4

4

4

 

                ปวินท์เลือกไปหาเจ๊หวีที่บ้านมากกว่าคุยธุระสำคัญที่ร้านของอีกฝ่าย อย่างที่รู้ๆ กันร้านเสริมสวยเปรียบเสมือนศูนย์รวมความพลุกพล่านวุ่นวาย ข่าวลือทั้งหลายมักถือกำเนิดจากในร้าน ปากต่อปากแพร่กระจายไวยิ่งกว่าเสียงตามสายของเทศบาลเสียอีก แล้วข่าวน่ายินดีเช่นนี้มีหรือจะปิดบังใครได้ แต่ก่อนจะเปิดตัวเมียเสี่ยไปป์ ลูกสะใภ้เจ๊ปิ๋ม เขาขอทำใจให้ชินสักพัก ก็จนกว่าเจ๊หวีจะแสวงหาผู้หญิงที่มีคุณสมบัติได้ตรงตามความต้องการเขานั่นละ

                เสี่ยหนุ่มผู้มาในฐานะเจ้าหนี้ก้อนใหญ่ก้าวลงจากรถ และทันทีที่เห็นว่าใครมาหา สีหน้าลูกหนี้ก็ซีดเผือด ตกตะลึงเสียยิ่งกว่าเห็นหมีโผล่มากลางเมือง รีบเชื้อเชิญสองหนุ่มเข้ามานั่งด้านในด้วยใจหวิวๆ ทัชพลนะไม่เท่าไร แต่กับปวินท์นี่เจ๊หวีมีสิทธิ์โดนเช็กบิลถึงสองคดี

                บ้านของเจ๊หวีกะทัดรัดน่าอยู่ เป็นบ้านสองชั้น ข้างบนเป็นไม้ ชั้นล่างก่อปูน แบ่งสัดส่วนใช้สอยเรียบร้อยลงตัว รอบบริเวณตัวบ้านปลูกดอกไม้ต้นไม้ดูร่มรื่นและสดชื่นน่าอยู่ ปวินท์คิดว่าเจ๊หวีคนนี้คงจะชื่นชอบดอกยี่โถมากเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มักเห็นต้นยี่โถปลูกแซมปะปนกับต้นไม้อื่นไปทั่ว

                “เสี่ยกับคุณทัช นะ...นั่งก่อนนะ เดี๋ยวเจ๊จะไปหาน้ำมาให้”

                เสี่ยไม่ทันจะเอ่ยห้าม เจ้าของบ้านก็เดินตัวปลิวหายเข้าไปด้านในแล้ว ปวินท์หันไปสบตากับทัชพล ฝ่ายนั้นกำลังนั่งยิ้ม ดูอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้

                “อะไร” เขาถาม

                “เจ๊หวีต้องคิดว่าเรามาทวงหนี้แหงๆ ถึงได้ลุกลี้ลุกลนอย่างนั้น นี่ถ้ารู้ว่าแกจะให้หาเมีย เจ๊หวีจะทำหน้าแบบไหนวะ”

                “แกก็อย่าทำเป็นเล่น ฉันเครียดนะโว้ย”

                “แล้วแกคิดจะทำยังไงต่อ”

                “ก็คงต้องวางกติกากัน แต่นั่นเป็นเรื่องระหว่างฉันกับผู้หญิงคนนั้น เจ๊หวีไม่เกี่ยว แกอย่าเพิ่งคิดไกลไป ไม่แน่เจ๊หวีอาจจะหาคนให้ฉันไม่ได้”

                “ไอ้ศาสมันพิสูจน์แล้ว ฉันว่าเจ๊หวีนี่ของจริงนะ งานนี้เจ๊ปิ๋มได้ลูกสะใภ้สมใจแน่ แม่แกก็อยากให้แกมีเมียอยู่แล้วนี่” ทัชพลแกล้งกระเซ้าเพื่อนหวังคลี่คลายความตึงเครียด “แต่ฉันยังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจต้อนรับเพื่อนสะใภ้คนใหม่เลย”

                “แล้วหน้าฉันบอกว่าพร้อมมากงั้นสิ พวกแกแค่เตรียมใจเจอเพื่อนสะใภ้ ฉันนี่ต้องเตรียมใจมีเมีย ถ้ามีทางอื่นฉันคงไม่มานั่งตรงนี้แน่”

                “เอาเถอะน่าก็มาจนถึงขั้นนี้แล้ว ว่าแต่อาซ้อใหญ่จะเป็นใครกันนะ” ทัชพลแกล้งสัพยอกเพื่อน ก่อนจะหันใบหน้าเกลื่อนยิ้มหนีไปทางอื่น เมื่อถูกปวินท์มองตาเขียวปั้ด “ขอโทษที ดีใจที่เพื่อนจะมีเมียเลยขำดังไปหน่อย”

                “ฉันไม่ตลกนะโว้ย” ปวินท์ไม่ชอบใจกับความคลุมเครือของสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ไม่เคยเลยที่จะอับจนหนทาง เขาแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเองเสมอ จะมีก็ครั้งนี้ที่อับจนหนทาง คอยดูเถอะ ถ้าเขารู้ว่าใครเป็นคนร้าย พ่อจะกระทืบให้ไส้ทะลัก!

                “มาแล้วค่า” เสียงหวานของเจ๊หวีดังนำมาแต่ไกล ไม่นานน้ำแดงโซดาเย็นชื่นใจสองแก้วก็ถูกเสิร์ฟให้แก่สองหนุ่ม “มัวช้าเพราะเจ๊หาที่เปิดขวดโซดาไม่เจอ แก่แล้วก็งี้ หลงๆ ลืมๆ เสี่ยกับคุณทัชลองชิมน้ำแดงโซดาฝีมือเจ๊ดูสิคะ”

                “อันที่จริงเจ๊หวีไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ” ทัชพลบอกอย่างเกรงใจ

                “ไม่หรอกจ้ะ ไม่ลำบากเลย”

                ปวินท์ดื่มน้ำแดงโซดาของเจ๊หวี สายตาดันบังเอิญเหลือบไปเห็นน้ำแดงแบบเดียวกันเป๊ะบนหิ้งแม่นางกวัก ชายหนุ่มสำลักน้ำที่กำลังดื่มทันที ความหวานทำให้เขาแสบคอจนไอโขลก เจ๊หวีเห็นเขากับทัชพลเป็นรักยมหรือไง!

                “เสี่ย! เป็นไงบ้าง เจ๊ชงหวานไปเหรอ เดี๋ยวๆ รอเดี๋ยว เจ๊ไปเอาน้ำเปล่าให้” 

ทัชพลตบหลังเพื่อนที่ไอไม่หยุด ขณะที่เจ๊หวีรีบวิ่งไปหาน้ำเปล่า ประเดี๋ยวเจ้าหนี้อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาจะพาเธอซวย

                รอบนี้เจ้าของบ้านกลับมาไวเพราะไม่ต้องเสียเวลาชงเหมือนน้ำแดงโซดา ปวินท์ยกขวดน้ำเปล่าขึ้นดื่มขับไล่ความหวานแหลมแสบคอ ไม่นานก็เริ่มหายใจคล่องขึ้นแม้ว่าปลายจมูกกับนัยน์ตายังคงแดงอยู่

                “ดีขึ้นแล้วครับ ปกติผมไม่ค่อยได้กินหวานสักเท่าไร” ชายหนุ่มแก้เก้อ ก่อนกระแอมกระไอเตรียมเข้าประเด็น “ที่มาวันนี้”

                “เสี่ยมาทวงหนี้แทนเจ๊ปิ๋มใช่ไหม” ลูกหนี้รู้ตัวดีจึงร้องขอความเห็นใจ “เจ๊รู้ว่าค้างจ่ายดอกหลายงวดแล้ว แต่เจ๊ขอผัดไปอีกสักสองสามวันได้ไหม ลูกสาวเจ๊กำลังจะกลับมาคิดว่าน่าจะได้เงินมาให้พอจ่ายค่าดอกที่ค้างน่ะจ้ะ ถือว่าเมตตาเจ๊เถอะนะเสี่ย”

                “เรื่องหนี้ของแม่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมมาหาเจ๊ แต่ว่า...” ปวินท์เม้มปากลังเลชั่วขณะ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจพูด “ที่มาวันนี้ผมมีอีกเรื่องที่อยากให้เจ๊ช่วยเหลือ”

                “เสี่ยอยากให้เจ๊ช่วยอะไรเหรอ” เจ๊หวีทำหน้าสงสัย แต่ด้วยความคิดรวดเร็วปรู๊ดปร๊าดบวกกับสีหน้าที่เข้มขึ้นกว่าปกติของชายหนุ่มก็ทำให้เข้าใจได้ไม่ยาก ลองมาแบบนี้เสี่ยไปป์อาจจะไปแอบเล็งลูกสาวบ้านไหนไว้ก็ได้ คงอยากจะให้เธอไปทาบทามล่ะสิ แม่สื่อยิ้มหวาน “เสี่ยอยากให้เจ๊ช่วยอะไรพูดมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”

                “ผมอยากได้ผู้หญิงสักคน”

                “หือ” เจ๊หวีครางในลำคอ ตาเบิกกว้างมองหน้าชายหนุ่มเหมือนมีเขางอก

                “ครับ ผมอยากได้ผู้หญิงสักคน เจ๊ช่วยหาให้ผมได้ไหม” ปวินท์ยืนยันความต้องการเสียงหนักแน่น

                เจ๊หวีงงขั้นสุด หลงนึกว่าเสี่ยเปลี่ยนใจคิดชอบลูกสาวบ้านไหนแล้ว เพราะครั้งก่อนที่เจอกันในงานแต่งคุณศาสเสี่ยยังพูดเลี่ยงไม่อยากมีเมีย วันนี้มาถึงบ้านแม่สื่อ ไม่ได้มาทวงหนี้ แต่จะให้หาผู้หญิงให้ ก็แสดงว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจ แล้วเสี่ยจะหาผู้หญิงไปทำไม

                “เอ่อ แล้วเสี่ย...อยากได้ผู้หญิงไปทำอะไรจ๊ะ” 

                ปวินท์ที่มีสีหน้าเข้มขึ้นลามไปถึงใบหู ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธ หรือเขินที่ต้องมาขอเมียกับเจ๊หวีแบบนี้

                “ผมรู้ว่าเจ๊เชี่ยวชาญด้านการจับคู่ อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการคบหากันของครูหลินกับลูกชายนายกครองคือใคร แต่ผมจะไม่รื้อฟื้นเรื่องที่ผ่านมา ผมแค่อยากให้เจ๊รู้ว่าผมมีความจำเป็นต้องใช้เมียอย่างเร่งด่วนสักคน”

                “เร่งด่วน?” 

                “ครับ ต้องรีบใช้”

                “เอ่อ...ไม่รีบไปหน่อยเหรอเสี่ย เมียนะไม่ใช่ราดหน้ายอดผักที่โทร. สั่งปุ๊บ แล้วให้ฟู้ดแพนด้ามาส่งปั๊บน่ะ”

                “แต่เจ๊หวีเป็นแม่สื่อที่ใครๆ ก็ต่างให้ความเชื่อถือไว้วางใจ แล้วผมก็มั่นใจในคุณสมบัติของตัวเอง คนอย่างผมใช่ว่าจะไม่มีผู้หญิงต้องการ แค่หาเมียให้ผมสักคนคิดว่าคงไม่เกินความสามารถมั้งครับ ขนาดคนมีแฟนอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน เจ๊ยังกล่อมให้เขาตัดใจเลิกกับแฟน ไปหาคนใหม่ได้เลย”

                โดนดอกนี้เข้าไป แม่สื่อที่มีชนักติดหลังก็ชักจะนั่งไม่ติด เจ๊หวีส่ายหน้าเจื่อนๆ พลางโบกมือว่อน

                “อันที่จริงผู้ชายอย่างเสี่ยน่ะหาเมียไม่ยากหรอก แต่ที่เจ๊อยากบอกคือ เสี่ยเข้าใจความหมายของแม่สื่อผิดไปแล้ว”

                “แม่สื่อไม่ใช่คนที่คอยจับคู่ให้ผู้ชายกับผู้หญิงได้ลงเอยกันหรอกเหรอ ดูอย่างคู่ไอ้ศาสกับครูสิสิ ทำไมเจ๊ยังทำให้เพื่อนผมมีเมียได้ จับคนอย่างไอ้ศาสให้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาได้ ผมว่าเจ๊ก็ฝีมือไม่ธรรมดานะ พูดกันตรงๆ ดีกว่า ปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่ครับเจ๊”

                ปวินท์เริ่มหงุดหงิด เขาพยายามประนีประนอมทุกทางแล้ว นี่ขนาดเลือกหนทางสุดท้ายยอมบากหน้ามาถึงนี่ก็ยังทำท่าจะมีปัญหา เจ๊หวีจะลีลาเยอะไปไหน อยากได้อะไรก็บอกสิ เขาหาให้ได้ทุกอย่างนั่นแหละ อุตส่าห์กระตุ้นเตือนความทรงจำไปตั้งหลายประโยค เจ๊น่าจะเข้าใจ อย่าให้เสี่ยไปป์ต้องร้ายนะ

                หรือจะติดเรื่องค่าน้ำร้อนน้ำชา ก็ที่ปวินท์ยังไม่รีบเสนอค่าตอบแทนเพราะเจ๊หวีมีหนี้สินติดค้างแม่เขาอยู่ เขาจะรอดูว่าสุดท้ายแล้วแม่สื่อคนนี้จะมีดีจริง หรือจะฉวยโอกาสทำเนียนแล้วขอให้เขายกหนี้ให้

                “คุณศาสกับครูสิน่ะเขาเกิดมาคู่กันนะเสี่ย มันเป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาส เจ๊ก็แค่ตัวเชื่อมสัมพันธ์ให้เขาได้เจอกัน ที่เหลือจากนั้นเป็นเขาสองคนที่ตัดสินใจกันเอง”

                “งั้นยิ่งง่ายใหญ่เลย เจ๊แค่แนะนำใครสักคนก็ได้ เดี๋ยวผมทำให้เขาตัดสินใจเอง” เขาเชื่อว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเสี่ยไปป์หรอก ที่สำคัญเขาเตรียมข้อตกลงการอยู่ร่วมกันเอาไว้แล้ว

                “ที่เสี่ยต้องการ เจ๊ฟังยังไงก็ไม่เหมือนคนอยากมีครอบครัวนะ เมียหาไม่ง่ายเหมือนผู้หญิงอย่างว่า เสี่ยอย่าโกรธเจ๊นะที่ต้องพูดตรงๆ แบบนี้”

                ปวินท์ถอนใจอย่างอึดอัด “ก็ถ้าเจ๊หาผู้หญิงดีๆ สักคนให้ผมไม่ได้ ผู้หญิงอย่างว่าก็น่าจะคุยง่ายดี”

                “เสี่ย...ใจเย็นๆ แล้วฟังเจ๊ก่อน เจ๊เองก็อยากช่วย” เจ๊หวีแตะหลังมือแขกหนุ่มให้สงบใจพร้อมอธิบายเสียงเนิบนาบ “เจ๊เป็นแม่สื่อ หน้าที่ของเจ๊คือหาคู่ชีวิต แต่ที่เสี่ยบอกมานั่นไม่ใช่”

                “จะคู่ชีวิต คู่เวร คู่กรรม ผมไม่เกี่ยงหรอก ผมอยากได้เมีย เจ๊ก็แค่หาเมียให้ผม” ปวินท์คล้ายจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ไปชั่วขณะ ท่าทางของชายหนุ่มพร้อมกระโจนเข้าขย้ำคอเจ๊หวีได้ทุกเมื่อ

                “ไปป์” ทัชพลสะกิดเพื่อนพร้อมเตือนเสียงนุ่ม รู้ว่าอีกฝ่ายเครียดและหงุดหงิดจนแทบจะโดดงับหัวเจ๊หวีอยู่รอมร่อ แต่บางเรื่องมันต้องค่อยเป็นค่อยไป เขาส่งยิ้มขัดตาทัพให้เจ๊หวี แล้วอ้างว่า “พอดีไปป์มันค่อนข้างใจร้อนน่ะครับ หวังว่าเจ๊คงไม่ถือสา”

                “เจ๊ไม่ได้อะไรหรอก แค่อยากอธิบายให้เข้าใจเท่านั้น คราวนี้เสี่ยบอกเจ๊ได้ไหมว่าทำไมรีบร้อนนัก”

                “เรื่องส่วนตัวของผม เจ๊อย่ารู้เลยครับ ใจความสำคัญมันอยู่ตรงที่เจ๊ต้องหาเมียให้ผมเท่านั้นก็พอ” ปวินท์สรุปสั้นๆ อย่างไรก็ไม่ยอมเปิดปากถึงต้นสายปลายเหตุ “จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเราสามคน ผมหวังว่ามันจะเป็นความลับจนกว่าจะได้ข้อสรุปแน่นอน ผมกับทัชจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดที่ไหน หากมีข่าวเล็ดลอดออกไปนั่นก็หมายความว่ามันหลุดมาจากเจ๊อย่างไม่ต้องสงสัย ผมไม่ใช่คนใจร้ายนะครับ แต่ถ้าใครร้ายกับผม ผมจะร้ายกลับแบบทบต้นทบดอก เงินต้นสามแสนก็อาจจะไม่หยุดแค่สามแสนเสมอไป ทั้งดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าเสียเวลา ค่า...”

                “พอแล้ววว พอแล้วเสี่ย ถ้าเสี่ยอยากให้เป็นความลับ เจ๊รักษาความลับได้ เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้แน่นอน” เจ๊หวีสัญญาพร้อมทำท่ารูดซิปปาก ถึงจะมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว แต่ถ้าเสี่ยไปป์ไม่อยากให้ใครรู้ ทุกคนก็จะไม่รู้ “เรื่องที่เสี่ยอยากได้ผู้หญิงสักคนน่ะ เจ๊จะพยายามมองหาให้”

                “เจ๊รับปากผมแล้วใช่ไหม”

                “เสี่ยชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะ”

                คำถามของเจ๊หวีคือคำตอบรับที่ปวินท์ไม่นึกยินดีเลย คนจะมีเมียยิ้มเครียด

                “ขอเป็นคนที่ว่าง่าย”

                “หมายถึงว่านอนสอนง่ายใช่ไหม” เจ๊หวีช่วยแก้ให้ ปวินท์พยักหน้าส่งเดช “แล้วอะไรอีกจ๊ะ”

                “ใจถึง”

                “หึ?” คราวนี้คิ้วเรียวได้รูปของแม่สื่อเริ่มขมวด มองชายหนุ่มอย่างครุ่นคิด หรือเสี่ยไปป์จะมีรสนิยมผาดโผน “แล้ว...”

                “ต้องกล้าได้ กล้าเสีย และต้องมีทักษะด้านการแสดงนิดหน่อย”

                พอชายหนุ่มแจ้งความต้องการของตัวเองครบถ้วน บนหน้าเจ๊หวีก็มีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด 

                “สเปกเสี่ยนี่วาไรตีดีเนอะ เสี่ยอยากได้เมียจริงๆ ใช่ไหม”

                “ก็ถ้าไม่อยาก แล้วผมจะบากหน้ามาหาเจ๊ทำไม” ปวินท์ย้อนถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ก่อนจะชักสีหน้าไม่พอใจใส่แม่สื่อไปอีกหนึ่งดอก 

                ทำไมเจ๊หวีขี้สงสัยนัก เขามาขอให้หาเมีย ก็แสดงว่าเขาต้องการเมียนะสิถามได้ แล้วสายตาที่มองเขาราวกับว่าเป็นไอ้หื่นนี่มันยังไง ปวินท์นึกอย่างขุ่นเคือง

                “อะๆๆ เสี่ยอยากมีเมียเจ๊รู้แล้ว แต่เมียเสี่ยจำเป็นต้องมีทักษะการแสดงด้วยเหรอ” งานคอสเพลย์ งานชุดนอนไม่ได้นอนต้องมาแล้วไหมล่ะ

                “เอ่อ...คงหมายถึงเรื่องการแสดงออกทางบุคลิกภาพน่ะครับเจ๊ ประมาณว่าสามารถออกงานสังคมได้แบบที่ไม่ทำให้ขายหน้า เพราะว่าช่วงหลังๆ ไปป์มันต้องออกงานสังคมบ่อยๆ น่ะครับ ถ้าได้คนรู้งานเข้าสังคมเป็นก็ไม่ต้องมาเสียเวลาสอนกันใหม่” ทัชพลช่วยขยายความ

                “ครับ ตามที่ทัชบอก”

                “งั้นขอเจ๊นึกดูก่อนนะ จะไปหาผู้หญิงแบบเสี่ยว่าได้จากตรงไหน” แม่สื่อครุ่นคิด 

                จะว่าไปมันก็มีอยู่หรอก สมองของเจ๊หวีพลันนึกไปถึงสาวๆ ในคณะลิเกของพ่อกระต่ายขาว หลายนางหน่วยก้านเข้าเค้าตามที่เสี่ยต้องการ ไม่ใช่งานยาก แต่แปลกแท้ อย่างเสี่ยไปป์เนี่ยไม่น่าจะมีรสนิยมชอบลิเกเหมือนกัน แหม...เห็นหน้าเข้มๆ แอบเป็นพ่อยกก็ไม่บอก อยู่ด้อมเดียวกันรึเปล่าเนี่ย

                “ถ้ามันจะขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งไป ผมก็ไม่เกี่ยง” ปวินท์บอกอย่างใจป้ำ

                “อันที่จริงเจ๊พอมีแหล่งหาเมียให้เสี่ยอยู่นะ แต่ขอเวลาให้ได้ไปลองทาบทามดูก่อน สาวๆ เขาสนใจไหม แล้วจะส่งข่าวบอกอีกที”

                “แบบนั้นก็ได้ครับ” สีหน้าของปวินท์ค่อยดีขึ้น แต่เขาใจร้อนเกินกว่าจะรอ เขาไม่ได้มีเวลามาเทียวไล้เทียวขื่อกับเจ๊หวีมากนัก ไหนจะงานของตัวเอง งานของน้องสาว แล้วยังต้องตามทวงหนี้ให้แม่อีก ดังนั้นเจ๊หวีจะต้องมีเดตไลน์ “แต่ผมรอได้แค่สามวันนะ”

                “อะไรสามวันจ๊ะเสี่ย”

                “สำหรับการทาบทามเมียให้ผมไง”

                “เสี่ย...” เจ๊หวีลากเสียงยาวไปยันปากซอย “นี่ใจคอจะไม่ให้ผู้หญิงเขาทำความรู้จักกับเสี่ยบ้างเหรอ”

                “ผมเชื่อว่าผู้หญิงกว่าครึ่งจังหวัดต้องรู้จักเสี่ยไปป์เป็นอย่างดี คราวนี้ก็อยู่ที่เจ๊หวีแล้วละว่าจะหยิบสุ่มมาถูกกลุ่มไหม” ชายหนุ่มหรี่ตามองหน้าแม่สื่อด้วยแววตาของราชสีห์เตรียมขย้ำเหยื่อ “และเผื่อเจ๊หวีอยากได้แรงกระตุ้นในการทำงาน ผมขอแนะนำให้เจ๊คิดถึงหนี้สินของเราเอาไว้ จะได้มีแรงฮึดรีบหาเมียให้ผม โอเคนะครับ”

                “เรื่องนั้น...” เจ๊หวีเริ่มว้าวุ่น เมื่อเสี่ยหนุ่มพูดวนมาถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ จนได้

                “ผมรู้ครับว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ใครๆ ก็รายได้ฝืดเคืองกันหมด เงินทองมันหายาก แต่ถ้าเจ๊หาเมียให้ผมได้ภายในสามวันนี้ ผมก็จะแกล้งๆ มองผ่านบัญชีหนี้สินของเจ๊ไป และหากเจ๊หาเมียได้ตรงตามสเปกที่ผมต้องการ ผมอาจจะพิจารณาโพรเสริมลดดอกพร้อมต้นให้เจ๊เป็นกรณีพิเศษด้วย สนใจไหมครับ” ข้อเสนอของปวินท์ยั่วยวนใจอยู่ไม่น้อย

                “แล้วถ้าเจ๊หาไม่ได้ล่ะจ๊ะ”

                “ง่ายนิดเดียว” เจ้าหนี้ยิ้มกว้างพลางยักไหล่ “ถ้าหาเมียให้ผมไม่ได้ เจ๊ก็เตรียมเงินสามแสนไว้ใช้คืนให้ผมก็แล้วกัน”

                “เสี่ย...”

                “อ่อ...ไม่ใช่สามแสนสิเนอะ ดอกด้วย แล้วยังจะค่าอะไรต่อมิอะไรที่ผมบอกนั่นอีก” ปวินท์ยืดตัวเต็มความสูง ใบหน้าเกลื่อนรอยยิ้ม ขณะที่เจ๊หวีผู้แบกหนี้อยู่สามแสนหมดแรงลุก

                “ผมไม่ใจร้ายกับเจ๊หรอก อย่างน้อยเจ๊ก็ยังมีโอกาสได้เลือก อีกสามวันถ้าเจ๊หาเมียให้ผมไม่ได้ เจ๊ก็ต้องหาเงินมาให้ผมแค่นั้น เจ๊สามารถโทร. เช็กยอดหนี้ปัจจุบันกับผมได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”

                “เสี่ย...”

                “รบกวนเจ๊มานานแล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อน” 

                เมื่อเสี่ยหนุ่มบอกว่าจะกลับ เจ้าของบ้านก็ได้แต่ยิ้มแห้งกับคำอำลาอันน่าขนลุก 

                “อีกสามวันเจอกันนะครับ”

 

                ทันทีที่รถเจ้าหนี้แล่นพ้นรั้วบ้าน คุณกัญญารีบควานหาโทรศัพท์มากดโทร. หาลูกสาวเป็นอันดับแรก สัญญาณดังยาวๆ อยู่หลายรอบก่อนจะตัดเข้าระบบฝากข้อความ นี่มันลางร้ายชัดๆ จิตใจลูกหนี้ที่ถูกบีบคั้นเริ่มระส่ำระสาย มือไม้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แค่เพียงเสียงโทรศัพท์ดังก็ทำเอาสะดุ้งโหยง

                “กีวี่ทำอะไรอยู่ลูก”

                “ขัดห้องน้ำอยู่แม่ วิ่งออกมารับไม่ทัน แม่มีอะไรเหรอ อย่าบอกว่าจะโทร. มาขอตังค์นะ ตอนนี้หนูมีแต่หอยกับรอยยิ้ม”

                “เป็นสาวเป็นนางพูดจาน่าเกลียด แม่แค่จะโทร. มาปรับทุกข์”

                “โอ้โหนี่หนูฟังผิดไปหรือเปล่า อย่างเจ๊หวีเนี่ยนะจะมีความทุกข์กับเขา ทำไมแม่ อีกระต่ายผีพระเอกลิเกขวัญใจแม่มันประกาศเปิดตัวลูกเมียหรือไง” ลูกสาวโวยวายเพราะยังเคืองเรื่องที่แม่คอมเมนต์ขอเงินกลางไลฟ์ไม่หาย

                “ใช่ที่ไหนล่ะ” เจ๊หวีของกรวีร์ค้อนขวับ “พ่อกระต่ายไม่ทำร้ายจิตใจแม่อย่างนั้นหรอก ไม่เหมือนเสี่ยไปป์ ลูกชายเจ๊ปิ๋ม เห็นเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา บทจะพูดขึ้นมาแม่อยากจะเป็นลม”

                “ทำไม ลูกชายเจ๊ปิ๋มขู่จะส่งแก๊งหมวกกันน็อกมาทวงหนี้แม่เหรอ หนูว่าแล้วไหมล่ะ แทงหวยไม่ถูกแบบนี้บ้าง ไอ้พวกเจ้าหนี้นอกระบบมันก็ต้องมามุกเดียวกันทั้งนั้น ปากก็บอกอยากช่วยๆ ให้เราตายใจ สุดท้ายช่วยซ้ำเราให้ช้ำในตายละสิ”

                “กีวี่เอ๊ย...ถ้าส่งแก๊งหมวกกันน็อกมา แม่จะไม่เดือดร้อนอย่างนี้เลย แต่นี่เสี่ยมาเองตัวเป็นๆ แถมยังขู่แม่อีก”

                “ข่มขู่ กรรโชกทรัพย์ มันก็คาแรกเตอร์หลักเจ้าหนี้อยู่แล้วแม่ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ตอนไปยืมเงินเขาแม่ก็น่าจะเตรียมใจว่าต้องเจอกับอะไรประมาณนี้ ต่อไปถ้าแม่เบี้ยวหนี้ เขาอาจจะจัดหนักทุกท่วงท่า ทำมากกว่าขู่ก็ได้”

                “งานนี้แม่ตายแน่ ถ้าภายในสามวันนี้ไม่มีเมียไปให้เสี่ยน่ะ อุ๊ย!” คุณกัญญายกมือปิดปาก แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ช่างเถอะลูกสาวเธออยู่กรุงเทพฯ โน่น เสี่ยคงไม่รู้หรอก

                “เดี๋ยวแม่ เขาไม่ได้มาทวงเงินหรอกเหรอ”

                “มาทวงเงินน่าจะคุยกันง่ายกว่านี้ นี่มาให้แม่หาเมียให้”

                “ฮะ! ลูกชายเจ๊ปิ๋มเนี่ยนะให้แม่หาเมียให้”

                “ต้องได้ภายในสามวันนี้ด้วย”

                “บ้าบอ” กรวีร์หัวเราะเสียงดังเข้ามาในสาย “ถ้าไม่ของขาดจนหน้ามืด ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะยอมเป็นเมียใครก็ไม่รู้ เสี่ยของแม่ยังสติดีอยู่รึเปล่า”

                “ก็นั่นละสิ แม่น่ะเป็นแม่สื่อนะไม่ใช่แม่เล้าจะได้กางแค็ตตาล็อกแล้วให้เสี่ยจิ้มนิ้วเลือกเอาตามใจชอบน่ะ”

                “เขาก็คงมองว่ามันคล้ายๆ กันละมั้ง หนูเคยเตือนแม่แล้ว อาชีพแม่สื่อน่ะมันไม่ดี แม่ก็ไม่ยอมเลิกสักที ไอ้ที่เขาแฮปปีมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าคนไม่ใช่คู่กัน อยู่กันไม่ยืด บาปกรรมน่ะมันจะตกมาถึงตัวแม่ เป็นไงล่ะสุดท้ายอาชีพนี้ก็นำภัยมาให้แม่จนได้”

                “มันใช่เวลามาซ้ำเติมไหมล่ะ” คนเป็นแม่โอดครวญ

                “แล้วแม่จะไปหาเมียให้เสี่ยจากไหน”

                “ยังไม่รู้เหมือนกัน”

                “เสี่ยเขาไปคันไข่มาจากไหนอะแม่ ทำไมรีบ” กรวีร์หัวเราะขบขัน ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างนึกสนุก “เอ...หรือหนูจะลองไปสมัครเป็นเมียขัดดอกของเสี่ยดีแม่”

                “กีวี่!” เจ๊หวีเอ็ดลูกสาว “แม่ไม่ขำด้วยนะ เมียที่เสี่ยว่ารีบใช้เนี่ย แม่ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยจะใช้แบบไหน อย่าทำเป็นเล่นไปเชียว แล้วที่ว่าจะกลับบ้านน่ะ จะกลับเมื่อไร”

                “ว่าจะไลฟ์ขายหม้อหาทุนค่าน้ำนมให้แม่อีกสักรอบน่ะ เผื่อจะได้กำไรให้แม่ผ่อนดอกเจ๊ปิ๋มสักเดือน แม่ก็อย่ามาแจ้งหนี้หนูกลางไลฟ์อีกแล้วกัน หนูอายลูกค้า”

                “เออน่า คราวนั้นแม่ใจร้อนเลยนิ้วลั่นไปหน่อย”

                “อืม...หนูก็เห็นร้อนทั้งใจ ร้อนทั้งเงิน แล้วน้ำพริกที่แม่พรีออร์เดอร์ไปน่ะจะได้ของเมื่อไร หวังว่าอีกระต่ายผีสุดที่รักของแม่จะไม่โกงกันนะ เพราะถ้ามันตุกติกละก็...หนูบอกเลยว่าต้องมีตายกันไปข้างหนึ่งแน่”

                “พ่อกระต่ายเขาไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า แต่กีวี่รีบกลับมาไวๆ ก็ดีนะลูก เผื่อสามวันนี้แม่หาเมียให้เสี่ยเขาไม่ได้”

                “หนูก็บอกอยู่นี่ไง ถ้าแม่หาไม่ได้ หนูจะพลีกายไปเป็นเมียขัดดอกให้เสี่ยเอง”

                “ไม่ได้จะให้กลับมาแบบนั้น” คุณกัญญาอยากจะร้องไห้ “ถ้าหนูอยู่ด้วยจะได้ช่วยแม่พูดกับเสี่ยไง แม่เองก็อุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้กีวี่”

                “หวังว่าบทเรียนครั้งนี้จะทำให้แม่หูตาสว่างขึ้นมาบ้าง แม่จำให้แม่นๆ เลยนะ ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น มีสาเหตุมาจากอีกระต่ายผี ถ้าแม่ไม่มือลั่นพรีออร์เดอร์น้ำพริกมัน แม่ก็คงไม่ต้องมาเป็นหนี้ให้เสี่ยไข่สั่นนั่นบีบบังคับเอาอย่างนี้”

                “แม่ผิดไปแล้ว”

                “หนูเอาใจช่วยแล้วกัน หวังว่าแม่จะหาเมียให้เสี่ยทันเวลา”

                “แม่ไม่อยากได้ใจช่วย แม่อยากให้หนูตัวเป็นๆ มาช่วยกันกล่อมเสี่ยมากกว่า เสี่ยไปป์น่ะเห็นเงียบๆ แต่เวลาปรายตามองมาแต่ละที หูย...แม่นี่ขนแขนสแตนด์อัปไปหมด”

                “ใครผูก คนนั้นก็ต้องแก้เอาเถอะแม่ หนูจะไปช่วยอะไรได้ล่ะ ทำอย่างกับว่าพูดแล้วเสี่ยจะเชื่อหนู ไอ้ครั้นจะพลีกายขัดดอกให้ แม่ก็ไม่เอาอีก”

                “ก็มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ถ้าบุญพาวาสนามีแม่ไม่ขวางหรอก คนจะคู่กันได้มันต้องเกิดความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย นี่อะไรไม่เคยเห็นหน้าค่าตา จู่ๆ จะมาพลีกายให้เขา ไม่เอา แม่ไม่ยอม”

                “หนูอุตส่าห์เสนอตัวให้ขนาดนี้ยังไม่สนอีกแฮะ สวย โสด ซิง มีจริงนะแม่ เสียแต่ว่าจนไปหน่อย ถ้าเสี่ยมีใจเดี๋ยวหนูวาร์ปไปสุพรรณตอนนี้เลย”

                “ประชดกันใช่ไหม แม่ฟังหางเสียงหนูออกนะ”

                “อะ งั้นแม่ก็ไปเปิดตำราดูดวงสมพงศ์นาคคู่หาเมียให้เสี่ยเถอะ เดี๋ยวหนูต้องช่วยเปรมแพ็กของส่งลูกค้าอีก เสร็จงานทางนี้จะแวบไปหา รักษาตัวดีๆ อย่าให้แก๊งทวงหนี้มาอุ้มไปไหนนะแม่”

                “ขยันอวยพรแม่จริง ไอ้เรื่องซ้ำเติมคนนี่ไปได้มาจากไหนหึ ถ้าจะกลับบ้านก็โทร. มาก่อน แม่จะได้เตรียมทำกับข้าวรอ”

                “รักนะเจ๊หวี อย่าเครียดจนความดันขึ้นล่ะ”

                ลูกสาววางสายไปแล้ว คุณกัญญาก็กลับมานั่งห่อเหี่ยว แต่เสียงแจ้งเตือนที่ดังขึ้นปลุกพลังชีวิตให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาราวกับได้ยาโด๊ป วันนี้พ่อกระต่ายถึงคราวเล่นลิเกไลฟ์สด เอาละไหนๆ ก็คิดไม่ออก นอนดูลิเกแก้เซ็งพร้อมเล็งพวกนางรำในคณะให้เสี่ยดีกว่า รับรองว่าทักษะการแสดงของแม่พวกนั้นจะทำให้เสี่ยตะลึงถึงขั้นลืมไม่ลงเลยทีเดียว

 

                สามวันผ่านไปไวเหมือนติดจรวด แต่สำหรับคุณกัญญาแล้วมันกลับเป็นสามวันที่ยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ ทุกๆ เช้าก่อนจะเปิดร้านคุณแม่สื่อจะต้องแวะเยี่ยมเยียนบรรดาห้างร้านที่มีลูกสาว เท่าที่ดูก็ไม่มีใครจะเหมาะกับเสี่ยไปป์เลยสักคน ยิ่งพวกผู้ใหญ่ด้วยแล้วยากมากที่จะยอมอนุญาตให้ลูกสาวหรือหลานสาวแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งภายในเวลาสามวัน แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะมีชื่อว่า นายปวินท์ ปรานต์ปราณนต์ ก็ตาม 

                ส่วนแม่พวกนางลิเกของพ่อกระต่ายก็พึ่งพาไม่ได้เลย เห็นหน้าเด็กๆ แต่ดันชิงขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดวิวาห์เหาะกันหมดแล้ว ขืนตีมึนย้อมแมวขายให้เสี่ยไปละก็ เจ๊หวีได้สิ้นชื่อแน่ 

                ถึงวันเส้นตายที่เสี่ยไปป์ขีดไว้มาถึง เจ๊หวียังไม่สิ้นลาย เฟ้นหาคนได้อย่างเฉียดฉิว ถึงจะไม่ได้คนที่เหมาะสม ก็ใช่ว่าจะไม่มีตัวเลือกให้เสี่ยซะเลย เย็นวันนี้แหละ แม่สื่อได้จัดการนัดแนะผู้หญิงคนหนึ่งไว้ให้เสี่ยไปป์พิจารณา

                เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาเกือบสี่โมงเย็นตอนที่คุณกัญญาทำผมให้ลูกค้าคนสุดท้ายเสร็จ ก็ตั้งใจว่าจะปิดร้านแล้วกลับบ้านเลย เพราะนัดกับว่าที่เมียเสี่ยให้ไปรอที่นั่น 

                ความจริงสถานที่แรกพบนี่ก็ต้องพิถีพิถันสร้างบรรยากาศให้มันโรแมนติกเพื่อเสริมสร้างความประทับใจ แต่ดูท่าแล้วเสี่ยไปป์คงไม่เอาด้วย อยากจะได้แต่เมียๆๆ ย้ำอยู่นั่นละ ไม่รู้จะรีบไปไหน นี่ถ้าไม่เห็นแก่คำว่าลดดอกพร้อมต้นละก็เจ๊หวีคนนี้จะไม่ดิ้นรนเลยให้ตายเถอะ!

                คุณกัญญากระทืบมอเตอร์ไซค์ในใจคิดไปถึงผู้หญิงที่นัดไว้ แม่โฉมงามทรามสวาทตัวเต็งที่จะนำเสนอให้เป็นเมียเสี่ยไปป์ก็คือนางรำในคณะลิเกของพ่อกระต่ายนั่นแหละ เหลือเป็นโสดอยู่แค่นางเดียว นิสัยออกจะโหล่ๆ ไปหน่อย แต่ก็พอแก้ขัดได้ ถ้าเสี่ยไปป์ชอบเจ๊หวีก็จะเชียร์สุดใจ แต่ถ้าเสี่ยไม่ชอบ บางทีอาจจะขอขยายเวลาให้แม่สื่อผู้ยากไร้คนนี้ได้มีโอกาสมองหาคนเหมาะสมกับตำแหน่งเมียแก้วเมียขวัญของเสี่ยต่อไป

                แค่เลี้ยวมอเตอร์ไซค์เข้าบ้าน คุณกัญญาก็เห็นปวินท์ยืนกอดอกพิงรถรออยู่ ยังไม่ถึงเวลานัดแท้ๆ แต่พ่อคนร้อนเมียมายืนรอ พ่อคุณเอ๊ย...อะไรจะรีบปานนั้น

                “เสี่ย...มาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย รอเจ๊นานไหม” คุณกัญญารีบจอดรถแล้วเดินเข้ามาหา 

                “พอดีที่ไซต์งานไม่มีอะไรทำน่ะครับ เลยทิ้งไว้ให้ทัชดู”

                “เจ๊ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยจะมาก่อน ไปๆ เข้าไปนั่งรอในบ้าน คนที่เจ๊นัดไว้ให้ยังไม่มาเลย รอหน่อยนะ เดี๋ยวเจ๊ไปเอาน้ำมาให้”

                “เอ่อ...เจ๊หวีครับ”

                “อะไรเหรอ”

             “ผมขอน้ำเปล่านะครับ แดงโซดาพักก่อน” ปวินท์รีบบอกเพราะไม่อยากแย่งน้ำแดงกับแม่นางกวัก 

                ระหว่างรอชายหนุ่มถือวิสาสะเดินเลยไปที่ตู้โชว์ มองรูปถ่ายที่อัดขยายใส่กรอบอย่างสนใจ นี่คงเป็นภาพครอบครัวของเจ๊หวี ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมา สมัยสาวๆ แม่สื่อของเขาคงจะเปรี้ยวไม่เบา และเขาก็เพิ่งรู้ว่าเจ๊หวีมีลูกสาว ปวินท์ไล่สายตามองพัฒนาการของลูกเจ๊หวีตั้งแต่แบเบาะจนกระทั่ง...

                “แม่!”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น