0
บทนำ
บทนำ
ยามเมื่อท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ไกลออกไปแสงสีส้มนวลตรงริมขอบฟ้าสุดปลายผืนน้ำของท้องทะเลบ่งบอกเวลายามเย็น บนเกาะส่วนตัวแห่งหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดชื่อดังทางตอนใต้ของประเทศ ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบต้นๆ กำลังเดินเลียบชายหาดไปยังโขดหินด้านหนึ่งของตัวเกาะ
ความสงบร่มรื่นของเกาะแห่งนี้ยังมีอยู่มาก เพราะมันยังไม่ได้ถูกปรับปรุงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรือรีสอร์ตส่วนตัว บนเกาะจึงมีเพียงบ้านไม้หลังใหญ่หนึ่งหลัง สร้างแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติของเกาะที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่
ชายหนุ่มเดินไปเรื่อยจนกระทั่งถึงส่วนที่เป็นเนินเขาพอให้ได้ปีนป่ายเรียกเหงื่อ การเดินจึงเริ่มลำบากมากขึ้น แต่เพราะคิดว่าถ้าขึ้นไปบนนั้นจะได้เห็นวิวสวยๆ ของที่นี่ โดยไม่รู้เลยว่ามีเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งมองมาเห็นเขาพอดีและพยายามร้องเรียกให้หยุด
“คุณลุง อย่าไปตรงนั้น คุณลุง...มันอันตราย”
เด็กหญิงตะโกนเรียก แต่ผู้ชายที่สวมหมวกสีน้ำเงินและเห็นอยู่ไกลๆ ตา กลับไม่ได้ยินเสียง เจ้าตัวจึงตัดสินใจวิ่งตามมา ด้วยคิดแบบเด็กๆ ว่าจะช่วยเตือนเขาได้ แม้ว่าในใจลึกๆ แล้วก็กลัวจะโดนดุและถูกทำโทษอยู่เหมือนกัน เพราะผู้ใหญ่สั่งไว้แล้วว่าห้ามเดินออกมาเล่นไกลๆ
หลายนาทีผ่านไป เด็กหญิงก็วิ่งมาถึงโขดหินตรงจุดที่ก่อนหน้านี้เห็นผู้ชายคนนั้นปีนป่ายขึ้นมา แต่เพราะเป็นเด็กและตัวเล็กกว่า การจะปีนป่ายต่อไปจึงไม่ง่ายนัก
“คุณลุงหายไปไหนแล้วล่ะ”
เด็กหญิงพึมพำ ความกังวลทำให้ปีนต่อไปจนกระทั่งขึ้นมาบนโขดหินที่สูงกว่าเมื่อครู่ แล้วมองไปรอบๆ ก็เห็นหมวกสีน้ำเงินใบหนึ่งตกอยู่ตรงโขดหินที่อยู่ต่ำลงไปเบื้องหน้าสองขั้น มันเป็นหมวกสีเดียวกับที่ผู้ชายคนนั้นสวมไว้
“หรือว่าเป็นหมวกของคุณลุง!”
เจ้าตัวรีบปีนลงไปเก็บแต่ก็เป็นไปอย่างทุลักทุเลพอสมควรกว่าจะลงไปถึงตรงนั้นได้ พอเก็บหมวกขึ้นมาถือก็มองหาเจ้าของหมวกที่คิดว่าน่าจะอยู่แถวนี้ แต่กลับไม่เจอ
“คุณลุงไปไหน...”
เด็กหญิงพึมพำแล้วก็ชะงักปนตกใจ เมื่อได้ยินเสียงครางและเสียงเรียกเบาๆ ดังมาจากโขดหินด้านล่างที่เจ้าตัวยืนอยู่ เจ้าตัวถอยกรูดไปยืนชิดโขดหินด้านหลัง มือกำหมวกที่ถือไว้ในมือแน่นพร้อมกับหลับตาปี๋ คิดว่าโดนผีหลอกเข้าแล้ว
“ใคร...นั่นใคร มีคนอยู่ข้างบนใช่ไหม”
เสียงที่ค่อนข้างเบาดังมาจากที่ไหนสักแห่ง เด็กหญิงลืมตาขึ้นแล้วหันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวัง จนเสียงนั้นดังอีกครั้ง คราวนี้ชัดมากขึ้น
“มีคนอยู่ข้างบนหรือเปล่า ช่วยด้วย...”
คนถูกขอร้องให้ช่วยทำใจกล้าขยับจากจุดที่ยืนพิงโขดหินด้านหลังอยู่ ชะโงกหน้าลงไปมอง แล้วก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนอนพังพาบอยู่บนพื้นหินซึ่งลึกลงไปประมาณสามเมตรจากจุดที่เจ้าตัวยืนอยู่ แล้วต่ำลงไปอีกนิดก็จะถึงจุดที่น้ำทะเลสามารถเอ่อขึ้นมาได้
“คุณลุง!”
เด็กหญิงร้องดีใจที่หาตัวคุณลุงที่เห็นเจอแล้ว และโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ใช่ผีอย่างที่กลัวในตอนแรก จึงปีนป่ายโขดหินขั้นแรกลงไป เพื่อจะมองให้ชัดมากขึ้น แต่เพราะเจ้าตัวดันเรียกออกไปแบบนั้น ทำเอาคนที่ถูกเรียกว่าคุณลุงถึงกับนิ่วหน้าแม้จะเจ็บอยู่ แล้วจึงแก้ไขความเข้าใจผิด
“แค่พี่ก็พอ ยังไม่แก่ขนาดนั้น” เขาบอกแล้วรีบห้ามเมื่อเห็นเด็กหญิงทำท่าจะปีนลงมายังโขดหินอีกขั้นที่มันอันตรายมากขึ้น “อย่าลงมาตรงนี้ มันอันตราย!”
“แต่พี่บาดเจ็บ มีเลือดออกด้วย หนูมีผ้าเช็ดหน้า”เด็กหญิงว่าแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงออกมาให้เขาดู เพราะเห็นแผลที่โหนกแก้มของเขามีเลือดไหลซิบ
คนถูกยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ยิ้มขอบคุณในความหวังดีแบบเด็กๆ แต่เขาไม่สามารถขยับหรือแม้แต่เอื้อมมือไปรับได้ เพราะขาของเขาหักจากการตกลงมาจากโขดหินเมื่อครู่นี้
“ไม่เป็นไร แผลแค่นี้พี่ทนได้ แต่หนูอย่าลงมาตรงนี้เลย ถ้าตกลงมาอีกคนจะยิ่งแย่” เขาบอกแล้วถามต่อ “หนูมีผู้ใหญ่มาด้วยหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ หนูวิ่งตามคุณลุง เอ๊ย พี่ มาคนเดียว หนูเห็นพี่มาทางนี้ จะบอกว่ามันอันตราย หนูตะโกนเรียกแล้วแต่พี่ไม่ได้ยิน ก็เลยวิ่งตามมาจะมาบอก”
“ไม่ทันแล้ว” เขายังมีแก่ใจแซวกลับไปทั้งที่เจ็บอยู่ “หนูกลับไปตามผู้ใหญ่มาช่วยพี่ได้ไหม”
“แต่ถ้าหนูกลับไปแล้ว พี่เป็นอะไรขึ้นมาล่ะ”
“ไม่เป็นไร พี่ทนไหว รีบไปบอกผู้ใหญ่ให้มาช่วยเถอะ”
เด็กหญิงพยักหน้ารับแล้วเตรียมปีนโขดหินกลับไปทางเดิม ผู้ชายที่นอนพังพาบอยู่จึงพยายามขยับตัวเท่าที่จะขยับได้เพื่อมองตามเด็กหญิงที่กำลังปีนขึ้นไป เหมือนเอาใจช่วยให้ทำสำเร็จและภาวนาให้ปลอดภัยไปด้วย
เขามองเด็กปีนกลับขึ้นไปจนเกือบจะถึงที่หมายข้างบนก็เบาใจ เพราะจำได้ว่าพ้นจากตรงนั้นไปแล้วมันจะพาลงไปยังโขดหินอีกด้านที่เขาปีนขึ้นมาและไม่อันตรายเหมือนกับตรงนี้ จึงละสายตาจากเด็กไปครู่หนึ่ง เพราะรู้สึกเจ็บขาจากการขยับ
แต่แล้วจู่ๆ ก็ต้องตกใจ เมื่อได้ยินเสียงร้องของเด็กดังลอยมา
“โอ๊ย...หนูเจ็บนะ!”
เขาเงยหน้ามองเป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างของเด็กร่วงลงมากระแทกกับโขดหินที่อยู่เหนือเขาขึ้นไปพอดี!