5

ได้เรื่อง


-๕- ได้เรื่อง

รักเดียวตื่นขึ้นพร้อมกับอาการปวดเมื่อย อย่างกับไปวิ่งมาราธอนเพิ่งเสร็จกลับมา เธอเดินโงนเงน ไปที่กระจก แต่แล้วก็ผงะ เพราะภาพสะท้อนของคนในกระจกนั้น ดูเหมือนเพิ่งถูกเก็บขึ้นมาจากถังขยะ แล้วภาพความทรงจำเรื่องเมื่อคืน ก็ค่อยๆ เริ่มลำดับขึ้นในสมองอย่างมึนงง

จำได้แม่นเลยคือได้เจอหน้าพี่เจนยุทธ์สุดเลิฟ ในงานเลี้ยงพรรคไทยขยัน... ถัดมาก็เรื่องที่ถูกสายตรวจลากเข้าซังเตเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาวขายบริการ โชคดีได้บารมีของอีตาภพรักช่วยเอาไว้ และเขาเป็นคนพาเธอมาส่งที่ห้อง ...แต่นั่นไม่ถือว่าเป็นบุญคุณอะไรหรอก ก็เขาเป็นต้นเหตุให้เธอไม่มีรถใช้ในวันนี้!

นั่นเลยเป็นสาเหตุว่า ทำไมเธอจึงต้องสวมวิญญาณสก๊อย ซ้อนท้ายพี่มอเตอร์ไซค์วินหน้าคอนโด ในเวลาแปดโมงครึ่ง ซึ่งเธอมีประชุมในเวลาเก้าโมงตรง และกว่าจะฟันฝ่ารถติดยาวเหยียดไปถึงออฟฟิศ ก็เลยเวลาประชุมจนได้

ที่สำนักงานไทยซียูนิวส์ รักเดียวย่างเท้าก้าวเข้าไป ด้วยสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เสียงแรกที่ได้ยินแทนประโยคทักทายระรื่นหู ก็เป็นคำถามชวนประสาทเสีย ซึ่งมาจากยัยป้าจันทร์ฉาย หัวหน้าทีมพรู๊ฟ ซึ่งเดินหอบเอกสารปึกใหญ่มากองไว้บนโต๊ะตรงหน้าเธอพอดี

“มาแล้วหรือจ้ะ นี่นะ งานเธอ" แล้วก็หัวเราะเบาๆ

"ดูจากสภาพเธอแล้ว ฉันว่างานพวกนี้ คงต้องถูกดองอีกสักครึ่งปีกว่าจะเสร็จ หรือไม่ก็ไม่มีวันเสร็จ เพราะเธอมันไม่เคยทำอะไรได้สำเร็จ" แล้วก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดีกลับไปโต๊ะตัวเอง ก่อนที่พี่ดา เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งในไม่กี่คนที่ดีต่อเธอจะวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอกว่า

"ยัยรัก! บก.เรียกพบด่วน"

"คงไม่ใช่เรื่องที่รักมาทำงานสาย จนไม่ทันเข้าประชุมหรอกนะคะ"

พี่ดายิ้มแห้ง

"พี่ว่า แย่ยิ่งกว่านั้นอีก"

"หรือว่า จะเป็นสกู๊ปสัมภาษณ์ผู้สมัครหน้าใหม่ พรรคไทยขยัน"

"อย่ามัววิเคราะห์อยู่เลย รีบเข้าไปพบบก.เถอะ เดี๋ยวพี่จะพลอยซวยตามเธอไปด้วย"

โหย! พี่ดาพูดขนาดนี้แสดงว่าต้องเป็นอะไรที่วิกฤตมาก

รักเดียวใจเต้นระรัว เปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องของธีระ เห็นเขานั่งหน้าเขียวเป็นพระอินทร์รออยู่ พร้อมด้วยดวงฤดี รักเดียวยิ้มกว้าง อุ่นใจขึ้นมาทันที

“บก.คะ รักขอโทษนะคะ เรื่องสกู๊ป...”

บก.สุดเฮี้ยบยกมือขึ้นทำนองว่า ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น

“เรื่องนั้นช่างเถอะ ผมเอาสกู๊ปเยี่ยมบ้านรมต.ธำรงของจันทร์ฉายลงแทนไปแล้ว” ธีระบอก

"นั่งลง แล้วดูนี่ คุณรัก งานใหม่ที่คุณ กับคุณด้วงจะต้องช่วยกันทำ"

รักเดียวหันมองหน้าเพื่อนซี้

"งานอะไรด้วง ไม่เห็นแกเคยบอกฉันเลย"

"ฉันก็เพิ่งรู้พร้อมกับแกนี่แหละ" หนอนด้วงตอบตามตรง

"เอ้าๆ อย่าเพิ่งคุยกัน ตั้งใจฟัง" บก. เรียกความสนใจกลับมา

"ดูนี่นะ ผมจะให้คุณสองคนทำสกู๊ปเซเลบหน้าใหม่... คุณนายประนอม”

“ใครกันคะ คุณนายประนอม ไม่เห็นเคยได้ยิน”

“ผมถึงได้พูดอยู่นี่ไงว่าเป็นเซเลบหน้าใหม่” พร้อมพลิกหน้าจอ โชว์ให้เห็นคลิปงานแถลงเปิดตัวผู้สมัครหน้าใหม่ของพรรคไทยขยันเมื่อคืนที่ผ่านมา ชี้นิ้วไปที่คนในภาพ บอกว่า

“คนนี้...คุณนายประนอม หรือที่รู้จักกันในนามย่าแป้น เศรษฐีพันล้าน เจ้าของนาสามหมื่นไร่ และสวนผลไม้ส่งออกรายใหญ่ระดับประเทศ”

รักเดียวอ้าปากกว้าง ดวงตาเบิกโต นี่มันคุณยายน้ำหมากแดง คุณย่าของอีตาตำรวจขี้เก๊กนี่นา อะไรมันจะโลกกลมปานนี้!

"มันก็งานง่ายๆ นะคะ ไม่เห็นต้องให้เราสองคนช่วยกันทำเลย ด้วงทำเองคนเดียวก็ได้" หนอนด้วงออกความเห็น

"จริงแก" รักเดียวสนับสนุนไม่เต็มเสียงนัก

"ก็เพราะมันไม่ใช่แค่นั้นนะสิ"

"หมายความว่ายังไงคะ?" สองสาวแทบจะทวนถามขึ้นพร้อมกัน

"ผมสงสัยว่า ครอบครัวนี้จะเกี่ยวพันกับคดีค้าผู้หญิง"

ว่าไงนะ! นายตำรวจนั่นพัวพันคดีค้าผู้หญิงเหรอ อกอีแป้นจะแตก!

"ว่ายังไงล่ะคุณรัก ผมถาม ทำไมไม่ตอบ"

รักเดียวสะดุ้ง

"คะ? บะ... บอ... บอกอ ถามรักว่ายังไงนะคะ"

หนอนด้วงเลื่อนมือมาตบไหล่เพื่อน เอ่ยแทนขึ้นว่า

"ไม่มีปัญหาค่ะ ด้วงตอบแทนยัยรักได้เลย วางใจเถอะนะคะ รับรองว่าเราสองคนไม่ทำให้ผิดหวัง"

“ได้ฟังแบบนี้ ผมค่อยเบาใจ หวังว่าเราคงได้เสนอข่าวใหญ่ก่อนใคร ใช่ไหมคุณรักเดียว" รักเดียวที่สมาธิยังติดหนึบอยู่กับเรื่องเมื่อคืน ต้องสะดุ้งอีกรอบ ตอนที่ธีระเคาะโต๊ะ ถามซ้ำว่า

"คุณรัก! ผมถามว่าใช่ไหม"

"ชะ... ใช่ ใช่ค่ะๆ”

"ถ้าใช่ก็ดี งั้นรีบออกไปเริ่มงานของคุณได้แล้ว คุณรัก ส่วนคุณด้วง ขอผมปรึกษางานต่ออีกนิดหน่อยครับ" เขาบอก และไสมือไล่รักเดียวให้กลับออกไป

รักเดียวเดินคอตกออกจากห้องบก.ธีระ กลับมาที่โต๊ะ พี่ดาชะโงกคอข้ามพาร์ติชั่นเพื่อจะบอกว่า

“ตะกี้มีหนุ่มโทรหาเธอด้วยล่ะ พี่จดโน้ตแปะไว้หน้าจอคอมให้แล้ว”

“ขอบคุณค่ะพี่ดา” แล้วหันมองกระดาษโน้ตที่เขียนว่า ... ‘รถเสร็จแล้ว จะเอาเข้าไปให้ที่สำนักงานตอนเที่ยง’

อะไรนะ! นายคนนั้นกำลังจะมาที่นี่

"โอย ตายๆ"

"ใครตายเหรอจ๊ะ รักเดียว"

จันทร์ฉายแทรกหน้าเข้ามาถาม แววตาเยาะหยัน

"คงโดนบก.ธีระตำหนิ เรื่องที่ส่งสกู๊ปข่าวไม่ทันใช่ไหม ไม่ต้องเสียใจหรอกนะ ยังไงซะ สกู๊ปเยี่ยมบ้านท่านธำรงก็น่าสนใจกว่าอยู่แล้ว นับว่าเป็นโชคดีของคนอ่านเสียด้วยซ้ำ ที่ได้อ่านเรื่องราวดีๆ ของฉัน แทนที่จะเป็นสกู๊ปจืดชืดของเธอ"

จันทร์ฉายหัวเราะอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย รักเดียวหันไปกล่าวตอบ สีหน้าเบื่อหน่าย

"ป้าคะ ถ้าว่างมาก รักขอแนะนำให้กลับไปปัดหยากไย่ที่เกรอะอยู่เต็มโต๊ะป้า ดีกว่าจะมาเสียเวลาจิกกัดเพื่อนร่วมงานแบบนี้นะคะ"

"อร๊าย! ยัยรัก ใครเป็นป้าของหล่อนยะ หน็อย... ไม่หัดเจียมบอดี้ โดนบก.ธีระคาดโทษ จนต้องออกมานั่งหน้าจ๋อยแบบนี้ แล้วยังไม่สำนึก วันนี้แค่ถูกตำหนิ แต่อีกไม่นานหรอก เธอจะไม่มีแม้แต่โอกาสอยู่ทำงานที่นี่"

"ใครเหรอคะพี่จันทร์ ที่จะไม่มีโอกาสอยู่ทำงานที่นี่" หนอนด้วงกลับจากห้องบก.ธีระ เดินกอดอกเข้ามาหา

"จะเป็นใครได้อีกล่ะจ้ะ ก็ยัยรักเดียวเพื่อนเธอคนนี้ไงล่ะ เธอเองก็ควรจะอยู่ให้มันห่างๆ จากยัยรักเดียวหน่อยนะ ดวงฤดี ไม่อย่างนั้น ทั้งยัยรักเดียว ทั้งตัวเธอเอง จะพากันถูกปลดระวาง ระเห็จกันไปเดินเตะฝุ่นกินเกลือแทนข้าวกันข้างถนน เพราะความไม่ได้เรื่องของแม่รักเดียว"

"คนที่พี่จันทร์ว่าไม่ได้เรื่อง ไม่ใช่ด้วงกับยัยรักแน่ๆ ค่ะ เพราะเราสองคนเพิ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่” หนอนด้วงยิ้มอย่างเป็นต่อ

รักเดียวพยักพเยิด ยิ้มลำพองกับงานชิ้นใหม่ที่เพิ่งได้รับมา

“ช่าย... ไปกันเถอะแก เราไปช่วยกันหาข้อมูลงานใหญ่ที่โต๊ะของแกดีกว่าด้วง ที่ตรงนี้มลพิษมันเยอะ" แล้วเกี่ยวคอเพื่อน พากันเดินไปที่โต๊ะของดวงฤดี ซึ่งอยู่ด้านในสุดของสำนักงาน ทิ้งจันทร์ฉายให้ยืนเดือดดาลเพียงลำพัง

 

เพียงพิมพ์คำว่า ‘คุณนายประนอม รักษ์สงบ’ ข้อมูลเซเลบหน้าใหม่ของวงการก็ปรากฏทันที หนอนด้วงคลิกอ่านรายละเอียด หลักแหล่งที่อยู่ของพวกเขาคือตำบลท่าดอกรัก ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สักเท่าไหร่ เธอเลื่อนเมาส์คลิกดูภาพ เผยให้เห็นถึงจำนวนสมาชิกในครอบครัว มีเพียงนางประนอมหรือย่าแป้น ซึ่งมีบุตรชายชื่อนายประนพ และนางปราณีลูกสะใภ้ ในข้อมูลกล่าวถึงหลานชายคนเดียวของย่าแป้น ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ แต่ไม่ปรากฏหน่วยสังกัด แม้แต่ชื่อหรือใบหน้า

"ฉันว่าหลานชายคุณนายประนอมที่เป็นตำรวจนี่แหละ ที่พวกเราต้องตามสืบเป็นรายแรก แกว่าไหมแก" หนอนด้วงหันไปขอความเห็นจากเพื่อนข้างๆ แต่พบว่ารักเดียวกำลังนั่งใจลอย

"ยัยรัก! เป็นไรแก ตั้งแต่ในห้องบก.แล้วนะ ฉันเห็นแกเอาแต่ใจลอย"

"มะ... ไม่มีอะไร" ปฏิเสธเสียงสูง

"ไม่เชื่อ แกต้องมีอะไรแน่ๆ หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องงานเลี้ยงเมื่อคืน เออ จริงสิ แกยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟังเลย เจอพี่เจนสุดที่รักของแกไหม"

"ก็เจอ แต่ไม่มีโอกาสเข้าใกล้เลย พวกการ์ดคอยล้อมหน้าล้อมหลัง" รักเดียวตอบ ใจยังพะวงอยู่กับเรื่องที่นายตำรวจกำลังจะมา

ซึ่งไม่ทันถึงตอนเที่ยงตามที่เขานัด แม่บ้านประจำออฟฟิศ ก็หอบแฮ่กๆ วิ่งมาบอก ด้วยสุ้มเสียงตระหนกตกใจ

“ตำรวจค่ะ ตำรวจมา!”

“จะตกใจทำไมคะป้า เราไม่มีใครทำอะไรผิดเสียหน่อย” หนอนด้วงท้วง แต่รักเดียวลุกผึงขึ้นจากเก้าอี้ ลนลานบอกว่า

“หาข้อมูลไปคนเดียวก่อนนะแก เดี๋ยวฉันมา” ก่อนจะผลุนผันวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

ซึ่งที่นอกกระจกสำนักงานนั้น หนอนด้วงมองเห็นตำรวจหนุ่มร่างสูง ยืนหันซ้ายหันขวารอในสักคนอยู่ตรงลานจอดรถ

ที่ลานจอดรถ รักเดียวปรี่เข้าไปสกัดกั้นไม่ให้เขาก้าวเข้ามาด้านใน พอเจ้าตัวเห็นหน้าเธอ ก็ชี้มือไปยังเจ้ารถญี่ปุ่นสุดหวงของเธอที่ผ่านการซ่อมและทำสีจนใหม่เอี่ยม ซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่ตรงลานจอด

“เสร็จเรียบร้อยแล้วรถคุณ จอดอยู่นั่นนะ นี่กุญแจ”

“อือ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม งั้นคุณก็กลับไปได้แล้ว”

ภพรักพ่นลมหายใจอย่างฉุนเฉียว

“นี่ คุณนักข่าว ที่ผมสละเวลาเอารถมาคืน ไม่คิดจะขอบคุณกันเลยใช่ไหม” เขาว่า ล้วงมือหยิบของในกระเป๋าเสื้อ “เอา นี่ บัตรนักข่าวที่คุณไปทำตกไว้ใต้เตียงในห้องนอนผม"

รักเดียวรีบตะครุบเอาบัตรประจำตัวนักข่าวในมือเขา กลับคืนมาอย่างเร็ว ด้วยกลัวว่าใครจะผ่านมาเห็นเธอยืนคุยกับเขา

"ขอบคุณ" เธอบอกห้วน

"เอาเถอะๆ” ชายหนุ่มไหวมือกลางอากาศอย่างคนไม่ยี่หระ กลับหลังหัน ปล่อยคำพูดหนึ่งทิ้งท้ายฝากเธอเอาไว้แบบลอยๆ “ผมไม่ได้คาดหวังอะไรหรอก... กับผู้หญิงแบบคุณ"

เกือบจะเดินจากไปแล้ว แต่มือเล็กๆ ของนักข่าวสาวฉุดแขนเขาไว้

"เดี๋ยว! พูดแบบนี้มันหมายความว่าไง ผู้หญิงแบบฉันมันยังไง"

"ก็ผู้หญิงที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว เมาไม่รู้เรื่อง แล้วก็เที่ยวไปยืนอ่อยอยู่ข้างเสาไฟ จนโดนสายตรวจจับไปนอนในคุกแบบนั้นไงล่ะ"

"อ้อ เข้าใจแล้ว นี่คงคิดจะทวงบุญคุณกันล่ะสิ บอกให้รู้เลยนะ ถ้าเมื่อคืนฉันเป็นอะไรไป ความผิดทั้งหมดมันก็เกิดจากการที่คุณขับรถชนท้ายรถฉันนั่นแหละ!" เธอขึ้นเสียงใส่หน้าเขา ลืมสนิทว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีค้าผู้หญิง

"แล้วก็ไม่ใช่เป็นผมเหรอ ที่ช่วยคุณออกมา"

"ใครไปขอร้องคุณกันล่ะ ความจริงให้ฉันนอนอยู่ในนั้นจนเช้า ยังจะปลอดภัยกว่าการถูกคุณอุ้มขึ้นคอนโด แล้วนี่นะ ฉันถูกคุณปู้ยี่ปู้ยำ หรือเปล่าก็ไม่รู้" พูดไปทำหน้าทำตาสยดสยองไป

"เฮ้อะ!" เขาหัวเราะลั่น

"ผมนี่นะ ปู้ยี่ปู้ยำคุณ มีแต่คุณต่างหากล่ะ ที่เป็นฝ่ายปู้ยี่ปู้ยำผม ไม่หนำซ้ำนะ ตอนคุณเกาะอยู่บนหลังผม คุณก็เอาแต่พร่ำเพ้อถึงแต่ผู้ชาย... พี่เจนขา พี่เจนสุดเลิฟของรัก"

ชายหนุ่มส่ายหน้ารำพึงล้อเลียนเสียงคนเมา รักเดียวฉุนกึก

"ไม่จริง คุณโกหก"

เถียงกันต่อไปก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่า ชายหนุ่มจึงหันหลังจะเดินออกมายังด้านนอก ซึ่งลูกน้องคนสนิทของเขามาจอดรถรออยู่นานแล้ว

แต่ปล่อยเขาก้าวออกไปไม่ทันถึงรถ รักเดียวก็วิ่งมากระชากแขนของเขาเอาไว้

"เดี๋ยว คุณยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น พูดมา คุณตำรวจ ฉันไปปู้ยี่ปู้ยำอะไรคุณ แล้วที่บอกว่าฉันเพ้อถึงพี่เจน คุณหมายถึงใครไม่ทราบ"

"เอ้า! ผมจะไปรู้คุณเหรอ ว่าหมายถึงใคร ท่าทางคุณจะเลอะเลือนไปใหญ่แล้วนะครับ นี่แหละนะ โทษของการชอบดื่มแอลกอฮอล์ ระวังนะคุณ จะเป็นอัลไซเมอร์ สมองเสื่อม แล้วก็หน้าแก่ก่อนวัย" เขาพูดกลั้วหัวเราะ สาวเท้าไวๆ ไปยังรถสีแดงตราโล่ ก่อนจะถูกขับออกไปอย่างรวดเร็ว

รักเดียวกัดฟันกรอด ฝากไว้ก่อน ตอนนี้ยังทำอะไรเขาไม่ได้ ทำได้แต่เข่นเขี้ยวอยู่ลำพัง

ขณะเดียวกัน สายตาคู่หนึ่งซึ่งมองดูเหตุการณ์อยู่โดยตลอดผ่านกระจกหน้าต่างติดฟิล์มกรองแสงจากด้านในของสำนักงานด้วยความฉงนสนเท่ห์ ...ยัยรักไม่เคยพูดถึงเพื่อนผู้ชายหรือคนรู้จักที่เป็นตำรวจ แล้วหมอนี่ใคร? หรือว่าเขาจะคือสาเหตุที่ทำให้รักเดียวมีอาการเหม่อลอยมาตั้งแต่เช้า

รักเดียวกลับเข้ามาในสำนักงาน หนอนด้วงที่ทำทีเป็นยังตั้งอกตั้งใจสืบค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ต พอรักเดียวเดินมาถึงก็เปรยขึ้นเหมือนไม่รู้ไม่เห็นกับเหตุการณ์ด้านนอกที่ลานจอด

"ยัยรัก ฉันได้ข้อมูลคุณนายประนอมแล้วนะ เสียดายที่สืบไม่เจอข้อมูลหลานชายแก ที่เป็นนายตำรวจหน่วยไหนสักแห่ง แต่ไม่รู้ทั้งชื่อ ทั้งใบหน้า สงสัยศัตรูเยอะ ถึงได้ล้างประวัติในสาระบบจนเกลี้ยงแบบนี้"

รักเดียวมุ่ยหน้า แหงล่ะ ปากเสียๆ แบบนั้น ใครที่ไหนอยากจะเป็นมิตรด้วย!

“แบบนี้พวกเราจะชักช้าอยู่ไม่ได้ อาศัยช่วงที่คุณนายประนอมกำลังดังอยู่ในกระแสแบบนี้แหละ ติดต่อขอสัมภาษณ์ และทำทีเป็นเจาะลึกอัตชีวประวัติ เอางี้ แกรีบร่างหนังสือขอนัดสัมภาษณ์ ส่วนฉัน จะรีบติดต่อเรื่องที่พักและการเดินทาง โอเค?" พูดเองเออเองเสร็จ ก็รีบคีย์หาข้อมูลที่พักและเส้นทางไปยังท่าดอกรักทันที

รักเดียวพ่นลมหายใจบุ๋ยๆ ด้วยความกลัดกลุ้ม จะบอกออกไปดีหรือไม่ดี ว่าแท้จริงแล้วนายตำรวจนั่น ก็คือคนคนเดียวกับที่เธอเพิ่งจะทะเลาะด้วยเมื่อตะกี้ ซึ่งถ้าจะว่าไป หมูเขาเอามาให้หามถึงที่ ถ้าคิดจะตะครุบไว้ก็คงไม่ยาก อีกประการหนึ่งนะ ทั้งคุณนายประนอม หรือแม้แต่พ่อแม่ของเขา รักเดียวก็เจอมาหมดแล้ว มันจะยากอะไรถ้าสวมรอยเป็นคนใกล้ชิด แฝงตัวเข้าไปสืบแบบเนียนๆ แทบไม่ต้องเสียเวลาร่างหนังสือขออนุญาตอะไรให้เสียเวลาด้วยซ้ำ

ช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่รักเดียวใช้ในการตัดสินใจว่า ควรจะบอกความจริงกับดวงฤดีหรือไม่ จู่ๆ บก.ธีระก็เดินเข้ามา ใบหน้ากลมกิ๊กภายใต้แว่นสายตาหนาเตอะบานระรื่นบ่งบอกว่าต้องมาดี

"ยอดเยี่ยมมากเลยรักเดียว ผมไม่ผิดหวังเลยที่ได้มอบหมายงานสำคัญนี้ให้"

"มันเรื่องอะไรกันคะบก." รักเดียวถาม ใบหน้าเหรอหรา

"จะเรื่องอะไรเสียอีกล่ะ ก็งานที่ผมเพิ่งสั่งไปเมื่อเช้า ไม่ทันไรคุณก็สามารถนัดเจอผู้กองภพรัก รักษ์สงบ หลานชายคุณนายประนอมได้สำเร็จ รักเดียว คุณนี่ทำงานรวดเร็วสมกับที่เป็นนักข่าวรุ่นใหม่ไฟแรงจริงๆ ถูกใจผมมาก" เลื่อนมือตบไหล่เธอสองทีอย่างพออกพอใจ แล้วเดินผิวปากอารมณ์ดีกลับเข้าห้องไป

งานนี้ บก. ทิ้งระเบิดใส่รักเดียวลูกเบ้อเร่อ

หนอนด้วงหันมองหน้าเพื่อนดังฟึ่บ

“ยัยรัก! มีอะไรที่แกยังไม่บอกฉันอีกเยอะเลยใช่ไหม”

รักเดียวยิ้มเผล่ ดวงฤดีทำสายตาคาดคั้น

“เล่ามาให้หมด!”

“แก... เอ่อ คือว่า... กลับจากงานเลี้ยงเมื่อคืนก่อน ฉันเมานิดหน่อย แล้วก็เลย...” เลยเป็นอันว่าตลอดทั้งบ่ายของ รักเดียวต้องยอมเล่าความจริงให้หนองด้วงฟังหมดตั้งแต่ต้น แต่มันไม่จบเพียงเท่านั้น หนอนด้วงมองเพื่อนรักแล้วยิ้มมุมปาก แผนการบางอย่างงอกขึ้นในหัว และลงเอยด้วยการบอกเพื่อนว่า

“คิดอะไรออกแล้ว”

แววตาซับซ้อนของดวงฤดีที่มองเขม็งมา ทำให้รักเดียวขนลุกกรูเกรียว

“แกคงไม่คิดจะให้ฉัน....”

ไม่รอให้รักเดียวพูดจบ ดวงฤดีก็บอกว่า

“ใช่” มือบางเลื่อนขึ้นตบบ่าเพื่อน “หาทางใกล้ชิดครอบครัวย่าประนอม แล้วโอกาสที่เราจะได้เบาะแส ก็จะยิ่งง่ายขึ้น”

“นี่อย่าบอกนะว่าแกจะให้ฉันไปตามจีบตาผู้กองมาทำแฟน อี๋... ไม่เอาหรอก”

แต่เดชะบุญ ยัยหนอนด้วงแค่ส่ายหัวขำๆ

“บ้าเหรอแก ฉันไม่คิดอะไรทะลึ่งๆ แบบนั้นหรอก แค่อยากให้หาทางตีสนิทผู้กองเอาไว้ ...เป็นต้นว่า ขอนัดเลี้ยงข่าวเพื่อขอบคุณเขา ที่ช่วยโมรถมอๆ ของแกซะจนใหม่เอี่ยม อย่างกับเป็นใหม่รถป้ายแดง หรือไม่ก็ เพื่อขอบคุณ เรื่องที่เขาพาแกรอดออกมาจากซังเต แถมยังใจดี พาแกไปส่งถึงคอนโด ทั้งๆ ที่แกทั้งอ้วกใส่เขา ทั้งยังต่อยหน้าเขาอีกน่ะ”

“สาบานนะ ว่าแกไม่ได้กำลังหรอกด่าฉันอยู่ ยัยด้วง”

เปล่าๆ ฉันไม่ได้ว่าแก” หนอนด้วงหัวเราะฟุ้ง ตบบ่าเพื่ออย่างปลอบอกปลอบใจ

“เอาน่า ทำตามแผนที่ฉันบอกนี่แหละ รับรองว่าได้เรื่องแน่นอน อีกอย่างนะ แกก็มาไกลถึงขนาดนี้แล้ว ... นะแกนะ รักเดียวคนสวย ทั้งน่ารักทั้งเก่ง” ลองใช้ไม้นี้ รักเดียวก็เลยได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แววตาเริ่มคล้อยตาม “ดีไม่ดี นายตำรวจคนนั้นอาจเผลอใจหลงรักแก แล้วแกก็ได้ขึ้นแท่นเป็นคุณนายตำรวจ”

“เว่อร์แล้วแก ฉันไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟ็กต์อะไรขนาดนั้นซะหน่อย” ปากบอกว่าเว่อร์ แต่รักเดียวก็เกือบตัวลอยติดเพดาน “แล้วคนที่ทั้งน่ารัก ทั้งฉลาดอย่างฉัน ไม่มีทางเอาผู้ร้ายในคราบตำรวจมาเป็นแฟนให้เสื่อมเสียหรอกจ้ะ” หญิงสาวกล่าวปฏิญาณด้วยความเด็ดเดี่ยว ตกปากรับคำในแผนการของดวงฤดีอย่างเป็นมั่นเหมาะ จากนั้นก็สั่งปริ๊นเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ ที่มีทั้งเส้นทางตำบลท่าดอกรัก และรายละเอียดครอบครัวย่าประนอม เอกสารปึกใหญ่ถูกเก็บใส่แฟ้มเป็นอย่างดี รักเดียวพร้อมแล้วกับการเดินทางไปหาข่าวสำคัญในวันพรุ่งนี้

 

เที่ยงคืนเศษ ภพรักเพิ่งเคลียร์งานเสร็จ พอกลับถึงคอนโดก็รีบเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า เตรียมตัวเดินทางกลับท่าดอกรักในวันพรุ่งนี้

การกลับไปที่ท่าดอกรักครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะคำขาดของย่า แต่เพราะเขาอยากหาเบาะแสแก๊งค้าประเวณี ซึ่งเขาได้ข่าวว่ามีรายชื่อผู้หลักผู้ใหญ่ในตำบลท่าดอกรักพัวพันอยู่ คนหนึ่งในนั้นคือนายเจนยุทธ์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของกำนันจอมบุญ ผู้มีอิทธิพลแห่งท่าดอกรัก และอีกอย่าง... กลับไปอยู่ที่บ้านสักพักก็ดี เผื่อว่าอาการเจ็บจากพิษรักที่คะนึงนิจฝากไว้ในหัวใจเขาจะทุเลาลง

ภพรักเก็บของใส่กระเป๋าเสร็จเรียบร้อย และตอนที่กำลังจะเอาไปวางบนปลายเตียง สายกระเป๋าก็ปัดไปโดนกรอบรูปใบเล็กบนชั้นวางหนังสือข้างเตียง มันร่วงลงพื้น โชคดีที่ไม่แตก เขาจำได้ว่า รูปนี้พ่อถ่ายเขาคู่กับดอกรัก ในวันที่ดอกรักไปโรงเรียนวันแรก เขาจำได้ดี ดวงตากลมที่แดงก่ำ และรื้นไปด้วยน้ำตา

ในวันนั้นเธอไม่ได้ร้องกระจอแง หากเพียงแต่ยึดกระชับชายผ้าซิ่นของย่าเรียมเอาไว้แน่น และส่งเสียงวิงวอนอย่างแสนเศร้า... ‘ดอกรักไม่ไปไม่ได้หรือจ๊ะย่า’

ย่าเรียมโอบกอดปลอบขวัญเด็กหญิง บอกกับเธอว่า ‘ดอกรักต้องไปโรงเรียนนะลูก โตขึ้นดอกรักจะได้เก่ง และฉลาดเหมือนพี่หมาดื้อไงลูก’ เด็กชายหมาดื้อยิ้มแก้มปริ รู้สึกขวยเขินทุกทีเวลาย่าเรียมกล่าวชม ในความเฉลียวฉลาดของเขา

‘ที่โรงเรียนไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก สนุกจะตายไป ถ้าดอกรักไปโรงเรียน ดอกรักต้องติดใจ พี่รับรอง’ เขายืนยันขันแข็ง แถมโชว์แมน ยืดอกบอกย่าเรียมอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า ‘ย่าไม่ต้องเป็นห่วงนะฮะ ผมจะดูแลดอกรักเอง’

ดอกรักจึงยอมปล่อยมือออกจากชายผ้าซิ่นของย่า ย่าเรียมเช็ดน้ำมูกน้ำตาให้เสร็จ พ่อที่รับอาสาเป็นผู้ปกครองพาดอกรักไปมอบตัว เลยจัดแจงถ่ายภาพคู่เป็นหลักฐานว่าสภาพของดอกรักก่อนไปโรงเรียนเป็นแบบไหน นายหมาดื้อต้องพากลับมาในแบบเดิม ซึ่งตอนเย็นหลังโรงเรียนเลิก ปรากฏว่าเสื้อผ้าเนื้อตัวของดอกรักเปรอะไปด้วยโคลน เพราะเธอพลัดตกบึงบัวของโรงเรียน โชคดีที่เขาช่วยพาขึ้นมาได้ พ่อ แม่ ย่าแป้น และย่าเรียมตกอกตกใจยกใหญ่ สืบสาวราวเรื่องจนได้ความว่า นายหมาดื้อเป็นหัวโจก นำทีมเด็กผู้ชายไปช้อนลูกอึ่งในบ่อบัวท้ายอาคารเกษตร ดอกรักขอตามไปด้วย

‘เรื่องพิเรนทร์ๆ ล่ะเก่งนักนะเจ้าภพ’ พ่อดุ

ย่าแป้นเดินไปเด็ดก้านมะยมจากต้นข้างเรือน ขนาดยาวเท่าแขน ดอกรักรีบกล่าวแก้ตัวอย่างรวดเร็วว่า ‘ย่าแป้นอย่าทำโทษที่หมาดื้อเลยนะจ๊ะ ดอกรักเองที่ไม่ระวัง รองเท้ามันลื่น ดอกรักก็เลยตกลงไปจ๊ะ’

ถึงดอกรักจะพยายามช่วยแก้ต่างให้เขามากแค่ไหน สุดท้ายพอย่าเรียมพาดอกรักคล้อยหลังกลับบ้านไป ย่าแป้นก็หวดก้นเขาด้วยก้านมะยมไปเสียสามสี่ที ซึ่งเขารู้อยู่แล้วว่าต้องโดนตีแน่ๆ ก็เลยเตรียมเอาสมุดรองก้นเอาไว้ก่อนแล้ว

ภพรักเฝ้ามองกรอบรูปใบเก่าอยู่นาน นานจนรู้สึกราวกับจะสามารถทะลุมิติ กลับไปในห้วงเวลานั้นได้

แต่ก่อนที่เขาจะทะลุมิติไปได้จริงๆ เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงเรียกจากใครสักคน เขาเดินมาที่ประตู มองผ่านเลนส์ช่องตาแมว กลับต้องแปลกใจที่พบว่า คนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือยัยนักข่าวจอมเบื๊อก

ชายหนุ่มไม่ได้คิดอะไรมากนัก เปิดประตูให้เธอทันที

“ผู้กอง นอนรึยัง” หญิงสาวแผ่ยิ้มกว้างขวาง

“แล้วเห็นผมกำลังนอนอยู่หรือเปล่าล่ะ”

“นี่ ผู้กอง ฉันมาดีนะ” มือข้างหนึ่งเต็มไปด้วยถุงพะรุงพะรัง

“เอา ให้... น้ำเต้าหู เห็นอาแปะเข็นขายอยู่หน้าคอนโด” เธอส่งถุงหนึ่งมาให้

ภพรักทำหน้าไม่ไว้วางใจ

“ไม่มียาถ่ายหรอกน่า รีบกินนะคุณ กำลังร้อนๆ”

พูดจบ เธอก็ส่งยิ้ม และกลับหลังหันเดินจากไปแบบไม่มีปี่ขลุ่ย

ชายหนุ่มวางน้ำเต้าหู้ถุงนั้นลงบนโต๊ะ ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก เดินกลับมาหยิบกรอบรูปซึ่งยังวางอยู่บนเตียง เลื่อนมือเปิดซิปกระเป๋าเป้ ทริปนี้ เขาขอมีดอกรักกลับบ้านด้วย พับเก็บรูปใบนั้นใส่ลงกระเป๋าแล้วอ้าปากหาว นาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาตีหนึ่ง เขามัวแต่โอ้เอ้แทนที่จะรีบนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า

ชายหนุ่มก้าวขึ้นเตียงและล้มตัวนอน พลันหางตาสะดุดกับถุงน้ำเต้าหู้บนโต๊ะ กินซะหน่อยก็ได้วะ!

ผุดลุกขึ้นและเดินไปหยิบน้ำเต้าหู แกะถุงแล้วเทใส่แก้ว อุณหภูมิอุ่นกำลังพอดี ยกขึ้นดื่มพรวดเดียว เกลี้ยงเฉย

ถ้าท้องเสียขึ้นมาล่ะก็ ยัยนักข่าวตัวดีได้เข้าไปนอนคุกอีกรอบแน่

เขาอมยิ้มอย่างหมายมาด ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียง นอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอกสบายใจ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น