8
ย่ามที่มีอยู่ไม่กี่ใบในเมืองแม่กลอง และจะมีแต่แม่หญิงลูกเศรษฐีเท่านั้นที่มีโอกาสได้ใช้ถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการมาพบหญิงสาว พฤกษ์พายเรือผ่านท่าน้ำบ้านของศรีแพรหลายรอบ เมื่อแน่ใจว่าพ่อมิ่งไม่อยู่บ้านจึงพายเรือเข้าเทียบท่า เพื่อไปพบศรีแพรที่เรือนได้สะดวกขึ้น
“ย่ามนี้ฝีมือเย็บดีเหลือเกินเจ้าค่ะ ดิฉันเคยเห็นเพียงไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นแม่หญิงลูกเศรษฐีใช้กัน คงจะเป็นของดีมีราคาน่าดู ดิฉันรับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” ศรีแพรยื่นย่ามสีใบตองอ่อนคืนให้กับชายหนุ่ม
“รับไว้เถิดแม่ศรีแพร พี่ตั้งใจนำมาให้เจ้า อีกอย่าง ย่ามนี้พี่ไม่ได้ซื้อหา น้องสาวของพี่เป็นคนเย็บมันเอง เจ้าอย่าเกรงใจเลย” พฤกษ์บอกหญิงสาวโดยที่ไม่บอกว่า เขาต้องแลกมาด้วยผ้าไหมหลายผืน
“ถ้าอย่างนั้น ดิฉันก็ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ” ศรีแพรรับย่ามมาแล้วก็ลองสะพายบ่าทันที เนื่องจากอยากได้ย่ามแบบนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีเงินไปซื้อหา เพราะเป็นย่ามที่ต้องสั่งทำและมีราคาแพงมาก
“วันนี้พ่อมิ่งไม่อยู่รึ”
“เจ้าค่ะ พ่อไปเยี่ยมญาติที่ต่างหมู่บ้าน กว่าจะกลับก็คงจะค่ำๆ”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าไปตลาดกับพี่หน่อยจะได้หรือไม่”
“ไปตลาด เหตุใดจะต้องให้ดิฉันไปด้วยเล่าเจ้าคะ”
“ก็น้องสาวของพี่น่ะสิ วานให้พี่ซื้ออุปกรณ์เย็บปักถักร้อยไปให้ พี่ไม่รู้จะเลือกซื้ออย่างไร เจ้าช่วยพี่ซื้อหน่อยจะได้หรือไม่”
“น้องสาวพี่พฤกษ์ คนที่เย็บย่ามนี้หรือเจ้าคะ” ศรีแพรหยิบย่ามขึ้นมาดูใกล้ๆ ก่อนจะพูดต่อ “คงจะเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับงานเย็บกับงานปักเสียส่วนใหญ่ ถ้าอย่างนั้น ดิฉันจะพาพี่พฤกษ์ไปร้านที่ดิฉันไปซื้อประจำก็แล้วกันเจ้าค่ะ”
“ศรีแพร” พฤกษ์ทอดเสียงพร้อมกับทำหน้าราวกับกำลังตัดพ้อหญิงสาว
“เจ้าคะ”
“เหตุใดเจ้าจึงเรียกแทนตัวว่าดิฉันกับพี่”
“ก็ดิฉันเป็นเพียงหญิงทอผ้า พี่พฤกษ์เป็นลูกค้าที่มาซื้อผ้า ดิฉันเรียกแทนตัวเองว่าดิฉัน ก็เหมาะสมอยู่แล้วนี่เจ้าคะ” ศรีแพรตอบด้วยความใสซื่อ
“เจ้าอายุรุ่นราวคราวเดียวกับน้องสาวของพี่ ถ้าอย่างนั้น เจ้าเรียกแทนตัวเองว่าน้องกับพี่เถิดหนา จะได้ไม่ฟังดูห่างเหิน”
“จะดีหรือเจ้าคะ หากใครมาได้ยินเข้าจะว่าไม่เหมาะสมเอาได้”
“ไม่เหมาะสมอย่างไรเล่า เจ้าอย่าสนใจคนอื่นเลยหนา สนใจแต่พี่เพียงคนเดียวเถิด”
พฤกษ์พูดพร้อมกับมองหญิงสาวตาเป็นประกาย ทำให้ศรีแพรต้องก้มหน้าลงต่ำเพื่อซ่อนความเขินอาย
“ถ้าอย่างนั้นน้องก็จะทำตามพี่พฤกษ์บอกเจ้าค่ะ”
เมื่อซื้ออุปกรณ์เย็บปักถักร้อยเสร็จแล้ว พฤกษ์ก็ชวนศรีแพรเดินเลือกซื้อของในตลาดต่อ ไม่บ่อยนักที่พฤกษ์ ลูกชายคนเดียวของเศรษฐีดู่แห่งเมืองแม่กลองจะออกมาเดินชมตลาดเช่นนี้ เนื่องจากปกติแล้วพฤกษ์จะต้องไปช่วยงานที่เรือนท่านเจ้าเมือง หรือไม่ก็ท่องตำราอยู่ที่บ้าน ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ก็มีบ่าวมาซื้อหาให้ วันนี้เขาจึงเป็นจุดสนใจจากผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกสาวๆ ที่หมายตาเขาอยู่ ประกอบกับวันนี้เขาเดินเคียงคู่อยู่กับศรีแพรไม่ห่าง
นอกจากพฤกษ์จะเป็นที่หมายตาของบรรดาสาวๆ ในเมืองแม่กลองแล้ว ศรีแพรเองก็เป็นหญิงที่มีความงามเป็นที่เลื่องลือไม่แพ้กัน มีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาพยายามเข้ามาทำตัวสนิทชิดเชื้อ แต่ศรีแพรก็ไม่เคยสนใจ จะมีก็แต่พฤกษ์ที่หญิงสาวเปิดโอกาสให้ ทำให้พวกนักเลงหัวไม้เขม่นชายหนุ่มตั้งแต่ทั้งสองมาถึงที่ตลาด รอจนสบโอกาสในจังหวะที่มีคนเดินผ่านไปมาบางตา จึงเข้าไปขวางหน้าคนทั้งสองเอาไว้
“วันนี้มาซื้ออะไรหรือจ๊ะน้องศรีแพร” ชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำ ตามเนื้อตัวมีรอยแผลเป็นเต็มไปหมดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยียวน
“ไปให้พ้นเลยนะไอ้เข้ม” ศรีแพรตวาดแหว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกเข้ามาก่อกวนจากเข้ม และทุกครั้งเขาก็ทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยใส่หญิงสาวจนน่าขนลุก
“แหมๆ กับข้าไล่อย่างกับหมูกับหมา กับไอ้หน้าจืดนี่เดินชมตลาดกันกะหนุงกะหนิง”
“เอ็งว่าใครว่าไอ้หน้าจืด” พฤกษ์ชักสีหน้าใส่เข้ม พร้อมกับเอาตัวเข้ามาขวางศรีแพรเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวมากจนเกินไป
“ก็ว่าเอ็งอย่างไรเล่า เป็นผู้ชายประสาอะไรหน้าซีดราวกับพอกด้วยดินสอพอง ถ้าหากมีเลือดสีแดงๆ อาบบนหน้าก็คงจะน่าดูพิลึก” เข้มพูดข่ม ทำให้พฤกษ์โกรธจนกำหมัดแน่น
“นี่เอ็ง!”
พฤกษ์โกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาอยากจะพุ่งเข้าใส่คนไร้มารยาทเพื่อบอกให้รู้ว่า ถึงเขาจะผิวขาวราวไข่ปอก แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกกันง่ายๆ
“พี่พฤกษ์เจ้าคะ เรารีบกลับกันเถอะเจ้าค่ะ อย่าไปยุ่งกับคนอย่างไอ้เข้มมันเลย” ศรีแพรห้ามชายหนุ่ม เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตไปมากกว่านี้
“ไม่ยุ่งไม่ได้ดอกศรีแพร น้องไม่เห็นรึว่ามันดูแคลนพี่”
“ไอ้เข้มมันเป็นนักเลงหัวไม้ วันๆ ก็เที่ยวปากพล่อย หาเรื่องต่อยตีกับคนไปทั่วนั่นแหละเจ้าคะ”
“มันจะเป็นใครก็ช่าง พี่จะปล่อยให้มันมาทำตัวระรานศรีแพรแบบนี้ไม่ได้หรอก ขนาดวันนี้พี่มากับเจ้ามันยังกล้าถึงเพียงนี้ หากเจ้ามาคนเดียวจะถูกมันรังแกเอาได้”
“แต่ว่าพี่พฤกษ์เจ้าคะ ไอ้เข้มมัน...อ๊ะ!”
ศรีแพรพูดยังไม่ทันจบ พฤกษ์ก็ถูกเข้มชกเข้ามาที่โหนกแก้ม แม้ว่ารูปร่างของพฤกษ์กับเข้มจะไม่ต่างกันนัก แต่การถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวนั้นทำให้พฤกษ์ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
เข้มตามไปคร่อมพฤกษ์ที่ยังลุกไม่ขึ้น รัวหมัดใส่ชายหนุ่มโดยที่พฤกษ์ยกแขนขึ้นมาป้องกันได้บ้างไม่ได้บ้าง ก่อนจะหาจังหวะพลิกตัวแล้วผลักเข้มให้เซถลา
“พี่พฤกษ์ พอเถอะเจ้าค่ะ ไอ้เข้ม หยุดนะ อย่าทำอะไรพี่พฤกษ์”
ศรีแพรวิ่งเข้าไปขวางขณะที่เข้มกำลังจะกระโจนใส่พฤกษ์อีกครั้ง เสียงหัวเราะเยาะของเข้มทำให้อีกฝ่ายโกรธจนหน้ามืด พฤกษ์ผลักให้ศรีแพรหลีกทางเพื่อที่จะพุ่งตัวเข้าหาเข้ม แต่ว่าเขาหลบทัน ก่อนจะกลับมาประจันหน้ากันและแลกหมัด แน่นอนว่าทักษะการต่อสู้ของพฤกษ์นั้นสู้เข้มไม่ได้เลย ชายหนุ่มถูกชกและถูกเตะล้มลงไปกองกับพื้นหลายครั้งจนศรีแพรทนเห็นไม่ได้
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วยจ้ะ มีคนถูกทำร้าย!” หญิงสาวตะโกนจนสุดเสียง และโชคดีที่มีทหารของท่านเจ้าเมืองผ่านมาทางนั้นพอดีจึงตรงเข้ามาขวาง
ในเวลานั้นเองเข้มกำลังเลือดขึ้นหน้า เขาหาได้สนใจทหารพวกนั้นไม่ พยายามที่จะเข้าไปต่อยตีพฤกษ์ที่ตอนนี้ฟุบลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ จึงถูกทหารสอนมวยเข้าให้ชุดใหญ่ พร้อมกับชักดาบออกมาขู่
“เอ็งรู้หรือไม่ว่าทำร้ายคนของท่านเจ้าเมืองมีโทษเช่นใด” ทหารนายหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยรู้จักพฤกษ์เป็นอย่างดี เนื่องจากเคยพบชายหนุ่มที่เรือนของท่านเจ้าเมืองอยู่บ่อยครั้ง
“เออ! ไม่ยุ่งก็ได้ ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้หน้าจืด” เข้มสบถออกมาด้วยความโมโห ก่อนจะบ้วนเลือดในปากทิ้ง เจ็บตัวน่ะไม่เท่าไหร่ แต่เจ็บใจมากกว่าที่ถูกชาวบ้านมายืนมุงดูเขาถูกทหารเตะต่อยจนช้ำไปทั้งตัว ซ้ำร้ายยังหัวเราะกันด้วยท่าทางสะใจ เข้มเก็บความคับแค้นและอับอายเอาไว้ ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นพร้อมกับสบถด่าถ้อยคำหยาบคายออกมาแทบไม่ซ้ำคำ
“พี่พฤกษ์!” ศรีแพรตรงเข้าไปประคองพฤกษ์ที่พยายามจะพยุงตัวยืน แต่ก็ยังเซถลาเนื่องจากเจ็บร้าวระบมไปทั้งตัว
“ฉันขอบใจพวกพี่มากๆ ขอรับที่มาช่วย ไม่อย่างนั้นฉันคงจะถูกมันทำร้ายปางตายเป็นแน่” พฤกษ์ยกมือขึ้นไหว้นายทหารทั้งสอง โดยมีศรีแพรประคองอยู่ไม่ห่าง
“ไม่เป็นไรดอก แล้วนี่จะกลับบ้านอย่างไร พายเรือไหวหรือไม่ ให้พวกพี่ไปตามทาสที่เรือนพ่อพฤกษ์พายเรือมารับดีหรือไม่”
“อย่านะขอรับ หากกลับบ้านไปในสภาพเยี่ยงนี้ แม่ของฉันคงจะเป็นลมล้มพับเป็นแน่ หากพวกพี่จะกรุณา ก็ช่วยพายเรือไปส่งฉันที่บ้านแม่ศรีแพรได้หรือไม่”
นายทหารทั้งสองพยักหน้ารับคำ ก่อนจะมาช่วยศรีแพรพยุงพฤกษ์ไปยังท่าน้ำแล้วพายเรือไปส่งที่บ้านของหญิงสาว
ผ้าฝ้ายชุบน้ำอุ่นถูกนำมาเช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้าของพฤกษ์อย่างเบามือ ศรีแพรมือไม้สั่นไปหมด ยิ่งเห็นบาดแผลบนใบหน้าของพฤกษ์ใกล้ๆ เธอก็ยิ่งสงสารจับใจ
“เจ็บมากไหมเจ้าคะ”
“ไม่เจ็บเท่าใดดอก”
“ไม่เจ็บได้อย่างไรเจ้าคะ ปากก็แตก โหนกแก้มก็ช้ำขนาดนี้”
“ไม่เจ็บเพราะมีเจ้าคอยเป็นห่วงพี่” คนเจ็บพูดพร้อมกับยิ้มทะเล้น
“โธ่ ยังจะมาพูดเล่นอีก”
“พี่ไม่ได้พูดเล่น แค่เห็นเจ้าเป็นห่วงพี่ เพียงเท่านี้ก็หายเป็นปลิดทิ้งแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่ต้องเช็ดแผลใส่ยาแล้วกระมังเจ้าคะ”
พูดแล้วศรีแพรก็ละมือที่ถือผ้าเช็ดแผลออกจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยช้ำระบม จึงถูกพฤกษ์จับมือเอาไว้พร้อมกับทำหน้าออดอ้อน
“โธ่แม่ศรีแพร ทำแผลให้พี่อีกนิดเถิดหนา พี่ยังเจ็บตรงนี้อยู่อีกนิดหน่อย” พฤกษ์ดึงมือข้างที่เขากุมเอาไว้ไปแตะที่ข้างแก้มก่อนจะแสร้งทำเสียงโอดโอย
“อดทนหน่อยนะเจ้าคะ น้องจะทายาให้” ศรีแพรเช็ดทำความสะอาดแผลเสร็จ ก็นำสมุนไพรที่เตรียมมาพอกและทาไปตามรอยฟกช้ำอย่างเบามือที่สุด
“ศรีแพร”
“เจ้าคะ” หญิงสาวขานรับในขณะที่มือยังไม่ละจากการพอกสมุนไพรไปบนรอยฟกช้ำ
“พี่ขอโทษที่พ่ายไอ้เข้มอย่างไม่เป็นท่า พี่อ่อนหัดเหลือเกินเรื่องต่อยตี” พฤกษ์พูดพร้อมกับถอนหายใจ แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็เอาแต่ท่องตำราเพื่อเตรียมตัวรับราชการ มือทั้งสองของเขาไม่มีรอยหยาบกร้านเนื่องด้วยไม่เคยจับดาบจับพร้า ที่หยิบจับอยู่เป็นประจำก็เห็นจะเป็นตำรา หมึก ปากกา และกระดาษ
“ไม่เห็นต้องขอโทษเลยเจ้าค่ะ ไอ้เข้มต่างหากที่เป็นฝ่ายผิดที่มาหาเรื่องเราก่อน น้องเกลียดนักไอ้พวกนักเลงหัวไม้ วันๆ ดีแต่ใช้กำลังชกต่อย”
“เช่นนั้น เจ้าก็คงจะชอบคนที่ไม่ได้ความเรื่องต่อยตีอย่างพี่มากกว่าไอ้นักเลงนั้นใช่หรือไม่” ชายหนุ่มถามพร้อมกับมองหญิงสาวตาเป็นประกาย
“ค่ำแล้ว ใกล้เวลาที่พ่อจะกลับมาแล้วเจ้าค่ะ พี่พฤกษ์รีบกลับเรือนไปเถอะนะเจ้าคะ” ศรีแพรเฉไฉ
“กลับก็ได้ แต่พี่ขอยารักษากลับไปที่เรือนของพี่ได้หรือไม่”
“ได้สิเจ้าคะ น้องเก็บสมุนไพรเอาไว้มากโข ว่าจะให้พี่พฤกษ์กลับไปบดและพอกแผลที่บ้านอยู่เหมือนกัน” ศรีแพรหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บเอาไว้ที่ชายพกมาคลี่ออก จากนั้นก็นำไปห่อสมุนไพรที่เธอเตรียมเอาไว้ ในขณะที่ศรีแพรหยิบสมุนไพรใส่ห่อผ้าอยู่นั้น แก้มนวลเปล่งปลั่งก็ถูกประทับจูบแบบไม่ทันตั้งตัว
“พี่พฤกษ์!” หญิงสาวร้องเสียงหลง เธอยกมือขึ้นมาแตะแก้มข้างที่ถูกฉกฉวยความหอมละมุนก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่คนที่กำลังส่งยิ้มแป้นให้
“ยาขนานนี้ดอกหนาที่พี่อยากได้ รักษาได้ชะงัดนัก”
“พี่พฤกษ์รังแกน้อง”
“พี่เจ็บหนักปานนี้ เห็นใจพี่เถิดหนา ใช้แค่สมุนไพรรักษาแต่ภายนอกไม่หายดอก”
“ถ้าเช่นนั้นก็รีบกลับเรือนไปเถิดแล้วเจ้าค่ะ ก่อนที่พ่อจะกลับมาแล้วพี่พฤกษ์จะได้เพิ่มอีกแผล”
“ก็ได้จ้ะก็ได้ แล้ววันหลังพี่จะมาหาเจ้าใหม่”
“อีกสักสามสี่วันค่อยมาดีกว่าเจ้าค่ะ รอให้ข่าวคราวเรื่องที่พี่พฤกษ์มีเรื่องมีราวกับไอ้เข้มที่ตลาดซาๆ ลงอีกสักหน่อย น้องไม่อยากให้พ่อถามถึงเจ้าค่ะ”
“สามสี่วันเชียวรึ พี่คงจะขาดใจตายเป็นแน่”
“พี่พฤกษ์ก็พูดเกินไป เพียงแค่สามสี่วัน ไม่เป็นอันใดดอกเจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นพี่จะทำทีพายเรือผ่านบ้านเจ้าทุกวัน ตอนค่ำเจ้ามายืนรอพี่ที่ท่าน้ำ ให้พี่ได้เห็นหน้าให้ชื่นใจหน่อยเถิดหนา”
“ก็ได้เจ้าค่ะ เพลาย่ำค่ำ น้องจะมานั่งที่ท่าน้ำรอพี่พฤกษ์ทุกวัน”
หลังจากนัดแนะกัน พฤกษ์ก็พายเรือผ่านหน้าบ้านศรีแพรทุกวันเป็นกิจวัตร หากวันใดที่พ่อมิ่งไม่อยู่บ้านก็ถือโอกาสแวะหา พูดคุยจนมืดค่ำกว่าชายหนุ่มจะกลับเรือนของตนได้
ความคิดเห็น |
---|