ตอนที่ 2

ตอนที่ 2 ร้องเรียน

            จักรยานยนต์สีเทาคันใหม่เข้ามาจอดในลานจอดรถตรงข้ามกับที่ทำการเทศบาล เป็นจักรยานยนต์ที่อุ๊ยแก้วซื้อให้เนตรไพลินในโอกาสที่เธอเรียนจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของแก เพราะแกเลี้ยงเนตรไพลินมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ก่อนที่แม่จะทิ้งเธอกับน้องไปเสียอีก

            “ฮึบไว้ๆ เนตรไพลิน” สาวเจ้าจัดผมเผ้าให้เข้าที่ ส่องกระจกข้างรูปวงกลม มองสำรวจใบหน้าตัวเอง เธอมาทำงานเป็นวันแรก ไม่แปลกที่จะประหม่าอยู่บ้างตามประสาพนักงานอัตราจ้างคนใหม่

            หญิงสาวก้าวลงจากรถ ดึงกุญแจออกจากช่องเสียบแล้วสะพายกระเป๋ากับบ่าเล็ก สูดหายใจเต็มปอดก่อนจะพ่นมันออกมาจากริมฝีปากอิ่ม เดินไปหน้าอาคารสีเขียวอ่อนขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงข้ามสถานีอนามัยเยื้องกับป่าช้าเก่าและฌาปนสถาน ซึ่งใกล้ๆ กันเป็นลานว่างที่พ่อค้าแม่ขายแวะเวียนมาตั้งนั่งร้านขายของในตอนเย็น ปัจจุบันเทศบาลจัดสรรให้เป็นตลาดนัดทุกๆ วันจันทร์ไปแล้ว

เท้าในรองเท้าคัตชูสีดำข้ามถนนสองเลนผ่านประตูรั้วใหญ่ของเทศบาลอย่างไม่รีบร้อน เพราะเธอมาทำงานก่อนเวลาประมาณยี่สิบนาที สาวเจ้าหันมองไปรายรอบ มองสถานที่สะอาดสะอ้านที่จะเป็นที่ทำงานของเธอไปอีกหนึ่งปีเต็ม 

ความเงียบสงบถูกทำลายลงด้วยเสียงเล็กแหลมของหญิงวัยกลางคน

            “ก็มาร้องเรียนตั้งนานแล้ว ไม่เห็นเทศบาลจะทำอะไรเลย!” 

            “คุณป้าต้องใจเย็นๆ ก่อนนะคะ พอดีคนรับเรื่องแกลาคลอด ยังไงเดี๋ยวหนูตามความคืบหน้าให้” หญิงสาวอีกคนพยายามประนีประนอม แต่หญิงผู้มาร้องเรียนดูจะอารมณ์ร้อนขึ้นทุกวินาที

            “มาพอดีเลย! เนตรๆ!” หญิงสาวกวักมือเรียกเนตรไพลินให้รีบเข้ามารับเรื่องหน้าโถงทางเดินใหญ่ เจ้าของชื่อจึงรีบจ้ำอ้าวเข้าไปหาพร้อมยกมือไหว้สวัสดีทั้งสองคนในทันที

            “สวัสดีค่ะพี่แอม มีอะไรรึเปล่าคะ” เนตรไพลินถามด้วยสีหน้ากังวล

            เนตรไพลินรู้จัก ‘แอม’ หัวหน้าฝ่ายนิติการตั้งแต่วันที่มาสัมภาษณ์งาน ในวันที่เธอเซ็นสัญญาว่าจ้างแอมก็คอยดูแลและประสานงานให้ หน้าที่ส่วนใหญ่ของฝ่ายนิติการคือ ดูแลทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ดำเนินงานรับเรื่องร้องเรียน และประสานงานไปยังกองงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 

ปกติแล้วแอมมักทำหน้าที่ตรวจทานดูความเรียบร้อยก่อนส่งไปยังฝ่ายต่างๆ แต่วันนี้ต้องมารับหน้าที่ประนีประนอม คงเพราะคนอื่นๆ จนปัญญาจัดการจริงๆ

            “พอดีป้าแรมแกมายื่นร้องเรียนไว้กับพี่ส้ม แต่พี่ส้มแกลาคลอด เนตรช่วยประสานงานต่อทีได้มั้ย” แอมส่งสายตาเว้าวอน ร้องขอให้เนตรไพลินรับปากไปก่อน ส่วนเรื่องรายละเอียดหล่อนจะอธิบายเพิ่มเติมในภายหลัง 

เนตรไพลินรีบพยักหน้า โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าป้าแรมร้องเรียนเรื่องอะไรไว้ 

            “ได้ค่ะได้!” 

            “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ป้าแรมกลับบ้านไปก่อนดีมั้ยคะ เดี๋ยวอีกสองสามวันทางเทศบาลจะส่งคนเข้าไปสำรวจพื้นที่” แอมพยายามเจรจา แต่ป้าแรมก็ยังยืนยันจะอยู่ต่อ แอมจำต้องกล่อมต่อ ตอนนั้นเองที่ทุกอย่างเงียบลง

            “วันนี้อาจจะขอให้เนตรจัดการเรื่องเอกสารก่อนค่ะ เพราะต้องขอใบอนุญาต คุณป้า…” 

เนตรไพลินถึงกับขมวดคิ้วแน่น เพราะยังเห็นแอมออกท่าออกทางคุยกับป้าแรมที่อีกฝ่ายโต้เถียงด้วยท่าทางแข็งกร้าว แต่เธอกลับไม่ได้ยินอะไรเลย หญิงสาวยกมือเรียวป้องหู คราวนี้เธอไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงยามมือเธอแตะใบหู 

หัวใจดวงเล็กเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ด้วยภาพเหตุการณ์บางอย่างปรากฏขึ้นในหัว เนตรไพลินถึงกับเข่าอ่อน แทบทรุดลงกับพื้นหินอ่อน เบื้องหน้ากลับกลายเป็นห้องมืดสลัวที่เต็มไปด้วยดวงตาเล็กๆ ร่างหนึ่งนอนเหยียดยาวอยู่กับพื้นกระเบื้องสีหม่น ตรงหน้าเธอพอดิบพอดี ครั้นหลุบตามอง ใบหน้าของใครคนนั้นกลับเป็นใบหน้าไร้ชีวิตของป้าแรม

            “เนตร! เนตร!” 

เสียงเล็กแหลมของแอมดึงสติเธอกลับมา เนตรไพลินหอบแฮกพร้อมกับหัวใจเต้นโครมคราม กวาดดวงตากลมสีดำสนิทมองไปรายรอบ ก่อนพบว่าป้าแรมแยกตัวกลับไปแล้ว

            “คะ…คะพี่แอม!” หญิงสาวรีบขานรับ

            “เป็นอะไรรึเปล่าหน้าซีดเชียว ขอโทษทีนะ มาทำงานวันแรกแล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้” แอมตบบ่าบางปลอบใจ

            “มะ…ไม่เป็นไรค่ะ…แล้ว…ป้าแรม…ยอมกลับไปแล้วเหรอคะ” สาวเจ้าถามต่อพลางลูบอกปลอบตัวเอง

            “ก็กลับไปแล้วน่ะสิ กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง เฮ้อ~” แอมถอนหายใจก่อนจะมุ่งเข้าไปในอาคารทรงเก่าบนพื้นที่เล็กๆ

แม้จะเพิ่งสร้าง แต่อาคารสองชั้นก่ออิฐถือปูนนี้กลับใช้แปลนเดิมๆ หลังคาทรงมะนิลามุงกระเบื้องหลังคาคอนกรีตสีน้ำเงินฉูดฉาดที่หนักมาก แต่ราคาถูก มองจากไกลๆ ก็รู้ว่าที่นี่คือสำนักงานเทศบาล มันล้อมด้วยรั้วปูนสีเขียวอ่อน สีเดียวกับตัวอาคารใหญ่ เหนือจั่วติดประดับรูปปั้นพญาครุฑองค์สีทองอร่าม ถัดลงมาเป็นชื่อสำนักงานเขียนด้วยฟอนต์เชยๆ สีเดียวกันว่า ‘สำนักงานเทศบาลตำบลไทรหลวง’ ติดกับอาคารนั้นเป็นอาคารชั้นเดียวสองหลัง มีโรงจอดรถเล็กๆ คั่นกลางระหว่างอาคารทั้งสอง พื้นที่จอดเพียงพอสำหรับรถประจำตำแหน่งของนายกเทศมนตรีและรถดับเพลิงสีแดงคันเล็กเท่านั้น พนักงานคนอื่นจำต้องไปจอดรถที่ลานว่างฝั่งป่าช้า

“ตามมาเร็ว วันนี้คงมีงานให้ทำอีกเยอะเลย” แอมกวักมือเรียกให้สาวเจ้ารีบตามมา ดวงตาคมกริบของแอมใต้แว่นตาหนาเตอะมองกลุ่มพนักงานชายที่หันมองเนตรไพลินตาเป็นมัน หล่อนกระแอมกระไอให้พวกเขากลับไปทำงาน แม้ในเวลาเช้าเช่นนี้จะเป็นเวลาว่างก็ตาม

ภายในอาคารนี้มีพื้นที่ส่วนกลางสำหรับติดต่องานและรับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในตำบล ทางซ้ายมือเป็นพื้นที่ทำงานของสำนักปลัด ด้านขวามือเป็นห้องทำงานของฝ่ายกองคลังและกองช่าง ถัดจากโถงกลางเป็นบันไดขึ้นชั้นสอง ชั้นบนเป็นพื้นที่ของฝ่ายบริหาร กองศึกษา และห้องประชุมเล็ก อีกส่วนเป็นห้องทำงานของนายกเทศมนตรีและห้องทำงานของสภา อบต. ที่แม้จะมีห้องทำงานหรูหรา แต่ดูจะใช้งานน้อยที่สุด

“ทุกคน นี่เนตรนะ จะมาช่วยงานยายส้มมัน” แอมแนะนำเธอให้เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ได้รู้จัก 

เนตรไพลินรีบพนมมือไหว้สวัสดีทุกคนอย่างมีมารยาท

“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายเสียงหวาน เช้านี้มีเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนที่เข้างานก่อนเวลา

“คนนี้…พี่จิต พี่พรรณ พี่ยุภา แล้วนี่ก็พี่วรรณ คนอื่นๆ ไปทำความรู้จักกันเองก็แล้วกัน” พี่แอมแนะนำเพื่อนร่วมงานอย่างขอไปที พวกหล่อนส่งยิ้มหวาน แต่ดูจะเป็นรอยยิ้มตามมารยาทเสียมากกว่า

“เนตรนั่งโต๊ะด้านหลังก็แล้วกัน ข้างๆ โต๊ะพี่ส้มนั่นแหละ” แอมหันมาอธิบายพลางเดินนำเนตรไพลินไปยังส่วนลึกที่สุดของห้อง ติดกับห้องครัวเล็กๆ พลางยกหลังมือปาดหน้าผากชุ่มเหงื่อ ต้องรับมือกับป้าแรมตั้งแต่เช้า เล่นเอาหล่อนเหนื่อยล้า อยากกลับไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานโดยเร็วที่สุด

“ค่ะพี่แอม” เนตรไพลินรับคำอย่างว่าง่ายพลางก้าวไปยังโต๊ะทำงานเหล็กสีเทาริมหน้าต่าง 

ห้องทำงานสำนักปลัดแห่งนี้แบ่งพื้นที่ทำงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย ฝ่ายเธอน่าจะมีกันเพียงแค่สองคน แต่พี่ส้มเจ้าของโต๊ะทำงานข้างๆ กลับลาคลอดไปเสียนี่ ตอนนี้ฝ่ายงานของเธอจึงเหลือเธออยู่เพียงคนเดียว

“อ่า…” แอมลากเสียงยาว พลางครุ่นคิดถึงงานที่ต้องแจกแจงให้เนตรไพลินฟัง แม้จะไม่ถนัดงานภาคปฏิบัตินัก แต่ประสบการณ์ก็พอทำให้รู้ว่า งานเอกสารส่วนใหญ่เก็บเอาไว้ในลิ้นชักเหล็กด้านหลัง “เนตรลองหาๆ ดูในลิ้นชักก็แล้วกัน ประมาณเดือนที่แล้วป้าแรมแกมาร้องเรียนไว้ ส้มน่าจะจัดการงานไปพอสมควรแล้ว”

แอมชี้นิ้วไปยังตู้เอกสารเหล็กสีเทาติดผนัง ฟังดูเป็นงานง่ายๆ แค่ค้นหาเอกสารหนึ่งแผ่นจากตู้เอกสารสูงสี่ชั้นที่ตั้งเรียงกันอยู่กว่าหลายสิบตู้เท่านั้นเอง แม้บนโต๊ะทำงานจะมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้งาน แต่เทศบาลตำบลเล็กๆ แห่งนี้ก็ยังใช้วิธีเก็บเอกสารแบบเก่าๆ 

“อะ…เอ่อ…ค่ะ” เนตรไพลินถึงกับทำหน้าตาเหลอหลา งานวันแรกของเธอช่างเป็นอะไรที่ดูวุ่นวาย

“หาเจอแล้วก็เอาไปให้พี่นะ เดี๋ยวเราเข้าไปยื่นกับพี่สมปองด้วยกัน” พี่แอมเดินหันหลังกลับไปยังที่ทำงานหน้าห้องปลัด แยกจากห้องพนักงานทั่วไปและพนักงานอัตราจ้างรายปีอย่างเนตรไพลิน

ดวงตางามของเนตรไพลินมองแผ่นหลังบางของแอมที่ค่อยๆ เดินห่างออกไป แล้วกวาดตามองรายรอบ เห็นเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน หาได้เสนอตัวเข้าช่วยเหลือไม่ ไม่แม้แต่ลุกขึ้นมาอธิบายงานกับเธอ เนตรไพลินจึงต้องงมเข็มในมหาสมุทรแห่งนี้ด้วยตัวคนเดียว

กว่าหลายชั่วโมงที่เนตรไพลินเปิดลิ้นชักค้นหาเอกสารเพียงฉบับเดียวที่ป้าแรมร้องเรียนเอาไว้ เป็นโอกาสให้เธอได้สำรวจเอกสารมากมายทั้งเก่าและใหม่ ส่วนใหญ่เป็นเอกสารเก่าที่ไม่รู้ว่าพี่ส้มเก็บเอกสารไว้ทำไม เหตุใดจึงไม่ยอมทิ้งเอกสารบางส่วน เนตรไพลินถือวิสาสะจัดเรียงให้ใหม่ อย่างไรเสียก็ต้องรื้อทั้งหมดออกมาดูอยู่แล้ว

“อยู่ไหนกันนะ…” เนตรไพลินบ่น ง่วนกับการจัดเรียงเอกสารร้องเรียนเก่าๆ ในขณะที่มองคำร้องเรียนมากมาย

“เนตรหลานป้าแก้วใช่มั้ยเราน่ะ” ใครบางคนเดินเข้ามาหา หล่อนเท้าแขนกับโต๊ะทำงานฝุ่นเขรอะของเนตรไพลินที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด ก่อนจะรีบปัดฝุ่นออกจากมือตัวเอง

“อ๊ะ! ใช่ค่ะ เนตรไพลินค่ะ” ร่างบางหันขวับไปมองพร้อมกับแนะนำตัวตามประสาพนักงานใหม่ที่ต้องเริ่มงานตัวคนเดียว ไม่มีเจ้านายหรือเพื่อนในแผนกคอยแนะนำเธอ

“เหนื่อยหน่อยนะ งานสาธารณสุขน่ะ พี่ก็เข้าใจป้าแรมแกหรอกนะ ก็ยายพิณแกหัวแข็งจะตายไป” หล่อนออกความเห็น สีหน้าดูแคลนน้อยๆ

หญิงผู้นี้มีชื่อว่า ‘วรรณ’ อยู่ในตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการมาได้กว่าสามปีแล้ว แว่วๆ มาว่าหล่อนเคยออกปากจะลาออกไปเปิดร้านขายข้าวซอยสูตรเด็ดของแม่ แต่ผ่านไปสองปีก็ยังไม่มีวี่แววจะยื่นใบลาออก แต่ละปีก็ต่อสัญญาจ้างใหม่ของปีถัดไป เพราะความที่เป็นคนหน้าตาสะสวย จึงรับหน้าออกงานและเป็นพิธีกรบนเวทีบ่อยซ้ำ รูปถ่ายของหล่อนโชว์หราอยู่บนเว็บไซต์เทศบาล

“คะ…คะ?” เนตรไพลินตามไม่ทัน เธองุนงงและไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนของป้าแรม

“อ้าว ไม่รู้หรอกเหรอ” วรรณถามอย่างไม่แปลกใจนัก ก่อนจะอธิบายปัญหาที่ป้าแรมมีกับหญิงชราข้างบ้าน เกี่ยวกับกลิ่นเหม็นเพราะสิ่งปฏิกูลของฝูงแมวและขยะมากมายในบ้านยายพิณ

กว่าสามเดือนแล้วหลังจากร้องเรียนครั้งแรก เบื้องต้นพี่ส้มและเทศบาลช่วยเหลือเกี่ยวกับการลดกลิ่นและการจัดเก็บให้เป็นระเบียบมากขึ้น การร้องเรียนจึงเงียบไป ก่อนจะปะทุเดือดขึ้นอีกคราเมื่อป้าแรมรู้ว่ายายพิณรับลูกแมวเมาเลี้ยงเพิ่ม การร้องเรียนเรื่องเสียงจึงตามมาในอีกสองสัปดาห์ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เทศบาลต้องจัดการงานใหญ่ การจัดการในส่วนนี้จึงถูกพักเอาไว้ก่อน แน่นอนว่าป้าแรมหาได้เข้าใจในภาระหน้าที่ของทางเทศบาลไม่ ยังคงพยายามเดินหน้าร้องเรียนอยู่ทุกวี่วัน บางวันมีปากเสียงกับยายพิณถึงขั้นขว้างปาข้าวของ ต้องเรียกตำรวจมาช่วยไกล่เกลี่ย งานใหญ่ของเทศบาลสิ้นสุดลงก็ยังคงไม่มีใครเข้าช่วยเหลือแก เป็นเหตุให้วันนี้แกบุกเข้ามาร้องเรียนอีกครา

“อ๋อ…แบบนี้นี่เอง…” เนตรไพลินพยักหน้าเข้าใจ เก็บเอกสารกองสุดท้ายไว้ในลิ้นชักตามเดิม จนแล้วจนรอดก็หาใบร้องเรียนเก่าของป้าแรมไม่เจอ

“แต่คนแก่หัวแข็งก็ทำตัวน่ารำคาญ พี่เคยบอกให้แกปล่อยแมวไป แกก็ไม่ยอม” พี่วรรณชักสีหน้า ดูไม่พอใจอยู่ลึกๆ

“แต่ว่า…ถ้าปล่อยไปแล้วมันก็จะกลายเป็นภาระของบ้านอื่นๆ นะคะ ทำไมเราไม่ลองเสนอเรื่องการจัดการเกี่ยวกับ…”

“ช่างเถอะ แกไม่ยอมอยู่แล้ว เสนออะไรไปก็เท่านั้น” พี่วรรณรีบบอกปัด ไม่ต้องการโต้เถียงกับเนตรไพลินอีก ดูเหมือนความคิดของทั้งคู่จะอยู่ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิงทีเดียว

“สู้ๆ ก็แล้วกันนะ ขอให้เจอล่ะ” หล่อนว่าก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน ปล่อยให้เนตรไพลินยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่หน้าลิ้นชักเก่า

สาวเจ้าสูดหายใจช้าๆ แล้วลอบถอนหายใจ เธอเลือกที่จะเงียบและตั้งหน้าตั้งตาหาใบร้องเรียนต่อ กระทั่งอะไรดลใจให้เดินไปดูกองเอกสารเก่าบนโต๊ะของพี่ส้มที่ยังคงมีเรื่องร้องเรียนทั้งเก่าและใหม่ตกค้างอยู่ในแฟ้มหนา เนตรไพลินถือวิสาสะเปิดดู ก่อนจะพบว่าเอกสารร้องเรียนทั้งหมดของป้าแรมอยู่ในแฟ้มเอกสารฉบับนี้ พร้อมกับกระดาษโน้ตใบเล็กๆ ที่ดูเหมือนส้มจะเขียนเตือนตัวเองว่า 

‘พักก่อน…’

“พักก่อน?” 

เนตรไพลินอ่านโน้ตอย่างสงสัย ถึงกระนั้นก็เลือกจะทำตามคำสั่งของแอม หัวหน้าฝ่ายนิติการ เธอหยิบใบร้องเรียนออกจากแฟ้มและนำไปส่งให้แอม แต่กว่าจะได้เข้าพบหัวหน้าสำนักปลัดก็ปาไปกว่าบ่ายสองโมง พูดคุยแจกแจงหน้าที่อยู่นานสองนานจนได้ข้อสรุป กว่าเนตรไพลินจะได้ออกจากห้องหัวหน้าก็เป็นเวลาสี่โมงเย็น เธอต้องรีบทำความสะอาดโต๊ะทำงานก่อนวันนี้จะผ่านไปโดยโต๊ะทำงานของเธอยังสกปรกอยู่เช่นเดิม


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น