11

ตอนที่ 10

เพราะเมื่อวานตอนเย็น เขาถูกคนตัวเล็กกวนโมโหจนเดือดปุดๆ บ่นจนหยุดไม่ได้ แถมคนต้นเรื่องยังมองเขากลับด้วยสายตาที่บอกว่าเขาเป็นหมีกินผึ้งตัวใหญ่ งุ่นงานหาที่ลงกับใครไม่ได้เลยต้องเดินไปทั่วบ้านอีก ยิ่งเพิ่มดีกรีความหงุดหงิดให้มากขึ้นจนเจ้าตัวทนไม่ไหว บึ่งรถออกจากบ้านไปตั้งแต่ยังไม่ทันได้ตั้งโต๊ะมื้อเย็น

คนที่เจอเขาไปคนสุดท้ายอย่างช่อผกา ก็สุดจะตอบเหตุผลให้กับคุณย่าว่าเพราะเหตุอันใด จู่ๆ หลานชายตัวดีของของท่าน ถึงได้อารมณ์พุ่งปรี๊ดเป็นปรอทโดนไฟ ออกจากบ้านไปโดยไม่พูดอะไรกับใครสักคำ หนำซ้ำยังหายตัวไปอย่างไร้วี่แววตลอดทั้งคืน จนสาวน้อยที่บ้านอดกังวลไม่ได้ ว่ามันเป็นเธอรึเปล่านะ ที่ทำให้เขาโมโหมากมายขนาดนั้น

เมื่อคืนช่อผกานั่งจ้องโทรศัพท์ของเธออยู่เป็นชั่วโมง เบอร์โทรศัพท์ที่ใครบางคนถือวิสาสะกดเอง โทร. ออกเอง แถมยังสั่งให้เธอเมมเบอร์ไว้อีก เธอก็เลยจำต้องทำตามคำสั่งเขา บันทึกเบอร์เก็บเอาไว้แต่โดยดี...ส่วนชื่อน่ะเหรอ.. ‘พี่ธาม’ ฝันไปสิ อย่างเขาน่ะ แค่เห็นหน้าก็มีแค่ชื่อเดียวเท่านั้นแหละที่ผุดขึ้นมาในหัว...‘ตาหมีขี้บ่น’ 

เธอใช้เวลากว่าครึ่งค่อนคืนคิดทบทวนอยู่นานว่าเธอควรจะโทร. หรือไม่ก็ส่งข้อความไปถามเขาดีไหม ว่าเธอไปพูดอะไรให้เขาไม่พอใจได้มากมายขนาดนั้น เพราะถ้าเรื่องที่คุยกันว่าต้องโทร. หาใครก่อนใครแค่นั้น คนที่เป็นผู้ใหญ่วัยใกล้สามสิบจะต้องหงุดหงิดยิ่งใหญ่อะไรปานนั้นเลยเหรอ มันดูไม่มีเหตุผลสุดๆ ไปเลย

แต่ก็อย่างว่าแหละ ต่อให้ข้องใจมากแค่ไหนถ้าติดต่อเขาไปยามวิกาลแบบนี้ ถ้าไม่โดนหาว่า ‘ให้ท่า’ ก็อาจจะโดนด่ากลับมาแทนได้ ยิ่งเดาอารมณ์ไม่ค่อยจะถูกอยู่ด้วย โรคสับสนในตัวเองดูจะมาแรงแซงหน้าโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ในตัวเขาเลย ที่คุณย่าเคยบอกว่าตอนเด็กๆ เขาป่วยบ่อย...คงไม่ได้หมายถึงโรคพวกนี้หรอกใช่ไหม

ท้ายที่สุด เมื่อคืนหญิงสาวก็ตัดสินใจปิดไฟนอน ละความสงสัยเอาไว้เพียงเท่านั้น เตรียมตัวรับมือกับการตอแยของเขาที่กำลังจะมาถึงดีกว่า ถ้าเธอเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้จริง รับรองอีตาหมีขี้บ่นนั่นไม่มีทางปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหรอก เอาหัวหมีเป็นประกันเลย

มื้อเช้าของวันนี้ที่ถูกย้ายจากห้องรับประทานอาหารที่เคยใช้ทุกวัน ให้มาเป็นห้องเล็กที่อยู่อีกด้านหนึ่งแทน ซึ่งห้องนี้เป็นห้องที่มีโต๊ะกลมแบบหมุนตรงกลางตั้งเด่นสง่าอยู่กลางห้อง การรับประทานอาหารในแบบธรรมเนียนจีน ที่คุณย่าบอกว่าถ้าเป็นสมัยที่ท่านเจ้าสัวยังอยู่ จะทานกันแบบนี้ทุกวัน แต่พอหลานชายคนรองที่ถูกเลี้ยงมาแบบไทยกับหลานชายคนเล็กที่โตมาแบบฝรั่งถูกจับให้กลับมาอยู่รวมกันในบ้านหลังนี้ การรับประทานอาหารแบบโต๊ะกลมนี้จึงถูกใช้เป็นครั้งคราวเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะทานแบบไหน สำหรับสาวไทยที่เติบโตท่ามกลางวัฒนธรรมที่ผสมผสานของประเทศสิงคโปร์อย่างช่อผกาแล้ว จะทานแบบไทย แบบจีน หรือแบบฝรั่ง ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธออยู่แล้ว

 “หน้าตาดูไม่ค่อยสดชื่นเลยนะหมอธัช เมื่อคืนกลับมาดึกเหรอ” หญิงชราผู้เป็นดั่งประมุขของบ้านเปิดประเด็นขึ้นถามหลานชายคนโตที่เอาแต่นั่งนิ่งมองข้าวต้มถ้วยเล็กตรงหน้าราวกับกำลังนับจำนวนเม็ดข้าวอยู่

“ก็นิดหน่อยครับคุณย่า” เขาเงยหน้าขึ้นตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

   “งั้นก็ทานเยอะๆ นะ วันนี้เข้าเวรดึกใช่ไหม"

“ครับคุณย่า”

“หนูช่อก็เหมือนกัน กินเยอะๆนะ” คุณย่าพริ้มเพราหันมาเอ่ยกับคนตัวเล็กที่นั่งอยู่อีกข้างหนึ่ง “หมอธัชคีบให้น้องมั่งสิ” 

ช่อผกาเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ถูกเรียกชื่อ แม้ว่าระหว่างเธอกับเขาจะมีคุณย่านั่งคั่นกลางอยู่ แต่ระยะห่างก็ไม่ได้ไกลเกินกว่าที่เขาจะทำอย่างที่คุณย่าบอกได้

“ไม่เป็นไรค่ะพี่หมอ เดี๋ยวช่อคีบเอง” สาวร่างบางเอ่ยปฏิเสธด้วยรอยยิ้มแสนเสน่ห์ เพราะดูอาการของคุณหมอที่เอาแต่นั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดเวลานั้นแล้ว แค่คีบใส่ปากตัวเองก็น่าจะลำบากพอดูแล้วล่ะ

และในตอนนั้นเอง คุณย่าก็หันไปเห็นสมาชิกอีกคนที่ยืมกอดอกพิงขอบประตูอยู่พร้อมกับเสื้อสูทที่พาดอยู่บนไหล่กว้าง

“อ้าวตาธามกลับมาพอดี จะทานข้าวเลยไหม” 

ช่อผกาย้ายสายตาจากชายหนุ่มร่วมโต๊ะ ไปหาชายหนุ่มอีกคนที่คุณย่าเพิ่งเอ่ยชื่อ แล้วก็เป็นตอนนั้นเอง ที่เธอเพิ่งจะจับสังเกตได้ว่าอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อวานมากขนาดทำให้เขารีบออกจากบ้านไปทั้งชุดทำงานเต็มยศเลยเหรอเนี้ย ถ้าต้นเหตุคือเธอจริงๆ มีหวังโดนลงดาบไม่ยั้งมือแน่

คนถูกคุณย่าถามมองช่อผกากลับด้วยสายตาที่เธออ่านความหมายไม่ได้ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากให้ “ไม่ดีกว่าครับ กินไม่ลง ของบางอย่างข้างนอกมันก็ดูสีสดใส แต่ข้างในเน่าจนเละไปหมด แค่เห็นก็จะอ้วก...ผมหมายถึงไข่เยี่ยวม้าน่ะ ไม่ได้หมายถึงใคร ขอตัวดีกว่าครับ” 

ช่อผกาหลบสายตาเขา แล้วหันไปมองไข่เยี่ยวม้าบนโต๊ะแทน 

ไม่...เขาไม่ได้หมายถึงไข่เยี่ยมม้าอย่างที่พูดหรอก เขาหมายถึง ‘ใคร’ ต่างหาก แล้ว ‘ใคร’ ที่ว่านั้น...ก็เป็นคนอื่นไปไม่ได้นอกจาก...ตัวเธอเอง หญิงสาวลอบถอนหายใจ ในที่สุดก็ได้คำตอบเสียที ต้นเหตุของความฉุนเฉียวเป็นพายุเมื่อวานนี้คือเธอนี่เอง

“กรี๊ดด...ด...ด” 

จู่ๆ เสียงกรีดร้องปริศนาจากชั้นสองก็ดังขึ้นราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงกลางโต๊ะอาหาร หมอหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่นาน พุ่งตัวออกจากห้องอาหารไปท่ามกลางความงุงงงของสมาชิกที่เหลือ และนับตั้งแต่วินาทีนั้น เรื่องราวอลม่านก็เรียงแถวต่อคิวกันเดินหน้าเข้ามา จนวุ่นวายกันไปหมดทั้งบ้าน

เมื่อคืนด้วยเหตุผลอะไรที่ช่อผกาเองก็ไม่ทราบได้ หมอธัชพาหญิงสาวเจ้าของเสียงกรี๊ดสนั่นบ้านนั้นให้เข้ามานอนในห้องของเขา หญิงสาวหน้าตาสระสวยที่เธออยู่ในสภาพเปียกปอนในชุดที่ไม่ได้มิดชิดเท่าไรนัก จนคนตัวเล็กที่มองอยู่แอบเผลอคิดไปไม่ได้ว่าเธอกับเจ้าของห้องได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอย่างที่ภาพมันฟ้องหรือเปล่า

หากแต่เรื่องวุ่นวายนี้ไม่ได้จบลงแค่นั้น เมื่อหญิงสาวปริศนาที่เธอบอกว่าเธอขื่อ ‘เกล็ดดาว’ คนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนมีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อย การันตีได้จากกองทัพนักข่าวที่แห่แหนกันมารออยู่หน้าบ้าน นี่ยังไม่รวมถึงภาพถ่ายจากงานปาร์ตี้เมื่อคืนที่ถูกแชร์ออกไปจนชนิดที่ว่า คงไม่มีใครในประเทศนี้ไม่รู้เรื่องนี้อีกแล้วล่ะ

ท้ายที่สุด บทสรุปของการแก้ปัญหานี้ก็จบลงด้วยการแถลงข่าวที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวัน สองหนุ่มของบ้านที่เตรียมตัวพร้อมจะออกไปสำนักงานใหญ่ของบริษัทดีเอสพี เพราะที่นั่นคือสถานที่ที่งานแถลงข่าวจะถูกจัดขึ้น หมอธัชเดินเข้ามากล่าวขอโทษคุณย่าของเขาอีกครั้งที่ทำให้ต้องลำบากและเสียงชื่อเสียง ช่อผกามองภาพอบอุ่นที่คุณย่าโอบกอดหลานชายแล้วอดระบายยิ้มออกมาไม่ได้ จนเผลอคิดไปว่า ตอนอยู่ในท้องในห้องแม่ พี่ใหญ่อย่างหมอธัชดึงส่วนดีมาไว้เป็นของตัวเองหมดรึเปล่านะ น้องชายคนเล็กถึงได้...เอ่อ...เป็นแบบนั้น

“พี่ฝากดูแลคุณย่าด้วยนะครับน้องช่อ” คุณหมอตัวสูงหันมาเอ่ยกับเธอหลังจากคลายกอดของคุณย่าออก สาวน้อยร่างบางพยักหน้ารับด้วยยิ้มเต็มแก้ม

“พี่หมอธัชไม่ต้องห่วงนะคะ มันเป็นหน้าที่ของช่ออยู่แล้วค่ะ”

ธามเท้าแขนกับรถที่จอดอยู่ปลายบันไดหน้าบ้าน สายตาของเขาไม่ละไปจากสาวร่างเล็กที่กำลังส่งยิ้มหวานให้กับพี่ชายของเขาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงมันเป็นความไม่สบอารม์ที่ติดค้างมาตั้งแต่เมื่อวาน ลามมาจนถึงวันนี้ แกะเท่าไหร่ก็แกะไม่ออกสักที แถมดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วย 

เมื่อวานโทรศัพท์คุยกับผู้ชายคนหนึ่ง วันนี้โปรยยิ้มหวานให้ผู้ชายอีกคนหนึ่ง อยากจะถามเธอจริงๆ ว่ามีงานอดิเรกเป็นนักหว่านเสน่ห์หรือไง ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าผู้ชายที่เธอกำลังส่งยิ้มให้นั้น เขาพาผู้หญิงมานอนด้วยถึงที่ห้อง ยังจะมีน่ามาส่งยิ้มพิมพ์ใจให้เขาอีก อยากจะตะโกนบอกเธอให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปเลย ว่ารอยยิ้มแบบนั้นน่ะ ใช้กับผู้ชายคนไหนไม่ได้หรอก ไม่มีผู้ชายคนไหนเขาหลงเธอเพราะรอยยิ้มหวานๆ นั้นหรอก ไม่มี  ไม่มีเลย...บอกเอาไว้ตรงนี้เลยว่าไม่มี

ในขณะที่ความคิดกำลังฮึดฮัดอยู่ในหัว หญิงสาวที่เขาจ้องมองอยู่ก็เลื่อนสายตามาประสานเข้ากับเขาพอดี ธามมองคนตัวเล็กด้วยสายตานิ่งสนิท หากแต่ใบหน้าบึ้งตึงนั้น ถ่ายทอดความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี ช่อผกากดมุมปากส่งยิ้มอ่อนๆ กลับมาให้เขา ทว่าคนตัวสูงกลับเมินรอยยิ้มนั้นด้วยการเบือนหน้าหนี 

“หึ  ไม่ต้องมายิ้ม ไม่คุยด้วยหรอก โกรธอยู่”

คนที่เพิ่งถูกปฏิเสธยิ้มมองชายหนุ่มที่ทำปากขมุบขมิบ ก่อนจะส่ายหน้าอย่างจนใจ

...ตาหมีขี้บ่นที่สุด

 

‘ร้อยล้านค่ะ สินสอดร้อยล้าน ฉันอยากได้เงิน ชัดพอไหม’

ข้อตกลงของนางแบบสาวสวยคู่กรณีของหมอธัช ที่จู่ๆ เธอก็หักหลังพวกเขากลางอากาศ ประกาศต่อหน้าสื่อนับร้อยว่ามีแพลนแต่งงานกับพี่ชายของเขาในเร็ววัน และการเล่นนอกเกมที่โจ่งแจ้งแบบนั้นมีหรือที่จะหลุดลอดสายตานักธุรกิจหนุ่มผู้เจนสนามอย่างธามไปได้ ด้วยเหตุผลนี้ การตกลงลับระหว่างเขาและแม่นางแบบสาวเจ้าแผนการจึงเกิดขึ้น

‘ดี  แบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย ถ้าผมช่วยให้คุณได้แต่งงานกับหมอธัชพร้อมกับสินสอดร้อยล้านได้ ผมจะได้อะไร’

‘ฉันว่า...เรื่องนั้นคุณก็มีในใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ไม่งั้นนักธุรกิจหมื่นล้านอย่างคุณคงไม่เสียเวลามานั่งต่อรองกับฉันของหรอก ถ้าผลประโยชน์ที่คุณจะได้ไม่หนักพอ จริงไหมคะ’ ธามหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ‘เกล็ดดาว อัครเมฆินทร์’ เธอฉลาดสมคำร่ำลือจริงๆ

‘ผมชักชอบว่าที่พี่สะใภ้ของผมซะแล้วสิ’

‘งั้นก็ว่าข้อเสนอของคุณมาสิคะ’

‘ชลมาภารีสอร์ต เป็นชื่อคุณนี่ ใช่ไหม’

‘ไม่ได้ค่ะ นั่นมันมากกว่าร้อยล้าน’

‘หนี้น่ะสิ ที่มากกว่าร้อยล้านน่ะ’ ผู้บริหารหนุ่มสวนกลับทันควัน

ตระกูลอัครเมฆินทร์ เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตทั้งหมดในเครืออัครากรุ๊ปก็จริง แต่จากข้อมูลที่เขาศึกษาในระหว่างการวางแผนลงทุนธุรกิจในด้านนี้ เพราะสภาพเศรษฐกิจและการหมุนเวียนเงินที่ไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้อัครากรุ๊ปเดินเข้าใกล้คำว่าล้มละลายมากเข้าไปทุกที ถ้าเขาคาดการณ์ไม่ผิด นี่อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ผู้หญิงคนนี้ ชิงประกาศแต่งงานและเรียกเงินร้อยล้านเป็นค่าสินสอด

‘คุณรู้…’ คู่สนทนาเอ่ยเสียงแผ่ว

‘คุณประเมินผมต่ำมากนะคุณเกล็ดดาว ผมจะบอกให้นะ ถึงคุณไม่ยกชลมาภารีสอร์ตให้เป็นของผมอีกไม่กี่เดือน มันก็จะถูกแบงก์ยึดอยู่ดี ตอนนั้นนอกจากคุณจะไม่ได้เงินแล้ว ชื่อเสียงของอัครากรุ๊ป...คงไม่ต้องให้ผมพูดหรอกใช่ไหม นี่ผมยังใจดีนะที่ซื้อต่อคุณก่อนในราคาตั้งร้อยล้าน มีเงินไปหมุนในรีสอร์ตอื่นได้อีกสบายๆ เลย จะเอาไหม’

‘ถ้าคุณอยากได้แค่รีสอร์ตทำไมไม่รอซื้อตอนแบงก์ขายทอดตลาดล่ะ คุณอาจจะได้มันในราคาไม่ถึงร้อยล้านด้วยซ้ำ ฉันว่า...คุณไม่ได้อยากได้แค่นั้น...ใช่ไหมคะ’

คำถามที่ทำให้คนเจ้าเล่ห์ยิ้ม ว่าที่พี่สะใภ้ฉลาดออกขนาดนี้ พี่ชายเขาคงไม่โกรธหรอกใช่ไหมถ้าน้องชายคนนี้จะช่วยหาเมียให้สักคน

‘ใช่ รีสอร์ตแค่ของแถม แต่สิ่งที่ผมอยากได้ คือผมอยากให้คุณแต่งงานกับหมอธัช’

‘เพราะ?’

‘เหตุผลส่วนตัว’

หนุ่มร่างสูงสองคนที่เดินเข้าบ้านมาด้วยสีหน้าที่ต่างกันจนฝนที่ออกมาต้อนรับหน้าประตู อดสงสัยไม่ได้ว่านี่ไปงานเดียวกันมาจริงๆ หรือเปล่า คนพี่แม้จะหน้านิ่ง แต่แววตาอมทุกข์นั้นฉายออกมาอย่างชัดเจน ต่างกับคนน้องที่ตอนออกจากบ้านหน้าบึ้งเป็นตูดลิง แต่ไหงตอนกลับเข้ามาหน้าบานยิ้มระรื่น อารมณ์ดีจนแทบจะเต้นแร้งเต้นกาอยู่แล้ว

ก็จะไม่ให้อารมณ์ดีได้อย่างไร ยิ่งคิดถึงข้อตกลงที่คุยกับว่าที่พี่สะใภ้เอาไว้ ยิ่งสดชื่นรื่นรมย์ใจไม่รู้จะระบายออกอย่างไรเลยจริงๆ

ธามยัดทั้งเสื้อสูท และกระเป๋าทำงานใส่มือฝนอย่างลวกๆ เพราะเวลานี้ก้อนเนื้อในอกที่กระโดดเด้งๆ อยู่นี้ มันอยากจะไปตามหาเจ้าของ ‘เหตุผลส่วนตัว’ ที่เขาบอกกับว่าที่พี่สะใภ้ เพื่อแจ้งข่าวร้ายให้ยายสิบแปดมงกุฎได้รับรู้ ว่าถ้ายังคิดจะจับพี่ชายของเขามาเป็นสามีอยู่ละก็...หมดสิทธิ์แล้วไอ้น้องเอ๋ย

“คุณย่าอยู่ไหนฝน” ธามถามหา...คุณย่า...อีกแล้ว

“คุณย่าอยู่ในสวนค่ะคุณธาม”

ทันทีที่คำตอบวิ่งเข้าหูเข้าได้ครบประโยค ขายาวก็ก้าวฉับๆ ตรงไปยังทางออกสู่สวนหย่อมข้างบ้านอย่างไม่รอช้า หัวใจของเขาติดปีกพุ่งนำทะลุประตูออกไปจะเกือบจะถึงจุดหมายแล้ว ทว่า

“คุณธามคะ” เสียงตะโกนของสาวใช้คนเดิมวิ่งตามหลังมาดึงขาของเขาเอาไว้

ชายหนุ่มที่อยากจะตามหัวใจไปใจจะขาด หันขวับไปหาต้นเสียงด้วยสายตาที่บอกคนขัดอารมณ์ว่า ถ้าสิ่งที่กำลังจะออกจากปากเธอไม่สำคัญพอ วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายของฝนแน่ๆ

“อะไร ฝน”

“เอ่อ...คือ ฝนจะบอกว่า ฝนหมายถึงสวนข้างบ่อบัวหลังบ้านค่ะ ไม่ใช่สวนข้างบ้าน ทางนั้น...ผิดทางค่ะคุณธาม”

“แล้วก็ไม่บอกแต่แรก” คนตัวสูงว่าพลางเกาหูแก้เขิน ก่อนจะเบนจุดมุ่งหมายไปยังหลังบ้าน แล้วไม่วาย...“คุณย่านะคุณย่า จะมีบ้านกว้างไปทำไมเนี้ย”...ทำเป็นบ่นกลบเกลื่อนตามไปอีก

ชายหนุ่มเดินมาหยุดที่ประตูหลังบ้าน สายตาของเขาทอดไปยังศาลาไม้ในสวนริมบ่อบัวซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ที่ที่เขาควรจะมุ่งตรงไปที่นั่น แต่เหตุที่ต้องหยุดการก้าวของขาเอาไว้ก่อน เพราะคนตัวเล็กที่เขาวางสายตาเอาไว้ที่เธอตลอดนั้น ตอนนี้เธอกำลังแยกตัวออกมา และดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง ธามนิ่วหน้าเชิงใช้ความคิด ก่อนจะคาดเดาจากทิศทางว่าน่าจะเป็น...ห้องครัว

ยิ้มเจ้าเล่ห์ฝุดขึ้นบนใบหน้า อยู่คนเดียวแบบนี้ยิ่งเข้าทางใหญ่ ต้องรีบไปดักไว้ก่อน ชายหนุ่มรีบหันหลังทันที แต่แล้วสายตาของเขาก็ปะทะกับอีกคนที่เดินตามมา

   “อ้าว ไม่ไปหาคุณย่าเหรอ” หมอธัชเอ่ยถามน้องชายที่รีบร้อนล่วงหน้ามาก่อน แต่ตอนนี้กลับจะถอยทัพกลับเสียอย่างนั้น

    “แกไปคุยก่อนเลย ฉัน...ปวดฉี่ว่ะ ฉี่จะแตกแล้วเนี่ย ไปห้องน้ำก่อนนะ” ว่าแล้วก็รีบวิ่งปรู๊ดออกไปจนคนพี่ที่ตอบไม่ทันต้องหันหลังมองตาม ก่อนคิ้วหนาของคนหน้านิ่งจะขมวดเข้าหากัน

“ห้องน้ำไม่ได้ไปทางนั้นซะหน่อย อะไรของมัน”

ช่อผกาที่กำลังเดินทอดน่องตรงไปยังห้องครัว เพื่อยกผลไม้หวานฉ่ำที่เธอกับมาลีเตรียมเอาไว้ไปให้คุณย่ากับนมผันทานที่สวน วันนี้มีเรื่องวุ่นวายให้คณย่าท่านเครียดหลายเรื่อง ได้ทานผลไม้หวานชื่นใจจะได้คลายกังวลลงได้บ้าง ใบหน้าสวยอมยิ้มบางๆ ระหว่างเดินไปคิดไป แต่ทันทีที่เดินโผล่พ้นประตูหลังบ้านเข้าไป ความคิดของเธอก็ถูกความตกใจทำให้ร่วงลงไปกองกับพื้น

คงไม่ต้องบอกหรอกมั้งว่าทำไม ก็หมีตัวใหญ่ยืนจังก้าขวางทางเดินเอาไว้อยู่น่ะสิ...แกล้งตายกับหมีตัวนี้จะได้ผลไหมนะ

 “ได้ดูแถลงข่าวรึเปล่า”

คนตัวเล็กขมวดคิ้วให้กับคำถามของเขา จะดูหรือไม่ดู มันก็ไม่มีผลอะไรกับเธออยู่แล้วนี่นา ทำไมเขาต้องมาถามด้วย

“หมายถึงคุณย่าเหรอคะ”

“หมายถึงเธอนั่นแหละ” เขาสวนกลับเสียงแข็งก่อนจะตรงเข้ามาประชิดตัวเธออย่างรวดเร็วราวกับบินได้

“ฉันก็ได้ดูพร้อมคุณย่านั่นแหละค่ะ”

“ดี ทีนี้รู้แล้วใช่ไหม ว่าแผนจับผู้ชาย หวังรวยทางลัดของเธอน่ะ มันล่มไม่เป็นท่าแล้วนะ โทรรายงานแก๊งสิบแปดมงกุฎของเธอรึยัง”

ช่อผกาช้อนสายตาขึ้นมองคนตัวสูงกว่าที่กำลังกดสายตาลงมาที่เธอ

เมื่อไหร่นะเธอจะล้างความคิดบ้าๆ นี้ออกไปจากหัวเขาได้สักที ถ้าเกิดเป็นคนรวยแล้วต้องหวาดระแวงคนอื่นขนาดนี้ อยากจะขอบคุณพระเจ้าสักร้อยทีที่ไม่ยัดช้อนเงินช้อนทองใส่ปากตอนส่งเธอให้มาเกิด แต่จะขอบคุณเพิ่มให้อีกพันที...ถ้าพระเจ้าจะช่วยพาเธอไปไกลๆ จากผู้ชายบ้าบอคนนี้ ช่อผกาจะซาบซึ้งใจมาก

    “ไอ้หมอจะแต่งงานกับคุณเกล็ดดาวแน่นอน เธอหมดสิทธิ์แล้วล่ะช่อผกา” เขาเอ่ยเสริม ก่อนจะยิ้มเยาะ “เอ้อ แล้วถ้าคิดจะเปลี่ยนเหยื่อรายใหม่ ผู้ชายในบ้านนี้ก็มี...ไอ้ธีร์ ที่ตอนนี้ก็ไม่อยู่ให้เธออ่อย ลุงแช่มคนสวนก็มีเมียแล้ว ตอนนี้ก็คงเหลือแค่...ฉันกับลุงมิ่งคนขับรถแล้วล่ะ”

สายตาลวนลามไล่ไปตามเรือนร่างของเธอราวกับว่ากำลังใช้มันลูบไล้ “...อยากจะอ่อยใครดีล่ะ”

คนตัวเล็กพ่นลมหายใจใส่ผู้ชายตรงหน้าที่กำลังทำกริยาหยาบคายกับเธอ ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วจ้องลึกลงไปในดวงตาดำสนิทของเขา “ถ้าเหลือผู้ชายสองคนในบ้านหลังนี้ ไม่เห็นจะต้องคิดเลยค่ะ” เธอตอบกลับด้วยเสียงหวาน ก่อนจะส่งยิ้มสวยตามไปให้ “ฉันยอมแต่งงานกับลุงมิ่ง”

“หา?” แคซาโนวาหนุ่มหลุดโพล่งพร้อมกับคิ้วที่กระตุกอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ผู้หญิงมากมายอยากจะได้เบอร์เขา แต่เธอคนนี้ได้เบอร์ไปแล้วยังทำเล่นตัวไม่ยอมโทร. มาสักที อุตส่าห์รออยู่ทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอน แล้วตอนนี้ยังมาบอกว่าจะยอมแต่งงานกับคนสวนที่แก่คราวพ่อแทนที่จะเลือกหนุ่มเนื้อหอมที่สาวๆ หมายปองอย่างเขา

คนที่ถูกปั่นอารมณ์เริ่มเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ทั้งที่ยอมรับข้อเสนอช่วยว่าที่พี่สะใภ้ให้ได้แต่งงานกับพี่ชายของเขา เพื่อจะได้กีดกันหมอธัชออกจากยายเด็กบ้านี่แล้วแท้ๆ แต่ดูเธอไม่ได้สะทกสะท้านที่แผนการพังไม่เป็นท่าเลย แถมยังกล้ายอกย้อนเขาได้อย่างไม่เกรงกลัวอีก มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ  

ธามจ้องเขม็งกลับเจ้าของดวงตาคูสวย ดี  อยากเลือกลุงมิ่งนักใช่ไหม ได้ โดนแน่  

ธามใช้ท่อนแขนกำยำดันร่างเล็กตรงหน้าให้หลบออกไปให้พ้นทาง แล้วพุ่งตัวออกประตูหลังบ้านไปอย่างรวดเร็วจนคนตัวเล็กตกใจ ก่อนเสียงตะโกนที่ลั่นบ้านจะดึงให้เธอต้องรีบวิ่งตามไปดู

 “ลุงมิ่ง  ลุงมิ่งอยู่ไหน ลุงมิ่ง” คนฉุนเฉียวก้าวฉับๆ พร้อมกับฟาดงวงฟาดงาไปตามทางเดิน ไม่นานนักคนที่เขาเรียกก็รีบตาลีตาเหลือกวิ่งเข้ามาหา

“ครับคุณธาม คุณธามมีอะไรจะใช้ผมรึเปล่าครับ”

“ช่อผกาอยากแต่งงานด้วย ไปยกมาขันหมากมาขอซะ  ฮึ่ย” ว่าแล้วก็สะบัดหน้าให้คู่สนทนามองไปทางสาวน้อยที่โผล่หน้าออกประตูหลังบ้านมาพอดิบพอดี

ช่อผกาที่ตาเบิกโต ปากอ้าค้างกับคำพูดของเขา รีบยกมือบอกปฏิเสธพัลวันให้กับคนขับรถประจำบ้านที่กำลังมองมาที่เธอ โชคดีที่ลุงมิ่งส่งยิ้มอย่างเข้าใจมาให้ คนตัวเล็กจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ แล้วตะโกนไล่หลังคนฟึดฟัดที่เดินดุ่มๆ ออกไป

“อีตาหมีบ้าเอ๊ย”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น