ามาออดอ้อนพ่อ กะพริบตาอย่างน่ารัก เพราะรู้ว่าทำท่าทางแบบนี้พ่อมักจะใจอ่อน

คนป่วยยิ้มอ่อนแล้วยกมือลูบศีรษะกลมทุย ต่อให้ลูกไม่เอาไหนแค่ไหน คนเป็นพ่อก็รักไม่เปลี่ยนแปลง แต่เรื่องคีริลล์ เขาไม่สามารถบันดาลให้เวโรนิก้าสมหวัง ลูกชายแอนตันมีความคิดเป็นของตัวเอง และสายตาของเขานั้นบอกว่าไม่ยอมรับเรื่องที่นาถลัดดาต้องการ บางทีเธออาจจะถือทิฐิมากจนหลงลืมสังเกตแววตาของคีริลล์ ซึ่งเรื่องราวระหว่างลูกสาวคนโตกับลูกชายแอนตันมันคล้ายกับเหตุการณ์ในอดีตระหว่างเขากับลัดดา โบริสได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดการสูญเสียเพราะใครคนใดถือทิฐิมากเกินไป เช่นที่เคยเกิดกับเขา

“ตัดใจจากพี่เขาเถอะโรนี่” คนป่วยบอกสั้นๆ

“อะไรนะคะ คุณพ่อจะให้โรนี่ตัดใจ ไม่ค่ะ โรนี่ไม่ยอม โรนี่ต้องแต่งงานกับพี่คีริลล์ให้ได้”

หญิงสาวประกาศกร้าวแล้วหมุนตัวออกจากห้องพักคนป่วย ไม่พอใจสายตาขอร้องของผู้เป็นพ่อ เธอไม่มีวันยอมแพ้นังพี่สาวต่างด้าวนั่น ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้รักหรือไม่รักคีริลล์ รู้แค่ว่าเธอแพ้นาถลัดดาไม่ได้เด็ดขาด

“คุณต้องทำให้คีริลล์ยอมแต่งงานกับโรนี่นะคะ ลูกเราเคยได้ทุกอย่างจนชิน ถ้าไม่ได้ดั่งหวังแกต้องเสียใจมาก” คริสเตียน่าย้ำเตือนอีกครั้ง

“บางครั้งเราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจให้ลูกบ้าง คราวนี้ผมคงตามใจโรนี่ไม่ได้จริงๆ”

“คุณ! นี่คงเป็นเพราะนังแนนนี่ลูกรักของคุณสินะ พอมันกลับมาคุณก็เปลี่ยนไป ใช่สิ ลูกสาวฉันไม่ใช่ลูกรักของคุณ”

คริสเตียน่าระเบิดอารมณ์ใส่สามี เรื่องความรักที่โบริสมีต่อลัดดาเป็นดั่งหนามคอยทิ่มแทงหัวใจเธอ พูดถึงครั้งใด ทุกความรู้สึกที่เคยเก็บกลั้นก็จะระบายออกมา

“หยุดพูดแบบนี้เถอะคริสตี้ ผมรักลูกสองคนเท่ากัน แต่เราคงต้องยอมรับว่าเราเลี้ยงโรนี่มาแบบผิดๆ เธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะพักผ่อน”

ดวงตาของคนป่วยปิดลงทันทีที่พูดจบ ไม่อยากเห็นแววตาเกลียดชังที่เจ้าตัวคงไม่รู้ว่ามองเขาด้วยสายตาแบบไหน

“ฉันไม่ยอม บอกไว้เลยว่าฉันไม่ยอมให้นังแนนนี่มันได้อะไรที่ควรเป็นของลูกฉัน”

คนที่แค้นเพราะถูกทรยศความเชื่อใจมองสามีบนเตียงคนไข้อย่างดุดัน สองมือกำแน่น ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกจากห้องด้วยความฉุนเฉียว

เพียงแค่ประตูห้องพักปิดสนิท ดวงตาที่หลับลงก็เริ่มขยับ และมองเพดานห้องพักอย่างเลื่อนลอย เรื่องราวหลายๆ อย่างเข้ามาพร้อมกันในตอนนี้ ทว่าถึงมันจะเลวร้าย แต่ก็แลกกับการได้ลูกสาวคนโตกลับมา

“ที่เหลือคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา”

คนปลงตกเอ่ยลอยๆ แล้วหลับตานิ่ง ยินยอมให้กาลเวลาดำเนินกลกรรมที่แต่ละคนควรได้รับ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น