10

10

10
 
                ชีวิตหลังการจดทะเบียนสมรสของปวินท์และกรวีร์ผ่านมากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว ทั้งคู่ปรับตัวเข้าหากันได้ดีมากขึ้น หมอนข้างยังถูกวางกลางเตียงทุกคืน และแม้ว่าจะมีหลายเหตุการณ์ชวนให้ใจสั่น แต่ต่างคนต่างแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เนียนๆ ไปจะได้ไม่เขินกันเอง
                ทุกวันนี้นอกจากดูแลคุณปรารถนากับประภามนท์ กรวีร์ก็มีอีกหนึ่งงานประจำนั่นคือการส่งอาหารกลางวันให้สามี เดี๋ยวนี้เธอเข้าออกอาณาจักรปรานต์ปราณนต์ได้อย่างสบายทั้งในบริษัทและไซต์งานข้างนอก ทุกคนรับรู้ถึงการมีตัวตนของเมียเสี่ยไปป์ ปวินท์ทำบัตรผ่านพิเศษให้เธอโดยเฉพาะ ถ้าใครไม่เชื่อก็ให้หงายการ์ดเมียเสี่ยแล้วเอาบัตรอันนั้นให้ดูได้เลย เรียกว่าให้อภิสิทธิ์ความเป็นเมียแก่เธอครบมาก
                กรวีร์ถือฤกษ์ดีโทร. ไปแจ้งข่าวกับเปรมสุดา ผลปรากฏว่าเพื่อนรักกรี๊ดลั่นห้อง ดีใจที่เธอล้างหนี้ให้เจ๊หวีได้สำเร็จ แถมยังยุยงส่งเสริมให้ฮุบสมบัติเสี่ยอีกต่างหาก เจ๊เปรมบอกว่าถ้าได้ตัวกับหัวใจของเสี่ยไปป์ไว้ในกำมือแล้ว เงินหนึ่งล้านนั่นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
                เอากับเพื่อนเธอสิ ผู้หญิงคนนั้นช่างแสนร้ายกาจ เปรมสุดายังยืนยันกับเธอว่าไม่ต้องเป็นห่วง ถึงจะไม่ได้ไลฟ์ขายของ แต่ก็ยังมีลูกค้าอินบ็อกซ์มาสอบถามอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ใช้เงินมือเติบก็พอจะอยู่ได้ระหว่างรอหางานใหม่ กรวีร์โล่งใจไปเปลาะหนึ่งและบอกเพื่อนไปว่าถ้าขาดเหลืออะไรให้รีบบอกทันที
                หมดห่วงเรื่องเพื่อนก็มาเข้าเรื่องผัว ว่าต่อกันด้วยเรื่องของกรวีร์กับปวินท์โดยเฉพาะ เนื่องจากความสัมพันธ์ที่จงใจทำให้เปิดเผย ข่าวเมียเสี่ยไปป์จึงเลื่องลือแพร่สะพัดไปทั่วทั้งจังหวัด การเกี่ยวดองกะทันหันครั้งนี้พอจะสร้างผลประโยชน์ให้เจ๊หวีอยู่บ้าง เพราะใครๆ ก็ต่างอยากเห็นโฉมหน้าของเมียเสี่ยไปป์สักครั้ง
                กรวีร์ตีหน้าไม่ค่อยถูก ทว่าปวินท์ค่อนข้างพอใจที่ผลออกมาเป็นอย่างนั้น
                ชายหนุ่มไม่เคยคิดเสียดายเงินที่จ่ายเจ๊หวีไปเลย เพราะกรวีร์เป็นเมียที่ดีเกินคาด แค่ข้าวปลาอาหารที่เธอบริการส่งให้ถึงไซต์งานทุกวันก็คุ้มแล้ว ปวินท์คิดว่าชีวิตครอบครัวแบบนี้ก็มีความสุขดีไม่น้อย ค่อยๆ เรียนรู้นิสัยใจคอกันไป ไม่แน่หรอกหลังจากได้ตัวคนร้าย เขาอาจจะต้องหาวิธีรั้งเมียคนนี้ให้อยู่ด้วยกันต่อก็ได้
                เช้าวันนี้ชายหนุ่มออกจากบ้าน แต่ไม่ได้ไปทำงานตามที่บอกกับภรรยา ปวินท์และทัชพลนัดเจอกันที่สถานีตำรวจเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี สารวัตรวรวิชรอทั้งคู่อยู่แล้ว พอไปถึงสารวัตรก็เอ่ยแซว
                “ไม่พาพี่สะใภ้มาแนะนำให้ผมรู้จักบ้าง”
                “อย่าหาเรื่องปวดหัวเลยสารวัตร แต่ถือว่าข่าวไวใช้ได้นะ” ปวินท์ยิ้มพลางนั่งลงและถามเข้าเรื่อง “ไหนๆก็พูดเรื่องนี้แล้ว มีเรื่องอยากจะรบกวนสารวัตรสักหน่อย”
                “เรื่องอะไรเหรอครับ”
                “เรื่องเมียพี่นี่แหละ ช่วยส่งคนตามดูหน่อย เพราะถึงพี่จะพยายามระวังอันตรายให้เขา แต่บางครั้งมันก็ไปกับเขาตลอดไม่ได้ไง หากสารวัตรส่งคนคอยตามก็ยังพอวางใจได้ พี่เป็นห่วงเขา”
                “พี่ไปป์ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะให้ลูกน้องผลัดเวรกันไปดู” สารวัตรรับปาก
                “มีอะไรคืบหน้าบ้างไหม”
                สารวัตรหนุ่มลุกขึ้นมาเปิดภาพในกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ในคืนเกิดเหตุให้ปวินท์กับทัชพลดู
                “ผมเริ่มตามรอยคนร้ายจากโรงแรมในคืนวันงาน เป็นไปได้ว่ารถของคุณตรัยอาจถูกทำให้ระบบเบรกมีปัญหาที่นั่น แต่มุมที่คุณตรัยจอดรถมันค่อนข้างอับ กล้องตัวอื่นก็ไม่สามารถจับภาพได้ นี่คือมุมที่ดีที่สุด แต่ก็อย่างที่เห็นครับ ภาพไม่ชัดเจนเลย” สารวัตรชี้นิ้วไปที่มุมหนึ่งของภาพ “พี่ไปป์กับพี่ทัชดูนี่นะครับ จากกล้องตรงนี้ทำให้เราเห็นคนที่เข้าออกในลานจอดรถทั้งหมด ผมนั่งดูแล้ว คืนนั้นคนที่มางานจอดรถเสร็จก็เดินเข้างานตามปกติ จะออกมาอีกทีก็ตอนกลับ ยกเว้นสามคนนี้”
                สารวัตรเลื่อนภาพให้เร็วขึ้น
                “คุณชิตเป็นคนแรกที่เดินออกมา แต่พี่ไปป์ลองดูระยะเวลานะครับ ออกและกลับเข้าไป คุณชิตใช้เวลาเร็วมากจนไม่น่าจะเพียงพอสำหรับก่อเหตุ อีกคนคือคุณนิด เวลาเข้าออกของเธอไม่ต่างจากพี่ชาย”
                “สารวัตรกำลังจะบอกว่าสองคนนี้ไม่น่าใช่คนร้าย” ปวินท์เลิกคิ้วถาม
                “ดูจากระยะเวลาแล้วก็ไม่น่าใช่ครับ”
                “แล้วคนสุดท้ายล่ะ” ทัชพลถามบ้าง
                “ครูหลินครับ”
                “ครูหลิน!” สองหนุ่มอุทานออกมาพร้อมกัน ก่อนทัชพลจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
                “คืนนั้นครูหลินลุกหายไปจากโต๊ะนานอยู่นะ นายกครองยังบ่นหาเลยว่าไปไหน พอกลับมาทั้งหมดก็ขอตัวกลับบ้าน”
                “พอครูหลินออกมาที่ลานจอดรถ สักพักก็มีมอเตอร์ไซค์ขับวนเข้ามาแล้วขับออกไปคล้ายกับมาดูลู่ทาง แต่ข้อมูลแค่นี้เราคงยังสรุปอะไรไม่ได้นะครับ เพราะไม่มีภาพยืนยันว่าครูหลินกับมอเตอร์ไซค์คันนั้นออกมาเจอกันหรือไม่ มันแค่กระชับพื้นที่ในการสืบสวนให้แคบลง”
                แปลง่ายๆ คือยังจับมือใครดมไม่ได้นั่นเอง ปวินท์นั่งถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
                “คราวนี้เรามาดูประเด็นทางลูกหนี้กันบ้าง จากบัญชีรายชื่อที่พี่ไปป์คัดมา ดูจำนวนเงินแล้วไม่น่าจะคุ้มกับจ้างมือปืนมาฆ่าแกงกันนะครับ ยกเว้นเสียแต่จะมีลูกหนี้เจ้าใหญ่ๆ ที่เราไม่รู้”
                “เท่าที่รู้ก็มีอยู่แค่นั้น แต่แม่พี่จะซุกลูกหนี้ไว้ไหนอีกบ้างอันนี้ก็สุดจะเดา ไว้จะถามให้แล้วกัน”
                “ผมอยากถามอีกที พี่ไปป์สงสัยใครไหมครับ” สารวัตรคาดคั้น
                ปวินท์มองหน้าทัชพลราวกับจะปรึกษา พอเพื่อนพยักหน้า เสี่ยหนุ่มจึงพูดออกมา “ก่อนสิ้นใจตรัยเตือนให้ระวังนายกครองวิทย์ เป็นไปได้ไหมว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นฝีมือนายกครอง”
                “เหตุผลล่ะครับ คุณตรัยได้บอกไหม”
                ปวินท์นิ่งก่อนส่ายหน้า
                “ถ้าเรารู้ว่าเขามีแรงจูงใจในการก่อเหตุ อย่างนายกครองเราสงสัยเขาจากคำพูดของคุณตรัย แต่จู่ๆ เราจะเดินไปยัดข้อกล่าวหาให้เขาโดยอ้างคำพูดคนที่เสียชีวิตไปแล้วไม่ได้ นี่คือหลักการโดยทั่วไป”
                สารวัตรพยายามชี้แจง
                “แต่ถ้าพี่ไปป์สงสัยนายกครอง ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว อันนี้ถือว่าเราคุยกันส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับรูปคดีนะครับ เรามองไปที่ผลประโยชน์ที่นายกครองจะได้รับ ในกรณีที่แม่กับน้องสาวของพี่ไปป์เสียชีวิต ลูกสาวคนเดียวของนายกมีสิทธิ์จับพี่ได้สบายๆ โดยไม่มีใครขัดขวาง เพราะเขาก็ส่งลูกชายแยกตัวครูหลินไปจากพี่ไปป์แล้ว”
                “พี่ไม่เคยคิดอะไรกับคุณนิด” ปวินท์รีบส่ายหน้าปฏิเสธ
                “แต่คุณนิดเขาคิดอะไรกับแก” ทัชพลแย้ง
                “ฉันมีเมียแล้ว”
                “อันนั้นผมรู้ครับ” สารวัตรยิ้มอย่างเข้าใจแล้วหันไปพูดกับทัชพล “ท่าทางพี่ไปป์เกรงใจพี่สะใภ้จังเลยนะครับ”
                “มันเห็นแก่กินมากกว่าสารวัตร ตั้งแต่มีเมียเนี่ยต้องส่งข้าวส่งน้ำตลอด หากินเองไม่เป็นแล้ว” ทัชพลช่วยยืนยันอีกเสียง “ขอถามอีกสักประเด็นนะสารวัตร สมมติว่าทั้งหมดนี้เป็นตัวหลอกล่ะ เป็นไปได้ไหมถ้าจะมีมือที่สามนอกจากพวกที่ว่ามา”
                “ประเด็นมือที่สามก็ตัดทิ้งไม่ได้ครับ ถ้าจะเอาชีวิตกันจริงๆ ผมเชื่อว่าคนร้ายต้องลงมืออีกแน่ พี่สองคนรวมถึงคนใกล้ชิดต้องระวังตัวกันไว้บ้าง และถ้ามันลงมืออีกครั้งผมว่าเราต้องได้เบาะแสเพิ่มแน่ครับ”
                “คุณนายปรารถนายังพอฝากหมอไว้ได้ แต่ไอ้ปาล์มนี่เริ่มจะอึดอัดมากขึ้นทุกที” ปวินท์ทำหน้าหนักใจ เพราะเขาไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปรั้งประภามนท์ให้รักษาตัวต่อในโรงพยาบาล
                “ธรรมดาครับพี่ไปป์ แล้วปาล์มก็เจ็บน้อยกว่าใครเพื่อนอยู่อย่างนั้นคงเบื่อแย่ ก็ให้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปพักฟื้นอยู่บ้าน ยังไม่ต้องให้ไปทำงาน เวลาไปไหนมาไหนอย่าให้ไปคนเดียว ช่วยดูแลเป็นหูเป็นตาให้กันไปก่อน ปาล์มจะได้ผ่อนคลายจากความโศกเศร้าด้วย” สารวัตรเสนอทางเลือก
                ปวินท์พยักหน้า แต่คิ้วที่ขมวดอยู่ยังไม่คลาย
                “สารวัตรได้ข้อมูลเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นไหม”
                “ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลยครับ” สารวัตรรายงานตามความเป็นจริง “ทางเรากำลังสืบจากรุ่นของรถและหัวกระสุนที่ติดยางรถครับ ทางพี่ไปป์มีอะไรผิดสังเกตไหม”
                ทัชพลหัวเราะเบาๆ “ตั้งแต่ปล่อยข่าวว่ามีเมีย เหมือนเสี่ยจะโดนเมียขโมยซีนนะสารวัตร ใครๆ ก็อยากรู้จักสะใภ้เจ๊ปิ๋มกันทั้งนั้น คนที่ต้องสังเกตก็เมียมันเนี่ยแหละ”
                “เขาเป็นจุดสนใจแบบนี้ไง ฉันถึงได้ห่วง กลัวจะพลาด”
                “ผมจะช่วยระวังให้อีกทางครับ พี่ไปป์ไม่ต้องห่วง ว่าไปหามาได้ยังไงครับ ผมได้ยินข่าวยังตกใจ”
                “บุพเพสันนิวาสน่ะ” ทัชพลยังขำไม่เลิก
                “พอเลยไอ้ทัช แกจะแซวไปถึงไหนวะ” ปวินท์ทำหน้ากึ่งบึ้งกึ่งยิ้ม “วิชก็อย่าไปฟังมันมาก”
                “น่าสนใจนะครับ ผมเองฟังพวกพี่ๆ พูดถึงยังอยากเห็นเลย ต้องชมพี่ไปป์คิดไว ลงมือไว หาคนใช้งานได้ทันใจจริงๆ”
                “อย่าพูดอย่างนั้นเลย บางทีก็รู้สึกผิดต่อเขานะ ว่างๆ ลองไปกินข้าวกับพี่ที่บ้านสักมื้อสิแล้วจะแนะนำให้รู้จักกับพี่สะใภ้ ยังไงก็ฝากตามเรื่องคนร้ายให้หน่อยนะ พี่กลัวว่าเราจะพลาดแล้วเกิดอันตรายขึ้นมาอีก ถึงเมียคนนี้จะได้มาด้วยความจำเป็น แต่พี่ก็ไม่อยากเอาเปรียบเขา มันอดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ”
                “ทางที่ดีพี่ก็ลองบอกให้เขาระวังตัวบ้างนะครับ เวลาไปไหนมาไหนก็สังเกตรอบๆ ตัวบ้าง เราไม่รู้ว่าคนร้ายจะลงมืออีกหรือเปล่า ก็ได้แต่เดาทางกันไป ป้องกันเอาไว้ดีกว่า ถ้าเป็นคนที่เราสงสัย ผมคิดว่าอีกไม่นานเขาต้องหาทางกำจัดเมียพี่ไปป์แน่ พี่สะใภ้ของผมถือว่าเสี่ยงอยู่นะครับ”
                “เตือนให้ระวังตัวก็ดันคิดว่าเป็นเรื่องสนุกจะมาเป็นบอดีการ์ดให้ซะนี่” ปวินท์นึกอ่อนใจ
                “สารวัตรก็จับคนร้ายได้ไวๆ เมียเสี่ยปลอดภัย จ่ายค่าจ้างแล้วแยกย้ายกัน” ทัชพลสรุปสั้นๆ
                ปวินท์ใจหายอย่างบอกไม่ถูก คนร้ายเขาก็อยากจับให้ได้ แต่พอคิดว่าต้องแยกย้ายกับกรวีร์เขายังหาข้อดีจากตรงนั้นไม่ได้เลย ทั้งน้ำเก๊กฮวยเอย ทั้งกับข้าวเอย ใครจะมาชดเชยเธอได้ในส่วนนี้
                แรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋าทำให้ปวินท์รีบหยิบออกมาดู พอเห็นว่าเป็นชื่อใครเท่านั้นละชายหนุ่มรีบเหลือบตามองไปยังนาฬิกาพร้อมหลุดปากอุทานออกมาว่า
                “ซวยแล้ว!”
 
                กรวีร์หิ้วปิ่นโตข้าวกลางวันพร้อมกระติกน้ำแข็งเติมน้ำเก๊กฮวยมาส่งให้สามีเหมือนอย่างเคย วันนี้เขาบอกเธอว่าจะออกมาตรวจไซต์งานสร้างโรงอาหาร เธอจึงขับรถมาที่โรงเรียนอนุบาลของ ผอ. นคร ทั้งที่ไม่ได้อยากจะย่างกรายมาเหยียบเลยสักนิด
                ทุกครั้งที่ตาลุงยามเห็นเธอก็มักจะชักสีหน้าใส่ คนเราไม่ถูกชะตากันมันก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ ดังนั้นเวลาเธอขับรถผ่านป้อมยามแล้วเจอแกนั่งอยู่ หญิงสาวจะแกล้งหยุดรถฉีกยิ้มใส่แล้วชวนแกไปกินข้าวด้วยกันทุกครั้ง
                ฮวงจุ้ยตรงนี้คงไม่ถูกกับกรวีร์จริงๆ นั่นแหละ ถูกลุงยามเขม่นยังไม่พอ ลูกสาว ผอ. แฟนเก่าของสามีเธอยังเชิดใส่ไปอีก ไม่รู้จะแอบดักตบเธอวันไหน เจอกันทีไรสายตานี้แบบว่าโอ๊ย...อย่างกับเธอไปกระชากเสี่ยออกมาจากอกเจ้าหล่อนอย่างนั้น พอกันไปหมดทั้งแฟนเก่าและแฟนคลับ
                กรวีร์นึกคันปากอยากประกาศดังๆ ให้ทั้งนลินและณิชมนได้ยินกันถ้วนหน้า ขอโทษเถอะจ้า...เสี่ยไปป์น่ะเขาเลือกฉัน!
                แล้วสามีเธอก็ซื้อซื่อ ไม่รู้ว่าบื้อจนดูไม่ออก หรือว่าความรักมันบังตาจนหน้ามืด เสี่ยไปป์ไปชอบผู้หญิงร้ายหลบในแบบนลินได้ยังไง ดีนะที่ยังมีคนโง่กว่าอย่างธนชิตมาแย่งไปน่ะ
                “เจ๊วี่มาส่งข้าวเสี่ยเหรอครับ” หัวหน้าคนงานทักทายอย่างคุ้นเคย
                “ค่ะพี่บาส แล้วเสี่ยไปไหนคะ ทำไมไม่เห็นรถจอด”
                “เอ...วันนี้เสี่ยยังไม่เข้ามาเลยนะครับ เจ๊ไม่ลองโทร. ถามดูเผื่อคลาดกัน”
                อ้าว...จับคนโกหกได้แล้วหนึ่ง ก็ไหนเมื่อเช้าปวินท์บอกเธอเองว่าจะมาที่นี่ สั่งกับข้าวเสียดิบดีอยากกินผัดเผ็ดไก่บ้าน เธอรึอุตส่าห์ขับรถไปตลาดหาซื้อไก่ แล้วไหงเสี่ยเทกันง่ายๆ อย่างนี้ล่ะ
                หญิงสาวเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ภายใน ตอบกลับหัวหน้าคนงานไปว่า
                “เมื่อเช้าเสี่ยบอกจะมานี่น่ะค่ะ เลยนัดกันไว้ สงสัยอาจจะติดธุระที่ไหนอยู่อีกเดี๋ยวคงถึงมั้งคะ พี่บาสกินข้าวต่อเถอะค่ะ ตามสบายเลย”
                หญิงสาวเดินตรงไปที่โต๊ะนั่งกินข้าวประจำของสามีแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่น ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็มีเงาของใครคนหนึ่งทาบลงมา กรวีร์เงยหน้าขึ้นยิ้มค้าง เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่คนที่เธอคิดว่าจะเจอ
                “อ่อ...ครูหลินนั่นเอง สวัสดีค่ะ”
                “อยู่กันสองคนก็ตามสบายเถอะค่ะ อย่าฝืนเลย”
                กรวีร์เลิกคิ้วมองนลินอย่างแปลกใจนิดหนึ่งแล้วยิ้มออกมา “ก็ดีค่ะ ฉันขี้เกียจปั้นหน้าเป็นคนดีเหมือนกัน เฮ้อ...ในที่สุดก็ได้ถอดหน้ากากคุยกันสักทีนะคะ”
                “คุณนิดเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟัง”
                “ฉันต้องถามครูก่อนว่า” กรวีร์ยิ้มมุมปากนิดๆ “ครูจะคุยในฐานะว่าที่พี่สะใภ้ของคุณนิด หรืออดีตแฟนเก่าของสามีฉัน วันนั้นถ้าสังเกตกันดีๆ คุณนิดทำตัวไม่ค่อยน่ารักเลยนะคะ”
                “ฉันว่าคุณเองก็ไม่ใช่เล่นๆ”
                “อู๊ย...ครูก็ชมกันเกินไปแล้วค่ะ ฉันว่าฉันน่ะยังน้อยกว่าครูอยู่หลายเลเวล”
                กรวีร์นึกเกลียดเสียงหัวเราะนุ่มนวลอ่อนหวานของนลินอย่างไม่มีเหตุผล นี่มันนางร้ายในซีรีส์เกาหลีชัดๆ ไม่ต้องแหกปากกรีดร้องโวยวาย แค่นั่งยิ้มมุมปากเบาๆ ก็รู้แล้วว่าร้ายเข้าเส้น
                “ฉันพอจะนึกออกแล้วว่าทำไมคุณนิดถึงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขนาดนั้น พูดตามตรงน้องสาวคุณชิตก็เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความอดทนสักเท่าไร”
                “เธอเลือกเกิดไม่ได้นี่คะ นายกครองคงสปอยล์ลูกสาวน่าดู พูดธุระของครูมาดีกว่าค่ะ”
                “ไม่ได้ธุระสำคัญอะไรหรอกค่ะ พักเที่ยงว่างๆ เห็นคุณนั่งเหงาอยู่คนเดียวเลยจะแวะมาชวนคุย”
                “ดูมีน้ำใจดีนะคะ” กรวีร์ประชดด้วยรอยยิ้มหวานหยด ถ้าจะคุยกับครูหลินแก้เหงาละก็ เธอขอนั่งชอปปิงออนไลน์ยังจะเพลินซะกว่า “ว่าแต่เราจะคุยเรื่องอะไรกันดี”
                “ฉันเล่าเรื่องของพี่ไปป์ให้คุณฟังดีไหมคะ”
                ครูสาวคลี่ยิ้มราวผู้ชนะ ถือว่ายังไงตนก็เคยสนิทสนมกับปวินท์มาก่อน ทว่าลูกสาวเจ๊หวีโบกมือห้าม ลากเสียงยาวเหยียด
                “โอ๊ย...ครูขา นั่นผัวฉัน ฉันนอนคุยกันทุกคืนจนเบื่อแล้วค่ะ ครูไม่ต้องลำบากหรอก แล้วถ้าเขาอยากให้ฉันรู้อะไร เขาก็บอกฉันเองแหละ แหมครูเคยคบเสี่ยมาก่อนก็น่าจะรู้นิสัยเสี่ยดีนะคะ แล้วไอ้ประเภทหวังดีแบบมีผลข้างเคียงเนี่ยเลิกซะนะ มันเชย ฉันกับเสี่ยเราอยู่ในจุดที่คุยกันด้วยเหตุผล ไม่สนคำพูดยุแยง และฉันก็ไม่หึงในเรื่องที่มันผ่านมาแล้ว เสี้ยมไปก็เหนื่อยเปล่าค่ะ”
                “เหมือนอย่างที่คุณนิดว่าไว้จริงๆ” นลินยังคงยิ้มอย่างอ่อนหวาน
                แม้ภายนอกจะแสดงออกถึงความมั่นใจ แต่ภายในใจของกรวีร์กำลังเดือดปุดๆ ลูกสาวนายกครองวิทย์คงใส่เธอไว้เป็นชุด แล้วยังจะยายครูนี่อีก มายิ้มเชือดเฉือนอยู่ได้น่ารำคาญ!
                นลินปรายตาไปยังปิ่นโตและกระติกน้ำหวาน
                “เหนื่อยไหมคะ ต้องทำมาเอาใจพี่ไปป์ทุกวัน”
                “ไม่ได้อยากจะทำหรอกค่ะ แต่พอดีว่าเสี่ยขอร้อง อ้อนเก่ง จะกินนั่นกินนี่ ผัวกันเมียกันอะเนอะ เขาอุตส่าห์ออกปากแล้ว ฉันก็ใจดำไม่ลง ครูไม่เคยทำให้เสี่ยครูคงไม่รู้หรอกค่ะ ตอนกินข้าวหน้าเสี่ยก็บอกว่าอร่อยแล้ว ตกกลางคืนตอนกินฉันเสี่ยเขาฟินยิ่งกว่า” หญิงสาวปิดปากหัวเราะคิกคัก ทำท่าเหนียมอาย “อย่าให้ฉันเล่าเลยครู”
                “ฉันก็ไม่อยากรู้เรื่องน่าเกลียดแบบนั้นหรอก” นลินหน้าแดงด้วยความโกรธ
                “ไม่อยากรู้ แต่หวังอยากจะได้ ยังงั้นรึเปล่าคะ แต่ครูขาพูดกันแต่เรา เสี่ยเขาแซ่บจริงนะ เอวดี๊ดี อันนี้เมาท์เลย”
                “หน้าด้าน”
                “อุ๊ยๆๆๆ ด้านแต่ก็ได้นะคะ ไม่ใช่พวกองุ่นเปรี้ยวสักหน่อย” แววตารื่นเริงของกรวีร์เปลี่ยนเป็นวาววับฉับพลัน ลูกสาวเจ๊หวีตบโต๊ะยืนขึ้นจ้องหน้าครูสาวอย่างเอาเรื่อง “ถึงฉันจะหน้าด้าน แต่เสี่ยไปป์เขาก็เป็นผัวฉัน ครูไม่มีสิทธิ์มาตัดสินหนังหน้าคนอื่นว่าด้านหรือบาง การที่ครูมาเดือดร้อนกับเรื่องในครอบครัวฉันนี่ก็เหมือนกัน ไม่อายบ้างเหรอคะ มีฐานะเป็นแค่แฟนเก่าจะเสนอหน้ามาเล่าเรื่องที่ผ่านไปแล้วให้ฉันฟังทำไม รีบไปซะก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์หรอกนะจะบอกให้”
                นลินเหยียดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มหยามหยัน “ตอนที่พี่ไปป์ขอเธอแต่งงาน ฉันคิดว่าเขาไม่เมาก็บ้า”
                “แต่เชื่อเถอะค่ะว่าตอนอยู่บนเตียงเขาตั้งใจใส่ไม่ยั้ง”
                นลินสะบัดหน้าเดินออกไปอย่างไม่พอใจ กรวีร์สูดลมหายใจระงับโทสะที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ หญิงสาวกำหมัดแน่น นึกว่าจะได้ตบปากลูกสาว ผอ.ซะแล้ว
                กล้าดียังไงมาวุ่นวายกับเธอ แล้วตัวต้นเหตุไปมุดหัวอยู่ไหน บอกเธอว่าจะมาไซต์ แล้วไหนล่ะเสี่ย
                หญิงสาวกดเบอร์โทร. หาสามีด้วยความโมโหสุดขีด พอเขารับสาย เธอก็ว่าใส่ทันที
                “อยู่ที่ไหน ถ้าอีกห้านาทียังมาไม่ถึงไซต์ ฉันจะเทข้าวให้หมากิน!”
 
                “ทำไมวะ เมียโทร. ตามเหรอ”
                “เออ เสียงงี้เดือดจัดเลย ไม่รู้ไปมีเรื่องทะเลาะกับใครอีกหรือเปล่า เมื่อเช้านัดเจอกันที่ไซต์โรงเรียนอนุบาลด้วย” ปวินท์ผุดลุกอย่างรีบร้อน บอกกับสารวัตร “ยังไงก็ฝากตามเรื่องด้วยนะ แล้วว่างๆ แวะไปกินข้าวกัน พี่ขอตัวก่อน เจ๊วี่โทร.มาขู่จะเทกับข้าวให้หมากินแล้ว”
                “เมียพี่ไปป์น่ะเหรอครับ” วรวิชเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ ขณะที่ทัชพลหัวเราะลั่น
                “ก็มันดันไม่บอกเมียว่ามาโรงพัก เขาก็ไปรอที่ไซต์ละสิ แล้วไซต์นั้นก็อาถรรพ์แรงซะด้วย คราวก่อนทะเลาะกับยามทีหนึ่งแล้ว”
                “ฟังแล้วน่าจะแสบนะครับ”
                “แสบไม่แสบก็ทำเสี่ยไปป์เสียอาการได้ละ”
                “เฮ้ย ไอ้ทัชแกอย่ามัวแต่นั่งนินทาเมียฉัน ไปๆ แยกย้าย แกจะไปพร้อมฉันเลยไหม”
                “เรื่องอะไร” ทัชพลส่ายหน้าดิก “เมียแกขู่จะเทข้าวให้หมา สถานการณ์ไม่น่าจะสู้ดี ฉันไม่เสี่ยงด้วยหรอก เดี๋ยวโดนเจ๊วี่ทุบ”
                “ตามใจ งั้นฉันไปก่อนนะ ไปก่อนนะสารวัตร ถ้าจัดคนที่จะส่งไปจับตาดูเมียพี่เมื่อไรก็โทร. บอกหน่อยนะ” ปวินท์รีบร้อนออกจากห้อง ทิ้งให้สองหนุ่มนั่งมองหน้ากันก่อนจะผสานเสียงหัวเราะลั่นห้อง
                “พี่ไปป์ไปได้เมียคนนี้มาจากไหนครับ”
                “เจ๊หวีจัดการให้ ได้คนกันเอง ตอนแรกก็ไม่อะไร แต่อยู่ไปอยู่มากลายเป็นพ่อบ้านใจกล้าตามไอ้ศาสไปซะงั้น เออ...สารวัตรไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม พี่เลี้ยง”
                “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”
                “งั้นไว้ไปกินข้าวบ้านไอ้ไปป์แล้วกัน เจ๊วี่ทำกับข้าวอร่อยนะ ไม่งั้นผัวไม่รีบลนลานไปหาหรอก”
                “แต่ท่าทางจะดุเอาเรื่องนะพี่ ขู่จะเทข้าวให้หมาเนี่ย พี่ไปป์ก็ไม่โกรธด้วย”
                “โกรธก็อดสิสารวัตร ตั้งแต่มีเมียอะไรๆ ก็ดีขึ้น นี่มันไม่ต้องกินยาโรคกระเพาะแล้วนะ ไม่ต้องกินยาแถมยังได้กินของอร่อยๆ ทุกวัน มันถึงต้องรีบแจ้นไปเอาใจเมียไง”
                “ฟังๆ ดู เหมือนจะรักกันจริงนะครับ”
                ทัชพลยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่หลุดปากพูดอะไรทั้งนั้น เขารู้จักปวินท์ดี หวงห่วงยิ่งกว่าไข่ในหิน อาการออกซะขนาดนี้ ยังจะมีอะไรให้สงสัยอีกล่ะ
 
                ปวินท์สวมวิญญาณนักซิ่งตีนผีเร็วแรงทะลุนรกไม่นานก็ถึงโรงเรียน แต่นั่นยังดูเหมือนเขาจะช้าเกินไป เพราะสายตามองเห็นภรรยาหิ้วปิ่นโตเดินหน้าตูมกระชากประตูรถของเธออย่างหัวร้อนสุดๆ ชายหนุ่มหักพวงมาลัยรถไปจอดตีคู่ รีบเปิดประตูลงไปหา
                “ใจคอจะไม่รอกันบ้างเลยเหรอ” ชายหนุ่มต่อว่าพร้อมทำปากยื่นไปทางปิ่นโตในมือเธอ “จะเอาผัดเผ็ดไก่บ้านของฉันไปไหน”
                “เทให้หมากินหมดแล้ว” เธอสะบัดเสียงตอบ
                “ตลกน่า โรงเรียนนี้ไม่มีหมาสักหน่อย”
                “รู้ดีจริงนะ” กรวีร์ถลึงตาใส่ “อ๋อ...ลืมไปว่าเกือบได้เป็นลูกเขยเจ้าของโรงเรียน”
                “ตอนนี้เป็นลูกเขยเจ๊หวีแล้ว” ปวินท์ขยับเข้าไปใกล้ ฉีกยิ้มเอาใจ ไม่ถือสาที่โดนเธอประชด ถึงเมียเขาจะปากร้ายแต่เธอก็ใจดีกับเขามาก “โมโหอะไรเบอร์นี้”
                “เสี่ยไม่ได้มาที่ไซต์ แล้วให้ฉันมารอทำไม”
                ปากถาม แต่สายตานี่ด่าเป็นชุดแล้ว ว่าเขาโกหกปลิ้นปล้อน กะล่อน ตลบตะแลง
                ปวินท์ยิ้มบาง พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เขาไม่อยากให้เธอรู้เรื่องคดีของแม่มากนัก แต่ความจริงแค่บอกเธอว่าไปธุระที่โรงพัก กรวีร์คงไม่สงสัย เมื่อเช้าเขาก็คิดมากเกินไปหน่อยจึงโกหกเธอว่ามาไซต์แล้วกลายเป็นว่าคุยกันเพลินจนลืมเวลา
                “ฉันไปธุระเรื่องคดีของแม่มา ไม่คิดว่าจะคุยกับสารวัตรเพลิน ก็เลยมาไม่ถึงไซต์” ปวินท์นึกขำตัวเอง สุดท้ายเขาก็ต้องบอกความจริงเธออยู่ดี
                “โทรศัพท์ไม่มีหรือไง” เจ๊วี่ยังเสียงแข็ง
                “ปิดเสียงไว้ ขอโทษนะ เราไปหาที่เงียบๆ นั่งกินข้าวกันดีกว่า เธอก็กินพร้อมฉันเลย เสียดายผัดเผ็ด”
                “ฉันอยากจะแช่งให้โรคกระเพาะเสี่ยกำเริบ” กรวีร์ขึ้นไปนั่งบนรถอย่างไม่สนใจ
                “เดี๋ยวก็ได้เป็นม่าย ก่อนได้เงินล้านหรอก”
                ถึงจะยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าถูกโกรธด้วยเรื่องอะไร แต่ยังไงปวินท์ก็ของ้อเมียไว้ก่อน ชายหนุ่มรีบวิ่งอ้อมไปอีกด้านแล้วเปิดประตูขึ้นนั่ง ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเรียบร้อย กรวีร์หน้าบึ้งจัด
                “ขึ้นมาทำไม”
                “ก็บอกว่าจะพาไปกินข้าวไง ออกรถสิเดี๋ยวบอกทางให้”
                หญิงสาวสตาร์ตรถ ไม่สนใจถามด้วยว่ารถเขาจะทำอย่างไร อยากทิ้งไว้ให้ครูหลินดูต่างหน้าก็เชิญ!
                กรวีร์หมุนพวงมาลัยเลี้ยวตามคำบอกของสามี พอเขาบอกให้จอด เธอก็เหยียบเบรกกึก หันขวับ มองเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
                “เล่นอะไรของเสี่ย ฉันขับผ่านร้านนี้มาสามรอบแล้วนะ”
                “ก็เห็นเมียอารมณ์ไม่ดี เลยให้ขับรถเล่น ตากแอร์เย็นฉ่ำ ไม่รู้สึกดีขึ้นเลยเหรอ”
                “ฉันไม่ได้ว่างขับรถพาเสี่ยนั่งกินลมชมวิวนะ”
                “ไม่เอาน่า...ฉันรู้ว่าเธออารมณ์ไม่ดี ไปกินข้าวกันก่อน แล้วเล่าให้ฉันฟังซิ ใครมันทำอะไรเธอ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง”
                “พูดออกมานี่แน่ใจยังว่าทำได้”
                “ระดับเสี่ยไปป์คำไหนคำนั้น”
                “ดี!” กรวีร์กัดฟันกรอด นัยน์ตาวาววับ“จำที่พูดไว้นะเสี่ย”
                ภาพปวินท์หิ้วปิ่นโตเดินเข้าร้านอาหาร ยังไม่ดึงดูดสายตาเท่ากับมืออีกข้างหนึ่งของเขาจับจูงสาวสวยด้วยท่าทางสนิทสนม คนที่นั่งอยู่เหลียวมองทั้งคู่อย่างสนใจ แม้แต่เจ้าของร้านยังสะกิดแฟนชี้ชวนให้ดู ก่อนเดินออกมารับหน้า
                “ลมอะไรหอบพี่ไปป์มาเนี่ย” ชายหนุ่มผิวขาวเดินเข้ามาทักด้วยรอยยิ้มแจ่มใส
                ปวินท์ปรายตามาที่หญิงสาวข้างกาย แล้วตอบกลับไปว่า “ลมเพชรหึง แกอย่าเพิ่งถามมาก มีโต๊ะว่างไหม เมียฉันหิวจนเกือบจะเขมือบหัวฉันอยู่แล้ว”
                “เฮ้ย...เดี๋ยวนะ ยังไงเนี่ย ผมก็ได้ยินข่าวเขาลือกัน ว่าพี่ไปป์มีเมีย เรื่องจริงเหรอ”
                “จริงสิ เรื่องอย่างนี้พูดเล่นได้เหรอ นี่กีวี่เมียฉัน พี่สะใภ้ของแกสองคน ส่วนรายละเอียดไว้จะเล่าให้ฟังวันหลัง หาที่นั่งให้ฉันก่อน เมียกำลังโมโห” ปวินท์แกล้งป้องปากกระซิบกับป๊อปญาติผู้น้องซึ่งเป็นเจ้าของร้าน
                “งั้นไปโต๊ะหลังสวนดีกว่า เป็นส่วนตัวดี พี่สะใภ้จะได้จัดการพี่ไปป์ได้ถนัดมือหน่อย” เจ้าของร้านมองปิ่นโตแล้วถามยิ้มๆ “อยากได้อะไรเพิ่มไหมครับ”
                ปวินท์ส่ายหน้า “ขอยืมสถานที่เคลียร์ใจกับเมียก็พอ”
                ป๊อปหัวเราะ “งั้นตามสบายเลยนะพี่ มีอะไรเรียกเด็กได้เลย”
                โต๊ะหลังสวนเงียบและเป็นส่วนตัว ปวินท์กล่อมจนกรวีร์ยอมกินข้าวด้วย ชายหนุ่มสั่งกับข้าวเพิ่มอีกสองอย่างให้ภรรยา ส่วนตัวเขานั้นผูกขาดอยู่กับผัดเผ็ดไก่บ้านฝีมือภรรยา
                กรวีร์อิ่มก่อน เอื้อมมือหมายจะยกกระติกน้ำเก๊กฮวย ทว่าสามีรีบตะครุบมือหมับ
                “นี่ของฉัน”
                “อย่าหาเรื่องนะเสี่ย” กรวีร์ถลึงตาใส่ ออกแรงแย่งกระติกมาจนได้ หญิงสาวเปิดฝากระติกแล้วเทใส่แก้วแบ่งให้สามี
                ปวินท์อมยิ้มกรุ้มกริ่ม ขนาดโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ลูกสาวเจ๊หวีก็ไม่ใจร้ายกับเขาเลยสักนิด ที่เหลือก็ต้องเป็นหน้าที่เขาตามสืบหาเบาะแสว่าเหตุใดกรวีร์ถึงได้องค์ลง ชายหนุ่มวางช้อน คว้าแก้วน้ำเก๊กฮวยขึ้นมาดื่ม แม้รสชาติจะจืดชืดกว่าทุกวัน แต่เขาก็ไม่คิดจะบ่น เห็นเธอนั่งมองสวน มองดอกไม้ คิดว่าน่าจะผ่อนคลายผ่านจุดวิกฤตไปแล้ว
                “อารมณ์ดีแล้วยัง”
                “นิดๆ”
                ปวินท์ยิ้ม ในแววตามีความเอ็นดูภรรยาอย่างเต็มเปี่ยม “นิดๆ ก็ยังดี ไหนบอกมาซิใครทำให้โมโห”
                “ตอบคำถามฉันก่อน แล้วจะเล่าให้ฟัง”
                “อะ งั้นถามมา”
                “ที่เสี่ยจดทะเบียนกับฉันก็เพื่อจะให้ครูหลินตัดใจจากเสี่ยได้ใช่หรือเปล่า หรือไม่เสี่ยก็คงอยากตัดปัญหา เพราะไม่อยากผิดใจทั้งกับทางนายกครองและ ผอ. นครที่เสี่ยต้องทำงานด้วย”
                สีหน้าแช่มชื่นของปวินท์เปลี่ยนไป แม้จะไม่มากแต่กรวีร์ก็สังเกตเห็น
                ปวินท์เองก็คาดไม่ถึงว่าเธอจะถามแบบนี้ แต่ถ้ากรวีร์จะเข้าใจอย่างนี้ก็ไม่ถือว่าเสียหาย ให้เขารับบทชายผู้อยากตัดขาดจากรักเก่าไป
                “ถ้าฉันยอมรับว่าใช่ เธอจะร่วมมือกับฉันไหม” ชายหนุ่มลองถาม
                “ยังไงเราก็ได้ชื่อว่าเป็นผัวเมียกัน ฉันจะใจดำไม่ช่วยเสี่ยได้เหรอ แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งยิ้มค่ะคุณสา” กรวีร์รีบดักคอ
                “ทำไมล่ะ เราเข้าใจตรงกันแล้วนี่”
                “ใช่ เข้าใจตรงกันแล้ว แต่เสี่ยรู้ไหมงานนี้ไม่ง่ายเลย แม้ว่าเราสองคนจะรวมพลังกันก็ตาม”
                “เพราะเรื่องนี้หรือเปล่าที่เธอเกือบจะเอาผัดเผ็ดของฉันเทให้หมากินน่ะ”
                กรวีร์หลุดเสียงหัวเราะออกมา ตาบ้าเอ๊ย! กำลังคุยเรื่องคอขาดบาดตายยังมีแก่ใจห่วงของกินอีก
                “ถ้าฉันบอกเสี่ยเกี่ยวกับด้านมืดของแฟนเก่า เสี่ยจะเชื่อฉันไหม จะหาว่าฉันใส่ร้ายแฟนเก่าหรือเปล่า”
                “ทำไมไม่ถามซะเลยล่ะว่าฉันยังรักเขาอยู่ไหม ตัดใจลืมเขาได้รึยัง”
                “เฮอะ!” หญิงสาวแค่นเสียงขึ้นจมูก “เกรงใจ กลัวคนแถวนี้ร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
                “อ่อ...แอบห่วงฉัน ว่างั้นเถอะ” ปวินท์ยิ้มทั้งปากทั้งตา สีหน้าดูมีความสุขจนปิดไม่มิด หัวใจที่เคยแห้งแล้งพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด มือใหญ่เลื่อนมาวางทับบนหลังมือภรรยา ริมฝีปากยังคงประดับรอยยิ้ม “ไม่เอาน่ากีวี่ ตอนนี้เธอเป็นเมียฉัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ฉันไม่เชื่อเธอ แม้กระทั่งคำพูดของแฟนเก่า ฉันเลือกเธอเป็นเมียมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เราอาจจะรู้จักกันไม่นาน แต่ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอนะ คราวนี้ก็เล่ามาว่าหลินทำอะไรถึงได้พาลมาถึงฉัน”
                “ฉันไม่ได้พาลสักหน่อย เสี่ยอยากโกหกฉันทำไมล่ะ ไปไหนก็ไม่บอก โทรศัพท์ก็มี ลำพังฉันนั่งรอเสี่ยน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่แฟนเก่าเสี่ยนี่สิหวังดีมีน้ำใจจะสาธยายเรื่องเก่าๆ ระหว่างเขากับเสี่ยให้ฉันฟัง เจอฉันปั่นกลับเข้าหน่อย ถึงกับหลุดปากด่าว่าฉันหน้าด้าน”
                “หลินน่ะนะด่าเธอ”
                “นั่นไง น้ำเสียงแบบนี้ เสี่ยไม่เชื่อฉันใช่ไหม กะแล้วเชียว ผัวบ้าเอ๊ย” กรวีร์ต่อว่า สีหน้าผิดหวัง พยายามดึงมือที่เขาจับไว้ออก ทว่าปวินท์จับแน่นไม่ยอมปล่อย มองหน้าเขาก็เจอแต่รอยยิ้มสว่างไสวไปซะหมด
                “เฮ้ย...อย่าเพิ่งน้อยใจสิ ผัวยังไม่ได้พูดสักคำว่าไม่เชื่อ แค่แปลกใจ”
                “แต่ฉันกลับไม่เคยจะคิดแปลกใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว” กรวีร์แค่นเสียงหยัน “แฟนเก่าเสี่ยนะร้ายยิ่งกว่าใครทั้งหมด แม้แต่คุณนิดยังต้องชิดซ้าย”
                “แม่พระของผัว งั้นช่วยอธิบายเพิ่มหน่อยสิ ทำไมหลินเขาถึงต้องหาเรื่องเธอด้วย”
                “ก็เพราะเขายังรักเสี่ยอยู่นะสิ แล้วไอ้ที่มาแผ่แม่แบ้”
                “แม่เบี้ย” ปวินท์ช่วยแก้ นึกขำแกมระอา “แบบนี้ก็ยังมีใจเล่นนะ”
                กรวีร์ถึงกับยิ้มออก “กลัวผัวเครียดเลยต้องปล่อยมุกสักหน่อย”
                “ฮื้อ...เข้าเรื่องเถอะจ้ะ”
                “อย่างที่บอกไง เขายังหวังยังคลั่งรักในตัวเสี่ยอยู่ ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณเธอจะหวังกับเสี่ยในฐานะไหน เพราะตัวเขาก็ยังมีพันธะคาราคาซังกับลูกชายนายกอยู่ ถ้าเสี่ยคิดว่าจะเอาฉันมาเชิดชูเพื่อให้ครูหลินตัดใจละก็ ฉันบอกเลยเขาไม่ยอมแพ้แค่เหตุผลที่ว่าเสี่ยมีเมียแล้วหรอก เผลอๆ เขาอาจจะไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าเสี่ยอยากสร้างครอบครัวอบอุ่นกับฉันจริงๆ”
                “หรือว่าเรายังเล่นบทผัวเมียกันไม่เนียนพอ”
                “สรุปที่ฉันเข้าใจก็ถูกสินะ เอาฉันมาอ้างเพื่อตัดปัญหาแฟนเก่า ลงทุนจริงๆ”
                “อือ ก็ประมาณนั้นละ” ปวินท์กำลังโกหก แต่ยอมรับกับเธอไปอย่างนี้ก็ดีแล้ว กรวีร์จะได้เลิกสงสัยว่าเขาจับเธอจดทะเบียนด้วยทำไม “เธอมีคำแนะนำดีๆ ไหม”
                “วุ้ย! เสี่ยทำเหมือนฉันประสบการณ์เยอะ แฟนก็เคยมีแค่หนึ่งคนถ้วน แต่ตอนที่เลิกกัน ฉันตัดใจจากเขาได้ก็เพราะใช้ความเกลียด เขาเห็นชะนีอื่นดีกว่าฉัน แล้วทำไมฉันยังต้องไปให้ค่าคนแบบนั้น”
                “งั้นเราก็ต้องรักกันออกสื่อให้เขาเห็น ถ้ายังจะมีใจเหลืออยู่ก็คงทนเห็นภาพบาดตาทุกวันไม่ไหว สุดท้ายก็เกลียดเราจนไม่อยากมองหน้า”
                “ถ้าจะมีภาพบาดตากว่านี้ คงต้องส่งคลิปลับของเราให้เขาดูแล้วมั้ง”กรวีร์แกล้งประชด ใครจะนึกว่าปวินท์จะรับมุกตามน้ำไปกับเธอด้วย
                “งั้นเรากลับไปตั้งกล้องถ่ายคลิปกัน”
                “เสี่ย!”
                “ล้อเล่นน่า ขาอ่อนฉันเธอก็ไม่ได้เห็นหรอก”
                “แล้วไอ้ที่แกล้งทำผ้าหลุดยั่วฉันทุกวันนั่นคืออะไร” กรวีร์ดักคออย่างหมั่นไส้
                “เตรียมความพร้อมให้เมียไงจ๊ะ เวลาเจอของจริงจะได้ไม่เขิน” ชายหนุ่มยักคิ้วกวนๆ พักเดียวเสี่ยก็ดีดนิ้วดีใจกับแผนเด็ดที่เพิ่งคิดได้ “รู้ละว่าต้องทำไง”
                “ทำไงล่ะ”
                “วันหยุดนี้ไปฮันนีมูนกัน”
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น