1
Neena’s flowers
อาคารพาณิชย์สองชั้นย่านเศรษฐกิจ เปิดให้เจ้าของธุรกิจเช่าพื้นที่ทำมาหากิน มีค่าเช่าแพงลิ่วสมกับที่ตั้งอยู่ในทำเลทอง ห้องที่อยู่ริมสุดของอาคารแห่งนี้โดดเด่นสะดุดตา เพราะว่ามีการตกแต่งราวกับสวนดอกไม้เมืองหนาว บ่งบอกให้รู้ว่าร้านนี้ขายดอกไม้
นีรชา อัปสรวงศ์ หรือนีน่า เจ้าของร้าน Neena’s flowers วัยยี่สิบหกปี เธอสวมชุดเดรสสีเหลืองอ่อนคลุมเข่า มัดผมเป็นมวยกลางศีรษะ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบา ส่งให้ใบหน้ารูปไข่ของเธอดูสวยหวาน มีเอกลักษณ์
หญิงสาวกำลังยุ่งอยู่กับการจัดช่อดอกไม้ที่ลูกค้าสั่งและรอรับกลับไปด้วย เลยทำให้แม่ค้าอย่างเธอต้องเร่งมือเพื่อไม่ให้รอนาน
ภายในร้านแบ่งพื้นที่เป็นโซนดอกไม้สดและดอกไม้แห้งชัดเจน ด้านหน้าร้านเป็นการโชว์ผลงานที่ทางร้านเคยทำ และมีดอกไม้ที่จัดเสร็จแล้วพร้อมขาย เช่น ช่อดอกไม้ แจกันดอกไม้ตกแต่ง หรือกระเช้าดอกไม้รูปแบบต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นดอกไม้ปลอมและดอกไม้แห้ง หากใครต้องการเป็นดอกไม้สดต้องสั่งล่วงหน้า หรือไม่ก็ต้องนั่งรอที่หน้าร้านโซนด้านในร้านที่ลึกเข้าไปจะเป็นดอกไม้สด มีตู้แช่ดอกไม้เกือบสิบตู้ เนื่องจากร้านของเธอนำเข้าดอกไม้หลายชนิด
นีรชาจ้างลูกน้องสองคนอายุประมาณยี่สิบต้นๆ และมีป้าเกสร ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงน้องชายเธอ หากว่างจากการดูแลเด็กชายวัยหกขวบ ป้าเกสรก็จะมาช่วยงานที่ร้าน แต่ตอนนี้ลูกน้องของเธอออกไปส่งดอกไม้ข้างนอก ป้าเกสรก็ไปรับน้องชายเธอที่โรงเรียน ทั้งร้านเลยเหลือแค่เธอเพียงคนเดียว
“เสร็จแล้วค่ะคุณลูกค้า” นีรชาถือดอกกุหลาบขาวช่อโตออกมาให้คนที่สั่ง ลูกค้าคนนี้เป็นผู้ชาย ดูแล้วคงจะสั่งไปให้แฟนแน่เลย เพราะข้อความในการ์ดสื่อไปในทางนั้น
“ครับ เดี๋ยวผมขอสแกนจ่ายนะครับ”
“ได้ค่ะ” นีรชาหยิบคิวอาร์โคดบัญชีของร้านส่งให้ลูกค้าชาย
“เรียบร้อยครับ” เขาสแกนจ่ายแล้วยื่นสลิปการโอนเงินให้เจ้าของร้านดู
“ขอบคุณมากๆ ค่ะ ถ้าต้องการดอกไม้อย่าลืมคิดถึง Neena’s flowers นะคะ” เธอพูดส่งท้าย ซึ่งลูกค้าคนนั้นก็ยิ้ม ก่อนจะหอบช่อดอกกุหลาบเดินออกจากร้านไป
นีรชาเปิดร้านมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เรียนยังไม่จบด้วยซ้ำ เธอนำเงินเก็บบางส่วนมาลงทุนเปิดร้าน แล้วเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ตอนนั้น Neena’s flowers ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก เนื่องด้วยเป็นร้านน้องใหม่ แต่นีรชาก็พยายามทำให้ร้านของเธอเป็นที่รู้จัก เช่น การส่งดอกไม้ไปให้ดาราหรือคนดัง ให้พวกเขาอัปภาพและแท็กร้านเธอในอินสตาแกรม หรือในช่วงวันสำคัญต่างๆ ทางร้านก็จะมีกิจกรรมพิเศษ เช่น เปิดร้านให้จัดดอกไม้ด้วยตัวเองในวันวาเลนไทน์ เปิดให้ทำกระทงในวันลอยกระทง ซึ่งได้รับความสนใจดีมาก จนนีรชาต้องเช่าสถานที่เพิ่มเติมในวันที่มีกิจกรรมดังกล่าวเพื่อรองรับผู้คน
“สวัสดีครับพี่นีน่า” เด็กชายวัยหกขวบย่างเจ็ดขวบสะพายกระเป๋าเดินมาหานีรชาที่โซนดอกไม้สด ยกมือไหว้และโค้งลงอย่างน่ารัก
“สวัสดีค่ะทีน่า” หญิงสาวเดินไปหาน้องชาย รับกระเป๋าสะพายของน้องไปเก็บ
ทีน่าหรือเด็กชายนที น้องชายคนเดียวของนีรชาเพิ่งกลับมาจากโรงเรียน โดยมีป้าเกสรไปรับทุกวันถ้าเธอไม่ว่าง
ป้าเกสรคือเพื่อนบ้านของเธอที่อยู่จังหวัดปทุมธานี นีรชาจ้างป้าเกสรให้เป็นพี่เลี้ยงนทีตั้งแต่แบเบาะ เพราะว่าบิดาและมารดาของเธอเสียชีวิตกะทันหัน น้องชายเลยต้องอยู่ในความดูแลของนีรชาที่เป็นญาติเพียงคนเดียว
ตอนที่บุพการีทั้งสองท่านเสียชีวิต นทีอายุไม่ถึงเดือน และนีรชากำลังเรียนระดับอุดมศึกษาอยู่ในเมืองหลวง ป้าเกสรสงสารเด็กทั้งสองคนเลยอาสาเลี้ยงนทีให้ เพื่อให้นีรชามีเวลาทำงานและเรียน
แต่ด้วยปัญหาที่ถาโถมและจิตใจที่ยังไม่แข็งแรงดี หญิงสาวจึงเลือกที่จะพักการเรียนไว้ก่อน ต้องเอาชีวิตตัวเองและน้องชายให้รอดหลังจากไม่มีพ่อและแม่
นีรชาทำงานอย่างหนักเพื่อเป็นค่ากินค่าอยู่ และเป็นค่าจ้างป้าเกสรเลี้ยงนที แม้ว่าท่านไม่ได้เรียกร้อง
หญิงสาวมีเงินจำนวนหนึ่งที่ได้จากประกันชีวิตของบิดาและมารดา แต่ก็ไม่ยอมใช้ เธอจะเก็บไว้ในยามจำเป็นจริงๆ ส่วนไหนที่พอหาได้ก็หาใช้ไปก่อน อีกประการคือ จะเก็บเงินนี้ไว้เป็นค่าเทอมและค่ารักษาพยาบาลของนที น้องชายของเธอคลอดก่อนกำหนด สุขภาพเลยไม่แข็งแรง
กระทั่งอะไรๆ เริ่มเข้าที่ นีรชาจึงกลับไปเรียนต่อที่กรุงเทพมหานครและตัดสินใจเปิดร้านดอกไม้ที่เป็นความใฝ่ฝัน และมีประสบการณ์มาพอสมควร ไม่ว่าจะเคยเป็นลูกจ้างของออร์แกไนเซอร์จัดงานแต่งงานตั้งแต่เรียนชั้นมัธยม เป็นลูกมือจัดดอกไม้ในหน่วยงานราชการ หรือรับงานจัดดอกไม้ตามสั่งเอง รายได้ของหญิงสาวส่วนหนึ่งก็มาจากงานฝีมือ
ที่สำคัญ เธอกำลังศึกษาอยู่ในเอกคหกรรม เลยใช้วิชาให้เกิดประโยชน์
นีรชาพานทีและป้าเกสรมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วย ซึ่งป้าเกสรก็มีลูกสาวที่อยู่ที่นี่พอดี ตอนกลางคืนท่านจึงพักอยู่กับลูกสาวที่ห้องเช่า ส่วนกลางวันก็มาช่วยงานที่ร้านของนีรชาและดูแลนทีหลังจากเลิกเรียน
รายได้ของป้าเกสรจึงมาจากสองช่องทาง ซึ่งเผลอๆ มากกว่ารายได้ของลูกสาวป้าที่ทำงานออฟฟิศด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวพี่จะพาทีน่าไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ ค่อยลงมากินของว่าง พี่เตรียมเค้กไว้ให้ด้วย”
นีรชาจูงมือนทีเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง ซึ่งเอาไว้พักผ่อน ส่วนใหญ่จะนอนค้างที่ร้านเลยไม่กลับบ้านที่ปทุมธานี เนื่องจากเหนื่อยในการเดินทางแม้ว่าจะมีรถยนต์ส่วนตัวก็ตาม
ชั้นบนของร้านจึงเป็นที่พักของเธอและน้องชาย
“พี่นีน่าใจดีมากๆ เลย” นทีชมเปาะ
แรงใจอย่างหนึ่งของนีรชาก็คือนที เด็กชายเป็นครอบครัวคนเดียวของเธอ และหญิงสาวก็รักน้องชายมาก
“นีน่าจ๊ะมีลูกค้ามารอ เดี๋ยวป้าเปลี่ยนชุดให้ทีน่าเอง หนูลงไปหาลูกค้าก่อน” ป้าเกสรเดินขึ้นมาตามที่ชั้นบน เพราะมีลูกค้ามาสั่งดอกไม้ ซึ่งนางจัดยังไม่ชำนาญนัก
“ค่ะป้า”
ลูกค้านั่งรออยู่ที่โซฟาหน้าร้านเป็นสาวประเภทสอง ผมสั้นสีทองประบ่า สวมกางเกงขายาวรัดรูป เสื้อเชิ้ตสีฟ้าปล่อยชาย เธอมองนีรชาไม่ละสายตาตั้งแต่หญิงสาวเดินมาหา
“คุณลูกค้าจะรับอะไรดีคะ”
“กระเช้าดอกไม้สดเยี่ยมคนป่วยจ้ะ หนูเป็นเจ้าของร้านเหรอ”
“ใช่ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวนีน่าไปจัดให้ค่ะ”
ในจังหวะที่นีรชาหันหลังเดินกลับไปที่โซนดอกไม้สด ธัญญ่ามองตามไม่กะพริบตา
สายตานั้นมองเหมือนเจออัญมณีล้ำค่า
ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว...
ธัญญ่าเป็นเจ้าของร้าน Tanya Wedding และทำงานอยู่ในวงการนางงาม เธอปั้นเด็กส่งเข้าประกวดเวทีนางงามใหญ่ๆ ในประเทศ หากเด็กที่ปั้นได้รับตำแหน่งก็จะผันตัวไปเป็นผู้จัดการให้นางงามคนนั้น ล่าสุดปีที่แล้วเด็กที่ธัญญ่าปั้นสามารถเข้าไปถึงท็อปไฟฟ์ของการประกวด ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ครองมงกุฎ แต่เด็กของเธอก็มีรายได้เข้ามาพอสมควร
ส่วนแบ่งที่เธอได้รับจากการอยู่เบื้องหลังก็สมน้ำสมเนื้อ
ซึ่งตอนนี้มีเวทีใหญ่ของประเทศกำลังเปิดรับสมัครสาวงาม นั่นคือ Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 ธัญญ่าเครียดมากเพราะยังหาเด็กที่ถูกใจส่งประกวดไม่ได้ เด็กที่เคยปั้นไว้ว่าจะให้ลงประกวดปีนี้ก็ชิงแต่งงานไปก่อน
ธัญญ่าหัวเสียมาก
พอเจอนีรชา จึงเกิดความคิดที่อยากชวนหญิงสาวลงประกวด
มองจากเมื่อครู่นี้ ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 170 เซนติเมตรแน่ๆ สะโพกผาย เอวคอด แถมยังอกตูม รูปหน้าชัด จมูกพุ่ง ครบเครื่องนางงาม ที่สำคัญคือเสน่ห์ที่สัมผัสได้จากการคุยกันเพียงนิดเดียว
นางงามบางคนสวยจัด แต่ขาดเสน่ห์ก็มี
แต่นีรชาทั้งสวยและมีเสน่ห์
ธัญญ่าถือวิสาสะเดินตามเข้าไปด้านในร้าน นีรชากำลังปักกล้วยไม้ใส่กระเช้า หญิงสาวไม่ได้หวง หากลูกค้าจะเข้ามาดูด้วย
ร้านนี้ธัญญ่ารู้จักเพราะเห็นดาราหลายคนสั่งบ่อย ครั้งก่อนมาซื้อ เจอเพียงลูกน้องสองคนที่เฝ้าร้าน แต่ครั้งนี้เป็นเจ้าของร้านคนสวย
“พี่ชื่อธัญญ่านะ น้องชื่ออะไรจ๊ะ” ธัญญ่าชวนคนที่กำลังตัดก้านดอกไม้คุย
“นีน่าค่ะ ชื่อร้านเลย” หญิงสาวเงยหน้ามายิ้มและกลับไปสนใจกระเช้าดอกไม้ต่อ
“พี่ธัญญ่าเป็นแมวมองนางงาม ส่งเด็กเข้าประกวดหลายเวทีแล้ว พี่เห็นนีน่าสวยเลยชอบ ว่าแต่นีน่าแต่งงานหรือยัง อายุเท่าไหร่แล้ว ทั้งตัวมีอะไรทำมาบ้าง”
“จะชวนนีน่าไปประกวดเหรอคะ” นีรชาถามกลับก่อนตอบคำถาม “สถานะโสดค่ะ อายุ 26 ปี ทั้งตัวคุณแม่ให้มาค่ะ”
คำตอบเจ้าของร้านทำให้แมวมองนางงามตาเป็นประกาย
นีรชาอัธยาศัยดีเสมอโดยเฉพาะกับลูกค้าของเธอ อะไรที่พอตอบได้ เธอก็ตอบไปโดยไม่คิดอะไร
“สนใจไปประกวดไหม พี่ว่าน้องมีแวว” ธัญญ่าเชื่อในสายตาตัวเอง
ตลอดห้าปีของการอยู่ในสายงานนี้ เด็กที่เธอส่งเข้าประกวดไม่งานดีเท่านีรชาสักคน ยังสามารถคว้ามาหลายรางวัล เกือบมงลงก็มี ถ้าได้นีรชาไปประกวด ธัญญ่าขอรับรองเลยว่าได้จับมือแน่ๆ
“ไม่ค่ะ” เธอยิ้มและตอบ “หนูอาย”
“ไม่มีอะไรต้องอาย ถ้ามงลงนี่เปลี่ยนชีวิตเราได้เลยนะ”
นางงามหลายคนที่หมดสัญญาก็ผันตัวมาเป็นดาราต่อ บางคนดังเปรี้ยงได้เป็นนางเอกแถวหน้าของช่องด้วยซ้ำ บางคนก็เป็นนางแบบและโกอินเตอร์ก็มี
ธัญญ่ามองว่าเวทีนางงามนี่แหละเป็นทางลัดของการผันตัวเองเข้าสู่วงการบันเทิง
“ขอบคุณที่เห็นแววหนูนะคะ แต่หนูว่าตัวเองไม่รอดจริงๆ ค่ะ” สำหรับเธอ นางงามไม่ได้เป็นกันง่ายๆ
“ลองคิดดีๆ ก่อนนะนีน่า หนูไม่มีอะไรด้อยเลย พี่ว่าทางนี้รุ่ง ใช้สิ่งที่ตัวเองมีให้เป็นประโยชน์ คิดง่ายๆ เลยนะสมมุติว่าหนูลงประกวดแล้วมีคนชอบเขาก็จะมาติดตามเรา ทำให้ร้านของเราเป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นด้วย นี่ยังไม่ได้มงเลยนะก็ได้ประโยชน์จากการประกวดแล้ว ถ้าเกิดว่าได้ตำแหน่งล่ะ หนูลองคิดดู ที่สำคัญคือรางวัลล่อตาล่อใจมาก แค่รางวัลเล็กๆ ก็รางวัลละแสนแล้ว”
มันก็เยอะจริงๆ แต่นีรชาไม่อยากทิ้งร้าน ทิ้งน้อง
“นีน่ายังยืนยันคำเดิมค่ะ พี่ธัญญ่ามองหาคนอื่นดีกว่านะคะ”
ธัญญ่าถือกระเช้าดอกไม้ออกมาจากร้านแล้วขึ้นรถ เธอจะต้องเอาไปเยี่ยมมุกดาที่โรงพยาบาล เพราะเป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลของวงการนางงาม เนื่องจากเป็นแม่แท้ๆ ของเจ้าของเวที Miss Perfect Beautiful Queen Thailand มุกดาเข้าโรงพยาบาลเมื่อวันก่อนเพราะอาหารเป็นพิษ บรรดาคนที่ทำงานวงการนี้ย่อมส่งดอกไม้และของเยี่ยมไปให้ เพราะมองถึงเส้นทางในอนาคต
ส่วนเรื่องนีรชา ธัญญ่ายังไม่ถอดใจ เธอจะกลับมาใหม่อีกครั้ง
รถตู้สีดำเงาวับเคลื่อนตัวมาจอดหน้าคฤหาสน์ของครอบครัวสิริโชติจินดา คนขับรีบลงจากรถมาเปิดประตูให้เจ้านาย
พอประตูเปิดออกภคิณก็พยุงมารดาออกมาจากรถ มุกดาอาหารเป็นพิษเลยต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสองคืน วันนี้คุณหมอเห็นว่าหายดีแล้วเลยให้กลับบ้านได้ โดยมีบุตรชายคนเดียวไปรับมาส่งที่บ้าน
คฤหาสน์หลังนี้มีสมาชิกอยู่ด้วยกันเพียงสี่คนเท่านั้น ประมุขใหญ่สุดคือ เจ้าสัวธนิน เป็นผู้เริ่มต้นกิจการทุกอย่างของครอบครัว จากนั้นจึงส่งต่อให้บุตรชายคือ คุณปกรณ์ และลูกสะใภ้คือมุกดา แล้วคุณปกรณ์ก็ส่งต่อกิจการให้บุตรชาย ซึ่งก็คือภคิณดูแล แต่ก็ยังไม่ได้วางมือ เพียงแค่ให้อำนาจตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ภคิณก็เท่านั้น
ทุกคนในครอบครัวไว้ใจภคิณ เลยไม่มีใครแคลงใจที่คุณปกรณ์รีบวางมือและส่งต่องานให้ลูกชาย และภคิณก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ทำให้ใครผิดหวัง
“คุณผู้หญิงกลับมาแล้ว” แม่บ้านวิ่งออกมาต้อนรับมุกดาที่หน้าบ้าน บางส่วนก็ช่วยขนของลงจากรถ
ภคิณพามารดามานั่งที่ห้องนั่งเล่น มีสาวใช้ล้อมหน้าล้อมหลังคุณผู้หญิงของบ้าน เมื่อท่านเจ้าสัวประมุขใหญ่ทราบว่าลูกสะใภ้กลับมาแล้วก็ออกมาดู
“เป็นอย่างไรบ้างมุกดา”
“หายดีแล้วค่ะคุณพ่อ แต่ยังเพลียๆ อยู่ มุกไม่น่าไปกินอาหารพวกนั้นเลย”
เรื่องมันมีอยู่ว่ามุกดาไปงานสัมมนาของสมาคมร่วมกับเพื่อนๆ และแวะรับประทานอาหารก่อนกลับ ซึ่งร้านนั้นเป็นร้านญาติของคุณหญิงมาลัย ตอนที่อาหารมาเสิร์ฟนางก็ได้กลิ่นไม่ดีแล้ว เหมือนของที่นำมาประกอบอาหารไม่สด แต่หากไม่กินและบอกไปก็เกรงว่าคุณหญิงมาลัยจะเคือง ก็เลยต้องกิน กลับบ้านมาไม่ถึงชั่วโมง อาการก็เริ่มมีให้เห็น
มุกดาท้องเสีย สามีพาไปโรงพยาบาลและได้แอดมิตสองคืน
นางเลยพลาดเข้าร่วมงานแถลงข่าวการประกวด Miss Perfect Beautiful Queen Thailand 2023 ซึ่งปกติจะต้องไปทุกปี หลายคนที่ไม่เห็นนางมาร่วมงานจึงถามกับบุตรชาย และได้ทราบข่าวว่าเข้าโรงพยาบาล จากนั้นก็มีกระเช้าดอกไม้ ของเยี่ยมมากมายส่งไปที่โรงพยาบาล
“เอาเถอะน่า ทีหลังก็ไม่ต้องไปกินมันอีก” ท่านเจ้าสัวบอกลูกสะใภ้ “แล้วนี่ทำไมปกรณ์ไม่ไปรับเมีย”
“คุณพ่ออยู่ที่บริษัทครับคุณปู่ ผมอยู่ใกล้ๆ โรงพยาบาลเลยมารับเอง”
ภคิณไปดูโรงแรมที่จะใช้ในการคัดตัวนางงาม ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล ขากลับเลยให้คนขับรถแวะรับมารดากลับบ้านด้วย
คุณปกรณ์ดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัท ให้บุตรชายขึ้นเป็นประธาน ส่วนใหญ่คนที่อยู่บริษัทมากกว่าจะเป็นคุณปกรณ์ ภคิณต้องออกไปเจอลูกค้าและไปต่างประเทศบ่อย เดือนหนึ่งหลายครั้ง
ดีเจชื่อดังเล่นเพลงให้หนุ่มสาวโยกย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะในคืนวันศุกร์ โต๊ะที่ผับแห่งนี้ถูกจองเกือบเต็ม เพราะมีนักร้องพิเศษมาเล่นในคืนนี้
ภคิณก้าวขาเข้ามาในอาณาเขตของ The Inch ซึ่งเป็นผับของภูรินทร์เพื่อนรักของเขา เดินผ่านผู้คนพลุกพล่านขึ้นบันไดมาที่ชั้นสอง ตรงมายังโต๊ะประจำซึ่งก็คือโต๊ะริมกระจกที่สามารถมองเห็นบรรยากาศภายในร้านได้ ภูรินทร์มักจะจองโต๊ะนี้ให้เพื่อนๆ เพราะว่าเจ้าของผับอย่างเขาจะนั่งอยู่ด้วย สามารถดูแลความเรียบร้อยของร้านไปพร้อมๆ กับการดื่ม
คีรีและเจ้าของผับนั่งดื่มรอที่โต๊ะ พอภคิณมาถึงจึงเลือกนั่งลงตรงข้ามกับภูรินทร์ หากว่างๆ พวกเขาทั้งสามคนจะมาสิงอยู่ที่ผับแห่งนี้ เพราะหากไปที่อื่น ภูรินทร์จะไม่สามารถไปด้วยได้
ก็คนทำงานกลางคืน
คีรี หมอนี่จอมเพลย์บอย เจ้าของโรงแรมห้าดาวหลายสาขา ซึ่งวันนี้ภคิณก็ไปดูโรงแรมของคีรีที่จะใช้จัดการประกวดนางงามรอบคัดเลือก
“ว่าแล้วว่าวันนี้ต้องได้กินฟรี” เจ้าของโรงแรมชื่อดังแซวเพื่อนที่เพิ่งหย่อนก้นลงบนโซฟาได้ไม่ถึงห้าวินาที
พวกเขาทั้งสามคนมีกฎว่า ถ้าหากมีการนัดรวมตัว ใครมาช้ากว่าเวลาที่นัดไว้จะต้องจ่ายค่าเครื่องดื่มและอาหารมื้อนั้น ซึ่งทั้งสามคนก็สลับกันมาช้าไม่ให้ใครน้อยหน้า
“มาจากบ้าน แวะกินข้าวกับคุณแม่ ก่อนมาก็เข้าไปที่กอง วันนี้มีถ่ายงานโพรโมต”
“ช่วงนี้ท่านประธานหัวหมุนเลยสิ ทั้งงานบริษัท ทั้งงานประกวดนางงาม”
“เหมือนเดิม” ยุ่งเหมือนเดิม
หลังจากที่เปิดรับสมัครสาวงามวันแรก มีผู้เข้าสมัครผ่านทางเว็บไซต์กองประกวดร้อยกว่าคน กว่าจะถึงวันสุดท้ายก็น่าจะเกือบห้าร้อย หรือมากกว่านั้น และวันนี้บรรดานางงามรุ่นพี่ปีที่แล้วก็มาถ่ายภาพนิ่งประชาสัมพันธ์ที่กองประกวด
Seeric Cosmetics บริษัทของเขากำลังผลิตลิปสติกสินค้าชนิดใหม่ออกมา ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการทดลองสินค้ากับกลุ่มตัวอย่าง ภคิณเลยยุ่งคูณสอง
“ปีนี้มึงเล็งใครไว้หรือยังวะ” ภูรินทร์ถามอย่างสนใจ ปีที่แล้วภคิณเห็นแววของเชอร์ลีนตั้งแต่วันที่มาคัดตัว และเธอก็ได้มงจริงๆ แถมยังได้รองในเวทีโลกด้วย
“ยังไม่ถึงวันคัดตัวเลย รีบไปได้ ปีนี้ว่าจะให้กองเขาคัดเลย กูค่อยมาดูหลังคัดให้เหลือสามสิบหกคนสุดท้าย”วันที่ทำการคัดเลือกภคิณต้องไปต่างประเทศ เลยจะให้อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ทีมงานกองประกวด
“เผื่อเขาตาไม่ดีเหมือนมึงล่ะ” คีรีแทรก หากทางกองประกวดไม่เห็นแววก็คงปัดตกไป บางทีคนคนนั้นอาจจะสามารถพัฒนาต่อไปได้ “เสียดายแย่”
คีรีและภูรินทร์ก็เป็นหนึ่งในสปอนเซอร์ของเวทีการประกวด พวกเขาทั้งสองจึงสนใจราวกับว่าเป็นกูรูนางงาม
“กูเชื่อใจทีม”
การให้เกียรติกันในการทำงานเป็นอย่างหนึ่งที่ภคิณทำมาตลอด และหากมีสาวงามเป็นเหมือนที่คีรีว่าถูกปัดตกจริงๆ ก็สมควรแล้ว เพราะไม่แสดงความสามารถออกมาให้กรรมการเลือกได้
“นั่นเกรซกับเพื่อนๆ เขานี่ มึงไม่บอกเหรอว่าอยู่นี่” คีรีมองทะลุกระจกลงไปที่ชั้นหนึ่ง
เกษราไฮโซสาว เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าและชุดว่ายน้ำ กำลังวาดลวดลายหน้าเวที กับเพื่อนๆ ของเธอ
“ไม่ได้เป็นอะไรกัน” ภคิณตอบเรียบๆ
“นึกว่ากิ๊กกันอยู่ซะอีก”
เกรซหรือเกษรา ลูกสาวของคุณหญิงละมัยเพื่อนมุกดา ซึ่งเป็นอดีตเป็นคู่หมายของภคิณ แต่โดนยกเลิกสัญญาไปแล้ว ทั้งสองครอบครัวจบกันด้วยดี แถมสามารถเป็นเพื่อนกันมาได้ถึงทุกวันนี้
แต่ก็ยังมีคนแอบเชียร์ภคิณและเกษราให้ลงเอยกันอยู่
“นั่นไง กำลังจะขึ้นบันไดมา กูว่าเกรซเห็นมึงชัวร์” ภูรินทร์ชี้ให้เพื่อนดู
“พี่คิณ” หญิงสาวเรียกชื่อและนั่งลงข้างคนที่เธอมีใจ วันนี้เธออยู่ในเดรสสายเดี่ยวสีดำ ปล่อยผมลงกลางหลัง สวมรองเท้าส้นสูงสีแดงห้านิ้ว “คุณป้าเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“หายแล้วครับ กลับบ้านแล้ว ขอบคุณเกรซและคุณแม่มากที่ไปเยี่ยมแม่พี่ที่โรงพยาบาล” มุกดารายงานบุตรชายตอนที่ขึ้นรถมาด้วยกัน ภคิณจึงทราบ
“ไม่เป็นไรค่ะ เกรซและคุณแม่เต็มใจ เราเป็นห่วงคุณป้า เกรซแค่มาทักพี่คิณเฉยๆ ขอตัวก่อนนะคะ ไปก่อนนะคะพี่คีพี่ภูมิ” เกษราส่งยิ้มให้รอบวงแล้วเดินกลับไปทางเดิม
คล้อยหลังหญิงสาว คีรีจึงเอ่ยขึ้น
“ดีว่ะ ไม่ตื๊อ ไม่เสนอตัว ไม่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ”
“น้องเกรซรู้ไงว่าถ้าทำแบบนั้น แม้แต่ความหวังดีก็จะไม่ได้จากไอ้คิณ ใช่ไหม”
“มันขึ้นอยู่กับคน ถ้าเป็นคนที่กูชอบ เหตุผลที่มึงพูดมากูรับได้” พูดจบแล้วยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียว
“แล้วคนคนนั้นของมึงอะอยู่ไหน” ภูรินทร์ยิงคำถามไม่ยั้ง “หรือคนในอนาคต”
“กูว่าใช่แน่ๆ”
คีรีและภูรินทร์ตัดสินโดยไม่ฟังเจ้าตัว ที่ผ่านมาภคิณไม่ควงใครนาน อย่างเกษราที่คิดว่ามีแววมากสุดและมีข่าวออกมาว่าทั้งคู่กำลังคบหาดูใจกัน แต่ก็เงียบไปเพราะมันไม่ใช่ความจริง ปีที่แล้วก็มีนางเอกละครหลังข่าวที่ภคิณควง ไม่ถึงเดือนฝ่ายหญิงก็ออกมาบอกว่ากำลังคบกับพระเอกต่างช่อง ล่าสุดภคิณควงกับพริตตี้เงินล้านแล้วก็ไม่ไปต่อ สองหนุ่มเพื่อนสนิทเลยคิดว่าเพื่อนรักอย่างท่านประธาน Seeric Cosmetics เบื่อเร็ว และคงเป็นแบบนี้ไปสักระยะกว่าจะเจอคนที่ใช่จริงๆ
คีรีมองภคิณนิ่งๆ พยายามอ่านความรู้สึกอีกฝ่าย
“หรือว่าจะเป็นคนในอดีตวะ”
“พวกมึงเลิกเดาได้แล้ว” ภคิณไม่ได้คบใครนานแล้ว แต่ก็มีควงสาวๆ ออกงานบ้าง แต่ที่เป็นข่าวก็เพราะว่ามีคนอยากเป็นข่าว ซึ่งภคิณไม่ชอบใจเลย แต่หลังๆ มานี้เขาเริ่มชินจึงปล่อยผ่าน
“บางทีกูก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน”
นีรชารับโทรศัพท์ของครูประจำชั้นนทีแล้วรีบออกจากร้านไปยังโรงพยาบาล นทีมีอาการเหนื่อยหอบหลังจากที่เข้าแถวเสร็จในตอนเช้า และอาการไม่ค่อยดีคุณครูประจำชั้นเลยนำส่งโรงพยาบาล
นีรชากลัวน้องจะเป็นอันตรายเพราะว่านทีมีโรคประจำตัวนั่นคือลิ้นหัวใจรั่วตั้งแต่กำเนิด ทว่าอาการไม่ได้หนักมาก สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องพบหมอเป็นประจำและงดกิจกรรมที่ใช้กำลังเยอะๆ นี่เป็นเหตุผลที่นีรชาส่งน้องชายเรียนโรงเรียนเอกชนเพราะว่าใกล้ร้านและมีการดูแลที่ทั่วถึง แม้ว่าค่าเทอมจะสูงลิ่วก็ตาม
พอถึงโรงพยาบาลนีรชาก็เดินไปหาคุณครูที่นั่งรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ส่วนน้องชายของเธอยังนอนพักอยู่ด้านใน คุณหมอที่รับเคสนี้เดินออกมาและขอคุยกับผู้ปกครองเด็ก
นีรชาเดินตามคุณหมอไปที่ห้องตรวจคนไข้
“เท่าที่ดูประวัตินะครับ คนไข้เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วตั้งแต่เกิด แต่อาการไม่ได้รุนแรงมาก จนเกิดเหตุการณ์วันนี้ ซึ่งเป็นปกติของโรคที่จะเริ่มแสดงอาการเมื่อโตขึ้นหากไม่ได้รับการรักษา”
นีรชานั่งเงียบฟังคุณหมออธิบาย บางอย่างเธอได้ทราบมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะโรคนี้อยู่กับน้องชายเธอมาตลอด
“ต้องเข้ารับการผ่าตัดใช่ไหมคะ”
“ครับ หมอแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด เพราะมันสามารถทำให้หายขาดได้ แต่อาจจะใช้เวลาพักฟื้นรักษาตัวสักพัก ซึ่งยังไม่จำเป็นต้องทำตอนนี้ก็ได้ครับ แต่หมอขอแนะนำไว้ และหากเข้ารับการผ่าตัดเร็วได้ก็จะยิ่งดีเลย ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วสักวันก็ต้องได้ทำอยู่ดี”
“ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่คะ”
“อยู่ที่ราวๆ ห้าถึงแปดแสนบาทครับ”
“ตกลงค่ะ” นีรชาตอบตกลงทันทีเพราะเป็นห่วงน้องชาย เธอคิดเรื่องนี้มาตลอดว่าจะให้นทีผ่าตัด แต่ตอนนั้นน้องยังเล็กเกินไป ซึ่งเวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว
หญิงสาวมีเงินสำรองที่เก็บไว้ใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล เป็นเงินประกันชีวิตของบิดาและมารดาที่เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะนำมาใช้กับน้องเท่านั้น นทีเป็นเด็กที่น่าสงสาร เกิดมาก็มีโรคติดตัว ที่สำคัญต้องกำพร้าพ่อและแม่ตั้งแต่เกิด
แต่เด็กชายยังโชคดีที่มีพี่สาวอย่างนีรชา
ดีกว่าแม่ผู้ให้กำเนิดเสียอีก
เป็นที่ฮือฮาของวงการนางงามอีกครั้งเมื่อ แพรว แพรวพราว ดิเรกรัตน์ อดีตรองอันดับที่สองของเวทีนางงามชื่อดัง ตัดสินใจเข้าร่วมการประกวด Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023
สองปีที่ผ่านมาเธอสามารถครองใจแฟนนางงามได้แม้ว่าจะไม่ได้ครองมงกุฎก็ตาม ด้วยการเดินที่หาตัวจับได้ยากและหุ่นเซียะ จนเป็นที่จับตามอง แต่ก็มาพลาดในด่านสุดท้ายนั่นคือการแสดงไหวพริบปฏิภาณในการตอบคำถาม
แฟนนางงามเลยเชื่อว่าเวลาสองปี แพรวพราวจะต้องทำการบ้านมาอย่างดี เพื่อมาคว้ามงนี้ให้ได้!
ธัญญ่านั่งไล่อ่านบทสัมภาษณ์ของแพรวพราวกับสื่อมวลชนก็เริ่มคิดหนัก แถมปีนี้ทีมใหญ่อย่างทีมแองเจิล ยังเข้ามาดันแพรวพราวอีก
คงหาคนต้านนางได้ยาก
ทีมแองเจิลเป็นการรวมตัวกันของคนกลุ่ม LGBT เพื่อปั้นนางงามส่งเวทีในประเทศ มีสปอนเซอร์หนุนหลังหลายเจ้า ที่ผ่านมาผลงานของทีมนี้เป็นที่ประจักษ์ สามารถคว้ามงกุฎหลายเวที เช่น เชอร์ลีน พรพรรษา ก็มาจากทีมนี้ สาวๆ คนไหนที่มีความฝันย่อมวิ่งเข้าหาทีมแองเจิล เพราะทำให้ฝันของสาวๆ ที่จะคว้ามงกุฎเป็นจริงได้
ใบหน้าเจ้าของร้านดอกไม้ลอยเข้ามาในความคิดของธัญญ่า
ต้องเป็นคนนี้... ถึงจะพอสู้ไหว
เธอเชื่อในเซนส์ของตัวเอง
แต่ติดปัญหาที่จะทำอย่างไรให้นีรชายอมประกวดน่ะสิ!
ดวงตาสองคู่มองไปยังป้ายหน้าร้านที่เขียนกำกับว่า Open ก่อนจะก้าวขาด้วยความมั่นใจเข้าไป วันก่อนธัญญ่ามาซื้อดอกไม้เวลานี้เลยได้เจอนีรชาเจ้าของร้าน Neena’s flowers เธอเลยมั่นใจว่าวันนี้จะต้องเจออีกครั้ง
แถมยังพาตัวช่วยอย่าง เจ๊มาร์กี้ มาช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง
เจ๊มาร์กี้เป็นรุ่นพี่ของธัญญ่า มีความสามารถพิเศษคือการพูดโน้มน้าวใจคนอื่น
“มาพบเจ้าของร้านจ้ะ”
ธัญญ่าบอกกับลูกน้องที่อยู่หน้าร้าน แล้วนั่งรอที่โซฟารับแขกพร้อมกับรุ่นพี่
“อย่าให้ฉันมาเสียเที่ยวนะญ่า” มาร์กี้เกรงว่าคนที่มาดูตัววันนี้จะไม่สมคำคุยที่น้องรักเอาไปโอ้อวดอย่างนั้นอย่างนี้ “ถ้าไม่สวยจริง ฉันไม่คุยนะจะบอกให้”
“เจ๊รอดูได้เลย คนนี้ดีที่สุดในบรรดาเด็กที่ผ่านมาของเราเลย ญ่ารับประกัน ไม่อย่างนั้นไม่ลากเจ๊มาให้เหนื่อยหรอก”
แมวมองทั้งสองเฝ้ารอการปรากฏตัวของเจ้าของร้านอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากที่ลูกน้องไปบอกว่ามีคนมาขอพบ นั่งรออยู่ที่หน้าร้าน นีรชาก็วางมือจากการตัดก้านดอกไม้ เช็ดมือกับผ้าและออกมาด้านนอก
มาร์กี้ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังย่างเข้ามาใกล้ สายตาปะทะกับสลิปเปอร์สีครีมเป็นลำดับแรก จากนั้นค่อยๆ เลื่อนสายตาขึ้นไปตามร่างอรชรของคนที่มายืนปรากฏตรงหน้า
งานดี ดีมาก!
ธัญญ่าเห็นท่าทีของมาร์กี้ที่ดูตะลึงเล็กน้อยเมื่อเจอนีรชาก็ยิ้มกริ่ม
สมคำคุยไหมล่ะเจ๊
“สวัสดีค่ะ” นีรชายกมือไหว้ แปลกใจที่เป็นธัญญ่า
“สวัสดีจ้ะ นีน่าใช่ไหมจ๊ะ เจ๊มาร์กี้นะเป็นเพื่อนกับธัญญ่า”
“ค่ะ” นีรชารับคำ นึกจุดประสงค์ของการมาได้แล้ว แต่ก็เอ่ยปากถาม “วันนี้มีอะไรให้นีน่ารับใช้คะ”
“ไม่ต้องรับใช้อะไรหรอกจ้ะ เรียกว่ามาชวนเสียมากกว่า เข้าเรื่องเลยนะจ๊ะ เราสองคนเห็นแววในตัวนีน่า อยากชวนไปประกวดนางงาม” มาร์กี้ไม่รีรอ รีบเข้าเรื่องทันที
“หนูไม่ถนัดด้านนี้เลยค่ะ อีกอย่างหนูมีร้านและน้องชายที่ต้องดูแล” นีรชาบอกไปตามความจริง
“ทุกอย่างฝึกกันได้ การประกวดกินเวลาไม่นานหรอกจ้ะ แต่มันสามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้เลยนะ อย่างหนูเนี่ยเจ๊ว่าเข้ารอบไม่ต่ำกว่าท็อปไฟฟ์”
“จริงเหรอคะ” นีน่าไม่อยากเชื่อว่าอย่างเธอจะสามารถเข้ารอบลึกได้ขนาดนั้น
“แน่นอน เจ๊เอาชื่อเสียงเจ๊เป็นประกันเลย พวกเราชอบหนูจริงๆ นะ ลงประกวดเถอะนีน่า เปิดโอกาสให้ตัวเอง รางวัลก็ไม่ใช่น้อยๆ เผลอๆ มีแมวมองมาดึงไปเป็นดารายังได้”
“มันดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ที่มาร์กี้พูดมาเหมือนมันง่ายนัก
“ดีสิจ๊ะ ไม่อย่างนั้นผู้หญิงหลายคนคงไม่แย่งกันลงสมัครหรอก ถ้านีน่ามาอยู่ในความดูแลของพวกเรา พวกเจ๊จะดันสุดๆ ไปเลย”
“แล้วพวกเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะคะ” นีรชาเป็นห่วงเรื่องนี้
“ไม่ต้องห่วง อยู่ในความดูแลของธัญญ่า ขอแค่เวลาและความตั้งใจของนีน่าแค่นั้น”
ธัญญ่ามีร้านเวดดิงเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการประกวดเลยไม่หนักมาก พวกช่างแต่งหน้า และเครื่องสำอางก็ใช้ของที่ร้าน ชุดที่จะให้นีรชาใส่ก็ค่อยขอสปอนเซอร์และซื้อเพิ่ม
แต่งานนี้ทุ่มเท่าไหร่ธัญญ่าก็ยอมจ่าย มองว่านีรชาไปได้ไกล
ข้อเสนอของมาร์กี้และธัญญ่าเย้ายวนใจจริง เท่ากับว่านีรชาไม่ต้องเสียอะไรเลยนอกจากเวลา “แล้วพวกเจ๊จะได้อะไรจากการที่หนูประกวดล่ะคะ”
เธอคิดว่าทุกคนย่อมหวังผลตอบแทน
“ผลประโยชน์ของพวกเราจะมาในรูปแบบของชื่อเสียง และถ้าหนูได้ตำแหน่ง พวกเราจะเป็นผู้จัดการส่วนตัว” ธัญญ่าเป็นคนตอบ
แสดงว่าถ้ามีรายได้เข้ามา ก็ต้องจัดสรรปันส่วน ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“ให้โอกาสตัวเองลองดูสักครั้งนะนีน่า ไม่มีอะไรเสียหาย ใช้สิ่งที่มีติดตัวมาให้เกิดประโยชน์” ไม่ว่าจะเป็นความสวย ผิวพรรณ ส่วนสูง หรือแม้กระทั่งหุ่น
ทุกอย่างที่รวมกันเป็นนีรชาคนนี้ถือว่าครบ!
“แล้วเงินรางวัลเยอะไหมคะ”
สิ่งที่ดึงดูดความสนใจคือเรื่องนี้ นีรชาต้องหาเงินมาสำรองไว้ เพราะจะเอาเงินเก็บมาใช้ในการผ่าตัดของนที ถ้าเป็นตามที่เจ๊มาร์กี้บอก เส้นทางนี้ก็ถือว่าทำเงินได้เร็ว
“แค่รางวัลเล็กๆ ของสปอนเซอร์ก็อย่างน้อยรางวัลละแสน ได้ตำแหน่งรองก็รับไปอีกเกือบเจ็ดหลัก แต่ถ้าได้มงนะ แค่เงินสดก็ล้านกว่าแล้ว ไม่รวมรางวัลอื่น หากคิดมูลค่าทั้งหมดเล่นๆ ก็น่าจะสามสี่ล้าน นี่ยังไม่รวมงานหลังจากรับตำแหน่งอีกนะ”
ยอดเงินทำให้นีรชาตาเป็นประกาย
“แล้วนีน่าต้องทำยังไงบ้างคะ”
มาร์กี้และธัญญ่ามองหน้ากันยิ้มๆ
“อย่างแรกเลย ยืนขึ้นแล้วหมุนตัวให้เจ๊ดูเป็นบุญตาสักรอบก่อน”
นีรชาทำตามคำขอ หญิงสาวยืนขึ้นเต็มความสูง ค่อยๆ หมุนตัวช้าๆ กระทั่งกลับมายืนในท่าเดิม พร้อมกับส่งยิ้มให้คนมองทั้งสองคน
ธัญญ่าหันไปพูดกับมาร์กี้
“นี่ยังไม่ได้ฝึกเลยนะเจ๊ ถ้าได้เทรนจริงๆ ญ่าว่ามีสิทธิ์มง ขนาดเราไม่ได้ชอบผู้หญิงยังหลงเสน่ห์อะ รู้สึกว่าแววตาของนีน่าสดใสและมีพลัง”
“งั้นก็รีบกรอกใบสมัครเลย ไม่ต้องรอแล้ว เดี๋ยวนีน่าเปลี่ยนใจ”
“ต้องรีบขนาดนั้นเลยหรือคะ” ว่าที่นางงามถาม
“ไม่รีบไม่ได้แล้วจ้ะ หมดเขตรับสมัครพรุ่งนี้ นีน่ารีบไปเอาเอกสารสำคัญประจำตัวมาให้พี่เร็วๆ”
ทำไมถึงกระชั้นชิดแบบนี้!
ความคิดเห็น |
---|