บทที่ ๔

4

สายตาที่โลมเลียม

                เหล่าสาวงามเดินทางมาถึงจังหวัดภูเก็ตอันเป็นสถานที่เก็บตัวในครั้งนี้

                นีรชาเองก็เดินทางมาพร้อมกับทางกองประกวด ส่วนพี่เลี้ยงนางงามสามารถติดตามมาได้ แต่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ธัญญ่าขับรถมาถึงหลังจากที่สาวงามมาถึงไม่นาน เธอไม่พลาดเพราะต้องมาดูแลเด็กปั้นของตนเอง 

                ระยะเวลาที่นีรชาอยู่ในกอง เธอให้ลูกน้องดูแลร้านไปพลางๆ โดยที่ไม่ได้รับงานใหญ่หรืองานนอกสถานที่ จะรับจัดดอกไม้ตามออร์เดอร์เท่านั้น ส่วนนที หญิงสาวจ้างป้าเกสรดูแลเต็มเวลาและยังโทร. หาเด็กชายทุกวัน 

                คิดซะว่ามาเข้าค่ายแล้วกัน                   

                “เดี๋ยวเราจะมาจับสลากเข้าห้องพักนะคะ ตลอดระยะเวลาที่เก็บตัวเราจะมีรูมเมตและจะมีกิจกรรมให้แข่งกันเป็นคู่ๆ ด้วย”

                สาวงามแต่ละคนตื่นเต้น ลุ้นว่าตัวเองจะได้อยู่ห้องพักกับใคร 

                “นีน่าได้อยู่กับเมษาค่ะ”

                สตาฟฟ์เอ่ยจบ นีรชาก็มองหาสาวรุ่นน้อง ซึ่งเมษาเป็นผู้เข้าประกวดที่อายุน้อยที่สุดเลย อายุเพียงสิบเก้าปีเท่านั้น 

                “พี่นีน่า” เมษาเดินมาจับมือนีรชา แล้วพากันไปรับคีย์การ์ดเข้าห้องเพื่อนำกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องพัก

                กระเป๋าที่ติดตัวมามีเพียงหนึ่งใบเท่านั้น เพราะทางกองประกวดจำกัดจำนวน ข้าวของที่เหลือพี่เลี้ยงนางงามต้องนำมาเองทีหลัง 

                “เมอยากนอนฝั่งไหน” นีรชาถามคนที่อ่อนกว่า ห้องพักเป็นแบบเตียงคู่ เธอนอนฝั่งไหนก็ได้

                “ขอฝั่งติดกระจกนะคะพี่นีน่า” เมษาทำหน้าอ้อนๆ 

                “ได้เลย” นีรชายิ้ม ความรู้สึกเหมือนได้น้องสาวมาเพิ่มอีกคน จะว่าไปแล้ว อายุเธอกับเมษาก็ห่างกันมากถึง 7 ปีเชียว “ทำไมเมถึงได้มาประกวดจ๊ะ”

                หญิงสาวชวนคุย ที่สำคัญคือเมษายังอายุน้อยมาก คงต้องจัดสรรเวลา โดยเฉพาะเรื่องเรียน

                “คุณแม่ให้มาค่ะ คุณแม่ชอบนางงามก็เลยลองส่งหนูประกวด ที่จริงหนูยังไม่พร้อมเล้ยยย คิดว่าจะมาดูงานก่อน โตกว่านี้ค่อยลุย แล้วพี่นีน่าล่ะคะ ประกวดบ่อยมั้ย”

                “พี่เพิ่งมาครั้งแรก มีคนชวนมา ยังถือว่าใหม่มากสำหรับวงการนี้ ต้องเรียนรู้ใหม่หมดเลย”

                “แสดงว่าเราไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่เมว่าพี่นีน่าสวยมากเลยนะคะ มาครั้งแรกก็เข้ารอบเลย” สาวน้อยชมจากใจจริง 

“เราก็เหมือนกันเถอะ” 

“งั้นหนูขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นน้องสาวของพี่นีน่าเลยนะคะ” ทำตาปริบๆ อ้อนอย่างน่าเอ็นดู 

“ได้เลย”

“เย่” เมษากระโดดกอดนีรชาแน่น ดีใจได้เกินเบอร์มาก

                ตกค่ำเป็นการเลี้ยงต้อนรับคณะสาวงามที่โซนจัดเลี้ยงของโรงแรม ฟีลคล้ายๆ กับปาร์ตีริมสระ นีรชาอยู่ในชุดที่ทางกองประกวดจัดให้ คือเสื้อยืดสีชมพูที่มีตราของกองประกวด และกางเกงขายาวรัดรูปสีขาว สวมสายสะพายที่เพิ่งได้รับมาเมื่อวาน ปรากฏตัวอักษรสีดำที่สลักว่า NEERACHA และไม่ลืมติดหมายเลขประจำตัวของผู้เข้าประกวด

                สตาฟฟ์ของกองนัดหนึ่งทุ่มตรง แต่นีรชามาก่อนเวลาราวสิบนาทีพร้อมกับเมษารูมเมตของเธอ 

                งานในวันนี้ได้รับเกียรติจากผู้นำท้องถิ่นและชุมชนที่จัดงานต้อนรับอย่างอลังการ

                เมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตา ท่านนายกก็กล่าวเปิดงานบนเวทีขนาดย่อมริมสระน้ำ บรรดาสาวงามนั่งรับประทานอาหารกันบนโต๊ะกลมหกที่นั่งตามอัธยาศัย

                อาหารวันนี้เป็นแบบบุฟเฟต์ เน้นให้บริการตนเอง นีรชาตักอาหารใส่จานตัวเองพอประมาณแล้วกลับมานั่งข้างเมษา 

                การปรากฏตัวของใครบางคนเรียกความสนใจของหลายคนในงานให้หันไปมอง เพราะแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเกษรา ไฮโซสาวเจ้าของแบรนด์ชุดว่ายน้ำและชุดออกกำลังกายที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ ร่างเพรียวบางอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาว ปล่อยผมยาวสลวย เธอเดินตรงไปร่วมโต๊ะของบรรดาผู้ใหญ่ในกองประกวด หนึ่งในนั้นคือภคิณ

                นีรชามองไปที่โต๊ะด้านหน้า เห็นเกษราก็รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจ

                เหมือนแผลที่เคยปิดสนิทมันปริออกมาอีกครั้ง

                เธอสลัดความรู้สึกนี้ทิ้ง พยายามทำตัวให้ร่าเริง ไม่สนใจพวกเขา

                แต่มันก็ทำได้ยากเหลือเกิน

                “สวัสดีค่ะพี่คิณ สวัสดีค่ะทุกๆ คน” เกษราพนมมือไหว้สมาชิกที่นั่งร่วมโต๊ะ ในนั้นมีท่านนายกเทศมนตรี ภรรยานายก ผู้จัดการกองประกวด ผู้จัดการโรงแรม และภคิณนั่งอยู่ “เกรซขอร่วมโต๊ะด้วยนะคะ”

                “ยินดีเลยครับ” หนึ่งในสมาชิกบนโต๊ะตอบ “ว่าแต่คุณเกรซนี่เป็น...”

                ฝ่ายหญิงยิ้มอายๆ และตอบก่อน “น้องค่ะ”

                แต่อนาคตไม่แน่...

                “พอดีเกรซมาทำงาน รู้ว่าพี่คิณมาภูเก็ตพอดีเลยขอแวะมาทักทาย ขอโทษที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้านะคะ”

                “ไม่เป็นไรค่ะคุณเกรซ คนกันเองทั้งนั้น” ปลิตาพูดกับหญิงสาว เกษราเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์ของกองประกวด สนับสนุนชุดว่ายน้ำทุกรอบ “แล้วคุณเกรซพักที่ไหนคะเนี่ย”

                “โรงแรมนี้ละค่ะ แต่เป็นอีกโซน อาหารน่ากินจังเลยค่ะ งั้นเกรซขออนุญาตเลยนะคะ” หญิงสาวตักกับข้าวใส่จานของตนเอง ซึ่งโต๊ะนี้ต่างจากโต๊ะของสาวงาม เพราะมีอาหารจัดไว้รอ

                เกษราโทร. มาหาภคิณ ขอมาเจอและจะชวนไปรับประทานอาหารเย็นด้วย แต่ภคิณบอกว่าต้องอยู่กินกับกองประกวด จะออกไปกินสองคนไม่ได้ เกษราเลยขอเปลี่ยนมาเป็นที่นี่แทน

                “พี่คิณลองนี่ดูค่ะ หมึกผัดไข่เค็ม” เกษราใช้ช้อนกลางตักอาหารมาวางในจานของภคิณ

                “ขอบคุณครับ” ไม่ให้เสียน้ำใจ ชายหนุ่มตักปลาหมึกจากจานเข้าปาก พบว่ามันอร่อยสมคำชม

                ทั้งที่อยู่กับไฮโซสาว แต่ดันเผลอไปนึกถึงใครคนหนึ่งเข้า ภคิณมองผ่านเพื่อนร่วมโต๊ะไปหานีรชา หญิงสาวกำลังรับประทานอาหารกับเพื่อนนางงามอย่างเป็นกันเอง ส่งเสียงหัวเราะครื้นเครงมาบ้างเป็นระยะ

                ปรับตัวได้เก่ง

                “ดูสาวๆ จะชอบกันนะคะ” ผู้จัดการกองเอ่ยกับท่านนายกและภรรยา “สนุกกันเชียว”

                “ได้ยินแบบนี้คนจัดงานก็ดีใจครับ”

                คนที่อิ่มแล้วลุกจากโต๊ะอาหารไปเดินเล่น บ้างก็ถ่ายภาพเพื่ออัปลงโซเชียลโพรโมตตัวเอง นีรชาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น หญิงสาวให้เมษาถ่ายภาพให้ ก่อนจะอัปลงอินสตาแกรมตามที่ธัญญ่าบอกมา 

                เราต้องสร้างความเคลื่อนไหว อีกประการคือหญิงสาวอยากเก็บบรรยากาศนี้ไว้เป็นความทรงจำ

                “คุณเกรซคบกับคุณคิณอยู่เหรอ” หนึ่งในสาวงามที่ยืนจิบเครื่องดื่มริมสระพูดคุยกับเพื่อน ซึ่งนีรชาและเมษาอยู่ใกล้ๆ ทำให้ได้ยิน

                “ไม่ชัวร์เลย” 

                “ถ้าไม่คบคงไม่พามาขนาดนี้หรอก นั่งกินข้าวกับท่านนายกเลยนะ”

                “ก็อาจจะเป็นไปได้ คงยังไม่เปิดตัวแบบเป็นทางการมั้ง” สองสาวหยุดสนทนาเรื่องของบอสใหญ่แล้วเปลี่ยนมาถ่ายภาพแทน “เดี๋ยวถ่ายคู่กันบ้างดีกว่า ชื่อเมษาใช่ไหม รบกวนถ่ายภาพให้พี่สองคนหน่อยค่ะ”

                หนึ่งในนั้นยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้เมษา สาวน้อยรับไปและเดินไปยืนอยู่ริมสระ ภาพที่นางงามรุ่นพี่อยากได้เป็นภาพนั่งอยู่บนเก้าอี้โพสท่าสวยๆ 

                นีรชามองตามน้องสาวอย่างห่วงๆ เพราะจุดที่เมษายืนอยู่ริมขอบสระเลย

                ตู้มมม!

                “เมษา...” ยังไม่ทันที่นีรชาจะร้องเตือน ร่างของเมษาก็จมลงไปในน้ำเรียบร้อย เพราะในจังหวะที่สาวน้อยจะเดินกลับมาดันลื่นขอบสระทำให้พลัดตกลงน้ำไป

                นีรชามองหาน้องสาว เห็นท่าทางตะเกียกตะกายก็รู้ว่าสาวน้อยว่ายน้ำไม่เป็น เธอไม่รอช้า ตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยเมษาทันที

                เมษาตกน้ำสร้างความแตกตื่นให้ผู้คนในงานแล้ว แต่การตัดสินใจของนีรชาสร้างความฮือฮามากกว่า เพราะไม่คิดว่าสาวเจ้าจะใจกล้าเพียงนี้

                บรรดาสาวงามต่างยืนมุงและเอาใจช่วยเมื่อเห็นว่านีรชาพาร่างของเมษาขึ้นมาโผล่พ้นน้ำได้ 

                สองสาวลอยน้ำหอบหายใจแฮกๆ

                นีรชาส่งเมษาขึ้นฝั่งก่อน โดยมีทีมสตาฟฟ์มารอรับและเอาผ้าขนหนูมาคลุมให้ เห็นน้องสาวปลอดภัยเธอก็อุ่นใจ 

ในจังหวะที่นีรชาจะขึ้นจากน้ำก็มีฝ่ามือยื่นมาตรงหน้า เธอมองตามเส้นเลือดปูดไปตามแขน และหยุดสายตาอยู่ที่ใบหน้าคม แล้วชะงักมือที่กำลังจะจับ

คุณภคิณ

“รีบขึ้นมาได้แล้ว เดี๋ยวเป็นหวัด” เขาเอ่ยพร้อมกับส่งสายตาดุๆ นีรชาจึงตัดสินใจส่งมือออกไปให้เขา ชายหนุ่มออกแรงดึงไม่มาก นีรชาก็สามารถขึ้นมาอยู่บนฝั่ง

ภคิณมองสำรวจคนตรงหน้า เห็นว่าไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน เขาก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก สตาฟฟ์รีบนำผ้าขนหนูมาห่อตัวนีรชาไว้และพาไปพักตามเมษา

“พี่นีน่า” เห็นว่าใครเดินเข้ามา เมษาก็รีบลุกวิ่งไปสวมกอด “ฮือ ขอบคุณพี่มากๆ นะคะ”

เมษาบอกคล้ายจะร้องไห้ เธอซาบซึ้งใจมาก นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าก็กลัวเพราะว่าว่ายน้ำไม่เป็น หากพี่สาวคนนี้ไม่รีบช่วยเธอไว้อาจจะเกิดอันตรายได้

“ไม่เป็นไร ถึงไม่ใช่พี่ คนอื่นก็ต้องช่วยเมอยู่ดี ไม่เอาน่าไม่ร้อง เดี๋ยวหมดสวยเพราะมาสคาราเลอะ” นีรชาเช็ดน้ำตาให้คนขี้แย พร้อมกับยิ้มเอ็นดู

“หนูใช้แบบกันน้ำ” เมษาทั้งร้องไห้และหัวเราะในเวลาเดียวกัน

ชายหาดริมทะเลถูกเนรมิตให้เป็นรันเวย์สำหรับสาวงามทั้งสามสิบหกคน และวันนี้ได้รับเกียรติจากศจี เจ้าแม่แห่งวงการเดินแบบชุดว่ายน้ำ เพื่อเทรนสาวงามให้เดินดีในรอบไฟนัล

แน่นอนว่าวันนี้มีการเก็บคะแนนของผู้เข้าประกวดไปด้วย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินว่าใครจะได้ครองมงกุฎ

นีรชายืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก หลังจากแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้ว และเปลี่ยนจากชุดลำลองเป็นวันพีซที่ทางกองประกวดจัดมาให้ 

“สู้ๆ นีน่า” หญิงสาวบอกกับตัวเอง เพราะไม่มั่นใจเอาเสียเลย 

“นีน่าเสร็จหรือยังจ๊ะ” ธัญญ่าและทีมงานรออยู่ด้านนอก กำลังลุ้นว่าเด็กปั้นของตนเองสวมชุดว่ายน้ำแล้วจะแซ่บขนาดไหน แม้จะเคยเห็นมาแล้ว แต่ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี

“ค่ะพี่ญ่า เสร็จแล้วค่ะ” 

                นีรชาเปิดประตูห้องน้ำออกมา เธออยู่ในชุดว่ายน้ำวันพีซสีเหลือง ผมยาวถูกรวบตึงไว้ด้านหลัง แต่งหน้าโฉบเฉี่ยว ถือว่าเป็นอีกลุคที่ปังมาก

                “แซ่บสุด ทะเลจะต้องลุกเป็นไฟ” หนึ่งในช่างแต่งหน้าชมเปาะ “อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกก็ผาย หุ่นในฝันชัดๆ อีแม่อยากด้ายยย”

                “ปะ ออกไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่ถ่ายภาพให้เอาไปลงไอจี” 

                “นีน่าขอใส่เสื้อคลุมได้ไหมคะ” นีรชาขอ

                “โนค่ะลูกสาว มีดีต้องโชว์ ไปประกาศให้คนอื่นรู้ว่า คนมงอยู่นี่!”

                พูดจบธัญญ่าก็ลากนีรชาออกมาจากห้องแต่งตัว สาวงามที่แต่งตัวเสร็จก็มาถ่ายภาพรอก่อนแล้ว และไม่มีใครใส่เสื้อคลุมเหมือนที่เธอขอเลย 

                ทีมแองเจิลกำลังถ่ายวิดีโอให้นางงามในสังกัดอย่างแพรวพราว นีรชามองตามแล้วร้องว้าวในใจ เดินได้ดีมาก! ขนาดยังไม่ได้เอาจริงนะเนี่ย 

                “อย่าไปกลัวนีน่า เราเองก็มีดีเหมือนกัน” ธัญญ่าอ่านความคิดออกเลยรีบบอกดักทางไว้ “ต้องมั่นใจ สายตานี่สำคัญ ให้รู้ว่าตอนไหนควรจิก ตอนไหนควรเล่น ตอนไหนควรทิ้งสายตา โดยเฉพาะตอนโพสต่อหน้ากรรมการ หว่านเสน่ห์ไปเยอะๆ อย่าว่าแต่กรรมการเลย ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รอด”

                “นีน่าจะพยายามค่ะ”

                “ต้องทำให้ได้ด้วย และอย่าทำแบบเมื่อวานนะ ให้ห่วงชีวิตตัวเองก่อน ขืนบาดเจ็บขึ้นมาจบกันพอดี” ตั้งแต่เจอกัน ธัญญ่าบ่นเรื่องที่นีรชากระโดดน้ำลงไปช่วยเมษาไม่หยุด “พี่ลงทุนไปเยอะ”

                นีรชาเอะใจกับบางคำของธัญญ่า แต่ยังไม่ได้ถามเพราะมีคนเดินผ่านมาก่อน

                

                เสียงดนตรีดังเป็นจังหวะ คลอกับเสียงคลื่นทะเล สาวงามทั้งสามสิบหกคนอยู่ในชุดว่ายน้ำ พร้อมทำให้ทะเลลุกเป็นไฟ 

                ศจียืนถือไมโครโฟนอยู่ข้างรันเวย์ เธอทำหน้าที่เป็นคอมเมนเตเตอร์ให้นางงาม สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับรางวัลการันตีมากมาย ทั้งในและต่างประเทศ แม้ว่าตอนนี้อายุจะปาเข้าไปสี่สิบแล้ว แต่เธอยังเฉิดฉายในวงการ และเป็นที่เคารพของบรรดานางแบบและนางงาม

                ด้านหน้ารันเวย์มีโต๊ะของคณะกรรมการที่มาเก็บคะแนน มีบอสใหญ่อย่างภคิณ สปอนเซอร์ของเวทีการประกวด และรุ่นพี่นางงามอย่างเชอร์ลีน พรพรรษา 

                ข้างๆ จะเป็นพี่เลี้ยงนางงามและนักท่องเที่ยวซึ่งมายืนรอชมสาวงามทั้งสามสิบหกคน แถมยังมีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กให้แฟนนางงามที่อยู่ทางบ้านได้รับชม

                พิธีกรซึ่งเป็นอดีตนางงามขานชื่อผู้เข้าประกวดทีละคนตามหมายเลข จากนั้นเจ้าของชื่อก็เดินตามจังหวะออกมาโพสท่าสวยๆ ให้ช่างภาพจับภาพ เดินด้วยความมั่นใจออกมาหากรรมการด้านหน้า หยุดยืนโพสอีกครั้งในตำแหน่งที่บล็อกกิง มีอะไรใส่ไปให้หมด ไม่มีกั๊ก

                “น้องยาหยีเดินได้ดีค่ะ แต่ผมดูค่อนข้างรุงรังไป เลยทำให้ต้องปัดผมเกินความจำเป็น ครั้งหน้าอาจจะลองทำผมแบบอื่น ที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินนะจ๊ะ” 

                สาวงามคนแรกเดินเสร็จ ศจีก็คอมเมนต์ทันที สาวเจ้าปล่อยผมตรง เจอลมทะเลพัดทำให้มันบังหน้า ต้องคอยปัดออกหลายที ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ เห็นด้วยกับคำแนะนำทุกประการ

                ส่วนกรรมการก็บันทึกผลคะแนนลงแบบบันทึก พร้อมกับเขียนคอมเมนต์ของตนเองลงไป

                “หมายเลข 13 แพรว แพรวพราว ดิเรกรัตน์”

                พิธีกรเอ่ยชื่อสาวงามคนต่อไป เสียงฮือฮาจากผู้ชมข้างเวทีก็ดังขึ้น นอกจากเสียงเชียร์แล้ว แต่ละคนยังตั้งใจดูการเดินชุดว่ายน้ำของสาวงามคนนี้ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าแม่แห่งวงการเองก็ลุ้นไปด้วย              

                แพรวพราวยืนโพสท่าแล้วเดินสับออกมาด้วยจังหวะมั่นคง สายตามองไปข้างหน้าไม่มีใครต้าน ก่อนจะสลัดผ้าที่ผูกเอวออกแล้วหมุนตัวกลับมาเดินต่ออย่างมั่นใจ เรียกเสียงปรบมือของผู้ชมได้ดังลั่น เธอมองไปที่ภคิณ ตรึงสายตาไว้ที่เขาก่อนจะทิ้งสายตาไปเมื่อถึงกลางเวที ฉีกยิ้มอย่างมีจริต แล้วหมุนสะโพกหันหลังกลับได้อย่างสวยงาม 

                เป็นอีกวันที่เหล่าสาวงามจะส่งสายตาให้ภคิณเพื่อหวังคะแนน ชายหนุ่มชินแล้ว

                แต่พวกเธอเข้าใจผิด ภคิณไม่ได้ให้คะแนนในวันนี้

                “น้องแพรวเลิศมากค่ะ แทบจะไม่มีที่ติเลย ทำได้ดี รอบนี้เพอร์เฟกต์มาก” ศจียกนิ้วให้ 

                ทีมแองเจิลซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของแพรวพราวอัดคลิปตอนที่นางงามในสังกัดของตัวเองได้รับคำชมไปลงโซเชียล เพียงไม่นานก็ถูกแชร์ว่อน ทำให้มีคนเชียร์แพรวพราวเพิ่มมากขึ้น

                “หมายเลข 18 นีน่า นีรชา อัปสรวงศ์”

                นีรชาในชุดว่ายน้ำสีเหลืองจับจังหวะดนตรีแล้วก้าวออกมายืนที่จุดแรกพร้อมกับโพสท่า การปรากฏตัวของหญิงสาวครั้งนี้เป็นที่สนใจของทุกคน เพราะว่าความสวยครบเครื่อง ทั้งหุ่น ทั้งใบหน้า ทั้งผม เรียกว่าตรึงใจ

                ภคิณมองนีรชาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทั้งที่หญิงสาวตรึงเขาไว้ได้ตั้งแต่เดินออกมา วันนี้ชายหนุ่มยอมรับว่านีรชาสวยมาก สวยกว่าวันวานเสียอีก แต่ก็ไม่ชอบใจที่เธอต้องมาโชว์เนื้อหนังท่ามกลางสายตาผู้คนในวันนี้ 

                นี่เหรอเรียกว่าหวงก้าง 

                อกที่เคยจับ 

ปากที่เคยจูบ 

สะโพกที่เคยทับ 

เรียวขาที่เคยเกี่ยวกัน

                ภคิณนึกถึงความหลังครั้งที่เขาได้เป็นเจ้าของเธอ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาที่มองนีรชาตอนนี้เปลี่ยนไป

                นีรชาเดินมาหยุดแล้วโพสท่าที่กลางเวที เธอโปรยยิ้มให้กรรมการ และเผลอสบตากับบอสใหญ่จนต้องชะงัก 

                เขามองเธอด้วยสายตา ‘อ่านกิน’ หญิงสาวรู้สึกคล้ายโดนโลมเลียมจนร่างกายร้อนผ่าว ภคิณไม่เคยมองเธอด้วยสายตาอย่างนี้ ยกเว้นเวลาที่อยู่ ‘บนเตียง’

                เขาทำลายสติของเธอจนไม่สามารถจับจังหวะดนตรีได้ แต่หญิงสาวต้องฝืนเดินต่อไป ไม่อย่างนั้นได้ขายหน้าผู้คนนับร้อยที่กำลังดูเธอ 

                ไม่ใช่แค่ธัญญ่าที่งงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กปั้นของตนเอง ศจีเองก็งง และผู้ชมรอบนอกก็งงว่าจากคนที่เปิดตัวมาได้ดี ทำไมถึงมาดับช่วงสุดท้าย

                “เอ่อ...” ศจีเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นวิจารณ์นีรชาอย่างไรดี “น้องนีน่าเปิดตัวได้สวยมากค่ะ หน้าผมเป๊ะ ทีมพี่เลี้ยงทำการบ้านมาดี   รวบผมทำให้ไม่ดูรุงรังเวลาเจอลม นีน่าเดินมาครึ่งแรกตรึงใจพี่จีมาก แต่ว่าหลังจากนั้นหนูเหมือนคนละคนเลยลูก เดินผิดจังหวะ แล้วหน้าเหวอ ไม่มั่นใจด้วย มีแวบนึงเหมือนจะร้องไห้ ต้องไปปรับใหม่นะหนู เวทีนี้ไม่เอามือสมัครเล่นนะคะ”

                นีรชายอมรับคำวิจารณ์ของศจี เธอรู้ว่าตัวเองทำได้ไม่ดี 

จะโทษที่ภคิณมองเธอด้วยสายตาโลมเลียม หรือโทษใจของเธอที่หวั่นไหว

อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันไป

สาวงามทั้งสามสิบหกคนอยู่ในชุดธีมฮาวาย ด้านบนเป็นเกาะอกครึ่งตัวมีสายคล้องคอ ด้านล่างเป็นกระโปรงยาวพลิ้ว ลายดอกเหมือนกันทุกคน ต่างแค่สี คล้องพวงมาลัยดอกกล้วยไม้ บางคนก็เหน็บที่หู บางคนก็นำมาประดับผม เซ็กซี่เบาๆ เข้ากับบรรยากาศริมทะเลในคืนนี้

ทางกองประกวดร่วมกับเจ้าถิ่นจัดสถานที่รับประทานอาหารค่ำที่ชายหาด มีการแสดงที่ตื่นตาตื่นใจให้รับชม นั่นคือการควงกระบองไฟ 

สาวงามที่รับประทานอาหารเสร็จแล้วต่างยืนมุงดูหนุ่มลูกครึ่งที่กำลังโชว์ลีลาการควงกระบองไฟอย่างชำนาญ เขาสวมแค่กางเกงขาสั้นตัวเดียว เปลือยท่อนบน โชว์ซิกซ์แพ็กและกล้ามแขนแน่นๆ 

                กร้าวใจมาก

                ภคิณนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ที่โต๊ะซึ่งสตาฟฟ์จัดไว้ให้ มุมที่เขานั่งอยู่สามารถมองเห็นบรรยากาศริมทะเลได้ชัด และเห็นถึงความเคลื่อนไหวของบรรดาสาวงามที่กำลังยืนชมการแสดง

                “ปีนี้มีแต่คนสวยๆ นะ มึงว่าไหม” 

                ภูรินทร์ที่เดินทางมาถึงเมื่อช่วงหัวค่ำเอ่ยกับเพื่อนรัก เพราะพรุ่งนี้เขาต้องร่วมมอบรางวัลให้แก่สาวงาม ในฐานะสปอนเซอร์ 

                “แต่สวยอย่างเดียวก็ใช้ไม่ได้” เจ้าของเวทีตอบ “ว่าแต่ทำไมมึงรีบมา ทั้งที่มามะรืนก็ยังทัน”

                “สมกับเป็นเพื่อนรักกูจริงๆ”

                “หนีสาว?”

                “เออ!”  

                ภูรินทร์เคยเล่าให้ภคิณฟังว่าแม่ของเขาอยากให้ตบแต่งกับลูกสาวของรัฐมนตรีกระทรวงหนึ่ง แต่ชายหนุ่มไม่ได้รักใคร่ชอบพอกัน แถมฝ่ายหญิงยังเด็กอยู่เลย และชอบมาตามตื๊อภูรินทร์บ่อยๆ ชายหนุ่มต้องหาข้ออ้างเพื่อตีตัวออกหากเธอเสมอ 

                ภูรินทร์มองไปที่ชายหาด แล้วสายตาของเขาก็ถูกสะกดไว้ “สวยจังว่ะ”

                ภคิณมองตามสายของเพื่อนไปหยุดที่นีรชา แต่ไม่ได้พูดอะไร ออกจะเห็นด้วยด้วยซ้ำว่านีรชาสวยมาก สวยมาแต่ไหนแต่ไร นับวันความสวยของเธอยิ่งเพิ่มขึ้น

                “จำได้แล้ว คนนี้แหละที่กูเจอเมื่อเดือนก่อน” ภูรินทร์นึกได้ว่าเขาและนีรชาเจอกันครั้งแรกที่โรงแรม วันคัดเลือกผู้เข้ารอบหกสิบคน “ไม่แปลกใจเลยที่เข้ารอบ คนของมึงตาถึงมาก”

                สายตาสองคู่ไม่อาจละไปไหนได้ เมื่อเห็นว่านีรชาถูกเพื่อนนางงามดันออกไปยืนด้านหน้า แล้วมีหนุ่มลูกครึ่งหน้าคมโค้งคำนับลงต่อหน้าเธอ พร้อมกับยื่นมือมาด้านหน้า หญิงสาวที่ถูกขอจึงส่งมือไปให้

                การแสดงควงกระบองไฟจากผู้เล่นมืออาชีพ โดยมีมือสมัครเล่นเป็นสาวงาม เรียกเสียงฮือฮาของผู้ชมรอบข้าง เพราะลุ้นว่าการแสดงนี้จะดำเนินไปอย่างไร 

                หนุ่มลูกครึ่งโชว์ลีลา มือขวาถือแท่งไฟ มือซ้ายจับนีรชาออกสเตปตามเสียงดนตรี

                นีรชาพบว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เธอแค่ยืนและเคลื่อนไหวให้เข้ากับดนตรี โยกย้ายตามคนที่ชำนาญกว่าจับจูง  ความตื่นเต้นทำให้หญิงสาวสนุกด้วยซ้ำ 

                จากที่จับมือเฉยๆ ก็เปลี่ยนเป็นโอบเอว มีบางจังหวะที่สบตากัน ซึ่งนีรชาก็เล่นด้วย เพราะคิดว่ามันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น

                เสียงเชียร์โห่แซวในตอนจบการแสดง นีรชาใช้แขนคล้องคอหนุ่มลูกครึ่งตามสัญชาตญาณ อีกฝ่ายก็โน้มตัวลงมาใบหน้าห่างกันแค่นิดเดียว ทั้งคู่มองตากันก่อนที่หญิงสาวจะเป็นฝ่ายปล่อยมือ และยืนขึ้นตามปกติแต่ยังเขินไม่หาย

                “พี่นีน่าสุดยอด หวานสุดๆ ไปเลยค่ะ” เมษาที่เป็นคนผลักนีรชาออกไปตอนที่นักแสดงขออาสาสมัครชมเปาะ พี่สาวของเธอคนนี้เก่งรอบด้านจริงๆ “แถมตอนแสดงยังสวยมาก เมถ่ายคลิปไว้ด้วย”

                “ขนาดนั้นเชียว” นีรชาย่นจมูก “พี่แค่ทำตามที่เขาพาไปแค่นั้นเอง”

                “แต่อินเนอร์ได้มากเลย กรี๊ดสุดดด ผู้ชายก็โคตรหล่อ” เมษาทำหน้าเคลิ้ม ที่จริงชายหนุ่มคนนั้นคือสเปกของเธอ แต่ใจไม่กล้าพอเลยส่งพี่สาวออกไปแทน

                พี่สาวได้สวีต ก็เหมือนตัวเองได้

                “คนนี้มีสิทธิ์มงไหมวะ” จบการแสดงที่ริมชายหาด ภูรินทร์ก็รีบถามเจ้าของเวที ขนาดมองไกลๆ ยังเห็นว่าสาวงามหมายเลข 18 คนนี้มีเสน่ห์ล้นเหลือ เธอไม่ได้มีแค่ความสวย

                “ต้องดูหลายอย่างประกอบกัน” ภคิณบอกเป็นกลางๆ “รอดูรอบไฟนัล”

                “กูเชียร์คนนี้ ไม่เผื่อใจเลยเอ้า” 

                “ไม่รอดูคนอื่นก่อนเหรอ” ภคิณเบือนหน้ากลับมามองเพื่อน 

                “ไม่โว้ย คนนี้แหละ ต้องคนนี้เท่านั้น ถ้าคนนี้มง ปีหน้ากูทุ่มเงินสนับสนุนอีกเท่าตัว”

                ภคิณเองก็ไม่ใช่ว่าไม่มองเห็นความสามารถในตัวนีรชา เขาเห็น และอาจจะเห็นมากกว่าใครหลายคนด้วยซ้ำ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ออกตัวไป และจะขอดูยาวๆ ว่านีรชาสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ดีเพียงไหน 

                และถ้าวันจริงหญิงสาวยังทำได้ไม่เต็มที่เหมือนตอนกลางวัน เขารับรองเลยว่าคนได้ครองมงกุฎจะไม่ใช่นีรชาแน่นอน หญิงสาวกล้ามาประกวดนางงาม ต้องรู้อยู่แล้วว่าการอวดเรือนร่างเป็นเรื่องธรรมดาของวงการนี้ และต้องทำใจต่อการถูกมองด้วยสายตาต่างๆ

                เพราะต่อไปหากเข้าสู่วงการแล้ว การชื่นชม การด่า เรื่องราวดรามามีมาให้ทดสอบอยู่เสมอ  

                

                ‘ต้องทำบุญด้วยอะไร ถึงจะมีโอกาสแบบนี้ นีรชาเธอมันร้าย!’

                พาดหัวข่าวของโพสต์ล่าสุดในแฟนเพจเมาท์มอยนางงาม ลงรูปของนีรชาและหนุ่มลูกครึ่งในการแสดงควงกระบองไฟที่ชายหาดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

                ยอดกดไลก์และยอดแชร์ของโพสต์นี้มากกว่าโพสต์ก่อนหน้ามากโข 

                แค่แคปชันก็บอกได้เลยว่าแอดมินเพจนั้นอิจฉาสาวงามหมายเลข 18 คนนี้ขนาดไหน เพราะภาพที่ออกมาร้อนแรงไม่แพ้กระบองไฟในมือหนุ่มหน้าคมคนนั้นเลย

                ทั้งการจับมือกัน โอบกัน กอดคอกัน 

                มันจะเป็นแค่การแสดงธรรมดา ถ้าหนุ่มคนนั้นไม่ได้มองสาวงามด้วยสายตาหวานเยิ้มขนาดนี้ ส่วนนีรชาเองก็เขินอายอย่างมีจริต เป็นโมเมนต์ที่หวานมากๆ

                ธัญญ่านั่งอ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์ของบรรดาแฟนนางงาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแสดงความคิดเห็นเชิงบวกมากกว่าลบ นั่นทำให้เธอพอใจมากที่นางงามในสังกัดของตนเองมีกระแส

                ‘ผู้หญิงก็โคตรสวย ผู้ชายก็งานดี เหมาะสมกันมากแม่’

                ‘เอาใจกะเทยไปเลยนีน่า เธอทำดีมาก!’

                ‘ทะเลลุกเป็นไฟเลยจ้า’

                ‘ยกมงให้เลยนีน่า’

                ‘เก็บตัวครั้งนี้ เธอคุ้มแล้ว’

                ‘ตัวจริงสวยมาก เราเจอนางที่ BTS หลายสัปดาห์ก่อน ไม่รู้ว่าประกวดนางงาม เชียร์คนนี้เลย’

                คอมเมนต์ล่าสุดแนบภาพประกอบที่แอบถ่ายนีรชา วันที่เธอนั่งรถไฟฟ้ากลับบ้าน หน้าผมยังเต็ม เพราะว่าเพิ่งคัดตัวเสร็จ

                จากนั้นก็มีข้อความตอบกลับคอมเมนต์นี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการชื่นชมเรื่องความติดดิน ไม่ถือตัว เรื่องร้านดอกไม้ของเธอ 

ทำให้แฟนนางงามเชียร์นีรชาเพิ่มขึ้นมาก

                เกือบเที่ยงคืน นีรชาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมรองเท้าไว้ที่ชายหาด หญิงสาวถอดเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะตอนที่ดูการแสดงควงกระบองไฟ ขากลับก็ใส่รองเท้าแตะกลับ ไม่ได้ถือรองเท้าส้นสูงห้านิ้วที่ถอดไว้มาด้วย

                เธอกลัวมันหาย เพราะถ้าสวมคู่ใหม่ต้องใช้เวลาสักพักกว่ามันจะไม่กัด คู่นี้มันกัดเธอจนพอใจแล้ว 

                เมษากำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ หากจะรอก็นาน เธอจึงตัดสินใจลงมาเอารองเท้าคนเดียว เพราะว่าชายหาดอยู่ติดกับโรงแรมที่พัก เดินไม่ไกลก็ถึง และมันก็ไม่ได้เปลี่ยว เพราะยังมีผู้คนเดินเล่นและนั่งชิลริมทะเลอยู่ประปราย

                นีรชาเดินมาถึงจุดที่ตัวเองถอดรองเท้าไว้ ซึ่งคือบริเวณเปลเก้าอี้ 

                ทว่ามีผู้ชายนั่งอยู่ หญิงสาวมองเขาจากทางด้านหลัง และเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ

                ภคิณได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มจึงหันหลังกลับไปมอง เห็นว่าเป็นนีรชาก็ขมวดคิ้วแปลกใจเล็กน้อย ดึกๆ ดื่นๆ มาทำอะไรคนเดียว 

                หรือว่านัดใครไว้ ไอ้หนุ่มลูกครึ่งคนนั้นหรือเปล่า 

                ภคิณได้อ่านข่าวที่แชร์กันว่อน และเห็นด้วยตาตนเอง เนื้อความนั้นไม่ได้เกินจริงสักเท่าไร 

                ชายหนุ่มหันหน้ากลับมา ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ ทอดสายตาไปยังเบื้องหน้าที่เป็นท้องทะเลกว้าง นีรชาเดินเข้ามาใกล้ขึ้น เพราะว่ารองเท้าของเธอวางอยู่ใกล้ๆ กับขาเก้าอี้ที่ภคิณนั่งอยู่

                หญิงสาวก้มลงหยิบรองเท้าขึ้นมา และกำลังจะหมุนตัวเดินกลับไป แต่คำถามของภคิณทำให้เธอหยุดกะทันหัน

                “คิดยังไงถึงมาประกวด” ชายหนุ่มถามโดยไม่มองหน้า 

                “เป็นคำถามที่ต้องถามผู้เข้าประกวดทุกคนหรือเปล่าคะ” นีรชาย้อน “คุณภคิณจะเอาคำตอบแบบนางงาม หรือความจริงคะ”

                “ความจริง” 

                “เพราะเงินและรางวัลค่ะ” นีรชาตอบโดยไม่เฟค ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อเงิน เธอหวังรางวัลจากการประกวดครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ครองมงกุฎก็ตาม

                “ถอนตัวได้ยังไม่สายไป เส้นทางนี้ไม่เหมาะกับคุณหรอก ต้องการเงินเท่าไหร่บอกมา ผมจะให้” 

                “คุณไม่ควรมาตัดสินดิฉันนะคะ ตัวฉันเองรู้ดีที่สุดว่าเหมาะหรือไม่เหมาะ ส่วนเรื่องเงินฉันต้องการก็จริง แต่ขอใช้ความสามารถของตัวเอง”

                นีรชาก็ยังเป็นนีรชาคนเดิมอยู่วันยังค่ำ

                “ก็ดี แต่คุณอย่าลืมว่าผมเป็นเจ้าของเวที” ภคิณขู่ 

                “ท่านประธาน Seeric Cosmetics คงไม่ทำลายชื่อเสียงของเวทีตัวเองโดยการตัดขานางงามฝึกหัดอย่างดิฉันนะคะ” หลังจากทราบว่าภคิณเป็นเจ้าของเวที หญิงสาวก็เริ่มศึกษาประวัติของเขาและจำให้ขึ้นใจ

                ประวัติศาสตร์จะได้ไม่ซ้ำรอยเหมือนในอดีต ที่นีรชาไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

                และเธอก็เพิ่งรู้ว่าบริษัท Seeric Cosmetics เป็นชื่อใหม่ของบริษัทไม่กี่ปีมานี้เอง หลังจากที่ภคิณเข้ามาบริหารเต็มตัว ไม่อย่างนั้นหญิงสาวอาจจะไม่ลงประกวดหากเห็นชื่อเดิม

                “รู้แล้วก็ดี จะได้ไม่ต้องคิดไปเองอีก”

                “...” นีรชาเจ็บที่ใจ เขากล่าวหาเธอว่าคิดไปเอง ทั้งที่เธอเป็นเหยื่อ

                “ผมเตือนด้วยความหวังดี เส้นทางนี้มันหนัก คุณยังมีทางเลือกที่ดีกว่า” ภคิณพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง หวังโน้มน้าวให้หญิงสาวเปลี่ยนใจ

                “เผอิญว่าฉันไม่กลัวงานหนักค่ะ” นีรชาฉีกยิ้มท้าทาย 

                “งั้นผมจะรอดูว่าคุณจะทำได้ดี เหมือนที่ปากคุณบอกหรือเปล่า” ในเมื่อเตือนกันแล้วไม่ฟัง ชายหนุ่มก็พอ “อย่าดีแต่ปาก”

                “คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้ดีแค่ปาก” นีรชามองภคิณด้วยสายตาท้าทาย ในเมื่อเขาสาดคำพูดแรงๆ ใส่กัน เธอก็ไม่จำเป็นต้องยอมเสมอไป

                นีรชาก้าวขาจะเดินกลับ ทว่าภคิณลุกขึ้นยืนและรั้งข้อมือของเธอไว้ ดึงเข้ามาหา ก่อนที่จะใช้มืออีกข้างจับท้ายทอยของหญิงสาวแล้วประกบริมฝีปากหนาลงกับเรียวปากบางที่เถียงฉอดๆ 

                รองเท้าสองข้างที่อยู่ในมือเธอหล่นลงพื้นทราย นีรชาหลับตาปี๋จากการถูกจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัว 

                ภคิณแทรกเรียวลิ้นเข้าไปสัมผัสความหอมหวาน ตอนแรกว่าจะปราบพยศคนรั้น ทว่าเพียงแค่ได้สัมผัส เขาก็ต้องการมากขึ้น อยากครอบครองเธอเหมือนวันวาน 

                นีรชายืนนิ่งให้ภคิณจูบจนเขาพอใจ ก่อนผลักเขาออกสุดแรง และวิ่งกลับไปโดยไม่เอาแม้กระทั่งรองเท้าคู่โปรด

                ภคิณมองตามร่างเล็กจนลับสายตา เสยผมลวกๆ 

นี่เขาทำอะไรลงไป!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น