บทที่ ๖

6

ไฟนัล ไฟลุก!

                “ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การประกวด Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 ค่า” 

                พิธีกรบนเวทีอยู่ในชุดราตรีสีน้ำเงินยาวกรอมเท้า ยืนคู่กับพิธีกรชายที่อยู่ในชุดสูทสีน้ำเงินผูกทักซิโด ในมือของทั้งคู่มีสคริปต์กำหนดการของงานในค่ำคืนนี้

                พิธีกรชายเป็นนักแสดงอิสระที่มีชื่อเสียง ส่วนฝ่ายหญิงก็เป็นอดีตนางงามจากเวทีการประกวด Miss Perfect Beautiful QueenThailand เมื่อห้าปีก่อน ซึ่งแขวนส้นสูงแล้วหันมาจับไมโครโฟนรับงานพิธีกร

                “ผ่านมาแป๊บเดียวเองนะคะ ปีนี้ก็เป็นปีที่ 9 ของเวทีการประกวด Miss Perfect Beautiful QueenThailand ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากแฟนนางงามล้นหลามเลยค่ะ” พิธีกรทำท่าซึ้งใจ เพราะว่าตนเองก็เกิดมาจากเวทีนี้ “ปีนี้ต้องยอมรับว่าการแข่งขันค่อนข้างสูง ทุกคนคงได้เห็นผลงานผ่านตามาบ้างแล้วว่าแต่ละคนนั้นไม่ธรรมดาเลยค่ะ”

                “ใช่แล้วครับ ผมนี่หนักใจแทนคณะกรรมการจริงๆ แต่ผู้ที่ครองมงกุฎจะต้องมีเพียงคนเดียวเท่านั้น” พิธีกรชายเสริมขึ้น “เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ทุกคนพร้อมที่จะชมการแสดงเปิดตัวของสาวงามทั้งสามสิบหกคนหรือยังครับ”

                เสียงปรบมือดังลั่นฮอล จากนั้นไฟบนเวทีก็ดับลงก่อนจะค่อยๆ มีแสงสว่างวาบออกมาจากจอขนาดยักษ์ สะกดทุกคนราวกับอยู่บนอวกาศ

                เสียงดนตรีดังขึ้นพร้อมกับนักร้องชื่อดังที่กำลังเป็นกระแส ไฟบนเวทีเริ่มสว่างขึ้นเพราะถูกควบคุมด้วยทีมงานมืออาชีพ 

                นางงามเซตแรก ซึ่งคือหมายเลข 1 ถึงหมายเลข 12 ออกมาเดินโชว์ตัวตามจังหวะเพลง และมีการแนะนำตัวเองด้วยไมโครโฟนที่อยู่ตำแหน่งกลางหน้าเวที

                พอแนะนำตัวครบทุกคนสาวงามสิบสองท่านแรกก็เดินสับกลับไป พอพ้นจากชุดแรก นักร้องก็โชว์เสียงเพราะๆ ก่อนที่สาวงามเซตที่สองจะเดินเรียงแถวกันออกมา 

                รอบแรกเป็นการเดินในชุดว่ายน้ำ นีรชาอยู่ในทูพีซสีส้มที่เป็นคอลเล็กชันใหม่ของแบรนด์ที่เป็นสปอนเซอร์ของกองประกวด 

                พอสาวงามหมายเลขก่อนหน้าแนะนำตัวเสร็จแล้วเดินกลับมา นีรชาจึงก้าวออกมาด้านหน้า อยู่ห่างจากไมโครโฟนไม่มากนัก 

                “หมายเลข 18 นีน่า นีรชา อัปสรวงศ์” หญิงสาวจิกตาก่อนที่จะหมุนตัวกลับอย่างมีจริต ผมที่ปล่อยตรงสะบัดเรียงเส้นอย่างสวยงาม 

                เธอมองเห็นป้ายไฟที่มีชื่อของตัวเองก็ใจชื้น พวกเขาคือแฟนคลับของเธอ

                วันนี้ภคิณต้องทำหน้าที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน ชายหนุ่มมองตามสะโพกมนที่อยู่ใต้ผ้าสีส้มจนลับสายตา แล้วสะบัดหน้า คลึงขมับเล็กน้อย 

                ในความคิดของเขา นีรชาทำดีอีกแล้ว บอกตามตรงว่าตอนที่หญิงสาวเดินออกมาทำเอาเขาตะลึง 

                วันก่อนๆ ว่าสวยแล้ว วันนี้เธอดูสวยอย่างมีพลัง อาจเป็นเพราะเอฟเฟกต์แสง สี เสียงที่ส่งเธอ ในความมั่นใจที่เธอแสดงออกมานั้นมันแฝงไปด้วยความขี้เล่น รู้ว่าต้องปรายตาเวลาไหน จิกเวลาไหน ลงตัวทุกจังหวะ

                หลังจบจากการแสดงโชว์เปิดตัวของผู้เข้าประกวดทั้งสามสิบหกคน ภคิณก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ วันนี้สปอนเซอร์ของเวทีมาร่วมงานกันเกือบทุกคน คีรีและภูรินทร์ก็มา แต่ภคิณวุ่นอยู่ตั้งแต่บ่าย เลยยังไม่ได้คุยกับใคร

                “มีอะไรหรือเปล่าคะบอส” 

                ปลิตาถูกภคิณเรียกให้มาพบกะทันหันที่ห้องประชุมเล็กข้างเวที ซึ่งจัดไว้สำหรับการรวมคะแนนการประกวด ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้อง

                “ผมจะถอนตัวจากการเป็นคณะกรรมการตัดสิน” 

                “อ้าว ทำไมล่ะคะบอส” ผู้จัดการสาวแปลกใจมาก เพราะทุกปีภคิณต้องทำหน้าที่นี้ 

                ใครจะกล้าไปบอกว่า กลัวให้คะแนนนีรชามากเกินไป 

ชายหนุ่มคิดว่าที่เขามองว่านีรชาทำได้ดีที่สุดก็เพราะหญิงสาวคือสเปกของเขา ภคิณเลยเลือกที่จะถอนตัว เพราะไม่อยากให้เกิดความลำเอียง

                ถ้านีรชาทำได้ดีจริง กรรมการทุกคนต้องเห็นถึงความสามารถ ไม่ใช่แค่เขา

                “แค่อยากให้การตัดสินครั้งนี้มาจากกรรมการทุกคนเท่าๆ กัน ไม่อยากให้ขึ้นกับผมเป็นหลัก” ปีก่อนๆ คะแนนที่ภคิณต้องให้แก่นางงามคิดเป็นสัดส่วนที่สูงกว่ากรรมการท่านอื่น 

                “โอเคค่ะบอส” 

                “แต่ผมจะนั่งอยู่ที่เดิม เพียงแค่ไม่ให้คะแนนคนไหนทั้งนั้น”

                “รับทราบค่ะบอส”

                ภคิณเดินกลับมาที่โต๊ะคณะกรรมการ เป็นจังหวะที่พิธีกรแนะนำกรรมการแต่ละท่านพอดี มีทั้งคนที่เป็นสปอนเซอร์ อดีตนางงาม กูรูด้านนางงาม รวมถึงเชอร์ลีน พรพรรษา ที่แม้ว่าจะมาอำลาตำแหน่ง เธอก็เป็นหนึ่งในกรรมการตัดสินครั้งนี้ด้วย

                มุกดานั่งอยู่ด้านหน้าสุด เพียงแต่ไม่ได้ตัดสิน นางเห็นลูกชายเดินไปเดินมา แต่ไม่ได้เรียก ด้วยเข้าใจว่าวันนี้ภคิณค่อนข้างยุ่ง ค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน วันนี้ขอมาในฐานะผู้ชมคนหนึ่ง

                มุกดามองไปรอบๆ ด้วยความตื้นตันใจ แฟนนางงามและกองเชียร์ด้านหลังเต็มฮอล ทราบจากภคิณว่าบัตรแทบไม่พอขาย ส่วนบรรดาเซเลบ คนในวงการบันเทิงต่างให้ความสนใจ เวทีที่นางบุกเบิกเป็นที่รู้จัก นี่สิถึงเรียกว่าความสำเร็จที่แท้จริง จะยกความดีความชอบให้ใครไม่ได้นอกจากภคิณ บุตรชายคนเดียวของนาง

                

                ทางด้านห้องแต่งตัวของสาวงามถูกแบ่งพื้นที่ออกเพื่อให้ทีมของแต่ละคนได้จัดการกับนางงามของตัวเอง ช่างแต่งหน้าเติมเครื่องสำอางให้ใบหน้ารูปไข่ ส่วนช่างทำผมก็กำลังม้วนผมเป็นลอนไปพร้อมๆ กัน 

                นีรชานั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยมีธัญญ่าควบคุมการทำงานของช่าง

                “ทำดีแล้วนะนี่น่า ตอนเปิดตัวทุกคนตะลึงมาก คอมเมนต์เชียร์เพียบเลย” มือก็ไถหน้าจอโทรศัพท์ไปด้วยเพื่อเช็กกระแสผ่านทางไลฟ์สดของกองประกวด “รอบต่อไปก็จะคัดเหลือสิบคนแล้ว พี่ว่ายังไงเราก็เข้าชัวร์”

                เพราะนอกจากจะเช็กกระแสผ่านทางเฟซบุ๊กแล้ว ธัญญ่ายังเข้าเว็บพนัน ตอนนี้คนที่มาเป็นอันดับหนึ่งก็คือแพรวพราว ส่วนนีรชาก็ตีตื้นขึ้นมาเรื่อยๆ หลังจากจบโชว์การเปิดตัว

                ส่วนเธอน่ะเหรอ ก็แทงพนันว่านีรชาจะต้องมงแบบไม่ยั้งเลย

                “เสร็จแล้วค่ะ” ช่างแต่งหน้าบอก 

                ธัญญ่ามองผลงานแล้วพยักหน้า ดูยังไงก็สวย ขนาดนางชอบผู้ชายยังต้องชม “ลุกไปเปลี่ยนชุดราตรีเลยนีน่า เดี๋ยวไม่ทัน”

                ช่างทำผมถือชุดราตรีที่สั่งตัดพิเศษเดินนำนีรชาไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เห็นชุดนี้ เพราะถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีการโพสต์ หรือแม้แต่ถ่ายขั้นตอนการตัดเย็บเพราะกลัวคู่แข่งรู้

                นีรชาก็เพิ่งได้ลองก่อนวันจริงไม่นาน

                “น้องแพรวแซ่บมากค่ะ คุณคิณมองตาไม่กะพริบเลย” พี่เลี้ยงนางงามทีมแองเจิล ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของแพรวพราวบอกกับเจ้าตัว ซึ่งยืนส่องกระจกตรวจดูความเรียบร้อยของชุดราตรีที่ใส่ 

                แพรวพราวอยู่ในชุดราตรีสีทอง ดูผิวเผินก็รู้ว่าราคาตัดเย็บคงสูงมาก เพราะรายละเอียดเยอะเหลือเกิน 

                “พี่รู้ได้ยังไงคะ”

                “ก็พี่ดูไลฟ์สดไงคะ เขาแพนกล้องไปหาคุณคิณพอดี ตอนที่น้องแพรวเดินออกมา กรรมการนี้ตะลึงมาก”

                “ขอให้เป็นแบบนั้นเถอะค่ะ แพรวอยากได้มง จะได้ปิดตำนานนางรองเสียที”

                “แน่นอนค่ะน้องแพรว พี่เห็นคุณมุกดามาด้วยนะคะวันนี้ นั่งอยู่ที่โต๊ะกรรมการด้วย พี่ว่าท่านต้องเทคะแนนให้น้องแพรวเต็มๆ เลยละค่ะ เพราะว่าน้องแพรวเคยทำงานให้สมาคมของท่าน”

                นอกจากจะเป็นพี่เลี้ยงนางงามแล้ว ยังเป็นนางอวยด้วย

                นีรชาสะบัดสิ่งที่ได้ยินมาทิ้ง มันอาจจะจริง หรือไม่จริงก็ตามแต่

                เธอต้องโฟกัสที่ตัวเอง ทำให้ดีที่สุด 

                “พี่นีน่า” เมษาที่พร้อมแล้วเดินมาหานีรชาพร้อมกับคุณแม่

                “สวัสดีค่ะคุณแม่” นีรชายกมือไหว้มารดาของน้องสาว เธอรู้จักเพราะว่าเมษาแนะนำตอนที่เก็บตัวอยู่ภูเก็ต “วันนี้เมษาสวยมากเลย”

                “พี่นีน่าก็สวยมากค่ะ” คนเป็นน้องชมจากใจจริง “หนูขอฝากความหวังในการครองมงไว้ที่พี่แล้วกันนะคะ”

                “เดี๋ยวก่อน เราต้องสู้ก่อนนะ พี่เองก็ต้องสู้เหมือนกัน” นีรชาไม่อยากให้น้องถอดใจ 

                “ปีนี้แม่พาน้องมาหาประสบการณ์ ทำได้เท่านี้ก็ดีมากแล้ว” คุณแม่ผู้ที่อยากให้ลูกสาวเป็นนางงามมองเมษาด้วยความชื่นชม ด้วยรู้ว่าเมษาทำดี แต่ยังไม่ดีเท่าคนอื่นเท่านั้นเอง “แม่เชียร์นีน่านะ ขอให้หนูมงลง แม่เป็นกำลังใจให้”

                “ขอบคุณค่ะคุณแม่”

                สตาฟฟ์เรียกสาวงามให้ไปต่อแถวเพื่อเตรียมเดินบนเวทีในรอบชุดราตรี นีรชาและเมษาก็ไปต่อแถวตามหมายเลขของตนเอง

                ‘เส้นทางนี้ไม่เหมาะกับคุณหรอก ผมจะรอดูว่าคุณจะทำได้ดี เหมือนที่ปากคุณบอกหรือเปล่า’

                ‘เอารางวัลมาฝากทีน่านะครับ’

                เธอเอาคำพูดมาเป็นแรงผลักดัน จะได้เห็นว่าถ้านีรชาได้พยายามทำอะไรสักอย่างแล้ว จะไม่มีคำว่าผิดหวัง และเธอจะเอารางวัลไปฝากน้องชายคนเดียวให้ได้

                “หมายเลข 1…”

                สาวงามคนแรกปรากฏตัว เรียกทุกสายตาหันไปมอง เพราะว่าทั้งฮอลมืด มีแค่แสงไฟตรงที่สาวงามยืนเท่านั้น ก่อนที่ไฟแต่ละจุดจะค่อยๆ สว่างขึ้นตามลำดับ 

                สาวงามในชุดราตรีสีเงินเดินกรีดกรายออกมาตามจังหวะเพลงสากล พอถึงตำแหน่งด้านหน้าก็ยืนโพสสวยๆ ส่งสายตาให้กรรมการ เธอหมุนตัวกลับ มองกล้องเรียกคะแนนจากผู้ชมในไลฟ์สด เดินสวนกับผู้เข้าประกวดหมายเลข 2 ที่กำลังเดินออกมา 

                ทั้งสองคนมองจิกกันก่อนจะแยกจาก 

                คงเป็นคู่ที่ไม่ถูกกันแน่ๆ

                “หมายเลข 13 แพรว แพรวพราว ดิเรกรัตน์”

                เธอจับจังหวะดนตรีแล้วเดินออกมาช้าๆ แพรวพราวในชุดราตรีสีทองแขนยาว ปักด้วยเลื่อมเพชรระยิบ ทว่าสีชุดมันกลืนกับสีฉากหลังเกินไป ทำให้ชุดที่ควรจะเด่น ไม่ได้เด่นเท่าที่ควร

                ถึงชุดไม่ส่ง แต่เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี แพรวพราวมีความเป็นมืออาชีพ พอถึงจุดโพสเธอก็ส่งยิ้มให้กรรมการ โดยเฉพาะคุณหญิงมุกดาที่เธอคิดว่าท่านจะต้องเทคะแนนหนักๆ ให้ตน ทำให้ใช้เวลาที่จุดนั้นนานไป 

                นางงามที่เดินตามมาต้องค่อยๆ เดิน เพราะจะถึงจุดโพสแล้ว แต่แพรวพราวยังไม่กลับมา

                ด้วยความหมั่นไส้ ตอนที่เดินสวนกัน นางงามที่ถูกกินเวลาก็เลยเดินเบียดทำให้ไหล่ของทั้งคู่เสียดกัน จนแพรวพราวเสียหลัก แต่ไม่ได้ล้มลงไป

                เกือบเกิดมวยบนเวที

                ถึงคิวของนีรชา หญิงสาวรอจนหมายเลขก่อนหน้าเดินไปด้านหน้าสุดและหันหลังกลับ เธอจึงเดินออกไปปรากฏตัว ชุดราตรีสีแดงลาวา ตัดกับฉากหลังสีทอง ทำให้นางงามที่ยืนดูเด่น

                ดีไชน์ของชุดเข้ารูป แหวกตั้งแต่ชายชุดถึงขาอ่อนทางด้านขวา ส่วนด้านบนก็แหวกตรงเอว และร่องอกโชว์ความเซ็กซี่ ไม่ได้มีรายละเอียดเยอะ แต่ใส่แล้วดูแพง ส่งนางงามสุดๆ

                ในจังหวะที่เดินสวนกับหมายเลขก่อนหน้า นีรชาส่งยิ้มจริงใจให้เพื่อนนางงาม และได้รับรอยยิ้มคืนกลับมา

                หญิงสาวเดินกรีดกรายตามจังหวะ หมุนตัวแล้วเดินต่อ โปรยยิ้มให้กล้องที่จับภาพและผู้ชมที่มาเชียร์ พอถึงจุดโพสก้มหน้านิดหน่อย ลูบขาของตัวเองขึ้นมาตามรอยแยกของชุด ไล่ไปถึงสะโพกและเอว ใช้มืออีกข้างลากผ่านใบหน้าอ้อมไปด้านหลังและหยุดไว้ที่ท้ายทอยอย่างมีจริต ส่งยิ้มสวยๆ ให้ทุกคน และก่อนที่จะหมุนตัวกลับ ไม่ลืมขยิบตาหนึ่งทีส่งให้กรรมการ

                นี่สิที่เขาเรียกว่า เดินยังไงให้เหมือนลอยมา

                ภคิณตัดสินใจถูกแล้วที่เขาถอนตัวจากการเป็นกรรมการในวันนี้ ไม่อย่างนั้นคงจะเทคะแนนเต็มให้นีรชา ไม่กล้าหัก ภูรินทร์ซึ่งนั่งติดกับคีรี สองหนุ่มก็มองหน้ากันอัตโนมัติ 

                “กูว่าปีหน้าต้องเพิ่มเงินสนับสนุนเวทีอีกเท่าตัวแล้วว่ะ” ภูรินทร์นึกถึงสิ่งที่พนันไว้กับเจ้าของเวที

                “ทำไมวะ หรือมึงเห็นว่าเขาจัดงานได้ดี” คีรีถามซื่อๆ

                “กูพูดกับไอ้คิณไว้ว่าถ้าหมายเลข 18 มง กูจะเพิ่มงบสนับสนุนอีกเท่าตัว” ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เสียดาย เพราะว่าปีหนึ่งบริษัททำกำไรได้มาก อีกประการคือเวทีของเพื่อนรักเป็นที่รู้จัก จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการโฆษณา

                “หมายเลข 18 นีน่าใช่ไหม” คีรีถามคนใจป๋า

                “ใช่ นีน่า นีรชา กูจำชื่อขึ้นใจเลย เจอกันครั้งแรกวันที่สัมภาษณ์ กูก็คิดแล้วว่าคนนี้ต้องเข้ารอบ พอเห็นตอนเก็บตัวก็คิดว่าจะมง”

                “ไอ้คิณได้เล่าอะไรเกี่ยวกับนีน่าให้มึงฟังไหม” คีรียืดตัวไปกระซิบให้ได้ยินกันสองคน ซึ่งภูรินทร์ส่ายหน้าแทนคำตอบ “คนนี้แหละแฟนเก่ามัน”

                ภูรินทร์เบิกตากับข่าวร้อนที่เพิ่งทราบ

                “แม่งเก็บเงียบเลย กูพูดถึงก็ไม่เห็นมันว่าอะไร” ภูรินทร์นึกย้อนไป เขาเคยชมนีรชาบ่อยๆ พอจะบรรยายสัดส่วนก็โดนภคิณเบรกไว้ ที่แท้ก็หวงก้างนี่เอง

                “แล้วใครเป็นคนขอเลิกวะ”

                “นีน่าสิ ไอ้คิณเราโดนเท”

                “แบบนี้ก็มีสิทธิ์ไม่มงสิวะ เพราะเพื่อนเรามันเจ็บฝังใจ คงหาโอกาสเอาคืน”

                “กูก็เดาใจมันไม่ออก มีสองอย่างคือไม่มงเพราะมันปัดตุ้บ อีกอย่างคือมง เพราะมันอยากหาโอกาสอยู่ใกล้ๆ”

                “ร้ายว่ะ” ภูรินทร์ส่ายหน้า

                “กูก็ว่าไอ้คิณมันร้าย”

                “กูหมายถึงมึงเนี่ย คิดได้เป็นฉากๆ เลย” 

                

                 สาวงามทุกคนยืนเรียงกันบนเวทีอีกครั้งในชุดราตรี ต่อไปจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ นั่นคือ การประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบสิบคนสุดท้าย 

                คัดออกเกินครึ่ง

                “ผู้ที่เข้ารอบสิบคนสุดท้าย ได้แก่ หมายเลข...” พิธีกรชายเว้นจังหวะ “สามสิบเอ็ดครับ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ”

                เจ้าของหมายเลขดีใจมาก เธอเดินออกมายืนโพสท่ารอที่กลางเวทีเพื่อรอสาวงามอีกเก้าคน 

“ผู้ที่เข้ารอบสิบคนสุดท้ายคนต่อไป ได้แก่ หมายเลข ยี่สิบหกค่ะ” เป็นพิธีกรหญิงที่ประกาศบ้าง

หมายเลขนี้เป็นหมายเลขของเมษา นีรชาจำได้เธอจึงปรบมือแสดงความยินดี ดีใจไม่ต่างกับตัวเองเข้ารอบ ส่วนเจ้าของหมายเลขยังอึ้งอยู่ที่เป็นตัวเอง ก่อนจะเดินออกมายืนข้างสาวงามที่เข้ารอบคนก่อนหน้า

แค่นี้ก็เกินคาดแล้วเมษาเอ้ยยย

พิธีกรประกาศผู้ผ่านเข้ารอบไปแล้วแปดคน แสดงว่าเหลือที่ว่างเพียงสองตำแหน่งเท่านั้น 

ไม่ใช่เพียงแค่สาวงามที่ตื่นเต้น เจ้าของเวทีอย่างภคิณและมุกดาเองก็ตื่นเต้นไม่ต่างกัน

                “ผู้ที่เข้ารอบสิบคนสุดท้าย ได้แก่ หมายเลขสิบสามครับ ขอแสดงความยินดีกับน้องแพรว” เสียงเฮดังลั่นฮอล ทีมแพรวพราวมามาก ส่วนเจ้าตัวก็ยกมือจับใบหน้าดีใจ เดินออกมายืนเรียงกับเพื่อนๆ

                “เหลือที่ว่างสุดท้ายแล้วนะคะ ตื่นเต้นกันไหมเอ่ย” พิธีกรหญิงยังอารมณ์ขัน “ผู้ที่เข้ารอบสิบคนสุดท้าย ได้แก่ หมายเลข หมายเลข... สิบแปดค่ะ น้องนีน่าของเรา”

                มุกดาตบเข่าตัวเองทีหนึ่งก่อนจะรีบเก็บอาการไม่ให้ออกนอกหน้า ส่วนบุตรชายของนางแอบยิ้ม มองคนที่ออกมายืนด้านหน้าเรียงกันสิบคน  

                การที่นีรชาเข้ารอบ นั่นหมายความว่า กรรมการก็เห็นต้องกันกับเขาอยู่ ภคิณไม่ได้ลำเอียง

                

                หลังจากนี้คะแนนที่ถูกเก็บมาจะโดนรีเซตใหม่ เท่ากับคะแนนของสาวงามทั้งสิบคนอยู่ที่ศูนย์คะแนน ซึ่งต่อไปจะพิจารณาจากการตอบคำถาม เพื่อคัดผู้เข้ารอบห้าคนสุดท้าย 

                ธัญญ่าเชียร์อยู่กับกองเชียร์ทีมนีน่า เธอเข้าทวิตเตอร์และรีทวิตแฮชแท็ก #นีน่าคว้ามง เพื่อเรียกกระแส รวมทั้งคอมเมนต์ในไลฟ์สดของกองประกวดเชียร์หมายเลข 18

                สาวงามทั้งสิบท่านกลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งเพื่อตอบคำถาม ซึ่งคำถามที่ใช้ในรอบนี้จะเป็นคำถามเดียวกัน อาจจะไม่ยุติธรรมต่อคนที่ตอบก่อน เพราะทำให้มีเวลาคิดน้อย และอาจไม่ยุติธรรมต่อคนที่ตอบทีหลัง เพราะคำตอบของตนอาจจะมีหมายเลขก่อนหน้าตอบไปก่อน ถ้าตอบเหมือนกันจะทำให้คนอื่นคิดว่าลอกมา แต่มันก็สามารถวัดไหวพริบปฏิภาณของสาวงามแต่ละคนได้

                “สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์นอกเหนือจากปัจจัยสี่ อันได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ที่เรารู้อยู่แล้ว คุณคิดว่าสิ่งใดเป็นปัจจัยที่ห้าในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน เพราะอะไร”

                พิธีกรอ่านคำถามซ้ำสองรอบ แล้วให้ผู้เข้าประกวดหมายเลขน้อยสุดตอบก่อน

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ ดิฉันคิดว่า เงินค่ะ ที่เป็นปัจจัยที่ห้าในการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน เพราะถ้าเรามีเงิน เราก็จะสามารถมีทุกอย่างที่ต้องการได้” สาวงามคนแรกตอบจบแล้วก็มีเสียงปรบมือให้แก่คำตอบของเธอ ซึ่งคำถามนี้เป็นคำถามปลายเปิด ไม่มีถูกหรือผิด แต่ต้องหาเหตุผลมาประกอบให้ดูมีน้ำหนัก

พิธีกรชมคำตอบของคนก่อนหน้า และเชิญหมายเลขต่อไปออกมาตอบคำถาม

“สำหรับตัวน้องปราย คิดว่าปัจจัยที่ห้า คือ อินเทอร์เน็ตค่ะ จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้มันเข้ามามีบทบาทมาก และยังทำให้การใช้ชีวิตของเราสะดวกมากขึ้น”

“ขอบคุณสำหรับคำถามนะคะ สำหรับตัวแพรวเอง คิดว่าปัจจัยที่ห้าของแพรวก็คือ เพื่อนค่ะ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราต้องช่วยเหลือและพึ่งพากัน หากไม่มีเพื่อนๆ หรือคนรอบข้าง แน่นอนค่ะว่าเราก็จะอยู่คนเดียวไม่ได้”

แต่ละคนตอบได้ดี เรียกเสียงเชียร์จากผู้ชมในฮอลล้นหลาม  โดยเฉพาะคนที่มีทีมมาก

นีรชาฟังคำตอบของเพื่อนนางงาม แล้วก็เห็นด้วยกับความคิดนั้น กระทั่งถึงคิวของเธอออกมาตอบคำถาม

“สำหรับปัจจัยที่ห้าของนีน่า คือ การศึกษาค่ะ เพราะว่าการศึกษาจะพัฒนาเรา และจะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาทุกๆ ด้านของชีวิตได้อย่างชาญฉลาด นอกจากนี้ การศึกษายังเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศอีกด้วย ถ้าการศึกษาดี ประชาชนก็จะมีคุณภาพ ทำให้การเป็นอยู่ดีขึ้น ส่งผลต่อความเจริญของประเทศตามมาค่ะ ขอบคุณค่ะ”

นีรชาเลือกเอาสิ่งที่ใกล้ตัวและเธอผ่านมาแล้วมาตอบ ก่อนการมาประกวดนอกจากจะซ้อมเดินแล้ว หญิงสาวยังได้รับการเทรนตอบคำถามจากบรรดาเจ๊ๆ และหากว่างก็จะดูแนวทางการตอบคำถามบนเวทีของนางงามรุ่นพี่ จึงทำให้ทราบว่าต้องตอบไปแนวทางไหน

ครบทั้งสิบคนในการตอบคำถามรอบแรก สาวงามลงไปพักระหว่างรอกรรมการรวมคะแนน ระหว่างนั้นบนเวทีมีการแสดงโชว์เพื่อคั่นเวลา

รอบต่อไปจะคัดออกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้เหลือห้าคนสุดท้าย

“กูว่านีน่าเข้าห้าคนชัวร์” คีรีหันไปพูดกับภูรินทร์ “ตอบดีนะ แต่ก็ตอบดีทุกคนเลย ไม่มีใครแสดงความโง่ออกมา”

“แต่ก็สูสีอยู่นะ ถึงกูจะเชียร์แฟนเก่าไอ้คิณก็ตาม คำถามนี้อาจจะเปิดเกินไป รอดูรอบห้าคนสุดท้าย คำถามน่าจะยากขึ้น” 

“มึงว่าไอ้คิณจะให้นีน่ามงไหมวะ กูเริ่มเดาใจมันไม่ถูก” คีรีมองไปหาคนที่ถูกกล่าวถึง

“กูว่าถ้าทำได้ดีก็มงแหละ มันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอก มึงรอดูตอนที่นีน่าเดินออกมานะ ไอ้คิณนี่มองตาไม่กะพริบเลย อยากเห็นคะแนนที่มันให้น้องนีน่าจริงๆ เผลอๆ ได้เต็ม”

ไม่ผิดโพล เพราะสาวงามที่เข้ารอบห้าคนสุดท้ายเป็นไปตามที่แฟนเพจนางงามคาดการณ์ หนึ่งในนั้นประกอบไปด้วยแพรวพราว และนีรชา

เมษาไม่ผ่านเข้ารอบ ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่เสียใจ เพราะแค่นี้ก็ถือว่าเกินคาดแล้ว

ตอนนี้ทั้งห้าคนที่ผ่านเข้ารอบยืนเรียงหน้ากระดานบนเวที 

แพรวพราวคือคนแรก เธอเดินออกมาหยิบซองคำถามที่พิธีกรหญิง และส่งให้พิธีกรชายอ่านคำถาม “หากคุณเปรียบตัวเองเป็นดาวดวงหนึ่งในจักรวาล คุณจะเป็นดาวอะไร เพราะเหตุใด”

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ ถ้าหากให้แพรวเลือก แพรวจะเลือกดวงอาทิตย์ค่ะ เพราะว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาล และยังทำประโยชน์ให้ดวงดาวอื่นๆ ค่ะ” พูดจบแล้วก็ฉีกยิ้มให้กรรมการ ก่อนจะเดินกลับไปยืนที่เดิม

คำตอบของแพรวพราวถือว่าใช้ได้ แต่จะดีกว่านี้ถ้าขยายความต่อ

คนต่อไปเป็นนีรชา หญิงสาวเลือกซองคำถามและยืนรอพิธีกรอ่านคำถาม ตั้งสติ สายตามองไปที่เบื้องหน้า มือเท้าสะเอว

“ทุกวันนี้มีอาชญากรรมให้เห็นตามข่าวมากมาย คุณคิดว่าปัจจัยใดเป็นปัจจัยที่ทำให้สังคมไทยลดจำนวนอาชญากรรมลง และคุณจะมีวิธีการลดอาชญากรรมอย่างไร”

“แม่ง ทำไมได้คำถามยากจังเลยวะ ถามยังกับจะไปเป็นอธิบดีกรมตำรวจ” ภูรินทร์สบถหลังจากที่พิธีกรอ่านคำถามจบลง 

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ประเทศของเราเกิดอาชญากรรมมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่นีน่าคิดว่าเป็นปัจจัยที่จะทำให้อาชญากรรมลดลง ก็คือ ความเข้มแข็งของกระบวนการยุติธรรมค่ะ การบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ทำให้ผู้จะกระทำความผิดเกรงกลัว จึงไม่กล้าที่จะกระทำผิด สำหรับตัวนี่น่าเองนะคะจะเริ่มที่ครอบครัวก่อน นั่นคือ การปลูกจิตสำนึกที่ดีของครอบครัว และการเอาใจใส่สมาชิกในครอบครัว ขอบคุณค่ะ”

“แม่ง นีน่าตอบโคตรดี กูไม่เผื่อใจแล้ว” คีรีชมบ้าง เขาถึงกับยกนิ้วให้ตอนที่หญิงสาวกล่าวจบ

ธัญญ่ารีบเดินไวๆ เข้ามาที่ห้องแต่งตัวหลังจากสาวงามลงมาพัก บนเวทีเป็นการกล่าวอำลาตำแหน่งของเชอร์ลีน พรพรรษา 

“ตอนนี้กูรูนางงามเพจต่างๆ เคาะแล้วว่านีน่าต้องมงลง” ธัญญ่าดีใจจนเนื้อเต้น แม้ว่าผลยังไม่ประกาศเป็นทางการ การตอบคำถามรอบห้าคนสุดท้ายชี้ชัดแล้วว่ามงควรลงที่ใคร “จัดผมดีๆ เตรียมรับมงไปเลย เติมปากให้ฉ่ำๆ ด้วย”

“ได้เลยค่ะพี่ญ่า” ช่างรับคำ 

“กองจะเลือกตามผลการตอบคำถามจริงๆ ใช่ไหมคะพี่ญ่า” นีรชาได้ฟังคำตอบของเพื่อนนางงามขณะอยู่บนเวที เธอจึงมั่นใจคำตอบของตัวเองในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่วางใจนัก 

“ทุกๆ ปี ก็ทำแบบนี้นะ ไม่อย่างนั้นได้ทัวร์ลงเลย นีน่าไม่ต้องคิดมาก ยิ้มสวยๆ ไว้ก็พอจ้ะ”

หากนีรชาได้รับรางวัลชนะเลิศ ธัญญ่าก็จะได้สองเด้ง นั่นคือส่วนแบ่งจากรางวัลการประกวด และเงินจากการที่เธอไปแทงพนันไว้ เรียกว่าทุ่มหมดหน้าตัก ผลที่จะได้คืนมาก็หลักแสนทีเดียว

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา นีรชาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้มายืนกลางเวทีจับมือกับสาวงามอีกคนแบบนี้ ทั้งฮอลมืดสนิท มีเพียงแสงไฟสาดมาที่ตำแหน่งบนเวทีที่แพรวพราวและนีรชายืนจับมือกัน

หากพิธีกรไม่ได้ประกาศชื่อตนเองหลังจากนี้ นีรชาก็จะไม่เสียใจ เพราะว่าแค่นี้เธอก็สามารถก้าวผ่านขีดจำกัดของตัวเองมาได้ไกลมาก แถมเธอยังไม่ได้กลับบ้านมือเปล่า มีรางวัลที่ได้รับ มีมิตรภาพจากเพื่อนนางงาม และมีแฟนคลับที่คอยเป็นกำลังใจให้เธอ

และถ้าพิธีกรประกาศชื่อของเธอว่าเป็นผู้ที่ได้รับมงกุฎ ก็นับว่าเป็นข่าวดีมากๆ เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังเธอต้องการสิ่งนี้ ก็คือจุดสูงสุดบนเวที และหญิงสาวก็จะภูมิใจในตัวเองมากๆ เช่นเดียวกัน

“ชื่อที่ผมจะประกาศต่อไปนี้ คือผู้ที่ได้รับตำแหน่ง Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 และในขณะเดียวกัน ชื่อที่ผมไม่ได้ประกาศ จะเป็นเป็นรองอันดับที่หนึ่งนะครับ” เสียงทรงพลังของพิธีกรในช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้น บีบหัวใจของคนฟัง “ผู้ที่ได้รับตำแหน่ง Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 ได้แก่ หมายเลข...”

ไม่ใช่แค่สองสาวที่กลั้นหายใจ ผู้ชมและกรรมการบางท่านก็เหมือนกัน  

ภคิณมองไปที่เวทีนิ่งๆ เขาไม่ได้เข้าห้องประชุมเล็กเพื่อสรุปคะแนนกับกรรมการท่านอื่น เลยยังไม่ได้ทราบว่าใครกันแน่ที่ได้ครองมงกุฎ ซึ่งในใจของชายหนุ่ม ก็คิดไว้แล้ว

“หมายเลข 18 ขอแสดงความยินดีกับน้องนีน่า นีรชา อัปสรวงศ์ ด้วยครับ”

เมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง หญิงสาวยกมือปิดหน้าคล้ายจะร้องไห้ เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของนางงามคนก่อนๆ ว่ามันต้องดีใจขนาดไหนถึงน้ำตาจะไหลออกมา 

นีรชายิ้มทั้งน้ำตา

‘พ่อคะ นีน่าทำได้แล้วนะคะ’

พิธีกรประกาศชื่อของแพรวพราว ซึ่งได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023

เชอร์ลีน พรพรรษา ขึ้นมาสวมมงกุฎและสายสะพายให้แก่นีรชา ทุกคนมองภาพแห่งความประทับใจนี้ด้วยความยินดี 

ที่จริงเชอร์ลีนก็เชียร์แพรวพราว เพราะว่ามาจากทีมเดียวกัน นั่นคือทีมแองเจิล แต่ก็ต้องยอมรับผลการตัดสิน นีรชาสมมงที่สุดแล้ว 

ภคิณขึ้นมามอบช่อดอกไม้ให้สาวงามทั้งห้าคน และถ่ายภาพร่วมกันบนเวที ชายหนุ่มยืนตรงกลางติดกับนีรชา ขนาบข้างด้วยรองอีกสองตำแหน่ง

นีรชาและธัญญ่ายืนอยู่หน้าแบ็กดรอป มีช่างภาพและนักข่าวยืนมุงทั้งสองคนเพื่อสัมภาษณ์ หลังจากจบงาน นีรชายังอยู่ในชุดราตรี สวมสายสะพายและมงกุฎ

“ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับน้องนีน่ามากๆ เลยนะคะ ทำผลงานได้ดีมาก ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างคะ” นักข่าวจ่อไมค์ถามคนที่เพิ่งได้รับตำแหน่ง

“นีน่ายังตื่นเต้นไม่หายเลยค่ะ ยอมรับว่าดีใจมากๆ” เธอยิ้มให้นักข่าว

“พี่ธัญญ่าไปเจอน้องนีน่าได้ยังไงคะเนี่ย ทำไมตาดีได้ไปเจอเพชรเม็ดงาม” นักข่าวหันไปถามอีกคนบ้าง เป็นครั้งแรกที่เธอถูกสนใจขนาดนี้

“พี่เป็นลูกค้าร้านดอกไม้ของน้องนีน่าค่ะ เห็นน้องครั้งแรกก็ชวนมาประกวดเลย แต่น้องนีน่าไม่ยอม พี่ก็ตามตื๊อจนน้องนีน่าตกลงค่ะ ตอนแรกนี่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กันหมดเลย เพราะว่านีน่าไม่เคยประกวดอะไรมาก่อน”

“พี่ธัญญ่าเทรนน้องนีน่าใหม่หมดเลยหรือคะ”

“จะว่าแบบนั้นก็ถูกค่ะ มีทีมงานช่วยอีกแรง แต่น้องนีน่าเป็นเด็กน่ารัก เรียนรู้ได้ไว ทำให้น้องพัฒนาตัวเองมาได้ไกลมากๆ นับจากวันแรกค่ะ”

“คุณแม่ของน้องนีน่าล่ะคะ วันนี้มาแสดงความยินดีหรือเปล่า”

“คุณพ่อกับคุณแม่ท่านเสียแล้วค่ะ” ถึงจะเป็นคำตอบที่เศร้า แต่นีรชายังคงยิ้ม “ตอนนี้นีน่าอยู่กับน้องชายค่ะ”

“พี่ขอโทษค่ะ” นักข่าวขออภัยที่ถามคำถามกระทบจิตใจ

นีรชาแยกกับธัญญ่า คืนนี้หญิงสาวอยู่ในความดูแลของกองประกวด ธัญญ่าเองก็ต้องรีบไปจัดการธุระส่วนตัวของเธอเช่นเดียวกัน

รถตู้ของกองประกวดพานีรชาและบรรดาทีมงานมาถึงคอนโดในเวลาตีสอง หญิงสาวยังสวมชุดเต็มยศ เดินตามผู้จัดการกองคนสวยไปยังห้องพัก ซึ่งเป็นหนึ่งในรางวัลที่ได้รับ

                พอเปิดประตูเข้าไปก็มีพนักงานยืนรอต้อนรับและแสดงความยินดีกับ Miss Perfect Beautiful QueenThailand คนใหม่ 

                นีรชาเดินสำรวจห้อง จัดว่าหรูเลยทีเดียว แถมยังมีภาพของเธอในโมเมนต์ที่เพิ่งได้รับมงกุฎวางอยู่บนหัวเตียง แสดงว่าเพิ่งจัดมาร้อนๆ เพราะเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง

                “นี่จะเป็นห้องของนีน่าตลอดหนึ่งปีที่อยู่ในตำแหน่งจ้ะ” ปลิตาบอกกับนีรชา “พี่ขอแสดงความยินดีด้วยนะจ๊ะ และขอต้อนรับสู่ครอบครัวใหญ่ของเรา”

                ที่จริงปลิตาก็นึกเอ็นดูนีรชาไม่น้อย ตลอดระยะเวลาที่เก็บตัว เธอศึกษานิสัยของนางงามแต่ละคน พบว่านีรชาเป็นคนที่น่ารักมากๆ เธอจึงโอเคที่อนาคตจะได้ทำงานร่วมกันต่อไป

                “บอสกลับมาหรือยังคะพี่ปลา” หนึ่งในทีมงานของกองประกวดถามถึงภคิณ

                “น่าจะกำลังตามมานะ คงจะส่งสปอนเซอร์อยู่”

                นีรชาหูผึ่ง เมื่อได้ยินว่าภคิณจะตามมาที่นี่

                “นั่นไงมาพอดีเลยค่ะ” ทุกสายตาหันไปมองที่ประตูทางเข้า

                ภคิณเดินมาหยุดที่ด้านหน้านีรชา “ยินดีกับ Miss Perfect Beautiful QueenThailand คนใหม่ด้วยนะครับ” 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น