9

ตอนที่ 8


หลังจากที่ซาอิมพาสิรดากับชาจีฟมาส่งยังรถยนต์ที่จอดอยู่ในชั้นของผู้บริหาร ทั้งสองคนก็เข้าไปนั่งรอในรถ และทันทีที่ประตูรถปิดลง สิรดาก็ดึงเด็กชายเข้ามากอด พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ชาจีฟอย่าไปฟังที่ผู้หญิงเสียสติคนนั้นพูด ผู้หญิงคนนั้นพูดเลอะเทอะ”

            ชาจีฟส่ายหน้า พูดเสียงเบา “ผู้หญิงคนนั้นพูดเรื่องจริง”

            สิรดาอึ้งไป ก่อนจะกระชับอ้อมกอดรัดร่างเล็กๆ ให้แน่นขึ้นอย่างห่วงใย และชี้ให้เด็กชายเห็นถึงข้อเท็จจริงว่าตนเองนั้นเป็นสุดที่รักของพ่อชามาล์มากแค่ไหน

            “ถึงเป็นเรื่องจริงก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เพราะพ่อชามาล์ก็รักชาจีฟที่สุดอยู่แล้ว”

            “ชาจีฟรู้ว่าพ่อรักชาจีฟที่สุด แต่ชาจีฟเกลียดผู้หญิงคนนั้น ต่อหน้าพ่อทำเป็นอ่อนหวานเอาใจ แต่ลับหลังตวาดคนอื่นแว้ดๆ หนวกหูจะตาย” เด็กชายเริ่มฟ้องเสียงดัง

            สิรดาอมยิ้ม พูดได้เยอะเหมือนเดิมขนาดนี้ แสดงว่าชาจีฟคงหายเศร้าลงไปได้บ้างแล้ว

            “ยายปากแดงนั่น คงนึกว่าชาจีฟไม่รู้ แต่ขอบอก ชาจีฟรู้ทุกอย่างนั่นแหละ” เด็กชายเชิดหน้าขึ้น คุยโม้อวดๆ

            “อ้าว! ชาจีฟรู้แล้ว” สิรดาพูดงงๆ ถามกลับอย่างสงสัย “แล้วที่ชาจีฟเงียบไป เพราะ...”

            ชาจีฟฉีกยิ้มกว้างให้สิรดา “ขืนชาจีฟไม่เงียบ พี่ดาวก็โดนพ่อเล่นงานสิ ก็เล่นเอากำปั้นไปยัดปากยายปากแดงแบบนั้น แต่พี่ดาวรู้มั้ย ชาจีฟน่ะ ชอบสุดๆ ยิ่งตอนที่ยายนั่นได้กินกำปั้นแล้วลงไปนอนกองกับพื้น ชาจีฟงี้อยากให้พี่ดาวเตะปิดท้ายอีกสักครั้ง เอาให้เละติดพื้นไปเลย”

            “เหอๆๆ” สิรดาส่ายหน้า หัวเราะหึๆ เพราะเริ่มประจักษ์ชัดแล้วว่าเชื้อเจ้าเล่ห์โดดเด่นจริงๆ ตระกูลนี้ เหลี่ยมจัดเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก

            “พี่ดาวเก่งที่สุด” เด็กชายหัวเราะ กอดคอสิรดาแน่น

            “แหม พี่ดาวก็ไม่เก่งอะไรหรอก แต่ยายปากแดงสมควรได้รับการสั่งสอนซะบ้างจะได้เข็ด วันหลังจะได้ไม่มาพูดมากใส่พวกเราสองคนอีก” สิรดาพูดยิ้มๆ

            “ใช่ๆ จะได้เข็ด” คู่หู่ตัวเล็กพยักพเยิดเห็นด้วยทุกอย่าง “แล้วพี่ดาวอยากรู้มั้ย ว่าชาจีฟลูกใคร”

            สิรดาพยักหน้าแรงๆ ยิ้มให้เด็กชาย “ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป พี่ดาวขอรับเกียรติล่วงรู้ด้วยคน”

            “ชาจีฟเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าพ่อกับแม่ของชาจีฟไปอยู่บนนู้นแล้ว” เด็กชายชี้นิ้วไปบนฟ้า “ชาจีฟสงสัยว่า ชาจีฟอาจจะตกลงมาจากบนฟ้า พอดีพ่อชามาล์รับไว้ได้ ชาจีฟก็เลยกลายเป็นลูกของพ่อชามาล์ไป” 

            ใบหน้าสิรดายังคงเปื้อนยิ้ม “ที่แท้ชาจีฟก็เป็นเด็กจากบนฟ้านี่เอง มหัศจรรย์ วิเศษมากๆ”

            เด็กชายหรี่ตาทั้งสองข้างมองสิรดา สักพักจึงหัวเราะออกมาดังลั่น “ชาจีฟรู้หรอกน่า เด็กที่ไหนจะตกมาจากฟ้า ชาจีฟก็พูดให้ดูน่าสงสารไปอย่างนั้นเองแหละ”

            “อ๋อ เดี๋ยวนี้หลอกพี่ดาวหรือ” สิรดาแกล้งแยกเขี้ยวใส่ โถมร่างเข้าไปกอดรัดฟัดเด็กชายที่ส่งเสียงหัวเราะดังลั่นอยู่ภายในรถยนต์ “มา มาให้จัดการซะดีๆ”

            ชาจีฟยังคงหัวเราะไม่หยุด โดยมีสิรดาฟัดร่างเล็กๆ อย่างรักใคร่ จังหวะเดียวกันนั้นประตูรถยนต์ก็ถูกเปิดออก เสียงหัวเราะคิกคักเริงร่าที่ดังต่อเนื่องของทั้งสองคนทำเอาชามาล์ที่กำลังจะขึ้นรถถึงกับขมวดคิ้ว

            “พ่อครับ” เด็กชายหันไปเรียกด้วยความดีใจ

            “ท่าทางดูมีความสุขกันดี?” ชามาล์ถามขึ้น เขารึกลัวหล่อนกับลูกจะนั่งเสียใจเศร้าสลด จนต้องยกเลิกงานทุกอย่างแล้วรีบลงมา ที่ไหนได้ หัวเราะกันเสียงดังไม่หยุด และดูท่าแล้ว น่าจะมีความสุขมากด้วยซ้ำ

            “แน่นอน เราสองคนกำลังมีความสุขกันอย่างมากมายเนอะ” สิรดาตอบ พร้อมกับยักคิ้วให้เด็กชาย

            “ใช่...มากมาย ตามประสาแม่ลูก” ชาจีฟยิ้มรับ น้ำเสียงสดใสไม่แพ้กัน

            “แค็กๆ” สิรดาสำลักพรวด สายตาแอบเหลือบมองชามาล์ว่าได้ยินที่ชาจีฟพูดหรือไม่ และเมื่อไม่เห็นว่าชามาล์มีปฏิกิริยาโต้ตอบ จึงทำหน้าโล่งอก แต่ยังไงก็ยังไม่อาจวางใจได้ทั้งหมด เพราะรู้ว่าตนเองยังมีความผิดติดตัวที่ไปต่อยหน้าแฟนสาวของเขา ดังนั้นสิรดาจึงเลือกนิ่งเงียบรอดูสถานการณ์ต่อไป

            ชามาล์ก้าวขึ้นมานั่งในรถยนต์ และสั่งให้ซาอิมออกรถ “ออกรถได้แล้ว ซาอิม”

            “ครับ คุณชามาล์” ซาอิมรับคำสั่งด้วยรอยยิ้ม มันนานมากจนเขาจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าคุณชามาล์ยกเลิกงานทุกอย่างเพื่อใคร

            เมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวออก ชามาล์จึงหันมาถามทั้งสองคน “เอาละ มีใครสักคนอยากจะพูดอะไรไหม”

            ชาจีฟมองหน้าพ่อของตนเองก่อนจะส่ายหน้าเป็นคนแรก จากนั้นจึงเป็นคิวของสิรดาที่ส่ายหน้าตามอย่างรู้หน้าที่

            “แน่ใจใช่ไหมว่าไม่มีอะไรจะพูด” ชามาล์ถามย้ำอีกครั้ง น้ำเสียงเข้ม คาดคั้น เอาจริง จนทำให้เด็กชายต้องรีบเงยหน้าขึ้นมามองสิรดา และพยักหน้าให้สิรดาเป็นตัวแทนในการพูดครั้งนี้

            หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ยิ่งได้สบสายตาดุๆ ของชามาล์ ก็ยิ่งหนาวเย็น “เนื้อเรื่องมันมีอยู่ว่า...ในขณะนั้น ฉันกำลังก้มหน้าอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอย่างขะมักเขม้น ส่วนชาจีฟ...”

            “อยู่ในห้องน้ำครับ ชาจีฟเข้าไปอึ” ชาจีฟพูดแทรกขึ้น

            “เออจริงด้วย!” สิรดาทำท่าตกใจ มองไปทางเด็กชายด้วยดวงตาวิบวับ “ชาจีฟยังอึไม่เสร็จนี่ สงสัยพวกเราต้องรีบกลับบ้านแล้วละ”

            ชาจีฟพยักหน้าหงึกๆ รับช่วงทันที “ใช่ๆ ตอนนี้ชาจีฟรู้สึกปวดท้องขึ้นมาอีกแล้ว” 

            “คุณชามาล์ พวกเราอย่าเพิ่งพูดอะไรมากเลย กลับไปพูดกันที่บ้านดีกว่า ให้ชาจีฟได้ปลดปล่อยก่อน” สิรดาเสนอแนะ

            “ใช่ๆ ให้ชาจีฟได้ปลดปล่อยก่อน” ลูกคู่ของสิรดาพูดตาม และหันไปพยักพเยิดให้พ่อเห็นด้วย

            “จะกลับบ้านก็ตามใจ ตอนแรกพ่อเห็นว่ายังมีเวลาอีกเหลือเฟือน่าจะแวะไปหาอาราฟัซก่อนสักพัก” ชามาล์พูดขึ้น มองลูกชายอย่างรู้ทัน

            “เราจะไปหาอาราฟัซก่อนเหรอครับ” ชาจีฟตาโต ชื่ออาสุดที่รักเรียกร้องความสนใจขึ้นมาทันที

            “แต่วันนี้คงไม่ได้แล้ว ชาจีฟต้องรีบกลับบ้านไปเข้าห้องน้ำใช่ไหม” ชามาล์พูดเสียงเรียบ รอดูปฏิกิริยาของลูกชายกับสิรดาไปพร้อมกัน ชาจีฟนั้นชอบนักยามไปหาราฟัซ เพราะราฟัซตามใจทุกอย่าง ส่วนอีกคน ชื่อของเพื่อนรักเขา คงได้ไปสะกิดเตือนเจ้าหล่อนให้สะดุ้งสะเทือนและส่อพิรุธอะไรออกมาให้เห็นได้บ้าง  

            สิรดาตัวแข็งขึ้นเล็กน้อย แต่ยังวางฟอร์มหน้าเฉยไม่รู้ไม่ชี้ จนชามาล์แอบหมั่นไส้ว่าสิรดาช่างเล่นละครตบตาได้แนบเนียนนัก ดังนั้นถ้าถึงเวลาที่ต้องสะสางความกันเมื่อไหร่ เขาจะจัดการหล่อนให้หนักๆ จะได้รู้จักหลาบจำ ไม่คิดทำเรื่องไร้สติที่กล้าเข้ามาในอัลบารอม ทั้งๆ ที่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง 

            “พ่อครับ ทำไมพ่อไม่พาชาจีฟไปเข้าห้องน้ำที่ทำงานของอาราฟัซล่ะครับ เราจะได้ทำทั้งสองอย่างได้โดยไม่ขัดกัน” เด็กชายนำเสนอทางออกที่ดีให้แก่พ่อของตนเอง

            ‘เฮ้ย!!’ คนกลัวถูกจับได้ร้องเสียงหลงในใจกับความช่างคิดของเด็กชาย ใจเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น แต่ก็ยังเก็บอาการรักษามาดนิ่งไว้เหมือนเดิม

            “เป็นความคิดที่ดี” ชามาล์พยักหน้าให้ลูกชาย แต่สายตาเหลือบมองหน้าสิรดาที่ยังตีหน้าเฉยได้สนิทแนบเนียน

            “เย้ๆๆ ดีใจจังเลย จะได้เจอกับอาราฟัซแล้ว แล้วเราจะได้เจอกับผู้หญิงที่อาราฟัซไปติดพันด้วยหรือเปล่าครับพ่อ ถ้าเจอนะ ชาจีฟจะได้ช่วยดูว่าผ่านหรือเปล่า ถ้าไม่ผ่านชาจีฟจะบอกอาราฟัซว่าอย่าได้คิดสั้นเด็ดขาด และจะให้อาราฟัซดูพ่อไว้เป็นตัวอย่าง ว่าตอนนี้พ่อหาแม่ดีๆ ให้ชาจีฟได้แล้ว” เด็กชายส่งยิ้มให้พ่อหลังพูดจบ

            ชามาล์ยิ้มและพยักหน้าเห็นด้วย ผิดกับอีกคนที่สำลักไอแค็กๆ อย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ

            “แค็กๆๆ” 

            “พี่ดาวเป็นอะไร” ชาจีฟหันมาถามคนสำลัก

            “ขอโทษที พอดี พี่ดาวระคายคอนิดหน่อย” สิรดาอ้อมแอ้มตอบ รู้สึกหลังเย็นวาบๆ ผิดปกติชอบกล 

            “แล้วถ้าเจอผู้หญิงคนนั้น ชาจีฟจะดูยังไงถึงให้ผ่าน” ชามาล์ถามต่ออย่างชอบใจที่เห็นสิรดาเริ่มออกอาการ

            “ง่ายมากถ้าทำตัวแบบผู้หญิงคนก่อนๆ ของพ่อ ก็ไม่ผ่านแน่นอน แต่ละคนไม่ไหวทั้งนั้น” ชาจีฟตอบอย่างมั่นใจเหมือนรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

            “หึๆ” สิรดาหลุดหัวเราะออกมานิดหนึ่ง เพราะสมน้ำหน้าชามาล์ที่อยากถามมากเรื่องดีนัก

            “หัวเราะอะไรสิรดา!” ชามาล์ถามเสียงแข็ง และขึงตาดุมองคนหัวเราะเยาะ

            “เปล่าค่ะ ฉันก็แค่เห็นด้วยกับชาจีฟเท่านั้นเอง” สิรดาอมยิ้มแบบเย้ยๆ คนตาถั่วรสนิยมไม่ดี เลือกผู้หญิงแต่ละคนก็ไม่ผ่านเด็กห้าขวบ

            “สิรดา...” ชามาล์คำรามเสียงเข้มในลำคอ

            แต่สิรดาไม่สนใจเสียงข่มขวัญ ด้วยยังรู้สึกเสียวๆ หลังไม่หาย เหมือนๆ มีตัวอะไรสักอย่างมาเกาะติดอยู่

            ซาอิมที่นั่งอยู่ด้านหน้าอมยิ้ม จะว่าไปสามคนข้างหลังในตอนนี้ช่างเหมือนครอบครัวเดียวกันเข้าไปทุกที

            “ยิ้มอะไรซาอิม” ชามาล์เห็นรอยยิ้มของลูกน้องคนสนิท จึงถามเสียงขึงขัง

            “เปล่าครับ” ซาอิมรีบตอบ รีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

            “ดี ถ้าอย่างนั้นแวะไปหาราฟัซ” ชามาล์พูดเสียงเย็นยะเยือก คล้ายสะใจกับอะไรบางอย่าง ในตอนแรกเขาไม่คิดจะแวะไปสักนิด แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว แม่คนอวดเก่งทำให้เขาอยากรู้ว่า ถ้าต้องไปเจอหน้าราฟัซจริง ผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าหล่อนจะทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นจากสถานการณ์จวนตัวนี้ไปได้

            สิรดาใจหล่นวูบ เมื่อได้ยินชามาล์สั่งให้แวะไปหาเพื่อน

            ซาอิมพยักหน้ารับ และสั่งคนขับรถให้เปลี่ยนเส้นทาง

            ‘จงเปลี่ยนใจ จงเปลี่ยนใจ’ สิรดาท่องประโยคเดิมในใจซ้ำไปซ้ำมาด้วยใจระทึก ขืนชามาล์พาเธอไปเจอเพื่อนของเขา งานที่เกือบจะสำเร็จของเธอคงต้องพังครืนไม่เป็นท่า เพราะในทันทีที่เธอพบหน้านายราฟัซเจ้านายหัวงูของสิรริน เธอจะถูกเปิดโปง และต้องโดนจับได้แบบไม่มีข้อแก้ตัว แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ชามาล์จะต้องจัดหนักใส่เธออย่างแน่นอน คนใจร้ายแบบนั้นมีหรือจะปล่อยคนที่กล้าเข้ามาหยามถึงในบ้านให้ลอยนวลหนีไปได้

            ไม่ถึงสิบห้านาที รถยนต์คันหรูก็เลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณหน้าตึกที่สิรดาคุ้นตา สิรดามองซ้ายมองขวาพยายามนึกหาวิธีสลัดให้หลุดจากชามาล์ ก่อนที่เธอจะโดนพาไปเชือดบนตึกสูงตรงหน้า

            “เป็นอะไรไปสิรดา ทำไมยังไม่ลงมาจากรถอีก” ชามาล์ที่ลงจากรถยนต์ไปแล้วชะโงกหน้าเข้ามาถามสิรดาที่ยังนั่งนิ่ง

            “อ๋อ ค่ะๆ” สิรดาลงจากรถยนต์มายืนข้างชามาล์กับชาจีฟด้วยใจระทึก

            “เอาละ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันได้” ชามาล์พูดเสียงนิ่ง แต่ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความชอบใจที่เห็นสีหน้าคนอวดเก่งมีแววกังวลจนเห็นได้ชัด

            สิรดาเดินรั้งท้ายสุด นึกภาวนาอย่าเพิ่งให้นายราฟัซโผล่หน้าออกมาในตอนนี้

            “เอ่อ คุณซาอิม ฉัน ฉันรู้สึกไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวเดินเข้าไปบอกซาอิมด้วยเสียงแหบๆ พร้อมกับเอามือกุมท้องตัวเองไว้ “ฉันปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำมาก ฝากบอกเจ้านายคุณด้วยนะ เดี๋ยวฉันตามขึ้นไป” พูดจบ สิรดาก็เดินลิ่วออกไปทันที          

            “สิรดา...”

            เสียงชามาล์ดังไล่หลังมา แต่สิรดาไม่คิดหันกลับไปมอง กลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น และรีบเดินจ้ำหนีไปให้ไกลที่สุด

            “คุณสิรดาไปเข้าห้องน้ำครับ” ซาอิมบอกเจ้านาย

            “มันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว” ชามาล์พูดอย่างรู้ทัน แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาและสถานที่ที่เหมาะสมที่เขาจะจัดการหล่อน ดังนั้นคงต้องปล่อยให้สิรดาได้ใจไปก่อน   

            สิรดาที่หลบออกมาได้อย่างฉิวเฉียดรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาสิรรินด้วยความร้อนใจกลัวไม่ทันเวลา และทันทีที่สิรรินกดรับ ก็รีบถามน้องสาวอย่างรวดเร็ว “เดือน อยู่ที่โต๊ะทำงานหรือเปล่า”

            “อยู่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่า ทำไมเสียงถึงเป็นแบบนั้น”

            “ออกมาจากโต๊ะทำงานด่วนที่สุด อย่าเพิ่งถามอะไร ตอนนี้ดาวอยู่ใต้ตึกแถวๆ หน้าห้องน้ำหญิง ลงมาหาดาวที่ข้างล่างด่วน แล้วอย่าเพิ่งใช้ลิฟต์ผู้บริหาร ให้ไปใช้ลิฟต์ส่วนกลาง เร็วๆ เข้าเดี๋ยวไม่ทัน”

            “ค่ะๆ” สิรรินรีบทำตามคำสั่งทันทีโดยไม่ซักถามอะไร ด้วยรู้นิสัยของพี่สาวฝาแฝดตนเองดี ถ้าสั่งขนาดนี้ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน

            สิรรินลุกขึ้นและเดินแกมวิ่งออกไปด้วยความรีบร้อน จนไม่ได้หยิบอะไรออกไปแม้แต่อย่างเดียว แม้แต่โทรศัพท์ก็วางทิ้งไว้บนโต๊ะทำงาน

            ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากที่สิรรินเดินออกไป ราฟัซที่นั่งอยู่ภายในห้องทำงานก็แปลกใจที่เห็นชามาล์พาบุตรชายมาเยี่ยมตนเอง ทั้งๆ ที่ปกติในเวลาทำงานแบบนี้ ชามาล์สมควรจะนั่งทำงานอยู่ในอาณาจักรของอัลบารอมมากกว่า “อะไรหอบสองพ่อลูกมาถึงที่นี่”

            “อาราฟัซ” ชาจีฟวิ่งเข้าไปกอดราฟัซ

            ราฟัซอ้าแขนรับเด็กชายที่วิ่งเข้ามากอด “ไง เจ้าตัวแสบ”

            “คิดถึงอาราฟัซที่สุด” เด็กชายยิ้มประจบ

            ราฟัซหัวเราะ “จะเอาอะไรว่ามาตรงๆ”

            “อยู่ไหนครับ” ชาจีฟถามและเหลียวมองหา

            ราฟัซเลิกคิ้ว ถามอย่างไม่เข้าใจ “หลานอาหาอะไรอยู่ครับ” 

            “อาราฟัซ เอาไปแอบไว้ไหน” ชาจีฟถามขึ้นอีกครั้ง ซ้ำยังชะเง้อคอมองหาไปรอบๆ ห้อง

            ราฟัซไม่เข้าใจ หันมาถามเพื่อนรักที่ยืนอยู่ด้านข้าง “เจ้าตัวแสบจะเอาอะไร”

            “ผู้หญิงที่ทำให้นายลืมหลานชาย” ชามาล์ตอบเพื่อนรัก

            เด็กชายหันขวับมามองคนลืมหลาน แล้วส่งเสียงสนับสนุนพ่อของตนเองอย่างงอนๆ “ใช่ อาราฟัซไม่แวะไปหาชาจีฟตั้งสามอาทิตย์มาแล้ว”

            ราฟัซมองชามาล์เป็นเชิงบอกว่าฝากเอาไว้ก่อนเถอะ ก่อนจะหันมาตอบหลานชายเสียงอ่อน “โธ่...ไม่จริงหรอกครับ อาราฟัซไม่เคยลืมชาจีฟสักวัน อายังคิดอยู่เลยว่ารถวิทยุบังคับคันใหม่ล่าสุดที่เพิ่งวางขาย พ่อของชาจีฟซื้อให้หรือยัง ถ้ายังไม่ซื้ออาราฟัซจะได้ซื้อไปให้”

            “ยังครับ พ่อยังไม่ได้ซื้อให้ชาจีฟเลยสักคัน” เด็กชายรีบตอบอย่างเร็ว “แต่ตอนนี้พ่อน่าจะยังไม่ว่างหรอกครับ พ่อกำลังหาแม่ดีๆ ให้ชาจีฟอยู่ อาราฟัซอยากรู้มั้ยว่าใคร”

            ราฟัซเลิกคิ้ว หันมาถามผู้ที่เคยประกาศว่าจะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนมาหยุดตัวเองไว้ด้วยคำคำนี้โดยเด็ดขาด “ว่าที่แม่ดีๆ ของชาจีฟนี่หมายถึงเมียของนายหรือเปล่าชามาล์”

            “แล้วถ้าฉันไม่มีเมีย จะมีแม่ดีๆ ให้ชาจีฟได้ไหม” ชามาล์ถามกลับอย่างหมั่นไส้ที่เรื่องแบบนี้เพื่อนเขาช่างคิดได้ช้าเหลือเกิน

            “หูฉันไม่ฝาดใช่มั้ย เพราะถ้าฉันจำไม่ผิด คำว่าเมีย นายเคยบอกว่าเป็นคำงี่เง่าของผู้ชายเลื่อนลอยไร้ความคิด” ราฟัซพูดยิ้มๆ เมื่อย้อนคำพูดในอดีตให้เพื่อนรักฟัง

            “โห...พ่อแรง ถ้าพี่ดาวรู้ว่าพ่อเคยคิดแบบนี้ คงโมโหน่าดู” ชาจีฟพูดแทรกขึ้น

            “พี่ดาว? ใครกันครับ” ราฟัซหันมาถามหลานชาย

            “ก็แม่ของชาจีฟไงครับ พ่อตกลงแล้ว จะให้พี่ดาวเป็นแม่ของชาจีฟตลอดไป” ชาจีฟยิ้มกว้าง อวดแม่ใหม่กับอาราฟัซ

            “ตกลงกันสองคนพ่อลูก แล้วผู้หญิงเขารู้เรื่องหรือยัง” ราฟัซอดถามชามาล์ไม่ได้ เพราะรู้นิสัยเพื่อนของตัวเองดีว่าเป็นคนอย่างไร

            “ยัง แต่ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ” ชามาล์ตอบเสียงหนักแน่น

            “ใช่ เพราะถึงปฏิเสธเราสองพ่อลูกก็ไม่ยอม” เด็กชายช่วยยืนยันคำพูดของพ่อด้วยอีกแรง

            ราฟัซส่ายหน้าปนขำ รู้สึกเห็นใจผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ที่โดนสองพ่อลูกคู่นี้หมายตาเอาไว้ “แล้ววันนี้พามาด้วยหรือเปล่า ฉันชักอยากจะเห็นหน้าแล้วว่าไปทำยังไงถึงทำให้นายกับชาจีฟเลือกได้”

            “พามาครับ เราจะเอามาโชว์ให้อาราฟัซดูไว้เป็นตัวอย่าง ว่าพ่อตาถึงขนาดไหน ที่หาผู้หญิงดีๆ มาเป็นแม่ของชาจีฟได้” เด็กชายพูดเสียงแจ้ว “แล้วเราสองคนพ่อลูกก็จะมาดูผู้หญิงของอาราฟัซด้วยว่าจะดีจนผ่านการเห็นชอบจากเราสองคนหรือเปล่า”

            “เอาอย่างนี้กันเลยหรือครับ” ราฟัซถามหลานชาย เริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ

            “แหมอาราฟัซ สองในสามเสียง ย่อมต้องมีน้ำหนักอยู่แล้ว”

            “ไม่เจอกันสามอาทิตย์ รู้สึกว่าหลานของอาจะพูดเก่งขึ้นนะ” ราฟัซเอ่ยชม

            “แม่ดาวสอนมาดีก็ยังงี้แหละครับ” เด็กชายยิ้มอวดอาหนุ่ม

            ราฟัซหันมามองหน้าชามาล์แล้วหัวเราะ “ชามาล์ ฉันอยากเจอหน้าว่าที่แม่ของชาจีฟแล้วละ อยู่ไหนกัน”

            “เมื่อถึงเวลารับรองนายได้เจอแน่ แล้วนายจะต้องแปลกใจ”

            “ฉันว่า คงไม่มีอะไรที่จะทำให้ฉันแปลกใจไปได้มากไปกว่าการที่นายจะมีเมียหรอก จริงไหมเพื่อนยาก” ราฟัซอมยิ้ม แค่เรื่องที่ชามาล์บอกว่าจะมีเมียมันก็มหัศจรรย์จนเรื่องอื่นๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปหมด

            “ยังมีเรื่องอีกมากมายที่นายจะต้องประหลาดใจ” ชามาล์มองหน้าเพื่อนด้วยแววตาแปลกๆ

            “ช่วยหน่อยเถอะเพื่อน อย่ามองฉันแบบนั้น” ราฟัซพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่เอาด้วย เพราะสายตาแบบนี้ของชามาล์มันส่อให้เห็นเค้าลางแห่งความวุ่นวายที่กำลังก่อตัวขึ้นชัดๆ

            ชามาล์ยกยิ้มมุมปาก เหมือนจะบอกเพื่อนรักเป็นนัยๆ...ทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว

 

            ทางด้านสิรดาที่ยังไม่รู้ตัวว่าโดนสองพ่อลูกหมายตาไว้แอบหลบอยู่ในห้องน้ำได้สักพักสิรรินก็มาถึง ซึ่งทันทีที่สิรรินเห็นพี่สาวฝาแฝดก็รีบถามขึ้น “ดาวมีเรื่องอะไรกันแน่”

            “มีสิ มีมากด้วย” สิรดาหันรีหันขวางมองซ้ายขวา ก่อนจะเดินเข้าไปกระซิบ “เราต้องไปหาที่เงียบๆ คุยกัน”

            สิรรินพยักหน้า “เดือนมีที่ที่หนึ่ง เงียบพอสมควร ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน น่าจะใช้ได้”

            “ดี เดี๋ยวดาวขอออกไปดูต้นทางก่อนว่ามีคนของหมอนั่นแอบมาซุ่มรออยู่หรือเปล่า” พูดจบสิรดาก็เดินไปเปิดประตูห้องน้ำและมองสำรวจว่ามีคนของชามาล์ตามมาหรือไม่ จนเมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้วก็เดินกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง และพาสิรรินเดินหลบออกไปอย่างรวดเร็ว

            “งานของดาวมันลึกลับขนาดนี้เลยหรือ” สิรรินถามเมื่อพาสิรดาขึ้นมายังดาดฟ้าโดยปราศจากคนอื่นพบเห็น

            “ใช่ ทั้งลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเรต” สิรดาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

            สิรรินขมวดคิ้ว “ซ่อนเรต...ดาวพูดไม่ผิดใช่มั้ย ซ่อนเงื่อนหรือซ่อนเรต”

            “ไม่ผิดหรอก ซ่อนเรต” สิรดาทำเสียงเหยียดๆ ขึ้นจมูก “นายชามาล์นั่นมันจอมลามก บ้ากามขนานแท้ เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้ ต้องร้องฮือฮาจะกระโจนเข้าใส่ตลอดเวลา”

            “ร้องฮือฮากระโจนเลยหรือ อย่างนี้ดาว เอ่อ...โดน...เอ่อ...กระโจนไปแล้วหรือยัง” สิรรินถามเสียงตะกุกตะกัก

            “ยัง ยัง” สิรดารีบปฏิเสธเสียงดัง ใบหน้าคนรีบปฏิเสธติดจะแดงนิดๆ “ดาวยังโชคดี มีลูกชายของหมอนั่นเป็นเกราะเหล็กบังอยู่ ชาจีฟน่ะเป็นเด็กดีน่ารัก ผิดกับคนเป็นพ่อลิบลับที่จัดเป็นบุคคลอันตราย ต้องติดป้ายเตือนไว้ ห้ามเข้าไปแหย่ใกล้ๆ โดยเด็ดขาด”

            “ท่าทางเจ้านายของดาวจะไม่มีอะไรดีเลยนะ”

            “ไม่มีสักอย่าง ผู้ชายยอดแย่ ชามาล์ อัลบารอม” สิรดาตอบเสียงจริงจัง

            สิรรินอมยิ้มกับท่าทางของสิรดาที่แสดงความไม่ชอบใจต่อเจ้านายชั่วคราวอย่างออกหน้าออกตา

            “แต่ที่เด็ดกว่านั้น และเดือนควรรู้ตัวไว้ บุคคลอันตรายแต่ไม่ถึงกับยอดแย่ ยังมีอีกหนึ่ง”

            “ยังมีอีกคนหรือ ใครกัน” สิรรินถามด้วยความอยากรู้

            “คนนี้เดือนรู้จักดี เจ้านายของเดือนยังไงล่ะ นั่นแหละเพื่อนรักคู่หูของนายชามาล์ เวลาคุยกันสองคนทีไร หนีไม่พ้นเรื่องผู้หญิงทุกที” สิรดาฟ้องน้องสาวฝาแฝด

            “คุณราฟัซเนี่ยนะดาว” สิรรินทำท่าไม่อยากจะเชื่อ

            “ใช่ คุณราฟัซ เจ้านายแสนใจดีของเดือนคนนั้นแหละ สองคนเนี้ยชอบโม้กันเรื่องผู้หญิง ตัวอันตรายบ้ากามทั้งคู่” สิรดาบอกน้องสาวด้วยท่าทางจริงจัง “แต่เรื่องบุคคลอันตรายเราคงต้องพักเอาไว้ก่อน ตอนนี้มีเรื่องน่าหนักใจมากกว่านั้น”

            สิรรินขมวดคิ้ว ถ้ามีเรื่องที่ทำให้สิรดาหนักใจ แสดงว่าเรื่องนั้นต้องเป็นเรื่องใหญ่ที่หนักหนาสาหัสมาก   

            “ตอนนี้นายชามาล์ขึ้นไปหาเจ้านายเดือน ถ้านายชามาล์เห็นหน้าเดือน หรือนายราฟัซเห็นหน้าดาว แผนของเราคงแตก พวกเขาคงรู้ทันทีว่าดาวมีแผนเข้าไปที่อัลบารอม” สิรดาถอนใจกลุ้มๆ

            “แล้วเราจะทำยังไงดี” สิรรินถามด้วยความกังวลใจแทนสิรดา

            “เราคงต้องหลบอยู่ที่นี่สักพัก รอให้นายชามาล์กลับก่อน” แฝดผู้พี่เอ่ยเสียงเนือยๆ

            “ดาว เดือนรู้สึกเป็นห่วงดาวจัง ท่าทางเรื่องมันจะใหญ่กว่าที่เราคิดไว้มาก” สิรรินพูดอย่างเป็นห่วงสิรดา

            “เรื่องมันใกล้จะจบแล้ว ตอนนี้ดาวรู้ที่ซ่อนของเม็ดไพลินแล้วว่าอยู่ตรงไหน เหลือแค่รอโอกาสเท่านั้น” พูดจบสิรดาก็ถอนใจเฮือก “แต่ช่วงนี้ดาวแทบไม่มีเวลาปลีกตัวไปไหนได้เลย สงสัยงานนี้ดาวอาจต้องขอความช่วยเหลือจากเดือนด้วย”

            “ได้ ดาวบอกมาได้เลย เดือนเต็มใจช่วย” สิรรินพยักหน้ารับคำอย่างเต็มใจ

            สิรดามองหน้าสิรริน “ดาวจะพาเดือนเข้าไปที่อัลบารอม ชาจีฟรู้แล้วว่าดาวมีฝาแฝด ศึกหนักของเดือนคือช่วยดูแลชาจีฟสักพัก เวลานั้นดาวจะเข้าไปเอาเม็ดไพลิน เมื่อได้เม็ดไพลินมา เราสองคนก็จะออกจากอัลบารอม และรีบกลับเมืองไทยไปตั้งหลัก แต่ว่างานของเดือน...”

            “ไม่เป็นไร งานของเดือนหาใหม่ได้เสมอ” สิรรินยิ้ม เพื่อให้พี่สาวเบาใจไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องงานของตนเอง

            “ขอบใจเดือนจริงๆ” สิรดายิ้มตอบ

            “ดาวจะให้เดือนเข้าไปที่อัลบารอมวันไหน” สิรรินถามขึ้น

            “เร็วที่สุด แต่ยังไงดาวต้องติดต่อกับคุณอาเหม็ดให้ได้เสียก่อน เพราะต้องให้ทางนั้นจัดการเรื่องแผนการเดินทางกลับเมืองไทยให้เรา ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยลงตัว เราค่อยลงมือ แล้วดาวจะบอกเดือนอีกครั้งเมื่อถึงเวลา แต่น่าจะภายในวันสองวันนี้” สิรดาเล่าแผนการคร่าวๆ ให้สิรรินฟัง

            สิรรินพยักหน้า “ได้ ถ้าอย่างนั้นเดือนจะจัดการเก็บของเตรียมรอไว้ เมื่อถึงเวลาเราสองคนจะได้ไปทันที”

            “แต่เดือนอย่าทำให้นายราฟัซรู้ตัวก่อนนะ” สิรดาเตือน เธอยังไม่อยากบอกให้น้องสาวรู้ตัวว่าตัวเองก็ตกเป็นเป้าหมายหลักของหัวข้อที่เจ้านายหัวงูแสนใจดีที่สิรรินชอบเอ่ยถึง

            “ได้จ้า เดือนจะปิดปากเงียบที่สุด” สิรรินยิ้ม แม้จะหนักใจอยู่ลึกๆ ที่ต้องหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าวกับเจ้านายของตน แต่เพื่อพี่สาวฝาแฝด คนที่สำคัญกับเธอมากที่สุด สิรดาย่อมต้องมาก่อนใครๆ เสมอ

            “เอ๊ะ แล้วชาจีฟที่ดาวจะให้เดือนไปดูแล เป็นเด็กยังไง เดือนจะได้รับมือถูก”

            “ชาจีฟเป็นเด็กน่ารัก อายุประมาณห้าขวบ พูดเก่งมาก ฉลาดเกินเด็ก แต่ติดเจ้าเล่ห์นิดๆ แถมยังซนสุดๆ ชอบเล่นทั้งวัน แต่รับรองได้เลยถ้าเดือนได้รู้จักชาจีฟ เดือนจะต้องรัก หน้าตาแกน่ารักน่าชังเชียวนะ โตขึ้นไปต้องหล่อมากๆ แน่นอน” ทั้งน้ำเสียงและแววตาของสิรดายามเมื่อเอ่ยถึงเด็กชายเต็มไปด้วยความรักใคร่

            “ท่าทางดาวจะรักชาจีฟมากนะ” สิรรินอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของพี่สาว

            สิรดาพยักหน้า “ชาจีฟเป็นเด็กน่ารัก ถึงจะซนไปหน่อยแต่ก็พูดรู้เรื่อง เนี่ยถ้าดาวกลับไปเมืองไทยคงคิดถึงชาจีฟน่าดู” พูดจบสิรดาก็หน้าสลดลง

            “ถ้าดาวคิดถึงชาจีฟ วันหลังพวกเราก็แวะมาเยี่ยมสิ ไม่ก็ให้ชาจีฟบินไปเที่ยวที่เมืองไทย”

            “เฮอะ ขืนดาวกลับมาที่นี่อีก นายชามาล์คงจับดาวหักคอ หมอนั่นน่ะเป็นศูนย์รวมของความอำมหิต เดือนไม่รู้อะไรหรอก เวลาพ่อเจ้าประคุณโมโห นิสัยแย่สุดๆ ทำตัวเหมือนเป็นผู้ครอบครองโลก ใครจะขัดคำสั่งไม่ได้ อวดรวยก็ที่หนึ่ง หยิ่งก็ไม่มีใครเกิน แถมยังหลงตัวเองคิดว่าตัวเองหน้าตาหล่อมาก โธ่...พอแก้ผ้าแล้วดูได้ที่ไหน หุ่นยังกับท่อนซุง” ยิ่งพูดสิรดาก็ยิ่งใส่อารมณ์เต็มที่

            “กะ...แก้ผ้า หรือดาว” สิรรินถามเสียงตื่น

            “ใช่ เฮ้ย! ไม่ใช่” สิรดารีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “เปรียบเทียบให้ดูเฉยๆ น่ะ” พูดจบก็หลุบตามองไปที่อื่น เพื่อป้องกันการโดนจับได้ว่าโกหก เพราะเธอน่ะ เห็นเต็มสองลูกนัยน์ตา ภาพคมชัดเต็มที่ด้วยซ้ำ

 

            กริ๊งๆๆ

            เสียงโทรศัพท์ของสิรดาดังขึ้น หญิงสาวก้มลงมองงงๆ เธอไม่เคยให้เบอร์นี้กับใครนอกจากสิรรินเพียงคนเดียว แต่ด้วยความสงสัยจึงลองกดรับดู “ฮัลโหล”

            ตู๊ดๆๆ

            สิรดาขมวดคิ้ว เมื่อสัญญาณถูกตัดจากฝ่ายที่โทร. เข้ามา

            “อะไรกัน โทร. มาผิดยังไม่คิดจะขอโทษ กดทิ้งเฉยเลย” สิรดามองโทรศัพท์ตาขุ่น

            “โทร. ผิดหรือดาว” สิรรินถาม

            สิรดาพยักหน้าเป็นเชิงว่าใช่ จากนั้นทั้งสองคนก็ไม่คิดติดใจเบอร์ที่โทร.เข้ามาผิดแต่อย่างใด

            ชามาล์มองเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอด้วยความชอบใจ ยายตัวแสบร้ายจริงๆ ที่แอบซุกซ่อนโทรศัพท์เข้าไปที่อัลบารอมโดยไม่มีใครล่วงรู้เลยสักคน แล้วนี่คงใช้โทรศัพท์รายงานความเคลื่อนไหวของเขาให้อาเหม็ดฟัง ชายหนุ่มชักเริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เมื่อคิดว่าเวลากลางคืนสิรดาต้องแอบดอดโทร.ไปคุยกับเจ้าอาเหม็ดหน้าแหลมนั่น

            “ซาอิม จัดการเบอร์โทรศัพท์นี้ด้วย ถ้ามีการโทร. เข้าหรือโทร. ออก บันทึกการพูดคุย แล้วรายงานทันที” เสียงห้วนสั่งอย่างไม่ค่อยพอใจ

            ซาอิมรับเบอร์มือถือที่จดอยู่บนแผ่นกระดาษมาอย่างไม่เข้าใจ ที่จู่ๆ คุณชามาล์ก็เกิดอารมณ์เสียขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งๆ ที่น่าจะพอใจมากกว่าที่รู้ว่าเบอร์นี้เป็นของคุณสิรดาจริง

            “เวลากลางคืนก็ล็อกมันซะ อย่าให้โทร. เข้าออกได้” ชามาล์สั่งเสียงเฉียบ

            “ล็อกหรือครับ” ซาอิมยิ่งงงหนัก ล็อกการโทร. เข้าออกแล้วจะได้เรื่องคืบหน้าได้อย่างไร

            “ใช่ ให้โทร. ได้เฉพาะกลางวัน จะได้ไม่ต้องคุยมากเรื่องนัก” ชามาล์ยิ้มสะใจ ถ้าให้เจ้าหล่อนคุยในเวลากลางคืนมันจะยืดเยื้อเกินไป คุยตอนกลางวันนั่นแหละดีแล้ว จะได้รีบคุยรีบจบ ไม่ต้องมานั่งคุยไร้สาระทั้งคืน 

            “ครับ” ซาอิมรับคำสั่งมาอย่างงงๆ ไม่เข้าใจความคิดของเจ้านายนัก

            ชามาล์พยักหน้าด้วยความพอใจ โชคดีที่ซาอิมตาไวเห็นโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานที่มีป้ายชื่อของสิรรินติดอยู่แล้วนำมาให้เขา เขาจึงปลีกตัวเดินออกมาจากห้องทำงานของราฟัซ และลองโทร. เข้าไปหาหมายเลขล่าสุดที่โทร. เข้ามาในโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง แค่ได้ยินคำว่า ‘ฮัลโหล’ ก็รู้ทันทีว่าเป็นเสียงของยายตัวแสบ ดังนั้นเขาจึงจดหมายเลขนี้ไว้ ก่อนจะส่งให้ซาอิมไปจัดการ 

            “ซาอิมนายลงไปข้างล่าง ไปหาสิรดา ถ้าเจอตัวก็บอกให้ไปรอที่รถ เดี๋ยวฉันจะลงไป” ชามาล์สั่ง เขาไม่รอให้สิรดาขึ้นมาข้างบน เพราะไม่มีทางอยู่แล้วที่หญิงสาวเจ้าเล่ห์คนนั้นจะขึ้นมาให้ตัวเองถูกจับได้

            ชามาล์เดินกลับเข้ามาให้ห้องทำงานของราฟัซอีกครั้ง และใช้เวลาอยู่ไม่นานก็พาชาจีฟกลับ แต่ก่อนจะเดินออกจากห้อง สีหน้าที่มีแต่คำถามของราฟัซทำให้ชามาล์บอกว่าจะโทร. หาในภายหลัง ราฟัซพยักหน้าเข้าใจ ด้วยรู้นิสัยชามาล์ดี ถ้าไม่อยากบอกต่อให้เอาอะไรมาง้างปาก ก็ไม่มีทางที่คนอย่างชามาล์จะปริปากพูด

            ครึ่งชั่วโมงไม่ขาดไม่เกิน สิรดาที่คิดว่าสมควรแก่เวลาแล้วก็เดินมาเตร็ดเตร่รออยู่แถวๆ ที่จอดรถ ซาอิมซึ่งกำลังเดินตามหาพบพอดี จึงบอกให้หญิงสาวเข้าไปนั่งรอในรถ จากนั้นไม่นานสองพ่อลูกก็ลงมา

            “พี่ดาวทำไมไม่ขึ้นไปหาชาจีฟที่ห้องอาราฟัซล่ะ ชาจีฟเลยไม่ได้แนะนำให้รู้จักกันเลย” เด็กชายถามสิรดาทันทีที่เจอหน้า

            “พอดีพี่ดาวเข้าห้องน้ำนานไปหน่อย พี่ดาวก็เลยคิดว่ารอชาจีฟอยู่ข้างล่างจะดีกว่า” สิรดาพูดยิ้มๆ

            ชาจีฟพยักหน้า “ไม่เป็นไร อาราฟัซบอกว่าจะมาหาชาจีฟสุดสัปดาห์นี้ ค่อยแนะนำตอนนั้นก็ได้”

            “สุดสัปดาห์นี้หรือ” สิรดารำพึง เหลือเวลาอีกแค่สี่วันเท่านั้น สงสัยเธอต้องรีบชิงลงมือก่อน มิฉะนั้นถ้าเธอเจอหน้าราฟัซ ทุกอย่างต้องจบไม่สวยแน่

            “ไม่ต้องทำหน้าดีใจแบบนั้น...สิรดา” ชามาล์ทักขึ้น

            สิรดาหันมามองหน้าคนพูด รีบถามเสียงหวานเหมือนสนใจใคร่รู้เรื่องของเพื่อนเจ้านายมาก “แหม จะได้รู้จักเพื่อนเจ้านายทั้งที ฉันก็ต้องยินดีเป็นธรรมดา ว่าแต่ว่า คุณราฟัซเพื่อนเจ้านายหล่อมั้ยคะ แล้วรวยหรือเปล่า มีแฟนหรือยัง โสดมั้ย แล้วนิสัยเป็นยังไง ชอบผู้หญิงแบบไหน”

            “เจอเมื่อไหร่ เธอจะรู้เอง” ชามาล์ตอบเสียงห้วน ใบหน้าบึ้งตึง มองจ้องคนที่ทำท่าสนใจราฟัซจนออกนอกหน้าอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ เขารู้ว่าเจ้าหล่อนเสแสร้งแกล้งถาม แต่เพราะคำถามกวนประสาทแบบนี้ มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก “หรือว่าเธออยากจะเจอเพื่อนฉันในตอนนี้ ฉันจะได้สั่งให้เลี้ยวรถกลับ”

            “เอ่อ วันหลังก็ได้ ไม่ได้รีบขนาดนั้นสักหน่อย” สิรดาตอบเสียงเบาแล้วรีบหันเหความสนใจไปยังชาจีฟแทนทันที เพราะกลัวว่าชามาล์จะเอาจริง

            ชามาล์มองสิรดาอย่างผู้ชนะ ที่อีกฝ่ายไม่แน่จริง ส่วนสิรดานั้นได้แต่ก้มหน้าก้มตายอมๆ ไป ทั้งๆ ที่ในใจหมั่นไส้ท่าทางยโสของชามาล์เป็นที่สุด แต่เพื่อแผนการที่ใกล้จะบรรลุความสำเร็จ เธอจำต้องยอมทำเป็นสงบเสงี่ยม แต่ก็เก็บทุกรายละเอียดของความแค้นบันทึกไว้ พร้อมกับเฝ้าคอยการเอาคืน หลังจากที่ตนเองเป็นอิสระจากคำว่าเด็กรับใช้

            ตลอดบ่ายจดเย็น ชามาล์พาชาจีฟและสิรดาตามติดไปทุกที ชามาล์แวะตรวจงานนอกสถานที่สองสามแห่ง ชาจีฟนั้นเริงร่าสุดๆ ที่ได้เดินตามบิดาไปไหนต่อไหน ขณะที่สิรดานั้นได้แต่ถอนใจเฮือกๆ ทุกครั้งที่รถจอดและต้องเดินตามสองพ่อลูกต้อยๆ ไปทุกที่ 

            “พวกเราแวะหาอะไรทานกันก่อนดีมั้ยชาจีฟ” ชามาล์ถามขึ้นเมื่อเห็นแสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า

            เด็กชายตาโตด้วยความดีใจ “ดีๆ ชาจีฟไม่ได้กินอะไรนอกบ้านมานานแล้ว วันนี้ชาจีฟจะกินทุกอย่างที่ขวางหน้าให้หมดเลย”

            “แน่ใจนะว่าทุกอย่าง” สิรดาพูดยิ้มๆ แม้จะเพลียใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางของชาจีฟที่ดีใจจนออกนอกหน้า ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย

            เด็กชายหัวเราะ “แหม พี่ดาว อะไรจะจริงจังขนาดนั้น”   

            “ไม่ได้หรอก นานๆ ทีแบบนี้มันก็ต้องกินโชว์กันหน่อย” สิรดายักคิ้วให้ชาจีฟ

            “ได้!” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นอย่างแข็งขัน “ให้รู้ซะมั่งว่าชาจีฟลูกใคร เนอะพ่อเนอะ”

            ชามาล์พยักหน้า มองลูกชายด้วยแววตายิ้มๆ “แล้วพ่อจะไม่ช่วยเด็ดขาด ถ้าชาจีฟกินไม่หมด” 

            “โธ่...พ่อนะพ่อ...ทำอย่างนี้ได้ยังไง” เด็กชายโอดครวญ

            สิรดามองสองพ่อลูกแล้วอมยิ้ม จะว่าไปนายชามาล์เวลาอยู่กับลูกก็น่ารักดีเหมือนกันนะ จู่ๆ นัยน์ตากลมโตของสิรดาก็รู้สึกพร่าๆ ขึ้นมาอย่างประหลาด แต่ก่อนที่มันจะพร่าเลอะเทอะไปยิ่งกว่านี้ หญิงสาวก็รีบขยี้ตา เพื่อปรับนัยน์ตาของตนเองให้เป็นปกติอย่างเร็วที่สุด ทั้งยังนึกตำหนิตัวเองที่ดันไปเห็นผู้ชายอย่างชามาล์น่ารัก

            ท่าจะบ้าไปแล้วเรา...คนอย่างนายชามาล์เนี่ยนะน่ารัก ตลกสิ้นดี ตลกร้ายเว่อร์ๆ สงสัยเธอคงจะหิวจนตาลาย ความรู้สึกถึงเพี้ยนไปไกลขนาดนี้ เพราะถ้าหมอนี่น่ารัก ผู้ชายที่เหลือบนโลกคงดีเลอเลิศล้ำค่ากันหมดทุกคน...

            เมื่อมาถึงร้านอาหาร ชามาล์พาสิรดากับชาจีฟเดินเข้าไปยังห้องอาหารที่ซาอิมได้โทร. จองโต๊ะไว้ก่อนล่วงหน้า ซึ่งในขณะที่ชายหนุ่มเดินผ่านเข้ามายังด้านใน สายตาหลายสิบคู่ต่างเหลียวมองผู้มาใหม่ด้วยความสนใจ โดยเฉพาะหญิงสาวที่เดินจูงมือเด็กชาย ลูกชายคนเดียวของชามาล์ อัลบารอม

            สิรดาถอนใจเป็นครั้งที่เกือบร้อยของวัน วันนี้เธอคงเด่นมาก เด่นเหมือนดาราดัง เพราะไม่ว่าจะไปทางไหนก็มีแต่คนมองด้วยความสนใจ แล้ววันนี้ไม่รู้ทำไม เจ้านายของเธอถึงเกิดนึกเฮี้ยน ขยันพาเข้าออกที่นั่นที่นี่เป็นว่าเล่น จากที่เธอคิดจะปิดบังตัวเองจนงานเสร็จแล้วหนีหาย ท่าทางจากนี้ต่อไปทุกคนคงจะจำหน้าเธอได้ แล้วเมื่อถึงคราวที่ชามาล์ประกาศตามจับตัวเธอ ชาตินี้เธอคงไม่ได้มาเหยียบเมืองนี้อีกแน่นอน

            “เธอจะถอนใจทำไม หรือว่ามีเรื่องอะไรปกปิดฉันอยู่” ชามาล์เห็นสิรดาถอนใจ จึงลองถามหยั่งเชิง เพื่อดูว่าสิรดาจะมีปฏิกิริยาแบบไหน

            “ปกปิดอะไรกันคุณ อย่ามาใส่ร้ายกัน” สิรดารีบส่ายหน้าตอบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังมองหน้าคนกล่าวหาในทำนองว่าชอบให้ร้ายกันเหลือเกิน

            “ไม่มีอะไรปกปิดก็ดีแล้ว แต่มีอย่างหนึ่งที่ฉันควรจะบอกให้เธอรู้ตัวไว้ ไม่มีอะไรที่คนอย่างชามาล์ไม่รู้แล้วคนที่โกหก ปิดบังซ่อนเร้น คิดหักหลังฉัน ไม่เคยมีใครรอดตัวไปได้” ชายหนุ่มพูดเสียงนิ่ง

            “ใช่ๆ อย่าให้รอดไปได้เชียว คนนิสัยไม่ดี ชอบหักหลังคนอื่น ฉันเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน จัดหนักใส่ไปเลย” สิรดาทำหน้าขึงขังรีบเออออตามน้ำ

            ชามาล์มองหน้าคนสนับสนุนอย่างเหลืออด “จำเอาไว้ก็แล้วกัน อย่าให้จับได้ ไม่อย่างนั้น ตอนต่อไปอาจมีบางอย่างที่คาดไม่ถึง”

            สิรดาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ในใจอยากหาอะไรมาฟาดปากคนขี้ขู่เป็นที่สุด โธ่...เอ๊ย ทำมาเป็นพูดขู่ ไม่กลัวหรอกวุ้ย ตอนต่อไปก็คาดไม่ถึงไปคนเดียวแล้วกัน ส่วนเธอน่ะจะขอลากลับบ้าน ใครจะซื่อบื้อมารอตอนต่อไปให้โดนจับได้ เสร็จงานฉันก็โกยแน่บไปไกล จะมามีตอนต่อไปได้ยังไง คิดดีแล้วใช่มั้ยเนี่ยที่กล้าพูดขู่แบบนี้ออกมา...หึ นายชามาล์พ่อสมองถั่วลิสงน้อยๆ

            สายตาคมกริบของคนพูดขู่จ้องเขม็งไปยังใบหน้าเรียบเฉยของคนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ดูเอาเถอะยายผู้หญิงร้อยเล่ห์จะรู้สึกตกใจหรือสะดุ้งสักนิดก็ไม่มี แถมยังมาทำน้ำเสียงส่งเสริมให้เขาจัดการคนหักหลังให้หนักๆ ยิ่งคิดชามาล์ก็ยิ่งอยากสะสางเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้อย่างแน่นอน เขาจะจัดให้ตามเจตนารมย์ที่เจ้าหล่อนต้องการทั้งหมด ฉะนั้นไม่เกินสองวันนี้ แม่คนอวดเก่งจะต้องโดนจัดหนักตามคำขอ ซึ่งเขาสามารถให้คำมั่นแก่เจ้าหล่อนได้เลยว่า มันจะหนักชนิดถึงเนื้อถึงตัวซาบซ่านเข้าไปถึงหัวใจแน่ เตรียมตัวรอรับได้เลยทูนหัว

            แววตาชามาล์พราวระยับขึ้นมาทันที เมื่อนึกภาพสิรดาโดนจัดการตามแบบฉบับของเขา

            ในคืนนั้น...คนที่จะโดนจัดการภายในสองวันเฝ้ากดโทรศัพท์จนมือหงิก หญิงสาวพยายามโทร. หาอาเหม็ดแต่โทร. เท่าไรก็โทร. ไม่ติด จนสุดท้ายต้องล้มเลิกความตั้งใจ พร้อมกับนึกเคืองเครือข่ายสัญญาณมือถือและลามไปยังเจ้าของผู้ให้บริการ ที่ทำระบบไม่ได้เรื่องทำให้สัญญาณล้มใช้การไม่ได้ในวันที่เธออยากจะใช้โทรศัพท์มากที่สุด

            “ใครมันเป็นเจ้าของเครือข่ายมือถือประเทศนี้เนี่ย จะรู้บ้างมั้ย สัญญาณมันห่วย”

            เจ้าของเครือข่ายห่วยๆ นอนยิ้มอย่างสะใจอยู่บนเตียงใหญ่ รายงานด่วนจากซาอิมแจ้งเข้ามาว่า ในชั่วโมงที่ผ่านมา สิรดากดโทร. ออกเกือบร้อยครั้ง ฉะนั้นป่านนี้หล่อนคงนอนกระสับกระส่ายเพราะไม่ได้คุยกับเจ้าอาเหม็ดหน้าจืดชืดนั่น ซึ่งมันก็สมควรแล้ว อยู่ภายใต้อัลบารอมแท้ๆ ยังกล้าโทร. หาผู้ชายคนอื่นดึกๆ ดื่นๆ สงสัยเขาคงต้องสั่งสอนต่ออีกสักหน่อยจะได้รู้จักการวางตัว แล้วจะได้รู้ตัวไว้ว่าจะมาเป็นเมียเขาทั้งที เรื่องผู้ชายคนอื่นๆ ต้องห้ามข้องแวะอีกโดยเด็ดขาด

            เมื่อตัดสินใจได้ ชามาล์ก็โทร. สั่งลูกน้องคนสนิททันที “ซาอิม ถ้าสิรดาโทร. ไปหาเจ้าอาเหม็ดตอนกลางวัน ให้คุยไม่เกินสองนาทีแล้วตัดสาย วันหนึ่งให้โทร. ได้สองครั้ง แล้วทุกครั้งให้รายงานฉันด้วย”

            “ครับ” ซาอิมที่เพิ่งได้นอนไม่ถึงชั่วโมงตื่นมารับคำเสียงงัวเงีย ท่าทางเจ้านายของเขาจะหมกมุ่นในเรื่องของคุณสิรดามาก ถึงขนาดไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน ต้องรอให้คุณสิรดาเลิกโทร. ก่อน ซ้ำยังโทร. มาสั่งเขาตอนตีสองกว่าเหมือนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วนมาก ทั้งๆ ที่พรุ่งนี้เช้าก็สั่งได้ ชายหนุ่มที่ถูกปลุกหายใจเฮือกอย่างง่วงๆ

            คุณชามาล์หนอคุณชามาล์จะรู้ตัวบ้างไหม ทำตัวเหมือนผู้ชายขี้หวงขึ้นทุกวันแล้ว...

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น