บทที่ ๓

3

คนในอดีต

                ผ่านไปอีกด่าน!

                สำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ของนีรชา สัมภาษณ์ไปเมื่อวาน วันนี้ตอนค่ำๆ ก็ประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบสามสิบหกคนสุดท้าย หลังออกจากห้องสัมภาษณ์หญิงสาวยังงงๆ อยู่เลยว่าจบแค่นี้เหรอ เพราะตัวเองเตรียมตัวและเตรียมใจมาอย่างกดดัน แต่พอเอาเข้าจริงกลับชิลเกินกว่าที่คิด 

กรรมการทุกท่านน่ารักมาก

วันนี้ธัญญ่าติดงานพรีเวดดิง ไม่อย่างนั้นคงรีบมาหาเธอที่ร้านดอกไม้แล้ว 

“พี่นีน่าครับ” หลังกลับมาจากโรงเรียนนทีก็ขลุกอยู่กับเธอ ช่วงนี้หากว่างต้องให้เวลากับน้องชายมากๆ เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่เธอไม่ได้อยู่กับน้อง “ทีน่าอยากกินหมี่เขียวครับ”

นทีเดินเข้ามาออเซาะพี่สาว ‘หมี่เขียว’ ที่เด็กชายหมายถึงคือ ‘บะหมี่หยก’

นีรชายิ้มเอ็นดู ลูบกระหม่อมบางของนที มองเด็กชายด้วยรักสุดใจ “ได้สิครับ วันนี้เราจะไปกินหมี่เขียวกันนะครับ”

นานๆ จะอ้อนพี่สาว มีหรือที่จะไม่ตามใจ ถือว่าเป็นการฉลองเข้ารอบของเธอด้วยเลยแล้วกัน 

                บนห้องทำงานชั้นบนสุดของตึกใจกลางเมือง ท่านประธานของบริษัทกำลังไล่อ่านเอกสารในแฟ้มที่เลขานุการนำมาวางไว้ให้ตั้งแต่ช่วงเช้าของวัน ภคิณเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อคืนนี้ 

หลายวันที่เขาไม่ได้อยู่บริษัทย่อมมีงานรอเขากลับมาเป็นธรรมดา

                ชายหนุ่มไล่อ่านข้อมูลส่วนตัวของผู้ผ่านเข้ารอบการประกวด Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 การคัดตัวสองรอบที่ผ่านมา เขาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองประกวด ไม่ได้เข้ามายุ่งเพราะมีภาระงานของตัวเองที่รุมเร้า แต่ก็ยังคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ห่างๆ 

                อย่างวันนี้ก็ขอแฟ้มประวัติของผู้เข้ารอบสามสิบหกคนมาศึกษา

                อ่านมาแล้วเกินครึ่งเล่ม มีหลายคนที่ภคิณเคยเห็นผ่านตามาบ้าง บางคนก็เป็นน้องใหม่ นับว่าโพรไฟล์น่าสนใจทั้งนั้น ยอมรับว่าทีมกองประกวดทำงานกันได้ดีมาก แม้ไม่ได้มีเขาอยู่ด้วยก็ตาม

                นางสาวนีรชา อัปสรวงศ์ ชื่อเล่น นีน่า อาชีพ เจ้าของร้านดอกไม้ Neena’s flowers

                พออ่านชื่อผู้เข้ารอบคนต่อไปลมหายใจของภคิณถึงกับสะดุด ต้องเบิกตาไล่อ่านชื่ออีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองภาพที่ติดอยู่บนมุมขวาของเอกสารเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ตาฝาด

                เป็นเธอจริงๆ

                ทำไมถึงมาประกวด?

                ชายหนุ่มไล่อ่านประวัติของนีรชาอย่างตั้งใจถึงสองรอบ ก่อนจะหวนนึกไปถึงอดีตเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ทั้งสองคนเคยเป็นคนสำคัญของกันและกัน

                ภคิณในวัยยี่สิบห้าปีกำลังเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ เพื่อที่จะนำไปพัฒนาบริษัทตนเอง แต่ชายหนุ่มยังรักการเที่ยวเหมือนกับสมัยวัยรุ่น เพื่อนชวนไม่เคยปฏิเสธ ถึงไหนถึงกัน คืนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคืนที่เขามาตามคำชวนของเพื่อนในกลุ่ม

                ภคิณมาถึงร้านเหล้าในเวลาห้าทุ่ม เพื่อนของเขามาเกือบครบแล้ว เป็นกลุ่มเพื่อนสมัยเรียนปริญญาตรีที่ยังคบกันอยู่ ชายหนุ่มมองบรรยากาศรอบๆ วันนี้พวกเขาเปลี่ยนร้าน เป็นร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ไม่ถึงสองเดือน คงอยากชวนมาทดลอง หากดีก็มาเรื่อยๆ

                พอภคิณทิ้งตัวลงนั่ง หญิงสาวพนักงานของร้านที่อยู่ในกระโปรงพลีตสั้นแค่คืบอวดเรียวขาสวย สวมเสื้อครอปรัดติ้วก็มาทำหน้าที่ เธอถามเขาว่าดื่มอะไร แล้วก็จัดให้ตามคำขอ

                เธอวางแก้วลงที่ด้านหน้าแล้วเอี้ยวตัวจะกลับ แต่เพื่อนในกลุ่มนึกสนุกยื่นขาออกไปขัดทำให้สาวเจ้าสะดุดแล้วล้มลงไปนั่งบนตักเขาพอดิบพอดี

                มือของเธอดันแผ่นอกแน่นไว้ ใบหน้าห่างกันแค่คืบ ทำให้ภคิณมองเห็นดวงตากลมโตที่ไหวระริก เธอพยายามซ่อนความกลัวไว้ข้างใน แต่ไม่อาจรอดพ้นสายตาของชายหนุ่มไปได้

                นีรชาหน้าเห่อร้อน ไม่ได้แนบชิดกับผู้ชายคนไหนขนาดนี้ เธอพยายามจะลุก แต่มือของคนที่เธอนั่งทับไม่ยอมปล่อยจากเอวคอด 

                “ดิฉันขอตัวค่ะ”

                “ชื่ออะไร” ภคิณถามราวกับไม่ได้ยินคำขอจากเธอ

                “...” คนบนตักกัดปาก หลบตาไม่กล้ามองตอบ แต่คนที่ฉวยโอกาสกลับจ้องดวงหน้างามนั้นไม่ยอมละสายตา

                จากที่นิ่งๆ ตอนเห็นหน้าเธอทีแรกบอกตัวเองว่าจะไม่ยุ่ง ทว่าก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้ว

                เพื่อนตัวดีมันรู้ว่าคนนี้แหละสเปกก็เลยทำให้เธอมาอยู่บนตักเขา โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องพูดอะไร

                “น้องครับ เพื่อนพี่ถามว่าน้องชื่ออะไรครับ” คนในวงขยี้ไปอีก

                “บอกแล้วจะปล่อย” ภคิณกระซิบที่ข้างใบหู 

                นีรชาเงยหน้ามองคนพูด ด้วยไม่อยากอยู่ในความอึดอัดนี้นานก็เลยยอมตอบ “นีน่าค่ะ”

                พอพูดจบมือของชายหนุ่มก็ตกลงที่ข้างตัว ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ หญิงสาวจึงใช้จังหวะนั้นลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว 

                ภคิณมองตามร่างอรชรจนลับสายตา กลิ่นหอมอ่อนๆ ยังติดอยู่ เสียดายที่เธอไม่เล่นด้วย เขาเองก็ไม่ชอบรังแกผู้หญิงอยู่แล้วเลยปล่อยไปง่ายๆ แม้ว่าจะถูกใจก็ตาม

                

นีรชากลับเข้ามาในห้องแต่งตัว เธอถูกรุ่นพี่ขอร้องให้มาช่วยงานในช่วงที่เปิดร้านใหม่ เพราะยังไม่ลงตัว ด้วยความเกรงใจหญิงสาวเลยตอบตกลง แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบงานที่เสี่ยงต่อการโดนลวนลามก็ตาม 

                นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วยังนึกหวั่นกลัวไม่หาย แม้ว่าผู้ชายคนที่เธอนั่งตักเขาจะไม่ได้ทำอะไรเกินนั้น ทว่านีรชากลับรู้สึกถึงความร้ายกาจของอีกฝ่ายที่แผ่ออกมาจากสายตา

                “นีน่าเป็นอะไรหรือเปล่า” ภรินดา สาวรุ่นพี่ที่ชวนนีรชามาทำงาน เดินเข้ามาเห็นสีหน้าของน้องรักไม่สู้ดีเลยถามขึ้นอย่างห่วงๆ “หรือว่าเจอลูกค้าลวนลาม”

                “เอ่อ... ไม่ใช่ค่ะพี่ริน” นีรชาเลือกที่จะปล่อยมันไปเพราะไม่อยากให้รุ่นพี่ปวดหัวกับเรื่องของเธอ อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น แถมยังปล่อยเธอออกมาง่ายๆ 

“ดีแล้ว วันนี้คนเยอะ เหนื่อยหน่อยนะนีน่า” ภรินดาตบไหล่นีรชาเบาๆ 

“ค่ะพี่ริน งั้นนีน่าขอตัวก่อนนะคะ” 

ภรินดามองตามนีรชาจนลับสายตา น้องสาวคนนี้เป็นหนึ่งในสายรหัสของเธอ นีรชาเป็นคนน่ารัก อัธยาศัยดี หากเธอเป็นผู้ชายคงจีบไปแล้ว

                

                วันศุกร์ตอนบ่ายนีรชาไม่มีเรียน เธอจึงมารับจ๊อบจัดดอกไม้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีความสามารถเป็นทุนเดิม บวกกับสาขาที่หญิงสาวเรียนคือ คหกรรมศาสตร์ เลยมีรุ่นพี่ป้อนงานด้านนี้มาให้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นจับผ้า จัดดอกไม้ งานใบตอง แม้กระทั่งทำอาหาร หากว่างนีรชาก็ไม่ปฏิเสธ เนื่องจากได้เงินดี แต่ต้องแลกกับเวลาส่วนตัว และบางครั้งก็ต้องทำงานดึกจนเช้า ซึ่งผลตอบแทนก็คุ้มค่า

                ครั้งนี้ก็เป็นอีกวันที่นีรชาต้องกลับหอพักตอนตีสอง

                เธอโทร. เรียกแท็กซี่เหมือนที่เคยทำปกติ รอไม่นานรถคันสีเหลืองก็มาจอดที่หน้าโรงแรม หญิงสาวดูป้ายทะเบียนรถก่อนจะขึ้นไปนั่ง เพราะว่าเป็นคันที่เธอโทร. เรียก 

                นีรชาบอกพิกัดหอพักซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยที่กำลังเรียนอยู่ รถมุ่งหน้าออกสู่ท้องถนนใหญ่ ตอนนี้ดึกมากแล้ว รถบนท้องถนนเลยโล่งกว่าช่วงหัวค่ำ หญิงสาวมองออกนอกกระจกไปตามทาง เอะใจเมื่อรถเลี้ยวเข้าไปในซอยที่เธอไม่คุ้นเคยแทนที่จะตรงไป

                “พี่คะ ไม่ได้ไปทางนี้นี่คะ” 

                “ทางลัดน่ะน้อง ถึงเร็วกว่า ไม่ต้องกลัวหรอก” 

                หญิงสาวเริ่มใจไม่ดี เพราะทางเริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ เธอควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าจะกดโทร. หามารดา ทว่าคนขับรถรีบจอดรถและเอื้อมมือมาปัดโทรศัพท์มือถือของเธอทิ้ง 

                “มึงจะโทร. หาใครมาช่วย” ไอ้คนร้ายตวาดนีรชาเสียงดัง 

                หญิงสาวตกใจ ไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน เอื้อมมือสั่นๆ ไปเปิดประตูรถแล้วรีบวิ่งลงไป คนร้ายก็ไม่รอให้หญิงสาวหนี มันรีบวิ่งตามด้วยความเร็วไว ไม่กี่ก้าวก็สามารถรั้งร่างแบบบางของนักศึกษาสาวไว้ได้

                “จะหนีไปไหน!” คนร้ายลากนีรชากลับมาที่รถ 

                “ปล่อยฉันไปเถอะ แกอยากได้อะไรเอาไปหมดเลย” หญิงสาวพยายามเกลี้ยกล่อม 

                “เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่กูอยากได้มึงด้วย สาวๆ แบบนี้กูชอบ” มันบอกเสียงเหี้ยม สายตาอ่านกินอย่างน่าขยะแขยง 

                นีรชาใช้จังหวะที่มันเผลอถีบเป้ามันสุดแรงและวิ่งหนีออกมา คนร้ายยืนกุมจุดที่โดนถีบพร้อมกับเบ้หน้า ก่อนจะเดินกะเผลกๆ ตามไป 

                คนที่หนีมาได้วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ขอแค่รอดพ้นจากไอ้ชั่ว เธอหันไปมองด้านหลังเห็นว่ามันกำลังตามมาใกล้เรื่อยๆ หญิงสาวจึงก้าวเท้าไวๆ โดยไม่ทันมองด้านหน้าว่ามีรถคันหนึ่งวิ่งสวนมา 

                แสงไฟจ้าทำให้หญิงสาวตกใจ เบิกตากว้างเมื่อคิดว่าตนเองคงจะถูกชนเข้าจังๆ

                แต่รถคันนั้นก็หยุดนิ่งห่างจากจุดที่ยืนไม่กี่เซนติเมตร 

                เมื่อได้สตินีรชารีบวิ่งไปเคาะกระจกอีกฝั่งของคนขับ คนในรถลดกระจกลง

                ทั้งคู่ต่างตกใจ...

                ผู้ชายคนนั้นที่เจออยู่ร้านรุ่นพี่

                หญิงสาวที่ทำงานร้านเหล้า

                ไวกว่าความคิด นีรชารีบเอ่ยปากขอร้อง เพราะว่าคนร้ายเริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ 

                “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย”

                ภคิณมองใบหน้าที่คล้ายจะร้องไห้ของนีรชา แล้วมองไปที่ด้านหน้า มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้ เขาก็พอเดาออกว่าหญิงสาวเจออะไรมา 

                “ขึ้นมา” ภคิณปลดล็อกประตู 

นีรชาเปิดประตูรถแล้วกระโดดขึ้นมานั่งบนเบาะข้างคนขับ

                ถ้าเทียบกันแล้ว คนขับแท็กซี่น่ากลัวกว่าเยอะ

                ภคิณขับรถออกมาถนนใหญ่ ทั้งคู่ยังไม่ได้คุยอะไรกันต่อ ภายในรถเงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ 

                “จะไปที่ไหน” ในที่สุดเจ้าของรถก็ถามขึ้นก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นถ้าอีกฝ่ายไม่เล่า เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องถาม

                “หอ xxx มหาวิทยาลัย xxx ค่ะ” นีรชาบอกพิกัดหอพักไป อย่างน้อยก็วางใจว่าเขาไม่ได้มีท่าทีคุกคามเหมือนวันนั้น 

                ภคิณขับรถไปยังจุดหมายโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีกกระทั่งถึงหอพักของนีรชา 

                “ขอบคุณค่ะ” พนมมือไหว้ก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเตรียมตัวจะลงจากรถ

                “เป็นผู้หญิง อย่ากลับดึกๆ ดื่นๆ มันอันตราย บางทีอาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนวันนี้”

                นีรชามองรถเคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา เธอยังทำหน้าจ๋อยที่โดนดุ แต่ก็เข้าใจว่าเขาคงหวังดี 

อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ได้หนีเสือปะจระเข้แล้วกันน่า

ภคิณขับรถกลับคอนโดหลังจากหมดเรื่อง ก่อนหน้านี้เขาแยกกันกับเพื่อนที่ร้านเหล้าเพื่อจะกลับไปพักผ่อน ด้วยรู้ตัวเองดีว่าวันนี้ดื่มไปพอสมควร แม้ว่าจะคอแข็งก็ตาม เขาก็ไม่อยากประมาท เลยเลือกใช้เส้นทางที่คุณตำรวจไม่น่าจะตั้งด่าน และหากเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง ก็จะเกิดกับเขาแค่คนเดียว คนอื่นไม่ต้องรับผลจากการกระทำของเขา

พูดง่ายๆ ก็คือ ตายคนเดียว ไม่ต้องเป็นภาระคนบนท้องถนน  

แต่ระหว่างทางที่แสนเปลี่ยว ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งหนีอะไรบางอย่าง วิ่งไม่ดูทางจนเขาเกือบเหยียบเบรกไม่ทัน 

พอเห็นว่าเป็นใครภคิณก็อึ้ง ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้

เป็นผู้หญิงที่เขาเจอเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ร้านเหล้าเปิดใหม่

ถ้าจำไม่ผิดเธอชื่อ ‘นีน่า’

จากรูปการณ์ก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น การที่ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งหัวซุกหัวซุนในถนนเปลี่ยวๆ ไร้รถแบบนี้ ก็คงไม่พ้นการถูกพามากระทำมิดีมิร้าย 

ในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งเขาเลยตัดสินใจช่วย และพาไปส่งที่หอพัก ซึ่งเป็นหอพักใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่ แสดงว่าเธอก็คงเรียนที่นี่เหมือนกัน

หากถามว่ายังสนใจเหมือนคืนนั้นหรือเปล่า ภคิณตอบตัวเองได้ทันทีว่าสนใจ เพราะว่าสาวเจ้าตรงสเปกเขา แต่ด้วยอีโก้ทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่พูดอะไร

เรียนที่เดียวกัน... คงต้องมีสักวันแหละน่าที่จะได้เจอ!

                

                ทางมหาวิทยาลัยจัดงานลอยกระทงประจำปี 

                ภาควิชาคหกรรมเลยได้มาช่วยทำกระทงยักษ์ที่จะใช้โชว์ในวันจริง เป็นกระทงที่ทำจากใบตอง เส้นผ่านศูนย์กลางสองเมตรน่าจะได้ 

                นีรชาก็เป็นหนึ่งในนั้น

                หญิงสาวทำหน้าที่พับใบตองเพื่อนำมาเย็บเป็นกลีบกระทงกับเพื่อนๆ ปีเดียวกัน นั่งทำตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงสามโมงเย็น จึงเสร็จเรียบร้อย 

                นีรชากลับมาที่หอพัก และจะออกไปร่วมงานลอยกระทงอีกครั้งตอนสองทุ่ม เธอนัดกับเพื่อนอีกสองคนไว้ 

                หญิงสาวสวมเสื้อแขนกุดสีโอลด์โรสกับกางเกงยีนขายาว รวบผมเป็นหางม้า นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่งาน 

                จุดที่นีรชานัดกับเพื่อนอีกสองคนไว้คือจุดขายกระทง ซึ่งจำหน่ายกระทงใบละยี่สิบบาท รายได้ทั้งหมดจะนำเข้ามหาวิทยาลัย 

                “มานานหรือยังนีน่า” อ้อมและน้ำเดินมาพร้อมกัน  

                “เพิ่งถึง เรามาซื้อกระทงกันเถอะ คนเริ่มเยอะแล้ว” 

                “งั้นเอาคนละอันไปเลยนะ” อ้อมเสนอ 

                ทั้งสามคนเลือกกระทงใบเล็กที่ชื่นชอบคนละใบและจ่ายเงิน จากนั้นจึงเดินไปต่อแถวที่ทางลงแม่น้ำ ซึ่งจะเป็นบันไดให้ลงไปปล่อยกระทง

                คนจะลงก็เยอะ คนจะขึ้นหลังจากที่ปล่อยกระทงแล้วก็เยอะ ทำให้บริเวณบันไดค่อนข้างแออัด อ้อมและน้ำเดินลงไปก่อน นีรชาเดินตามไป แต่โดนเบียดจนเซเกือบล้ม ถ้าไม่ได้คนข้างหลังรับไว้

                เมื่อทรงตัวได้หญิงสาวจะขอบคุณ

                “คุณ...” เป็นเขาอีกแล้ว คนที่เคยช่วยเธอไว้

                ภคิณเองก็ตกใจที่เป็นนีรชา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงสีหน้าตกใจออกไป

                ภคิณก้มลงเก็บกระทงของตัวเองจากพื้น ตอนนี้สภาพมันแทบไม่ใช่กระทงแล้วเพราะว่าถูกเหยียบ เขาเผลอปล่อยมันหลุดมือเพื่อรับร่างคนที่จะล้มไว้

                นีรชามองซากดอกไม้ใบตองในมือชายหนุ่ม แล้วตัดสินใจยื่นกระทงของตัวเองให้เขา 

                “คุณเอาของฉันไปลอยก็ได้นะคะ” บอกอย่างรู้สึกผิด ถ้าเขาไม่ช่วยเธอ กระทงใบนั้นคงมีสภาพดีกว่านี้

                “ลอยด้วยกันสิ” 

                นีรชานิ่งคิด ส่วนภคิณยังรอคอยคำตอบจากคนตรงหน้า ก่อนที่เธอจะพยักหน้าตกลง ทำให้มุมปากของเขายกยิ้ม

                จีบสาวในงานลอยกระทงครั้งแรก...

                นีรชาเดินนำลงไปก่อน โดยมีชายหนุ่มเดินตามหลังติดๆ จนถึงบันไดขั้นล่างสุด ทั้งคู่จึงย่อตัวนั่งลง ต่อเทียนบนกระทงกับเทียนเล่มใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ 

                นีรชาสบตากับอีกคนเพื่อให้สัญญาณว่าเธอจะปล่อยกระทงลงน้ำแล้ว ภคิณเองก็ขยับเข้ามาใกล้ จับกระทงอีกฝั่งแล้วนำลงน้ำไปพร้อมๆ กัน เมื่อเห็นว่ากระทงใบน้อยลอยน้ำไปได้จึงลุกขึ้นยืน

                “ฉันขอไปหาเพื่อนก่อนนะคะ” 

                นีรชาเอ่ยลาแล้วเดินขึ้นบันไดโดยไม่รออีกคน ยอมรับว่าประหม่าที่ได้อยู่ใกล้เขา และเธอมองเห็นเพื่อนทั้งสองยืนรออยู่ที่ทางลงบันไดจึงรีบเดินขึ้นไปหา

                ยังไม่รู้จักกันดี แม้ว่าจะเจอกันครั้งที่สาม และเขาช่วยเธอไว้สองครั้งแล้วก็ตาม

                ภคิณมองตามร่างเล็กจนลับสายตา ที่จริงวันนี้เขาไม่อยากมาด้วยซ้ำ หากว่าเพื่อนรักไม่รบเร้า 

                คีรีนัดกับแฟนมาลอยกระทง เลยลากเขามาด้วย แต่ทั้งคีรีและแฟนซื้อกระทงชนกัน ก็เลยยกอันหนึ่งให้เขาเพื่อที่ทั้งคู่จะได้ลอยกระทงใบเดียวกัน 

                จะทิ้งก็เสียดาย ภคิณก็เลยถือมันมาลอยให้จบๆ แต่ยังไม่ทันไรมันก็เละ เพราะเขาทำหลุดมือ

                แต่มันก็คุ้มค่า เพราะทำให้เขาได้ลอยกระทงใบเดียวกับใครบางคน

                เป็นอีกครั้งที่ภคิณถูกคีรีทิ้งไว้คนเดียว เพราะว่าอีกฝ่ายไปสวีตกับแฟนสาวบนชิงช้าสวรรค์ เขาเลยยืนรอที่ด้านล่าง เหมือนโชคจะเข้าข้างเพราะเขาดันตาดีไปเห็นใครบางคนเข้า

                “บัตรใบละ 40 บาทครับ ขึ้นได้หลังละ 2 คน” พนักงานยืนบอกกับสาวๆ ที่ต่อคิวขึ้นชิงช้าสวรรค์

                “เอาไงดี”

                “งั้นอ้อมกับน้ำขึ้นด้วยกัน เดี๋ยวเราขึ้นคนเดียว” นีรชาเสนอ

                “ขึ้นไหมครับ” พนักงานใจร้อน เพราะว่าชิงช้าหยุดรอนานแล้ว จะได้หมุนต่อ

                “ขึ้นค่ะๆ” คนที่อยากจะชมบรรยากาศมุมสูงบอก

                “เชิญครับ” เปิดประตูชิงช้าหลังต่ำสุดและให้สองคนแรกเข้าไปนั่ง ก่อนจะปิดประตูให้แน่นหนาเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย จากนั้นชิงช้าก็หมุนเพื่อให้หลังที่ว่างมาอยู่ในตำแหน่งต่ำที่สุดเพื่อรับผู้โดยสาร

                “เชิญครับ”

                นีรชาเข้าไปนั่งคนเดียว แต่ในจังหวะที่พนักงานกำลังจะปิดประตูก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้น

                “เดี๋ยวครับ ผมขอไปด้วย” ภคิณยัดธนบัตรห้าร้อยบาทใส่มือของพนักงานและมุดเข้าไปในชิงช้าตัวเดียวกันกับนีรชา

                “คุณ...” 

เจอกันครั้งที่สี่แล้ว...

พนักงานปิดประตู ชิงช้าสวรรค์ก็เคลื่อนตัวขึ้น ตอนนี้ชิงช้าของนีรชาและภคิณไม่ได้อยู่จุดที่ต่ำสุด

“คิณ เรียกผมว่าคิณ” ชายหนุ่มบอกชื่อตัวเองในที่สุด 

“คุณมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ” หญิงสาวตัดสินใจถามออกไปตรงๆ การที่คนไม่ได้รู้จักกันเข้ามาอยู่ในชิงช้าตัวเดียวกันเธอมองว่าเขาจงใจ ไม่ได้บังเอิญเหมือนครั้งก่อนๆ

“คุณเรียนที่นี่เหรอ” เป็นสิ่งที่ภคิณรู้มานานแล้ว แต่ก็ถามไปเพราะอยากคุย

“ค่ะ”

“เรียนอะไร ปีไหนแล้ว”

“คหกรรม ปี 1 ค่ะ คุณล่ะคะ” เรื่องอะไรจะให้เขามารู้จักเธอแค่ฝ่ายเดียว

“โทบริหาร”

นีรชานึกว่าเขายังเรียนปริญญาตรีอยู่

ชิงช้าสวรรค์เคลื่อนตัวจนหลังที่นีรชาและภคิณนั่งขึ้นมาอยู่ตำแหน่งสูงสุด มองเห็นบรรยากาศรอบงาน แถมลมยังเย็นอีกด้วย

“ยังทำงานที่ร้าน xxx อยู่ไหม”

“ไม่ค่ะ วันนั้นฉันแค่ไปช่วยรุ่นพี่ เขายังหาคนไม่ได้” และเธอยังจำได้ดีว่าคนตรงหน้าตอนนี้คุกคามเธอขนาดไหน “และคงไม่ไปทำอีก”

“เพราะผม?” ชายหนุ่มจ้องตารอคอยคำตอบ

“ไม่ใช่เพราะคุณคนเดียวหรอกค่ะ” แสดงว่าชายหนุ่มก็มีส่วน “ฉันคิดว่ามันเสี่ยง”

ภคิณเข้าใจและเห็นภาพความเสี่ยงที่นีรชาพูดถึงอย่างดี เพราะเขาเองก็อยู่ในสถานที่แบบนี้มาหลายปี

“แล้วยังกลับค่ำๆ ตีสองตีสามอยู่หรือเปล่า” ภคิณพูดถึงครั้งที่สองที่ได้เจอกัน

“ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่แล้วค่ะ” นีรชาเริ่มรู้สึกว่าเขาจะถามมากเกินไป “คุณหยุดถามได้แล้วค่ะ”

“ขอคำถามสุดท้าย” หญิงสาวไม่ได้ว่าอะไร ภคิณเลยเอ่ยต่อ “มีแฟนหรือยัง”

                นีรชาเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ชัดแล้วละว่าเขามาเพื่อจีบ เธอโดนจีบบ่อย เพราะจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครที่ทำให้หัวใจเต้นแรงได้แบบเขาเลย

                “...” นีรชาส่ายหน้าแทนคำตอบ 

“จีบนะ”

“ไม่...” เธอจะห้าม

“เป็นประโยคบอกเล่า ไม่ใช่ประโยคคำถาม”

                

                ธัญญ่านัดนีรชาที่ร้านเวดดิงของตนเอง วันนี้จะต้องเทรนนางงามในสังกัดเรื่องความสวยความงาม แม้ในกองประกวดจะสอนเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่หากฝีมือดีอยู่แล้วย่อมส่งผลดีกว่า 

                ฝีมือการแต่งหน้าของนีรชายังอยู่ในระดับพื้นฐาน โชคดีที่เครื่องหน้าเธอครบ ทำให้แต่งอย่างไรก็สวย ถ้าเพิ่มเทคนิคให้จะยิ่งแต่งสวยกว่าเดิม 

                “เดี๋ยวเจ๊กันคิ้วให้ก่อนนะ จะได้เขียนง่ายๆ ขนคิ้วดกดี ไม่ต้องเสียดายหรอก แป๊บเดียวก็ขึ้นใหม่” เจ๊มาร์กี้พูดกับเด็กปั้นของเพื่อน “เขาบอกว่าคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า เขียนแล้วต้องเป๊ะต้องคม มีวิธีเขียนหลายแบบเลย เดี๋ยวเจ๊จะสอนให้ครบ แล้วให้นีน่าเลือกแบบที่ตัวเองถนัดที่สุด”

                “ได้ค่ะเจ๊มาร์กี้”

                “เอ้อ เกือบลืมไปเลย เข้ากองต้องใส่ชุดว่ายน้ำทูพีซ นีน่าเอ่อ... จัดการกับ...” เจ๊มาร์กี้เลื่อนสายตามาหยุดที่จุดยุทธศาสตร์ของผู้หญิง “หมออ้อยหรือยัง”

                นีรชาหน้าแดง พลางส่ายหน้าอายๆ เธอแค่เล็มออกไม่ให้มันยาว กำจัดถาวรยังไม่เคย

                “ธัญญ่าต้องพาน้องไปจัดการให้เรียบร้อยนะ เวลาเดินชุดว่ายน้ำจะได้มั่นใจว่าไม่มีขนโผล่ออกมา”

                “ญ่าก็ลืมเจ๊ เดี๋ยวไปวันนี้แหละ เลเซอร์ออกเลย”

                โอ้แม่เจ้า เกิดมานีรชาไม่เคยถ่างขาให้ใครดูเลย จะเป็นครั้งแรกเหรอเนี่ย หญิงสาวทำใจ และปลอบใจตัวเองว่าคนอื่นเขาก็ทำกัน อีกอย่าง หมอเขาคงไม่จำหรอกว่าใครมาทำบ้าง 

                นี่แค่เริ่มต้น ต่อไปเธอต้องไปโชว์เรือนร่างต่อสายตาคนทั้งประเทศ!

                เข้ากองวันแรก

                ผู้ผ่านเข้ารอบทั้งสามสิบหกคนเดินทางมาถึงโรงแรมที่กองประกวดนัดไว้ และเรียกว่าเป็นวันแรกของการเปิดตัวผู้เข้ารอบทุกคนต่อหน้าสื่อมวลชนสำนักต่างๆ ซึ่งให้ความสนใจอย่างล้นหลาม 

                นีรชามาพร้อมกับธัญญ่า เข้าไปในห้องแต่งตัวที่ทางกองประกวดจัดไว้ เพราะต้องเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดที่มีโลโก้ของกอง ซึ่งผู้เข้าประกวดทุกคนต้องสวมเหมือนกัน จากนั้นก็เติมหน้านิดหน่อยแล้วออกมานั่งรอในห้อง ส่วนพี่เลี้ยงนางงามก็นั่งแยกอีกโซนหนึ่งที่จัดไว้

                “สวัสดีผู้เข้าประกวด Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 ทุกๆ คนนะคะ พี่ปลาค่ะ เป็นผู้จัดการกองประกวดในปีนี้” ผู้จัดการสาวยืนอยู่ด้านหน้า ถือไมโครโฟนแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง วันนี้เธออยู่ในชุดกางเกงเอวสูงและสวมสูททับเสื้อยืดดูเป็นสาวมั่น “ดีใจที่ได้เจอน้องๆ ทุกคน ระหว่างที่รอบอสมาถึง พี่จะให้น้องๆ แนะนำตัวให้เพื่อนๆ รู้จัก เพราะว่าต่อจากนี้ไปเราต้องอยู่ด้วยกันทุกวันเลยจนถึงรอบไฟนัล เริ่มจากทางซ้ายมือของพี่ปลาแล้วกันค่ะ”

                สตาฟฟ์ถือไมโครโฟนไปให้คนที่นั่งริมสุดของแถวแรก สาวงามเริ่มแนะนำตัว ช่างภาพเก็บภาพไปด้วย

                กระทั่งถึงนีรชา หญิงสาวนั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรก เธอรับไมโครโฟนจากเพื่อนนางงามที่ส่งมาและยืนขึ้น 

                “สวัสดีค่ะ นีรชา อัปสรวงศ์ ค่ะ หรือเรียกสั้นๆ ว่านีน่า ปัจจุบันกำลังเปิดร้านดอกไม้ ชื่อว่า  Neena’s Flowers ขอบคุณค่ะ” ไม่ลืมฉีกยิ้มหลังเอ่ยจบ 

                การแนะนำตัวดำเนินไปจนถึงคนสุดท้าย ผู้จัดการกองประกวดจึงรับช่วงต่อ

                “บอสมาพอดีเลยค่ะ” ปลิตาเหลือบไปเห็นเจ้านายหนุ่มเดินเข้ามา “ขอเชิญบอสใหญ่ของเรา คุณภคิณ สิริโชติจินดา ผู้อำนวยการกองประกวด Miss Perfect Beautiful QueenThailand และเป็นซีอีโอ Seeric Cosmetics สปอนเซอร์หลักของเรา กล่าวต้อนรับสาวงามทั้งสามสิบหกท่าน ขอเรียนเชิญค่ะ”

                นีรชามองไปตามสายตาของคนส่วนใหญ่และต้องตกใจเมื่อเจอกับคนที่เคยรู้จัก เป็นเขา... ‘พี่คิณ’ และเมื่อผู้จัดการกองประกวดเอ่ยชื่อชายหนุ่มก็ยิ่งทำให้นีรชามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด

                หญิงสาวถึงกับหายใจสะดุดเมื่อภคิณเดินเข้ามาใกล้ เธอมองเขา และเขามองเธอ ทั้งคู่สบตากันเพียงเสี้ยววินาทีสั้นๆ แต่แล้วเขาก็เลื่อนสายตาผ่านเธอไปอย่างเรียบเฉย 

                ไม่มีความพิเศษ เหมือนกับไม่เคยรู้จักกัน

                เขาอาจจะลืมเธอไปแล้ว

                ต่างจากเธอที่ไม่เคยลืมรักแรกอย่างเขาเลย

                แต่ช่างปะไร ผ่านมาหกปี ต้อง Move on ได้แล้วนะนีรชา

                เขาทำอะไรไว้ เธออย่าลืม!

                วันนี้ภคิณอยู่ในชุดสูทสีดำ เซตผมเป็นทรง รองเท้าเงาวับ ต่างจากภคิณที่เธอรู้จักเมื่อหกปีก่อน แต่หากถามว่าตอนไหนหล่อกว่ากัน เธอตอบได้เลยว่าตอนนี้ ตอนที่เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดูภูมิฐานและสมาร์ต

                นีรชาไม่รู้ว่าเวทีการประกวดนี้เป็นของอดีตคนเคยรัก หากเธอรู้ก่อนหน้าก็คงปฏิเสธไปแล้ว หญิงสาวไม่อยากมาข้องเกี่ยวกับเขาอีก นึกว่าเวลาหกปีจะช่วยให้ลืมได้ แต่เปล่าเลย พอเห็นหน้าเขา ภาพแห่งความหลังมันก็ฉายซ้ำ แต่มันจะดีกว่าเมื่อก่อนตรงที่เธอไม่ได้เจ็บแล้ว

                “สวัสดีครับ ผมดีใจที่ได้เจอทุกคนในวันนี้ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับทั้งสามสิบหกคนที่ผ่านเข้ารอบ ยอมรับว่าตั้งแต่เปิดรับสมัครมาจนถึงวันนี้ทางกองประกวดทำงานกันหนักมาก เพราะว่าการแข่งขันปีนี้สูง การที่ทุกคนมานั่งอยู่ที่นี่ได้ นั่นหมายความว่าพวกคุณไม่ธรรมดา สิบวันต่อจากนี้กิจกรรมของเราจะเข้มข้นขึ้น อยากให้ทุกคนตั้งใจให้เต็มที่ แสดงศักยภาพออกมา เพราะทางกองประกวดจะประเมินทุกคนไปด้วย ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ สุดท้ายนี้ อยากบอกว่ายินดีต้อนรับผู้เข้าประกวดทุกคนเข้าสู่ Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 อย่างเป็นทางการ”

                เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากบอสใหญ่พูดจบ ภคิณกวาดสายตามองผู้เข้าประกวดทุกคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า จัดได้ว่าสวยทุกคน สวยในแบบของตัวเอง แต่จะมีไม่กี่คนที่ชายหนุ่มไม่อยากละสายตาเลย 

                ยังเป็นเธอคนนั้น

                ภคิณเลือกที่จะเมิน ทั้งที่ในใจอยากจะเข้าไปคุย เข้าไปถาม แต่พอคิดอีกที ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน

                เลิกสนใจได้แล้ว...ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว!

                “ลำดับต่อไปเราจะจับสลากหมายเลข และมอบสายสะพายนะคะ เดี๋ยวจะมีสตาฟฟ์ของเราเดินถือกล่องสลากไปให้สาวงามค่ะ อยากได้หมายเลขไหนภาวนาไว้เลยนะคะ” 

                สตาฟฟ์เดินมาหยุดที่หน้านีรชา หญิงสาวยื่นมือไปล้วงกระดาษในกล่องแล้วคลี่ด้วยความตื่นเต้น 

                หมายเลข 18

                “ได้หมายเลขครบทุกคนแล้วนะคะ หมายเลขที่จับได้จะเป็นหมายเลขประจำตัวจนถึงรอบไฟนัลเลยค่ะ” ผู้จัดการกองประกวดดำเนินรายการต่อหลังจากสาวงามมีหมายเลขในมือครบทุกคน “ลำดับต่อไปจะเป็นการมอบสายสะพายประจำตัวนะคะ พี่ปลาจะเรียกทีละหมายเลขขึ้นมาบนเวที โดยจะมีบอสของเราเป็นผู้สวมสายสะพายให้ค่ะ เริ่มจากหมายเลขหนึ่ง เชิญค่ะ”

                ภคิณเดินขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง รับสายสะพายสีขาวที่เป็นชื่อจริงของนางงามหมายเลข 1

                สาวงามย่อตัวลง ภคิณจึงกางสายสะพายออก สวมมันเข้ากับร่างแบบบาง โดยไม่ลืมจัดให้เข้าที่เหมาะสม แล้วถ่ายภาพคู่ โดยช่างภาพมืออาชีพประจำกองประกวด

                สาวงามที่ได้รับสายสะพายแล้วไปยืนโพสท่าสวยๆ รอเพื่อนที่เหลือ

                “หมายเลข 13 แพรวพราวค่ะ” ผู้จัดการสาวประกาศชื่อสาวงามให้ขึ้นไปรับสายสะพาย 

แพรวพราวเดินไปตำแหน่งตรงกลาง ยกมือไหว้ภคิณและส่งยิ้มหวานๆ ให้ ก่อนที่จะย่อตัวลงและปัดผมลอนสวยของตนเองไปไว้ที่ด้านหลัง เอียงคอให้ชายหนุ่มสวมสายสะพายอย่างมีจริต และไหว้ขอบคุณโดยไม่ลืมทิ้งสายตาก่อนเดินจากไป

                ผ่านไปอีกสี่คนจึงเป็นคิวของนีรชา

                หญิงสาวยืนขึ้นหลังได้ยินชื่อของตัวเอง สูดลมหายใจเข้าและผ่อนออก เธอจะไม่เกิดอาการประหม่าเลย หากคนที่มอบสายสะพายไม่ใช่ภคิณ

                หญิงสาวย่อตัวลงระดับหนึ่งเพื่อให้ง่ายต่อการสวม ภคิณวาดแขนคล้องสายสะพายอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนคนที่ยืนรอก็มองตรงไปด้านหน้า จนรู้สึกว่ามันนานกว่าปกติจึงก้มลงมองบริเวณเอวของตัวเอง

                ภคิณกำลังพยายามติดเข็มกลัด

                “เข็มกลัดน่าจะใช้ไม่ได้ครับ” เขาบอกกับทีมสตาฟฟ์ เลยได้รับเข็มกลัดตัวใหม่มาแทน คราวนี้ชายหนุ่มติดมันอย่างง่ายดาย

                นีรชายืนขึ้นเต็มความสูง วันนี้เธอสวมรองเท้าสูงห้านิ้ว แต่ก็ยังสูงไม่เท่าภคิณอยู่ดี 

                “ขอบคุณค่ะ” ในจังหวะที่เงยหน้าขึ้นก็เผลอสบตากันเข้า เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น แต่มันคล้ายกับมีกระแสไฟวิ่งเข้าสู่หัวใจ

                อย่าหวั่นไหวนะนีน่า!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น