6

6

6

 

แม้พฤกษ์จะบอกให้ลินินพักผ่อนอยู่ในเรือนรับรองได้อย่างสบายใจ แต่หญิงสาวก็เลือกที่จะมาช่วยงานที่ร้านกาแฟ เนื่องจากพฤกษ์ให้เธอพักอยู่ที่เรือนรับรองของเขาฟรีๆ ลินินจึงอยากจะช่วยงานเพื่อตอบแทนเขาบ้าง

ในวันที่ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ เคียนนี่ต้องไปรับงานออกแบบและสร้างบ้าน ส่วนตานี่ต้องไปดูแลกิจการร้านกระเป๋าของตัวเอง มีเพียงมะยม กุมารทองหัวหักที่เวลาเดินหัวจะโคลงเคลงไปมาเนื่องจากหัวที่หลุดออกจากคอจนต่อไม่ติด เวลาเดินเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้าในแต่ละครั้งก็ต้องมาคอยลุ้นกันว่า จะทำกาแฟหกใส่ลูกค้าหรือไม่ 

ลินินรับอาสามาช่วยเสิร์ฟกาแฟ อีกทั้งทำความสะอาดโต๊ะกาแฟที่ลูกค้าลุกออกไปจากร้านแล้ว จากนั้นก็ล้างแก้วกาแฟกับจานขนมที่ลูกค้ากินเสร็จแล้ว เช็ดให้แห้ง และจัดเรียงไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ

“เหลืองานไว้ให้มะยมทำบ้างก็ได้นะจ๊ะพี่นิน เดี๋ยวพี่พฤกษ์จะหาว่ามะยมอู้แล้วไม่ให้น้ำแดงมะยมดื่ม” มะยมประท้วง เมื่อถูกแย่งงานไปทำเกือบหมด

“ถ้าอยากจะมีอะไรทำก็ไปเก็บกวาดบ้านให้พี่เคียนนี่กับพี่ตานี่เถอะ นี่ก็ใกล้วันหวยออกแล้ว พี่เห็นคราบแป้งเริ่มหนาขึ้นทุกทีแล้วละ” 

พฤกษ์พูดกับมะยม ทำให้เจ้าหัวจุกยิ้มแป้น เนื่องจากยิ่งใกล้วันหวยออก ที่ใต้ต้นตะเคียนทองกับต้นกล้วยตานีมักจะมีของเซ่นไหว้ที่เป็นของอร่อยมากเป็นพิเศษ

“ได้จ้ะพี่พฤกษ์ มะยมจะเก็บกวาดให้สะอาดเอี่ยมเลย” พูดแล้วก็เลียปากแผล็บ

“ดีมาก แล้วอย่าเผลอให้หวยเชียวนะ เพราะเดี๋ยวจะทำให้เคียนนี่กับตานี่วุ่นวายไปกันใหญ่”

“เข้าใจแล้วจ้ะ มะยมจะเก็บกวาดอย่างเดียวไม่ให้หวยจ้ะ” 

รับคำสั่งเสร็จกุมารทองตัวตุ้ยนุ้ยก็หายวับไป และคงอีกนานทีเดียวกว่าจะกลับมาที่ร้านกาแฟอีกครั้ง เนื่องจากเจ้าหัวจุกต้องจัดการของเซ่นไหว้จนอิ่มหนำ จึงจะเริ่มต้นทำความสะอาดได้

ลินินหันมายิ้มให้พฤกษ์อย่างชื่นชมในความอ่อนโยนของรุกขเทวดาหนุ่ม หากเขาเป็นมนุษย์ พฤกษ์คงจะเป็นที่หมายปองของผู้หญิงหลายๆ คนแน่ๆ ทั้งรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับรูปปั้น บุคลิกที่เคร่งขรึมน่าค้นหา รวมถึงแววตาหวานปนโศกที่มองมาเป็นระยะ ทำให้ลินินรู้สึกหวั่นไหวได้ทุกครั้งที่สบตากับเขา

“มะยมขยันจังเลยนะคะ ตัวแค่นี้แต่ใช้ง่าย ไม่งอแงเลยสักนิด”

“เห็นมะยมตัวแค่นี้ แต่จริงๆ แล้วมีอายุเป็นร้อยปีแล้วนะ ตอนที่มะยมถูกเอามาทิ้งใหม่ๆ น่าสงสารมาก   วันๆ เอาแต่เงียบไม่คุยกับใครเพราะน้อยใจเจ้าของเดิม พี่ต้องปลอบใจอยู่นานทีเดียว กว่าจะกลับมาร่าเริงแบบนี้ได้”

“แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของมะยมแล้วละค่ะที่ได้มาอยู่กับพี่พฤกษ์ เพราะว่าพี่พฤกษ์เป็นคนอบอุ่นและใจดีมากๆ”

“ชมกันเกินไปแล้ว พี่ไม่ใช่คนดีขนาดนั้นเสียหน่อย พี่ก็แค่เห็นใครเดือดร้อนก็ต้องช่วย”

“เหมือนอย่างที่ช่วยนินใช่ไหมคะ”

พฤกษ์พยักหน้ารับ โดยที่ไม่บอกหญิงสาวว่าลินินเป็นดวงวิญญาณดวงแรกที่เขาดูแลใกล้ชิดที่สุด เป็นห่วงมากที่สุด และคงจะสะเทือนใจมากที่สุด หากถึงวันที่เธอต้องจากที่นี่ไป

“เรือนรับรองที่นินพักอยู่ตอนนี้เป็นที่พักพิงของดวงวิญญาณเร่ร่อนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน”

“นินนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ นะคะว่า ถ้านินขับรถไปประสบอุบัติเหตุที่อื่นที่ไม่ใช่ที่นี่ ถ้านินไม่ได้เจอกับพี่พฤกษ์ วิญญาณของนินจะเป็นอย่างไร”

“เอาเถอะ ตอนนี้นินก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ทำใจให้สบาย แล้วรอคอยวันที่จะได้กลับเข้าร่างเถอะนะ”

 เมื่อถูกพฤกษ์ตอกย้ำเรื่องกลับไปเข้าร่าง ความสะเทือนใจก็ทำให้ดวงวิญญาณสาวมีสีหน้าเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

“ดูเหมือนพี่พฤกษ์จะอยากให้นินไปจากที่นี่เร็วๆ จังเลยนะคะ” ลินินพูดตัดพ้อ ก่อนจะหันหลังให้รุกขเทวดาหนุ่มเพื่อซ่อนดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำใสๆ มันช่างน่าประหลาดใจที่เธอน้อยใจพฤกษ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่เขาก็พูดถูกทุกอย่าง เขาให้เธออยู่ที่นี่ชั่วคราว พอถึงเวลาก็ต้องไปจากที่นี่เหมือนกับดวงวิญญาณดวงอื่นๆ

“พี่เปล่านะนิน ทำไมคิดแบบนั้น” พฤกษ์พูดกับหญิงสาว พร้อมกับยื่นมือไปจับไหล่ลินินให้หันมาสบตา จึงพบว่า ดวงตากลมโตมีน้ำตารินไหลอาบแก้ม

“พี่ขอโทษ” 

คำขอโทษมาพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาที่ข้างแก้ม พฤกษ์ไล้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว มองเธอด้วยแววตารู้สึกผิดที่ทำให้เธอร้องไห้ ยามที่เห็นน้ำตาของลินินไหลล้น โลกทั้งใบของพฤกษ์ก็ราวกับจะแหลกสลาย ความรัก ความห่วงใยจนสุดหัวใจทำให้กำแพงที่พฤกษ์พยายามก่อขึ้นมาเองพังทลายลงอย่างง่ายดาย 

มือทั้งสองประคองดวงหน้าให้เงยขึ้น หัวแม่มือยังคงโลมไล้ไปบนพวงแก้มทั้งสอง ในตอนนี้ไม่มีน้ำตาไหลอาบแก้มของหญิงสาวอีกแล้ว มีเพียงผิวขาวเนียนที่ฉาบด้วยสีแดงระเรื่อ

“ศรีแพร” พฤกษ์เอ่ยน้ำเสียงแหบพร่า พร้อมกับเลื่อนใบหน้าเข้าหาริมฝีปากอิ่มที่เผยอรอรับสัมผัสจากเขา มันไม่ง่ายเลยที่พฤกษ์จะปฏิเสธความต้องการของตัวเองที่เก็บกลั้นเอาไว้หลายร้อยปี ในเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้คือคนที่เขาถวิลหามาโดยตลอด 

แม้เสียงจิตใต้สำนึกจะคอยเรียกสติให้รุกขเทวดาหนุ่มหยุดการกระทำทุกอย่าง แต่ดูเหมือนเสียงนั้นจะแผ่วเบากว่าความปรารถนาที่จะได้สัมผัสคนที่เขารัก...คนที่เขารอคอยมานานแสนนาน

“พี่พฤกษ์จ๊ะ”

เสียงเรียกเล็กแหลมทำให้ริมฝีปากหยักได้รูปที่กำลังจะสัมผัสริมฝีปากอิ่มต้องหยุดชะงัก ทั้งสองหันไปมองกุมารทองตัวตุ้ยนุ้ยที่กำลังยืนเท้าสะเอวยิ้มแป้น ก่อนจะผละตัวออกจากกันแทบไม่ทัน

“ทำไมกลับมาเร็วจังล่ะมะยม” พฤกษ์ถามพร้อมกับพยายามปั้นหน้านิ่งขรึม แม้ว่าขณะนี้หน้าของเขาจะแดงลามไปถึงใบหูแล้วก็ตาม

“พอดีว่ามะยมไปสำรวจต้นตะเคียนทองกับต้นกล้วยตานีมาแล้ว ฝุ่นแป้งหนาเชียวจ้ะ ก็เลยคิดว่าจะมาขอยืมเครื่องดูดฝุ่นของที่ร้านไปดูดฝุ่นเสียหน่อย”

“อ้อ เอาสิ เครื่องดูดฝุ่นเก็บอยู่ที่หลังร้านน่ะ”

“จ้ะพี่พฤกษ์” กุมารทองแสนตุ้ยนุ้ยรับคำก่อนจะเดินหัวสั่นหัวคลอนไปที่หลังร้าน ปล่อยให้หนุ่มสาวยืนหลบสายตากันด้วยท่าทางขัดเขินกันทั้งคู่ 

“นินไปขอตัวเอาแก้วกาแฟไปล้างก่อนนะคะ” ลินินเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน เวลานี้เธออับอายพฤกษ์เหลือเกินที่แสดงออกถึงความยินยอมพร้อมใจที่ได้รับสัมผัสจากเขา พฤกษ์มีแรงดึงดูดมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ สัมผัสเมื่อครู่นี้ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่า ทุกอย่างรอบกายราวกับหยุดเคลื่อนไหว 

ทำไมนะ ทำไมเธอจึงปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ ทั้งที่ทุกครั้งที่พฤกษ์อยู่ใกล้เธอ ลินินจะได้ยินเขาเรียกชื่อชื่อหนึ่งเสมอ 

‘ศรีแพร’ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน...

“ฝากด้วยนะนิน เดี๋ยวช่วงบ่ายจะมีกลุ่มวิทยาธรมาใช้ร้านกาแฟของเราเป็นที่ประชุมงาน นินช่วยจัดสถานที่ให้พี่ด้วย” พฤกษ์สั่งงานอย่างพยายามที่ให้เป็นปกติที่สุด เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่จริงแล้วภายในจิตใจนั้นหวั่นไหวรุนแรงเหลือเกิน

“ได้ค่ะพี่พฤกษ์” รับคำแล้ว ลินินก็เดินแยกตัวไปหลังร้านเพื่อล้างแก้วกาแฟ จากนั้นก็กลับมาทำความสะอาดพื้นที่ เพื่อเตรียมรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ตามที่พฤกษ์สั่งงานเอาไว้

 

พฤกษ์ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่บอกให้ลินินรับรู้ว่า เธอเป็นคนรักเก่าของเขาเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนที่กลับชาติมาเกิด ตั้งใจว่าจะไม่สร้างความผูกพันกับเธออีกในชาตินี้ แต่ใจเจ้ากรรมกลับทำให้หลอกความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ 

ขณะที่อยู่ด้วยกันภายในร้านกาแฟ รุกขเทวดาหนุ่มเผลอมองเธออยู่บ่อยครั้ง กว่าสองร้อยปีที่ไม่ได้พบกันทำให้พฤกษ์อยากจะมองหญิงสาวให้เต็มอิ่ม มองแบบจับจ้องตาไม่กะพริบ ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปจากตรงนั้น

“พี่พฤกษ์ มีอะไรจะให้นินทำรึเปล่าคะ” ลินินถามเพราะเห็นเขามองเธออยู่นานแล้ว ไม่ว่าเธอจะเก็บแก้วกาแฟ เช็ดโต๊ะ หรือกวาดพื้นอยู่ หันไปที่เขาทีไร ก็จะเห็นพฤกษ์มองมาที่เธอทุกครั้ง 

หญิงสาวพยายามจะไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าพฤกษ์มีความรู้สึกพิเศษกับเธอ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้อาจเป็นเพียงความเข้าใจผิดและคิดไปเองของเธอก็ได้ เนื่องจากในเวลานี้ พฤกษ์นั้นทำตัวเคร่งขรึมและแสดงออกว่าต้องการจะเว้นระยะห่างจากเธออย่างชัดเจน

“เปล่า” 

คำตอบสั้นๆ อย่างคนพยายามข่มกลั้นความเจ็บปวด ลินินคงไม่รู้ว่าพฤกษ์คิดถึงเธอมากแค่ไหน สองร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ชายหนุ่มไม่เคยลืมเธอ ไม่เคยลืมสัญญารักที่ให้หญิงสาวว่าจะไม่มีใคร นอกจากแม่ศรีแพรคนเดียวเท่านั้น การกลับมาพบกันในวันที่ความทรงจำของใครคนหนึ่งถูกลบเลือนจนหมดสิ้นแล้ว มันก็คงจะเป็นการดีกับลินินที่ไม่ต้องทุกข์ทรมานไปกับความคิดถึงอันยาวนานอย่างที่พฤกษ์ต้องเผชิญมาโดยตลอด  

รุกขเทวดาหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณหรือตัดพ้อต่อโชคชะตาชีวิต เพราะการที่เขาได้พบลินินในวันนี้ กลับยิ่งตอกย้ำว่า ระหว่างเขากับเธอนั้นยิ่งห่างไกลกันและไม่มีวันจะกลับมาครองรักกันได้อีก แม้ความรักที่เขามีต่อเธอไม่เคยเลือนหาย ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม แต่เขาจะปล่อยให้ความรู้สึกนี้ฉุดรั้งลินินไปทุกภพทุกชาติไม่ได้ ทุกอย่างต้องจบลงที่ชาตินี้ คำสัญญาต้องยุติที่ชาตินี้ ลินินจะได้ไปมีชีวิตใหม่ที่เป็นอิสระจริงๆ เสียที

“ถ้าอย่างนั้น นินขอตัวไปจัดสถานที่ให้ลูกค้าที่จะมาประชุมช่วงบ่ายวันนี้นะคะ” หญิงสาวบอกก่อนจะเดินไปยังห้องที่ถูกจัดเอาไว้สำหรับการประชุมเป็นหมู่คณะโดยเฉพาะ เนื่องจากมีโต๊ะยาวและกระดานที่ขีดเขียนอะไรลงไปได้ ในขณะที่พฤกษ์เดินกลับไปที่หลังเคาน์เตอร์ชงกาแฟ เพื่อเตรียมเครื่องดื่มและของว่างให้พร้อมสำหรับต้อนรับลูกค้ากลุ่มใหญ่

 

 ในตอนบ่าย เหล่าวิทยาธรที่ได้จองสถานที่เอาไว้ก็มาจิบชาเพื่อถกปัญหาที่องค์อมรินทร์ทรงตั้งโจทย์ให้มาหาคำตอบ โดยใช้วาย-ฟายในร้านกาแฟของพฤกษ์เชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ต สืบค้นข้อมูลแล้วหาคำตอบไปตอบองค์อมรินทร์ให้ได้

“ดาวดึงส์อยู่สูงเกินไป สัญญาณอินเทอร์เน็ตไปไม่ถึงน่ะ พวกวิทยาธรเลยชอบมานั่งใช้วาย-ฟายที่นี่เพื่อหาข้อมูลกัน” 

พฤกษ์อธิบายเมื่อเห็นว่าลินินดูสนใจเหล่าเทวดาผู้ชายที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ด้วยหน้าตาคร่ำเคร่ง พวกเขาเหล่านี้สวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อน กางเกงสแล็กสีเข้มเข้ากับรองเท้าหนังที่ขัดมันเงาวับ วิทยาธรบางตนสวมแว่นตาหนาเตอะดูเป็นเทพคงแก่เรียนเอามากๆ ทุกอย่างดูทันสมัยด้วยสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตที่พวกเขาใช้ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่มีขายอยู่ในท้องตลาดในโลกมนุษย์ขณะนี้

“อ้อ อย่างนี้นี่เอง” ลินินทำเสียงรับรู้ นับตั้งแต่วิญญาณของเธอออกจากร่าง หญิงสาวก็ได้ค้นพบว่าชีวิตหลังความตายไม่ได้น่ากลัวเหมือนเรื่องเล่าที่เล่าต่อๆ กันมามากนัก เนื่องจากคนที่ตายไปแล้วไม่เคยมาเล่าให้ฟังว่าบรรยากาศที่แท้จริงเป็นเช่นไร หากการตายคือการเปลี่ยนที่อยู่จากโลกหนึ่งมาสู่อีกโลกหนึ่งเช่นนี้ ก็คงจะไม่มีอะไรน่ากังวลใจเท่าใดนัก หากคนคนหนึ่งจะจากโลกนี้ไป

“รอให้พวกเขาหาข้อมูลและถกปัญหากันสักครู่ พอถึงเวลาพักเบรก ก็เตรียมชากับของว่างยามบ่ายเอาไว้ได้เลย”

“ถ้าอย่างนั้น นินจะช่วยพี่พฤกษ์ชงชาเองนะคะ นินเคยไปเรียนชงชาที่อังกฤษ เดี๋ยวจะโชว์ฝีมือเองค่ะ” ว่าแล้วก็หยิบผ้ากันเปื้อนที่แขวนอยู่มาผูกไว้ที่เอว จากนั้นก็เดินไปกวาดสายตาดูขวดโหลบรรจุใบชานานาชนิดที่พฤกษ์นำออกมาตั้งเรียงรายบนชั้นที่ติดอยู่บนฝาผนัง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นชาที่เหล่าลูกค้าวิทยาธรเหล่านี้สั่งเอาไว้ล่วงหน้าทั้งสิ้น

“โอ้โห ร้านพี่พฤกษ์มีใบชาหลายชนิดจังเลยนะคะ เอ๊ะ นี่ชาอะไรเหรอคะเนี่ย ทำไมนินไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” ลินินหยิบชาที่บรรจุไว้ในขวดโหลใบหนึ่งขึ้นมาดูด้วยความสนใจเป็นพิเศษ เธอพลิกดูลักษณะชาซึ่งน่าจะเป็นส่วนของดอกไม้ที่แม้จะแห้งสนิทแล้ว แต่ก็ยังคงสีส้มอมแดงตามธรรมชาติของดอกไม้ชนิดนั้น

“ชาจากดาวดึงส์น่ะ อ๊ะ! ห้ามดมนะ!” พฤกษ์ร้องห้าม ทว่าไม่ทันเสียแล้ว 

เมื่อลินินเปิดฝาขวดโหลเพื่อสูดกลิ่นชาที่อยู่ในนั้น ฉับพลันอีกฝ่ายก็หลับกลางอากาศ โดยมีพฤกษ์เข้าไปประคองหญิงสาวไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะล้มลง ปล่อยให้ขวดโหลแก้วที่บรรจุชาดอกปาริชาตหล่นลงกระทบพื้นจนแตกกระจาย...


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น