10
บทที่ 10
๑๐
หนึ่งคืนที่ต้องอยู่บนเกาะเป็นหนึ่งคืนที่มีความหมายสำหรับศรุต เขาได้คิดอะไรๆ เกี่ยวกับตัวแสนรัก แล้วก็เป็นหนึ่งคืนที่เขาตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อตามการโยนหินถามทางของสินธรที่อยากยกหลานสาวให้เป็นคู่หมั้นของเขา แต่ที่เขาสนใจหล่อนไม่ใช่เพราะหล่อนคือเด็กผู้หญิงเมื่อสิบสองปีก่อนเพียงอย่างเดียว แต่สนใจเพราะว่าหล่อนไม่ได้พยายามหว่านเสน่ห์หรือทำตัวว่าอยากได้เขาเป็นแฟน
คนเราบางครั้งก็ไม่ได้ต้องการคนที่มองคนอื่นเพียงแค่หน้าตา หรือชอบอย่างฉาบฉวยเพราะคนที่หมายปองมีสิ่งที่ต้องการ เช่น เงินทอง ชื่อเสียง แต่ต้องการคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ รู้สึกว่าสนุก และมีความสุขที่จะอยู่ด้วยมากกว่า ซึ่งแสนรักทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น
ศรุตกับแสนรักเดินทางกลับรีสอร์ตด้วยเรือสปีดโบ๊ตที่ทางสินธรเช่าเหมาลำให้ไปรับโดยเฉพาะ ส่วนเรือสปีดโบ๊ตของรีสอร์ตนั้น คนของรีสอร์ตที่ติดเรือเช่ามาก็ไปจัดการเรื่องเติมน้ำมันและขับกลับเข้าฝั่งต่อไป
พอกลับมาที่รีสอร์ตได้ สินธรที่ยืนรออยู่แล้วก็สั่งให้แสนรักกลับไปที่บ้าน เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เพื่อเปิดโอกาสให้แสนรักเลี่ยงการตอบคำถามของพิมพ์นรีที่รออยู่ไปด้วย แสนรักรู้เจตนาของผู้เป็นปู่จึงรีบไปทันทีโดยไม่ถามให้มากความ
หลังจากแสนรักไปแล้ว สินธรก็ขอโทษศรุตเรื่องความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ศรุตจึงบอกเรื่องที่เขารู้ว่าปริมาณน้ำมันที่ถูกเติมไว้ไม่พอที่จะล่องเรือเที่ยวเกาะและกลับเข้าฝั่งได้ สิ่งที่เขาบอกคือความผิดพลาดชัดเจนของคนที่เตรียมเรือไว้ให้ ซึ่งคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ก็เป็นภูวนัยอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ศรุตไม่อยู่รอดูสินธรชำระความกับภูวนัย พอบอกเรียบร้อยเขาก็อ้างว่าเหนื่อย อยากพักผ่อนและขอตัวกลับไปที่บ้านพักทันที แต่ในใจนั้นเดาได้เลยว่าเดี๋ยวสินธรคงต้องไปชำระความกับภูวนัยแน่ แล้วมันก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจให้เป็นด้วย!
หลังจากศรุตกลับไปที่บ้านพักแล้ว สินธรก็ตรงกลับบ้านพักหลังใหญ่ของครอบครัว พร้อมด้วยพิมพ์นรี ภูวนัย และภวิตา พอมาถึงห้องรับแขกสินธรก็เปิดฉากชำระความเอ็ดตะโรยกใหญ่ทันที
“ฉันไว้ใจแก ฉันเชื่อว่าแกจะบริหารทุกอย่างได้ แล้วนี่อะไรหา! แค่เตรียมเรือให้ลูกค้า ยังมีข้อผิดพลาด แถมเป็นข้อผิดพลาดที่ลูกค้ารู้ด้วยว่าปัญหาเกิดจากอะไร นี่ถ้าเขาไม่ใช่คนที่รู้เรื่องเรือ แล้วไปเกิดอุบัติเหตุกลางทะเลจนถึงแก่ชีวิตขึ้นมา แกจะรับผิดชอบไหวไหม แล้วแกจะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จะให้ไปตอบกับคุณมงคลยังไง แล้วคิดว่าชื่อเสียงที่ฉันสั่งสมมามันจะเหลือไหม หา! ไอ้ภู!”
สินธรใส่เป็นชุดด้วยความโกรธจัด หน้าแดงหูแดงไปหมด พิมพ์นรีกับภวิตาที่อยู่ด้วยจึงพยายามช่วยภูวนัยด้วยการบอกสินธรให้ใจเย็นๆ
“คุณพ่อคะ มันเป็นเหตุสุดวิสัยนะคะ ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกค่ะ”
“ใช่ค่ะคุณปู่ มันเป็นเหตุสุดวิสัย” ภวิตาช่วยผู้เป็นแม่พูดอีกแรง
“เหตุสุดวิสัยเหรอ นี่เราเป็นเจ้าของ อีกฝ่ายเป็นลูกค้า เวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พูดได้แค่เหตุสุดวิสัย เนี่ยน่ะเหรอวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร!”
พิมพ์นรีถึงกับเงียบ เพราะถ้าเป็นเรื่องระบบงานบริหาร สินธรจะโมโหและจริงจังมาก แล้วยิ่งเป็นความผิดที่เห็นกันชัดๆ อย่างนี้ด้วยแล้ว ไม่มีทางที่จะใจเย็นลงได้ถ้าฝ่ายที่ผิดไม่เอ่ยคำขอโทษและแสดงความรับผิดชอบออกมาอย่างที่ควรทำ
“ตาภู!”
พิมพ์นรีหันไปหาลูกชายที่ยืนนิ่งอยู่และยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรแม้แต่คำขอโทษ ทั้งที่แค่ขอโทษออกมาอารมณ์ของสินธรก็จะเบาลงแล้วแท้ๆ
“ขอโทษครับ ผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” ภูวนัยจำใจต้องยกมือขึ้นไหว้และกล่าวคำขอโทษเพื่อตัดรำคาญ
สินธรฟังแล้วก็สะบัดหน้าหนีแต่ก็ยอมใจเย็นลง
“แกจะไปไหนก็ไป แต่ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ฉันไม่ยอมแน่!”
สินธรออกปากไล่ ภูวนัยจึงเดินเลี่ยงจากไป ปล่อยให้พิมพ์นรีมองตามด้วยความเป็นห่วง ส่วนภวิตาก็ไม่ได้พูดหรือแสดงความเห็นใดๆ อีก เพราะรู้ว่าตอนนี้สินธรกำลังร้อน ขืนพูดอะไรตอนนี้จะยิ่งไม่เป็นผลดี สู้ทำใจเย็นแล้วปล่อยให้มันผ่านๆ ไปจะดีกว่า
ทางด้านศรุตพอกลับมาถึงที่พัก เขาก็ส่งข้อความหาแสนรักทางไลน์ที่แลกกันไว้ เพื่อสอบถามว่าหล่อนโดนซักถามอะไรหรือเปล่า แต่หล่อนไม่ได้ตอบกลับในทันที มาตอบหลังจากนั้นประมาณสามสิบนาทีต่อมา บอกว่าเมื่อครู่นี้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ ก็เลยไม่เห็นข้อความที่เขาส่งมา แต่หล่อนไม่ได้โดนถามอะไร
พอรู้แบบนั้นเขาก็วางใจและไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก จนกระทั่งถึงยามบ่าย ที่เขาตัดสินใจจะคุยกับสินธรให้รู้เรื่อง จึงแจ้งความประสงค์ผ่านพนักงานว่าขอพบสินธร โดยจะรอที่ศาลาไม้สีขาวที่เคยไปนั่งคุยกันวันก่อน
ครู่ใหญ่ถัดมา สินธรก็มาตามที่ศรุตให้พนักงานไปแจ้ง ตอนแรกสินธรคิดว่าศรุตจะพูดเรื่องเรือ แต่พออีกฝ่ายเปิดปากเกริ่นนำแค่นั้น เจ้าของรีสอร์ตก็ถึงกับแปลกใจ
“ผมอยากคุยกับคุณสินธรเรื่องแสนรัก”
“เจ้าแสนรักไปทำอะไรให้คุณปวดหัวเข้าอีกคนเหรอ”
“เปล่าครับ แสนรักเป็นเด็กดี ไม่ได้ทำให้ผมปวดหัวแต่อย่างใด ตรงกันข้ามผมรู้สึกว่าแสนรักเป็นเด็กดี เข้มแข็ง แต่ก็อ่อนโยน แล้วก็เป็นคนที่ซื่อตรงต่อความคิดของตัวเองดี”
ศรุตชมอย่างจริงใจ แต่กลับทำให้สินธรถอนหายใจแทน เพราะคนที่เลี้ยงดูสั่งสอนแสนรักให้กลายเป็นเด็กดีอย่างที่ศรุตชมนั้น ไม่ใช่ครอบครัวอย่างที่ควรจะเป็น
“ต้องยกความดีให้ครูที่ดูแลแสนรัก เจ้าแสนรักอยู่โรงเรียนประจำมากกว่าอยู่บ้าน ที่นั่นมีครูคนหนึ่ง ชื่อครูหญิง เป็นครูที่ดูแลเด็กนักเรียนประจำ ครูคนนี้เป็นเหมือนแม่คนที่สองของเจ้าแสนรักเลยก็ว่าได้ ซึ่งทั้งครูหญิงและโรงเรียนได้เลี้ยงดูสั่งสอนเจ้าแสนรักมาอย่างดี แสนรักจึงอยู่กับครูมากกว่าอยู่กับครอบครัวเสียอีก”
สินธรพูดมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกอายขึ้นมา แต่ไหนๆ ก็เปิดปากพูดแล้วก็จำต้องพูดต่อให้จบ
“ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะพิมพ์นรียื่นคำขาดไม่ให้แสนรักอยู่ที่บ้าน หรือถ้าจำเป็นต้องกลับมาเวลาที่โรงเรียนปิดเทอม ก็ขอให้อยู่แบบไร้ตัวตน ไม่ต้องร่วมโต๊ะอาหารกัน หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเห็นหน้ากันในบ้าน ผมเองก็ต้องยอมตกลงในข้อนี้ เพราะนภดลนอกใจพิมพ์นรีก่อน แต่พอนภดลจากไป จะให้ทิ้งเด็กตาดำๆ ที่ไร้ญาติขาดมิตรก็คงไม่ได้ ผมก็เลยดูแล
แสนรักแทนนภดล แล้วก็เลยส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ เพราะคิดว่ามีเพื่อนที่ดี มีครูที่ดี น่าจะทำให้แสนรักมีความสุขมากกว่าอยู่บ้านที่น่าอึดอัดสำหรับตัวเอง”
“โชคดีที่แสนรักได้เพื่อนและครูที่ดีครับ” ศรุตสรุปหลังจากที่ได้รู้จักแสนรักมากกว่าเดิม “แต่เรื่องที่ผมอยากจะคุยกับคุณสินธรเกี่ยวกับแสนรักนั้น มันเป็นเรื่องสำคัญมากกว่านิสัยใจคอหรือประวัติปูมหลังใดๆ ที่เป็นเรื่องภายในครอบครัว ซึ่งผมจะไม่ก้าวก่ายอยู่แล้ว”
“แล้วคุณอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแสนรัก”
“เรื่องแผลเป็นบนหลังของแสนรัก”
“คุณเห็นแล้วเหรอ!” สินธรมีท่าทีตกใจ จำได้ว่าเมื่อวานนี้แสนรักไม่ได้มีเสื้อผ้าติดไปด้วยแม้แต่น้อย แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าตัวก็พยายามไม่ให้ใครเห็นบาดแผลนั่น ทำไมศรุตถึงไปเห็นได้
ฝ่ายศรุตพอเห็นคำถามในแววตาของสินธร ก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เขาจึงเฉลยให้ฟังว่าเมื่อวานนี้หลังออกจากเกาะของรีสอร์ตแล้ว เขาก็ตรงไปที่เกาะสมุยเพื่อเอาของที่สั่งให้คนของตัวเองเตรียมไว้ให้ แล้วมันก็มีชุดว่ายน้ำให้แสนรักด้วย เพราะแบบนั้นเขาถึงได้เห็นบาดแผลของหล่อน
“แล้วคุณศรุตอยากรู้อะไรเกี่ยวกับแผลของแสนรักล่ะ”
“แสนรักคือเด็กคนเดียวกันกับเด็กที่พยายามช่วยผมจนตกโขดหิน เมื่อสิบสองปีก่อนหรือเปล่า”
ศรุตถามแบบไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลาเลย เพราะหลังจากได้ยินที่แสนรักเล่า ใจก็คิดไปแล้วว่าใช่แน่นอน เพียงแต่ต้องการคำยืนยันชัดเจนแค่นั้น สินธรมองหน้าศรุตแล้วนิ่งไปอึดใจใหญ่ จนศรุตต้องถามย้ำอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมตอบเสียที
“ว่ายังไงครับ”
“ใช่ แสนรักคือเด็กคนนั้น” สินธรยอมรับก่อนจะเล่ากึ่งขอร้อง “แต่แสนรักจำเหตุการณ์ในคืนนั้นไม่ได้ หมอบอกว่าศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน แต่ไม่มีผลร้ายแรงต่อการใช้ชีวิต ความทรงจำที่หายไปคือความทรงจำในเหตุการณ์คืนนั้นทั้งหมด การไปกระตุ้นให้นึกถึงเหตุการณ์ที่ไม่น่าจดจำคงไม่ดีนักสำหรับเด็ก หมอก็เลยแนะนำว่าไม่ให้ไปกระตุ้นความทรงจำของแสนรักขึ้นมาอีกจะดีกว่า”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่เคยบอกผมว่าเด็กที่พยายามช่วยผม คือหลานของคุณ”
“ผมบอกไม่ได้เพราะมีเรื่องภายในเข้ามาเกี่ยว การมีตัวตนของแสนรักในตอนนั้นเป็นปัญหาสำหรับครอบครัวของนภดล” สินธรเอ่ยถึงลูกชาย บอกเป็นนัยว่าปัญหาที่ว่านี้เกี่ยวกับคนที่ตายไปแล้วโดยตรง
“งั้นผมขอถามคุณอีกข้อ วันนั้นมีใครอยู่บนเกาะนี้บ้าง คุณพอจะบอกผมได้ไหม”
“มีอะไรงั้นเหรอ”
“เมื่อเร็วๆ นี้ผมเพิ่งนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นขึ้นมาได้ ก็เลยอยากรู้ว่าความทรงจำที่ผมเพิ่งนึกออก มันตรงกับความเป็นจริงหรือเปล่า”
ศรุตอ้าง ไม่ยอมบอกความจริงที่เขาเพิ่งจดจำได้เพราะความฝัน สินธรแม้จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ไม่มีอะไรจะค้าน จึงยอมบอกไปตามตรง
“วันนั้นคนที่อยู่บนเกาะมีผม พิมพ์นรี วิตา แสนรัก ส่วนนภดลกับตาภู ไม่ได้อยู่บนเกาะ เพราะไปทำธุระให้ผมที่เกาะสมุย แล้วก็มีคนงานของเกาะ นายสุด คนที่เจอคุณคนแรกและช่วยคุณขึ้นมา แล้วก็มีนายคง ชุ่ม แล้วก็แม่แป้นเมียของนายสุด” สินธรตอบแล้วก็นึกขึ้นได้ “จริงสิ ตอนนี้นายสุดอยู่ที่โรงพยาบาล ไปผ่าตัดไส้ติ่งตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน พรุ่งนี้ผมว่าจะให้แสนรักไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลบนเกาะสมุยอยู่พอดี”
ศรุตฟังแล้วก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ถ้าผมขอไปเยี่ยมนายสุดพร้อมกับแสนรักด้วย คุณจะขัดข้องหรือเปล่า”
“ผมไม่ขัดข้องหรอก แต่แสนรักอาจจะสงสัยได้ ว่าทำไมคุณถึงต้องไปเยี่ยมนายสุด เพราะเจ้าตัวเขาไม่รู้เรื่องที่คุณประสบอุบัติเหตุและอยู่ด้วยกันในคืนนั้น ผมไม่อยากให้คุณไปกระตุ้นความทรงจำของแสนรัก”
สินธรบอกตามตรง เพราะไม่รู้ว่ามันจะมีปัญหาอะไรกับความทรงจำของหลานสาวหรือไม่ แล้วถ้าแสนรักเกิดจดจำเรื่องราวในค่ำคืนนั้นขึ้นมาได้ มันจะมีผลกระทบอะไรตามมาหรือเปล่าก็ไม่รู้
ศรุตพยักหน้า เขาเข้าใจเรื่องที่สินธรเป็นห่วงแสนรัก
“ผมจะไม่พูดถึงเหตุการณ์คืนนั้นให้แสนรักรู้ ถ้าแสนรักสงสัย ผมจะบอกว่าผมเคยรู้จักนายสุดเมื่อสิบสองปีก่อนและนายสุดเคยสอนผมตกปลา พอรู้ว่านายสุดป่วยจึงอยากมาเยี่ยมเยียน”
สินธรพยักหน้าเป็นเชิงตกลง ศรุตจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้สินธรสงสัยว่าความจริงแล้วเขาต้องการอะไรกันแน่ โดยที่ผู้ชายต่างวัยสองคนไม่รู้เลยว่าบทสนทนาดังกล่าว มีบุคคลที่สามมาได้ยินเข้า นั่นคือพิมพ์นรี
เจ้าหล่อนรู้จากพนักงานว่าศรุตต้องการคุยกับสินธร ด้วยความเป็นแม่ กลัวว่าเขาจะเอาเรื่องภูวนัย จึงตั้งใจว่าจะยอมบากหน้าขอโทษแทนลูกชาย แต่พอมาถึงตรงแนวพุ่มไม้ กลับได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ที่พูดถึงเรื่องเมื่อสิบสองปีก่อน จึงได้แต่แอบฟังอยู่ตรงนั้น
“คุณศรุตถามถึงเรื่องนั้น แล้วยังจะขอตามไปเยี่ยมนายสุดอีก ทำไม”
พิมพ์นรีพึมพำขณะก้าวถอยออกมาจากแนวพุ่มไม้ แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตระหนกเมื่อคิดว่า...หรือว่าเขาเกิดเห็นอะไรในค่ำคืนนั้นแล้วนึกถึงมันขึ้นมาได้ ถ้าเป็นแบบนั้น...แสดงว่าเขาต้องรู้แล้วว่าเมื่อสิบสองปีก่อน แสนรักไม่ได้ตกลงไปบนโขดหินเอง แต่มีคนทำให้ตกลงไป โดยที่คนคนนั้นไม่ได้รู้เลยว่ามีศรุตรอคอยความช่วยเหลืออยู่ข้างล่างด้วยอีกคนหนึ่ง!
วันต่อมาสินธรก็สั่งให้แสนรักไปที่เกาะสมุยเพื่อเยี่ยมนายสุดตามที่บอกศรุตไว้ แล้วก็บอกให้แสนรักพาศรุตไปด้วย โดยให้เหตุผลแค่ว่าศรุตรู้จักกับนายสุด แต่เรื่องอื่นไม่ได้พูดถึง ดังนั้นตอนขึ้นเรือข้ามมายังเกาะสมุย แสนรักจึงสอบถามด้วยความสงสัย ซึ่งเขาก็ตอบเหมือนที่ได้บอกสินธรไป หล่อนก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรอีก
สองหนุ่มสาวแวะห้างสรรพสินค้า เพื่อหาซื้อของเยี่ยมเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะเข้าไปที่โรงพยาบาล แล้วเมื่อมาถึง แรกทีเดียวที่นายสุดเห็นหน้าแสนรักซึ่งเดินนำเข้ามาก่อนก็ดีใจมาก ไม่คิดว่าสินธรจะส่งแสนรักมาเยี่ยมเขา แต่พอเห็นหน้าศรุตที่เดินตามเข้ามาด้วย ก็ตกใจปนดีใจจนพูดอะไรไม่ออก
ศรุตนั้นหน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ความเข้มกับความเป็นผู้ใหญ่ ที่ทำให้ดูน่าเกรงขามและมีความสุขุมมากขึ้น
“น้าสุดจำผมได้ไหมครับ”
“จำได้สิครับ จำได้ไม่เคยลืมเลยทีเดียว”
นายสุดอดีตคนขับเรือและคนสวนที่มาช่วยแผ้วถางพื้นที่ตอนที่สินธรคิดสร้างบ้านและรีสอร์ตบนเกาะส่วนตัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แต่ด้วยความที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยเหลือในคืนนั้นเมื่อหลายปีก่อน แล้วก็รู้อาการของแสนรักมาบ้าง จึงไม่พลั้งเผลอพูดย้ำถึงเรื่องนั้นออกไปต่อหน้าหล่อน
“แล้วนี่คุณศรุตมายังไงครับเนี่ย ปกติคุณอยู่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอครับ”
“พอดีผมมางานเปิดตัวรีสอร์ต ไหนๆ มาแล้วก็เลยอยู่เที่ยวต่อ ส่วนคุณสินธรเพิ่งบอกผมเมื่อวานนี้เองว่าน้าสุดผ่าตัดไส้ติ่ง พอรู้ว่าแสนรักจะเอาของมาเยี่ยมน้าสุด ผมก็เลยขอตามมาด้วย”
ศรุตตอบแล้วส่งกระเช้าผลไม้ให้คนป่วย ก่อนจะทำเป็นนึกขึ้นได้ว่าถือของมาไม่ครบ จึงส่งกุญแจรถให้แสนรัก แล้วบอกดื้อๆ ว่า
“เธอช่วยไปเอาตะกร้าเยี่ยมอันเล็กที่ท้ายรถให้หน่อยสิ ฉันลืมหยิบมา”
“ทำไมขี้ลืมอย่างนั้นล่ะคะ” แสนรักบ่นใส่แต่ก็ยื่นมือไปรับกุญแจรถ “เดี๋ยวคิดค่าเดินนะคะ”
“เดี๋ยวเลี้ยงอาหารอร่อยๆ เป็นค่าเดินแล้วกัน”
“โอเค งั้นขอเป็นสุกี้กับเป็ดย่างนะคะ มาทะเลหลายวัน กินแต่ของทะเล เบื่อจะแย่แล้ว” แสนรักบอกก่อนจะยิ้มแฉ่งใส่ แล้วจึงหมุนกายเดินจากไป
ศรุตได้แต่มองตามแม่สาวสายกินที่ตกม้าตายเพราะอาหารด้วยความขบขัน ที่หล่อนช่างโดนล่อหลอกง่ายเสียเหลือเกิน
คล้อยหลังแสนรัก ศรุตก็มีท่าทีเปลี่ยนไป เขามองจนแน่ใจว่าหล่อนจะไม่ย้อนกลับมาอีกในสองสามนาทีนี้แน่ๆ ก็ขยับเข้ามาใกล้เตียงคนไข้มากขึ้นพร้อมกับทำหน้าจริงจังยามเมื่อเอ่ยกับนายสุด
“ผมมาเยี่ยมน้าสุดวันนี้ จริงๆ มีเรื่องอยากให้น้าสุดช่วย”
“เรื่องอะไรครับ”
“ผมเพิ่งได้รับคำยืนยันจากคุณสินธรว่าแสนรักคือเด็กผู้หญิงคนนั้น คุณสินธรบอกว่าแสนรักจำอะไรในคืนนั้นไม่ได้ เป็นเพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือน”
นายสุดได้ยินแล้วก็ตกใจไม่คิดว่าศรุตจะพูดถึงเรื่องในอดีต แต่ในเมื่อเจ้านายยอมบอกแล้ว เขาก็ถือว่าสามารถพูดเรื่องนี้ได้ในส่วนที่พอจะพูดได้
“ใช่ครับ ผมได้รับคำสั่งจากคุณท่านว่าห้ามพูดถึงเหตุการณ์นี้ให้คุณแสนรักได้ยินอีก เพราะมันจะมีผลกระทบต่อความทรงจำของเธอ ให้ลืมไปเลยเสียยังจะดีกว่า”
“ก็จริง” เขายอมรับก่อนจะพูดต่อ “ความจริงเรื่องมันก็ตั้งนานมาแล้ว ผมเองก็จำไม่ได้และนึกไม่ออก จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ผมฝันถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง แล้วก็คิดว่ามีบางอย่างขาดหายไป บางอย่างที่สำคัญที่ผมควรนึกให้ออกเร็วกว่านี้”
“เรื่องอะไรหรือครับ”
“สิ่งที่ผมจะบอกน้าสุดวันนี้ ผมยังไม่ได้บอกใคร น้าสุดเป็นคนแรกที่รู้ ผมฝันเห็นเหตุการณ์ในคืนวันนั้น เห็นว่าก่อนที่แสนรักจะตกลงมาจากโขดหินแล้วติดแหงกอยู่กับผม ผมได้ยินแสนรักร้อง แล้วก็ได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าของคนวิ่งจากไป อาจจะเป็นไปได้ว่ามีคนทำให้แสนรักตกโขดหิน ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวพลาดตกลงมาเอง”
นายสุดฟังแล้วก็หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด แต่ศรุตคิดว่าเพราะนายสุดมองว่าเป็นความฝันมากกว่า เขาจึงได้แต่บอกอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะตัวเองก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าใช่แน่หรือไม่
“ผมรู้ว่ามันฟังดูเลวร้าย แล้วก็ไม่น่าเกิดขึ้นได้ แต่ผมรู้จากคุณสินธรว่าวันนั้นมีใครอยู่บนเกาะบ้าง แต่ผมอยากให้น้าสุดช่วยยืนยันอีกทีว่า มีคนบนเกาะแค่นั้นจริงๆ อย่างที่คุณสินธรบอกหรือเปล่า”
“คุณศรุตตั้งใจจะทำอะไร”
“ผมแค่ต้องการความจริง แล้วก็...ถ้าสิ่งที่ผมคิด มันมีความเป็นไปได้ ถ้ามีคนผลักแสนรักตกลงมาจริง คนคนนั้นก็ต้องเป็นใครสักคนที่อยู่บนเกาะ ที่ทำร้ายคนอื่นแล้วยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้หน้าตาเฉย”
นายสุดฟังแล้วก็นิ่งเงียบไปนานหลายนาที นานจนศรุตคิดว่าอีกฝ่ายจะปิดปากเงียบไม่ยอมพูดอะไรแล้ว แต่พอเขาอ้าปากจะถามต่อ นายสุดก็ยอมเปิดปากตอบคำถามที่เขาถามไปก่อนหน้านี้
“คนที่อยู่บนเกาะวันนั้น เป็นอย่างที่คุณรู้มาจากคุณท่าน แต่เรื่องที่จะมีใครผลักคุณแสนรักลงไป ผมตอบไม่ได้จริงๆ ครับ ว่ามันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า”
นายสุดแบ่งรับแบ่งสู้พูดไม่ค่อยเต็มเสียงนัก ราวกับว่ามีบางอย่างที่เจ้าตัวรู้ แต่พอกำลังจะถามต่อ แสนรักที่ไปเอาของที่ท้ายรถก็กลับเข้ามาพร้อมกับบ่นอุบใส่เขาทันที
“คุณศรุตอ่ะ ท้ายรถไม่เห็นมีอะไรเลย ว่างโล่งแทบจะเข้าไปนอนได้ ในรถก็ไม่มีอะไรเลยด้วย”
“อ้าว ไม่มีเหรอ สงสัยฉันลืมไว้ที่พื้นตรงลานจอดรถ ตอนที่เก็บของ”
เขาสรุปง่ายๆ ทั้งที่มันเข้าข่ายของหาย แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เสียดายเลยสักนิด จนหล่อนถึงกับอดเย้าแหย่ไม่ได้ว่า
“คุณศรุตเนี่ย ป้ำๆ เป๋อๆ เป็นกับเขาด้วย หลอกให้แสนรักเดิน เดี๋ยวคิดค่าเดินฟรีเป็นสองเท่าเลย”
แสนรักว่าแล้วยื่นกุญแจรถยนต์คืนเขา ก่อนจะเข้าไปยืนข้างเตียงคนไข้ แล้วก็เริ่มเจื้อยแจ้วชวนคนไข้คุยไปเรื่อยตามประสาคนช่างคุย ส่วนนายสุดก็เดาได้ทันทีว่าของที่ศรุตให้ไปเอาที่ท้ายรถนั่นคงไม่มีมาตั้งแต่แรกแล้ว แค่ต้องการให้แสนรักออกไปเพื่อจะได้คุยเรื่องสำคัญกับตนเองมากกว่า
สองหนุ่มสาวใช้เวลาเยี่ยมนายสุดอยู่เป็นชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแสนรักที่พูดมากกว่า ส่วนนายสุดก็ยิ้มบ้างหัวเราะบ้างด้วยความเอ็นดูสาวน้อยคนนี้ที่เห็นกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก จนกระทั่งเห็นว่าสมควรแก่เวลากลับแล้ว เพื่อให้คนไข้ได้พักผ่อน ศรุตจึงชวนแสนรักกลับ แต่ก่อนกลับก็ได้ให้เบอร์โทรศัพท์มือถือของตนเองไว้
“นี่เบอร์โทรศัพท์ของผม ถ้าเผื่อน้าสุดขาดเหลืออะไร หรือมีเรื่องเดือดร้อน โทร. หาผมได้ทุกเมื่อ”
เขาบอกออกไปเช่นนั้นแต่นายสุดก็รู้ว่าความหมายที่แท้จริงของมันคือ ถ้ามีอะไรที่อยากบอกเขาอีกสำหรับเรื่องที่เขาถามไป นายสุดสามารถโทร. มาบอกได้ทุกเมื่อ
พอลงมาถึงอาคารด้านหน้าของโรงพยาบาล ศรุตก็ขับรถเช่าไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่นั่นหล่อนได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่งชื่อจรัญ แต่แสนรักคุ้นๆ ชื่อว่าเขาอาจจะเป็นคนเดียวกันกับที่ศรุตติดต่อสั่งให้เตรียมของ ก่อนไปเที่ยวหมู่เกาะอ่างทองด้วยกันเมื่อวันก่อน
“คุณจรัญ คนนี้หรือเปล่าที่...”
หล่อนยังถามไม่ทันจบดี ศรุตก็พูดสวนกลับมา
“ใช่ คนนี้แหละจรัญ คนเดียวกับที่เธอได้ยินชื่อตอนเราไปเอาของก่อนจะไปเที่ยว”
เลขาฯ หนุ่มหน้าตี๋ส่งยิ้มให้ก่อนจะแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ แสนรักจึงแนะนำตัวกลับไปแล้วก็แอบมองเขาไปด้วย เขาน่าจะอายุไล่เลี่ยกับศรุต แล้วก็ดูเป็นคนยิ้มง่ายเข้าหาง่ายกว่าศรุตมากด้วย
พอแนะนำตัวกันเสร็จเรียบร้อยแสนรักก็บอกกับศรุตว่า “แสนรักขึ้นเรือกลับเกาะไปก่อนก็ได้ คุณศรุตจะได้ทำงานต่อสบายๆ”
“ได้ยังไง มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ”
“แต่คุณศรุตมีงาน”
“งานของฉันอย่างดีสักชั่วโมงหรือไม่ก็สองชั่วโมงก็เสร็จแล้ว แต่เดี๋ยวฉันจะเปิดห้องให้ เธอก็ขึ้นไปรอบนห้องระหว่างที่ฉันทำธุระก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องถึงขนาดนั้น”
“แต่ฉันว่าต้อง...”
ศรุตตัดสินใจเสร็จสรรพแล้วหันไปพยักหน้ากับเลขาฯ หนุ่มพร้อมชูสองนิ้วในลักษณะบอกจำนวนมากกว่าจะเป็นลักษณะของการให้กำลังใจ แค่นั้นเลขาฯ ส่วนตัวผู้รู้งานก็ไปจัดการทันที
หลายนาทีต่อมาเลขาฯ ส่วนตัวก็เดินกลับมาบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อย พนักงานของโรงแรมที่เดินตามมาก็เชิญแขกไปยังห้องพัก แสนรักจึงได้แต่จำใจเดินตามเขาไปยังห้องพักด้วยกัน เพราะไม่อยากถูกดุต่อหน้าคนอื่น
ครู่ใหญ่ถัดมา พอมาถึงหน้าห้องพนักงานโรงแรมก็ใช้คีย์การ์ดเปิดประตู จรัญเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยในห้อง ทั้งประตู หน้าต่าง ระบบน้ำระบบไฟทุกอย่างก่อนจะเดินออกมารายงานศรุต คนเป็นเจ้านายจึงหันมาบอกหล่อนต่อเป็นเชิงสั่ง
“เธออยู่ห้องนี้ ส่วนของฉันห้องถัดไป”
แสนรักฟังแล้วก็ทำตาปริบๆ ก็เขาแค่เปิดห้องพักให้หล่อนซุกหัวฆ่าเวลาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงต้องจองสองห้อง ทำอย่างกับจะพักค้างคืนที่นี่อย่างนั้นแหละ
“ทำไม...”
แสนรักยังเอ่ยไม่ทันจบ ศรุตก็ชิงตอบเสียก่อน
“ตอนที่จรัญติดต่อรีเซฟชันเมื่อกี้ ฉันให้เขาโทร. บอกคุณมงคลแล้วว่าวันนี้เราจะไม่กลับไปที่เกาะ จะค้างคืนที่นี่หนึ่งคืน ฉันทำธุระแค่ไม่นานก็จริง แต่ไหนๆ มาแล้วก็อยากเที่ยวบนเกาะนี้ด้วย”
คำตอบของเล่นเอาหล่อนถึงกับร้องเสียงหลงเลยทีเดียว
“ใครบอกว่าแสนรักจะค้างคืนกับคุณศรุต!”
“ฉันนี่แหละบอก” เขายังมีหน้าตอบแถมสั่งอีกด้วยว่า “แล้วก็เลิกโยกโย้ได้แล้ว ฉันจะได้รีบไปจัดการเรื่องงาน ส่วนเธอก็เข้าไปในห้องได้แล้ว”
ศรุตกล่าวและพยักพเยิดให้หล่อนเข้าไปในห้อง แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังดื้อไม่ยอมทำตาม เขาก็ส่งยิ้มเย็นให้ก่อนทำท่าจะอุ้มหล่อนเข้าไปเอง จนแสนรักต้องยอมทำตาม
“โอเค โอเค แสนรักเข้าแล้วค่ะ”
แสนรักก้าวเข้าไปในห้องด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ไม่เข้าใจว่าเขาจะหิ้วหล่อนไปไหนมาไหนด้วยทำไมนักหนา ทำตัวติดกับหล่อนเป็นตังเมอยู่ได้ แล้วเจ้ากรรมที่หล่อนก็ต้องยอมเขาด้วย เพราะว่าเขาเป็นแขกคนสำคัญของรีสอร์ตและหล่อนก็มากับเขา
“รอในห้อง เดี๋ยวรูมเซอร์วิสจะยกอาหารมาให้ หรือถ้าอยากสั่งอะไรเพิ่ม ก็โทร. เรียกรูมเซอร์วิสได้เลย”
“สายเปย์สุดๆ”
“พูดว่าอะไรนะ”
“เปล่าค่ะ” หล่อนปฏิเสธเสียงสูง “คุณศรุตไปจัดการเรื่องงานเถอะค่ะ แสนรักจะอยู่ในนี้ ไม่ไปไหน”
หญิงสาวให้สัญญาแล้วดึงบานประตูเตรียมปิดเป็นการตัดบท แต่ถูกศรุตเอามือยันประตูไว้พร้อมกับมองหน้าหล่อนด้วยแววตาที่เจ้าตัวถึงกับสะท้าน มันเป็นแววตาของการคาดโทษว่า ถ้าหล่อนแสร้งรับคำว่าจะยอมรอเขา แต่ระหว่างที่เขาไปจัดการธุระ แล้วหล่อนหนีกลับไปที่รีสอร์ตบนเกาะคนเดียว แล้วทิ้งเขาไว้ที่นี่ละก็ จบไม่สวยแน่
“ไปสิคะ แสนรักไม่ไปไหนหรอก จริงๆ”
ศรุตหรี่ตาเล็กน้อยก่อนจะยอมละมือที่ยันประตูออกและยอมให้แสนรักปิดประตู จากนั้นเขาก็เดินไปยังห้องถัดไป เพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลขาฯ เตรียมมาให้และพนักงานเพิ่งจะขนขึ้นมา พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเขาก็ไปจัดการธุระเรื่องงานตามที่พูดไว้
ฝ่ายแสนรักพอเข้ามาในห้องก็เดินไปที่ระเบียง เปิดประตูระเบียงออกไปยืนชมวิวทิวทัศน์แก้เซ็ง แต่พอเห็นบรรยากาศของโรงแรมหรู ก็ถอนหายใจว่าตนเองมาทำอะไรที่นี่ ถ้าเป็นปกติหล่อนคงไม่มีทางมาพักแน่ เพราะหล่อนไม่เคยได้ไปเที่ยวไหน ถ้าไม่ใช่ไปทัศนศึกษากับโรงเรียนก็ไม่ต้องหวังเลย
หญิงสาวถอนหายใจอีกระลอกแล้วยืนอยู่ตรงระเบียงครู่ใหญ่ก่อนจะกลับเข้ามาในห้อง หล่อนมองสภาพห้องพักหรูๆ ที่ห้องน้ำใหญ่อย่างกับจะเป็นห้องนอนอีกห้องได้อย่างเหนื่อยใจ
จากการอยู่ในบ้านที่ทำธุรกิจนี้ ถึงหล่อนจะไม่ได้มีส่วนในการบริหาร แต่การที่เรียนด้านนี้และพอจะรู้อัตราการบริการ ก็พอจะเดาได้หรอกว่าที่นี่ราคาไม่ถูกแน่
คิดแล้วเจ้าตัวก็อยากรู้ขึ้นมา จึงไปนอนเอกเขนกบนเตียงคิงไซซ์ พร้อมกันนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหาข้อมูลเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้ เพราะจำได้ว่าตอนเดินจากล็อบบีมาเมื่อครู่นี้ หล่อนเห็นป้ายบอกทางไปฟิตเนสด้วย แสดงว่าโรงแรมนี้ราคาต้องไม่เบาแน่ แล้วมันก็ไม่เบาอย่างที่คิดจริงๆ เมื่ออึดใจต่อมาหล่อนเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ของโรงแรมและเปิดดูราคาห้องพักที่ถูกที่สุด
“โอ๊ย ตาย ห้องนี้สี่พัน จองสองห้องแปดพัน นั่นเงินค่าขนมสองเดือนรวมกันเลยนะไอ้แสนรัก”
หล่อนครางพลางทำหน้าเบ้ แล้วจึงหงายหลังทิ้งตัวลงนอนมองเพดานห้องอย่างใจลอย เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมานับตั้งแต่ได้เจอกับศรุต
ระยะเวลาไม่กี่วันที่ได้รู้จักกับเขา มีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่ที่เจอเขาแบบจังๆ เพราะถูกวิ่งราว จนกระทั่งต้องตกกระไดพลอยโจนไปเที่ยวด้วยกัน แล้วก็เกือบต้องติดเกาะด้วยกัน ได้นอนเต็นท์ด้วยกัน ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยกัน เหมือนได้รู้จักกันมากขึ้นในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป
“คุณศรุตอย่าทำดี อย่าดูแลแสนรักดีนักสิ รู้ไหมทำแบบนี้หัวใจผู้หญิงมันหวั่นไหวนะ”
แสนรักว่าพลางถอนหายใจก่อนจะดีดดิ้นไปมาบนเตียงกับความคิดที่ว่า ตอนนี้หล่อนเริ่มชอบเขาไปแล้ว เพราะเขาดีไปเสียทุกอย่าง ดีจนไม่มีข้อติ ดีแบบที่สาวๆ คนไหน ถ้าได้อยู่ใกล้ ถ้าไม่หวั่นไหวใจเต้นก็บ้าแล้ว!
หญิงสาวมัวแต่ดิ้นอยู่คนเดียวกับความคิดของตนเอง โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฟากฝั่งหนึ่งนั้น ที่ห้องคนไข้ในโรงพยาบาล มีใครคนหนึ่งไปเยี่ยมนายสุด หลังจากที่ทั้งสองคนได้ออกมาแล้วพักใหญ่
“คุณวิตา!”
นายสุดตกใจเมื่อเห็นภวิตาถือช่อดอกไม้เดินมาหาถึงปลายเตียง โดยมีผู้ช่วยพยาบาลนำทางมาให้ เจ้าหล่อนยังคงวางท่าเย่อหยิ่งทำคอเชิดเหมือนเดิมทุกครั้ง แล้วก็ไม่มีการขอบคุณผู้ช่วยพยาบาลที่อุตส่าห์เดินนำมาจนถึงเตียงคนไข้เลยแม้แต่น้อย
คล้อยหลังจากผู้ช่วยพยาบาลจากไปแล้ว ภวิตาก็วางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะคร่อมเตียงที่อยู่ปลายเตียงคนไข้ด้วยท่าทีไม่ค่อยชอบใจนัก พร้อมกันนั้นก็มองกวาดไปยังสองข้างเตียงซ้ายขวาอย่างดูแคลน เพราะเจ้าตัวไม่เคยมาที่ห้องพักฟื้นคนไข้แบบรวมมาก่อน ระดับภวิตาเคยแต่อยู่ห้องพิเศษเท่านั้น
“ฉันเอาดอกไม้กับของมาเยี่ยม คุณปู่สั่งมา”
ภวิตาอ้างไปอย่างนั้น เพราะความจริงไม่ใช่สินธรที่สั่ง แต่เป็นพิมพ์นรีผู้เป็นแม่ต่างหาก เพราะพิมพ์นรีรู้ว่าแสนรักถูกสินธรสั่งให้มาเยี่ยมนายสุดและศรุตก็ขอตามมาด้วย จึงส่งให้ภวิตามาหานายสุด เพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายมาหานายสุดทำไม โดยไม่ได้บอกเรื่องที่แอบได้ยินศรุตคุยกับสินธรให้ลูกสาวรู้
“ขอบคุณครับคุณวิตา ฝากขอบคุณคุณท่านด้วยครับ” นายสุดยกมือที่มีสายน้ำเกลือเจาะอยู่บนหลังมือขึ้นไหว้
ภวิตาพยักหน้ารับไปแกนๆ ก่อนจะถามหาน้องสาวต่างแม่
“แล้วนี่ยายแสนรักกับคุณศรุตยังไม่มาเยี่ยมเหรอ”
“มาแล้วครับ เพิ่งกลับไปได้สักครึ่งชั่วโมงก่อนนี้เองครับ”
ท่าทางและคำถามแปลกๆ ของภวิตา ที่ไม่น่าจะสนใจน้องสาวนอกไส้คนนั้น กลับทำให้นายสุดหวนนึกถึงคำพูดของศรุตขึ้นมา
‘ผมแค่ต้องการความจริง ถ้าสิ่งที่ผมคิด มันมีความเป็นไปได้ ถ้ามีคนผลักแสนรักตกลงมาจริง คนคนนั้นก็ต้องเป็นใครสักคนที่อยู่บนเกาะ ที่ทำร้ายคนอื่นแล้วยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้หน้าตาเฉย’
“แล้วนี่ต้องอยู่อีกกี่วันล่ะ” ภวิตาถามต่อ
“พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้วครับ”
“งั้นก็ดี”
ภวิตาเอ่ยแต่มันทำให้นายสุดเริ่มไม่สบายใจ ว่าคำว่าดีของภวิตานั้นมันฟังดูแปลกๆ จนไม่แน่ใจแล้วว่ามันจะดีจริงสำหรับใครกันแน่
“คุณวิตาครับ ผม...”
“มีอะไร”
“ผมขอ...”
นายสุดพูดความต้องการออกไป แต่มันกลับทำให้ภวิตาถึงกับจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ก่อนที่อึดใจถัดมาสาวสวยที่เพิ่งมาเยี่ยมคนไข้ได้ไม่ถึงห้านาทีจะสะบัดหน้าพรืดเดินจากไปด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างโกรธจัด เพราะสิ่งที่นายสุดพูดนั้นมันทิ่มแทงใจหล่อนมากเหลือเกิน ขณะที่คนพูดก็ได้แต่กล้ำกลืนความสิ้นหวังนี้ไว้ในอกและหวังว่ามันจะไม่เกิดเรื่องร้ายๆ เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว!