5
อย่าสอดรู้สอดเห็น!
สริณยาจ้องผู้ชายตรงหน้านิ่งก่อนตัดสินใจ เธอจะสืบนายตรัณคนนี้ก่อน สืบไล่ไปทีละคน โชคดีคงเจอเร็ว ถ้าโชคร้ายก็เจอช้าหน่อย แต่อย่างไรเธอก็ต้องลากตัวไอ้ ‘ที่รัก’ ออกมาให้ได้
“มีอะไรเหรอ” เมื่อเธอเผลอจ้องเขาอย่างหมายมั่นมากไปหน่อย เป้าหมายจึงรู้ตัวแล้วเอ่ยปากถามเธออย่างสงสัย สริณยาจำต้องรีบฉีกยิ้มไม่จริงใจให้ก่อนชม
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่คิดว่าที่นี่มีแต่คนสวยๆ หล่อๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ” หญิงสาวปรายตามองไปทั่วแล้วย่นคอ “มันทำให้ฉันรู้สึกแปลกแยกยังไงก็ไม่รู้”
สริณยาถึงกับสะดุ้งเมื่อนิ้วชี้และนิ้วโป้งของผู้ชายที่เธอรู้จักเพียงแค่ชื่อจับคางเธอ แล้วบังคับให้ใบหน้าที่หันไปมองทางอื่นเบนกลับมามองเขา
เขา...เขาหล่อจัง ดวงตาซึ่งมีสีเทาอมเขียวจ้องเธอนิ่ง จ้อง...จนเธอรู้สึกว่าหน้าร้อนผะผ่าว
“ทำไมรู้สึกอย่างนั้น ยา...ก็สวยนะ เป็นผู้หญิงสวยเย็นๆ สวยพิศ”
ละลาย!
นั่นคือสิ่งที่สริณยารู้สึก นี่ถ้าตรัณไม่จับปลายคางเธอเอาไว้ มีหวังเธอได้ม้วนลงไปกองอยู่กับพื้นแล้วแน่ๆ
“สวัสดีน้องใหม่”
ผู้ซึ่งเอ่ยคำทักทายเธอไม่ทักเปล่า แต่ยังดึงแขนเธอไปด้านหลัง ทำให้คางของสริณยาหลุดจากปลายนิ้วมือของตรัณ แถมเธอยังเสียหลักก้าวมาด้านหลังสองก้าวพร้อมร้องอุ๊ยอีกด้วย
“ขวัญอ่อนจริงนะ”
คนขวัญอ่อนหันไปมองผู้ซึ่งดึงเธอจนเสียหลักแล้วยังจับแขนเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยอีกด้วย ผู้หญิง...เอ่อ หรือควรจะเรียกเธอคนนี้ว่าผู้ชายดี เขาเป็นอีกคนที่เธอเคยพบเมื่อวานก่อน สริณยายังไม่รู้จักชื่อเขา แต่ก็ยังส่งยิ้มไปให้เพื่อสร้างไมตรีเอาไว้ก่อน
“สวัสดีค่ะ”
คำทักทายและรอยยิ้มซื่อๆ ทำให้มือที่กำแขนเธอเอาไว้คลายออกเล็กน้อย ก่อนทอมสุดหล่อจะยิ้มให้เธอพร้อมพูด
“คุณจอห์นให้พี่มาคอยดูหนู ถ้าหนูมาแล้ว ให้พี่พาขึ้นไปข้างบนได้เลย”
“อ้อ ขอบคุณค่ะ” สริณยาเอ่ยขอบคุณตามมารยาท และกำลังจะหันไปบอกลาตรัณตามมารยาทเช่นกัน ทว่าคนที่จับแขนเธอเอาไว้ไม่ปล่อยให้เธอทำเช่นนั้น ทอมหน้าหล่อลากเธอเดินตามไปในทันที
“หนูชื่อสริณยาใช่มะ”
ระหว่างที่ทอมซึ่งสริณยายังไม่รู้ว่าชื่ออะไรนำทางเธอขึ้นไปยังชั้นบน ผู้เดินนำหน้าและไม่หันกลับมามองเธอเลยสักครั้งก็ถามขึ้น
“ค่ะ เรียกยาก็ได้ค่ะ พี่ล่ะคะชื่ออะไร”
“ชื่อพี่ไม่ใช่สิ่งที่หนูควรรู้หรอก สิ่งที่หนูควรรู้เอาไว้ก็คือ...” จู่ๆ ร่างที่เดินนำหน้าก็หันกลับมากะทันหันจนสริณยาที่เดินตามมาติดๆ เกือบชน “ตรัณไม่ใช่คนที่หนูจะเข้าไปเล่นด้วยได้”
สริณยาขมวดคิ้วกับคำเตือน
“จริงๆ ผู้ชายในนี้ทุกคนนั่นแหละที่หนูไม่ควรเล่นด้วย มาทำงานก็ขยันหาเงิน เมื่อได้เงินพอแล้วก็รีบๆ ไปเสีย อย่าอยู่นาน ที่นี่ไม่เหมาะสำหรับคนดีๆ เข้าใจไหม”
“พี่เตือนผู้หญิงที่มาทำงานที่นี่ทุกคนแบบนี้ไหมคะ”
ทอมหน้าหล่อแค่นยิ้ม “ไม่ทุกคนหรอก พี่เตือนเฉพาะคนที่ดูโง่ๆ ซื่อๆ ไม่ค่อยทันคนเท่านั้นแหละ ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอย”
“ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” สริณยาทวนประโยคด้วยใจเต้นระทึกก่อนถามเสียงเบาหวิว “เคยเกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอคะ”
หญิงซึ่งมีรูปร่างภายนอกเหมือนชายหนุ่มยักไหล่
“ก็เรื่องซ้ำๆ เดิมๆ ผู้หญิงก้าวเข้ามาในบ่อโคลน คิดว่าจะเข้ามาหาเพชรในตม สุดท้ายกลายเป็นถูกดูดจมหาย หนูเข้ามาที่นี่ก็จำวันแรก จำเหตุผลในการเข้ามาที่นี่ไว้ให้ดีก็แล้วกัน อย่าปล่อยให้โคลนดูดจน...” ทอมคนนั้นไม่พูดให้จบ แต่ยักไหล่อีกครั้งแล้วเปลี่ยนเรื่อง “พี่ชื่อลี่ เรียกเฮียลี่ก็ได้ พี่ลี่ก็ได้ แต่อย่าเรียกอีลี่เป็นพอ มา ขึ้นไปข้างบนได้แล้ว คุณจอห์นไม่ชอบคนผิดเวลา”
สริณยากำมือแน่น กัดริมฝีปากเอาไว้จะได้ไม่เผลอถามออกไปด้วยความอยากรู้ เธอต้องเตือนตัวเองให้ใจเย็น ต้องแนบเนียน อย่าอยากรู้อยากเห็นเกินไป แค่ตอนนี้รู้แล้วว่าควรถามใครก็นับว่าเธอคืบหน้าไปอีกก้าวแล้ว
ผู้ชายหน้าหนวดคนนั้นนั่งอยู่ในท่าเดิม บนโซฟาตัวเดิม กระทั่งบนตัก แมวอ้วนตัวเดิมก็ยังนอนหมอบให้เกาคาง กระดิกหางอย่างสบายใจเหมือนเดิม
ชายคนนั้นตวัดสายตาคมกริบมองเธอซึ่งยืนอยู่หลังทอมนามลี่ เขามองมาเพียงปราดเดียว สริณยาก็พลันหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนกำลังยืนเปลือยอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
“ขอบใจลี่ ไปได้แล้ว”
“ครับ” เฮียลี่หันมาขยิบตาให้สริณยาก่อนเดินออกไปจากห้องทำงานของเจ้านาย
“คนเลี้ยงแมวเขาแต่งตัวแบบนี้กันเหรอ ไม่เหมาะ”
เมื่อถูกตำหนิเรื่องเสื้อผ้าที่เธอสวมมาในวันนี้สริณยาก็ก้มลงมองตนเอง วันนี้เธอสวมสูทสีกรมเข้ากันกับกระโปรงสอบสั้นคลุมเข่าสีเดียวกัน เสื้อด้านในสวมเสื้อยืดสีขาวเพื่อไม่ให้ดูเป็นทางการจนเกินไป แต่...เขาก็ยังเห็นว่าดูมากจนเกินไปสินะ
จริงๆ แล้วเธอเองก็คิดว่าวันนี้เธอแต่งตัวมาเรียบร้อยเกินกว่าที่จะมาเป็นคนเลี้ยงแมวเหมือนกัน แต่... “วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันมาทำงาน ถ้าฉันใส่เสื้อยืดกางเกงยีนมาก็จะดูเหมือนไม่สุภาพ ไม่ให้เกียรติ ฉันเลยแต่งตัวแบบที่เคยแต่งตอนทำงานมาน่ะค่ะ ถ้าคุณอนุญาตให้ฉันแต่งตัวสบายๆ มาได้ พรุ่งนี้ฉันจะ...”
เจ้านายของเธอไม่ได้พูดอนุญาต ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่อุ้มเจ้าพรินซ์วางลงบนโซฟาข้างตัวแล้วเดินไปด้านหลังของเธอ
สริณยาได้ยินเสียงเหมือนตู้เปิด เสียงเหล็กกระทบกัน เสียงสวบสาบของอะไรบางอย่าง ก่อนตามมาด้วยเสียงฝีเท้าและชุดในไม้แขวนเสื้อชุดหนึ่งก็ถูกยื่นส่งให้เธอ
“นี่คือเครื่องแบบของเธอ ต่อไปใส่ชุดนี้เวลาทำงาน”
ดวงตาของสาวเลี้ยงแมวก้มลงมองชุดสีขาวดำซึ่งอยู่ในไม้แขวนเสื้อ มองแบบนี้เห็นไม่ถนัดเท่าใดนักเธอจึงรับไม้แขวนเสื้อมาแล้วพลิกชุดดู
ชุดที่อยู่ในไม้แขวนเสื้อเป็นชุดเมดแบบญี่ปุ่น ชุดประกอบไปด้วยเดรสด้านในสีดำแขนตุ๊กตา กระโปรงพองบานสั้นเหนือเข่า ยังไม่พอ ยังมีเอี๊ยมสีขาวชายประดับลูกไม้ที่มีสายผูกเอาไว้ที่คอและเอวทับอยู่ด้านนอกอีก
นี่มัน...นี่มัน ชุดแบบที่พวกโอตาคุชอบนี่!
“นี่ชุดทำงานของฉันเหรอคะ!”
“ใช่ ฉันจะให้เธอไว้สามชุด เอาไว้ผลัดเปลี่ยน ตอนมาจะใส่ชุดอะไรมาก็ได้ แต่ตอนเลี้ยงพรินซ์ต้องเปลี่ยนมาใส่ชุดนี้ แล้วเวลากลับบ้านก็ถอดชุดคืน ฉันจะให้คนเอาไปซักเอง”
สริณยามองชุดในมือสลับกับมองคนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าเธอ ที่เธอมองเขาก็เพราะอยากให้เขาพูดว่า ‘อะล้อเล่น ล้อเล่นขำๆ’ ทว่าเขาไม่พูดดังเธอหวัง
“เอ้า ไปเปลี่ยนชุดเสียสิ เดี๋ยวจะได้ออกมาทำงาน ฉันจะสอนงานเธอเอง”
‘โอ๊ย ทำไมเขาต้องพูดอะไรที่มันสองแง่สองง่ามแบบนี้ด้วยนะ แค่ต้องอยู่ในห้องนี้กับเขาสองต่อสองเธอก็สยองจะตายแล้ว ยังจะมาทำให้คิดว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีไม่งามกับเธออีก ฮืออออ...น้องดาช่วยพี่ด้วย ถ้านายหน้าหนวดนี่มันคิดจะทำอะไรพี่ น้องดาหักคอมันเลยนะ!’
ก่อนสริณยาจะเปลี่ยนเสื้อผ้า หญิงสาวมองแล้วมองอีก มองหากล้องที่อาจซ่อนอยู่ในห้องน้ำ ตรวจดูกลอนล็อกประตูก็สามรอบ เมื่อมั่นใจแล้วว่าเธอปลอดภัย หญิงสาวจึงถอดเสื้อผ้าออกแล้วสวมชุดเมดอย่างรวดเร็ว
เมื่อชุดสีดำขาวตัดกันนั้นมาอยู่บนตัวเธอ สริณยาก็หมุนซ้าย หมุนขวา ดูตัวเองในกระจกเงาที่อยู่เหนืออ่างล้างมือ เธอเห็นตนเองเพียงครึ่งตัวแต่ก็ยังคิดว่า...เฮ้ย นี่ฉันเหรอ
หญิงสาวลองทำท่าแอ๊บแบ๊วเหมือนที่เคยเห็นเพื่อนๆ ทำตอนถ่ายรูป เอียงคอชูสองนิ้ว เอานิ้วจิ้มแก้ม ขยิบตาแล้วแลบลิ้น...เฮ้ย แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าแค่นี้ก็ทำให้คนเราน่ารักขึ้นได้ขนาดนี้เชียว
“เสร็จรึยัง แค่เปลี่ยนชุดทำไมช้านัก ฉันไม่ชอบคนชักช้า” เสียงสั่งการดังพร้อมเสียงเคาะประตูเร่ง ได้ยินดังนั้นสริณยาก็เบ้ปากแล้วรีบตอบ
“ค่าๆ เสร็จแล้วค่ะ”
เธอพับเสื้อผ้าชุดเก่าอย่างรวดเร็วแล้วนำมากอดไว้แนบอก จากนั้นจึงปลดล็อก ก้าวออกไปจากห้องน้ำ
ทันทีที่คนซึ่งสวมเครื่องแบบของร้านเมื่อสองเดือนก่อนเดินออกมา จิณณวัตรก็เกือบยิ้มให้ผู้หญิงเชยลากไส้ที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นเมดสาวแสนคาวาอี้
“เหมาะกับเธอดี” เขาชม แต่กลับได้รับสายตาตวัดค้อนกลับมา กระนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรมาก แค่คิดว่ามันประหลาดดี
ตั้งแต่เขาสร้างเดอะพราวผับขึ้นมา มีผู้หญิงทิ้งสายตาให้ท่าเขาหลายคน ถลึงตาโกรธเขาก็หลายคน ทว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนมองค้อนเขามาก่อน ก็แน่ละ ผู้หญิงที่ก้าวเข้ามาทำงานในผับของเขาล้วนแล้วแต่เคยผ่านดงเสือสิงห์กระทิงแรดมาทั้งนั้น ความซื่อ ไร้เดียงสา จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีในตัวพวกผู้หญิงเหล่านั้น
“เอาละ ถ้าพร้อมแล้วก็มาเรียนรู้งานของเธอเลยดีกว่า”
ชายหนุ่มเห็นหญิงสาวใบหน้าเกลี้ยงเกลาวางเสื้อผ้าลงบนโต๊ะข้างตู้เสื้อผ้าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากประตูห้องน้ำ จากนั้นเธอล้วงมือลงไปหยิบสมุดและดินสอสีชมพูออกมาจากกระเป๋าหน้าเอี๊ยมสีขาวซึ่งเธอสวมอยู่ สีหน้าเธอดูตั้งอกตั้งใจเหลือเกินเมื่อเดินตามเขาต้อยๆ จดสิ่งที่เขาสั่งลงในสมุดโดยไม่เหลือบแลไปยังโต๊ะทำงานที่เขาย้ำถึงสองรอบว่า ห้ามแตะต้องเด็ดขาด
วันนี้ดูเธอมีสติจึงไม่แสดงท่าทีมีพิรุธเหมือนเมื่อวาน แต่ถึงจะแสดงเนียนอย่างไรเขาก็รู้ว่าเธอนั้นมีเบื้องหลัง ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นสายที่จับสลากเข้ามาเสี่ยงตายในร้านเขา หรือว่าเธอมีเบื้องลึกอะไรถึงได้พาตัวเองเข้ามาในถ้ำของเขา ทว่าอีกไม่นานคงได้รู้ เพราะเขาติดตั้งกล้องแอบถ่ายเอาไว้รอบห้องแล้ว หากเธอเป็นสายจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นคนของใคร คิดจะมาหาอะไร หรือหมายจะก่อการอะไร ไม่มีวันรอดพ้นสายตาเขาไปได้แน่
ผู้หญิงคนนี้คือแพะที่เขาจะเชือดบูชายัญ ใครที่หาญมาเหยียบจมูกเขาถึงในถิ่นจะได้รู้ว่า คนแบบจิณณวัตรใช่จะยอมให้ลูบคมได้ง่ายๆ!
“เก็บอึแมวแล้ว เก็บขนแมวจากที่นอนแมวและที่นอนคนแล้ว กวาดบ้านแล้ว เล่นกับแมวแล้ว ให้อาหารแมว ล้างจานใส่อาหารแมว เทอาหารเม็ด เปลี่ยนน้ำให้แมวแล้ว และตอนนี้...”
คนที่ยืนอยู่กลางห้องทำงานซึ่งมีขนาดพอๆ กับห้องชุดขนาดเล็กในคอนโดกวาดตามองไปจนทั่วห้องขนาดเล็กซึ่งแบ่งส่วนการใช้งานเป็นสองส่วน คือส่วนด้านหน้าเป็นห้องสารพัดประโยชน์ เพราะมีทั้งโต๊ะทำงาน โซฟารับแขก ครัวและโต๊ะกินข้าวขนาดเล็กอยู่ภายในส่วนนี้ ในขณะที่ห้องนอนอยู่ด้านในและถูกกั้นให้เป็นส่วนตัวด้วยบังตาที่ทำจากไม้และกระดาษญี่ปุ่น
ไม่ต้องเดาสริณยาก็รู้แน่ว่านายจอห์นเคราดกนั่นคงอาศัยอยู่ในห้องนี้ ชีวิตจมอยู่ในนรกแห่งนี้ ซึ่งก็เหมาะสมกับผู้ที่สร้างนรกขึ้นมาแบบเขาแล้ว
หญิงสาวเบ้ปากให้โต๊ะทำงานของเจ้าของห้องซึ่งเธอไม่ได้ย่างกรายเข้าไปใกล้ตามที่เขาสั่ง เรื่องงานเขาเป็นอย่างไรนึกหรือว่าเธอจะสน สิ่งที่เธอสนคือการหาตัวคน ไม่ได้ต้องการหาความลับอะไรของเจ้าของผับสักหน่อย
ร่างบางในชุดเมดหันหลังกลับมามองลูกน้องของจอมมาร เจ้าแมวอ้วนกลมอิ่มแล้ว เหนื่อยแล้ว แล้วก็นอนหลับอยู่บนเตียงนอนทรงกลมที่วางเอาไว้ด้านล่างเตียงเดี่ยวซึ่งปูด้วยผ้าปูที่นอนสีเทาเข้มเกือบดำ
งานของเธอไม่ได้หนักหนาอะไรเลย ซึ่งนั่นก็ดี งานน้อยเธอจะได้มีเวลาสืบเรื่องที่เธอต้องการรู้อย่างไรเล่า
สริณยาเหลือบมองพรินซ์ที่ยังนอนขดจนตัวกลมอีกรอบก่อนค่อยๆ ย่องออกจากห้องไป
ตอนเธอออกมาจากห้องนั้นราวๆ หนึ่งทุ่ม พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว แต่สำหรับนรกแห่งนี้นับว่ายังเป็นหัววันอยู่ แขกยังไม่เข้าร้าน ด้านหน้าเคาน์เตอร์บาร์จึงมีสาวๆ สวมชุดนักเรียนแบบญี่ปุ่นนั่งคุยกันไป กินขนมไปหัวเราะไปดูสนุกสนาน
สริณยามองชุดเมดของตนเองแล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าพวกเอาเสียเลย แต่เธอไม่มีทางเลือก หญิงสาวเตร่เข้าไปหาสาวเหล่านั้นพร้อมรอยยิ้มและการกราดไหว้
“สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะน้องๆ”
สริณยาทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริง ทว่าสาวสวยซึ่งแต่งหน้าแต่งตัวคนละแบบกับเธอมองเธอแบบประหลาดๆ ส่วนมากจะมองแล้วเมิน หันไปคุยกันหรือทำสิ่งที่ค้างเอาไว้ต่อ มีสองสามคนเท่านั้นที่รับไหว้และยิ้มให้เธอ
กระนั้นสริณยาก็ไม่ท้อ “พี่ชื่อยานะคะ เพิ่งมาทำงานใหม่ค่ะ”
คำแนะนำตัวของเธอทำให้สาวเกือบครึ่งที่นั่งอยู่หันมามองเธอเป็นตาเดียว สายตาบางคู่สงสัย บางคู่ประหลาดใจ และบางคู่...ดูถูก
แต่แน่นอน สริณยาไม่สนใจความคิดของคนอื่น สิ่งที่เธอต้องทำคือการแทรกซึมอย่างแนบเนียน
“พี่ทำงานเลี้ยงแมวอยู่ข้างบน แต่ตอนนี้แมวหลับ พี่เลยลงมาเดินเล่น เอ่อ ถ้าน้องๆ มีธุระอะไรจะใช้ไหว้วาน ไม่ว่าจะเป็นเติมเงินมือถือ เดินไปซื้อของหน้าปากซอย ใช้พี่ได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“นั่นเธอกำลังทำอะไร”
เสียงถามนั้นไม่ดัง แต่มันกลับทำให้สาวๆ ทุกคนที่นั่งเมาท์กันอย่างสบายอกสบายใจมีท่าทีสำรวมขึ้นมาในทันที เสียงเหมือนนกกระจอกแตกรังเมื่อครู่เงียบฉี่ราวกับที่นี่กลายเป็นป่าช้าไปในบัดดล
สริณยาหันหลังกลับมามองผู้ชายสวมสูทสีดำซึ่งเพิ่งเดินจากโซนด้านนอกของผับเข้ามายังโซนด้านใน ด้านหลังเขามีตรัณและพี่ลี่เดินตาม มาดในตอนนี้ของนายจอห์นอะไรนี่ดูเหมือนเจ้าพ่อไม่มีผิด
เพราะบุคลิกแบบนี้สินะ สาวๆ ถึงได้กลัวจนหัวหด
“ฉันถามว่าเธอกำลังทำอะไร”
ในตอนแรกสริณยายังไม่แน่ใจว่าเจ้านายถามใคร ก็เห็นพูดลอยๆ ไม่ได้เรียกชื่อ ใครจะไปรู้ล่ะว่าหมายถึงใคร แต่พอเขาเดินมาหยุดตรงหน้าเธอแล้วถามอีกครั้ง หญิงสาวจึงตอบ
“ฉันมาแนะนำตัวค่ะ”
“ไม่ใช่แนะนำตัวอย่างเดียว เธอบอกว่าจะคอยรับใช้โคโยตี้พวกนี้ด้วย”
“อ้อ...”
สริณยายังไม่ทันได้แก้ตัวอะไร เจ้านายของเธอก็สั่งเสียงเฉียบขาด
“ฉันจ้างให้เธอมาดูแลพรินซ์ หน้าที่ของเธอก็คือดูแลแมวของฉันให้ดีที่สุด ไม่ใช่ปล่อยพรินซ์เอาไว้ในห้องแล้วลงมาทำอะไรไร้สาระที่นี่ กลับขึ้นไปเดี๋ยวนี้ และถ้ายังอยู่ในหน้าที่ ห้ามเธอออกห่างจากพรินซ์เกินสองเมตร ไม่อย่างนั้นฉันจะไล่เธอออก”
“ฉันก็แค่พยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์” สริณยาพยายามแก้ตัว แต่พอเธอทำเช่นนั้น พี่ลี่ซึ่งยืนอยู่หลังเจ้านายก็ปราดเข้ามาคล้องแขนเธอแล้วดึงให้เดินตามขึ้นมายังชั้นบนพร้อมเตือนเสียงเบา
“ถ้าไม่อยากถูกไล่ออกตั้งแต่วันแรกก็หุบปากแล้วตามมา”
สริณยาไม่เข้าใจและไม่พอใจอย่างยิ่ง ถ้าเธอต้องอยู่ข้างบนตลอด โผล่มาสืบข่าวข้างล่างไม่ได้เลย แบบนี้เธอจะมีโอกาสเจอไอ้ฆาตกรนั่นได้อย่างไร
เธอไม่ได้มาทำงานที่นี่เพื่อเป็นนางในห้องคอยรับใช้แมวอ้วนนั่นนะ!
ทันทีที่ประตูห้องทำงานของนายปิดลง ประภัสราหรือลี่ก็ยกมือขึ้นเท้าสะเอวมองคนงานใหม่ซึ่งใหม่ทั้งหน้า ใหม่ทั้งตำแหน่งอย่างดุๆ
“เพิ่งเตือนไปเมื่อเที่ยงนี้เองว่าอย่าทำตัวยุ่งยาก ทำไมไม่เชื่อกันเลย”
“ยาไม่ได้ทำตัวยุ่งยากนะคะ เพียงแต่...” สริณยาผายมือไปทางเตียงนอนแมว ให้พี่ลี่ได้เห็นว่าตอนนี้พรินซ์ก็ยังคงนอนหงายท้องเปิดพุงสบายใจเฉิบ “พรินซ์หลับ และยาก็ทำงานที่ได้รับมอบหมายหมดแล้ว ยาก็แค่อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ ให้ทุกคนเอ็นดู ก็เลยลงไปฝากเนื้อฝากตัว ยาผิดตรงไหน”
“ผิดตรงที่คุณจอห์นไม่ชอบให้ใครทำเกินหน้าที่น่ะสิ นี่จะบอกอะไรให้นะ ถ้าอยากอยู่ที่นี่ให้นาน นอกจากต้องไม่อ่อย ไม่เที่ยวไปยุ่งกับผู้ชายในนี้แล้ว ยังต้องไม่สอดรู้สอดเห็น ไม่สาระแนเกินหน้าที่ ใครให้ช่วยอะไรก็ไม่ต้องช่วยถ้าไม่ใช่หน้าที่ ไม่งั้นเดี๋ยวซวย เข้าใจไหม”
สริณยาส่ายหน้า “ยาไม่ใช่คนนิ่งดูดาย มีอะไรให้ช่วยยาก็อยากช่วย ยาช่วยได้จริงๆ นะคะ รับรองว่าไม่ทำให้เสียเรื่องหรอก”
ประภัสราถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนเดินไปแง้มประตูแล้วยื่นหน้าออกไปด้านนอก เมื่อไม่เห็นใครแล้วจึงปิดประตู เดินเข้ามาหาหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่าเธอด้วยท่าทางคุกคาม
ทว่าแม้เธอจะทำท่าขู่เช่นนั้น ยายเด็กแป๋วแหววนี่ก็เพียงหน้าเสียไปหน่อย ตากลมคู่นั้นยังจ้องเธอนิ่ง ไม่หลบ ไม่หนีไปไหน
เด็กแบบนี้...เด็กดีๆ แบบนี้ เสียดายเหลือเกินที่ก้าวเข้ามาทำงานในธุรกิจสีเทา
“ก่อนหน้านี้มีเด็กรับรถคนหนึ่ง เป็นนักเรียน ม. ปลายโรงเรียนแถวนี้ เขามาของานคุณจอห์นทำเพื่อไปจ่ายค่าเทอม คุณจอห์นเห็นเด็กนั่นรักดีเลยจ้างเอาไว้ เด็กนั่นขยันมาก มาทำงานทุกวันไม่เคยขาด มารยาทดี ชอบช่วยงานคนโน้นคนนี้ วิ่งไปทั่ว เข้านอกออกในร้านอยู่ไม่ถึงปี...เด็กก็ถูกตำรวจจับ”
หญิงสาวตรงหน้าเบิกตากว้าง อ้าปากหวอ ก่อนคาดเดา “เพราะอายุไม่ถึงเหรอคะ”
“ค้ายา”
“อ้าว ไหนพี่ลี่ว่าเป็นเด็กดีไงคะ”
ประภัสราพยักหน้า “พี่ยังยืนกรานว่าเด็กนั่นเป็นเด็กดี ดีเสียจนไม่ทันคน ใครให้ไปซื้ออะไรก็ไป รับอะไรก็รับ ส่งอะไรก็ส่ง สุดท้ายก็ต้องหมดอนาคตเพราะถูกหลอกให้ไปส่งยาเสพติด คราวนี้เข้าใจรึยังว่าเพราะอะไรคุณจอห์นถึงได้ห้ามหนูไม่ให้เที่ยวไปของานใครเขาทำ โง่ๆ ซื่อๆ แบบหนู ถ้าต้องติดคุกติดตะรางไปก็คงเอาตัวไม่รอด พี่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้หนูมาสมัครงานที่นี่ ก้าวเข้ามาในธุรกิจสีเทาแบบนี้ แต่เมื่อก้าวเข้ามาแล้วก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี อย่าไว้ใจใครเด็ดขาด”
“แม้แต่พี่เหรอคะ”
ได้ยินคำถามซื่อๆ แบบนั้นแล้ว ผู้ที่ไม่เคยบอกชื่อจริงให้ใครรู้ก็ยิ้มกว้าง เอนตัวไปข้างหน้าแล้วจุ๊บหน้าผากคนที่เตี้ยกว่าเบาๆ ก่อนขยิบตาให้หนึ่งครั้ง “โดยเฉพาะพี่”
สริณยากระตุกของเล่นแมวเป็นจังหวะอย่างใจลอย สิ่งที่เธอถืออยู่คล้ายเบ็ดตกปลาที่ปลายเบ็ดมีพู่ทำด้วยขนสัตว์สีฟ้าติดอยู่ เมื่อเธอกระตุก ขนสัตว์ก็ดิ้นไปดิ้นมา พรินซ์ที่ตื่นนอนแล้วจ้องพู่นั้นตาวาว แต่แมวหยิ่งตัวนั้นแม้จะสนใจก็ยังไว้ท่า ไม่ทะเล่อทะล่าออกมาตะปบของเล่นโดยง่าย
มันซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะทำงานของเจ้านายมัน ก่อนพุ่งเข้ามาตบพู่ขนสัตว์แล้วกลับตัววิ่งเข้าไปซ่อนใต้โต๊ะทำงานอีก มันเล่นแบบนี้มาราวสิบรอบแล้วอย่างไม่มีเบื่อหน่าย
ซึ่งนั่นก็ดี เพราะมันทำให้สริณยามีเวลาคิดอะไรต่อมิอะไร แต่...คิดๆ เท่าไรก็คิดไม่ตกเสียที
นึกว่าการได้มาทำงานที่นี่จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น แต่เอาเข้าจริง ไม่มีอะไรง่ายเลย พี่ลี่เอาแต่เตือนเธอว่าที่นี่อันตราย ซึ่ง...เรื่องนั้นเธอรู้ตั้งแต่ตัดสินใจจะมาตามหา ‘ที่รัก’ แล้ว ดังนั้นเธอเตรียมใจมาพร้อมมากที่จะเผชิญหน้ากับอันตราย ทว่ากลับต้องมาติดที่กฎบ้าๆ ของนายจอห์น ทำให้อันตรายทั้งหลายแหล่ไม่เข้ามาเยือนเธอเลย
อันตรายไม่มาเยือนสำหรับคนอื่นอาจถือเป็นเรื่องดี แต่สำหรับเธอ การไม่เจออันตรายก็หมายความว่าจะไม่ได้ข่าวคราวที่ต้องการรู้ด้วย!
เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อมานั่งเล่นกับแมวไปวันๆ นะ เธอมาเพราะน้อง มาแก้แค้น มาค้นหาไอ้คนเลวชาติ เมื่อพบแล้วเธอจะไปแจ้งตำรวจ เธอจะเอามันเข้าคุก มันจะไม่มีวันไปทำร้ายใครได้อีก เธอจะทำ เธอจะจัดการมันให้ได้!
มือหญิงสาวที่มีจิตใจมุ่งมั่นกระตุกเชือกแรงจนปลายพู่ขนสัตว์หลุดออกมาจากปลายเท้าพรินซ์ เจ้าแมวอ้วนที่ไม่เข้าใจความกลุ้มของมนุษย์ตาวาว รีบกระโจนเข้ามาหาพู่ซึ่งอยู่ใกล้เท้าของพี่เลี้ยง ดูเหมือนแมวอ้วนจะตื่นเต้นไปหน่อยมันเลยกะพลาด แทนที่จะตะปบพู่ขนได้ มันกลับจิกเอาเท้าของสริณยาจนหญิงสาวสะดุ้งเฮือก ร้องลั่น
“โอ๊ย! พรินซ์”
เสียงร้องของเธอไม่ได้ทำให้แมวสีทองตกใจ เพราะตอนนี้มันกำลังนอนเกลือกนอนกลิ้งเล่นกับพู่ขนอย่างสนุกสนาน
เห็นแบบนั้นแล้วคนที่อยู่แต่ในห้อง ไม่เคยพบอันตรายในผับแห่งนี้เลยสักนิดแต่ได้แผลกลับบ้านไปทุกวันก็หดเท้าเข้าหาตัว มือลูบแผลถูกตะปบที่เป็นแนวยาวสองรอยเบาๆ พึมพำ “รู้ก็รู้อยู่หรอกว่าควรทำอะไร แต่ใจมันร้อน เฮ้อ”
ก็อย่างที่บอกไป ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าตอนนี้เธอเพิ่งเข้ามาใหม่ ต้องทำตัวให้เป็นที่น่าไว้วางใจ จากนั้นจึงจะสืบเรื่องราวได้ แต่พอมาอยู่ในนรกซึ่งกลืนกินชีวิตน้องตัวเองไป จะให้ทำเฉยไม่สืบ ไม่อยากรู้อะไรเลยก็ทำได้ยาก
สุดท้ายแล้วสริณยาก็ได้แต่ถอนหายใจ สั่งให้ตนเองใจเย็นๆ ให้ลืมเรื่องน้องสาว ลืมความแค้นและทำตัวดีหลอกตาคนเอาไว้ก่อน
สามเดือน...นานไป สองเดือนก็แล้วกัน รอให้พ้นช่วงสองเดือนแรกไปก่อนเถอะ เธอจะเริ่มลงมือสืบหาความจริง
ความคิดเห็น |
---|