บทที่ ๒

2

รอบคัดเลือก

                เป็นวันรวมตัวกันของสาวงามที่มากที่สุดก็ว่าได้

                หลังจากยื่นใบสมัครผ่านทางเว็บไซต์กองประกวดไปหนึ่งสัปดาห์ ก็ถึงวันสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกสาวงามให้เหลือหกสิบคนสุดท้าย จากผู้สมัครเกือบพันคน

                วันนี้ธัญญ่าไปรับนีรชามาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด หน้าผมต้องเป๊ะ กรรมการเห็นจะต้องตะลึง 

                สำหรับนีรชาแล้วสิ่งที่ยากที่สุดในวันนี้ไม่ใช่การเข้าสัมภาษณ์กับกรรมการ แต่เป็นการยืนบนส้นสูงห้านิ้วครึ่ง ซึ่งหญิงสาวไม่ค่อยได้สวมรองเท้าที่สูงขนาดนี้ วันนี้เธออยู่ในลุคสาวหวาน สวมชุดแส็กเปิดไหล่สีชมพูบานเย็น ความยาวของชุดนั้นเลยเข่าขึ้นมานิดๆ แถมยังแนบเนื้อโชว์สัดส่วน ผมปล่อยตรงยาวลงมากลางหลัง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงโดยช่างมืออาชีพ 

                นีรชาต่อแถวลงทะเบียนที่หน้างาน มองไปรอบๆ มีแต่คนสวยๆ ทั้งนั้น หญิงสาวนึกหวั่นใจว่าตัวเองจะสู้ได้หรือเปล่า 

พอก้มมองตัวเองแล้วก็คิดว่าฉันมาทำอะไรที่นี่

                ลงทะเบียนเสร็จแล้วสตาฟฟ์ก็พาเข้าไปนั่งรอที่ห้องรับรองซึ่งเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ ปลิตาหรือคุณปลาที่เป็นผู้จัดการกองประกวดมาพูดคุยระหว่างที่รอผู้เข้าประกวดคนอื่นลงทะเบียน

                ด้วยมีผู้สมัครในครั้งนี้จำนวนมาก การสัมภาษณ์เลยต้องแบ่งเป็นหลายห้อง เพื่อกระชับเวลาในการดำเนินการ 

                นีรชาลุ้นให้ตัวเองได้เข้าห้องที่กรรมการไม่ดุมาก

                กล้องหลายตัวที่อยู่ในมือช่างภาพหันไปทางประตู เก็บภาพสาวงามที่เข้ามาใหม่ จากนั้นเสียงฮือฮาก็ดังตามมา 

                แพรวพราว ตัวเต็งของการประกวดครั้งนี้เดินเฉิดฉายเข้ามาในห้องรับรอง หญิงสาวโปรยยิ้มให้นักข่าวและช่างภาพ วันนี้เธออยู่ในจัมป์สูทสีเหลืองสะท้อนแสงโดดเด่น แถมดีกรีของแพรวพราวยังไม่ธรรมดา ย่อมเป็นที่จับตามองของใครหลายๆ คน

                พอเธอนั่งลง นักข่าวก็เดินไปสัมภาษณ์ทันที

                นีรชาเลิกสนใจตัวเต็ง เพราะธัญญ่าส่งข้อความมาหา

                Tanya Queen : ยิ้มกว้างๆ ให้นักข่าว ทำตัวเฟรชๆ ไว้นะนีน่า ยิ้มสู้เข้าไว้ อย่าไปกลัว

                Neeracha_Nxxnx : (ส่งสติกเกอร์รับทราบ)

                Tanya Queen : ตอนสัมภาษณ์ก็อย่ากดดัน ตอบให้เป็นตัวของตัวเอง เรียบเรียงคำพูดให้ดี ที่สำคัญคือความมั่นใจเวลาที่เราพูด ด่านนี้เน้นเท่านี้ก่อน

                Neeracha_Nxxnx : นีน่าจะทำให้เต็มที่ค่ะ

                ด้วยเวลาการสัมภาษณ์มีจำกัดและผู้เข้าประกวดมีจำนวนมาก ประเด็นที่กรรมการสนใจเลยมีแค่ไม่กี่อย่าง ธัญญ่าสืบจากเพื่อนที่อยู่ในกองมาได้แล้วรีบบอกนีรชา ส่วนเจ้าตัวนั่งรออยู่ที่คาเฟ่ข้างโรงแรม เกาะติดทวิตเตอร์ส่องผู้เข้าประกวดคนอื่นเพื่อดูคู่แข่ง พร้อมกับลงภาพของนีรชาให้แฟนนางงามได้ชม

                ถึงคิวของนีรชาในการเข้าห้องสัมภาษณ์ มีสตาฟฟ์กองประกวดเดินนำไปที่ห้องหมายเลข 9 ก่อนที่จะเปิดประตูหญิงสาวเงยหน้าขึ้น สูดลมหายใจลึกๆ และผ่อนออก ท่องในใจว่า เธอทำได้!

                นีรชาก้าวเข้าไปในห้อง ยิ้มหวานๆ ส่งให้กรรมการทั้งสามท่านที่นั่งอยู่ด้านหน้า เป็นผู้หญิงหนึ่งคนที่สวยมากและได้รับรางวัลในการประกวดมาก่อน ส่วนอีกคนเป็นสาวประเภทสอง และคนสุดท้ายเป็นผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐาน 

                นีรชายืนอยู่ด้านหน้ากรรมการทั้งสามท่าน ยกมือไหว้แบบที่คิดว่าสวยสุดๆ แล้วแนะนำตัวเอง

                “สวัสดีค่ะ นีน่า นีรชา อัปสรวงศ์ ค่ะ”

                ยังไม่มีใครเงยหน้าขึ้นมามองเธอเพราะต่างคนต่างไล่อ่านประวัติจากใบสมัคร แล้วคนที่นั่งทางด้านขวามือก็เงยหน้าขึ้นมามองก่อนใคร 

                “พี่ส้มนะคะ รองอันดับหนึ่ง สองปีที่แล้ว” รุ่นพี่นางงามแนะนำตัวเอง และเริ่มถามคำถาม “นีน่าทำงานอะไรคะ”

                “นีน่าเปิดร้านขายดอกไม้ค่ะ เป็นร้านของนีน่าเองชื่อว่า Neena’s flowers” 

                “ร้านนี้พี่เคยได้ยินชื่อนะ” สาวประเภทสองอีกคนพูดกับอดีตนางงาม “มีคนเคยสั่งมาเยี่ยมไข้ที่โรงพยาบาลตอนป่วย จัดสวยเชียวแหละ”

                นีรชาอมยิ้ม สุขใจทุกครั้งที่ได้ยินคนอื่นพูดถึงร้านตัวเองในทางที่ดี

                “ทำไมถึงมาประกวดจ๊ะ” คนที่ถามเป็นสปอนเซอร์ของการประกวดในครั้งนี้ “เท่าที่อ่านประวัติ หนูไม่เคยเข้าสู่วงการนี้มาก่อน”

                คนก่อนหน้านีรชาเคยผ่านเวทีนางงามมาบ้าง แต่สำหรับนีรชาถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่

                “ท่านคณะกรรมการคงทราบแล้วว่าเวทีนี้เป็นจุดเปลี่ยนของใครหลายคน นีน่าเลยอยากเปิดโอกาสให้ตัวเองค่ะ และเวทีนี้ไม่ใช่แค่โชว์ความงาม แต่ยังแสดงศักยภาพของผู้หญิงด้วยค่ะ”

                “หนูตอบตรงดีนะ”

                นีรชายิ้มรับ มีหลายคนเลยที่ตอบแบบนางงามมาเอง โลกสวย รักธรรมชาติ รักต้นไม้ รักผู้คน ซึ่งคำตอบที่ออกมาเป็นคำตอบที่สวยหรูทั้งนั้น 

                ซึ่งไม่มีคำตอบที่ผิด

                “ถ้าหนูไม่ผ่านการคัดเลือกวันนี้จะเสียใจไหม”

                “ย่อมเสียใจเป็นธรรมดาอยู่แล้วค่ะ แต่เราต้องมูฟออน แม้โอกาสนี้จะไม่ใช่ของเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีโอกาสอื่นที่รออยู่”

                “แล้วถ้าหนูผ่านเข้ารอบหกสิบคนสุดท้าย หนูจะทำอะไรต่อไป” รุ่นพี่นางงามถามบ้าง

                “หนูต้องกลับไปพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นค่ะ ให้สมกับที่หนูได้รับโอกาส และเพื่อแสดงศักยภาพว่าแม่ค้าขายดอกไม้ก็สามารถเป็นนางงามได้ถ้าเรามีความพยายามมากพอ”

                กรรมการคนกลางพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่นีรชาตอบ “คำตอบที่หนูตอบออกมาไม่ได้สวยหรู แต่มันมีเสน่ห์น่าฟังนะ ถ้าอยากผ่านเข้ารอบลึกๆ ก็ต้องปรับอีก”

                “ค่ะ” นีรชาเองก็รู้ในจุดนี้

                “ไหนลองเดินมาใหม่หน่อยซิ เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามาพวกเราไม่ทันดู”

                “ได้ค่ะ”

                หญิงสาวเดินกลับไปที่หน้าประตูอีกครั้ง ยืดอกขึ้นและก้าวขามาหาคณะกรรมการทั้งสาม แม้ว่าการเดินยังไม่เข้าที่ แต่แววตามุ่งมั่นที่ส่งมา สามารถสะกดทุกคนให้มองโดยไม่ละสายตา 

นีรชาหมุนตัวช้าๆ และในจังหวะจบก็โปรยยิ้ม

                กรรมการทั้งสามคนมองหน้ากันแบบมีพิรุธ สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของผู้เข้าประกวดคนนี้

                “ฉันว่านางมีของนะ” คนที่นั่งตรงกลางกระซิบกับสาววัยกลางคน แต่ก็ไม่ได้บอกกับเจ้าตัว

                “เรื่องเพอร์ฟอร์แมนซ์ต้องเทรนเยอะๆ นะจ๊ะ เรื่องนี้ถือว่าสำคัญมากเช่นกัน หนูยังเดินไม่สมูทเท่าไหร่ แต่ความสวยของหนูทำให้พวกเราอยากมอง” ไม่ถึงกับสวยจัด แต่มองแล้วไม่เบื่อ

                “ขอบคุณค่ะ” ถึงโดนตำหนิมาบ้างแต่ก็มีคำชม นีรชาใจชื้นขึ้นมา “นอกจากเพอร์ฟอร์แมนซ์แล้ว หนูควรปรับตรงไหนอีกหรือเปล่าคะ”

                มันคือโอกาสที่ทำให้คณะกรรมการเห็นว่าเธอมีความตั้งใจและพร้อมที่จะปรับตัว ที่สำคัญหญิงสาวจะนำสิ่งที่กรรมการบอกไปพัฒนาตนเองเพื่อเข้ารอบต่อไป

                ฉลาดถามนะ! นางงามรุ่นพี่ยิ้มมุมปาก

                “นอกจากเรื่องกายหยาบและการเดินแล้ว หนูต้องมีไหวพริบปฏิภาณ ถึงจะฝึกยากหน่อย แต่ก็ฝึกได้จ้ะ”

                หากพูดตรงๆ ก็คือต้องมีสมอง ไม่ตอบคำถามบ้ง!

                “ขอให้โชคดีนะ” กรรมการอวยพรส่งท้ายการสัมภาษณ์ของนีรชา 

คล้อยหลังหญิงสาว กรรมการจึงปรึกษาหารือกันและบันทึกคะแนนเพื่อนำไปตัดสินว่าใครจะผ่านเข้ารอบ 60 คนสุดท้าย

นีรชาโล่งอกหลังจากผ่านด่านการสัมภาษณ์ไปได้ แต่ก็ต้องมาลุ้นอีกว่าเธอจะสามารถผ่านเข้ารอบได้หรือเปล่า ผู้เข้าสมัครมีจำนวนมาก ความน่าจะเป็นที่จะได้เข้ารอบเลยต่ำ ที่สำคัญคือ เธอไม่ไว้ใจกรรมการเลย เหมือนจะชอบแต่ก็ไม่ใช่ เหมือนจะติแต่ก็ไม่เชิง และเหมือนจะให้ความหวังแต่ก็รู้สึกแปลกๆ 

คงคิดมากไป

นีรชาไม่ทันมองเลยเดินชนใครคนหนึ่งเข้า

“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้ขอโทษขอโพย

“ไม่เป็นไรครับ” ภูรินทร์มองคนที่เดินชนตัวเอง พยายามคิดว่าเคยเจอหญิงสาวที่ไหนมาก่อน แต่ก็คิดไม่ออก เลยถามตรงๆ “เราเคยเจอกันมาก่อนไหมครับ ผมรู้สึกคุ้นหน้าคุณมาก”

“ไม่นะคะ” นีรชาไม่เสียเวลาคิดนาน เพราะเธอไม่ได้รู้สึกคุ้นหน้าเขาเลย

“งั้นผมคงจำผิดครับ” ชายหนุ่มเกาท้ายทอยแก้เขิน “คุณมาประกวดนางงามใช่ไหมครับ”

ภูรินทร์ดูจากการแต่งตัวแล้วคิดว่าใช่แน่ๆ เขาเป็นหนึ่งในกรรมการของวันนี้ด้วย ได้ประจำที่ห้องสัมภาษณ์หมายเลข 2 ซึ่งในแต่ละห้องจะมีกรรมการสามถึงสี่คน เป็นอดีตนางงามที่ได้รับรางวัลในปีที่ผ่านๆ มา กูรูนางงาม หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการประกวด และสปอนเซอร์ที่สนับสนุนเวทีการประกวด

“ใช่ค่ะ”

“ขอให้ผ่านเข้ารอบนะครับ”

“ขอบคุณมากๆ ค่ะ”

                พอเห็นนีรชาเดินมา ธัญญ่าก็รีบลุกขึ้นตรงมาหาเด็กปั้นของเธอ จูงมือให้ไปนั่งลงที่เก้าอี้ในโต๊ะที่เธอนั่งรอก่อนหน้า ในร้านหนาแน่นไปด้วยบรรดาพี่เลี้ยงนางงามที่มานั่งรอเด็กในสังกัดของตนเอง

                “เป็นไงบ้างนีน่า”

                “ไม่มั่นใจเท่าไหร่ค่ะพี่ญ่า เหมือนจะดี แต่ก็ไม่เท่าไหร่” หมายถึงการสัมภาษณ์ของเธอวันนี้ “ไม่รู้ว่าเขาจะเลือกหนูหรือเปล่า”

                “เข้าไปในห้องแล้วกรรมการถามอะไรบ้าง” ธัญญ่ารีบเก็บข้อมูล

                “ถามคำถามทั่วไปเลยค่ะ ทำงานอะไร ทำไมถึงมาประกวด ถ้าไม่เข้ารอบจะเสียใจไหม ถ้าได้เข้ารอบจะทำอะไรต่อไป ประมาณนี้เลยค่ะ แล้วก็ให้เดินโชว์หนึ่งรอบ”

                ธัญญ่าขมวดคิ้ว แปลกใจที่กรรมการห้องของนีรชาให้เด็กของตนเดินโชว์ เท่าที่อ่านในทวิตเตอร์และกลุ่มนางงามที่ตนสิงอยู่นาน ก็ไม่เห็นว่าผู้สมัครคนไหนที่กรรมการจะให้เดินโชว์เลย

                ที่สัมภาษณ์วันนี้เปรียบเสมือนการเรียกมาดูตัว เพราะว่ากองประกวดเล็งทั้ง 60 คนไว้คร่าวๆ ก่อนแล้ว แค่มาดูตัวจริงว่ามีใครไม่ตรงปกจะได้ปัดตุ้บ และใครที่โดดเด่นจะได้เข้ารอบ

                ธัญญ่ากลุ้มใจ เพราะนีรชาไม่ได้ฝึกเดินมาเลย 

                “พอนีน่าเดินเสร็จเขาว่าอะไรต่อ”

                “กรรมการบอกว่านีน่าต้องไปปรับอีกพอสมควรเลยค่ะ เดินยังไม่ดี แต่ก็ชมว่าน่ามอง ก็เลยไม่มั่นใจว่าจะเข้ารอบหรือเปล่า”

                ก็ยังดีที่กรรมการชม

                “เอาเถอะ ไม่เป็นไรจ้ะ รอลุ้นผลนะ” ธัญญ่าหวังว่ากรรมการจะตาถึง เห็นเหมือนที่เธอเห็น เจอครั้งแรกทำได้ไม่ดีไม่ใช่ว่าจะฝึกไม่ได้ ดูอย่างการสวมรองเท้าส้นสูงวันนี้สิ นีรชาเพิ่งลองสวมเมื่อวานเอง พอมาวันนี้เดินคล่องเชียวเหมือนกับคนที่สวมเป็นประจำ 

เด็กปั้นของเธอเรียนรู้ได้ไวและพร้อมที่จะพัฒนา ธัญญ่าเชื่อแบบนี้

“ระหว่างที่รอผลการประกวด นีน่าก็ฝึกเดินไปพลางๆ ก่อนแล้วกันนะ ดูนางงามที่เขาเดินแบบสับๆ ทำตามเขา เดี๋ยวว่างๆ พี่ช่วยปรับให้ด้วย”

“ได้ค่ะพี่ญ่า”

“วันนี้ไปพักผ่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ร้าน”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ญ่า เดี๋ยวนีน่ากลับเอง พี่ญ่ามีงานต่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปส่ง” ธัญญ่าบอกเองว่าเธอมีงานแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวงานเย็น นีรชาเลยไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียเวลาบนท้องถนนนานๆ แถมยังไปคนละทางอีกด้วย

นีรชามีรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นแต่จอดไว้ที่ร้านเพราะธัญญ่าไปรับ

“เอางั้นเหรอ” ชุดของนีรชาไม่ค่อยเหมาะกับการนั่งรถสาธารณะเท่าไหร่ หากขึ้นไปแล้วคงเป็นจุดสนใจ

“ค่ะ สบายมาก ไม่ต้องห่วง”

“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไปส่ง”

                

                ไหนๆ ก็กลับเองแล้วนีรชาจึงแวะโรงเรียนรับนทีกลับบ้านด้วย ไม่ให้ป้าเกสรออกมารับ คุณครูของเด็กชายเมื่อเห็นผู้ปกครองก็พานักเรียนออกมาส่งที่หน้าประตูรั้วโรงเรียน

                “วันนี้พี่นีน่าสวยจัง”

                เด็กชายนทีชมเปาะ เอียงคอมองพี่สาวครั้งแล้วครั้งเล่า นีรชาแต่งตัวต่างจากทุกวันเลยเป็นจุดสนใจ

                “ปกติพี่ไม่สวยหรือไงทีน่าฮึ...” 

                “สวยค้าบ แต่น้อยกว่าวันนี้” นทีอมยิ้ม เกิดรอยบุ๋มที่ข้างแก้มอย่างน่ารัก

                นีรชาเดินจูงมือน้องชายไปหาแท็กซี่ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนหน้านี้เธอมาโดยรถไฟฟ้า และต่อด้วยมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ขากลับมีน้องชายตัวน้อยกลับด้วยเลยจะพากลับบ้านแบบสบายๆ

                “วันนี้อยากกินอะไรก่อนกลับไหมเอ่ย พี่จะพาแวะ” นีรชาถามนทีหลังจากขึ้นรถมาได้สักพัก ช่วงนี้เธอมีเวลาให้น้องชายน้อยกว่าแต่ก่อน แต่ก็ไม่ได้ละเลย

                “ทีน่าอยากกินบิงซูครับ บิงซูแตงโม”

                “ได้เลยครับ ร้านเดิมนะ”

                ซอยข้างๆ ร้านดอกไม้ของหญิงสาวมีคาเฟ่เล็กๆ เธอมักจะพาน้องชายไปที่นั่นบ่อยๆ เพราะว่าอยู่ไม่ไกลร้าน และมีหลายเมนูให้เลือก

                “พี่นีน่าใจดีที่สุดเลยครับ” นทียืดตัวไปหอมแก้มพี่สาว

                นีรชายิ้มละมุน ได้กำลังใจเต็มเปี่ยม เธอทำทุกอย่างก็เพื่อน้องชายสายเลือดเดียวกันคนนี้

                ประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบ 60 คนสุดท้าย Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023

                นีรชานั่งอ่านโพสต์ล่าสุดของกองประกวดที่เธอเพิ่งไปคัดตัวมา ผ่านมาสามวันเท่านั้น ผลก็ออกมาแล้ว รวดเร็วมาก เร็วกว่ากำหนดเสียอีก 

                จะมีชื่อเราไหมน้า...

                หญิงสาวยังไม่กล้าเลื่อนดูรายชื่อ

                Tanya Queen : กรี๊ดดด เข้ารอบแล้วนีน่า

                คนที่ได้ทราบข่าวไวกว่าคนประกวดเองส่งข้อความเข้ามา ทำให้นีรชาไม่ต้องลุ้นอีกต่อไป และฝ่ายนั้นก็วิดีโอคอลมาทันที

                “ด่านแรกผ่านฉลุยยย” คนในสายใบหน้าเปื้อนยิ้ม 

นีรชาสัมผัสได้ว่าธัญญ่าโค้ชของเธอดีใจมาก 

“นีน่าเห็นชื่อตัวเองหรือยัง”

                “กำลังจะดูเลยค่ะ พี่ญ่าโทร. มาก่อนพอดี” เจ้าตัวเองก็ดีใจที่สามารถฝ่าด่านแรกของการประกวดไปได้ 

                “ทำดีมากนีน่า พี่ดีใจม้ากมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเริ่มเทรนกันเลยนะ” ธัญญ่าคันไม้คันมือ อยากปั้นเด็กเต็มที นี่เป็นโอกาสทองของเธอเลย “เตรียมตัวให้พร้อม รอบต่อไปคัดเหลือแค่สามสิบหกคน”

                คัดออกเกือบครึ่งเลย

                ถึงอย่างนั้นนีรชาก็จะสู้

                เธอชักเริ่มสนุกแล้วสิ เหมือนกับการเล่นเกมที่เราต้องฝ่าแต่ละด่านไปเรื่อยๆ

                “เดี๋ยวพี่ไปหาที่ร้าน ซ้อมเดินที่ร้านก่อน ใกล้วันจริงค่อยมาซ้อมใหญ่ที่ห้องกระจก”

                “โอเคค่ะพี่ญ่า”

                ร้านดอกไม้ของนีรชาพอมีพื้นที่เหลือ แถมด้านบนก็สามารถใช้เป็นที่ซ้อมได้สบายๆ และธัญญ่าเข้าใจว่าหญิงสาวไม่อยากทิ้งร้านไปไหน ก็เลยซ้อมที่ร้านมันนี่แหละ

                “จ้ะ เดี๋ยวพี่ไปปั่นกระแสก่อน นีน่าจะได้มีแฟนคลับ”

                “ขอบคุณพี่ญ่ามากๆ เลยค่ะ”

                การผ่านเข้ารอบครั้งนี้เป็นเพียงก้าวแรกของนีรชา หญิงสาวเชื่อว่าถ้าตั้งใจจริงๆ เธอจะสามารถทำออกมาได้ดี

                ‘คุณพ่อคะ เป็นกำลังใจให้นีน่าด้วยนะคะ’

                “ก้าว ก้าว ก้าว หมุน หยุดโพส”

                ธัญญ่าปรบมือให้จังหวะประสานกับเสียงดนตรี มองไปที่เด็กปั้นของตนเองซึ่งมีพัฒนาการดีขึ้นจากเดิม เข้าสู่วันที่สองของการซ้อมจริงจัง นีรชาตั้งใจเป็นอย่างมาก ไม่บ่น ไม่อิดออดแม้แต่น้อย

                รองเท้าส้นสูงอยู่กับหญิงสาวมากกว่าครึ่งวันได้ กัดจนไม่มีที่ว่างจะให้กัด ถึงกระนั้นนีรชายังใจสู้ ในแต่ละรอบที่ซ้อมเดิน เธอบอกกับตัวเองว่าจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

                “พักก่อนสิบนาที”

                “ค่ะพี่ญ่า”

                ตอนนี้ธัญญ่าและนีรชาอยู่ที่ชั้นสองของร้านดอกไม้ เริ่มซ้อมเดินตั้งแต่บ่ายโมง จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว

                “นีน่าต้องปรับอะไรอีกไหมคะ”

                “เดินได้ดีขึ้นมากเชียวละ แต่ต้องเพิ่มจริตเข้าไปอีกนะ มันทำให้เรามีเสน่ห์ ตรึงคนดูไว้ได้” ธัญญ่าวิเคราะห์ตามจริง เธอยอมรับว่านีรชาเป็นคนที่เรียนรู้ได้ไว และพร้อมที่จะพัฒนาตนเองเสมอ ตอนแรกก็แอบคิดว่าต้องอิดออดบ้าง ด้วยมีเวลาน้อย เลยต้องซ้อมหนักๆ ทว่าพอเอาเข้าจริงนีรชาไม่แม้แต่จะขอพัก ยกเว้นมีลูกน้องมาหาหรือโค้ชบอกให้พักได้

                ธัญญ่าฟันธงอีกครั้งว่าเด็กคนนี้ไปได้ไกล!

                ส่วนเรื่องจริตอาจต้องใช้เวลาหน่อย เข้าใจว่านีรชาเพิ่งจะลงประกวดเวทีแรก อาจจะยังไม่กล้าแสดงออกมา 

                “จริตนี่ต้องประมาณไหนคะ” ถามก่อนจะถอดรองเท้าออกเพื่อพักเท้า หลังจากใช้งานมาหลายชั่วโมง

                “เวลาที่หมุนก็อย่าลืมทิ้งสายตาก่อนหันตัวกลับ ตอนที่เดินออกมาอาจใส่ความเอิ๊กอ๊ากไปด้วย แต่ไม่ให้มากเกินไป เดี๋ยวเปิดคลิปคนที่มงปีที่แล้วให้ดู นีน่าจะได้นึกออก”

                นีรชารับไอแพดจากธัญญ่า ดูภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ เป็นคลิปการเดินรอบชุดว่ายน้ำของเชอร์ลีน พรพรรษา ซึ่งทำไว้ดีมาก โดยเฉพาะตอนที่ก้าวขาฉับๆ บิดสะโพกได้อย่างสวยงาม แต่ละจังหวะตรึงสายตาคนดูไม่ให้ละไปไหน โดยเฉพาะสายตาที่คนในจอมองออกไปนั้น มันดูมีพลัง และแฝงไปด้วยเสน่ห์

                ต้องทำยังไงถึงจะได้แบบนี้

                “เชอร์ลีนให้สัมภาษณ์ว่า ฝึกเกือบเดือนถึงจะทำได้ ทุกอย่างต้องใช้ความพยายาม” ธัญญ่าเดินไปจับไหล่เด็กปั้นของตน มองนีรชาอย่างให้กำลังใจ 

                “นีน่าต้องท่องไว้ว่าตัวเองทำได้ และต้องทำได้ดีกว่า”

                เรียกได้ว่าเป็นวันรวมตัวของนักข่าวหลายช่องอีกวันหนึ่งก็ว่าได้ 

                การคัดเลือกผู้เข้าประกวด Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 ให้เหลือสามสิบหกคนสุดท้าย ก่อนที่จะเก็บตัวเข้ากองประกวด สาวงามต่างพกความมั่นใจมาเต็มที่ พี่เลี้ยงนางงามก็ไม่ต่างกัน มองข่มกันว่าเด็กฉันปังกว่า

                ในรอบการคัดเลือกครั้งนี้ จะใช้กรรมการชุดเดียวกัน เพื่อความยุติธรรม ทดสอบการเดินและการตอบคำถามเพื่อแสดงทัศนคติ ไหวพริบปฏิภาณ ซึ่งจะมีการบันทึกวิดีโอไว้

                การปรากฏตัวของสาวงามท่านหนึ่งดึงความสนใจของนักข่าว วิ่งกรูกันไปหาทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้องรับรองพร้อมกับพี่เลี้ยง

เธอคือ แพรว แพรวพราว ดิเรกรัตน์

“วันนี้แพรวสวยมากเลยค่ะ ออร่ามาก” หนึ่งในนักข่าวชม

“ขอบคุณค่ะ ในการประกวดครั้งนี้แพรวค่อนข้างเตรียมตัวมามาก ไม่อยากทำให้แฟนนางงามผิดหวัง” โปรยยิ้มสวยๆ ให้ช่างภาพถ่าย 

“ใช่ๆ แฟนคลับเชียร์น้องแพรวเยอะมาก แบบนี้กดดันหรือเปล่า” นักข่าวชายจ่อไมค์สัมภาษณ์

“แพรวต้องขอบคุณแฟนคลับทุกคนนะคะที่เอ็นดูในตัวแพรว จะว่ากดดันก็ได้เพราะว่าตำแหน่งที่ผ่านมามันค้ำคอ แต่แพรวก็จะทำเต็มที่ค่ะ เพราะอยากได้มงนี้”

“หูววว ปังมาก ปีนี้คนที่เข้ารอบมาสวยๆ ทั้งนั้น แพรวคิดว่าจะสู้ได้หรือเปล่าคะ หรือแพรวมีอะไรที่คิดว่าตนเองพัฒนาจากการประกวดครั้งก่อน”

แพรวพราวโปรยยิ้ม ก่อนตอบนักข่าว “อย่างที่แพรวบอกไปว่าครั้งนี้แพรวเตรียมตัวมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ดีขึ้น และการซ้อมสปีชเกือบทุกวัน สองสิ่งนี้แหละค่ะที่แพรวคิดว่าจะพาแพรวไปถึงมง”

“น้องแพรวไม่แผ่วเลยนะคะ”

เจ้าตัวยิ้มรับก่อนจะโพสท่าสวยๆ ให้ช่างภาพ เชื่อเลยว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ ข่าวการปรากฏตัวของแพรวพราวต้องเต็มหน้าฟีด เพราะทีมแองเจิลดันเก่งอยู่แล้ว

หญิงวัยกลางคนก้าวเข้ามาในห้องสัมภาษณ์ด้วยมาดนางพญา ไม่มีคำไหนที่เหมาะสมเท่ากับคำนี้อีกแล้ว เพราะความสวยที่ไม่เคยสร่างบวกกับความรวยและทรงอำนาจทำให้ มุกดา สิริโชติจินดา ในวัยใกล้หกสิบปีเป็นที่เกรงขามของคนในองค์กร

                “สวัสดีค่ะคุณมุก ดีจังเลยค่ะที่วันนี้คุณมุกมาช่วยเป็นกรรมการด้วย” 

                ปลิตา ผู้จัดการกองประกวดกล่าวกับคนที่เข้ามาใหม่ ในห้องสัมภาษณ์นี้มีกรรมการราวๆ สิบคน เป็นรุ่นพี่นางงามที่ทำผลงานได้ดี และผู้เชี่ยวชาญด้านนางงาม ทุกคนต่างสวัสดีมุกดาเพราะรู้ว่าบุคคลนี้เป็นใคร

                ไม่ใช่แค่เป็นแม่ของท่านประธาน แต่เป็นผู้นำเวทีการประกวดเข้ามาด้วย

                “วันนี้ภคิณไม่อยู่ ฉันเลยมาทำหน้าที่แทน”

                “ดีเลยค่ะ เป็นเกียรติมากๆ ที่ได้คุณมุกมาช่วย เชิญนั่งก่อนค่ะ”

                ภคิณเองก็เป็นหนึ่งในกรรมการของกองประกวดแม้ว่าเขาจะมีอำนาจสูงสุดก็ตาม แต่ต้องมาช่วยเลือกคนที่เหมาะสมกับตำแหน่ง ทว่าก่อนที่จะถึงวันสัมภาษณ์เพื่อคัดให้เหลือสามสิบหกคน เขาต้องบินไปต่างประเทศเพื่อเซ็นสัญญากับคู่ค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Seeric Cosmetics เลยไม่ได้มาคัดเลือกสาวงามในวันนี้

                แม้ว่ามุกดาจะวางมือจากวงการไปนานแล้ว แต่ก็ยังติดตามกองประกวดตลอด ช่วงนี้นางว่างกอปรกับลูกชายไม่อยู่เลยถือวิสาสะเข้ามาเป็นกรรมการเสียเลย จะได้เห็นด้วยว่าทุกวันนี้สาวๆ เขาไปถึงไหนกันแล้ว โดยเฉพาะด้านความคิดที่นางสนใจ

                “เริ่มกันกี่โมงจ๊ะปลา”

                “เก้าโมงค่ะคุณมุก อีกสิบห้านาที เดี๋ยวสตาฟฟ์ก็เชิญผู้เข้าประกวดเข้ามาค่ะ ในวันนี้เราจะดูแค่การเดินสักรอบสองรอบ และทัศนคตินะคะ เพราะว่าเราจัดสัมภาษณ์แค่ห้องเดียว หากคุณมุกอยากถามอะไร สามารถถามได้เลยนะคะ”

                “โอเคจ้ะ ฉันให้เด็กๆ ถามก่อนแล้วกัน เจอคำถามที่อยากถามจริงๆ ฉันค่อยถาม รันตามงานที่ปลาวางไว้เลย”

                “ได้ค่ะคุณมุก”

                

                “คนเยอะจังเลยค่ะพี่ญ่า” นีรชาพูดกับพี่เลี้ยง วันนี้เธออยู่ในชุดสูทมาดสาวมั่น ผมทำลอนเพิ่มความหวาน แต่งหน้าโฉบเฉี่ยว สวมรองเท้าส้นสูงห้านิ้วเช่นเดิม

                “วันนี้กองอนุญาตให้พี่เลี้ยงเข้ามาด้วยได้คนเลยดูหนาตา อีกเดี๋ยวผู้เข้าประกวดก็ต้องไปเข้าห้องเก็บตัวแล้ว ด้านนอกจะมีแต่พี่เลี้ยง” นางงามบางคนมีผู้ติดตามมาตั้งสามคน ไม่แปลกเลยว่าห้องโถงขนาดใหญ่ทำไมดูแคบลง

                “จะถึงเวลาแล้วนีน่าไปก่อนนะคะพี่ญ่า” หญิงสาวกดดูเวลาที่หน้าจอมือถือ ประตูทางเข้าห้องเก็บตัวก็มีเหล่านางงามยืนต่อแถวรอเข้าไป 

                “สู้ๆ อย่าลืมที่พี่สอน”

                นีรชาทำสัญลักษณ์โอเค ก่อนจะเดินไปต่อแถวนางงามคนอื่นเพื่อรอเข้าห้อง 

                ความรู้สึกวันนี้ไม่ได้นึกกลัวคู่แข่งเหมือนครั้งแรก นีรชารู้สึกตื่นเต้นมากกว่า ลุ้นว่าตัวเองจะทำได้เหมือนที่ซ้อมมาไหม หรือวันนี้กรรมการจะถามอะไร

                สตาฟฟ์พาหญิงสาวเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ตำแหน่งที่จัดไว้ตามหมายเลข ซึ่งนีรชาได้หมายเลข 48

                สาวงามหมายเลขต้นๆ ถูกเชิญบ้างแล้ว แต่คิวของเธอยังอีกไกล

                คงเป็นหลังพักกินข้าวเที่ยง

                

                อุณหภูมิภายในห้องสัมภาษณ์เย็นเฉียบเพิ่มความหนาวเหน็บให้ผู้เข้าประกวดยิ่งไปอีก ถึงกระนั้นทุกคนก็พกความมั่นใจมาเต็มที่เพื่อดันตัวเองให้ผ่านเข้ารอบสามสิบหกคนไปให้ได้

                กรรมการทั้งสิบท่านยอมรับว่าปีนี้ตัดสินใจยากมาก สาวงามที่ผ่านเข้ามาล้วนแล้วแต่เตรียมตัวมาดีทั้งนั้น อย่างคนล่าสุดก็ผ่านการประกวดมาหลายเวที ได้รางวัลมานับไม่ถ้วน เรียกว่าแก่ประสบการณ์ แทบจะไม่มีที่ติเลย

                อีกคนก็เพิ่งจะอายุสิบเก้าปี แต่ความสามารถไม่ได้น้อยเหมือนอายุ เดินดี ความคิดดีอย่างน่าทึ่ง

                “คุณมุกมีคนชอบเป็นพิเศษหรือยังคะ” ปลิตากระซิบถามมุกดา ที่นั่งตำแหน่งตรงกลางแถวหน้าสุด 

                “เอาจริงๆ ฉันชอบเกือบทุกคนนะ แต่ชอบแบบพิเศษยังไม่มี” เพราะยังไม่มีคนที่ทำให้นางตะลึงตั้งแต่แรกเห็น “ขอดูต่อไปก่อน เผื่อเจอคนที่ถูกใจมากๆ”

                “น้องแพรวล่ะคะคุณมุก คนเมื่อกี้นี้”

                “ก็ชอบนะ แต่ยังไม่ว้าว อาจเป็นเพราะว่าฉันเคยเห็นเขาบ่อยๆ ละมั้ง” มุกดาตอบกลางๆ ไม่ได้ตำหนิสาวงาม

                ในความคิดของมุกดา แพรวพราวดูเด่นกว่าผู้เข้าประกวดทุกคนที่ผ่านมาด้วยซ้ำ แต่เธอคิดว่ายังสามารถทำได้ดีกว่านี้ เพราะการประกวดเวทีที่ผ่านมาของแพรวพราว มุกดาก็ได้ชม แพรวพราวยังไม่ต่างจากเดิมมาก มองอีกแง่คือ แพรวพราวทำมาตรฐานไว้สูงอยู่แล้ว 

                แต่มุกดาก็ยังไม่ได้ฟันธงทีเดียว เธอต้องดูยาวๆ เพราะเชื่อว่าแต่ละคนสามารถพัฒนาได้

                “ลำดับต่อไป หมายเลขที่ 48 ค่ะ นีน่า นีรชา อัปสรวงศ์”

                พิธีกรประกาศชื่อผู้เข้าประกวดคนต่อไปให้กรรมการได้ทราบ ก่อนที่ประตูห้องสัมภาษณ์จะเปิดออก ปรากฏร่างระหงยืนเด่นอยู่ด้านหน้า 

หญิงสาวที่ยืนหลังประตูก้มหน้าเล็กน้อยแล้วเชิดขึ้นเมื่อประตูเปิดออกกว้าง

                นีรชาก้าวขาด้วยจังหวะที่มั่นคงเดินเข้ามาหากรรมการที่นั่งอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงตำแหน่งที่เหมาะสมก็ฉีกยิ้มแล้วยกมือไหว้ตามที่ฝึกมา

                “สวัสดีค่ะนีน่า นีรชา อัปสรวงศ์ ค่ะ” หญิงสาวโปรยยิ้ม

                กรรมการมองมาที่นีรชาตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า เห็นพ้องต้องกันว่าสวย เห็นความสวยมาตั้งแต่ประตูเปิดออก ยิ่งพอเข้ามาใกล้ ความสวยของเธอยิ่งชัดขึ้น

                “ทั้งตัวหนูทำอะไรมาบ้าง” หนึ่งในกรรมการถามคำถามแรก “ขอโทษที่ถามตรงๆ นะครับ”

                “นีน่าไม่ได้ทำค่ะ” แทนด้วยชื่อเล่นของตัวเองตามที่พี่เลี้ยงบอกมา “นีน่าไม่เคยศัลยกรรมค่ะ”

                “เคยจัดฟันไหม”

                “ไม่เคยค่ะ” ตอบพร้อมกับรอยยิ้ม หากเธอทำมาจริงๆ ก็จะยอมรับตามตรง

                “ไหนหนูลองรวบผมให้ฉันดูหน้าชัดๆ หน่อยซิ” มุกดาบอกคนที่ยืนเด่นตรงหน้า

                นีรชาทำตามที่กรรมการบอกโดยไม่อิดออด เธอปัดผมไปด้านหลัง และใช้สองมือจับเส้นผมไว้ ก่อนที่จะใช้มือข้างเดียวจับ หันซ้ายหันขวาตามที่โดนสั่ง

                มุกดายิ้มพอใจ เพราะเจอคนที่สวยจับใจนางแล้ว แต่ไม่ได้บอกให้ใครรู้หรอก เดี๋ยวจะได้อภิสิทธิ์พิเศษ ทุกอย่างต้องมาด้วยความสามารถ

                “นีน่าลองเดินให้พวกเราดูสักรอบนะจ๊ะ เดี๋ยวเปิดเพลงให้” ปลิตาบอกกับนีรชา

                “ได้ค่ะ” นีรชากลับไปที่หน้าประตูอีกครั้ง เมื่อเสียงดนตรีบรรเลงขึ้น หญิงสาวก็นับจังหวะในใจ แล้วเดินสับออกมาด้วยความมั่นใจ

                เธอส่งสายตาให้กรรมการอย่างมีจริต ไม่มากไม่น้อยเกินไป ในจังหวะที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็หมุนตัวโชว์หนึ่งรอบ แล้วขยิบตาให้ก่อนโพสสวยๆ

                บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบราวๆ ห้าวินาทีหลังจากนีรชายืนโพสจบ

                ตรึงใจมาก...

                ไม่ได้เดินดี เดินสวยที่สุด แต่มันน่ามองและมีเสน่ห์มากๆ น้อยนักที่จะเจอแบบนี้

                “นีน่าคิดยังไงคะ กับคำว่าอยู่ก่อนแต่ง” ปลิตายิงคำถามขณะที่ทุกคนยังเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร ซึ่งคำถามนี้ได้มาจากการสุ่มสลากจากกระปุกที่วางอยู่ด้านหน้า

                “นีน่ามองว่า ไม่ว่าจะเป็นการแต่งก่อนอยู่หรืออยู่ก่อนแต่ง ไม่ผิดค่ะ ขึ้นกับความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย สำหรับการอยู่ก่อนแต่ง นีน่ามองว่ามันสามารถทำให้คู่รักได้มีเวลาเรียนรู้กัน และลองใช้ชีวิตปรับตัวเข้าหากันค่ะ หากลองแล้วไม่ใช่ก็สามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ไม่ใช่แค่การอยู่ก่อนแต่งนะคะ ทุกๆ เรื่องเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ค่ะ”

                “แล้วถ้าเป็นหนูอยากอยู่ก่อนแต่ง หรือแต่งก่อนอยู่ล่ะ” อยู่ๆ มุกดาก็อยากถามขึ้นมาบ้าง 

                “นีน่าอยากอยู่ก่อนแต่งค่ะ” เรียกเสียงหัวเราะของคณะกรรมการได้เป็นอย่างดี เพราะนีรชาตอบซื่อๆ ต่างจากลุคของเธอวันนี้ “แต่ก่อนที่จะอยู่ด้วยกัน เราต้องเรียนรู้กันมาแล้วนะคะ ไม่ใช่ว่าคบกันเป็นแฟนแล้วจะอยู่ด้วยกันเลยค่ะ”

                “ตอนนี้นีน่ามีแฟนหรือยัง” กรรมการด้านหลังสุดถาม

                “ไม่มีค่ะ” ตอบแล้วยิ้ม

                นีรชาตอบแล้ว แต่กรรมการยังคงยิ้มคล้ายกับไม่เชื่อ

                ก็ไม่มีจริงๆ ไม่มีมาตั้งหกปี!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น