10

กล่องของขวัญ


 

หญิงสาวค่อยๆ ยอบตัวลงนั่งบนพื้นพรม เบื้องหน้าเต็มไปด้วยกล่องของขวัญเล็กใหญ่ซ้อนกันสูงขึ้นราวกับภูเขาขนาดย่อม ทั้งหมดนี่เป็นของขวัญวันแต่งงานที่แขกเหรื่อนำมามอบให้ แม้ไม่ได้มาร่วมแสดงความยินดี แต่ก็ยังส่งของขวัญมาไม่ขาดสาย อย่างเมื่อครู่นี้อลิชาก็เพิ่งหอบของขวัญอีกร่วมยี่สิบกล่องมาวางสมทบ

“ท่านชีคบอกว่ายังกลับมาไม่ได้ ให้เธอแกะของขวัญพวกนี้ไปพลางๆ ก่อน แล้วท่านชีคจะมามอบของขวัญสุดพิเศษให้เธอภายหลัง” อลิชาบอกตามที่เจ้านายสั่ง

คนฟังหน้าแดงระเรื่อด้วยรู้ดีว่าของขวัญพิเศษที่ชีคฮัยฟาอ์เน้นย้ำคืออะไร

“ขอบคุณมากค่ะพี่อลิชา” ภัครติยิ้มกว้าง มองกองของขวัญด้วยหัวใจพองโต ไม่ว่าใครก็ล้วนชอบแกะกล่องของขวัญทั้งนั้น เพราะได้ลุ้นว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในกล่องของขวัญที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม

อลิชาทำท่าจะกลับออกไปเพราะต้องคอยดูแลท่านทูตเอ็ดเวิร์ดและเจ้านายเหนือหัว กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองภัครติด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเอ่ยถามออกไปว่า “เธอโอเคใช่มั้ยหนูภัค ทุกคนในห้องครัวเป็นห่วงเธอมากเลยนะ”

“ก็...” หญิงสาวมีท่าทางเก้อเขิน ใบหน้าเปลี่ยนสีอย่างเห็นได้ชัด หลุบตาลงต่ำก่อนจะตอบไปอย่างแผ่วเบาว่า “ก็โอเคค่ะพี่อลิชา ท่านชีคใจดีกับหนูมาก”

“ได้ยินแบบนี้ก็เบาใจ ตอนนี้ป้าจันทร์เพ็ญก็คอยอยู่ว่าเธอจะออกไปหาเมื่อไหร่ เห็นว่าทำเค้กมะพร้าวของโปรดเอาไว้รอ แล้วยังเตรียมมะละกอเอาไว้ตำส้มตำให้ด้วยนะ เห็นว่าเธอชอบมากไม่ใช่เหรอ”

“ว้าว อยากกินจังเลยค่ะ ของโปรดทั้งนั้นเลย ป้ารู้ใจหนูที่สุด แต่...” หญิงสาวเงียบไปอึดใจก่อนจะพูดต่อไปว่า “หนูคงต้องรอให้ท่านชีคอนุญาตก่อนค่ะ”

“อะไรกัน แต่งงานเป็นภรรยานะ ไม่ใช่ทาส จะออกไปไหนมาไหนแม้แต่ในคฤหาสน์ก็ต้องขออนุญาตก่อนงั้นเหรอ” สาวใช้สาวโวยขึ้นอย่างไม่ชอบใจ

ภัครติกลับส่ายหน้าแรงๆ ปฏิเสธ “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะพี่อลิชา แต่ว่าท่านชีคให้หนู เอ่อ...ให้หนู” หญิงสาวอึกอักด้วยความเขินอาย

“ให้ทำอะไร”

“ให้หนูรออยู่บนเตียงค่ะ จนกว่าท่านชีคจะกลับมาทำ...เอ่อ...ทำ...” ยิ่งพูดก็ยิ่งอาย จากที่อีกฝ่ายไม่เข้าใจก็เริ่มเข้าใจจากสีหน้าท่าทางขวยเขินจนมือที่ผสานกันไว้แทบบิดเป็นเกลียวของเธอ

“ข้าวใหม่ปลามันก็ไม่บอก ไอ้เรารึอดเป็นห่วงไม่ได้ คิดว่าจะถูกข่มเหงรังแก ที่ไหนได้...” อลิชาหัวเราะคิกก่อนจะเอื้อมมือไปตีที่แขนของอีกฝ่ายเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ไม่คิดไม่ฝันว่าเจ้านายที่เธอดูแลรับใช้มาหลายปีจะมีมุมโรแมนติกเช่นนี้ด้วย

“พี่อลิชาอย่าแซ็วหนูสิคะ” เธอยกมือขึ้นกุมแก้มที่ยิ้มกว้างจนกลัวว่ามันจะปริแตก

“ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพี่จะไปช่วยไล่ท่านทูตอีกแรง ท่านชีคจะได้กลับมาหาเธอไวๆ ดีมั้ย” ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธอลิชาก็วิ่งปร๋อออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เจ้าสาวกะโปโลนั่งหน้าแดงหูร้อนเพียงลำพัง

เธอพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไม่จดจ่อรอคอยการกลับมาของสามีด้วยการหันไปที่กล่องของขวัญ หยิบกล่องแรกใกล้มือขึ้นมาแกะกระดาษห่อออกอย่างระมัดระวัง

เมื่อเห็นว่าด้านในเป็นเครื่องแก้วชั้นเลิศ เธอก็วางไว้แล้วหยิบชิ้นอื่นๆ มาแกะอย่างไม่รู้เบื่อ จนกระทั่งเหลือบไปเห็นของขวัญกล่องใหญ่และกล่องเล็กวางคู่กัน จำได้ว่าโอซาฟาร์นำมามอบให้ กล่องใหญ่เป็นของสุลต่าน เชอร์กี สุไลมาน วาจดาห์ ส่วนกล่องเล็กห่อด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดงเลือดหมูดูหรูหราเป็นของโอซาฟาร์ น้องชายต่างมารดาของชีคฮัยฟาอ์นั่นเอง

เธอลังเลว่าสองกล่องนี้ควรรอให้ชีคฮัยฟาอ์มาแกะเองดีหรือเปล่า แต่ดูจากสีหน้าแล้วเธอเดาได้เลยว่าเขาคงไม่หยิบกล่องของขวัญสองกล่องนี้ขึ้นมาแน่ ดังนั้นเธอจะเป็นคนแกะเอง คิดพลางหยิบกล่องเล็กขึ้นมาแล้วเริ่มแกะ พบว่าด้านในเป็นสร้อยเพชรน้ำงาม สะท้อนแสงไฟวิบวับเป็นประกายจับตา เธอรีบวางของขวัญชิ้นนี้ไว้บนโต๊ะเพราะมันมีราคาเกินกว่าเธอจะหยิบจับเล่น หากเสียหายหรือมีตำหนิ เธอคงไม่มีปัญญาใช้คืน

หญิงสาวหันความสนใจไปที่กล่องใหญ่ กล่องนี้เป็นกล่องสำเร็จ ไม่ได้ห่ออย่างกล่องอื่นๆ เธอยกกล่องขึ้นเขย่า ได้ยินเสียงขยับคล้ายเสียงสิ่งมีชีวิต แต่เธอคิดว่าตนคงหูฝาดไปเองจึงเปิดฝากล่องออก

“กรี๊ด!”

หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลงเมื่องูตัวใหญ่พุ่งออกจากกล่อง มันไม่ได้ฉกเธอในทันทีเพราะอาจมึนจากการถูกเขย่าแรงๆ ภัครติรีบกระถดตัวถอยหนีขณะที่งูตัวใหญ่เลื้อยเข้าหาเธออย่างมาดร้ายเอาชีวิต มันไม่รอช้า พุ่งเข้าหาเธอทันที

“ฟ่อ! ฟ่อ! ฟ่อ!”

“โอ๊ย!”

มันฉกเข้าที่ข้อเท้าเธอและทำท่าจะฉกส่วนอื่นๆ ทว่านาทีนั้นเองที่สิ่งของมีคมปักเข้ากลางลำตัวงูอย่างรวดเร็ว มันดิ้นพล่านทรมานได้ไม่กี่อึดใจ ชายร่างสูงก็ชักกริชเล่มเดิมออกแล้วตัดหัวมันขาดกระเด็น

“ทะ...ท่านชีค” ภัครติหน้าซีดเผือด

นาทีนั้นราวกับหัวใจของชายหนุ่มถูกฉีกทึ้งลงต่อหน้าต่อตา เขารีบถอดฆุตเราะห์บนศีรษะออกแล้วมัดบริเวณน่องของหญิงสาวเพื่อไม่ให้พิษงูไหลซึมไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ก่อนจะรวบร่างบางขึ้นอุ้มแล้ววิ่งออกจากห้องพลางร้องตะโกนเสียงดังลั่น

“เอาเฮลิคอปเตอร์ออกเดี๋ยวนี้ ภัครติถูกงูเห่าฉก”

พ่อบ้านดาริมตกใจเมื่อได้ยินเสียงตะโกนโวยวาย แต่เมื่อเข้าใจสิ่งที่เจ้านายพูดเขาก็สั่งงานทุกอย่างอย่างรวดเร็ว รวมถึงโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์และเจ้าหน้าที่เตรียมทุกอย่างให้พร้อม

ชีคหนุ่มกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมกอดแน่น พยายามชวนหญิงสาวพูดคุย ทว่าเธอมีท่าทางเหนื่อยอ่อน คล้ายจะหลับอยู่ตลอดเวลา “ทำใจดีๆ ไว้นะเด็กดื้อ เธอต้องไม่เป็นอะไร” เสียงที่เคยห้วนถึงกับสั่นพร่า ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเขากลับเข้าไปช้ากว่านั้นเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง

หากเขาต้องสูญเสียเธอไป เขาคง....

แค่คิดก็ปวดแปลบราวกับถูกคมมีดกรีดลงบนหัวใจ เขากุมมือเธอไว้ พร่ำจูบลงบนหลังมือครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่อายสายตาใคร

พ่อบ้านดาริมไม่เคยเห็นเจ้านายแสดงท่าทางอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน ผู้หญิงคนนี้นับว่ามีอิทธิพลต่อหัวใจของชีคหนุ่มอย่างแท้จริง

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะท่านชีค หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” หญิงสาวพยายามฝืนยิ้ม ทว่ากลับเป็นรอยยิ้มที่อ่อนแรงเต็มที

“ฉันจะไม่ยอมให้เธอเป็นอะไรไปเด็ดขาด” ชีคหนุ่มค่อยๆ ก้มลงจูบบนหน้าผากชื้นเหงื่อของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา แล้วกระชับกอดเธอไว้แนบอก

“หมอช่วยภรรยาฉันด้วย” ทันทีที่เฮลิคอปเตอร์ลงจอด บุรุษพยาบาลก็เข็นเปลเข้ามารับผู้ป่วย โดยมีนายแพทย์มากฝีมือมารอรับด้วยตนเอง

“ผมจะดูแลให้ดีที่สุดครับท่านชีค ไม่ต้องเป็นห่วง” นายแพทย์รับคำก่อนจะรีบนำหญิงสาวซึ่งบัดนี้มีศักดิ์เป็นชีคคา ภรรยาของชีคผู้ปกครองหมู่บ้านเจมินโดยสมบูรณ์เข้าไป

เจ้าแห่งทะเลทรายเดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งที่แพทย์เพิ่งเข็นหญิงสาวเข้าไปไม่กี่นาที แต่เขากลับรู้สึกว่ามันช่างเนิ่นนานชั่วกัปชั่วกัลป์ และทันทีที่ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก ชายหนุ่มก็พุ่งเข้าหานายแพทย์ด้วยความร้อนรน

“ผมเอาพิษงูเห่าออกเรียบร้อยแล้วนะครับท่านชีค โดยรวมอาการยังไม่ร้ายแรงมากเพราะนำมาส่งที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว จึงไม่ต้องฉีดเซรุ่มให้ท่านชีคคา มีเพียงยาปฏิชีวนะที่ต้องรับประทานอย่างต่อเนื่องเพราะในปากงูมีเชื้อโรค ตอนนี้ท่านชีคคาร่างกายอ่อนเพลีย คงต้องให้นอนพักที่นี่สักคืนถึงจะกลับคฤหาสน์ได้” นายแพทย์รายงานอย่างรวดเร็ว และอมยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นสีหน้าโล่งใจของอีกฝ่าย

“ถ้าไม่ฉีดเซรุ่มจะเป็นอันตรายหรือเปล่า” แม้จะคลายความเป็นห่วงลงมากกว่าครึ่ง แต่ชีคหนุ่มก็ยังคงกังวลใจ เกรงว่าหญิงคนรักจะได้รับอันตรายหากไม่ได้ฉีดเซรุ่ม

“ผมจะฉีดเซรุ่มให้เฉพาะคนไข้ที่ตรวจพบอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อ มีเลือดออกจุดที่ถูกงูฉก หรือเลือดออกตามจุดต่างๆ ของร่างกายครับ ทางโรงพยาบาลจึงต้องเก็บเซรุ่มไว้ใช้กรณีฉุกเฉินเท่านั้นครับท่านชีค”

เขาค่อนข้างสนิทกับชีคฮัยฟาอ์ ในฐานะที่เขาเป็นแพทย์รุ่นแรกที่ร่วมบุกเบิกก่อสร้างโรงพยาบาลเจมินขึ้นมา แม้เขาจะอายุมากกว่าชีคหนุ่มหลายปี แต่เขาให้ความเคารพชีคฮัยฟาอ์อย่างหมดหัวใจ เพราะตลอดหลายปีที่ทำงานร่วมกันมา เขาได้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความขยันมุมานะในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวเจมินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของชีคหนุ่ม

นายแพทย์ตามข่าวเรื่องการแต่งงานของชีคผู้ปกครองทุกครั้งด้วยความเป็นห่วง ใจก็อยากจะบอกให้ชีคฮัยฟาอ์ลองเปิดใจรับรักใครสักคน จะได้แต่งงานด้วยความสุข ไม่ใช่ด้วยการแลกเปลี่ยนเงินทองกับเด็กทารกคนหนึ่งที่จะถือกำเนิดขึ้นมาในอนาคต แต่ดูเหมือนว่าชีคที่แสนเย็นชาจะได้พบกับผู้หญิงที่เป็นคู่แท้เสียแล้ว ทั้งท่าทาง สีหน้า แววตาของชีคฮัยฟาอ์ฉายชัดว่ารักผู้หญิงที่ถูกพิษงูเห่าจนหมดหัวใจ

รักเสียจนลืมวางท่าเคร่งขรึม แสดงออกว่าร้อนรนกระวนกระวายใจออกมาจนหมดสิ้น

“ขอบคุณมากนะหมอ ฝากด้วย” ชีคหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ กางมือออกแล้วเสยผมหยักศกไปด้านหลังแรงๆ ก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกจากโรงพยาบาลไป

พ่อบ้านดาริมเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามก่อนจะตะโกนเรียกเจ้านาย “เดี๋ยวสิครับท่านชีค จะไม่เข้าไปเยี่ยมท่านชีคคาก่อนหรือครับ”

“ฉันต้องไปจัดการธุระ ฝากนายดูแลหนูภัคด้วย” ชีคหนุ่มเรียกภรรยาสาวว่า ‘หนูภัค’ อย่างที่จันทร์เพ็ญและคนอื่นๆ ในคฤหาสน์เรียก

“อย่าบอกนะครับว่าท่านชีคจะไปเตอร์ฮาน” พ่อบ้านสูงวัยหน้าถอดสี เพราะเขาโทร. กลับไปสอบถามที่คฤหาสน์จึงทราบว่างูเห่าคอขาดกระเด็นอยู่ในห้องหอ และเดาว่าน่าจะออกมาจากกล่องของขวัญขนาดใหญ่ ซึ่งกล่องของขวัญนั้นเป็นของสุลต่านเชอร์กี!

“ใช่”

“ถ้าไปก็เท่ากับไปตาย ขอร้องเถอะครับ อย่าไปเลย”

“นายก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าเขาทำอะไร!” ชีคหนุ่มตวาดห้วนอย่างเดือดดาลขณะก้าวออกมายืนนอกโรงพยาบาล ดวงตาของเขาดุกร้าวราวกับสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส สัตว์ที่พยายามหลบหนี ใช่ว่ามันไร้ทางสู้ แต่มันเลือกที่จะไม่สู้ จนกระทั่งมันถูกกระชากกล่องดวงใจ นาทีนี้มันพร้อมที่จะสู้จนตัวตาย แม้ว่าศัตรูฝ่ายตรงข้ามจะเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดก็ตาม

“แต่ถ้าท่านชีคเป็นอะไรไป ใครจะปกป้องท่านชีคคาล่ะครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแววตากร้าวของชีคหนุ่มก็อ่อนแสงลง แค่คิดว่าหากไม่มีบารมีของเขาปกป้องคฤหาสน์อัลซาดัต หากว่าบิดาใช้อำนาจมืดนำภรรยาของเขาไปกักขังในฮาเร็ม หรือเร่ขายเป็นทาสกามในตลาดมืด แค่คิดว่าสาวน้อยอ่อนต่อโลกต้องร้องไห้อย่างเสียขวัญ หัวใจแข็งกร้าวก็ปริร้าว

“นายสบายใจได้ ฉันจะไปเจรจากับทางนั้นอย่างมีสติ ฉันจะไม่วู่วาม ฉันสัญญา” เขาหันกลับมาพูดด้วยเสียงราบเรียบ แม้จะยังมีความกรุ่นโกรธอยู่เต็มหัวใจ แต่มิได้มุทะลุวู่วามเฉกเช่นในตอนแรก

“รีบกลับมาก่อนที่ท่านชีคคาจะฟื้นนะครับ ผมเชื่อว่าเธออยากเห็นหน้าท่านชีคเป็นคนแรก” พ่อบ้านดาริมฉลาดพอที่จะรู้ว่าควรพูดอย่างไรเพื่อให้เจ้านายที่กำลังคลุ้มคลั่งราวกับพายุทะเลทรายสงบลง และรู้ว่าจะนำสิ่งใดมาต่อรองให้อีกฝ่ายระมัดระวังตัวรักษาชีวิตของตนเอง ไม่ใช่บ้าบิ่นพร้อมยอมตายราวกับเห็นชีวิตตนเองไร้ค่าอย่างที่ผ่านมา

ชีคหนุ่มไม่ได้ตะโกนบอกกลับไป เขาตอบด้วยเสียงแผ่วเบาราวพูดกับตัวเอง “ฉันจะรีบกลับมา รอฉันนะหนูภัค”

 

เจ้าของร่างสูงมีแผ่นหนังสีดำปิดบังดวงตาข้างหนึ่งก้าวยาวๆ เข้าไปในคฤหาสน์หรูราวกับพระราชวังของสุลต่านเชอร์กี โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามหรือทักท้วง ด้วยรู้ดีว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาคือ ชีคฮัยฟาอ์ หรือที่รู้กันลับๆ ว่าเป็นบุตรชายคนโตของผู้ปกครองประเทศเตอร์ฮานที่หายสาบสูญไป

“สุลต่านเชอร์กีอยู่ไหน” ชีคหนุ่มเอ่ยถามเสียงเครียด

สาวใช้ก้มหน้างุดหลบดวงตาคมกร้าวน่ากลัว ก่อนจะตอบเสียงสั่นจนฟังไม่ได้ศัพท์

“ทะ...ท่านสุลต่าน ปะ...ป่วย”

“อ้าว! ท่านพี่ ลมอะไรหอบท่านพี่มาถึงที่นี่ครับ” จังหวะนั้นโอซาฟาร์เดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าทักทายอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าใบหน้าของพี่ชายต่างมารดาบูดบึ้งราวกับอสูรร้ายที่พร้อมจะฆ่าทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

“ผมคิดว่าท่านพี่น่าจะกำลังฮันนีมูนอยู่กับพี่สะใภ้เสียอีก” เมื่อพูดจบประโยคแต่พี่ชายยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง โอซาฟาร์ก็รับรู้ได้ถึงเหตุการณ์ไม่ปกติ รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ หุบลง “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับท่านพี่ หรือว่าท่านพ่อ...” ใบหน้าของเขาถอดสีทันที ก่อนจะหันไปไล่คนรับใช้ให้พากันออกไป เรื่องนี้ไม่ควรให้ใครรู้ทั้งนั้น

“ในกล่องของขวัญมีงูเห่า”

“หา! ท่านพี่ว่าอะไรนะครับ” โอซาฟาร์ตกใจจนถลึงตา นั่นก็เพราะเขาเป็นคนนำกล่องของขวัญนั้นไปมอบด้วยตัวเอง ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด กล่องถูกเปิดออกระหว่างการเดินทาง คนที่โดนงูฉกก็คงเป็นเขา

“ผมไม่คิดเลยว่าท่านพ่อจะทำเรื่องแบบนี้ แต่โชคดีนะครับที่ท่านพี่ไม่เป็นอะไร”

“ภัครติโดนงูฉก”

“...” ผู้เป็นน้องนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ จ้องมองเข้าไปในดวงตาดำคมเข้มของพี่ชาย ฉายชัดว่าอีกฝ่ายเจ็บปวดเมื่อภรรยาสาวที่เพิ่งร่วมหอลงโรงถูกงูกัดเช่นนี้ ‘หรือว่าท่านพี่รักเด็กคนนั้น’ โอซาฟาร์ลอบสังเกตเงียบๆ ก่อนจะอมยิ้ม ด้วยไม่คิดว่าพี่ชายที่แข็งกร้าวราวกับหินผาจะตกหลุมรักผู้หญิงคนไหน

“ฉันต้องการคุยกับสุลต่านเชอร์กี” ชีคฮัยฟาอ์บอกความต้องการด้วยน้ำเสียงราบเรียบ กวาดตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง เขาต้องรักษาชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องภรรยาตัวน้อยผู้ใสซื่อ นั่นหมายความว่าเขาจะไม่เอาแต่วิ่งหนีอย่างที่แล้วๆ มา แต่เขาจะสู้ ยืนหยัดและปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเขา

“ท่านพ่อไม่อยู่ครับ ไปซาอุดีอาระเบีย เห็นว่าจะไปหาเพื่อนเก่า คงไปหลายวัน”

“อย่าโกหก!” ชีคหนุ่มถือวิสาสะเดินหาจนทั่วคฤหาสน์ ไม่ว่าจะเป็นห้องรับแขก ห้องทำงาน ห้องสมุด หรือแม้แต่ห้องนอน ก็ไม่พบแม้เงาของผู้ให้กำเนิด

โอซาฟาร์ได้แต่เดินตามหลังไปเงียบๆ ปล่อยให้พี่ชายได้ออกค้นหาด้วยตนเองจนกว่าจะพอใจ เพราะรู้ว่าต่อให้พูดอย่างไร อีกฝ่ายก็คงไม่ยอมรับฟัง

“ใครอนุญาตให้แกเข้ามาในคฤหาสน์!” หญิงร่างท้วมผิวสีน้ำผึ้งเดินออกมาจากสวนด้านหลังคฤหาสน์ เมื่อเห็นว่าบุตรชายคนโตที่หายสาบสูญไปของสามีมาปรากฏตัว เธอก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้าด้วยความโกรธ “ปากก็พูดว่าไม่ต้องการอะไรเลย ไม่ต้องการทรัพย์สมบัติ ไม่ต้องการตำแหน่ง ถ้าไม่ต้องการแล้วจะกลับมาเหยียบที่นี่ทำไมอีก” เร็วกว่าความคิด ฟาติมาผรุสวาทใส่ชายหนุ่มรุ่นลูกทันที

ชีคฮัยฟาอ์ไม่แม้แต่จะหันไปชายตาแลฟาติมาผู้เป็นมารดาของโอซาฟาร์ เขาไม่ให้ราคากับบุคคลที่ไม่มีราคาเช่นผู้หญิงคนนี้ที่จงเกลียดจงชังเขา เพราะกลัวว่าเขาจะมากอบโกยทรัพย์สมบัติมหาศาลไปจากโอซาฟาร์ เขาไม่เคยอยากได้ของของน้อง และข้อนี้โอซาฟาร์ก็เข้าใจดี

“พอเถอะครับท่านแม่ ท่านพี่มีธุระถึงได้มาที่นี่” โอซาฟาร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ อึดอัดที่มารดากางปีกปกป้องผลประโยชน์จนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว

“ลูกจิตใจดีเกินไป ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมพวกสิบแปดมงกุฎหรอก อย่าลืมนะว่ามันถูกโจรเลี้ยงดูมาจนโต ไม่ว่ายังไงนิสัยและสันดานก็ยังเป็นโจรอยู่วันยังค่ำ” หญิงสูงวัยยังคงตวาดแหว ไม่ยอมลดทอนเสียงลงเลยแม้แต่เดซิเบลเดียว

“ฉันกลับก่อนนะโอซาฟาร์ ถ้าสุลต่านเชอร์กีกลับมา ฝากบอกเขาด้วยว่าฉันจะไม่ยอมตายง่ายๆ เขาจะต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เห็นฉันมีชีวิตอยู่เป็นเสี้ยนหนามตำใจแบบนี้” พูดจบชายหนุ่มก็เดินผ่านหน้าฟาติมาไปโดยไม่ชายตามองหรือแม้แต่ทักทาย

ลับหลังชีคแห่งหมู่บ้านเจมิน ฟาติมาก็ตรงเข้าทุบที่ไหล่บุตรชายทันที “แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ไปสนิทสนมกับมัน แม่ดูหน้ามันก็รู้แล้วว่ามันอยากได้ตำแหน่งสุลต่านมากขนาดไหน แต่ใครเลยจะเหมาะสมเท่ากับลูกของแม่ ลูกมีทุกอย่างพร้อมพรั่ง ทั้งชาติตระกูล รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และการศึกษาที่ยอดเยี่ยม ลูกต้องเป็นผู้นำที่ดีเหมือนท่านพ่ออย่างแน่นอน”

“แต่ท่านพี่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของผมนะครับ” โอซาฟาร์ห่อไหล่ลงด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เขาฟังมารดากรอกหูเรื่องนี้มาหลายปี นับตั้งแต่พี่ชายต่างมารดาปรากฏตัวขึ้น คฤหาสน์หลังนี้ก็ไม่เคยพานพบกับความสุขอีกเลย บิดาเอาแต่คิดแค้นจ้องจะฆ่าบุตรชายคนโตของตนเอง ส่วนมารดาของเขาเกลียดมารดาของชีคฮัยฟาอ์เป็นทุนเดิม ก็ยิ่งชังน้ำหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขของศัตรูหัวใจอีกเท่าทวีคูณ

 

“หิวน้ำจัง”

หญิงสาวร่างบอบบางค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ ก่อนจะปรือตาขึ้น มองเห็นหลอดไฟบนเพดานไม่คุ้นตา กลิ่นยาอบอวลไปทั่วห้อง และสายน้ำเกลือที่ระโยงระยางติดหลังมือของเธอ ทำให้เธอค่อยๆ ระลึกความทรงจำได้ว่าเธอถูกงูเห่าฉก แล้วชีคฮัยฟาอ์ก็พาเธอมาส่งโรงพยาบาล

เตียงผู้ป่วยอัตโนมัติค่อยๆ ถูกปรับให้ชันขึ้นเพื่อให้คนป่วยได้นั่งเอนหลังสะดวก มือหนายื่นแก้วน้ำพร้อมหลอดดูดมายังเบื้องหน้า ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มชวนฟัง “ดื่มไหวมั้ย หรือจะให้ฉันป้อนเธอด้วยปาก”

ภัครติเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ความอบอุ่นแล่นเข้าเกาะขั้วหัวใจเมื่อลืมตาขึ้นแล้วพบว่าเขานั่งอยู่ข้างเตียง “ท่านชีค...” เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงแหบโหยก่อนจะรับน้ำมาดื่ม มิเช่นนั้นเขาคงหาข้ออ้างป้อนเธออย่างแน่นอน

“ขอบคุณนะคะ”

“เธอขอบคุณฉัน แต่ฉันต้องขอโทษเธอ” เขารวบมือบางมากุมเอาไว้ มือของเขาเย็นเฉียบและชื้นเหงื่อ เธอจึงเพิ่งสังเกตได้ว่าลูกผมสีดำบริเวณหน้าผากเขาก็ชื้นเหงื่อไม่ต่างกัน

“ขอโทษเรื่องอะไรหรือคะ”

“ก็ที่เธอถูกงูฉก ทั้งที่คนที่ควรถูกฉกต้องเป็นฉัน” แววตาชีคหนุ่มหม่นเศร้าจนน่าใจหาย แม้ว่าคนตัวเล็กจะอาการดีขึ้นจนเรียกได้ว่าหายเป็นปกติ แค่ยังเพียงอ่อนเพลียเท่านั้น แต่เขาก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทั้งหวง ทั้งห่วงผู้หญิงสักคนได้มากมายถึงเพียงนี้ ผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน แต่กลับมาเขย่าโลกสีเทาของเขาให้สั่นคลอน จนเบ่งบานราวกับกำลังมีความรัก

“แต่หนูดีใจนะคะที่หนูเป็นคนถูกฉก ไม่ใช่ท่านชีค” หญิงสาวยิ้มกว้างพร้อมวางมือลงบนใบหน้าของเขา ก่อนจะพูดออกไป “เพราะถ้าท่านชีคถูกงูฉก หนูคงอุ้มท่านชีคขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไม่ไหวแน่ เห็นมั้ยคะว่าหนูโดนงูฉกน่ะดีแล้ว” เธอตั้งใจให้เขาหัวเราะ แล้วมันก็ได้ผลเมื่อเขาผุดยิ้ม ก่อนจะยื่นมือมายีศีรษะเธอด้วยความเอ็นดู

“ช่างพูดเหลือเกินนะหนูภัค”

แก้มนวลค่อยๆ แดงระเรื่อเมื่อได้ยินเขาเรียกเธอว่าหนูภัค

“ก็เรื่องจริงนี่คะ จะให้พ่อบ้านดาริมมาอุ้มก็ยิ่งแล้วใหญ่ กระดูกไขข้ออาจหักเสียก่อน คงต้องตามบอดีการ์ดตัวโตๆ สักสองสามคนมาช่วยกันหามท่านชีคขึ้นเฮลิคอปเตอร์” หญิงสาวหัวเราะคิกคักขณะจินตนาการเป็นฉากๆ อย่างนึกสนุก

“เธอนี่เป็นเด็กช่างฝัน ช่างจินตนาการเสียจริง”

“ท่านชีคก็ลองทำบ้างสิคะ สนุกจะตายไป”

“ฉันไม่ชอบจินตนาการเรื่องไร้สาระ เรื่องที่ฉันจะจินตนาการมีไม่กี่เรื่องหรอก” ดวงตาเจ้าเล่ห์วาวระยับ ทว่าคนตัวเล็กกลับไม่เฉลียวใจ ยังคงถามต่อไปด้วยความอยากรู้

“เรื่องอะไรหรือคะ”

“อยากรู้จริงเหรอว่าฉันจินตนาการเรื่องอะไร” เสียงทุ้มยวนเย้าส่งผลให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นผิดจังหวะ “ฉันจินตนาการเห็นเธอนอนเปลือยเปล่าอยู่กลางทะเลทราย แล้วฉันก็...”

“พอแล้วค่ะ” เธอยื่นมือไปปิดปากเขา ถ้าเขาพูดต่อเธอกลัวว่าตัวเองจะจินตนาการตาม แล้วก็คงสยิวเสียจนสลัดจากห้วงความคิดไม่ออกแน่ๆ

คนตัวโตขยับริมฝีปากแล้วจูบฝ่ามือเล็กที่ปิดปากเขาไว้ และนั่นทำให้เธอชักมือกลับอย่างรวดเร็ว อดคิดไม่ได้ว่าเขาลวนลามเธอได้ตลอดเวลา ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เขาเป็นต้องรู้ทันเธอหมดทุกเรื่อง ขี้โกงที่สุดเลย

“เธอคงต้องฉลองวันเกิดที่โรงพยาบาล แล้วฉันก็อดมอบของขวัญพิเศษให้เธอ” เขาก้มลงกระซิบข้างใบหูก่อนจะฝังปลายจมูกอิ่มลงบนนวลแก้มสีระเรื่อ “แต่ไม่ต้องห่วงนะ เมื่อเธอหายดีฉันจะมอบของขวัญให้เธอสามเท่าเลย ทั้งของขวัญวันเกิด ของขวัญปลอบใจ และของขวัญสำหรับปลอบขวัญ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเลือดในกายก็สูบฉีดแรง ยังผลให้เธอร้อนผ่าวไปทั้งตัว ถ้าเธอไม่ถูกงูเห่าฉก ป่านนี้เธอคง...ไม่นะ! บ้า! บ้า! บ้า! เอาภาพลามกออกไปจากความคิดเธอเดี๋ยวนี้นะ

ชีคหนุ่มหันไปกดมือถือโทร. ออกก่อนจะกดวาง เพียงครู่เดียวประตูห้องพักก็เปิดออก แม่ครัวจันทร์เพ็ญ พ่อบ้านดาริม อลิชา และบอดีการ์ดอาเหม็ดเดินเข้ามา ในมือของผู้เป็นป้ามีเค้กมะพร้าวเนื้อครีมนมสดหวานหอม บนเค้กปักเทียนที่จุดสว่างไสวทั้งหมดยี่สิบเอ็ดเล่ม โดยปักเกินอายุไปหนึ่งดอกตามความเชื่อของคนไทย

“สุขสันต์วันเกิดนะหนูภัค ฉันอยากให้เธอมีความสุขมากๆ เพราะเวลาที่เธอมีความสุขทำให้ฉันพลอยมีความสุขไปด้วย” ชีคหนุ่มยื่นหน้าไปหอมแก้มอิ่ม โดยไม่สนใจสายตาอีกสี่คู่ของคนที่ยืนอยู่รอบเตียง

“ขอบคุณมากค่ะท่านชีค” ภัครติยิ้มเอียงอาย แล้วโดยที่เจ้าแห่งทะเลทรายยังไม่ทันตั้งตัว เธอก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาดังฟอดใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคนในห้อง เพราะชีคฮัยฟาอ์ซึ่งมีใบหน้าโหดเหี้ยม มีหนวดเครารุงรังถึงกับนิ่งอึ้ง มีเพียงใบหูที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ

“มาจ้ะ มาเป่าเทียนกันดีกว่า หลับตาอธิษฐานเลยนะยายหนู” จันทร์เพ็ญยื่นเค้กไปเบื้องหน้าหลานสาว

ภัครติประสานมือไว้ที่กึ่งกลางหน้าอก ก่อนจะปิดเปลือกตาลงแล้วเริ่มอธิษฐานในใจ

‘ขอให้หนูได้อยู่กับท่านชีคตลอดไป’

เมื่อเธออธิษฐานเสร็จก็ลืมตาขึ้นแล้วเป่าเทียนทุกเล่มจนดับ หันไปยิ้มให้คนตัวโตที่เอาแต่จ้องมองเธอแทบไม่กะพริบตา “ขอบคุณท่านชีคมากนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่หนูได้เป่าเค้กในโรงพยาบาล และขอขอบคุณคุณพ่อบ้าน พี่อาเหม็ด พี่อลิชา และที่สำคัญที่สุด ป้าที่น่ารักที่สุดในโลก หนูรักป้าค่ะ” พูดจบเธอก็กางมือออกโอบกอดผู้เป็นป้าแน่น

“ยายหนูของป้า ถือว่าฟาดเคราะห์นะลูก ต่อไปนี้ขอให้หนูเจอแต่เรื่องดีๆ ขอให้มีความสุขมากๆ นะ” จันทร์เพ็ญน้ำตารื้น แค่รู้ว่าหลานสาวถูกงูเห่าฉก เธอก็ใจหายใจคว่ำจนเป็นลมล้มพับ บรรดาสาวใช้ในครัวต้องรีบปฐมพยาบาลกันจ้าละหวั่น

คนตัวโตขยับเข้าไปกระซิบแผ่วข้างหูภรรยาให้ได้ยินกันแค่เพียงสองคน “ใจร้ายจัง บอกรักแต่ป้า ไม่เห็นบอกรักฉันบ้างเลย”

ภัครติได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้างุด ใจเธอนั้นอยากบอกรักเขาแทบทุกวินาที แต่ก็กลัวว่าคำรักที่เอ่ยออกไปจะกลายเป็นสายใยโอบรัดเขาและเธอเอาไว้ เมื่อถึงวันที่เธอต้องไปจากที่นี่ คนที่ทรมานคงเป็นคนที่เอ่ยคำนั้นออกไป

‘ท่านชีคอยากให้หนูบอกรัก แล้วท่านชีคล่ะคะคิดจะพูดคำนั้นกับหนูบ้างหรือเปล่า’ เธอได้แต่ถามคำถามนั้นในใจ ไม่กล้าเอ่ยถาม ด้วยกลัวว่าความสุขที่เธอกำลังกอดเอาไว้ในยามนี้จะจางหายไปราวกับหมอกควันตลอดกาล

ส่วนคนที่ถามออกไปโดยไม่ยั้งคิดก็ตกใจจนเผลอนิ่วหน้า นี่เขาอยากได้ความรักจากผู้หญิงคนนี้งั้นหรือ เขาน่ะหรืออยากได้ความรัก เป็นไปไม่ได้! เขาอยากได้เพียงทายาทสืบสกุล เขาเคยพร่ำบอกตัวเองเช่นนั้น ทว่า...ทุกวินาทีที่ได้ใช้ชีวิตกับเธอ ความท้อแท้โดดเดี่ยวราวกับรอนแรมอยู่กลางทะเลทรายที่แสนเหน็บหนาวยามค่ำคืนก็ค่อยๆ จางหาย แทนที่ด้วยความอบอุ่นราวได้รับแสงแรกจากดวงอาทิตย์ยามเช้า อุ่นซ่านไปถึงขั้วหัวใจอย่างที่เขาไม่เคยได้รับจากใครที่ไหนมาก่อน

นี่หรือเปล่าที่บาลาซานพยายามพร่ำบอกเขามาตลอด ‘ถ้าเรารักใครสักคน คนคนนั้นจะเป็นความสุข เป็นชีวิต เป็นความอบอุ่นในหัวใจ วันใดที่พี่ฮัยฟาอ์รู้สึกเช่นนั้น แสดงว่าพี่มีความรัก...’

            นะ...นี่หมายความว่าเขารักภัครติอย่างนั้นเหรอ!

            หัวใจของคนตัวโตเต้นแรงเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกของตนเอง แต่นั่นละ เขาไม่กล้าพอที่จะบอกความรู้สึกนี้กับเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเคยบอกว่าชอบเขา แต่เธอชอบเขามากพอที่จะเรียกว่า ‘รัก’ หรือเปล่า ภัครติยังเด็กเกินไปที่จะทิ้งชีวิตทั้งชีวิตเพื่ออยู่กับผู้ชายที่อายุห่างกันถึงสิบห้าปี ผู้ชายที่จมอยู่กับความมืดมิดและแผลเป็นอันแสนอัปลักษณ์ เธอควรได้พบกับใครสักคนที่ดีกว่าเขา คนที่จะทำให้เธอมีความสุขมากกว่าความทุกข์

“ชิมเค้กสิยายหนู ดูสิว่าใช่รสชาติแบบที่หนูชอบมั้ย”

เสียงของแม่ครัวจันทร์เพ็ญทำให้ชีคฮัยฟาอ์และภัครติหลุดออกจากห้วงความคิดของตนเอง กระนั้นกลับไม่กล้าแม้แต่จะหันไปสบตากัน ด้วยต่างคนต่างหวาดหวั่นว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ความในใจที่พยายามปกปิดเอาไว้

“ค่ะ” ภัครติหันความสนใจทั้งหมดไปที่เค้กเนื้อครีมนมสด ท่าทางหวานนุ่ม เนื้อมะพร้าวอ่อนผสานรวมไปกับแป้งเค้กและเนื้อครีมอย่างกลมกลืน เธอตักเค้กรับประทานก่อนจะยิ้มกว้างถูกใจ และตักคำที่สองกับคำที่สามรับประทานด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย

เมื่อมั่นใจว่าเธอเก็บความรู้สึกทั้งหมดใส่กุญแจหัวใจเรียบร้อยแล้ว เธอก็ตักเค้กหันไปป้อนชีคผู้เป็นสามี “ทานหน่อยสิคะท่านชีค ฝีมือป้าทำอร่อยไม่แพ้ร้านเค้กดังๆ เลยนะคะ” หญิงสาวคะยั้นคะยอเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหยเกราวกับว่าของหวานคือศัตรูตัวฉกาจ ทั้งๆ ที่เธอนั้นคลั่งไคล้ของหวานแทบทุกชนิด นี่ถ้าเธอไม่ชอบเล่นทโมนออกกำลังกายด้วยการปีนป่ายไปทั่ว ป่านนี้เธอคงกลมกลิ้งเป็นหมูแล้วแน่ๆ

“ฉันไม่ชอบของหวาน”

จังหวะที่ชายหนุ่มตอบ ภัครติรับรู้ได้ถึงความขมขื่นที่ฉายชัดในดวงตา เธอจึงไม่บังคับให้เขารับประทาน แต่กลับใช้นิ้วตวัดเนื้อครีมแล้วป้ายไปบนใบหน้าของเขาแทน ชีคฮัยฟาอ์นั่งนิ่งในขณะที่ภัครติหัวเราะชอบใจ โดยที่พ่อบ้านดาริม แม่ครัวจันทร์เพ็ญ บอดีการ์ดอาเหม็ด และสาวใช้อลิชาได้แต่ยืนนิ่งราวกับหัวใจร่วงหล่นลงไปอยู่ที่ปลายเท้า ไม่คิดฝันว่าสาวน้อยจะกล้านำครีมเค้กไปป้ายหน้าผู้ที่ขึ้นชื่อว่าอสูรร้ายแห่งทะเลทราย

เห็นทีว่าชีคฮัยฟาอ์คงจะต้องโกรธมากแน่ๆ เขาอาจตะคอก ดุด่า หรือร้ายแรงที่สุดอาจยกเลิกการแต่งงานทั้งหมดเป็นโมฆะ ใครก็รู้ว่าท่านชีคขี้โมโหและหงุดหงิดง่ายขนาดไหน

‘ตาย! ตาย! ตาย! ยายหนูทำไมทำแบบนี้ โอ๊ย ป้าอยากจะเป็นลม’ ผู้เป็นป้ายกมือขึ้นกุมหัวใจ มันเต้นช้าลง ช้าลง ราวกับจะหยุดเต้นเสียเดี๋ยวนั้น

ส่วนพ่อบ้านดาริมบีบมือที่ผสานกันไว้แน่น ก่อนจะเบือนสายตาไปทางอื่น ‘บรรลัยแล้ว ดูท่านชีคทำหน้าสิ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น’

‘หนูภัคของพี่ทำไมทำแบบนั้น ถ้าโดนท่านชีคทำร้ายต้องแย่แน่ๆ เลย’ บอดีการ์ดหนุ่มกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก

อลิชายกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก ขยับฮิญาบคลุมผมไปมาด้วยความกังวล ‘จะ...จะเป็นลม นี่มันโศกนาฏกรรมชัดๆ’

ทว่า...

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชีคฮัยฟาอ์หัวเราะออกมาจนสุดเสียง ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าป้ายเค้กที่หน้าเขาเลยสักครั้ง ไม่สิ เป็นเพราะเขาและพี่น้องร่วมชะตากรรมไม่เคยมีใครได้จัดงานวันเกิด นาฟาซัสขโมยพวกเขาไปเลี้ยงดูโดยไม่เคยแยแสถึงความรู้สึก ทิ้งขว้างให้อ้างว้างเดียวดาย

ในวัยเด็กเขาเคยจ้องมองภาพครอบครัวอบอุ่นจัดงานวันเกิด ป้อนเค้ก หรือแม้แต่เล่นสนุกนำเค้กมาป้ายหน้าหยอกล้อกันในจอโทรทัศน์ เขานั่งดูภาพเหล่านั้นด้วยน้ำตา น้ำตาของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งเพื่อปกป้องน้องๆ อีกสามคน ทำเป็นว่าไม่ทุกข์ร้อน ไม่เคยต้องการทำเรื่องไร้สาระเหล่านี้ ทว่าหัวใจของเขากลับโหยหามันมาตลอด เขาเพิ่งรู้ว่าการทำแบบนั้นสนุกมากขนาดไหนก็วันนี้เอง วันที่เขาได้ยื่นนิ้วไปจิ้มเนื้อครีมนุ่มแล้วป้ายลงไปบนใบหน้าหวานของคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง

“ว้าย! ท่านชีคจะเปิดสงครามกับหนูเหรอคะ” ภัครติไม่ยอมแพ้ หยิบเค้กมาหมายจะป้ายสามี ทว่าชีคหนุ่มกลับหลบทัน และผู้ที่โดนไปเต็มๆ ก็คือพ่อบ้านดาริมที่ยังคงยืนตะลึงงันด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อพ่อบ้านสูงวัยได้สติ เขาก็นึกสนุกปาดครีมออกจากใบหน้าของตนเองแล้วหันไปป้ายผู้ที่ทำเค้กก้อนนี้อย่างสุดฝีมือ

“คุณพ่อบ้าน ทำไมใจร้ายแบบนี้” จันทร์เพ็ญทำหน้าตาเหลอหลาก่อนจะหันไปจัดการอลิชาและอาเหม็ดเป็นรายต่อไป

บรรยากาศห้องผู้ป่วยวีไอพีในโรงพยาบาลเจมินเต็มไปด้วยความครึกครื้น จันทร์เพ็ญและอลิชาเริ่มคลายอาการหวาดกลัวเจ้าเหนือหัว เมื่อได้เห็นและได้สัมผัสด้วยตนเองว่าเขาก็เป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่แม้ภายนอกจะแข็งกร้าวดุดัน ทว่ายามอยู่กับสาวน้อยภัครติกลับมีท่าทีอ่อนโยน และสายตาของเขาเฝ้ามองเธอไม่ห่าง แม้ทั้งสองจะไม่เคยมีความรัก แต่ก็มองออกว่าเจ้านายหลงรักสาวน้อยคนนี้จนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นเสียแล้ว

ทว่ามีคนหนึ่งที่แม้กำลังหัวเราะ แต่หัวใจนั้นหม่นเศร้า เขาเข้าใจว่าการแต่งงานที่เกิดขึ้นเป็นเพราะอุบัติเหตุ สาวใช้คนใหม่ซุกซนจนได้เรื่อง ริอ่านลองสวมชุดเจ้าสาวเลยโดนบีบบังคับให้เข้าพิธีวิวาห์ แต่วันนี้เขาได้เห็นกับตาตนเองแล้วว่าทั้งคู่ต่างมีใจให้กัน บอดีการ์ดอาเหม็ดจึงกลายเป็นคนอกหักรักคุดโดยสมบูรณ์

ถึงอย่างไรเขาก็รักและซื่อสัตย์กับเจ้านาย ขอแค่เพียงชีคฮัยฟาอ์และภัครติมีความสุข ทว่าวันใดที่เจ้านายทำผู้หญิงที่เขาแอบรักเสียใจ เขาก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ

“ว้าย!”

พยาบาลที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาโดนลูกหลงไปด้วย เค้กลอยคว้างกลางอากาศไปตกลงที่อกเสื้อเต็มๆ ห้องพักผู้ป่วยที่ควรสงบชุลมุนวุ่นวายเพราะผู้ใหญ่ที่กำลังกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

ชีคฮัยฟาอ์ปลีกตัวออกมามองดูภาพเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ ใช้ปลายนิ้วมือแตะครีมที่ใบหน้าก่อนจะลองชิม

ความจริงของหวานก็อร่อยดีเหมือนกันนะ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น