9

บทที่ 9


ทว่าพอเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำที่ศรุตเลือกมาให้กลายเป็นว่ามันเป็นแบบสปอร์ต ไม่ได้เป็นชุดบิกินีเซ็กซี่แต่อย่างใด หล่อนจึงคิดว่ามันเรียบร้อยเกินกว่าจะทำให้เขาเห็นความเซ็กซี่ของตนเองได้ อีกทั้งคิดว่าถ้าไปแกล้งยั่วเขาทั้งที่ตัวหล่อนยั่วไม่เป็น เกิดเขามองออกขึ้นมา มีหวังหล่อนนั่นแหละที่จะอาย จึงต้องล้มเลิกความคิดที่จะยั่วเขาไปโดยปริยาย
แสนรักเดินกลับมาที่เรือ แล้วก็แทบกรี๊ดกับอาหารตาที่เห็น ศรุตในตอนนี้ถอดเสื้อออกแล้วและสวมเพียงแค่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นตัวเดียว เผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่งสมชายของเขาอย่างเต็มๆ ตา
‘โอ้ แม่เจ้า! ใครจะคิดว่าเขาจะมีซิกซ์แพ็ก แถมรูปร่างก็แกร่งสมชาย น่าลูบไล้ขนาดนั้น’
หญิงสาวครางในใจพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พอดีกับศรุตหันไปเก็บกระเป๋าเป้ที่ใส่ของให้เรียบร้อย จะได้ไม่มีอะไรปลิวหายตกน้ำ หล่อนจึงใช้โอกาสนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแอบถ่ายรูปเขา ซึ่งก็โชคดีที่หล่อนเป็นคนชอบปิดเสียงชัตเตอร์เอาไว้เพราะรำคาญ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยินตอนที่หล่อนลั่นชัตเตอร์ถ่ายรูป
พอถ่ายเสร็จเรียบร้อย หล่อนก็ไปนั่งอยู่ตรงท้ายเรือแล้วส่งรูปศรุตโชว์ซิกซ์แพ็กไปให้เพื่อนดูผ่านไลน์กลุ่มแทนที่จะโพสต์เป็นสเตตัสบนเฟซบุ๊กเหมือนก่อนหน้านี้ แถมเขียนยั่วให้เพื่อนคลั่งเล่นด้วย
แสน แสนรัก : ซิกซ์แพ็ก เซเว่นแพ็กอยู่ใกล้ๆ ใครจะเชื่อ เจ้าชายน้ำแข็งของเราซ่อนรูปอ่ะแกร๊!
หล่อนจงใจเขียนภาษาวัยรุ่นลงไป และส่งสติกเกอร์เขินอายตามไปด้วย แล้วอึดใจเดียวเท่านั้นเพื่อนทั้งกลุ่มก็พร้อมใจกันเปิดอ่าน ที่รู้ได้เพราะแอปขึ้นว่าอ่านแล้วสามคน ตามจำนวนคนที่อยู่ในห้องแชตนี้
เปรี้ยวใจไร้รัก : อ๊าย ไอ้แสน หุ่นทรมานใจสาวสุดยอด เต๊าะเขาเลยสิ เผื่อได้เป็นแฟน ของดีหายากนะแก
มดตะนอยต่อยต้นพริก : เห็นด้วยกับไอ้เปรี้ยว ถ้าแกไม่เอา ฉันขอ คนนี้สเปกพ่อของลูก
เอิร์น เกินร้อย : พวกแกนี่มองแต่ซิกซ์แพ็ก เสียของจริงๆ
เปรี้ยวใจไร้รัก : ไม่ให้มองซิกซ์แพ็ก แล้วจะให้มองอะไรวะไอ้เอิร์น มองหินตาของเขาหรือไง
เอิร์น เกินร้อย : เออสิ หินตาของเขาน่าจิ้นขนาดนั้น ลีลาต้องแซ่บแน่ ดุเด็ด เผ็ดร้อนแน่
ข้อความของเพื่อนทำให้แสนรักถึงกับหลุดขำ พลางเหลือบมองศรุต แล้วก็เผลอมองต่ำลงไปตรงกางเกงว่ายน้ำของเขา แต่เขาหันมาพอดี ทำให้หล่อนต้องรีบเสมองไปทางอื่น เพราะถ้ายังมองอยู่ เขาต้องรู้แน่ว่าหล่อนมองอะไรของเขา
ฝ่ายศรุตที่ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากหล่อนและเห็นหล่อนทำหน้าแปลกๆ เหมือนเขินอายหรือไม่ก็คิดอะไรเพี้ยนๆ อยู่ ก็รู้ได้ในทันทีว่าหล่อนคงแชตคุยกับเพื่อนๆ แล้วก็อาจจะคุยเรื่องของเขาด้วย จึงแกล้งทำเป็นหันไปหยิบของมาใส่กระเป๋าต่อ แต่ก็แอบเหลือบมองหล่อนไปด้วยไม่ให้รู้ตัว
แสน แสนรัก : พวกแกนี่ทะลึ่งจริงๆ ยังไม่ทันเจอตัวจริงของเขา ก็คิดปล้นสวาทเขาแล้ว
มดตะนอยต่อยต้นพริก : หรือแกไม่คิด ถ้าไม่คิดนี่ตายด้านสุดๆ แล้วนะไอ้แสนรัก
เปรี้ยวใจไร้รัก : ไอ้มด แกก็รู้ว่าไอ้แสนรักมันเรียบร้อยที่สุด จะให้เด็กดีของเรางาบหนุ่ม มันต้องใจเย็นๆ
เอิร์น เกินร้อย : มัวแต่ใจเย็น ระวัง ม.ค.ป.ด. หมาคาบไปแดร๊กนะ ยุคนี้มันต้องตีหัวแล้วลากเข้าห้อง
แสน แสนรัก : ฉันไม่ได้แอบถ่ายรูปเขามาให้พวกแกปล้นสวาทนะ แค่นี้ก่อน เดี๋ยวเที่ยวเผื่อนะทุกคน
แสนรักพิมพ์ข้อความบอกเพื่อนแล้วเงยหน้าจากจอโทรศัพท์มือถือก่อนจะสะดุ้ง เมื่อเห็นว่าศรุตมายืนอยู่ตรงหน้าหล่อนแล้ว
“คุณศรุต!”
“เธอแอบถ่ายรูปฉันแล้วส่งไปให้เพื่อนดูใช่ไหม” เขาแสร้งทำเป็นดุใส่
สีหน้านิ่งเรียบและดวงตาที่มองมาของคนตรงหน้าทำให้แสนรักถึงกับคอตก แต่ก็ยังปากแข็ง
“เปล่านะคะ...”
“ถ้าแน่ใจว่าไม่ได้แอบถ่าย ก็เอามือถือมาให้ฉันดู”
“แต่นี่มันโทรศัพท์มือถือของแสนรักนะ”
หล่อนแย้ง ไม่อยากส่งให้เขา เพราะกลัวเขาจะเห็นข้อความที่คุยกับเพื่อนเมื่อครู่นี้ แล้วหล่อนก็เป็นพวกไม่ชอบล็อกรหัสหน้าจอหรือล็อกการเข้าถึงแอปพลิเคชันด้วย เพราะกลัวจำไม่ได้
“ถ้าบริสุทธิ์ใจ ก็ต้องให้พิสูจน์” เขายืนยันชัดเจนก่อนจะแบมือมาตรงหน้า “ส่งโทรศัพท์มือถือมา”
แสนรักทำหน้าจ๋อย สุดท้ายก็ต้องยอมรับความผิด แต่ก็ยังดื้อไม่ยอมส่งโทรศัพท์ให้เขาอยู่ดี
“เดี๋ยวแสนรักลบภาพให้เอง”
“ส่งมา”
“ก็แสนรักจะลบให้แล้วนี่ไงคะ” หล่อนยังดื้อต่อ แต่มีหรือที่เขาจะยอม
“ส่งมา”ศรุตย้ำอีกครั้ง
แสนรักจึงจำใจส่งโทรศัพท์มือถือของตนเองให้ เขารับไปแล้วก็ปัดหน้าจอเลื่อนลงดูว่าแอปพลิเคชันล่าสุดที่หล่อนใช้งานคืออะไร แล้วก็เห็นว่าหล่อนไม่ได้ลบหน้าต่างแอปพลิเคชันออก มันจึงโชว์หราทั้งแอปพลิเคชันถ่ายรูปและแอปพลิเคชันสนทนา
ชายหนุ่มเหลือบมองหน้าหล่อนครั้งหนึ่งเหมือนผู้ใหญ่กำลังชำระความกับเด็กน้อย ก็เห็นหล่อนทำหน้ามุ่ยหน้าง้ำกัดปากขมุบขมิบ เขาอยากจะขำออกมาเต็มแก่ แต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นขรึมไว้
เขากดเข้าไปในอัลบัม แล้วก็เห็นรูปตัวเองอยู่ในนั้นสองรูป มันไม่ได้ถูกถ่ายซูมหรือถ่ายให้ออกมาดูน่าเกลียดหรือเน้นอะไร นอกนั้นก็เป็นรูปวิวทิวทัศน์และหนุ่มตาน้ำข้าวอีกสองรูป ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
จากนั้นเขาก็ถือวิสาสะเปิดแอปพลิเคชันสนทนา แล้วก็ได้คำตอบว่าหล่อนคุยกับเพื่อนจริงๆ แต่เป็นการคุยอย่างสนิทสนมและทะลึ่งตึงตังอยู่ไม่ใช่น้อย
ศรุตกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะหัวเราะในลำคอ เล่นเอาแสนรักอายไม่รู้จะอายยังไงแล้ว ที่เขาเห็นข้อความทะลึ่งตึงตังของหล่อนกับเพื่อน เขาเลื่อนลงไปจนถึงข้อความสุดท้ายแล้วก็ส่งโทรศัพท์มือถือคืนหล่อน ไม่ได้ลบรูปภาพออกแต่อย่างใด เพียงแต่บอกด้วยประโยคเดียวกับที่หล่อนพูดกับเขา ตอนอยู่บนจุดชมวิว
“ครั้งหน้าถ้าอยากถ่ายรูปฉัน แล้วส่งไปให้เพื่อนๆ ดู ก็บอกกันก่อน ฉันจะได้แอ๊กท่าดีๆ สวยๆ ให้ ส่งรูปไปถ้าเกิดฉันยืนในมุมไม่ดี พุงยื่นไม่น่ามอง มันเสียหายหลายแสนเลยรู้ไหม”
แสนรักทำตาปริบๆ จากตอนแรกคิดว่าคงโดนดุชุดใหญ่ แต่ที่ไหนได้ศรุตกลับไม่ดุไม่ว่าอะไรเลย แถมยังอนุญาตให้หล่อนถ่ายรูปส่งไปให้เพื่อนดูได้ง่ายๆ อีก
“แสนรักถ่ายรูปคุณศรุตได้จริงเหรอคะ” หล่อนถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ได้ ไม่ต้องแอบถ่าย อยากถ่ายรูปฉันตอนไหนก็ถ่าย แต่บอกกันก่อนก็ดีว่าจะถ่ายรูป แต่นอกจากในกลุ่มเพื่อนๆ ของเธอแล้ว อย่าส่งรูปให้ใครหรือให้ใครเห็นรูปพวกนี้เด็ดขาด แล้วก็ล็อกการเข้าถึงแอปพลิเคชันสนทนาไว้ด้วย โดยเฉพาะตอนไปฝึกงาน เดี๋ยวมีใครเห็นเข้า เขาจะหาว่าเธอเล่นเส้นเล่นสาย ปากคนมันไวกว่าปากกา บางครั้งมันก็ทำร้ายเราได้โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแค่ตกเป็นขี้ปากของคนที่จ้องทำลายเรา”
ศรุตสอนและเตือนในตอนท้าย เพราะเขารู้ว่าที่ทำงานทุกที่มันย่อมมีเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว มนุษย์เราชอบนักที่จะเอาเรื่องลับๆ เรื่องซุบซิบนินทามาเป็นสิ่งบันเทิงใจแบบทุเรศๆ แต่พอโดนบ้างกลับไม่ชอบ ทั้งที่ตอนทำ ไม่เคยคิดกลับกันเลยว่าถ้าตัวเองโดนบ้างจะเป็นอย่างไร
“ขอบคุณที่เตือนค่ะ แสนรักจะไม่ให้ใครเห็นแน่นอน” แสนรักรับคำแล้วยิ้มได้อีกครั้ง
จากนั้นศรุตก็ขับเรือไปยังเกาะต่อไป เพื่อดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น พอมาถึงจุดดำน้ำหญิงสาวก็ถอดเสื้อเชิ้ตตัวบางที่หล่อนสวมทับชุดว่ายน้ำออก แล้วหันมารับเสื้อชูชีพกับสน็อกเกิลที่ศรุตหยิบออกมาจากช่องเก็บของใต้เบาะ
หล่อนรับมาถือไว้แล้วเดินไปที่ท้ายเรือ แต่ศรุตกลับชะงักเมื่อเห็นแผลเป็นบริเวณสะบักด้านขวาของหล่อน มันเป็นแผลที่ทำให้เขาคิดว่าต้องเกิดเรื่องรุนแรงมากแน่ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ฝากรอยแผลเป็นไว้ถึงขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เพราะเห็นว่าหล่อนกำลังสนุกกับการเตรียมตัวลงไปดำน้ำ
ทั้งสองใช้เวลาดำน้ำเล่นอยู่นาน ก่อนที่จะไปยังเกาะหินดับจุดหมายปลายทางสุดท้ายของวันนี้เพื่อถ่ายรูปวิวสวยๆ เมื่อมาถึงศรุตก็จอดเรือไว้ที่ชายหาดและลงมาเดินเล่นกับหล่อน ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะจอดเรือนั้น มันมีเรือสปีดโบ๊ตแบบเช่าเหมาลำสองลำจอดอยู่ก่อนแล้ว ทำให้ไม่ค่อยเงียบเหงา
สองหนุ่มสาวเดินเล่นและถ่ายรูปด้วยกันอยู่นานพอควร จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไป เรือของนักท่องเที่ยวทั้งสองลำก็ออกไปจากเกาะ เหลือแต่เรือที่ศรุตขับมาเพียงลำเดียว ทั้งคู่จึงกลับขึ้นมาบนเรือเพื่อนั่งพักหลบแดดและดื่มน้ำดับกระหาย
“นี่ก็ห้าโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวเรากลับกันเลยดีกว่า” เขาบอกหลังจากยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“ก็ดีค่ะ แสนรักอยากอาบน้ำแล้วด้วย คืนนี้คงหลับเป็นตาย เล่นสนุกทั้งวันแบบนี้”
“เดี๋ยวตอนฉันขับเรือกลับ เธอก็งีบเอาแรงไปก่อนก็ได้”
“ไม่เอาหรอกค่ะ” หล่อนปฏิเสธก่อนจะอธิบาย “ขากลับฟ้าเริ่มมืดแล้ว คุณศรุตเองก็เหนื่อย ขับเรือมาทั้งวัน ถ้าเกิดคุณหลับในขึ้นมาก็แย่สิคะ เพราะฉะนั้นแสนรักต้องถ่างตาอยู่เป็นเพื่อนคุณจนกว่าจะถึงรีสอร์ต”
ศรุตยิ้มที่หล่อนไม่ยอมเอาเปรียบเขา แล้วจึงเตรียมตัวพาเรือออกจากฝั่ง แต่แล้วก็ชะงักเมื่อสตาร์ตเรือแล้วเห็นสัญญาณเตือนว่าระดับเชื้อเพลิงอยู่ในจุดที่มีปัญหา
แสนรักหันมาพอดี พอเห็นสีหน้าเขาก็เริ่มหวั่นใจ เพราะมันบอกว่ามีปัญหาแล้ว!
“มีอะไรเหรอคะ”
“น้ำมันหมด”
พอได้ยินดังนั้นแสนรักก็เริ่มจะเป็นกระต่ายตื่นตูม ส่วนศรุตนั้นยังใจเย็นกว่า เขามองหน้าจอมอนิเตอร์ อ่านค่าเชื้อเพลิงทั้งหมดแล้วเริ่มประมวลผลในสมอง ก่อนจะเดินไปทางด้านท้ายเรือและชะโงกดูกราบเรือทั้งสองข้างเหมือนหาอะไรบางอย่าง
แต่พอไม่พบสิ่งที่คิดว่าจะเจอ เขาก็กลับมานั่งที่คนขับแล้วอ่านค่าต่างๆ อย่างใช้ความคิดและความเป็นไปได้อีกครั้ง โดยใช้ความรู้และประสบการณ์ที่เคยขับเรือเที่ยวหลายครั้งมาช่วยวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ จนกระทั่งในที่สุดก็ได้คำตอบว่า
“ฮึ! กล้ามาก กล้าเอาชื่อเสียงการดูแลลูกค้ามาเสี่ยงเพื่อเล่นงานฉันเชียวเหรอ!”
“คุณศรุตหมายความว่ายังไง” แสนรักไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น “แล้วนี่น้ำมันหมดจริงเหรอคะ”
“จริง แต่ไม่ใช่เพราะถังน้ำมันรั่ว เพราะบนผิวน้ำทะเลไม่มีร่องรอยของน้ำมันรั่วออกมา แต่ที่มันหมดเป็นเพราะมันไม่ได้ถูกเติมให้เต็มแต่แรก แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของพี่ชายของเธอ!”
“อะไรนะคะ! พี่ภูน่ะเหรอ เขาจะทำไปทำไม”
“จำที่เธอถามฉันได้ไหมว่าการมาเที่ยวในครั้งนี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วหรือเปล่า แล้วฉันบอกว่าใช่ แผนการเที่ยวถูกเตรียมไว้ให้โดยปู่ของเธอ ฉันเป็นคนบอกปู่ของเธอเองว่าฉันจะขับเอง เพราะฉะนั้นเรื่องที่ฉันจะขับเรือในวันนี้มีคนรู้อยู่แล้ว มันจึงไม่ยากเลยถ้าเขาจะเล่นตุกติก”
แสนรักฟังแล้วก็แทบไม่อยากเชื่อว่าภูวนัยจะเป็นคนสั่งให้เล่นตุกติกกับเรือจริงๆ เพราะถ้ามันเกิดข้อผิดพลาดทำให้แขกวีไอพีต้องเดือดร้อนหรือเกิดอุบัติเหตุ คนที่จะถูกเล่นงานคนแรกก็คือภูวนัย
แล้วคนอย่างภูวนัยน่ะเหรอจะเปิดช่องโหว่ให้ตัวเองต้องตกที่นั่งลำบาก
“แต่พี่ภูจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร มันดูไม่มีเหตุผลเลย”
“เหตุผลมันมีเสมอ เพียงแต่เธอจะรู้หรือไม่รู้ต่างหาก” เขาตอบกลับจริงจัง
แสนรักเริ่มหน้าเสีย “แล้วจะทำยังไงกันต่อดีล่ะคะ เรือลำอื่นก็ออกไปไกลแล้วด้วย” หล่อนถามพลางมองไปทางเรือของนักท่องเที่ยวที่แล่นห่างออกไปไกลเกินกว่าจะโบกมือขอความช่วยเหลือได้แล้ว “อ๊ะ จริงสิคะ มือถือไง เราโทร. ขอความช่วยเหลือจากฝั่งได้”
“กว่าเขาจะมา ที่นี่ก็มืดแล้ว”
“งั้นติดต่อไปที่อุทยานแห่งชาติบนเกาะสิคะ เขาอาจจะส่งคนมาช่วยเราได้”
“แล้วรู้เบอร์เหรอ”
“ไม่รู้ค่ะ...”
แสนรักตอบเสียงอ่อยหน้าเสียเหลือคืบเดียว ในหัวมีแต่เบอร์ฉุกเฉินที่ต้องขอความช่วยเหลือจากฝั่งเกาะใหญ่เท่านั้น แล้วก็เป็นเบอร์ฉุกเฉินง่ายๆ ที่รู้กันทั่วประเทศเสียด้วย ไม่ใช่เบอร์เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ทางน้ำโดยตรง แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่ยอมแพ้ที่จะช่วยคิดหาทางออก
“แล้ววิทยุสื่อสารล่ะคะ บนเรือนี้น่าจะมีนี่คะ”
หล่อนตอบแล้วก็มองไปยังแผงควบคุมต่างๆ บนหน้าปัดบริเวณพวงมาลัยเรือ ที่มีอยู่สองสามปุ่มที่มันรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ กับพวกปุ่มวิทยุสื่อสาร
ศรุตหมุนคลื่นวิทยุสื่อสารไปที่คลื่นสำหรับขอความช่วยเหลือ แล้วหยิบไมค์สื่อสารขึ้นมาเตรียมจะกดพูด แต่เขารู้สึกเหมือนมันไม่ติด เลยดึงสายขึ้นมาดู ก่อนจะพบว่าสายของมันขาด
“ทีนี้ฉันก็ยิ่งกว่ามั่นใจอีกว่าพี่ชายของเธอต้องการให้เรามีปัญหาอยู่กลางทะเลจริงๆ”
แสนรักมองไมค์สื่อสารที่สายขาดอย่างไม่อยากเชื่อ แต่มันก็เหมือนเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่าภูวนัยทำอย่างที่ศรุตคิดไว้จริง แต่เรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังระหว่างเขากับภูวนัยเอาไว้ก่อน ตอนนี้หล่อนอยากรู้แค่ว่า จะทำอย่างไรให้กลับฝั่งได้มากกว่า!
“แล้วแบบนี้เราจะทำยังไง จะต้องติดอยู่ที่นี่เหรอคะ”
“ก็คงต้องอย่างนั้น” เขาบอกแต่ดูไม่กังวลเลยสักนิด “อย่างน้อยติดอยู่บนเกาะ ก็ดีกว่าติดอยู่กลางทะเล”
“ดีกว่าตรงไหนล่ะคุณศรุต ติดเกาะเชียวนะ!”
“ก็แค่คืนเดียว พรุ่งนี้ก็มีคนมาแล้ว เกาะนี้มันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ต้องพานักท่องเที่ยวมาเที่ยวชม ไม่ใช่เกาะร้างที่จะไม่มีผู้คนแวะเวียนมาสักหน่อย”
“แล้วเราจะอยู่กันยังไง อะไรก็ไม่มี”
“ใครว่าไม่มี อย่างน้อยเรือลำนี้ก็มีห้องน้ำให้เธอใช้”
ศรุตดูไม่อนาทรร้อนใจ ในขณะที่แสนรักเป็นกระต่ายตื่นตูมไปแล้ว
“โธ่ คุณศรุต ยังจะใจเย็นอยู่ได้อีก!”
“แล้วจะเป็นกระต่ายตื่นตูมไปทำไมเล่า แม่กระต่ายน้อย”
“ก็...”
หล่อนแทบอยากกรี๊ดใส่หน้าเขา แต่ต้องพยายามสูดหายใจลึกๆ และใช้สมองมากกว่าใช้แรงโมโหหงุดหงิดหรือความกลัวเป็นตัวนำทาง แล้วก็นึกถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“แบบในไททานิกไงคะ จุดพลุขอความช่วยเหลือ หรืออะไรแบบนั้น เอ๊ะ เรือเรามีอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินไหมคะ”
“มี” เขาตอบก่อนจะถามต่อ “ว่าแต่เกิดทันด้วยเหรอ หนังเรื่องนั้นมันยี่สิบกว่าปีที่แล้ว สมัยฉันเป็นนักเรียนมัธยมต้นเลยนะ”
“มาดูตอนหลังที่เขาเอามาฉายในโทรทัศน์ค่ะ!” หล่อนตอบเสียงสะบัดก่อนจะวกกลับเข้าเรื่องเดิม “กลับมาพูดเรื่องของเราก่อน ในเมื่อในเรือมีอุปกรณ์ เราก็จุดพลุขอความช่วยเหลือเลยสิคะ ไหนคะอุปกรณ์ แสนรักจะได้ช่วยหยิบช่วยเตรียมให้”
“ฉลาด แต่ยังไม่เฉลียว พลุที่มีแสงสว่างในภาพยนตร์ที่เธอเห็นในหลายๆ เรื่อง มันคือพลุไฟ ซึ่งต้องรอให้มืดกว่านี้ถึงจะยิงได้ ตอนนี้พระอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า ยิงขึ้นไปมันก็กลายเป็นไฟดวงเล็กๆ ดีไม่ดีจะไม่มีใครเห็นเลยด้วยซ้ำ ตอนกลางวันเขาใช้พลุควัน”
“งั้นก็เอามาจุดเลยสิคะ รออะไร”
“จะจุดทำไม ในเมื่อเราทำอย่างอื่นได้มากกว่าจุด”
ศรุตเฉลยแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดภาพหนึ่งก่อนจะหันหน้าจอให้หล่อนดู แล้วจึงหยิบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องออกมาจากกระเป๋า หน้าต่างของมันดูโบราณๆ เป็นแบบปุ่มกดไม่ใช่ทัชสกรีน พร้อมกับสอนไปด้วยในตัว
“เวลาไปเที่ยวที่ไหนหรือแม้แต่ตอนถึงสถานที่นั้นๆ แล้ว เธอควรสนใจเบอร์โทรศัพท์ที่เขาให้ไว้เผื่อฉุกเฉินบ้างก็ดี ส่วนนี่โทรศัพท์มือถือผ่านดาวเทียม เปิดซิมมาใช้เฉพาะช่วงมาเที่ยว ฉันเตรียมมาเผื่อฉุกเฉิน เพราะรู้ว่าเราจะมาเที่ยวเกาะ ถ้าเราอยู่ห่างจากเกาะที่เป็นอุทยานฯ ไม่มีสัญญาณคลื่นโทรศัพท์ เราก็ยังมีโทรศัพท์ดาวเทียมไว้ติดต่อคนอื่นได้ จำเอาไว้”
แสนรักอ้าปากค้าง ไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะถ่ายเบอร์โทรศัพท์เอาไว้และยังมีโทรศัพท์ดาวเทียมมาด้วยอีก แต่ดันมาหลอกให้หล่อนตระหนกตกใจว่าจะต้องติดเกาะค้างคืนอยู่ที่นี่ ทั้งที่เขารู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนไม่มีทางติดเกาะแน่นอน!
“คุณศรุตอ่ะ! แกล้งกันแบบนี้ ร้ายกาจที่สุดเลย”
หลังจากนั้นศรุตโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากอุทยานแห่งชาติและได้รับการช่วยเหลือพากลับมาที่เกาะที่ทำการของอุทยานฯ ส่วนเรือของรีสอร์ตยังคงจอดทิ้งไว้ที่เกาะหินดับ เพราะท้องฟ้าเริ่มมืดแล้วทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวกนัก คืนนี้ทั้งคู่จึงต้องพักอยู่ที่อุทยานแห่งชาติฯ หนึ่งคืน
ทว่าเพราะทั้งสองคนไม่ได้จองที่พักไว้และที่พักที่นี่ก็มีบ้านอยู่ไม่กี่หลัง ซึ่งก็มีนักท่องเที่ยวเข้าพักเต็มหมด ศรุตกับแสนรักจึงต้องพักเต็นท์แทน แต่เจ้าหน้าที่ก็ช่วยเหลือและเอื้อเฟื้อเต็มที่ นำชุดเครื่องนอนมาให้ทั้งสองคนละชุด แล้วก็เป็นโชคดีอยู่บ้างที่ทั้งสองคนยังมีชุดสำหรับใส่นอน เพราะตอนว่ายน้ำไม่ได้ใส่ชุดที่ใส่มาลงไปว่ายน้ำ ทำให้ตอนนี้สองหนุ่มสาวที่ประสบภัยกลับกลายเป็นเหมือนมาเที่ยวพักค้างคืนที่นี่แทน
ศรุตกับแสนรักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ไปสั่งอาหารที่ร้านสวัสดิการของอุทยานฯ ที่นั่นนักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนเริ่มทยอยมากินอาหารกัน โดยเจ้าหน้าที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนรับเต็นท์แล้วว่า ที่นี่จะจ่ายไฟให้ใช้เพียงแค่ห้าทุ่ม หลังจากนั้นจะงดการจ่ายไฟ เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะเข้าห้องน้ำหรือทำอะไรก็ให้ทำให้เรียบร้อย
สองหนุ่มสาวรับทราบและนั่งกินอาหารที่ร้านสวัสดิการอยู่เป็นชั่วโมง ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่แวะเวียนมาคุยด้วยเพื่อบอกเรื่องการออกจากเกาะในวันพรุ่งนี้ พอกินอาหารเสร็จก็กลับมาที่เต็นท์
บรรยากาศบนเกาะในตอนนี้เงียบสงบและค่อนข้างมืด มีเพียงแสงไฟจากบ้านพักที่มีคนอยู่และแสงไฟที่มาจากตรงบริเวณร้านค้าสวัสดิการเท่านั้น ทำเอาคนกลัวผีอย่างแสนรักต้องรีบลากศรุตกลับไปที่เต็นท์อย่างว่องไว พอถึงเต็นท์ได้เจ้าตัวก็เปิดตะเกียงไฟฉายทันที
“เงียบ สงบ เป็นส่วนตัวเกิ๊น” แสนรักทำหน้าเบ้
ศรุตหัวเราะ เพราะไม่คิดว่าหล่อนจะกลัวผี ส่วนตัวเขาไม่เชื่อเรื่องผีสางอยู่แล้ว ถึงแม้จะเชื่อว่าคนเราตายแล้วเป็นผีได้จริง แต่เขามองว่าผีไม่ได้มาหลอกคนหรือเข้าสิงคนได้ง่ายๆ
“กลัวผีจริงเหรอเนี่ย”
“จริงสิคะ ใครบ้างไม่กลัวผี”
“ฉันไง ตั้งแต่เกิดมาจนอายุเท่านี้ ยังไม่เคยเจอผีหลอกสักครั้งเลย”
“งั้นเดี๋ยวแสนรักภาวนาให้ผีมาหลอกคุณศรุตคืนนี้เลย” เจ้าตัวแกล้งว่าแล้วก็นึกขึ้นได้ “เอ๊ะ ไม่ดีกว่า เรานอนเต็นท์เดียวกัน ถ้าผีมาหลอกคุณศรุตจริง แสนรักก็โดนด้วยสิ ไม่เอาๆ คุณผีเจ้าป่าเจ้าเขาขา อย่ามาหลอกลูกเลยนะคะ ลูกแค่มาพักที่นี่ด้วยเหตุสุดวิสัยคืนนี้คืนเดียว พรุ่งนี้ลูกก็กลับแล้วค่ะ” พูดจบเจ้าตัวก็ยกมือขึ้นไหว้แถมให้ด้วย
ศรุตถึงกับหัวเราะร่วนขำท่าทางของหล่อน แล้วก็ไม่วายกระเซ้าหล่อนเล่นว่า
“นี่จะทิ้งฉันเอาตัวรอดคนเดียวได้ไง”
“ได้ค่ะ เรื่องอื่นไม่ทิ้ง แต่เรื่องนี้แสนรักยอม ทิ้งโลด”
เจ้าตัวว่าแล้วก็ตลบผ้าห่มที่กองอยู่ตรงปลายเท้าขึ้นมาแล้วล้มตัวลงนอนข้างเขาแบบไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ทั้งที่เขาคิดว่าหล่อนจะเคอะเขินกับการต้องมานอนใกล้เขา หรือไม่ก็มีจริตมารยาเหมือนนางเอก ต้องหาอะไรมาวางคั่นแล้วทำสัญญาว่าห้ามข้ามเขตกัน แต่สิ่งที่หล่อนทำมันตรงกันข้ามกับนางเอกเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง
“ไม่กลัวฉันหน่อยเหรอ”
“กลัวอะไรคะ กลัวคุณจะปล้ำแสนรักน่ะเหรอ”
หล่อนถามตรงเผง ไม่ได้ซื่อบื้อแต่เพราะคิดว่าเขาเป็นคนดีและมีสมองมากกว่าจะทำเรื่องที่ทำให้หล่อนเกลียดเขาและเขาเองก็จะเดือดร้อน เสียชื่อเสียงด้วย
“ใช่ ไม่กลัวเหรอ”
“ไม่ค่ะ”
“ทำไม ฉันอาจจะไม่ใช่คนดีอย่างที่เธอคิดนะ” เขาพยายามพูดให้หล่อนฉุกคิดเพื่อระวังตัวจากเพศตรงข้าม แต่คนโดนเตือนกลับทำหน้ายุ่งใส่ แถมยังตอบกลับมาแบบมั่นใจสุดๆ ด้วยว่า
“คุณศรุตไม่ทำอะไรแสนรักหรอก เพราะถ้าทำ คุณก็จะเสียความน่าเชื่อถือแล้วก็เสียศักดิ์ศรีในฐานะลูกผู้ชาย คนที่เป็นเจ้าชายน้ำแข็งที่ลูกน้องเคารพยำเกรงอย่างคุณ ไม่มีทางทำอะไรที่เสียเกียรติแน่ แต่ถ้าคุณเกิดบ้าทำขึ้นมาจริงๆ รับรองว่าได้อายเจ้าหน้าที่อุทยานแน่นอน แสนรักอาจจะดูไร้พิษสง แต่ไม่ยอมให้ใครรังแกฝ่ายเดียวหรอกนะคะ อย่างดีคุณก็จะต้องเป็นหมันหรือขยายพันธุ์ไม่ได้ชั่วชีวิต!”
ศรุตหัวเราะพลางเอนกายลงนอนตะแคงข้างหันหน้ามาทางหล่อน แต่ไม่วายแหย่ต่อ ด้วยการเขยิบเข้าไปใกล้หล่อนอีกนิด โน้มกายคร่อมร่างหล่อนไว้อีกหน่อย แค่พอให้รู้สึกหวั่นไหว พร้อมกับที่ในดวงตาของเขาฉายแววยั่วเย้าชัดเจนมาให้
“เห็นตอนกลางวันตื่นตาตื่นใจกับซิกซ์แพ็กผู้ฝรั่ง แล้วไม่อยากลูบไล้ซิกซ์แพ็กผู้ไทยบ้างเหรอ” เขาถามด้วยภาษาพูดแบบวัยรุ่นที่เคยได้ยินพนักงานรุ่นๆ พูดกัน แล้วก็เห็นในอินเทอร์เน็ตบ้างอะไรบ้าง
“ไม่เอาค่ะ ยังไม่อยากรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน”
แสนรักกล่าวทื่อๆ แล้วพลิกกายตะแคงหันหลังหนีเขา ศรุตถึงกับหลุดหัวเราะก่อนที่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจะหายไป กลายเป็นคำถามเมื่อเขามองช่วงลาดไหล่และสะบักหลังของหล่อน แล้วเกิดอยากรู้ขึ้นมา
“เจ็บมากไหม”
อะไรคะ”
คนถูกถามที่ยังไม่ได้หลับและไม่เข้าใจว่าเขาถามเรื่องอะไรก็ส่งเสียงถามมา แต่ไม่ยอมหันไปคุยกับเขาดีๆ
“แผลที่หลัง ฉันเห็นตอนกลางวัน เจ็บมากไหม”
“มันน่าเกลียดใช่ไหมคะ”
แสนรักเปรย แต่ก็ยังไม่ยอมหันมาคุยกับเขาอยู่ดี ในใจหล่อนเดาเอาว่าเพราะสภาพรอยแผลเป็นมันดูไม่น่ามอง เขาถึงจดจำได้แล้วถึงได้เก็บมันมาถามเอาตอนนี้ แต่หล่อนไม่ได้รู้สึกแย่อะไร เพราะปกติไม่ค่อยมีใครได้เห็นมัน ยกเว้นแต่เพื่อนที่สนิทกันก็จะเห็นตอนเรียนว่าย หรือตอนที่ต้องอาบน้ำตอนเข้าค่ายแค่นั้น
“เปล่า ฉันไม่ได้คิดว่ามันน่าเกลียด แค่อยากรู้ว่าไปโดนอะไรมา” เขาว่าแล้วสอนหล่อนไปด้วย “เราทุกคนย่อมมีบาดแผลกันทั้งนั้น ไม่ว่าแผลจริงหรือแผลที่เป็นแค่การอุปมาอุปไมย ตัวฉันเองก็มีบาดแผลเหมือนกัน”
สิ้นเสียงของเขาแสนรักที่นอนตะแคงข้างหันหลังอยู่ก็พลิกกายหันกลับมามอง ศรุตที่กึ่งตะแคงกึ่งคร่อมหล่อนอยู่จึงใช้มือเสยผมด้านหนึ่งขึ้น เพื่อให้หล่อนได้เห็นบาดแผลบริเวณขมับ ที่ตอนว่ายน้ำและตอนปกติจะมีผมของเขาปิดเอาไว้ไม่ให้เห็น แต่มันไม่ได้ยาวและชัดนัก ไม่เหมือนแผลของหล่อน
“ไปโดนอะไรมาคะ”
“เธอยังไม่บอกที่มาของแผลเธอเลย” เขายื่นหมูยื่นแมว
แสนรักทำหน้ามุ่ยใส่แล้วนิ่งไปนิด ก่อนจะตัดสินใจเล่าให้ฟัง
“แผลของแสนรัก เอาจริงแสนรักจำไม่ได้ว่าไปโดนอะไรมา แต่คุณปู่บอกว่าตอนเด็กๆ แสนรักซนมาก แล้วเมื่อก่อนที่เกาะก็ไม่ได้สวยงามแบบตอนนี้ เป็นป่ามากกว่านี้ คุณปู่บอกว่าแสนรักตกโขดหิน แผลนี่ก็ได้มาจากตอนนั้น แต่ตอนพักฟื้นมีอยู่ช่วงหนึ่งแสนรักได้ยินหมอบอกกับคุณปู่และคุณพ่อว่า ถ้าแสนรักจำไม่ได้ก็ไม่ต้องพยายามรื้อฟื้นความจำในตอนนั้นขึ้นมา เพราะการให้เด็กต้องจดจำอุบัติเหตุแย่ๆ มันไม่ดีเท่าไร”
แสนรักเล่าไปเรื่อยเหมือนเล่าเรื่องปกติให้เขาฟัง ไม่ได้คิดอะไร แต่สำหรับศรุตในยามนี้กลับรู้สึกว่าเลือดในกายเหมือนจะเย็นเฉียบกับสิ่งที่เขาเคยคิดเล่นๆ ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่แสนรักจะเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้น
พอได้ฟังเรื่องที่หล่อนเล่า เขาก็มั่นใจไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวว่าต้องใช่ มันทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน ดีใจเพราะคิดในที่สุดเขาก็ได้เจอเด็กคนนั้นเสียที แต่ก็เสียใจที่วันนั้นการกระทำของเขาได้ฝากรอยแผลน่ากลัวนี้ไว้ให้เด็กคนนั้นด้วย
“เธอนึกเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ออกเลยเหรอ”
“ไม่เลยค่ะ เหมือนมันขาดหายไปเลย แสนรักเคยพยายามจะนึก แต่พอนึกแล้วมันปวดหัว แสนรักก็เลยไม่อยากนึกอีก คุณปู่เองก็บอกว่าจำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปจำ มันผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป” หล่อนตอบส่งยิ้มให้แล้วทวงถามคำตอบของศรุตบ้าง “แสนรักบอกของแสนรักแล้ว คุณศรุตก็ต้องทำตามสัญญาด้วย”
“แผลของฉันก็มาจากอุบัติเหตุเหมือนกัน ฉัน...” ตอนแรกเขาคิดจะบอกความจริงแต่เปลี่ยนใจ “ฉันห้าวเกินไป ตอนวัยรุ่นมีเรื่องตีกันกับพวกต่างโรงเรียน ก็เลยได้แผลนี้มา”
“หืม...คุณศรุตน่ะเหรอ ห้าว ไม่น่าเชื่อเลย”
“ทำไมไม่เชื่อ”
“ก็คุณศรุตดูใจเย็น ไม่เหมือนขาบู๊เลย”
“ก็ตอนนั้นวัยรุ่น แต่พอโต คนเราก็ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ว่าอะไรดีไม่ดี อะไรที่ควรใจเย็น อะไรที่ปล่อยได้ก็ต้องปล่อย เก็บมาใส่ใจทั้งหมดมันก็ไม่มีความสุขหรอก”
ศรุตว่าแล้วก็มองหล่อน แบบที่ทำให้แสนรักหวั่นไหวแล้วก็รู้สึกแปลกๆ มันดูอ่อนโยนและมีความนัยแฝงที่ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร จนหัวใจหล่อนเต้นตึกตักและต้องหลบสายตาคู่นั้น ด้วยการพลิกกายตะแคงหันหลังให้อีกรอบ แต่คราวนี้เขากลับขยับเข้ามาใกล้อีกนิด พร้อมกันนั้นก็ลูบศีรษะหล่อนเบาๆ
แล้วก่อนที่หล่อนจะรู้ตัว เขาก็ก้มหน้าลงมาจูบลงบนเรือนผมของหล่อนเบาๆ และกล่าวคำราตรีสวัสดิ์ธรรมดาๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้อบอุ่นในหัวใจอย่างเหลือเกิน
“ฝันดี...แม่กระต่ายน้อย”


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น