5

5

ดุจสวรรค์ประกาศิตเนรมิตสร้าง

หยาดน้ำค้างพร่างพรมห่มเวหา

มวลวิหคผกผินร่อนว่อนนภา

หมอกคลุมหล้า พราพร่างจิต พิศอำไพ

 

                แสงทองอ่อนของดวงตะวันทอดผ่านม่านหมอกหนา ปักษานานาพันธุ์ส่งเสียงขับร้องสอดคล้องกับเสียงของพระพายที่พัดผ่าน ไพเราะกังวานดั่งเสียงพิณ พาให้เอกบุรุษที่ตื่นบรรทมรับแสงแรกแห่งอรุณรุ่งเกิดอารมณ์สุนทรีย์ จดปากกาประพันธ์บทกลอนพรรณนาถึงภาพอันงดงามประดุจสรวงสวรรค์เบื้องหน้า 

“สวรรค์โอบล้อมผืนดินงามแบบนี้นี่เอง” มุมโอษฐ์หนาแย้มยามเปิดประตูห้องบรรทมออกไปยืนที่ระเบียงกว้าง งาม งามเหลือเกิน ไม่ว่าจะพิศไปทิศทางใดอาณาจักรของพระองค์ก็ ‘งดงามจับตา’

“นั่น” หม่อมเจ้าทัตเทพรับสั่งกับองค์เองยามทอดพระเนตรผ่านม่านหมอกหนาแล้วพบว่า ใต้ต้นนางพญาเสือโคร่งมีร่างบอบบางร่างหนึ่งนั่งพับเพียบยกช่อดอกสีชมพูอ่อนแนบแก้มก่อนจะเอียงคอขึ้นส่งยิ้มหวานให้กระแตตัวน้อยที่วิ่งซุกซนอยู่บนต้น หากจะเปรียบทัศนียภาพรอบวรกายว่า ‘งามจับตา’ ภาพใบหน้าอ่อนเยาว์ของ ‘นางอัปสรา’ ยามต้องแสงสุริยาก็นับว่า ‘งามจับใจ’

นางอัปสรา...

ในไร่ของพระองค์มีนางอัปสราอาศัยอยู่จริงเช่นนั้นหรือ 

“เป็นไปได้อย่างไรกัน” ทรงสะบัดพักตร์ไปมาช้าๆ กะพริบเนตรหลายครั้งเพื่อไล่ความพร่ามัว จากนั้นจึงทอดพระเนตรไปยังร่างแน่งน้อยของนางอัปสราใต้ต้นนางพญาเสือโคร่งอีกรอบ และพบว่านางอัปสราที่ว่าได้เร้นกายหายลับไปกับหมอกเมฆเสียแล้ว เหลือทิ้งไว้แค่เพียงร่างเพรียวลมของ ‘แม่วานรน้อย’ ที่กำลังถกชายผ้าถุงขึ้นแล้วเขย่งปลายเท้าคว้าลูกกระแตมาโอบอุ้มลูบหลังเจ้าสัตว์ตัวน้อยเล่นอย่างเบามือ

“ดื่มไปแค่แก้วสองแก้วตาพร่าเห็นลิงเป็นนางฟ้าไปแล้วรึ เห็นทีคืนนี้คงต้องนอนแต่หัวค่ำ” 

จากนั้นจึงเสด็จลงจากเรือน ทรงโปรดการย่ำพระบาทเปล่าลงบนสนามหญ้า ซึมซับรับความสดชื่นจากไอดินกลิ่นหญ้า แรกเริ่มเดิมทีตั้งพระทัยว่าจะทรงดำเนินอยู่แค่เพียงบริเวณหน้าเรือนใหญ่ให้พอได้ออกกำลังจากนั้นจึงจะเสด็จขึ้นไปสรงน้ำ ทว่า...

“พ่อเลี้ยงตื่นเช้าจังเลยนะจ๊ะ”

เมื่อรู้องค์อีกครั้งก็พบว่าทรงดำเนินมาถึงต้นนางพญาเสือโคร่งเสียแล้ว และแม่วานรน้อยที่มีกระแตอยู่ในอ้อมแขนก็เงยหน้าขึ้นถามตาแป๋ว

ตาแป๋ว ยิ้มหวานละมุนละไม รอยยิ้มพิมพ์ใจที่ไร้ซึ่งจริต ส่งผลให้ราชนิกุลหนุ่มผู้ไว้องค์หลงลืมชั่วขณะ ทรงแย้มโอษฐ์ยิ้มตอบรับรอยยิ้มหวานนั้นอย่างที่ไม่เคยมีสตรีใดได้รับมาก่อน

“เช้านี้พ่อเลี้ยงอยากรับมื้อเช้าที่เดิมหรือเปล่าจ๊ะ”

“...”

เสียงใสที่ดังขึ้นอีกรอบทำให้เอกบุรุษผู้สง่างามรู้องค์ ทรงกระแอมขยับโอษฐ์ที่ยิ้มอย่างเผลอไผลให้กลับมาเป็นปกติก่อนตอบ “อืม ที่นี่เหมือนเดิม”

“จ้ะ งั้นเดี๋ยวกลิ่นจันทน์ไปต้มน้ำให้พ่อเลี้ยงอาบก่อนนะจ๊ะ แล้วจะรีบมาเตรียมที่นั่ง”

“อืม” หม่อมเจ้าทัตเทพพยักพักตร์ แล้วหรี่เนตรมองตามการกระทำของหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังย่อตัวลงนั่งยองๆ วางเจ้ากระแตตัวน้อยลงบนพื้นหญ้า 

“ไปหาอะไรกินได้แล้ว แต่อย่าเพิ่งมาเล่นซนแถวนี้ล่ะ”

“เธอคุยกับมันรู้เรื่องด้วยรึ” 

หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมยิ้มหวาน “ไม่รู้เรื่องดอกจ้ะ กลิ่นจันทน์ไม่ได้เก่งเพียงนั้น”

“งั้นรึ แล้วเหตุใดเจ้าตัวเล็กนั่นจึงมาเล่นซนที่นี่ไม่ได้ ในเมื่อเธอก็ยังทำ”

“กลิ่นจันทน์ไม่อยากให้มันมารบกวนตอนพ่อเลี้ยงกินข้าว”

หม่อมเจ้าทัตเทพทรงยิ้มอีกรอบ ทว่าครั้งนี้ไม่ได้เผลอไผลหรือลืมองค์แต่เพราะทรงโปรดคำตอบของหญิงสาวยิ่งนัก “ขอบใจ”

“จ้ะ งั้นกลิ่นจันทน์ไปต้มน้ำก่อนนะจ๊ะ”

“อืม ผสมน้ำเสร็จมาตามด้วยก็แล้วกัน ฉันอยากเดินเล่นแถวนี้สักครู่”

“จ้ะ” กลิ่นจันทน์รับคำ จากนั้นจึงเดินนวยนาดกลับไปยังโรงครัว 

กลมกลึง...

ผึ่งผาย...

ยามเธอขยับยักย้ายดั่งร่ายมนตร์สะกดตราตรึงทุกประสาทสัมผัสให้จับจ้องอยู่แค่เพียงสะโพกงอนงาม

“บ้าจริง” หม่อมเจ้าทัตเทพตรัสกับองค์เองขณะดึงสายเนตรให้หลุดจากความงามเบื้องหน้า จากนั้นจึงเสด็จไปสำรวจตรวจตราต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ไร่ ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่าย จนกระทั่งมาหยุดที่โรงเรือนชั้นเดียวสีเขียวอ่อนสร้างติดพื้น ที่ทรงให้สถาปนิกจำลองแบบโรงครัวของวังชัยนราพงศ์มาไว้ที่นี่ ถึงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่าหลายเท่าตัว แต่ยังคงความงดงามไม่ต่างกัน

“หืม...” ทรงเงี่ยกรรณฟังเสียงสนทนาและเสียงหัวเราะของสม นวล และหลานสาวที่ดังมาจากด้านในโรงครัวแล้วทรงยิ้มตาม “นี่ฉันเลี้ยงดูคนงานดีมีความสุขกันขนาดนี้เทียวรึ”

“เมื่อเช้าตรู่กลิ่นจันทน์แอบไปดมดอกกาแฟมาด้วยนะจ๊ะปู่ หอมติดจมูกมาก” เสียงสดใสของหญิงสาวยังคงดังแว่วออกมาไม่ขาดระยะ

“เฮอะ อีกแล้วนะหล่อน ถึงขั้นแอบไปดมเทียว ดูเถิด ถ้าวันนี้ดอกกาแฟฉันเฉาจะลงโทษเสียให้เข็ด” ทรงรำพึงสุรเสียงแผ่วอยู่ด้านข้างโรงเรือน 

“ถึงว่าย่าตื่นมาไม่เจอ” นวลว่า

“วันนี้กลิ่นจันทน์ตื่นเช้า ก่อไฟนึ่งข้าวหุงข้าวเสร็จแล้วเลยออกไปเดินเล่น” 

“แล้วมีออกดอกเพิ่มบ้างไหม วันนี้พ่อเลี้ยงจะไปดู” สมถาม

“มีจ้ะปู่ แต่ถ้าวันนี้ปู่พาพ่อเลี้ยงไปดู อย่าให้เธอดมดอกของต้นซ้ายมือสุดนะจ๊ะ”

“อ้าว ต้นนั้นมีอะไรผิดปกติงั้นรึ” สมถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ และแน่นอนว่าเอกบุรุษที่ทรงยืนข้างๆ โรงครัวก็เลิกขนงขึ้น แปลกพระทัยกับสิ่งที่ได้รับฟังไม่ต่างกัน

                “ไม่มีอะไรผิดปกติจ้ะปู่ แต่ว่า...ต้นนั้นกลิ่นจันทน์ระดมหอมดอกกาแฟทั่วทั้งต้นแล้ว อ้าว น้ำเดือดพอดี งั้นกลิ่นจันทน์ไปเตรียมน้ำให้พ่อเลี้ยงก่อนนะจ๊ะ”

“...”

พระบาทหนาขยับออกห่างจากบริเวณโรงครัวกลับไปยังสนามหญ้าหน้าเรือนใหญ่โดยอัตโนมัติ ปรายเนตรตามหลังร่างบอบบางที่กำลังหิ้วถังน้ำร้อนขึ้นไปบนเรือน 

“หึ ทำมานัดแนะสั่งห้าม ต้นกาแฟของฉันแท้ๆ”

 

หลังจากสรงน้ำและเสวยสำรับเช้าเรียบร้อยแล้วหม่อมเจ้าทัตเทพจึงทรงดำเนินตามสมไปสำรวจไร่แต่ละทิศอย่างละเอียด 

“ลุงลงมะลิเพิ่มแถวนี้รึ กลิ่นหอมจริงเทียว” ราชนิกุลหนุ่มทรงถามยามกลิ่นหอมกำจายคล้ายกลิ่นของดอกมะลิลอยอวลมาเตะจมูก

“เปล่าครับพ่อเลี้ยง” สมตอบพร้อมยิ้ม

“หืม แต่ฉันได้กลิ่น” ผู้เป็นนายตรัส

“กลิ่นดอกกาแฟครับ” สมตอบพลางเดินนำผู้เป็นนายไปยังทิศทางของเจ้าดอกไม้กลิ่นหอม และทันทีที่ผ่านเขตของต้นลำใย ท่านชายก็ทรงยิ้ม พอพระทัยเหลือเกินกับภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า

“ดอกดกขนาดนี้เทียวรึ” ตรัสด้วยสุรเสียงตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด ยามทอดพระเนตรเจ้าดอกหอมกรุ่นสีขาวซึ่งบานสะพรั่งไปทั่วต้นกาแฟที่ทรงนำมาให้สมทดลองปลูกเมื่อหลายปีก่อน

“ครับพ่อเลี้ยง”

“ดี งามทั้งต้นทั้งดอกแบบนี้แสดงว่าดินที่นี่ปลูกกาแฟได้สบาย ฉันจะลงกาแฟเพิ่ม ลุงช่วยเป็นธุระเรื่องหาคนงานให้ด้วย” ท่านชายตรัส ก่อนจะทรงดำเนินไปยังต้นกาแฟที่อยู่ซ้ายมือสุด โน้มวรกายลง แตะปลายนาสิกลงบนกลุ่มดอกสีขาวดอกแล้วดอกเล่า ขยับพระบาทเป็นวงกลมจนกระทั่งกลับมายืนตรงจุดเริ่มต้น อันหมายความว่าทรงได้ประทับนาสิกพร่างพรมลมร้อนผ่าวลงบนเจ้าดอกสีขาวนวลทั่วทั้งต้นแล้ว 

                สมค้อมศีรษะรับคำสั่งแล้วยิ้มแหย ใช่ว่าเขาละเลยต่อคำร้องขอของหลานสาว แต่กระนั้นก็ไม่อาจทักท้วงขัดอารมณ์สุนทรีย์ของผู้เป็นนายได้เช่นกัน จึงจำต้องปล่อยให้ผู้มีพระคุณทาบปลายจมูกสูดกลิ่นแสดงความเป็นเจ้าของดอกกาแฟต้นซ้ายมือทับรอยเจ้ากลิ่นจันทน์ไปโดยปริยาย

                “สายแล้วลุงมีงานอะไรก็ไปทำเถอะ” ตรัสกับสมเมื่อทรงเห็นว่าสมควรแก่เวลาสำหรับการตรวจตราไร่ในวันนี้แล้ว

                “แล้วพ่อเลี้ยงล่ะครับ” สมถาม

                “ฉันยังอยากเดินเล่นแถวนี้อีกประเดี๋ยว ชักหลงกลิ่นดอกกาแฟเข้าเสียแล้ว” เอกบุรุษทรงพระสรวลอย่างสำราญ

                “แต่ว่า...” สมอึกอัก ถึงแม้ว่าไร่แห่งนี้จะมีการล้อมรั้วสูงอย่างมิดชิด กระนั้นงูเงี้ยวเขี้ยวขอก็ใช่ว่าจะไม่มี 

                “ไม่ต้องห่วงฉันดอกลุง หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ฉันจะร้องดังๆ รับรองลุงกับป้ามาช่วยฉันทันแน่นอน” ผู้เป็นนายตอบอย่างรู้ทัน

                “ลุงดายหญ้าฝั่งกระโน้นค้างไว้ตั้งแต่เมื่อวาน” สมว่า

                “อืม ไปเถอะ ประเดี๋ยวแดดจะร้อนเสียก่อน” 

                เมื่อสมเดินแยกออกไปดายหญ้าที่ทำค้างไว้แล้ว ท่านชายจึงทรงดำเนินเข้าไปทอดพระเนตรดอกกาแฟใกล้ๆ ทรงยิ้มแล้วตรัสกับองค์เองอย่างมุ่งมั่น “ฉันจะทำให้คนทั้งโลกรู้จักกาแฟของที่นี่”

                ทรงใช้เวลาสำรวจพื้นที่ของไร่อย่างละเอียดเพื่อวางแผนลงต้นกาแฟให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะปรับผืนดินที่มีอยู่ใหม่แล้วยังทรงชะเง้อทอดพระเนตรที่ดินผืนข้างๆ อย่างผู้ที่มีแผนการ กระทั่งสมควรแก่เวลาจึงทรงดำเนินไปทอดพระเนตรส่วนอื่นๆ ของไร่

                ตุบ!

                ตุบ!

                ตุบ!

                เอกบุรุษเอียงพักตร์ชายเนตรไปยังทิศทางของเสียงตุบตับ เนตรคมหรี่ลงมุมโอษฐ์หยักยกขึ้นน้อยๆ ยามร่างบอบบางออกแรงเหยียบปลายคานไม้ยาวของครกกระเดื่องใบเขื่องเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าเสียงตำข้าวจะดังเป็นจังหวะรื่นหูแต่ท่าทางของคนตำกลับน่าขันยิ่งนัก 

                “ตั้งใจจะเหยียบให้คานเหวี่ยงขึ้นไปบินรวมกับนกเลยหรือไร” ทรงยิ้มพลางรับสั่งกับองค์เอง ก่อนจะดำเนินเข้าไปทอดพระเนตรใกล้ๆ

                “พ่อเลี้ยง” กลิ่นจันทน์เอ่ยเรียกผู้เป็นนายเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาในระยะสายตา

                “ตำข้าวงั้นรึ” ราชนิกุลหนุ่มทรงถาม

                “จ้ะ” กลิ่นจันทน์ยกขาลงจากคานกระดก ใช้หลังมือขาวสะอาดซับเหงื่อที่ผุดขึ้นตามขมับก่อนตอบ 

                “ตำหมดนี่เลยอย่างนั้นรึ” ท่านชายทัตเทพหลุบเนตรมองปริมาณข้าวเปลือกที่อยู่ในถังแล้วทรงถาม

                “จ้ะ กลิ่นจันทน์ตำไว้เผื่อทำข้าวต้มมัดด้วย” 

                “จำได้ว่าป้านวลเคยทำให้กินคราวก่อน” 

                “ถ้าเป็นสูตรของย่าจะเอาข้าวเหนียวผัดกับกะทิก่อนค่อยห่อใบตองแล้วนึ่ง แต่ของกลิ่นจันทน์จะไม่ผัดข้าวก่อนจ้ะ” กลิ่นจันทน์ยิ้มหวานแล้วย่อตัวลงนั่งยองๆ เพื่อตักข้าวที่ตำเรียบร้อยแล้วใส่กระด้ง ก่อนจะยกกระด้งใบดังกล่าวขึ้นฝัดแยกเอาส่วนที่เป็นเปลือกข้าวและฝุ่นออกจากเม็ดข้าวสีขาว

                “แล้วจะอร่อยสู้ของย่าเธอได้งั้นรึ”

                “กลิ่นจันทน์ไม่กล้าเทียบฝีมือตัวเองกับย่าดอกจ้ะพ่อเลี้ยง รสมือย่าอร่อยที่สุดอยู่แล้ว แต่ที่วันนี้กลิ่นจันทน์เลือกทำอีกแบบก็เพราะว่าเมื่อวานสอยมะพร้าวอ่อนได้หลายลูกก็เลยอยากกินข้าวต้มมัดคลุกมะพร้าวจ้ะ”

                “งั้นรึ แล้วจะทำเมื่อไหร่เล่า”

“บ่ายนี้จ้ะ”

“ฉันจะรอชิม” ตรัสทิ้งท้ายไว้ด้วยสุรเสียงอ่อนโยนก่อนจะทรงดำเนินไปทอดพระเนตรส่วนอื่นๆ ของไร่ต่อ 

สองมือของหญิงสาวจับขอบกระด้งเอาไว้มั่น ทอดสายตามองตามแผ่นหลังกำยำไปจนสุดทาง จากนั้นจึงเร่งมือฝัดข้าวและตำข้าวในส่วนที่เหลือ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงนำใบตองที่เธอตัดและตากแดดตั้งแต่เช้ามาตัดเป็นชิ้น เช็ดด้วยผ้าหมาดจนสะอาด นำกล้วยที่สุกกำลังดีมาปอกเปลือก หั่นตามแนวยาวแล้วพักไว้ ก่อนจะยกอุปกรณ์สำหรับทำข้าวต้มมัดทั้งหมดไปวางบนแคร่ข้างโรงครัว เดินอ้อมไปยังอีกฝั่งของโรงครัวเพื่อขุดถั่วลิสงที่เธอปลูกไว้ นำไปล้างคราบดินจนเกลี้ยง แกะเม็ดแล้วนำไปล้างน้ำจนสะอาด 

“ครบแล้ว” 

กลิ่นจันทน์วางชามใส่เม็ดถั่วลิสงลงบนแคร่ ยกหลังมือขึ้นซับเหงื่อข้างขมับขณะย่อตัวลงนั่งพับเพียบ แล้วลงมือห่อข้าวต้มมัด จับจีบใบตองด้วยความคล่องแคล่วและประณีต จนได้จำนวนตามต้องการแล้วจึงนำไปนึ่ง จากนั้นจึงขูดมะพร้าวอ่อนคลุกน้ำตาลและเกลือเล็กน้อย เมื่อข้าวต้มที่นึ่งสุกแล้วจึงนำมาแกะใบตองออก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วนำไปคลุกรวมกับมะพร้าว 

นำจานเบญจรงค์สีขาวขอบทองมาวางบนขันโตก ตัดใบตองเป็นวงกลมวางลงไปบนจานโดยให้ขอบสีเขียวอ่อนของใบตองอยู่ด้านล่างของขอบทองเบญจรงค์ ตักข้าวต้มมัดที่คลุกเคล้ามะพร้าวอ่อนจนได้ที่แล้ววางบนใบตอง ก่อนจะเดินไปเด็ดดอกมะลิลาข้างโรงครัวมาล้างน้ำ นำมาวางประดับบนจานข้าวต้มมัดอย่างสวยงาม รินน้ำมะพร้าวที่เธอแยกไว้แต่แรกใส่กระบอกไม้ไผ่ทองที่ตัดคว้านและล้างอย่างสะอาด โรยหน้าด้วยดอกมะลิลาที่เหลือ 

จากนั้นจึงยกขันโตกขึ้นไปบนเรือนใหญ่ เคาะประตูกระจกที่เชื่อมระหว่างห้องนั่งเล่นกับระเบียง เมื่อผู้ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านนอกพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต จึงเปิดประตูออกไปหา ย่อตัวลงนั่งพับเพียบวางขันโตกของว่างข้างๆ เบาะรองนั่งแล้วจึงเอ่ยบอก

“ข้าวต้มมัดจ้ะพ่อเลี้ยง”

หม่อมเจ้าทัตเทพวางหนังสือในหัตถ์ลงแล้วเอี้ยวองค์มาทอดพระเนตร ‘ข้าวต้มมัด’ บนขันโตกแล้วทรงยิ้ม 

“ให้ฉันกินดอกไม้อีกแล้วรึ” เพราะสำรับเช้าของวันนี้อุดมไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ทั้งคั่วไข่ใส่ดอกโสน แกงจืดดอกขจร และชากุหลาบผสมกระเจี๊ยบ ยังไม่พ้นวันดีก็มีดอกมะลิลาวางแนมมากับของว่างยามบ่ายอีกสำรับ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าหล่อนจะให้พระองค์เสวยดอกไม้ทั้งสวนเลยหรืออย่างไร

“มะลิลาวางประดับจานและให้กลิ่นหอมจ้ะ กลิ่นจันทน์ยังไม่เคยลองกินสักที เคยคิดจะเอาไปทอดจิ้มน้ำพริกหลายครั้งแต่ก็ยังไม่เคยลอง”

เอกบุรุษกลอกเนตรแล้วทรงพระสรวลน้อยๆ หล่อนไม่รู้เลยหรืออย่างไรว่าพระองค์กำลัง ‘ประชด’ นึกอยากจะเปลี่ยนชื่อเจ้าหล่อนเป็น ‘แม่กลิ่นดอกไม้’ เสียให้รู้แล้วรู้รอด

“เธอคงชอบดอกไม้มากสินะ” ทรงถามก่อนตักข้าวต้มมัดคลุกมะพร้าวใส่โอษฐ์

“ชอบจ้ะ บ้านกลิ่นจันทน์ที่สิบสองปันนามีดอกไม้เต็มไปหมด” นัยน์ตาของหญิงสาวเป็นประกายยามเอ่ยถึงบ้านเกิดที่เธอจากมา

“เยอะกว่าที่นี่เทียวรึ” ท่านชายทรงถามแล้วปิดเปลือกเนตรลงเพื่อซึมซับรสละมุนของของว่างที่หญิงสาวรังสรรค์ ถึงแม้ว่าสำรับคาวหวานในวังจะรสเลิศเพียงใด แต่ก็ยังไม่เคยมีรสมือต้นเครื่องคนใดปรุงสำรับได้ถูกพระทัยพระองค์เช่นนี้

“ที่นี่กว้างขวางนัก แต่ไม้ดอกยังมีไม่กี่อย่าง ส่วนบ้านของกลิ่นจันทน์พื้นที่ไม่มากแต่กลิ่นจันทน์ก็หาดอกไม้ไปปลูกจนทั่ว บางดอกให้สีสวย บางดอกให้กลิ่นหอม คละเคล้าปนเปแต่ว่างามนัก”

“งั้นก็หามาปลูกสิ เผื่อที่นี่จะได้สวยเหมือนบ้านเธอบ้าง”

“กลิ่นจันทน์ปลูกตรงไหนได้บ้างจ๊ะ” กลิ่นจันทน์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด เธอชอบดอกไม้ ชอบปลูกต้นไม้นักหนา แต่ไม่กล้าที่จะปลูกอะไรมากนักเพราะเกรงใจ กลัวว่าเจ้าของไร่จะไม่ชอบ จึงได้แต่แอบปลูกตรงข้างๆ โรงครัวและข้างบ้านพักที่เธอกับปู่ย่าอาศัยอยู่เท่านั้น

“เธออยากปลูกตรงไหนบ้างเล่า”

“กลิ่นจันทน์แอบปลูกไว้ข้างเรือนครัวกับข้างบ้านนิดหน่อยจ้ะ ส่วนมะลิหน้าบ้านย่าบอกว่าตอนมาอยู่ที่นี่ก็เห็นมีอยู่แล้ว ดอกงามนัก กลิ่นจันทน์ชอบเอาน้ำซาวข้าวไปรดบ่อยๆ”

ท่านชายทรงพระสรวลในลำศอ “ปลูกต้นไม้ต้องแอบด้วยรึ กลัวใครจะมาจับหรืออย่างไร”

“เปล่าจ้ะ ปู่กับย่าบอกว่าอย่าเพิ่งทำอะไรมาก ให้รอขออนุญาตพ่อเลี้ยงก่อน”

“อ้อ รอให้ฉันอนุญาตก่อนทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่รับเธอมาอยู่ที่นี่เรื่องเดียวสินะ”

“กลิ่นจันทน์ขอโทษพ่อเลี้ยงด้วยนะจ๊ะที่ถือวิสาสะเข้ามาอยู่ที่นี่” หญิงสาวประนมมือไหว้พร้อมกับค้อมศีรษะลง 

ท่านชายทัตตักข้าวต้มมัดขึ้นเสวยอย่างเอร็ดอร่อย และเมื่อกลืนข้าวต้มคำล่าสุดลงศอ ยกน้ำมะพร้าวกระบอกไม้ไผ่ขึ้นมาจิบเรียบร้อยแล้วจึงตรัสตอบ

“เอาเถิด เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว เธอมาอยู่ที่นี่อีกคนก็ดี จะได้ช่วยแบ่งเบางานของปู่กับย่า ภายหน้าฉันยังจะขยายไร่ออกไปอีกหลายอยู่”

“กลิ่นจันทน์จะขยันทำงานจ้ะ”

หม่อมเจ้าทัตเทพทอดพระเนตรใบหน้าผ่องใสแล้วทรงยิ้มอย่างเอื้อเอ็นดู “ส่วนเรื่องปลูกดอกไม้ เธอเห็นควรว่าปลูกตรงไหนงามก็ปลูกเถิด ฉันอนุญาต”

“ขอบคุณจ้ะพ่อเลี้ยง กลิ่นจันทน์ขอขุดบ่อเล็กๆ ปลูกบัวด้วยได้หรือเปล่าจ๊ะ”

“ทำเป็นรึ” 

“เป็นจ้ะ กลิ่นจันทน์เคยช่วยเพื่อนขุดบ่อแล้วก็ไปเก็บต้นบัวในหนองน้ำมาปลูก ตอนนี้ออกดอกงามเทียว”

“เอาสิ อยากขุดตรงไหนก็บอกแล้วกัน จะได้ให้ลุงสมหาคนมาช่วยขุด” แปลกนัก พระองค์เพิ่งจะทรงดำริเมื่อครู่นี้ว่าอยากให้มีสระบัวในไร่ ยังไม่ทันได้สั่งการใดๆ ก็มีคนล่วงรู้ความในพระทัย ชิงขออนุญาตเสียก่อน

“ไม่ต้องจ้างใครก็ได้จ้ะ กลิ่นจันทน์ทำเองได้”

“ฮึ” ทรงพระสรวลสุรเสียงทุ้มอย่างพอพระทัยก่อนจะตรัสต่อ “จ้างคนงานขุดบ่อแค่นี้ไม่ทำให้ฉันล้มละลายดอก อย่างไรเสียก็ต้องจ้างคนมาช่วยลุงสมลงต้นกาแฟอยู่แล้ว ก็ทำพร้อมกันเสียทีเดียว”

“ลงกาแฟเพิ่มหรือจ๊ะ” กลิ่นจันทน์ถามแววตาเป็นประกาย

“อืม จะลองลงเพิ่มสักสิบไร่ หากยังให้ดอกให้เม็ดงามอย่างสามต้นนั้นค่อยซื้อที่ข้างๆ เพิ่มดีหรือไม่”

“ดีจ้ะดี เวลาออกดอกพร้อมกันคงจะหอมนัก”

“กาแฟไม่ได้มีดีแค่ดอกหอมดอกหนา เมล็ดของมันยังสร้างเม็ดเงินได้อีกมากโข”

“จริงหรือจ๊ะ กลิ่นจันทน์เคยได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังว่าขมนัก”

“ขมบ้างหากคั่วไม่ดี แต่ถ้าเลือกกาแฟพันธุ์ดี คั่วให้ได้ที่ก็ไม่ขมดอก อยากลองชิมหรือไม่เล่า”

หญิงสาวเม้มริมฝีปากคล้ายครุ่นคิดโดยไม่เอ่ยตอบรับหรือปฏิเสธ 

เอกบุรุษเลิกขนงขึ้นแล้วทรงถามอีกรอบ “ว่าอย่างไร อยากลองชิมหรือไม่”

“กินแล้วจะนอนได้หรือจ๊ะ ขวัญข้าวเคยบอกว่ากินกาแฟแล้วจะตาแข็ง”

“ขวัญข้าว?” ตรัสทวนคำสุรเสียงแผ่ว หญิงสาวจึงพยักหน้ารับแล้วอธิบายเพิ่มเติม

“เพื่อนของกลิ่นจันทน์จ้ะ”

“อ้อ หล่อนเคยกินแล้วตาค้างจนนอนไม่ได้งั้นรึ”

ทว่ากลิ่นจันทน์กลับส่ายหน้า “เปล่าจ้ะ ขวัญข้าวบอกว่าอ่านเจอในหนังสือ”

“ฮึ หนังสือเล่มไหนกัน ฉันชักอยากจะลองอ่านเสียแล้วสิ ว่าแต่เธอเถิด อยากลองชิมให้รู้รสเองหรือว่าเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เพื่อนบอกกันเล่า” ท่านชายผู้รักในการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของกาเฟอีนทรงพระสรวลอย่างลืมองค์ ลืมองค์ทุกครั้งที่ได้สนทนากับ ‘แม่กลิ่นดอกไม้’ เช่นนี้ ไม่ว่าเจ้าหล่อนจะเอ่ยถามหรือตอบสิ่งใดก็ทำให้พระองค์สำราญยิ่งนัก 

หญิงสาวอมยิ้มน้อยๆ ก่อนตอบเสียงแผ่ว “อยากลองชิมจ้ะ” 

“ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้ก่อนตั้งสำรับเช้า เธอช่วยต้มน้ำร้อนใส่กาใบเล็กที่วางอยู่ในตู้โชว์ชั้นที่สองมาให้ฉันที่นี่ด้วยก็แล้วกัน”

กลิ่นจันทน์หันไปมองตามสายตาของผู้เป็นนายแล้วพยักหน้ารับ “จ้ะ งั้นกลิ่นจันทน์ไปช่วยย่าทำอาหารเย็นก่อนนะจ๊ะ”

“อืม ไปเถิด ถ้าหากข้าวต้มนี่ยังมีเหลือ จัดมาพร้อมสำรับเย็นอีกสักจานก็แล้วกัน”

“จ้ะ แล้ววันนี้พ่อเลี้ยงจะอาบน้ำห้าโมงเหมือนเดิมหรือเปล่าจ๊ะ กลิ่นจันทน์จะได้กะเวลาต้มน้ำถูก” 

ราชนิกุลหนุ่มพยักพักตร์รับแล้วยกน้ำมะพร้าวขึ้นมาเสวยแก้กระหาย กลิ่นของดอกมะลิลาช่างหอมละมุนไม่ผิดไปจากข้าวต้มมัดคลุกมะพร้าวอ่อน น้ำมะพร้าวในกระบอกไม้ไผ่ก็รสดีชุ่มคอไม่มีที่ใดเหมือน ไร่ผืนนี้ให้ผลผลิตเกินคาด เห็นทีคงต้องหาไม้ดอกไม้ผลพันธุ์อื่นมาลงเพิ่มเสียแล้ว

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น