บทที่ ๗

7

ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน

                สาวงามทั้งห้าคนที่ได้รับตำแหน่งเดินทางมาเซ็นสัญญาที่กองประกวด ซึ่งเป็นตึกที่เชื่อมออกมาจากตึกบริษัทผลิตและจำหน่ายสกินแคร์และเครื่องสำอางชื่อดังอย่าง Seeric Cosmetics จากนั้นจึงเดินสายขอบคุณสปอนเซอร์ที่ร่วมสนับสนุนการประกวด

                หนึ่งในนั้นคือโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรม

                คณะ Miss Perfect Beautiful QueenThailand 2023 พร้อมกับผู้จัดการกองประกวดและทีมงานเข้าพบคีรีที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมที่มาใช้คัดตัวรอบต่างๆ 

                มีการนัดไว้ล่วงหน้าแล้ว เจ้าของโรงแรมจึงรอคอยการมาถึงของคนเคยรู้จัก

                เลขาฯ ของคีรีเปิดประตูห้องทำงานให้คณะที่มาถึงเข้าไป นีรชามองคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานก็ขมวดคิ้ว เพราะว่ารู้สึกคุ้นหน้าเขาเหลือเกิน 

                “สวัสดีค่ะคุณคีรี วันนี้ปลาพาน้องๆ มาขอบคุณที่สนับสนุนการประกวดของเราค่ะ” ปลิตากล่าวอย่างเป็นกันเอง สาวงามทั้งห้าคนยกมือไหว้คีรี 

ชายหนุ่มรับไหว้อย่างสุภาพ

                “เชิญนั่งก่อนครับ” โซฟาที่ห้องมีหลายตัว จึงเพียงพอต่อแขกที่มาพบ “ขอแสดงความยินดีกับทุกๆ คนมากๆ เลยนะครับ เมื่อคืนนี้ผมได้มีโอกาสไปดูการประกวด ทุกคนสุดยอดมาก”

                นีรชาจ้องคีรีนาน กว่าจะนึกออกว่าเขาคือเพื่อนของภคิณ หญิงสาวเคยเจอเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย 

คีรีมองมาที่เธอบ่อยๆ แสดงว่าจำได้

                นีรชาและเพื่อนนางงามมอบกระเช้าขอบคุณ พร้อมกับบันทึกภาพร่วมกับคีรี จากนั้นชายหนุ่มจึงชวนทุกคนไปรับประทานอาหารว่างที่ห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งเขาได้ให้คนจัดเตรียมไว้รอ

                แต่ก่อนที่นีรชาจะลงไปพร้อมกับทีมงาน คีรีก็ขอคุยกับหญิงสาวเป็นการส่วนตัวที่ห้องทำงาน

                คล้อยหลังทุกคนคีรีไม่รอช้า เดินไปนั่งลงที่โซฟาข้างนีรชาทันที 

                “จำพี่ได้ไหมนีน่า”

                “จำได้ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า สมัยที่คบกัน ภคิณชอบพาหญิงสาวไปเจอเพื่อนคนนี้บ่อยๆ “พี่คี”

                “ไม่เจอกันนานเลยนะ พี่นึกว่าแต่งงานไปแล้วเสียอีก” 

                “ยังหรอกค่ะพี่คี พี่มีอะไรกับนีน่าหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเข้าเรื่อง เกรงว่าคนที่ลงไปก่อนจะรอนาน ไม่มีใครทราบว่าเธอเคยรู้จักกันกับภคิณและคีรีมาก่อน

                “ตลอดเวลาที่เลิกกัน ไอ้คิณมันยังไม่มีใครนะ” คีรีตัดสินใจพูดเพราะสงสารเพื่อน ตลอดหกปีเขาอยู่ในทุกช่วงชีวิตของภคิณ ย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายรักนีรชามาก “มันยังรอนีน่า”

                “เรื่องมันผ่านมานานแล้วค่ะพี่คี นีน่าไม่อยากนึกถึงมันแล้ว นีน่าไม่อยากเจ็บอีกแล้ว”

                “ไอ้คิณมันไม่ได้ตั้งใจปิดบังนีน่าหรอก มันไม่ได้กลัวนีน่าหลอกมันด้วย มันรักนีน่ามาก พี่ดูออก ถ้านีน่ายังไม่มีใคร ลองให้โอกาสเพื่อนพี่ดูสักครั้งนะ”

                “ระหว่างนีน่ากับเขามันไม่เหมือนเดิมแล้วค่ะพี่คี มันกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ เราคุยกันนานแล้วเดี๋ยวพี่ปลารอ นีน่าว่าเราลงไปข้างล่างกันดีกว่าไหมคะ” นีรชาลุกขึ้นยืนตัดบท

ภคิณยังรักเธอเหรอ... เมื่อไม่กี่วันมานี้ยังสาดคำพูดใส่กันอยู่เลย 

                 วันนี้เป็นวันเกิดของภคิณ นีรชาที่ไม่มีเรียนในตอนบ่าย จึงมาที่คอนโดของชายหนุ่ม เพื่อนำเค้กที่เธอสั่งไว้มาเซอร์ไพรส์เขา เพราะทราบมาว่าวันนี้ชายหนุ่มไม่ได้ออกไปไหน

                หญิงสาวไม่รอให้ถึงค่ำ เพราะว่าเจ้าของวันเกิดบอกล่วงหน้าไว้แล้วว่า วันเกิดทุกปีเขาต้องกลับไปกินข้าวที่บ้านกับคุณพ่อและคุณแม่ เธอจึงไม่รบกวนเวลาครอบครัวเขา

                ภคิณให้คีย์การ์ดกับเธอไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาพาเธอมา หญิงสาวจึงสามารถเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของเขาได้โดยไม่ต้องรอเจ้าของห้องมาเปิดประตูให้

                ทว่า ตอนนี้กลับไม่มีใครอยู่

                มาเสียเที่ยวเหรอเนี่ย จะเซอร์ไพรส์เขา แต่โดนเซอร์ไพรส์กลับ

                อย่างน้อยก็ได้มาแล้ว นีรชาเลยเอาเค้กขนาดครึ่งปอนด์ร้านประจำที่เธอชอบกินไปแช่ไว้ในตู้เย็น และไม่ลืมเขียนโน้ตแปะไว้ หากเจ้าของห้องกลับมาจะได้รู้ว่าหญิงสาวไม่ได้ลืมวันเกิดเขา

                เธอมาแล้ว แต่ภคิณไม่อยู่เอง

                นีรชาสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว เตรียมตัวจะกลับ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นเขานั่นเอง คนที่เกิดวันนี้

                ชายหนุ่มมองมาที่นีรชาด้วยความตกใจ ก่อนจะเอ่ยถามเพราะคิดว่าหญิงสาวคงมาหาเขา “จะกลับแล้วเหรอ มาแล้วไม่เจอ ทำไมไม่โทร. หาพี่ก่อน” 

                นีรชาจำต้องถอดรองเท้าผ้าใบออก แล้วสวมสลิปเปอร์เดินตามชายหนุ่มเข้าไปนั่งลงที่โซฟาหน้าทีวีในห้องนั่งเล่น

                “ก็แค่แวะมาเฉยๆ ไม่ได้มีธุระสำคัญนี่คะ”

                “แน่ใจว่าไม่สำคัญ?” ชายหนุ่มจ้องหน้าคนพูด มันต้องมีอะไรแน่ๆ ไม่อย่างนั้นนีรชาไม่มาที่นี่คนเดียวโดยไม่บอกเขา ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็ไม่บังคับให้หญิงสาวพูด เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อจะดื่มน้ำ และเห็นอะไรบางอย่างในนั้น

                ‘สุขสันต์วันเกิดพี่คิณ ขอให้พี่มีความสุขมากๆ เป็นคนที่น่ารักแบบนี้ตลอดไป จากนีน่าแฟนพี่คิณ’

                ชายหนุ่มอ่านโน้ตที่แปะอยู่บนกล่องเค้กแล้วอมยิ้ม นี่สินะ เหตุผลที่นีรชามาที่นี่ ยังกล้าบอกว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอีก ชายหนุ่มถือเค้กและขวดน้ำเปล่าออกมาหาคนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่บนโซฟา พอเธอเห็นของในมือเขาก็ก้มหน้างุด

                น่ารัก

                “นี่เค้กของใครน้า” ชายหนุ่มลากเสียงยาว “ของนีน่าแฟนพี่คิณหรือเปล่า”

                ชายหนุ่มล้อเลียนข้อความบนโน้ต

                “พี่คิณ... อย่าล้อ” คนหน้าแดงบอก “เอามานี่เลยค่ะ เดี๋ยวนีน่าจุดเทียนให้เป่า”

                ไหนๆ ก็ไม่เซอร์ไพรส์แล้ว นีรชาจึงหยิบกล่องเทียนและไฟแช็กออกมาจากกระเป๋าผ้า แกะกล่องเค้กออก นำเทียนที่มีตัวเลขบอกอายุของเขาปักลงบนเนื้อเค้กนุ่ม และจุดไฟ

                นีรชายื่นเค้กที่มีแสงเทียนไสวไปตรงหน้าเจ้าของวันเกิด เธอร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดด้วยเสียงหวานๆ รู้สึกเขินเพราะโดนจ้องผ่านแสงเทียนอยู่ตลอด กระทั่งเพลงจบลง 

                “เป่าได้แล้วค่ะ”

                ภคิณโน้มตัวมาใกล้ เป่าครั้งเดียวเทียนเล่มนั้นก็ดับพรึบลง 

                “ขอบคุณ” 

                “เดี๋ยวนีน่าไปเอาช้อนมาให้ค่ะ” เธอลุกเดินไปที่ห้องครัว หยิบช้อนมาสองคันให้เธอและเขา “นี่ค่ะของพี่คิณ”

                ชายหนุ่มจับช้อนและตักเนื้อเค้ก เป็นเค้กมะพร้าวสีขาว ด้านบนมีเนื้อมะพร้าวและซอสราด เขาจ่อช้อนไปที่ริมฝีปากของนีรชา

                “คำแรกพี่ให้นีน่า” 

                นีรชาอ้าปากรับเนื้อเค้กหวานละมุนเข้าไป ก่อนจะทำแบบเขาบ้าง โดยการใช้ช้อนของตัวเองตักเค้กแล้วยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากภคิณ “คำนี้เป็นของพี่คิณค่ะ”

                ชายหนุ่มอ้าปากรับโดยดี หวาน... 

                แต่ครีมเค้กที่ติดอยู่บนมุมปากของหญิงสาวน่าจะหวานกว่า 

                “นีน่า...”

                “คะ...”

                ภคิณวางช้อนในมือ เขาโน้มตัวไปชิมครีมเค้กที่อยู่มุมปากข้างขวาของนีรชา ชายหนุ่มเลียมันช้าๆ จนหมด จึงผละออกจากหญิงสาว แต่ใบหน้ายังไม่ห่างกันไกล 

                “พี่ขอชิมอีกได้ไหม”

                ชายหนุ่มถือคติที่ว่า การไม่ปฏิเสธคือการตอบตกลง เขายืดตัวไปหานีรชาอีกครั้ง แนบริมฝีปากอุ่นร้อนลงกับเรียวปากบาง ช้อนในมือของนีรชาหล่นลงพื้น

                ภคิณแทรกเรียวลิ้นร้ายเข้าไปชิมเค้กดังที่บอกกับหญิงสาว เขาออกแรงให้นีรชาเงยหน้ารับสัมผัส ตะโบมจูบอย่างมูมมาม 

                ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอและเขาจูบกัน แต่มันอาจเป็นครั้งแรกที่ภคิณไม่อยากหยุด

                ชายหนุ่มกดสะโพกหญิงสาวเข้าหา ในขณะที่ริมฝีปากยังไม่ห่างจากกัน ก่อนจะจูบซับลงมาที่ปลายคางและลำคอระหง มือข้างหนึ่งแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาตัวบาง

                “พี่คิณ...” นีรชาเรียกชื่อเขา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันกำลังจะไปไกล

                “ว่าไง นีน่า” ขานรับแต่ยังไม่หยุด 

                “พอแล้วค่ะ” ดันแผงอกของชายหนุ่มด้วยแรงอันน้อยนิด ไม่ให้เขาโน้มลงมาใกล้ “เราจะไปไกลกว่านี้ไม่ได้”

                “ทำไมไม่ได้ หือ” ชายหนุ่มจ้องคนที่เอนราบไปกับโซฟา “เราเป็นแฟนกันแล้ว”

“แต่นีน่ากลัว”

“กลัวพี่?”

“...” นีรชาส่ายหน้า “นีน่ากลัวท้อง”

คำตอบของหญิงสาวทำให้ภคิณระบายยิ้มเอ็นดู เวลาที่นีรชาจะทำอะไร เธอต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมาเสมอ เป็นข้อดีที่ทำให้เขาชอบในตัวเธอ คือ เป็นคนรอบคอบ

“ถ้าพี่ไม่ทำให้ท้องล่ะ” สบตากับคนที่กลัว “เอาได้มั้ย”

“...”

“เอานะ”

“...”

“ไม่ท้องหรอก” เขาใช้จังหวะที่หญิงสาวลังเลดันเธอลงราบกับพื้นโซฟากว้าง “เป็นของขวัญวันเกิดให้พี่นะ เด็กดี...”

หรือการโน้มน้าวใจจะเป็นความสามารถพิเศษของชายหนุ่ม แถมน้ำเสียงออดอ้อนนั้นยังทำให้ยากที่จะปฏิเสธ นีรชาหลบสายตาที่มองมา เธอรู้ว่ากำลังจะทำอะไร และยินยอมพร้อมใจไปกับเขา แต่ยังมีความอายเหลืออยู่เลยไม่กล้าสู้หน้า 

หญิงสาวปล่อยให้ชายหนุ่มแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาสีขาวโอโม่ จนเหลือเพียงแค่บราลูกไม้สีขาว ก่อนที่เขาจะเลื่อนมือไปถอดเข็มขัดนักศึกษาและกระโปรงทรงสอบออก ตามด้วยกางเกงขาสั้นที่เธอใส่ซ้อนไว้

“พี่คิณ นีน่าอาย” เธอตัดสินใจบอก เขาค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าเธอทีละชิ้นอย่างใจเย็น ราวกับกำลังแกะของขวัญเหมือนที่บอกไว้ 

“อย่าอายพี่เลย เดี๋ยวพี่ก็ถอดเป็นเพื่อนนีน่าแล้ว”

นั่นยิ่งจะทำให้เธอเขินอายกว่าเดิม...

ว่าแล้วก็ถอดเสื้อยืดสีเข้มออกทางศีรษะ เผยให้เห็นแผงอกแน่นๆ ที่นีรชาไม่เคยเห็น เคยแต่สัมผัส ชายหนุ่มยิ้มเมื่อมองเห็นดวงตาที่เบิกขึ้นของนีรชา

ภูมิใจในหุ่นของตัวเองก็วันนี้แหละ

 “เข้าห้องนอนกันเถอะ นีน่าจะได้ไม่เจ็บหลัง” 

“พี่คิณ!” นีรชาร้องแหว เธอโดนอุ้มลอยหวือในท่าเจ้าหญิง ตรงดิ่งเข้าห้องนอนของภคิณ 

เขาวางเธอลงบนเตียงขนาดหกฟุต และตามลงมาจูบเธอทันที นีรชาแทบจะจมลงกับเตียงกว้าง ภคิณตะโบมจูบอย่างกระหาย ราวกับรอเวลาที่เธอสมยอมมานาน  

ชั้นในลูกไม้ของเธอถูกเขาถอดออกอย่างง่ายดาย ทรวงอกขนาดคัปซีไร้ปราการห่อหุ้ม ภคิณจูบซับตามลำคอ เลื่อนต่ำลงมาหยุดที่หน้าอกคู่งาม เขาจินตนาการหลายครั้งตอนที่มันอยู่ใต้ร่มผ้า แต่วันนี้เขาสามารถมองโดยไม่มีอะไรมาปกปิด ที่ดีกว่านั้นคือ เขาสามารถสัมผัสมันได้ด้วยปาก

“อื้อ...” ทั้งที่ชายหนุ่มสัมผัสหน้าอก ช่องท้องกลับร้อนวูบวาบ แม้ว่าเธอจะยกมือขึ้นมาปกปิดไม่ให้เขาเชยชม แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานความต้องการของภคิณได้ เขาสัมผัสมันได้อย่างสบาย มือเล็กๆ ของเธอไม่เป็นอุปสรรค

“เรียกพี่นีน่า”

เสียงหวานๆ ของนีรชาทำให้เขาฮึกเหิม กดจูบลงที่โนมเนื้อหนักๆ ดูดดึงอย่างโปรดปราน ยอมรับว่าชอบหน้าอกขาวอวบคู่นี้มาก

“พี่คิณ...” เขาทำให้เธอแทบขาดใจ

“ดีมากครับ คนเก่ง” ภคิณจูบซับลงมาเรื่อยๆ พลางมองใบหน้าแดงก่ำของคนอ่อนประสบการณ์ ดวงตาเธอฉ่ำวาว ริมฝีปากแดงเจ่อ เขาไม่อยากให้ใครเห็นเธอในตอนนี้เลย

เซ็กซี่เป็นบ้า! แค่นี้อวัยวะกลางกายของเขาก็ปวดหนึบ แต่ต้องทนไว้ก่อน...

นีรชาหนีบขาเข้าหากันทันทีที่เขาแตะมือลงที่กลางกายสาว เธอจะถดตัวหนี แต่ชายหนุ่มจับเรียวขาไว้แล้วแยกออกจากกัน จ้องมันไม่กะพริบ

“สวย สวยมาก”

“อ๊ะ...” ความอุ่นชื้นที่แตะลงกลางกายทำให้สติของนีรชาแตกกระเจิง มันหวามไหวเกินกว่าที่จะรับ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยมีใครได้แตะต้อง และไม่มีใครได้สัมผัสลึกซึ้งเท่าภคิณมาก่อน

ชายหนุ่มใช้ปลายลิ้นสร้างความปั่นป่วนให้นีรชา เธอสวยจนเขาอดใจไม่ไหวต้องซุกหน้าลงไปสัมผัส แถมยังหายใจเป่ารดจนหญิงสาวขนลุก 

“พี่คิณ นีน่าเสียว”

เขาลงลิ้นกับเธอหนักๆ กวาดชิมน้ำหวานทุกซอกมุม แทบจะทำให้หญิงสาวใจขาด จนในที่สุดเธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองลอยได้ แม้ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยแต่เหนื่อยหอบ

ภคิณทำให้เธอเสร็จสมด้วยลิ้นร้ายๆ ของเขา

ชายหนุ่มลงจากเตียง เปิดลิ้นชักแล้วหยิบซองสีเงินออกมาราวๆ ห้าซอง ถอดกางเกงและชั้นในของตัวเองออก สวมเครื่องป้องกันแล้วกลับขึ้นมาบนเตียงอีกหน

นีรชาลอบมองลูกรักของเขา แล้วใบหน้าเห่อร้อน

จะไหวไหมนะนีน่า...

“อ้าขาออก”

นีรชาไม่ทำตาม ภคิณจึงต้องจับเรียวขาสวยของเธอแยกออกจากกัน นำตัวเองมาแทรกกลางไว้ ถูความแข็งขึงที่บวมเป่งกับความอ่อนนุ่มช้าๆ ให้น้ำใสๆ เคลือบมัน

“รู้สึกยังไงนีน่า”

“...” นีรชากัดปากอย่างอดกลั้น 

“อยากให้พี่เข้าไปหรือยัง” ยังคงถูไถ ไม่ยอมดันเข้าไปเสียที “อยากให้พี่เอาหรือยัง หืมมม”

ครั้งนี้เขาดันส่วนปลายเข้าไปนิดเดียวแล้วถอนออก ทำซ้ำๆ จนนีรชาทนไม่ไหว ใจจะขาดอยู่รอมร่อ

“พี่คิณ อย่าแกล้งนีน่า” เธอส่งสายตาอ้อนวอน “พี่คิณขา...”

ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะทนต่อเสียงออดอ้อนของเธอได้ ภคิณดันลำร้อนผ่าวเข้าไปลึกขึ้น แต่มันช่างยากลำบาก ความอ่อนนุ่มบีบรัดตัวตนของเขาแน่นเหลือเกิน

นีรชาน้ำตาซึม ทำไมมันเจ็บแบบนี้...

แต่ชายหนุ่มก็น่าจะเจ็บไม่ต่างกัน เขากัดฟันกรอด ใบหน้านั้นแดงก่ำ เหงื่อผุดตามกรอบหน้า เขาก้มลงจูบเธออีกหน พร้อมกับดุนดันส่วนนั้นเข้ามาทีละนิด ทีละนิด

“เจ็บมากไหม” ภคิณเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาของนีรชา รอให้หญิงสาวปรับตัวก่อนจะดันเข้าไปอีก

แค่นี้ก็รู้แล้วว่า เขาคือคนแรกของเธอ

“ดีขึ้นแล้วค่ะ” เมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่รู้สึกเจ็บเหมือนในตอนแรก 

ภคิณจึงดันส่วนที่เหลือเข้าไปอีกจนสุด

“อ๊ะ...” ก็นึกว่าเข้ามาหมดแล้ว แต่มันยังเหลือ แถมเขายังดันมันเข้ามาตอนที่เธอไม่ตั้งตัว คราวนี้นีรชาถึงกับน้ำตาไหลเป็นเขื่อนแตก

“พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มจูบเรือนผมปลอบขวัญ

เขาจูบซับไปตามกรอบหน้าจนน้ำตาแห้งเหือด มองคนใต้ร่างด้วยสายตาอ่อนโยน ตอนแรกเขาชอบเธอเพราะความสวย แต่พอได้รู้จักจริงๆ เขากลับชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ นีรชาทำให้เขาอดทน ไม่รีบร้อนในความสัมพันธ์ รู้จักการรอคอย 

ภคิณขยับจุดที่ประสานกันทั้งของเขาและเธอช้าๆ มองหน้าหญิงสาวตลอดเวลาเพื่อดูว่าเธอโอเคหรือเปล่า จากเนิบนาบก็เปลี่ยนเป็นเร็วขึ้น

นีรชาวางมือไว้ที่แผงอก วางสายตาไว้ที่นั่น มองมันขยับขึ้นลงตามการนำพาและจังหวะการหายใจของเขา ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงซึมซับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น

“นีน่าลืมตามองพี่”

ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นด้วยจังหวะที่เร็วถี่ จนร่างกายนีรชาสั่นคลอน หญิงสาวลืมตาขึ้นมองตามคำสั่ง เธอมองหน้าเขาแล้วเลื่อนสายตาลงต่ำ ผ่านลำคอลงมาที่แผงอก หน้าท้องที่มีขนอ่อนรำไร แล้วหยุดสายตาไว้ที่จุดเชื่อมประสานกัน

นีรชามองความแข็งขึงขยับเข้าออกด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว

เขาตอกตรึงด้วยจังหวะคงที่ เน้นๆ 

“ชอบไหม” ชายหนุ่มอัดกระแทกย้ำๆ “นีน่าชอบมั้ยครับ”

“ชอบ” เธอตอบพลางหลบตา 

“ถ้าชอบก็เรียกพี่ดังๆ” ภคิณประคองสะโพกกลมกลึงด้วยมือทั้งสองข้าง ขยับสะโพกตัวเองเข้าหาเธอสุดแรง ยิ่งหญิงสาวเบียดสะโพกสวนเขาก็ยิ่งชอบใจ จึงเด้งใส่จนมันเข้าไปในตัวหญิงสาวจนสุดลำ

“พี่คิณ”

“แน่นมาก” ปล่อยมือจากสะโพกมน ไปกอบกุมทรวงอกที่กระเพื่อมตามแรงที่เขาส่งมา โน้มตัวลงดูดดึงมันอีกครั้ง ขณะที่ส่วนล่างยังคงทำหน้าที่สอดประสานกันไม่หยุด

                “ไม่ไหวแล้วพี่คิณ...” นีรชาบอกเสียงสั่น เธอจิกเล็บลงกับต้นแขนทั้งสองข้างของเขาเพื่อระบายอารมณ์ 

                ภคิณกระหน่ำกระแทกกระทั้นในเวลาที่อารมณ์พุ่งสูง เสียงครวญครางของทั้งสองหวีดร้องแข่งกัน ร่างเล็กสั่นคลอนก่อน หลังจากนั้นเขาก็สามารถตามเธอไปถึงฝั่งในเวลาไล่เลี่ยกัน  

                ภคิณถอนกายออกจากความชุ่มฉ่ำ ถอดเครื่องป้องกันทิ้งแล้วสวมชิ้นใหม่ กลับขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง ในขณะที่นีรชานอนหอบเหนื่อย

                “พี่คิณ ยังไม่พอเหรอคะ” หญิงสาวท้วง เมื่อตัวเองโดนจับให้อยู่ในท่าคลานเข่า ก่อนจะขนลุกซู่เมื่อมีบางอย่างแทรกเข้ามาในตัวจากทางด้านหลัง

                “พี่ยังมีหลายท่า อยากสอนนีน่าอยู่เลย” เขาขยับสะโพกเข้าออกในตัวหญิงสาว “อย่าเพิ่งหมดแรงนะเด็กดี”

                ‘นอนพักนะ เดี๋ยวพี่กลับมา อย่าแอบหนีกลับก่อนนะครับ...’

                ภคิณกระซิบบอกนีรชาที่นอนสลบเหมือดอยู่บนเตียง ก่อนที่เขาจะกลับบ้าน หญิงสาวสะลึมสะลือขึ้นมาฟังเขาแล้วหลับต่อ 

                เธอเพลียเหลือเกิน 

                ภคิณขอของขวัญวันเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะพอใจก็เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน ถึงกระนั้นเขายังมีแรงที่จะกลับบ้าน เชื่อแล้วว่าถึกและทนจริง

                นีรชาตื่นขึ้นมาเป็นเวลาเกือบสามทุ่ม ผลจากการกระทำสร้างความปวดระบมให้เธอ โดยเฉพาะส่วนนั้น หญิงสาวใช้ผ้าห่มคลุมตัวไว้ พาร่างอันปวดร้าวตามหาชุดที่ใส่มา คงจะอยู่ที่ห้องนั่งเล่น แต่สายตาดันไปเห็นมันถูกแขวนไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อน คงเป็นภคิณที่เก็บมาไว้ให้

                หญิงสาวพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำล้างคราบต่างๆ นานาออกจากร่างกาย แล้วออกมาสวมชุดนักศึกษาชุดเดิม มัดผมไว้ลวกๆ เดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น 

                ถ้าหนีกลับก่อนเขาจะโกรธไหมนะ...

                นีรชาได้แต่คิด ยังไม่ได้ทำ ภคิณก็เปิดประตูเข้ามาก่อน พร้อมกับถุงชอปปิงในมือ เขาอยู่ในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีกรม กางเกงยีนสีเข้ม เดินตรงมาที่เธอ

                “ทำไมตื่นไวจัง” เขาวางถุงลงที่โต๊ะด้านหน้า “พี่นึกว่าจะหลับนานกว่านี้”

                “แค่นี้ก็นานแล้วค่ะ” ตั้งสามชั่วโมง “ถุงอะไรคะเนี่ย”

                “ของนีน่านั่นแหละ เปิดดูสิ”

                เมื่อได้รับอนุญาต นีรชาจึงเปิดดูถุงใบแรก เป็นเสื้อผ้าที่ซักเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกถุงเป็นรองเท้าแตะและรองเท้าส้นสูง และถุงใบสุดท้ายเป็นเครื่องสำอางแบรนด์ดัง เธอเห็นบรรดาคนในวงการใช้บ่อยๆ 

                “พี่คิณเอามาจากไหนคะ” ราคาของมันไม่ใช่น้อยๆ แน่ ดูแต่ละแบรนด์ที่เขาเอามาสิ อย่างเครื่องสำอางนี่ก็ของบริษัท SCJ

                “ญาติพี่เขาซื้อมาแล้วไม่ใช้น่ะ เลยเอามาให้คุณแม่พี่ แต่มันไม่เหมาะกับวัย แม่พี่เลยไม่ใช้ พี่เห็นว่าน่าจะเหมาะกับนีน่าเลยเอามาให้”

                ภคิณโกหก หากบอกว่าซื้อมาให้ก็เกรงว่าหญิงสาวจะไม่ใช้เพราะว่าเกรงใจ

                “โห น่าเสียดายจังเลยนะคะ มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นเลย เหมือนไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อนด้วยซ้ำ นีน่าว่าเอาไปคืนดีไหมคะ ถ้าไม่ใช้แล้วเอาไปขายต่อก็ได้นี่นา”

                “ขายได้ราคาไม่เท่าไหร่หรอก ตกรุ่นไปแล้ว นีน่ารับไปเถอะ ดีกว่าปล่อยมันไว้เฉยๆ นะ” 

                “งั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

                “สี่ทุ่มพี่จะต้องไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน”

                “อ๋อ... งั้นพี่คิณแวะส่งนีน่าที่หอพักได้ไหมคะ” 

                “ไปด้วยกันสิ”

                “นีน่าไปได้เหรอคะ คงมีแต่เพื่อนๆ พี่คิณ” นีรชาเกรงใจ 

                “ได้สิ มีแต่คนกันเองทั้งนั้น บางคนนีน่าก็เคยเจอแล้ว” อย่างคีรีก็แทบจะคุ้นเคยกันดี “ใส่ชุดพวกนี้ได้เลย ไม่ต้องกลับหอก่อน เครื่องสำอางก็มีพร้อม”

                เหมาะเจาะ! ราวกับเตรียมการมาก่อน

                นีรชากลับบ้านที่จังหวัดปทุมธานีในวันหยุดยาว บ้านยังเงียบเชียบเหมือนทุกครั้ง เพราะว่าบิดาของเธอทำงานอยู่ที่ต่างประเทศ นานๆ ถึงจะกลับมาที่ประเทศไทย แต่ยังส่งเงินมาให้ทุกเดือน ส่วนมารดาของหญิงสาวไม่ค่อยอยู่บ้านแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว วันธรรมดาต้องทำงานที่ธนาคาร บางครั้งก็ต้องออกต่างจังหวัดไปหาลูกค้า พอวันหยุดก็อยู่บ้านแป๊บเดียวแล้วออกไปหาเพื่อนบ้าง ไปเที่ยวบ้าง 

                นีรชาชินเสียแล้ว

                เธอไม่มีปัญหาในความสุขของท่าน เพียงแต่บางครั้งก็อยากเจอหน้าแม่บ้าง

                “นีน่ามาเหรอ” เมื่อเห็นประตูบ้านไม่ได้ล็อก เจ้าของบ้านที่เพิ่งกลับมาถึงก็ส่งเสียงเรียกบุตรสาว “มาตั้งแต่วันไหน”

                นีรชาเดินลงมาจากห้องนอน “มาเมื่อเช้านี้ค่ะแม่ แม่ไปไหนมาคะ”

                “ไปหาเพื่อนมา” นารินทร์ตอบบุตรสาว ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ “ช่วงนี้พ่อได้โทร. หาหรือเปล่า”

                “โทร. เรื่อยๆ ค่ะ” บิดาของเธอโทร. มาหาอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง เพราะเวลาไม่ค่อยตรงกัน “แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ”

                นีรชาเดินไปนั่งข้างๆ นารินทร์ และสังเกตได้ว่ามารดาของเธอดูอวบขึ้น

                “เดือนนี้พ่อแกส่งเงินมาน้อย แม่จะลดค่าขนมแกนะ” ที่จริงสามีของเธอยังส่งให้เท่าเดิม เพียงแต่นารินทร์ต้องเอาเงินไปทำอย่างอื่น “ไม่มากหรอก แค่ห้าพัน ถ้าไม่พอใช้ค่อยขอเพิ่ม”

                ถึงกระนั้นยังให้ทางออกอีกทางหนึ่ง เพราะเธอรู้ว่าน้อยนักที่นีรชาจะขอ

                “ค่ะแม่” แม้อยากถามว่าพ่อฝากมาเท่าไหร่ แต่เธอก็ไม่ได้ถาม เดี๋ยวนารินทร์จะโวยวาย รอถามบิดาตอนที่โทร. มาก็ได้ หากบิดาติดขัด นีรชาอาจจะหางานพิเศษทำเหมือนที่เคยทำ

                “คืนนี้แม่ไม่กลับบ้านนะ อยู่บ้านคนเดียวก็ล็อกบ้านดีๆ” นารินทร์ลุกขึ้น

                “แม่จะไปไหนคะ”

                “มีนัดกับเพื่อนน่ะ อย่าเล่าให้พ่อแกฟัง เดี๋ยวโทร. มาบ่นฉันอีก”    

                มหาวิทยาลัยเปิดเรียนตามปกติ นีรชากลับมาจากบ้านเมื่อวานนี้เย็นๆ เธอยืนรอรถรางของมหาวิทยาลัยเพื่อเดินทางไปยังตึกคหกรรมกับนักศึกษาคนอื่นๆ ไม่นานรถที่เธอรอก็มาถึง หญิงสาวก้าวขาขึ้นไปแล้วเลือกที่นั่งด้านใน 

                นีรชามองออกไปข้างทาง ระหว่างที่รถรางเคลื่อนที่ไปยังคณะต่างๆ ของมหาวิทยาลัย สายตาของหญิงสาวก็สะดุดเข้ากับรถคันคุ้นเคยที่มารับเธอบ่อยๆ 

                รถของภคิณ แต่ใครนั่งข้างเขา...

                เป็นผู้หญิงเสียด้วย

                เมื่อเช้าภคิณไลน์มาหาเธอ ทั้งคู่คุยกันตามปกติ ชายหนุ่มมีนัดกับอาจารย์เกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ในตอนเช้า ส่วนเธอเริ่มเรียนตอนสาย หญิงสาวเลยไม่ได้ให้เขาไปรับที่หอพัก 

เขาคงเพิ่งคุยงานกับอาจารย์เสร็จ

หลังจากที่นีรชาเรียนจบคลาส เธอมาเดินห้างก่อนจะกลับหอพัก เพราะว่าของใช้ส่วนตัว จำพวก สบู่ ครีมใกล้จะหมด หญิงสาวเดินผ่านชอปเครื่องสำอางแบรนด์ดัง

เธอจำได้ว่าเป็นแบรนด์ที่ภคิณเอามาให้ในวันเกิดของเขา หญิงสาวชอบเพราะใช้ดีมาก ที่สำคัญเป็นโทนสีที่เหมาะกับเธอ หากใช้หมดก็น่าจะได้ซื้อใช้ต่อ เธอจึงเดินเข้าไปดูราคาไว้

ไหนภคิณบอกว่าตกรุ่นแล้ว นี่มันคอลเล็กชันใหม่ล่าสุดเลยนี่น่า

หญิงสาวยืนมองลิปสติก เป็นรุ่นเดียวและสีเดียวกับที่เธอได้รับ เหลือบไปมองป้ายราคาแล้วร้องอู้ในใจ 

หลักพันเลย...

เธอซื้อไหว แต่ก็ต้องคิดหนักพอสมควร 

หญิงสาวเดินไปที่โซนของบลัชออนบ้าง ที่อยู่กับนีรชาเป็นสีพีช หญิงสาวมองป้ายราคาและไม่ค่อยแปลกใจนัก ขนาดลิปสติกยังราคาขนาดนั้น บลัชออนก็ต้องแพงกว่า แค่ตลับก็ดูหรูหราแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณภคิณ”

ทำไมชื่อคุ้นจัง... นีรชาหันไปมองตามเสียงพนักงานต้อนรับแล้วก็เห็นภคิณ แต่ชายหนุ่มไม่เห็นหญิงสาว เนื่องจากชั้นสินค้าบังอยู่ และเธอยืนหันหลังเลือกสินค้า

พี่คิณมาทำอะไรที่นี่... 

ข้างกายเขามีผู้หญิงตัวเล็กๆ สวยหวาน และผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวดูดีมีฐานะ ส่วนภคิณยังอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กางเกงสแล็ก

“เกรซอยากดูอะไรบอกพนักงานได้เลย” ภคิณผายมือเชิญ

ที่จริงวันนี้คุณมุกดานัดรับประทานอาหารเที่ยงกับมารดาของเกษรา ท่านก็เลยลากเขามาด้วย แถมยังให้ไปรับเกษราที่คณะของเธอและออกมาพร้อมกัน

พอกินข้าวเสร็จมุกดาก็ขอตัวกลับ เพราะต้องรีบไปประชุมต่อ ส่วนเกษราและคุณน้าแม่ของเธอสนใจเครื่องสำอางคอลเล็กชันใหม่ที่บริษัทเพิ่งเปิดตัว มุกดาเลยให้พามาดู

“เกรซอยากได้ลิปค่ะ ไม่รู้ว่าสีไหนสวย พี่คิณช่วยเลือกหน่อยสิคะ” เกษราอ้อน 

“เดี๋ยวแม่ขอไปดูรองพื้นก่อนนะ” มารดาของเกษราเดินจากไป ปล่อยให้หนุ่มสาวอยู่ด้วยกันสองคน

นีรชายังคงยืนหันหลังทำท่าเลือกบลัชออน เธอไม่กล้าออกจากร้าน เพราะว่าภคิณและเกษรายืนอยู่แถวนั้น หากเธอเดินออกไปมีหวังได้เห็น

แล้วทำไมต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ด้วย เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา

เขาและผู้หญิงคนนั้นต่างหากเป็นอะไรกัน...

“เกรซเลือกได้แล้วค่ะ เอาสีที่พี่คิณเลือกเลย เกรซชอบ เดี๋ยวขอไปจ่ายตังค์ก่อนนะคะ” เกษราทำท่าจะเดินไปที่เคาน์เตอร์ แต่ภคิณเบรกไว้ก่อน

“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง ทั้งของเกรซและคุณน้า” เป็นสินค้าของบริษัท แถมเกษราและมารดาของเธอยังเป็นแขกของมุกดาแม่ของเขา หากมุกดารู้ว่าเขาให้เกษราจ่ายเอง มีหวังโดนบ่นจนหูชา

ภคิณยื่นบัตรให้พนักงาน

“ขอบคุณค่ะพี่คิณ” เกษราไหว้ขอบคุณ “ลูกชายเจ้าของบริษัท สายเปย์ที่สุด เดี๋ยวเกรซจะรีวิวให้นะคะ ว่าสินค้าของพี่คิณเนี่ย ดีขนาดไหน”

‘ลูกชายเจ้าของบริษัท’

‘สินค้าของพี่คิณ’

ครอบครัวภคิณเป็นเจ้าของ SCJ Group งั้นเหรอ... 

แล้วทำไมเขาไม่บอก นีรชาหน้าชา ไม่รู้ว่าจะตกใจกับเรื่องไหนก่อนกันระหว่างฐานะของชายหนุ่มที่ปิดบังเธอไว้ หรือความสัมพันธ์ของภคิณกับเกษรา

พนักงานนำสินค้าที่เกษราและมารดาเลือกใส่ถุงของแบรนด์แล้วยื่นให้ พร้อมกับคืนบัตรให้ภคิณ ทั้งสามคนจึงเดินออกจากชอปไป โดนไม่เห็นใครบางคนที่มองตามกระทั่งลับสายตา

“พี่คะ ผู้ชายคนเมื่อกี้คือใครเหรอคะ” ไหนๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว นีรชาเลยถามกับพนักงานให้รู้กันไปเลย “คนที่มากับผู้หญิงสองคนเมื่อกี้ค่ะ”

 “คุณภคิณค่ะ ลูกชายคนเดียวของประธาน SCJ Group ค่ะ” พนักงานตอบชัดแจ๋ว “คุณลูกค้ามีอะไรหรือเปล่าคะ”

“อ๋อ เปล่าค่ะ หล่อดี นึกว่าดารา” นีรชายิ้มแห้ง ทั้งที่ในใจหน่วงหนึบ “แล้วผู้หญิงคนสวยๆ ล่ะคะ”

“คุณเกษราค่ะ คู่หมายของคุณภคิณ” ที่เธอทราบเป็นเพราะว่าสองครอบครัวนี้สนิทกัน และคนที่ทำงานในออฟฟิศก็เคยได้ยินมุกดาเปรยๆ เลยเอามาเล่าต่อว่าสองครอบครัวจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน

นีรชาขอบคุณสำหรับคำตอบและเดินออกมาจากชอปเครื่องสำอางด้วยหัวใจที่ปวดหนึบ 

มันชัดแล้ว...

ชัดแล้วว่า...เธอโดนหลอกมาตลอด 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น