“ฉันจะถือว่าเสียงเมื่อสักครู่เป็นคำแสดงความยินยอมของเธอ”
ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้ส่งเสียงตอบออกไป อสูรร้ายก็บดจูบเร่าร้อนในขณะที่สองมือหนาสากกร้านปลดเปลื้องชุดเจ้าสาวของเธอออกอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวเธอก็ปราศจากเครื่องนุ่มห่ม หญิงสาวรีบใช้มือปิดเรือนร่างเป็นพัลวันด้วยความเขินอาย ทว่าชีคหนุ่มกลับรวบมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะโลมเลียเธอด้วยสายตาร้อนผ่าว
“ไม่เห็นน่าอายตรงไหนเลยสาวน้อย รู้ตัวหรือเปล่าว่าเธอสวยเสียจนฉันแทบหยุดหายใจ”
การเปลือยกายนอนอยู่ใต้เรือนร่างของเขาทำให้เธออายจนไม่รู้จะวางหน้ายังไง ทว่าคำชมของเขาทำให้เธอรู้สึกเต็มตื้นในหัวใจอย่างน่าพิศวง
“มองตาฉันสิ”
ผู้อ่อนวัยกว่าค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตาเขาช้าๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลซีกหนึ่งราวกับอสูรร้าย ไม่ว่าใครจะหวาดกลัวใบหน้านี้จนหนีไปจากเขา แต่ต้องไม่ใช่เธอ...เธอจะเป็นคนที่เดินเข้าหาเขา กอดเขาไว้ด้วยหัวใจของเธอ ภัครติยื่นมือออกไปแตะใบหน้าอัปลักษณ์ แน่นอนว่าชีคฮัยฟาอ์สะดุ้งด้วยความตกใจ ด้วยไม่คาดคิดว่าเธอจะกล้าสัมผัสบาดแผลน่าเกลียดของเขา และโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัว เธอหยัดกายขึ้นแล้วบรรจงจูบลงบนบาดแผลอย่างไม่รังเกียจ
“หนูจะไม่มีวันละสายตาไปจากท่านชีคค่ะ”
เสียงหวานก้องกังวานอยู่ในหัวใจของคนตัวโต เขายิ้มอย่างที่ไม่คิดจะยิ้มให้ผู้หญิงคนไหน “ขอบใจมากสาวน้อย”
เจ้าแห่งทะเลทรายบรรจงจูบอ่อนหวานจนสาวใช้ตัวน้อยอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาพรมจูบอย่างเชื่องช้าตั้งแต่ริมฝีปากอิ่มรสหวานปานน้ำผึ้ง ฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนวลอวลกลิ่นแป้งอ่อนๆ ประทับรอยจูบสีแดงระเรื่อเอาไว้บนลำคอเรียวระหงอย่างหลงใหล ไล่เรื่อยมาหยุดอยู่ที่หน้าอกอวบอิ่มน่าสัมผัส หยอกเอินเนิ่นนานจนคนตัวเล็กสะเทิ้นสะท้านส่งเสียงครวญไม่เป็นภาษา ก่อนจะออกสำรวจจุดอื่นๆ ทั่วทั้งเรือนร่างงามด้วยความสิเน่หา
ภัครติรู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะตีลังกาสิบตลบ เธอหอบหายใจแรงไปกับทุกสัมผัสที่เขามอบให้ แค่เพียงเขาขยับปลายนิ้วโลมไล้ เธอก็สั่นเทิ้มผวากอดรัดเขาเอาไว้แนบแน่น ได้ยินเสียงคำรามแหบพร่ามาจากคนตัวโตราวกับเขากำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่างไว้ เธอไม่ทันได้ฉุกใจสงสัยเมื่อเธอถูกกระชากขึ้นไปสัมผัสก้อนเมฆหนานุ่ม ก่อนจะถูกทิ้งลงจากที่สูง หัวใจเจ้าเอยร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มด้วยความสุขสมครั้งแล้วครั้งเล่า
“ให้ตายเถอะ!” ชีคฮัยฟาอ์คำรามห้วนในลำคอ เขาแค่อยากจะสอนความสุขบทที่หนึ่งให้เธอรับรู้ แต่เขาเองที่เป็นฝ่ายทรมานจนแทบบ้าที่ต้องสะกดกลั้นความต้องการของตัวเองเอาไว้ ป้อนรสหวานให้เธออิ่มหนำ แล้วสิ่งที่เขาได้กลับมาคืออะไรน่ะเหรอ...
ยายเด็กบ้านี่นอนหลับปุ๋ยไปแล้วน่ะสิ!
เขาค่อยๆ ขยับตัวลุกออกจากเตียง มองคนตัวเล็กที่บัดนี้เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มผืนบางปิดบังเรือนกายน่าหลงใหลเอาไว้ ต้นคอเรียวระหง หน้าอกใหญ่เต็มมือ เอวคอดเล็ก สะโพกผายเย้ายวน และเรียวขานวลเนียนที่เขาอยากจะยกขึ้นมาโอบรัดเอวสอบของเขาเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจทำได้
เธอคงจะเหนื่อย...วันนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นจนทำให้เธอกลายเป็นเจ้าสาวของเขาโดยไม่สมยอม ซึ่งเขาเองก็เหนื่อยไม่น้อยไปกว่ากัน ควรจะล้มตัวลงนอนพักผ่อนคลายความเหนื่อยล้า แต่วินาทีนี้เขารู้ดีว่าเขาไม่มีทางนอนหลับ ตราบใดที่ยังมีแม่แมวน้อยไร้เดียงสาทอดกายหลับใหลอยู่บนเตียงเช่นนี้
เขาควรจะบ่มเธอให้เป็นสาวสะพรั่งนานแค่ไหน หนึ่งปี ครึ่งปี สามเดือน หนึ่งเดือน สองสัปดาห์ หนึ่งสัปดาห์ หรือแค่หนึ่งวันก็น่าจะเพียงพอแล้ว
สองมือไพล่หลังอย่างครุ่นคิด สองเท้าเดินก้าวยาวๆ ไปรอบๆ ห้องด้วยท่าทางกระสับกระส่าย ก่อนชีคหนุ่มจะหาข้อสรุปให้ตัวเองว่า...
หนึ่งวัน!
หนึ่งวันก็มากเพียงพอแล้ว ก็ในเมื่อพรุ่งนี้เธอจะมีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ หากเทียบจากร่างกายนับว่าเธอโตเป็นสาวสะพรั่ง ไม่ว่าจะอก เอว สะโพก ไม่มีส่วนไหนที่ทำให้เธอดูเป็นเด็ก ดังนั้นเขาจะร่วมหลับนอนกับเธอท่าไหนอย่างไรก็ย่อมได้ ไม่เห็นที่เขาจะต้องรู้สึกผิดเลยสักนิด
“นี่ฉันกำลังจะเป็นบ้าเพราะผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้” ชีคฮัยฟาอ์สาวเท้ายาวๆ กลับมายืนจังก้าที่ปลายเตียง เขาจะนอนพักผ่อน ยายเด็กกะโปโลนี่ไม่มีอิทธิพลใดๆ กับเขาทั้งสิ้น ไม่มี
ชีคฮัยฟาอ์ล้มตัวลงนอนข้างหญิงสาว เขานอนนับแกะไปหนึ่งแสนตัว ให้ตายสิ! เขาเพิ่งรู้ตัวว่ามีพรสวรรค์ในการนอนนับแกะในใจก็วันนี้นี่เอง
“แจ๊บ แจ๊บ แจ๊บ”
คนนอนไม่หลับอยู่แล้วถึงกับเหลือบตามองคนข้างกายที่กำลังขยับปากไปมาราวกับกำลังเคี้ยวอะไรอยู่ แล้วความสงสัยก็ได้รับความกระจ่างเมื่อเจ้าสาวขี้เซาละเมอพูดออกมาว่า
“ป้าจ๋า ขนมอร่อยจังเลย หนูขอกินอีกชิ้นนะ น้า...สัญญาว่าจะกินอีกแค่ชิ้นเดียวจริงๆ ค่ะ” ไม่แค่ละเมอ หญิงสาวยังซุกหน้าลงบนต้นแขนแข็งแกร่งของเขา ก่อนจะเอาหน้าถูแขนไปมาราวกับลูกแมวกำลังออดอ้อนผู้เป็นเจ้าของเสียอย่างนั้น นาทีนี้ชีคหนุ่มอยากจะกระโจนขึ้นคร่อมทับร่างเธอเอาไว้ แล้วปลุกเธอด้วยรสจูบดุดันเสียเหลือเกิน
ถ้าเธอหิวขนมจนละเมอ เขาก็จะให้เธออิ่มด้วยรสรักที่เขามอบให้เสียเลย หึๆๆ!
“โอ๊ย!” ความคิดชวนหวามเตลิดจนเรียกได้ว่ากระเจิงเมื่อจู่ๆ หญิงสาวก็กัดลงบนต้นแขนของเขาเต็มแรง เขาลุกพรวดขึ้นนั่ง มองใบหน้าเหยเกทั้งที่ยังหลับตาพริ้มของภัครติราวกับกำลังมองตัวประหลาด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา!
“เค็มจัง ไม่อร่อยเลย” คนละเมอบ่นงึมงำ ก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้เขาแล้วหลับลึกเข้าสู่ห้วงนิทรา ทิ้งให้เจ้าบ่าวนั่งเอ๋อ เบลอ งุนงงจนเกือบรุ่งสาง
อุ่นจัง...ภัครติเบียดตัวเข้าหาไออุ่น ซุกกายกอดก่ายแนบชิดคนข้างตัว ให้แสงสีทองจากดวงอาทิตย์ลอดผ่านช่องหน้าต่างลงมาทาบทับใบหน้าและเนินไหล่นวลเนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา
คนตัวโตที่ถูกกอดนอนตาค้างมองเพดานนิ่งนาน ใช่...เขานอนลืมตาค้างอยู่เช่นนี้ตลอดทั้งคืน พอจะเผลองีบหลับเพราะความเหนื่อยอ่อน นางแมวน้อยก็เบียดชิดปลุกให้เขาตื่นด้วยไฟปรารถนา
เจ้าของแพขนตาหนางามงอนค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างเต็มตื่นเพราะนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ เธอนิ่วหน้าน้อยๆ เมื่อสิ่งที่เธอกำลังกอดก่ายไม่ใช่หมอนข้างใบโปรดเช่นทุกคืน แต่กลับเป็นร่างกายกำยำของใครบางคน
เธอแต่งงานแล้ว!
หัวสมองของหญิงสาวประมวลผลอย่างรวดเร็ว เธอแต่งงานกับชีคฮัยฟาอ์เพราะนึกสนุกลองสวมชุดเจ้าสาว จนตกกระไดพลอยโจนได้เป็นเจ้าสาวเสียเอง แล้วเมื่อคืน...เขาเชยชมเรือนร่างเธอจนถ้วนทั่ว เหลือก็แต่วิธีการทำลูกที่เขาไม่ได้ก้าวล่วงเข้าไปเติมเต็ม
แค่คิดถึงสัมผัสและความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้ ใบหน้าของหญิงสาวก็เห่อร้อน เธอมัวแต่อายจนลืมไปว่าเธอทั้งกอดทั้งก่ายสามีเอาไว้แนบแน่น กว่าจะรู้สึกตัวหมอนข้างมีชีวิตก็เริ่มขยับมากอบกุมสะโพกผายเอาไว้เต็มมือ
“อะ...อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านชีค”
“เธอหลับทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม ใบหน้าไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆ
“หนูขอโทษค่ะ แต่หนูเหนื่อยมากจริงๆ จนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว” หญิงสาวขยับตัวหมายจะลุกออกจากเตียง ทว่าเขากลับเป็นฝ่ายกอดรัดเธอเอาไว้ไม่ยอมให้ลุก
“ฉันทำให้เธอเหนื่อยงั้นเหรอ”
หญิงสาวก้มหน้างุดไม่ยอมตอบ จะบอกได้อย่างไรว่าเขาคือคนที่ทำให้เธอเหนื่อยกายที่ขยันอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรงเมื่อเขาเข้ามาใกล้ๆ เหนื่อยหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะวันละหลายๆ หน อีกทั้งหัวสมองยังปั่นป่วนยุ่งเหยิงเพราะใบหน้า น้ำเสียงทุ้มนุ่ม ดวงตาพราวระยับ และสัมผัสของเขาที่วิ่งวนอยู่ในห้วงแห่งความคิด หลอกหลอนน่ากลัวยิ่งกว่าผีเสียอีก ผีร้ายจอมลามก!
“เมื่อคืน...” ชีคฮัยฟาอ์เอ่ยขณะไล้ปลายนิ้วมือลงบนไหล่นวลเนียน แล้วหมุนวนช้าๆ “ฉันไม่เห็นว่าเธอจะได้ออกแรงทำอะไรเลย นอกจากส่งเสียงครางเหมือนลูกแมว”
“อะ...เอ่อ” ภัครติหน้าแดงก่ำ พูดไม่ออก ก้มหน้าไม่ยอมสบสายตาสามีด้วยความเขินอาย
“เช้านี้ฉันอยากได้ยินเสียงลูกแมวตัวนั้นอีก เธอจะส่งเสียงร้องให้ฉันฟังได้หรือเปล่า หืม?...” ไม่พูดเปล่า คนตัวโตฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนวล โลมไล้แผ่นหลังด้วยมือหนาสากแล้วพลิกร่างเธอให้นอนทับบนตัวเขา โดยที่ตัวเธอนั้นมีผ้าห่มพันรอบราวกับมัมมี่ แค่จะขยับตัวขัดขืนก็ยังทำไม่ได้ ดูสิว่าให้นอนอยู่ข้างบนแบบนี้จะก้มหน้าหลบสายตาเขายังไง
“แต่ว่าหนูอยากอาบน้ำนี่คะ”
“ได้สิ ฉันตามใจเธออยู่แล้ว”
“จริงหรือคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อคิดว่าตนคงรอดพ้นจากเงื้อมมือเขาแน่นอน แต่เมื่อชีคฮัยฟาอ์พูดประโยคถัดมา หญิงสาวก็ถึงกับยิ้มเก้อ คราวนี้ไม่ใช่แค่เฉพาะใบหน้าที่แดงก่ำ แต่ใบหูและลำคอก็แดงเถือกจนชีคหนุ่มอยากจะประทับภาพเหล่านี้ไว้ในความทรงจำตราบนานเท่านาน
“ว้าย!”
หญิงสาวหวีดร้องเมื่อเขาจับเธอพลิกลงจากเรือนร่างแข็งแกร่ง แล้วอุ้มเธอเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
‘เราจะอาบน้ำด้วยกัน’
นะ...นี่ท่านชีคคิดจะอาบน้ำกับเธอจริงๆ หรือนี่ ไม่นะ! แค่แก้ผ้าต่อหน้าเขาเมื่อคืนเธอก็อาย อาย อายจนทำตัวไม่ถูกแล้ว ถ้าต้องอาบน้ำด้วยกันนั่นก็หมายความว่าไม่ใช่มีเพียงเธอที่เปลือย แต่ว่าท่านชีคก็จะเปลือยด้วยเช่นกัน
ตายแล้ว! เธออยากเห็นท่านชีคเปลือย เอ๊ย! ไม่ใช่ เธออายที่จะเห็นท่านชีคเปลือยต่างหากล่ะ
ชายร่างสูงปล่อยภัครติลงก่อนจะตวัดผ้าห่มที่พันร่างของเธอออกอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวภัครติก็ยืนเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าเขา ขณะที่เขาค่อยๆ ถอดโต๊บออกอย่างช้าๆ ใบหน้าของหญิงสาวค่อยๆ แดงขึ้น แดงขึ้น จนแทบจะระเบิดเมื่อเขาก้มลงถอดบ็อกเซอร์ออกจากสะโพกสอบ เธอตัดสินใจหลับตาแล้วหันหน้าเข้าหาผนังห้องน้ำ
“อายเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะก้าวเข้าหาหญิงสาวจากทางด้านหลัง สอดแขนแข็งแกร่งโอบรัดเอวบางเอาไว้ รั้งร่างเธอเข้ามากอดเบาๆ
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวด้วยสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของบุรุษเพศ เวลานี้หัวใจเต้นระส่ำระสายราวกับจะกระโจนออกมานอกอก
คล้ายมีลมร้อนพุ่งออกหู ท้องไส้มวนปั่นป่วนคล้ายจะเป็นลม
“เอ่อ...ค่ะ อายมากจนเหมือนจะเป็นลมเลยค่ะ” เธอตอบออกไปตามประสาซื่อ รู้สึกอย่างไร คิดอย่างไรก็บอกไปตามนั้น ซึ่งกลายเป็นว่าความซื่อของเธอทำให้ราชสีห์แห่งทะเลทรายลำพองใจจนอยากจะกระชากเธอมาบดจูบเร่าร้อน แต่ช้าก่อน คิดการใหญ่ใจต้องนิ่ง เขาไม่ควรทำให้เธอตกใจ
ชีคฮัยฟาอ์ค่อยๆ หมุนตัวเธอกลับมา ทำให้ใบหน้าของเธอชิดติดแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม มีขนอ่อนๆ ขึ้นที่กลางอกรำไร
“มองตาฉันสิ”
สาวน้อยไร้เดียงสาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตาเขา ทว่าคราวนี้หัวใจของเธอเต้นรัวราวกับกลองชุด อาการหนักกว่าเดิมเสียอีก เธอจะหยุดความตื่นเต้นเหล่านี้ได้อย่างไร ในเมื่อเธอต้องทำหน้าที่ ‘ภรรยา’ แต่เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองร่างเปลือยเปล่าของชีคอสูรมาดขรึม ใครเลยจะรู้ว่าอสูรร้ายที่ใครๆ ต่างหวาดกลัวจะช่างแกล้ง ช่างยั่ว ช่างหลอกล่อจนกระต่ายน้อยตกลงไปในหลุมพราง ไม่อาจดิ้นรนจากเงื้อมมือเขาได้เลย
“ดีขึ้นมั้ย” เขาเอ่ยถามเสียงทุ้ม ทว่าหญิงสาวกลับส่ายหน้าแรงๆ
“เดี๋ยวก็ดีขึ้น” เขาจูงมือเธอเดินไปหยุดยืนอยู่ที่อ่างจากุซซีขนาดใหญ่ ในอ่างมีกลีบกุหลาบสีชมพูลอยเหนือผิวน้ำ ในขณะที่ภัครติยังคงยืนเก้ๆ กังๆ ชีคหนุ่มก็รวบเอวบางจนเธอตัวลอย รู้ตัวอีกทีเธอก็นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ในอ่างน้ำเย็นเฉียบเสียแล้ว
“อยากอาบน้ำไม่ใช่หรือ มา...ฉันจะช่วยอาบให้สะอาดเอง” เขาหยิบขวดครีมอาบน้ำแล้วเทลงบนฝ่ามือก่อนจะชโลมลงบนไหล่นวลเนียนของหญิงสาวแผ่วเบา
“ตะ...แต่ว่า...หนูอยากอาบเองค่ะ” เธอกลั้นใจบอกออกไป
คนตัวโตชะงักแล้วเลื่อนมือกลับทันที “ถ้าอย่างนั้นก็อาบสิ อาบเสร็จแล้วค่อยมาอาบให้ฉัน” เขาขยับตัวไปพิงอีกด้านของอ่างจากุซซี กางแขนทั้งสองข้างพาดที่ขอบอ่าง เหยียดขายาวด้วยท่วงท่าสบายอารมณ์
น้ำใสจนเห็นรูปร่างแข็งแกร่งของเขาอย่างชัดเจน นี่ถ้าไม่มีกลีบกุหลาบลอยไปมาเหนือน้ำปิดอะไรบางอย่างที่ควรปิดอย่างหมิ่นเหม่ ดูท่าเธอคงเป็นตากุ้งยิงแน่ๆ
“ได้ค่ะ” หญิงสาวคิดว่าแบบนี้น่าจะดีกว่า ยังไงเสียเธออาบน้ำเองก็คงดีกว่าให้เขาอาบให้ ส่วนที่เธอต้องอาบน้ำให้เขาก็แค่หลับหูหลับตาใช้ฟองน้ำถูๆ ขัดๆ ก็คงเสร็จ คิดดังนั้นเธอก็เอื้อมหยิบฟองน้ำมาแล้วเทครีมอาบน้ำลงไป แเริ่มถูจากข้อมือขึ้นมาที่แขน
การอาบน้ำที่เคยง่ายกลับยากเย็นเมื่อมีตาคมปลาบของเจ้าทะเลทรายจ้องมองไม่วางตา แม้จะเป็นเรือนร่างของตนเอง ทว่าเธอกลับเงอะงะ มือสั่นกำฟองน้ำไว้แน่น ‘ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! ให้ตายเถอะ! โอ๊ย อยากตายมันเสียเดี๋ยวนี้เลย’ เธอกัดริมฝีปากล่างก่อนจะกลั้นใจถูแรงๆ ไปจนทั่วตัว ทว่าเสียงทุ้มกลับขัดขึ้น
“ถูแรงแบบนั้นผิวสวยก็ช้ำหมดพอดี” ไวเท่าความคิด ชายร่างหนาที่นอนเอกเขนกอยู่อีกฝั่งก็ปราดเข้าประชิดตัวเธอ แล้วแย่งฟองน้ำมาถือไว้ “ต้องทำแบบนี้ ถูเบาๆ ค่อยๆ หมุนวนให้สะอาด” พูดพลางล้วงมือลงไปในน้ำแล้วยกขาของเธอขึ้นพาดบนไหล่ของเขา และลูบไล้ฟองน้ำไปตามเรียวขาเธออย่างช้าๆ
ภัครติอ้าปากค้างก่อนรีบหลุบเปลือกตาลงต่ำทันที ‘ป้าจ๋า ช่วยภัคด้วย ภัคแย่แล้วค่ะ แย่แล้ว...แย่แล้ว’ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจากมือหนาแล่นปราดเข้าสู่เรือนร่างของเธอ เธอชาวาบไปทั้งตัว ก่อนที่เลือดทุกหยาดหยดจะสูบฉีดแรงจนผิวขาวละเอียดแดงระเรื่อ
ผู้เป็นสามีจ้องมองผิวสวยยามอาบไล้ด้วยสายน้ำและฟองสีขาวอย่างหลงใหล เขาไม่เคยคิดเลยว่าการอาบน้ำจะทำให้มีความสุขได้ถึงเพียงนี้ ชีคฮัยฟาอ์ยื่นหน้าไปใกล้ๆ ปล่อยฟองน้ำให้ร่วงหลุดจากมือ ก่อนจะเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้น แล้วโน้มลงจุมพิตแผ่วเบาอ่อนหวาน
“อาบน้ำสิ” เสียงนุ่มแหบพร่าชวนฟังเขย่าหัวใจคนตัวเล็กจนแทบระเบิด
“อะ...เอ่อ...ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะหยิบฟองน้ำขึ้นมาลูบไล้ไปตามเรือนร่างของตนอย่างแผ่วเบาตามที่เขาสอน จนกระทั่งต้องถูบริเวณหน้าอกอวบอิ่มซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้สายน้ำมาโดยตลอด เธอจึงขยับกายขึ้นแล้วถูไปตามหน้าอกทั้งสองข้าง ถูช้าๆ หมุนวนไปมา
ชีคฮัยฟาอ์คำรามในลำคอ อีกนิด...อีกนิดเดียวเขาต้องทนไม่ไหวแน่ๆ
“เสร็จแล้วค่ะ” เมื่อถูร่างกายจนเสร็จเธอก็เงยหน้าขึ้นสบตาเขา แล้วก็พบว่าเขากำลังจ้องมองเธอทุกอิริยาบถชนิดไม่ยอมให้คลาดสายตา
“มาอาบให้ฉัน” พูดพลางเหยียดกายขึ้นนั่งขัดสมาธิ
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำพลางขยับเข้าไปใกล้ บรรจงจดฟองน้ำลงบนแผ่นหลังของเขาแล้วออกแรงขัดเบาๆ สายตาของเธอกะพริบช้าๆ ทอดมองผิวสีน้ำผึ้งหยาบกร้านเต็มไปด้วยมัดกล้ามของชายหนุ่ม ตามร่างกายของเขามีรอยแผลมากมาย น่าจะเป็นรอยแผลถูกยิงและรอยแผลที่เกิดจากแรงระเบิด
เธอใช้นิ้วมือสัมผัสที่รอยแผลนั้นก่อนจะพูดขึ้นว่า “รอยแผลนี่ทำให้ท่านชีคดูแข็งแกร่งมากเลยนะคะ”
“เธอคิดเช่นนั้นเหรอ” เขาเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ แล้วหันมาฉวยร่างบางไปนั่งบนตัก และนั่นทำให้เธอตกใจจนทำอะไรแทบไม่ถูกเมื่อกายเปลือยเปล่าสัมผัสกันและกันอย่างแนบชิด
“ฉันกลับมองว่ามันเป็นรอยแผลของความอ่อนแอ ความพ่ายแพ้ และการเหยียดหยันดูแคลน” น้ำเสียงของชีคหนุ่มขมขื่น ดวงตาของเขาหรี่แสงลงจนทำให้คนมองรับรู้ถึงความหม่นเศร้า
“แต่หนูไม่คิดแบบนั้นค่ะ หนูมองว่ามันเป็นรอยแผลแห่งชัยชนะ ความเข้มแข็ง และอดทน”
“ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น”
“แผลสาหัสพวกนี้คงเกือบจะพรากชีวิตท่านชีคไปใช่มั้ยคะ แต่ท่านชีคก็เอาชนะมันมาได้ด้วยการมีชีวิตอยู่ ยืนหยัดทำความดีพัฒนาหมู่บ้านเจมินจนเจริญ รอยแผลนี้แสดงถึงความเข้มแข็งและประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะดีหรือร้าย แต่มันจะจารว่าครั้งหนึ่งท่านชีคคือผู้รอดชีวิต คือผู้ที่สู้จนมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่เห็นมีตรงไหนที่น่าอายเลยนี่คะ” ภัครติจ้องมองเขาไปในดวงตาข้างที่มีรอยแผลอัปลักษณ์ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วบรรจงจูบรอยแผลนั้นเนิ่นนาน
“ชีวิตของเราจะก้มหน้ามองผืนทราย หรือแหงนเงยมองท้องฟ้าก็อยู่ที่เราเป็นผู้กำหนด แค่เพียงเรามองหาข้อดีของมัน ทิ้งข้อเสียที่บั่นทอนหัวใจไปเสีย เราก็จะมีความสุขมากขึ้น”
เขาเคยคิดว่าเขาเพียงแค่หลงใหลในตัวผู้หญิงคนนี้ ท่าทางไร้เดียงสา ใบหน้าสวยหวาน และหุ่นทรมานใจชาย เขาเคยคิดว่าเขาหลงใหลแค่เพียงเปลือกนอกที่ห่อหุ้มเธอเอาไว้ แต่ ณ เวลานี้เขาได้รู้แล้วว่าเขาไม่ได้แค่เพียงหลงใหลเธอ แต่เขารักในหัวใจของเธอ คำพูด ทัศนคติชวนฟัง และการมองโลกในแง่ดีที่ช่วยเปิดหน้าต่างในห้องหัวใจมืดทึบของเขาให้สว่างไสวอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
“เธอพูดได้น่าฟัง ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้จะมาจากเด็กอย่างเธอ”
“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ วันนี้หนูอายุครบยี่สิบปีแล้ว”
“จริงสิ เธอไม่ใช่เด็กแล้ว” พูดพลางเลื่อนมือขึ้นมากอบกุมหน้าอกทรงโตเอาไว้เต็มมือ ก่อนจะเริ่มฟอนเฟ้นหนักเบาจนคนตัวเล็กเริ่มส่งเสียงครางแผ่วเบา
ชีคหนุ่มไม่รอช้า บรรจงอุ้มร่างบางอ่อนระทวยขึ้นจากอ่างจากุซซี ก่อนจะวางลงบนเตียงทั้งที่เรือนร่างงดงามยังมีหยดน้ำเกาะพราวทั่วทั้งตัว ยิ่งพิศมองยิ่งหลงใหล เธอดูใสซื่อบริสุทธิ์ ทว่ากลับเขย่าความปรารถนาในใจเขาให้ลุกฮือได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เขาโน้มตัวลงจูบซับหยดน้ำที่แก้มแผ่วเบา ก่อนจะกระซิบข้างหูหญิงสาวว่า “สุขสันต์วันเกิดอายุครบยี่สิบปี ยินดีกับก้าวแรกในการเป็นผู้ใหญ่ ฉันจะมอบของขวัญสุดพิเศษให้เธอ...” พูดจบก็ขึ้นคร่อมร่างเธอเอาไว้ ดวงตากรุ้มกริ่มมองหญิงสาวราวกับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว
ภัครติกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ทว่าท่าทางเช่นนั้นกลับเซ็กซี่เสียจนฮัยฟาอ์แทบคลั่ง นี่เขาหลงเด็กผู้หญิงคนนี้มากไปหรือเปล่า กับอีแค่ท่ากลืนน้ำลายยังทำให้หัวใจเขาแกว่งกระตุกอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
“ของขวัญอะไรหรือคะ”
“บทรักจากฉันไงล่ะสาวน้อย ฉันจะมอบความสุขที่เธอไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน” ริมฝีปากร้อนไล่เรื่อยมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี จูบหวามกระหวัดเร้าจนเธอแทบสำลัก ริมฝีปากเห่อบวมจากแรงบดจูบเนิ่นนาน ก่อนที่เขาจะไล้ริมฝีปากลงไปฝากรอยรักสีแดงระเรื่อที่เนินอก
มือหนาสากสำรวจไปทั่วเนื้อหนังนวลเนียนทุกตารางนิ้ว ปลายลิ้นดื่มกินทุกซอกมุมราวกับเธอคือขนมหวานราดน้ำผึ้งเลิศรส ก่อนที่เขาจะเติมเต็มให้เธอ ทว่า...
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องหอทำให้ชีคฮัยฟาอ์ถึงกับสติขาดผึง เขาแทบจะเดินออกไปกระชากประตูเปิดออกแล้วต่อยด้วยหมัดหนักๆ ไปที่จอมขัดจังหวะนัก ไม่มีใครกล้าเคาะห้องนอนของเขาหรอก เว้นเสียแต่พ่อบ้านจอมป่วน
“มีอะไร!”
“ท่านทูตเอ็ดเวิร์ดมาขอพบครับ”
ชีคฮัยฟาอ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อผู้ที่มาขัดจังหวะเป็นบอดีการ์ดอาเหม็ด ‘มารขัดขวางความสุข นี่มันแอบตั้งกล้องไว้ในห้องหอหรือเปล่า ถึงได้ขัดจังหวะได้พอดิบพอดีถึงเพียงนี้’
“เดี๋ยวฉันออกไป” เขาตอบกลับไปด้วยเสียงห้วน ฉายชัดว่าหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้สาวน้อยบนเตียง ก้มลงจูบหน้าผากแผ่วเบาก่อนจะกระซิบแผ่วที่ข้างหู
“รอฉันบนเตียง...ห้ามไปไหนเด็ดขาด เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา”
ภัครติใจหายใจคว่ำ อีกนิดเดียวเธอก็จะตกเป็นของชีคฮัยฟาอ์โดยสมบูรณ์ ความหวาดกลัว ความตื่นเต้น และความสับสนยังกรุ่นกำจายรายล้อมรอบตัวเธอ หญิงสาวค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่งบนเตียง ก้มมองรอยคิสมาร์กที่เนินอกแล้วใบหน้าก็แดงระเรื่อขึ้นอีกระลอก
ว่าแต่...เธอต้องรอเขาบนเตียงแบบนี้จริงๆ เหรอ
ภัครตินั้นแสนซื่อ เธอนั่งรอสามีบนเตียงโดยไม่ยอมลุกไปไหน แต่จนแล้วจนรอดชีคฮัยฟาอ์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้ามาเสียที เธอปวดท้อง อยากเข้าห้องน้ำ พยายามอั้นจนถึงที่สุดแล้ว แต่ดูท่าว่าหากเธอไม่ตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง อาจเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นก็เป็นได้
“แค่ลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ออกจากห้องไปไหนสักหน่อย คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” จังหวะที่หญิงสาวลุกขึ้นยืน ผ้าห่มผืนหนาที่พันรอบตัวเธอก็ร่วงหล่นไปกองที่ปลายเท้า เผยให้เห็นผิวขาวละเอียดอมชมพูที่บัดนี้มีรอยแดงเล็กๆ จากการพรมจูบไปทั่วตัว
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความอาย ก่อนจะรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ
ชีคฮัยฟาอ์พยายามปิดฉากการสนทนาให้เร็วที่สุด แต่ไม่ง่ายเลยเพราะท่านทูตเอ็ดเวิร์ดเป็นคนช่างเจรจา ในหัวสมองของชีคหนุ่มแทบไม่รับรู้เลยด้วยซ้ำว่าท่านทูตมาหาเขาในวันนี้ด้วยเรื่องอะไร เขาเห็นเพียงปากของท่านทูตเอ็ตเวิร์ดขยับไปมา เพราะใจของเขาจดจ่ออยู่ที่ห้องหอ คิดถึงใบหน้าหวานๆ เนื้อตัวนุ่มนิ่มน่าสัมผัส เรียกได้ว่าทุกลมหายใจเข้าออกของเขามีแต่เธอ...ภัครติ
ความคิดเห็น |
---|