16

บทที่ 16


 

16

บ้านที่เคยเต็มไปด้วยความเศร้าโศกจากเรื่องราวเลวร้ายในอดีต กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อลลนากับลูกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง เลศยาปรับตัวเข้ากับห้องใหม่สีหวานได้ไว แต่ลลนายังใช้ข้ออ้างเดิมว่าลูกสาวไม่ชินกับการแยกห้อง สามคืนแล้วที่ชเยศถูกทิ้งให้นอนเหงาเพียงลำพัง และคืนนี้ก็คงเป็นเช่นนั้น

“ผมว่างานนี้น่าจะแม่ติดลูกมากกว่านะครับ” กลิ่นแป้งเด็กหอมฟุ้งเตะจมูกเมื่อลลนาในชุดนอนผ้าพลิ้วเยื้องย่างผ่านหน้าไป

“รันกลัวแกสะดุ้งตื่นกลางดึกแล้วร้องไห้เพราะไม่เห็นใครน่ะค่ะ”

ชเยศเคยขอให้ลลนาเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อแบบที่หล่อนใช้กับคนในครอบครัว หล่อนยอมตามใจเขา แต่เรื่องกล่อมให้ร่วมเตียงยังไม่ยอมใจอ่อนเสียที ลลนาเดินออกจากห้องไปแล้ว ไม่สนตาละห้อยของชเยศที่นั่งกอดอกอยู่บนเตียง แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดพราย เชื่อเหลือเกินว่าเลศยาจะช่วยให้เขาสมหวังได้ในอีกไม่นาน

 

“พรุ่งนี้แม่รันไม่ต้องนอนเป็นเพื่อนน้องไลท์แล้วนะคะ”

“ทำไมล่ะจ๊ะ” ลลนามองลูกสาวในอ้อมแขน เด็กหญิงง่วงเต็มแก่ แต่ยังฝืนปรือตาขึ้นมอง 

“น้องไลท์นอนคนเดียวได้แล้วค่ะ”

เคยนอนด้วยกันมาแต่อ้อนแต่ออก ลลนาใจหายเพราะความไม่เคยชิน หรือจะเป็นหล่อนเสียเองที่ติดลูกสาวอย่างที่ชเยศค่อนขอด หล่อนลูบศีรษะลูกรัก มองตาไร้เดียงสาคู่นั้น ลูกสาวเติบโตขึ้นทุกวัน และต้องห่างอกแม่รันไปทุกที พักหลังมานี้เลศยาพูดถึงเรื่องไปโรงเรียนบ่อยๆ หล่อนเองก็เห็นว่าสมควรแก่เวลาที่จะสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตใหม่ให้แก่ลูกบ้าง

“ถ้านอนคนเดียวได้แล้ว ก็เก่งพอจะไปโรงเรียนได้แล้วสิ”

“น้องไลท์จะได้ไปโรงเรียนเหรอคะ”

“ใช่จ้ะ”

เสียงดีใจดังลั่นห้องพร้อมร่างป้อมโถมกอดแม่รันไว้แน่น ซ้ำยังหอมแก้มซ้ายขวา บอกรักได้หวานเสียจนลลนาอดคิดไม่ได้ว่ามีใครบางคนเสี้ยมสอน

“น้องไลท์รักแม่รัน ลุงภันก็รักแม่รันมากๆ ค่ะ”

“นอนได้แล้วจ้ะ ดึกแล้ว”

ลลนารีบตัดบทแล้วเอื้อมมือไปปิดโคมไฟบนหัวเตียง ลูกสาวจึงต้องเงียบเสียงแล้วขยับตัวนอนท่าสบาย ปล่อยให้แม่รันห่มผ้านวมแสนอุ่นแล้วโอบแขนกอดร่างน้อยเอาไว้เบาๆ

 

ชเยศขมวดคิ้วฟังปลายสายเล่าถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อสามวันก่อน คนขับรถตู้ของบริษัทที่ทรงพลตั้งใจส่งไปรับเขาได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเส้นทางเมื่อลูกชายเจ้าของบริษัทไม่รับข้อเสนอ คนขับจึงมุ่งหน้าสู่จังหวัดจันทบุรีเพื่อรับพนักงานที่เดินทางไปร่วมงานสัมมนา 

บนถนนสายมอเตอร์เวย์จากชลบุรีเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร รถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ และสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้สร้างความตกใจให้แก่ปองภพกับทรงพลเป็นอย่างมาก ผู้โดยสารและคนขับรวมหกคนให้การตรงกันว่าถูกรถกระบะยกสูงสีดำติดฟิล์มทึบทั้งคันขับจี้แล้วเร่งแซงขึ้นตัดหน้ากะทันหัน ก่อนคนในรถจะกระหน่ำยิงลูกกระสุนหลายนัดเข้าใส่ตัวรถที่พลิกคว่ำตกข้างทาง พนักงานคนหนึ่งถูกกระสุนเจาะเข้าหัวไหล่ อีกคนถูกเจาะเข้าหน้าอกอาการสาหัส ส่วนผู้ร่วมชะตากรรมคนอื่น ได้รับบาดเจ็บพอสมควร

“มันอาจไม่เกี่ยวกับผมก็ได้นะครับ”

ชเยศยังมองไม่เห็นความผิดปกติของเหตุการณ์ดังกล่าว แต่เมื่อทรงพลดำเนินเรื่องให้ซับซ้อนไปยิ่งกว่านั้น เขาก็เริ่มคิดตามและเห็นเค้าลางที่แสนยุ่งยากใจในอนาคต

“ทำไมถึงคิดว่าคุณปรมะจะรู้เรื่องการกลับมาของผมล่ะครับ”

“เพราะหลังจากที่คุณชเยศติดต่อมาไม่กี่วัน คุณปรมะก็เข้าพบคุณปองภพเรื่องปรับตำแหน่ง พอไม่ได้ดั่งใจก็ประชดประชันราวกับรู้ว่าคุณปองภพมีลูกอีกคน และเรื่องขอใช้รถตู้บริษัท นายณรงค์เองก็รู้เรื่องนี้ครับ เห็นว่าให้คนไปซักละเอียดเชียวว่าผมส่งรถไปที่ไหน ไปทำอะไร”

“ถ้าเขาปองร้ายผมจริง ก็น่าเห็นใจคนบนรถที่ต้องมารับเคราะห์แทนผม”

“แต่เรื่องนี้คุณปรมะยังไม่รู้หรอกครับ เขาเข้าใจว่าคนในรถคือคุณชเยศ และอาการสาหัสอยู่ที่โรงพยาบาล ผมกับคุณปองภพตั้งใจให้เขาเข้าใจไปแบบนั้น”

ทรงพลอธิบายต่อว่าแผนการที่วางไว้กับปองภพมีอะไรบ้าง และนั่นยิ่งทำให้ชเยศหนักใจ ปรมะคิดร้ายต่อเขาถึงขั้นหมายเอาชีวิต การกลับมาของเขาครั้งนี้มากด้วยอันตรายที่มองไม่เห็น แต่เมื่อตัดสินใจก้าวเดินหน้ามาแล้ว มีหรือที่จะก้าวถอยหลังได้

“ผมคงต้องระวังตัวให้มาก เพราะศัตรูคงไม่ได้มีแค่คุณปรมะคนเดียว”

ชเยศหมายรวมไปถึงอรณี แม่เคยเล่าให้ฟังถึงความร้ายกาจของผู้หญิงจิตใจอำมหิตคนนั้น ยอมรับว่ายังแค้นคนที่เคยทำร้ายแม่ทั้งร่างกายและจิตใจ อรณีไม่เห็นค่าชีวิตของใคร คงเห็นเป็นผักหญ้าที่จะเหยียบย่ำทำลายได้ทุกเมื่อ เชื้อไม่ทิ้งแถว ปรมะคือลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นอรณีโดยแท้

“ผมและคนของผมจะดูแลคุณเองครับ”

“ขอบคุณมากครับ”

ก่อนวางสายทรงพลบอกให้ชเยศเตรียมตัว อีกสามวันนับจากนี้ปองภพจะจัดแถลงกับคณะผู้บริหารและพนักงานเรื่องประธานกรรมการบริษัทคนใหม่ ชเยศกังวลกับปัญหาใหญ่ที่ต้องเผชิญ ถ้าสิ่งที่กำลังคิดและกำลังทำคือความปรารถนาสุดท้ายของแม่ เขาเชื่อว่าแม่ต้องคุ้มครองให้ลูกคนนี้แคล้วคลาด เหมือนกับที่เขาปฏิเสธรถตู้ของทรงพล จึงปลอดภัยจากอุบัติเหตุมาได้อย่างหวุดหวิด

 

สองแม่ลูกช่วยกันทำความสะอาดรถเก๋งคันเก่าที่ช่างเพิ่งลากไปตรวจเช็กสภาพที่อู่ใกล้บ้าน มันยังใช้งานได้ดีเมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่และถ่ายน้ำมันเครื่อง ร่วมสิบปีแล้วสำหรับรถสีน้ำเงินที่ไม่เหมือนใคร เงินชเยศมีมากพอจะถอยรถป้ายแดงหรูหรา แต่เขากลับเลือกรถมือสองสภาพดีเอาไว้ใช้งาน

รอยยิ้ม เสียงหัวเราะของลลนากับลูกสาวทำให้ชเยศลืมสีหน้าหยามเหยียดของไรยาในวันที่หล่อนเห็นรถคันเก่านี้ไปได้สนิทใจ หล่อนรังเกียจ ไม่เคยนั่งรถที่หล่อนชอบเรียกมันว่า ‘ซังกะบ๊วย’ สักครั้ง

“สนุกกันใหญ่เลยนะครับ”

เสียงของชเยศดึงตาสวยสองคู่ให้สนใจเขา เช่นเดียวกับสายน้ำที่พวยพุ่งออกจากสายยางในมือลลนาซึ่งทำให้เขาเปียกปอน หล่อนทำตาโตแล้วผสานเสียงหัวเราะใสกับลูกสาวของหล่อน

“แกล้งผมเหรอ”

เขาเปิดสงครามฉีดน้ำจากสายยางอีกเส้นใส่สองแม่ลูกจนเปียกไปทั้งตัว ลลนากับเลศยาวิ่งหลบกันพัลวัน แต่คุณแม่คนสวยไม่อาจหนีพ้นเมื่อชเยศทิ้งสายยางแล้วรวบกอดเอวหล่อนเอาไว้ได้

“แบบนี้ต้องโดนทำโทษ”

จบคำก็หอมแก้มนุ่มของลลนาโชว์หนูน้อยที่ยิ้มแป้นแล้วตบมือเชียร์ คนถูกเอาเปรียบเว้าวอนเสียงหวานให้ชเยศยอมปล่อย แต่เขาเชื่อคำยุของเลศยาว่าควรจะหอมลลนาเสียให้แก้มช้ำ

“แม่รันหอมลุงภันบ้างสิคะ”

ชเยศนึกถึงฉากแต่งงานของสองเราที่มีเสียงเชียร์อยู่หน้าเวที บ่าวสาวควรผลัดกันหอมแก้มหรือทำให้มากกว่านั้น ดูเหมือนลลนาไม่อยากตามใจลูกสาว หล่อนเร่งเร้าให้เขารีบปล่อย คงไม่รู้สักนิดว่ายิ่งดิ้น เนื้อแนบเสื้อผ้าเปียกที่เสียดสีกันอยู่ก็ยิ่งปลุกความปรารถนาเร้นลึกของเขาจนร้อนรุ่ม เขาอยากกอดให้แน่น แต่สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยตัวลลนาเพราะกลัวจะขายหน้า เนื่องจากร่างกายเขาฟ้องชัดว่าต้องการเหลือเกิน

‘ต่อให้ก่อน’

ชเยศคาดโทษในใจหลายกระทงเมื่อสองแม่ลูกร่วมมือกันฉวยสายยางคนละเส้นแล้วระดมฉีดน้ำใส่เขาอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะลลนาที่ต้องทบดอกเบี้ยเข้าไปอีกทวีคูณ เขายอมเป็นเจ้าหนี้ที่เห็นแก่ตัว และถ้าวันใดหล่อนตายใจยอมนอนร่วมเตียง วันนั้น...จะเป็นวันเอาคืน

 

ส่งลูกสาวเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ลลนาก็ยังมุ่งมั่นกับการค้นข้อมูลโรงเรียนขึ้นชื่อหลายแห่งในละแวกใกล้บ้าน หัวอกแม่ย่อมคัดสรรสิ่งที่เหมาะสมและดีเพื่อลูกตนเสมอ นับพันความคิดเห็นจากผู้ปกครองที่แบ่งปันกันในโลกออนไลน์ช่วยให้ลลนาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และคู่ชีวิตของหล่อนก็ควรได้ร่วมตัดสินใจอีกคน

“ผมว่าโรงเรียนนี้ก็ดีนะ ดูปลอดภัย ใกล้บ้าน แล้วก็ขึ้นชื่อเรื่องการสอนมานาน ผมยังเคยคิดเลยว่าถ้ามีลูก ผมจะให้เรียนที่นี่”

ชเยศออกความเห็นเมื่อได้อ่านนโยบายในเว็บไซต์ของโรงเรียน อีกทั้งยังเล่าย้อนไปถึงอดีตนับแต่วันที่เขาตัดสินใจซื้อบ้านหลังนี้ วันที่เข้ามาอยู่ จวบจนวันที่ตัดสินใจลาจาก

“ขอโทษที่ผมต้องพูดถึงอดีตบ่อยๆ นะคุณรัน แต่ผมไม่อยากปิดบังคุณ อยากบอกคุณทุกๆ เรื่อง”

“รันเข้าใจค่ะ” ลลนายิ้มให้ตาเศร้าของคนตรงหน้า ไม่น้อยใจสักนิดเมื่อรู้ว่าเขาซื้อบ้านหลังนี้เพื่ออดีตภรรยากับลูก ชเยศไม่เคยสนอดีตของหล่อน แล้วไยหล่อนต้องสนอดีตที่เขาเองก็อยากจะลืม

“คุณรัน”

ชเยศปล่อยมือจากเมาส์หน้าโน้ตบุ๊กแล้วจับมือของลลนาแทน ตาคมของเขาอบอุ่นเสมอยามทอดมองมา เขาจุมพิตหลังมือเนียนแผ่วเบาแล้วเว้าวอนในเรื่องเดิมๆ อีกครั้ง

“พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนกันเถอะนะครับ ผมอยากเป็นสามีคุณตามกฎหมาย อยากมีสิทธิ์ดูแลน้องไลท์ในฐานะพ่ออีกคน ผมอยากให้อนาคตของผมมีแค่คุณกับลูก ผมเต็มใจถูกผูกมัด ได้ไหมครับคุณรัน”

ลลนาพูดไม่ออก สัมผัสได้ถึงความรักความจริงใจที่ชเยศมีให้มาโดยตลอด เขาพูดกับหล่อนหลายครั้งเรื่องรับรองบุตร เพราะรักเลศยาเหมือนลูกสาว และอยากให้ลูกหล่อนเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ ได้เต็มปาก

“ถ้าวันหนึ่งเราอยู่ด้วยกันไม่ได้”

“อย่าคิดถึงอนาคตที่มองไม่เห็นสิครับ ถ้าวันนี้เรารักและเข้าใจกัน ทำไมวันพรุ่งนี้เราจะไม่รักกัน”

ชเยศไม่ยอมให้หล่อนได้พูดมากกว่านั้น เหตุผลของเขาน่าฟังและชวนให้คิดตาม เขาเชื่อมั่นในความรักที่เกิดขึ้นแล้ว ไยลลนาไม่ยอมจับมือเขาไว้แน่นๆ อาจเพราะประสบการณ์เลวร้ายที่ผ่านมาในชีวิตสั่งให้หล่อนขยาด หล่อนกลัวความผิดหวังเพราะรักชเยศเหลือเกิน กลัวว่าใจจะไม่เข้มแข็งถ้าวันหนึ่งมือของสองเราหลุดออกจากกัน

“ตกลงค่ะ ถ้าคุณเชื่อมั่นในตัวรัน”

ชเยศยิ้มตาพราวแล้วกอดหล่อนแน่น ความดีใจของเขาออกจะเอาเปรียบลลนาไปเสียหน่อย เพราะนอกจากกอดกันแล้ว เขายังรังแกแก้มนุ่มของหล่อนซ้ำๆ เพราะอดใจไม่ไหว ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ จ้องหน้าให้หล่อนเอียงอายจนต้องหลบตา

“เป็นสามีโดยพฤตินัยก่อนได้รึเปล่าครับ”

หัวใจลลนาเต้นแรง เข้าใจความหมายของประโยคนั้นดี แม้จะห่างมือชายมานมนาน แต่สัญญาณทางกายที่เขาเพียรส่งถึงหลายคราวบ่งบอกความต้องการของเขาได้ชัดเจน

“รันไปนอนกับลูกอีกคืนดีกว่าค่ะ”

ลลนาต้องการเขา แต่อีกใจก็กลัวว่าร่างกายของหล่อนจะทำให้ชเยศผิดหวัง ดอกไม้กลีบช้ำผ่านการใช้งาน คงมิหอมหวลชวนให้หลงใหลเท่าดอกไม้งามที่เพิ่งผลิกลีบแย้มบาน

“ผมบอกให้น้องไลท์ล็อกห้อง ยังไงคืนนี้คุณก็หนีผมไม่พ้น”

เขายืนขวางประตูไว้ ตาคมที่จ้องมองลลนาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ปิดไม่มิด หล่อนใจเต้นแรง ขยับไปทางขวา เขาก็ขยับตาม ขยับไปทางซ้าย เขาก็ย้ายเข้ามาประชิดตัว

“คนเจ้าเล่ห์”

ลลนาหนีไม่พ้นแล้วเพราะถูกราชสีห์หิวกระหายต้อนไปจนมุมที่ผนังห้องข้างประตู ชเยศหัวเราะเมื่อเห็นแววตาตระหนกของลูกกวางน้อยที่พยายามหลุบหลบ ใครกันว่าหล่อนกร้านโลก ลลนาของเขาเวลานี้ราวสาวน้อยไร้เดียงสาที่น่าทะนุถนอมเหลือเกิน

“บอกแล้ว คุณหนีผมไม่พ้นหรอก”

“รีบนอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้คุณต้องไปทำงานแต่เช้า”

“พรุ่งนี้ผมหยุด”

ชเยศรีบแย้ง ปิดข้ออ้างของลลนาได้ทุกประตู มือหนาของเขาดันผนัง กักขังลลนาเอาไว้ตรงกลาง หล่อนไม่ยอมสบตากับเขาเลย แม้ยามที่เขาเชยคางหล่อนขึ้น หล่อนก็ยังเสมองไปทางอื่น

“กลัวผมหรือครับ”

“ทำไมรันต้องกลัวด้วยล่ะคะ” หล่อนไม่ได้กลัว แต่ทำไมเสียงสั่นแปลกๆ

“ก็คุณไม่ยอมสบตาผม”

“รันแค่ไม่ชินน่ะค่ะ”

ชเยศพยักหน้า ขยับชิดให้ลลนาคุ้นชินกับเขาอีกนิด หล่อนทำตาโตแล้วดันอกแกร่ง แต่เขาไม่ยอมถอยห่าง คงแปลกใจเมื่อถูกบางสิ่งบางอย่างกล่าวทักทายซุกซน มันพร้อมนานแล้ว ถ้าลลนาได้ทำความรู้จักกับมันสักครั้ง เขารับรองว่าหล่อนต้องชอบมันแน่นอน

“ไม่สงสารผมเหรอ”

ลลนาคิดว่าหล่อนสงสารตัวเอง ชเยศรุกหนักเหลือเกิน เขาตรึงข้อมือทั้งสองของหล่อนไว้ชิดผนัง กดปลายจมูกและลมหายใจร้อนรดซอกคอขาว ขบเม้มต้นคอหล่อนด้วยริมฝีปากผ่าวร้อน ยิ่งหล่อนขยับหนีเขายิ่งได้ใจ พรมจูบไปทั่วเนินอกอวบชิดภายใต้ชุดนอนตัวบางที่ปิดอะไรต่อมิอะไรไม่มิดนัก

“ใจแข็งจัง”

หล่อนรู้ว่าเขาแกล้งหยอก เพราะใจหล่อนอ่อนยวบไปตั้งนานแล้ว ที่ยังยืนนิ่งเม้มริมฝีปากตัวเองอยู่อย่างนี้ เพราะกลัวจะเผลอหลุดเสียงครวญครางที่ไม่งามนัก

“ผมจะลงโทษคุณ โทษฐานที่คุณปล่อยให้ผมนอนหนาวคนเดียวมาตั้งหลายคืน”

จบคำคาดโทษ ชเยศก็รุกต่ออย่างหนักหน่วง เขากอดรัดและจูบหล่อนอย่างเร่าร้อน รังแกจนลลนาสิ้นฤทธิ์ ถูกเขาอุ้มกลับมาที่เตียงเมื่อใดก็สุดจะรู้ได้

โน้ตบุ๊กยังเปิดค้างเอาไว้ ไฟในห้องสลัวลงจากรีโมตสั่งการ พร้อมกับเสียงบรรเลงเพลงโรแมนติกคลอเบาๆ สัมผัสของชเยศทำให้ลลนาระทวย หล่อนตื่นเต้นเมื่อว่าที่สามีกระหายหิว เขาแทรกกายกำยำกลางหว่างขาเรียวงามที่แยกออกจากกัน แทะโลมเรือนร่างของหล่อนด้วยแววตาชายเซ็กซี่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก่อนปลงใจรักเขา ยามอยู่กับหล่อนเขาเคยสุภาพ และให้เกียรติ ไม่คิดเลยว่ายามอยู่บนเตียงเขาจะเร่าร้อนได้ถึงเพียงนี้

“ชเยศคะ คุณจะไม่...”

ลลนาพูดไม่จบเพราะชเยศปิดปากหล่อนเสียแล้ว รสจูบของเขาไม่รุนแรงอย่างที่คิด มันหวานละมุน นุ่มอุ่น และซ่านสยิว ราวว่าร่างกายของหล่อนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งพล่าน กายสาวสะท้านทุกครั้งที่มือร้อนของชเยศสัมผัสถ้วนทั่ว ยามที่เขาลูบไล้ขาเรียวยาว ชุดนอนกระโปรงตัวสั้นของหล่อนก็ร่นสูงขึ้น ปลายนิ้วของเขาร้ายกาจพอๆ กับปลายลิ้นชื้น เขารังแกสองเต้างามผ่านชุดนอนผ้าบาง ขบเม้มเบาๆ ก่อนจะหนักหน่วงเพื่อกลั่นแกล้งลลนา เขาคงสนุกเมื่อได้ล้อเล่นกับความปรารถนาของว่าที่ภรรยาซึ่งปิดไม่มิดนัก

“คุณรันจะพูดอะไรนะครับ” เขาเงยหน้าขึ้นมองหล่อนตาเยิ้ม อารมณ์หล่อนชะงักไปบ้างและเขินจัดเมื่อเขายังจ้อง เขากำลังรอคำตอบ แต่รอยยิ้มก็แสนซุกซนเจ้าเล่ห์

“คุณจะไม่เสียใจแน่นะคะที่เลือกผู้หญิงมีตำหนิอย่างรัน”

ลลนาเสียงสั่นพร่าเพราะอารมณ์รัญจวน หล่อนขอความมั่นใจจากชเยศอีกครั้ง เพราะเป็นสิ่งที่หล่อนกังวลอยู่อย่างเร้นลึก ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชาย และลลนาคิดเสมอว่าสักวันชเยศอาจพบคนที่ดีกว่าหล่อน และเมื่อนั้นเขาอาจจะเสียใจ

“ไม่ครับ” ชเยศหยุดมือซุกซน เขาเกลี่ยแก้มหล่อน ปัดปอยผมที่ยุ่งลงปิดหน้าผาก

“เพราะผมเองก็มีตำหนิ ผมไม่เคยเสียใจเลยที่รักคุณรัน”

ตาคมของเขาอบอุ่นนัก เขามองหล่อนอยู่อย่างนั้น ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเนียนแผ่วเบา ลงมาที่ปลายจมูก และหยุดชิดริมฝีปาก เขาไม่ได้จูบ แค่ให้ลลนาได้มองลึกลงไปในตาคมของเขา

“เรื่องเดียวที่ผมเสียใจ คือคืนที่ผมปกป้องคุณรันไม่ได้”

ลลนาขมวดคิ้ว คิดตามว่าคืนนั้นของชเยศคือเรื่องใด หล่อนฟังเขาพูดต่ออีกสองสามประโยคจนมั่นใจว่าเข้าใจถูกต้อง ชเยศพ้อถึงเรื่องราวในคืนเกือบอัปยศ เขาคงเข้าใจว่าหล่อนถูกบดินทร์ฉัตรรังแก 

“คืนนั้นรันหนีออกมาได้ก่อนค่ะ เราไม่ได้มีอะไรกัน”

นัยน์ตาของชเยศวาวแสงลิงโลด เขายิ้มได้กว้างขึ้น ฟังลลนาเล่าถึงวีรกรรมเด็ดเดี่ยวซึ่งจัดการบดินทร์ฉัตรได้อยู่หมัด แล้วหัวเราะน้อยๆ เมื่อได้ยินคำขอโทษของลลนา

“ขอโทษที่ปล่อยให้คุณเข้าใจผิด รันแค่ไม่อยากจะนึกถึงมันอีกน่ะค่ะ”

“ผมเป็นห่วงแทบแย่ ดีใจจังครับที่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด”

“แล้วถ้ามันเป็นอย่างที่คุณคิด คุณจะรังเกียจรันเหรอคะ”

ชเยศไม่ตอบคำถาม แต่เขายิ้มตาเป็นประกายแล้วจูบหล่อนอีกครั้งอย่างเนิ่นนาน ขับกล่อมบทเพลงรักหวานให้ลลนาเพลิดเพลิน ชุดนอนผ้าซาตินมิได้ถูกกระชากออกไปเสียทีเดียว ชเยศค่อยๆ ปลดมันทิ้งอย่างใจเย็น พร้อมทั้งแผดเผาเรือนร่างของหล่อนด้วยลมหายใจและริมฝีปากร้อน 

ยามที่เรือนร่างแข็งแรงของเขาเปลือยเปล่า ยอมรับหมดใจว่ากล้ามเนื้อแน่น ซิกซ์แพ็กลอนสวย สั่นหัวใจลลนาได้แรงเหลือเกิน หล่อนภูมิใจนัก ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะมีสามีที่แสนเพียบพร้อมและรักหล่อนหมดหัวใจ

“หอมจัง หอมไปหมดทั้งตัว”

เขากระซิบเสียงสั่นชิดซอกคอระหง ลมหายใจร้อนระอุพอๆ กับริมฝีปากที่กดลงบนหัวไหล่เกลี้ยงเกลา และเลื่อนลงมายังอกอิ่ม ขบเม้มทักทายลิ้นชื้นวนเวียน ดื่มด่ำราวว่าหิวแสนหิว ทำให้ลลนาหลับตาพริ้มอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ กัดริมฝีปากตัวเองแน่นแล้ว แต่ก็ยังเผลอส่งเสียงครางน่ารักเล็ดลอดออกมาให้ชเยศได้ยิน

“ชเยศคะ”

ความรัญจวนที่ได้รับสั่งให้หล่อนครวญเสียงกระเส่า เรียกให้เขาหยุดความซุกซนอยู่แค่ที่หน้าท้องแบนราบ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟัง ขยันกลั่นแกล้งกันเหลือเกิน ปลายนิ้วซุกซนของเขาสร้างความหฤหรรษ์เพลิดเพลิน หล่อนหายใจเร็วและแรงขึ้น เกร็งไปหมดทั้งร่าง เล็บยาวจิกผ้าปูที่นอนจนเกรงว่ามันจะทะลุเป็นรู ลลนาคร่ำครวญเรียกชื่อชเยศราวว่าสติหลุด หล่อนบิดกายอย่างซ่านเสียวเมื่อปลายนิ้วของเขายังสนุกอยู่กับจุดอ่อนไหว แล้วสัมผัสละมุนของผู้ชายที่หล่อนรักก็เริ่มแข็งแกร่ง เร่าร้อน เมื่อเรือนร่างชุ่มเหงื่อของเรากำลังทำความรู้จักกัน

“คุณคือของผมคนเดียว”

ชเยศฝังรักลึกซึ้ง ให้กายสาวสะท้านแนบแน่นรวมเป็นหนึ่งกับร่างกำยำของเขา คนเสียงทุ้มกระซิบคำหวานน่าฟังนัก ผสานกับเสียงคร่ำครวญของลลนา ทุกยามที่กายกำยำเคลื่อนขยับ เล็บยาวก็เผลอจิกแผ่นหลังเขาตามอารมณ์ เขาดูดดื่มริมฝีปากของหล่อน เคล้าคลึงสองเต้างดงามตามแรงอารมณ์ซ่านสยิว หล่อนหายใจแรงจนอกกระเพื่อมตามแรงชายเคลื่อนไหว ราวว่าหูอื้อไม่ได้ยินเสียงใด นอกจากเสียงครวญน่าฟังของชเยศ

เขาปรนนิบัติต่อหล่อนดีเหลือเกิน หล่อนมีความสุข สุขอย่างที่ไม่เคยได้รับจากชายใดมาก่อน คงเพราะหล่อนมีรัก และสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่นี้คือสิ่งที่หล่อนกล้าเรียกมันได้เต็มปากว่าการร่วมรัก มิใช่กระทำเพียงเพราะความต้องการทางกายเท่านั้น

“รันรักคุณค่ะ”

ลลนากอดคอสามีแน่น กระซิบเสียงพร่าหลังชเยศจับจูงให้ทะยานท่องเที่ยวไปในทุ่งดอกไม้งดงามครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้หน่าย แต่คล้ายว่าร่างกายของหล่อนโหยหา ยังตอบสนองไม่รู้หน่าย และชเยศก็พึงพอใจ เขาแข็งแรงพอจึงอวดท่วงทำนองเพลงรักหวานให้พระจันทร์กับดวงดาวได้แอบมองกันจนอิ่มหนำ เพราะผ้าม่านผืนสวยที่ประตูกระจกฝั่งระเบียงห้องไม่ได้รูดปิด

เห็นทีงานนี้จันทร์เคียงดาวจะอิจฉาตาผ่าวร้อน เพราะคนทั้งคู่ยังขยันขับขานบทเพลงไพเราะเพลงแล้วเพลงเล่า สุนทรียรสฉ่ำหวานซ่านไปทั้งทรวง เมื่อสองดวงใจยังกระหวัดรัดเกี่ยวเฉกเช่นสองกายเปลือยเปล่าในอ้อมกอดของกันและกัน

 

เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นทำให้ชเยศงัวเงียรู้สึกตัว เขาปรือตาจากความสุขสมตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา กดปิดเสียงนาฬิกาที่บอกเวลาเจ็ดนาฬิกาตรง

“เช้าแล้วครับคุณรัน”

ผู้หญิงข้างกายคงเพลียไม่น้อย เขาปลุกซ้ำหลายครั้งก็ยังไม่รู้สึกตัว ชเยศยิ้มมุมปากเพราะเรือนร่างอรชรเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มอุ่นทำให้เขาหายง่วงได้เป็นปลิดทิ้ง บางสิ่งบางอย่างของเขาตื่นขึ้นแล้ว และกำลังทำให้ลลนาตื่นพร้อมกับเขา

“รันเหนื่อยนะคะ”

“ไม่เห็นเหนื่อยเลย”

ตาสวยของหล่อนยอมลืมขึ้นมอง ริมฝีปากเรียวอิ่มเผยอชวนให้เขากล่าวอรุณสวัสดิ์ด้วยจุมพิตละมุน เสน่ห์ของลลนาเหลือร้าย รวมถึงความเซ็กซี่เร่าร้อนตลอดค่ำคืนที่ยังติดตาตรึงใจเขาจนบัดนี้

“อดอยากปากแห้งมาจากไหนคะ”

หล่อนค่อนขอดเมื่อเขาถอนจูบดูดดื่มราวไม่รู้จักอิ่ม ซ้ำยังค้อนได้น่าเอ็นดู เขายังหิว กระเพาะสวาทยังไม่ถูกเติมเต็ม ผิดหรือที่เขารักและหลงภรรยาตัวเอง อยู่ใกล้หล่อนแล้วเขากระชุ่มกระชวย อยากร้องเพลงรักให้หล่อนฟังอีกสักเพลงสองเพลง

“ผมไม่ได้อดอยากคนเดียวหรอกครับ” ชเยศเย้าหยอก ลูบไล้แก้มสีระเรื่อ ยิ่งหล่อนขยับตัว ผ้าห่มที่ร่นลงก็เผยสองเต้าตึงยั่วตาเชิญชวนให้เคล้าคลึง

“ตื่นได้แล้วครับ ผมตื่นแล้วนะ ตื่นนานแล้วด้วย” ชเยศทะเล้น ตวัดขาเกี่ยวร่างภรรยา ทักทายให้หล่อนเข้าใจว่าเขาตื่นตั้งนานแล้ว

ลลนาหน้าแดงซ่าน หล่อนหยิกมัดกล้ามแน่นจนชเยศร้องลั่น แต่มีหรือที่เขาจะยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ คนเจ้าเล่ห์ปล่อยให้ลลนาหยิกอีกสองสามครั้งแล้วลงโทษหล่อนตั้งแต่เช้าแบบทบต้นทบดอกเลย

 

ปรมะกับอรณีควงแขนกันออกจากคฤหาสน์ไพศาลสกุลด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม วันนี้ฟ้าสดใส อากาศเป็นใจ สมเป็นวันที่จะได้รับข่าวดี...วันที่รอคอย

“อะไรที่เป็นของเรา มันก็เป็นของเราวันยังค่ำ เชื่อแม่รึยังล่ะลูก”

เข้ามานั่งในรถหรูของลูกชายได้ อรณีก็เชิดหน้ากอดอก ข่าวการเสียชีวิตของผู้โดยสารในรถตู้มรณะ เชื้อสายเพียงคนเดียวของปองภพ คือข่าวที่ควรค่าแก่การยินดียิ่ง อรณีหัวเราะอย่างสาแก่ใจ ตัวมารที่เกิดจากชมนาด หญิงคนรักของปองภพ ได้จากโลกนี้ไปแล้วตามที่หล่อนต้องการให้เป็น วันนี้ปองภพจัดงานแถลงข่าวแต่งตั้งประธานบริษัทคนใหม่ ซึ่งจะเป็นใครเสียไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ปรมะ ลูกชายเพียงคนเดียวของหล่อน

“ไม่คิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้นะครับแม่ เกมโอเวอร์ตั้งแต่ยังไม่เริ่มปุ่มสตาร์ต”

“งานนี้คงต้องตกรางวัลให้นายณรงค์งามๆ สักหน่อย ได้ดั่งใจทุกอย่างจริงๆ พ่อคนนี้”

อรณีรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเมื่อนึกถึงกล้ามเนื้อแน่นของณรงค์ ลูกน้องคนสนิทของบุตรชายที่เก่งไปเสียทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง เมื่อได้ลิ้มรสสวาทของหนุ่มเนื้อแน่นเพียงครั้งแรก หล่อนก็ไม่อาจยุติความสัมพันธ์ลับๆ กับณรงค์ได้จวบจนทุกวันนี้

“ผมเตรียมไว้แล้วครับ เงินแสนกับผู้หญิงดีกรีนางงามสักคน รับรองว่าหนำใจณรงค์แน่ๆ”

“ณรงค์คงไม่สนผู้หญิงพวกนั้นหรอก เขาสนเงินมากกว่า เพิ่มเงินให้เขาน่าจะถูกใจกว่านะ จะได้จุนเจือครอบครัวได้สบายๆ หน่อย”

อรณีนึกขัดใจความคิดของบุตรชาย แต่ต้องระงับอารมณ์หึงหวงของตัวเองเอาไว้ให้มิด ไม่เคยมีใครรู้ถึงสัมพันธ์สวาทแบบลับๆ นี้ และมันควรเป็นความลับเช่นนี้ตลอดกาล

“ก็จริงนะครับ เพิ่มเงินให้ณรงค์ ส่วนผู้หญิงผมเหมาเอง ฉลองตำแหน่งยันเช้าเลยก็แล้วกัน”

สองแม่ลูกผสานเสียงหัวเราะกันลั่นรถ เพราะมั่นใจเต็มร้อยว่าตำแหน่งที่มาดหมายและทรัพย์สมบัติมากมายของปองภพจะไม่มีวันหลุดมือไป

 

ในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท สยามซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) เต็มแน่นไปด้วยคณะผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ รวมไปถึงพนักงานระดับหัวหน้างานในแต่ละส่วนร่วมสองร้อยชีวิต ปรมะกับอรณียิ้มแย้ม กล่าวทักทายผู้ร่วมประชุมโดยเฉพาะผู้ถือหุ้นของบริษัท และคณะผู้บริหารที่คุ้นเคยกัน

เนกไทของลูกชายเบี้ยว คนเป็นแม่ก็ช่วยขยับ ใบหน้าและทรงผมก็ช่วยจัดให้เนี้ยบตลอด เวลาก้าวขึ้นบนเวทีเพื่อรับตำแหน่งต่อจากปองภพ ปรมะจะได้ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว

เมื่อถึงเวลา พิธีกรก็กล่าวทักทายผู้ร่วมประชุมทุกคน บนจอภาพขนาดใหญ่ราวโรงภาพยนตร์นำเสนอวิดีโอกราฟิกอลังการ บ่งบอกให้ผู้เข้าร่วมได้ทราบถึงหัวข้อสำคัญในการประชุมครั้งนี้

ปองภพได้รับเชิญให้ขึ้นบนเวทีเพื่อกล่าวเปิดงานและบอกเล่าวัตถุประสงค์ วันนี้เจ้าของบริษัทใบหน้ายิ้มแย้ม อยู่ในชุดสูทสีกรมท่า หวีผมปัดข้าง แต่ไม่อาจปกปิดความร่วงโรยของเส้นผมที่เป็นไปตามวัย ปองภพเล่าถึงความเป็นมาของบริษัทตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งฐานการผลิตคือตึกพาณิชย์สองคูหา และค่อยๆ เติบโตขึ้นเป็นโรงงานขนาดใหญ่อย่างทุกวันนี้

“ผมเอง ปีนี้ก็หกสิบห้า ที่จริงควรจะเกษียณตัวเองไปตั้งนานแล้ว ตามประสาคนแก่คิดมากน่ะนะ ผมยังห่วงหลายเรื่อง แต่ตอนนี้ผมคิดว่า ถ่านที่ไฟใกล้จะมอดอย่างผม ถึงเวลาให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงได้ขึ้นมาบริหารงานแทนเสียที”

เสียงฮือฮาในห้องประชุมดังขึ้น คณะผู้บริหารหลายคนหันหน้าเข้าปรึกษากัน รวมถึงสีหน้ายุ่งยากใจของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ไม่แปลกถ้าพวกเขาจะกังวล เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจร้ายหรือดีก็สุดจะรู้ได้ แต่คนส่วนใหญ่มักมองในแง่ร้ายเสมอ

“ในวันนี้ ผมจะแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับประธานกรรมการคนใหม่ของเอสเอสเอฟ เขาไม่ใช่ใครหรอกครับ เป็นลูกชายของผมเอง”

อรณีสุดลุ้น ในขณะที่ปรมะขยับตัวอย่างออกหน้า คณะผู้บริหารบางคนถึงกับถอนหายใจแล้วเริ่มซุบซิบ ปองภพยิ้ม มองมาที่อรณีและปรมะพร้อมกับเสียงดนตรีก็ระทึกราวมีการประกาศรางวัลใหญ่ สักครึ่งนาทีเสียงดนตรีก็เบาลง ตามด้วยเสียงทรงพลังของปองภพที่หักหน้าใครบางคนจนไม่เหลือชิ้นดี

“ขอเชิญทุกท่านพบกับ ชเยศ ไพศาลสกุล ลูกชายของผมครับ”

ปรมะที่ลุกขึ้นยืนรวดเร็วต้องหน้าเหลอ เช่นเดียวกับอรณีที่ฉีกยิ้มจนปากแห้งก็แทบหงายหลังตกเก้าอี้ สองแม่ลูกมองหน้ากันด้วยความงงสุดขีด ท่ามกลางเสียงปรบมือเกรียวกราวต้อนรับชเยศที่เดินมายืนข้างปองภพอย่างสง่าผ่าเผย เขาอยู่ในชุดสูทสีดำทันสมัยไร้เนกไท รับกันได้ลงตัวกับรองเท้าคัตชูหนังสีน้ำตาลเข้ม หน้าตาคมคาย สูงล่ำไม่แพ้นายแบบบนหน้านิตยสาร

“ผมเชื่อว่าหลายท่านคงคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ้าง เพราะหลายปีก่อนชเยศได้เข้ามาช่วยงานผมในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายไอทีและซอฟต์แวร์ โปรแกรมที่เขาออกแบบยังใช้งานได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ เขามีความเข้าใจในทุกกระบวนการของเอสเอสเอฟเป็นอย่างดี”

ปองภพโอบบ่าชเยศ สายตาเขาดูมีความสุขจนอรณีหมั่นไส้ และปรมะคงรู้สึกไม่ต่างกัน ใบหน้าบึ้งจัดและตาวาวโรจน์ของลูกชายบ่งบอกชัดเจน แต่เขาต้องข่มอารมณ์ตัวเองให้นิ่งที่สุดเพื่อรักษาหน้าซึ่งแทบจะประกอบกันไม่ติดแล้ว

“อันที่จริง ผมอยากจะบอกให้ทุกคนรู้ว่าชเยศคือลูกชายผมตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้ามาทำงาน”

ประโยคนั้นปิดเสียงซุบซิบเรื่องฐานะที่แท้จริงของชเยศ ทุกคนกำลังตั้งใจฟัง ยกเว้นปรมะกับอรณีที่อยากเดินออกจากห้องเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“แต่ชเยศเขาขอเอาไว้ครับ เขานิสัยเหมือนแม่ของเขามาก”

ปองภพเล่าถึงความรักและความประทับใจที่มีต่อชมนาดเล็กน้อย คล้ายตอบคำถามผู้ฟังว่าชเยศคือลูกชายที่เกิดกับผู้หญิงที่เขารักมาก แต่ไม่มีโอกาสได้ดูแลหล่อนอย่างสมควรนัก

“ชเยศไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานต้องอึดอัดที่ต้องทำงานกับลูกชายเจ้าของบริษัท เขาอยากเรียนรู้สังคมการทำงานที่แท้จริง เพราะมันทำให้มองเห็นปัญหา เห็นข้อบกพร่องหลายอย่างที่บริษัทต้องแก้ไข ชเยศมีหัวคิดของผู้บริหารเต็มตัวครับ และผมคิดว่าเขาเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดแล้ว ถ้าทุกท่านเห็นด้วยกับผม ขอเสียงปรบมือให้เขาด้วยครับ”

สิ้นประโยคเชิญชวน เสียงปรบมือก็ดังเกรียวกราวลั่นห้องประชุมอีกครั้ง คณะผู้บริหารพากันยิ้มแย้มราวกับดีใจเหลือประมาณที่ปรมะชวดตำแหน่งสูงนั่น

“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง”

ถ้ามิได้นั่งอยู่ในห้องประชุม อรณีเชื่อว่าปรมะต้องทำลายของใกล้ตัวจนราบเป็นหน้ากลอง เส้นเลือดที่ขมับลูกชายปูดขึ้นจนเห็นได้ชัด สันกรามก็เช่นกัน เสียงกัดฟันกรอดยังดังลอดมาให้ได้ยิน

“แม่ก็ไม่รู้ ไหนว่ามันตายแล้วไง นี่สรุปพวกเราโดนหลอกงั้นเหรอ”

เสียงอรณีเบาแทบกระซิบ ฝันสลายพังราบลงในพริบตา จากที่เกลียดปองภพกับชเยศอยู่เป็นทุน ความเกลียดยิ่งหยั่งลึกลงผสานไปด้วยความแค้นเคือง

“เจ็บใจนัก พ่อต้องรวมหัวกับไอ้ทรงพลหลอกพวกเราแน่ๆ”

“คนในรถที่ถูกยิงไม่ใช่ไอ้ชเยศ แล้วมันเป็นใคร”

คำถามของอรณียังไม่ได้รับคำตอบ เมื่อปองภพพูดถึงลูกชายที่แสนภาคภูมิใจของเขาเรียบร้อย ก็ประกาศให้ผู้ร่วมประชุมปรบมือต้อนรับปรมะขึ้นรับตำแหน่งรองประธานกรรมการต่อทันที ปรมะสะดุ้ง ขมวดคิ้วมองหน้าอรณี แต่ขาไม่ยอมขยับลุก

“ขึ้นไปสิเปรม”

อารมณ์ของลูกชายคงใกล้ระเบิดเต็มทนแล้ว อรณีสบตาเขา บอกให้ข่มความรู้สึก และสั่งให้รีบสวมหน้ากากเพื่อขึ้นไปยืนโดดเด่นอยู่บนเวทีเดียวกันกับชเยศ แม้จะเสียหน้าจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เพราะปรมะได้รับแค่ตำแหน่งรองประธานกรรมการ อรณีเม้มปาก กำมือแน่น ไม่สบอารมณ์เมื่อปองภพชายตามามองแล้วยิ้มราวเยาะให้ยิ่งเจ็บใจ

 

เมื่อการประชุมเรียบร้อยด้วยดี ปองภพก็พาชเยศไปทำความรู้จักกับผู้ถือหุ้นรายใหม่ บางคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็พูดคุยอย่างสนิทสนม โล่งใจเมื่อบุตรชายเพียงคนเดียวของเขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี คณะบริหารทุกคนเห็นพ้องที่ชเยศขึ้นแท่นผู้บริหารระดับสูง ไม่ใช่ปรมะอย่างที่หลายคนเป็นกังวล

ใจจริงปองภพอยากหักหาญน้ำใจอรณีให้มากกว่านี้ แต่ยังไม่ถึงเวลา ปรมะไม่เหมาะกับงานบริหารเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกที่เกิดขึ้นภายในบริษัทหลายครั้ง อีกทั้งยังเป็นผู้ต้องสงสัยว่าบงการลอบยิงจนรถตู้ประสบอุบัติเหตุ ส่งผลให้พนักงานของบริษัทเสียชีวิตหนึ่งราย

ปองภพตัดสินใจยกตำแหน่งรองประธานกรรมการให้ครอง เพราะมีแผนการต่อจากนี้ คนคิดคด ซ้ำใจยังคดไม่ผิดไปจากผู้เป็นแม่ จะเชิดหน้าอยู่บนตำแหน่งสูงได้อีกไม่นาน เมื่อวันที่หลักฐานพร้อมสำหรับการยื่นเรื่องดำเนินคดีมาถึง ผู้กระทำผิดย่อมสมควรได้รับบทลงโทษตามกฎหมายจากการกระทำของตนเอง

 

ชเยศเริ่มงานวันแรกด้วยการเรียกประชุมพนักงานฝ่ายไอที เขาต้องรู้ว่ามีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปบ้างนับแต่วันที่เขาจากไป โดยเฉพาะระบบ เครือข่าย และโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นใหม่ ชายหนุ่มโล่งใจเมื่อเห็นว่าหลงเหลือพนักงานเก่าที่เคยร่วมงานกับเขาอยู่หลายคน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะสานต่องานและเรียนรู้เพิ่มเติม

ใกล้เวลาเลิกงานแล้ว แต่ชเยศยังไม่ผละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ปลายนิ้วยังรัวสัมผัสอย่างคล่องแคล่ว สองตาไล่อ่านภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ยาวจนสุดขอบจอ สมองกำลังประมวลผลแปรภาษาเพื่อให้เข้าใจตรรกะยาวเหยียดนั่นได้

“วันแรกก็ทำโอทีแล้วหรือครับคุณชเยศ”

ชเยศหยุดรัวนิ้วบนคีย์บอร์ดแล้วหันไปทางทรงพลที่เดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ชายอายุสี่สิบห้าปี เลขาฯ คนสนิทของปองภพ เป็นพนักงานรุ่นบุกเบิกที่เติบโตมาพร้อมบริษัท ทรงพลชอบลงมือทำมากกว่าพร่ำพูด และใช้ผลงานพิสูจน์ตนแทนการเลียแข้งเลียขาเจ้านาย

“ผมลองค้นข้อมูลของปีก่อน มีความผิดปกติอยู่หลายรายการสั่งซื้อ มีการแก้ไขราคาหรือลบทิ้งบางรายการจากคนเดิมๆ หลายครั้ง”

“ใครกันครับ”

“รหัสพนักงานของนายณรงค์ครับ เป็นอย่างที่เราคิดกันไว้จริงๆ”

ทรงพลรับเอกสารที่ชเยศยื่นให้ไปตรวจดูอีกครั้ง ข้อมูลการซื้อขายและราคาสินค้ามีการแก้ไขให้สูงเกินจากราคาที่บริษัทตั้งไว้ ชเยศแปลกใจเมื่อระบบเปิดให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขราคาขายได้เอง ถ้าจำไม่ผิด เขาเป็นคนกำหนดสิทธิ์และผู้ที่สามารถแก้ไขราคาได้มีเพียงผู้บริหารระดับสูงที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น

“รู้สึกว่าโปรแกรมมีการแก้ไขเยอะครับ โดยเฉพาะฝั่งงานขาย” ชเยศมองลิสต์โปรแกรมที่เขาจดไว้ในกระดาษ ก่อนจะเขียนกำหนดการ เรียกประชุมทีมพัฒนาซอฟต์แวร์อีกรอบ

“ณรงค์อยู่ฝ่ายขาย และลูกค้าก็ค่อนข้างไว้ใจการทำงานของเขามาก คุณปรมะเองก็เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายขาย ก่อนจะถูกย้ายมาคุมงานฝ่ายการตลาดแทน”

“ผมคิดว่านายณรงค์คงไม่กล้าทำหรอกครับ ถ้าไม่ได้รับคำสั่ง”

“เอาไว้ต่อพรุ่งนี้เถอะครับคุณชเยศ คุณพ่อรอทานมื้อเย็นกับคุณอยู่ครับ”

ชเยศรับคำสั้นๆ แล้วปิดคอมพิวเตอร์ ทรงพลแจ้งไว้ตั้งแต่เช้าแล้วว่าเย็นนี้เขามีนัดกับปองภพที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขาจึงบอกลลนาเอาไว้ก่อนว่าอาจจะต้องกลับดึก และกำชับให้หล่อนปิดล็อกประตูหน้าต่างทุกบานให้มิดชิดก่อนเข้านอน

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น