4

บทที่ 4


4

 

            “ไม่!!!”

            พิราอรกรีดร้องสุดเสียง ก่อนจะสะดุ้งตื่น ชันกายลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองไปรอบห้องจนมาหยุดนิ่งอยู่ที่นาฬิกา ยังไม่ถึงเวลาที่เขาสั่งไว้ และเธออยู่บนเตียง งั้นเมื่อกี้นี้ก็แสดงว่าฝัน

            “บ้าเอ๊ย ตกใจหมดเลย”

            หญิงสาวเป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอกที่เหตุการณ์ชวนใจสั่นไม่ได้เกิดขึ้นจริง เธอคิดมากจนเก็บมาฝันเป็นตุเป็นตะ เหมือนจริงเป็นบ้าเลย โดยเฉพาะตอนโดนจูบ หญิงสาวเผลอยกมือแตะริมฝีปากที่เพิ่งถูกรุกรานในความฝันแล้วหน้าแดงก่ำ จะต้องทำบุญใหญ่แค่ไหน จะต้องไถ่ชีวิตโคกระบือสักกี่ตัว ถึงจะหนีจากเขาได้พ้น

            คีย์การ์ดห้องชินดนัยยังวางอยู่ตำแหน่งเดิม จากที่คิดว่าจะปล่อยไปให้เป็นเรื่องของเขา ตอนนี้ชักสองจิตสองใจ ภาพความฝันมันทำให้เธอฉุกคิด ผู้ชายคนนั้นบ้าบิ่นไม่เหมือนใคร เธอเองก็เคยเจอกับตัวมาแล้ว การคิดมีปัญหากับเขาจึงต้องเตรียมตัวตั้งรับให้รอบคอบ ซึ่งพิราอรจะไม่เสี่ยงกับสถานการณ์ล่อแหลมด้วยความถือดีของตัวเองเด็ดขาด สู้ไปก็มีแต่เสียเปรียบ ยอมถอยสักหนึ่งก้าว ใช่ว่าเธอจะพ่ายแพ้เสียเมื่อไร

            ยังเหลืออีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่เขาสั่งให้ไปปลุก หญิงสาวลงจากเตียง อาบน้ำ แต่งตัวด้วยชุดรัดกุมที่สุด ปกติหากอยู่ห้อง เธอจะไม่สวมกางเกงยีนกระดุมเรียงแถวแน่นเป็นตับแบบนี้หรอก เสื้อเชิ้ตแขนยาวก็เช่นกัน แต่งตัวมิดชิดยิ่งกว่าฤดูหนาวซะอีก

            เมื่อเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมแล้ว พิราอรก็หยิบคีย์การ์ดเดินออกไปจากห้อง

            ตลอดทางเดินอันแสนสั้น เธอเฝ้าคิดเพียงแต่ว่าจะปลีกตัวออกมาอย่างไรให้เร็วที่สุด การต้องอยู่กับชินดนัยตามลำพังแถมยังเป็นพื้นที่ของเขา เธอมีแต่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทุกทาง ประตูห้องของเขาอยู่ตรงหน้า หมดเวลาคิดแล้ว พิราอรเอ๋ย...

            หญิงสาวรวบรวมกำลังใจสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แตะคีย์การ์ดเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้อง สายตาของเธอสะดุดเข้ากับรองเท้าที่เขาคงสลัดทิ้งไว้จนกระเด็นไปคนละทาง เธอหยิบไปวางตรงชั้นวางเล็กๆ ก่อนเดินต่อไปอีกนิดก็เจอเสื้อนอกกองกับพื้น จะข้ามไปก็ใช่ที่ จำใจก้มหยิบมันมาถือไว้ ดูซิกว่าจะถึงห้องนอนจะต้องเจออะไรอีก

            เมื่อคืนชินดนัยคงจะกลับมาในสภาพไม่สู้ดีนัก ถึงได้ทิ้งเสื้อผ้าเรี่ยราดขนาดนี้ พิราอรลองเปิดประตูห้องนอนของเขาก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก จึงค่อยๆ แง้มมันออกแล้วยื่นหน้าเข้าไปก่อน มีกางเกงยีนพาดอยู่ปลายเตียง ส่วนบนเตียงยับย่นก็มีกองผ้าห่มคลุมร่างเขาเอาไว้

            รองเท้า เสื้อ และกางเกงถูกถอดออกหมด แล้วใต้ผ้าห่มผืนนั้นจะเหลือซากอะไร เธอไม่กล้าคิดเลย

            หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ นี่เธอจะต้องเจอกับอะไรกันแน่ แล้วดูเถอะ เธอเข้ามาขนาดนี้ยังหลับอุตุไม่รู้เหนือใต้ หากเป็นโจรผู้ร้ายคงได้โดนฆ่าชิงทรัพย์เรียบร้อย

            พิราอรถอนใจขณะเดินมาหยิบกางเกงของเขามาถือรวมกับเสื้อที่เก็บได้จากด้านนอก แล้วก็เหลือบไปเจอกับตะกร้าหวายจึงโยนทั้งหมดลงไป แล้วเดินมาหยุดทำใจข้างเตียงขนาดใหญ่

            คราวนี้ละงานยากสุด จะปลุกเขาอย่างไรดี เล่นคลุมโปงมิดขนาดนี้ เปิดเพลงเสียงดัง หรือว่าเอาน้ำเย็นๆ มาราด ไม่เอาน่ะพีช แบบนั้นมันออกจะอันธพาลเกินไป เรียกธรรมดานี่ละ ไม่ตื่นค่อยลองวิธีอื่น หญิงสาวนั่งลงบนเตียงนุ่ม มันยวบตามน้ำหนักของเธอ แต่คนขี้เซาก็ยังไม่ขยับ

            “คุณชิน คุณชินคะ จะสิบโมงแล้วนะ ตื่นเถอะค่ะ วันนี้คุณมีนัดนะคะ”

            เงียบมากจนน่าใจหาย หวังว่าคงไม่ได้ใหลตายนะ ขี้เกียจไปให้ปากคำที่โรงพัก พิราอรลองอีกครั้ง คราวนี้เธอวางมือลงไปบนผ้าห่ม เขย่าเบาๆ พร้อมเรียก

            “คุณชินคะ ตื่นได้แล้วค่ะ ตื่นค่ะ”

            “ฮื้อ” คนใต้ผ้าห่มส่งเสียงอย่างรำคาญ แถมยังพลิกกายหนีไปอีกด้าน

            “คุณชินคะ ตื่นค่ะ คุณมีนัดสำคัญนะคะ” หญิงสาวไม่ละความพยายาม ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เธอลงจากเตียงเดินอ้อมมาอีกฝั่ง มือกำผ้าห่มแน่นแล้วกระชากผ้านั้นสุดแรงเกิด

            ผ้าห่มผืนใหญ่ตกไปข้างเตียง ทว่าสิ่งที่ตรึงพิราอรให้ยืนนิ่งไม่ต่างจากเสาหินเห็นจะเป็นลอนมัดกล้าม สายตาเธอไล่มองตั้งแต่ศีรษะ บ่ากว้าง แผงอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตึงแน่น เรื่อยลงมาจนถึงช่วงเอวสอบ ขอบกางเกงบ็อกเซอร์ และ...น้องชายของเขาที่ดันกางเกงจนนูนเด่นชัดเจน เนื้อตัวของชินดนัยเกือบเปลือย

            นะ...นะ...นี่เขานอนแก้ผ้างั้นเหรอ

            พิราอรยกสองมือขึ้นปิดตา หันหลังหนีภาพไม่น่ามอง กรีดร้องด้วยความตกใจ

            กรี๊ดดด!

            “เฮ้ย!” ชายหนุ่มสะดุ้งตื่น เนื่องจากร่างกายที่มีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวสัมผัสความเย็นจัดของอากาศในห้อง เขามองเห็นผ้าห่มกองอยู่ข้างล่าง ใกล้กันก็เป็นพิราอรที่ยืนหันหลังอยู่

            ชินดนัยยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู จากสภาพเขาน้องชายที่แข็งขึง กับสภาพเธอที่ตื่นตกใจในตอนนี้ เดาได้ไม่ยาก สงสัยคุณหนูลูกพีชจะเจอของดีเข้าให้แล้ว

            “รีบหาเสื้อคลุมมาใส่เดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงสาวสั่ง ได้ยินเสียงคนบนเตียงเคลื่อนไหวสวบสาบ

            “หันกลับมาเถอะ ผมไม่โป๊แล้ว”

            “แน่นะ”

            “ลองดูเอาสิ”

            หญิงสาวค่อยหันกลับไป ยังไม่กล้าเอามือออก แต่ถ่างนิ้วจนเป็นช่องเพื่อแอบมอง เธอกลัวว่าเขาจะแกล้งกันอีก

            “เอามือออกเถอะน่า ไม่โป๊จริงๆ ถ้าอยากดูอีก ผมถอดให้ก็ได้ แต่ช่วยเบาแอร์ลงหน่อยนะ หนาวจนน้องหดไปหมดละ”

            “คุณชิน!” พิราอรลดมือลงเผยให้เห็นใบหน้าบึ้งจัด “ทำไมคุณทำอย่างนี้”

            “อะไร ผมทำอะไรพีช”

            คนถูกกล่าวหาย้อนถาม ทั้งปากทั้งตายิ้มกรุ้มกริ่มไปหมด พอเห็นว่าหญิงสาวงอนไม่ตอบ รอยยิ้มนั้นก็ขยายกว้างมากกว่าเดิม เพราะเริ่มเดาความคิดเธอได้ สงสัยแม่ชีจะกลัวศีลขาด หน้าแดงแจ๋ขนาดนั้น แอบคิดทะลึ่งอะไรอยู่รึไง

            “อ๋อ...เรื่องผมแก้ผ้านอนน่ะเหรอ ไม่เอาน่า จะมากล่าวหากันด้วยเรื่องไม่จริงได้ไง คุณก็เห็นอยู่ว่าผมยังมีบ็อกเซอร์อีกตั้งหนึ่งตัว”

            “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ ในเมื่อคุณตื่นมากวนประสาทฉันได้ขนาดนี้ ก็ไปเตรียมตัวทำธุระคุณเถอะ ฉันขอตัวกลับห้อง”

            “เดี๋ยวก่อน” ชินดนัยตามมาคว้ามือหญิงสาวไว้ ออกแรงกระตุกนิดหน่อยเธอก็ถลาเข้ามาปะทะอกกว้าง มือเขาโอบรอบเอวกักเธอไว้ในอ้อมแขน ทั้งคู่นั่งทับกันอยู่บนเตียง

            พิราอรขืนตัวหนี มองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง แต่ยังไม่ทันได้จัดการอะไร เสียงประหลาดก็ดังโครกครากขึ้นแทรกสถานการณ์ตึงเครียด หญิงสาวขมวดคิ้วมองเขาราวจะถาม

            ชินดนัยตอนนี้ดูคล้ายเด็กหนุ่ม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดูเด็กลงจริงๆ เมื่อเขายิ้มแหย เอ่ยสารภาพเสียงอ่อย “ที่ได้ยินเมื่อกี้เสียงท้องผมร้องเองแหละ หิวมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ได้นอนก็พอลืมหิวไปหน่อย แต่พอตื่นก็หิวเลย”

            “แล้วทำไมไม่หาอะไรกินล่ะคะ” หญิงสาวย้อนถาม แรงโทสะคลายลง ซ้ำยังลืมตัวไปด้วยซ้ำว่ากำลังนั่งเกยอยู่บนตักเขา

            “กลับมาก็เกือบสว่างแล้ว ผมไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรกินหรอก แค่ประคองตัวถึงห้องได้นี่ก็นับว่าเยี่ยม”

            “งั้นก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวฉันทำอะไรให้กินกันตาย ว่าแต่ห้องคุณพอมีเสบียงตุนไว้บ้างไหม”

            “ในตู้เย็นน่าจะพอมีของกินแช่ไว้อยู่นะ ผมชอบหิวตอนดึกๆ” ชินดนัยตอบ มือซุกซนของเขาเริ่มลูบวนป้วนเปี้ยนแถวเอวคอด

            พิราอรนิ่วหน้าก่อนตีเข้าที่แผงอกกว้าง ผลักเขาแล้วผละออก “ถ้าขืนคุณยังทำแบบนี้อีก ฉันจะกลับห้อง ไม่ต้องกินอะไรทั้งนั้น”

            “โอ๊ะๆๆๆ อย่าเพิ่งกลับเลยนะ ช่วยทำอะไรให้ผมกินประทังชีวิตก่อน หิวจะตายอยู่แล้ว ไม่แกล้งก็ได้ จะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้แหละ”

            “ก็รีบไปสิคะ”

            พิราอรส่ายหน้าขณะยืนดูชายหนุ่มวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างว่องไว ไม่เหมือนชินดนัยเจ้าสำราญที่รู้จักเลย แต่ละครั้งที่เจอกัน ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะมีมุมแปลกใหม่ให้เธอได้เห็นเสมอ มองในแง่ดีก็เป็นคนที่ไม่น่าเบื่อ หากจะมองแง่ร้าย ผู้ชายคนนี้ก็คบไม่ได้นั่นเอง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่แน่นอน จับทางยาก เป็นตัวอันตราย

            หญิงสาวเดินออกจากห้องนอน ตรงไปยังมุมทำครัวเล็กๆ ในตู้เย็นไม่มีของสดเลย เจอแต่อาหารแช่แข็งหลายกล่อง ท่าทางคงจะเป็นคนชอบกินตอนดึกจริงๆ ประเภทกินง่าย ใส่ไมโครเวฟอุ่นแล้วกินได้เลย

            “หนุ่มโสดของแท้” หญิงสาวบ่นพึมพำหน้าตู้ หยิบแต่ละอย่างขึ้นมาพิจารณา คงจะทำอะไรมากไม่ได้หรอก นอกจากเลือกเอาสักอย่างอุ่นให้เขากินแก้ขัดไปก่อน

            ชินดนัยออกมาจากห้องในสภาพเรียบร้อย เขามองหาพิราอรเป็นอันดับแรก ทว่าความเงียบเป็นคำตอบได้ดีว่าเธอไปแล้ว ทิ้งไว้แต่กลิ่นหอมของอาหาร เรียกร้องให้เขาเดินไปที่มุมทำครัวเล็กๆเ ปิดฝาครอบจานข้าว

            “ฉู่ฉี่แซมอน อือ...แม่ชีเลือกได้ไม่เลวแฮะ” ชายหนุ่มพยักหน้าพอใจกับข้าวที่พิราอรเตรียมไว้ให้ มีกระดาษโน้ตแผ่นน้อยวางอยู่ข้างจาน ในนั้นเขียนด้วยลายมือเรียบร้อยเป็นระเบียบ

            ในตู้เย็นมีแต่อาหารแช่แข็ง ไม่มีของสด ฉันเลือกเอาฉู่ฉี่แซมอน เพราะเสียงท้องคุณร้องคำรามขนาดนั้น เบากว่านี้กลัวว่าจะไม่อิ่ม หมดหน้าที่แล้ว ฉันกลับห้องนะคะ

            ชินดนัยยิ้มกว้างขณะมองดูรูปวาดผลลูกพีชทรงกลมปลายผลเรียวแทนลายเซ็นของพิราอรผู้ทรงศีล น่ารักจังนะลูกพีช รีบวิ่งกลับห้องไปคงไม่มีเหตุผลอื่นใดหรอก นอกจากไม่อยากอยู่ใกล้เขา

            ชายหนุ่มผิวปากเป็นทำนองเพลงรักพร้อมถือจานข้าววางบนโต๊ะ เดินไปเปิดตู้เย็นเอาขวดน้ำออกมาเทใส่แก้ว แล้วนั่งลง เริ่มลงมือจัดการอาหารที่เธอเตรียมไว้ให้ มีรอยยิ้มพอใจขณะตักข้าวใส่ปาก

 

            อันที่จริงชินดนัยไม่ได้มีธุระสลักสำคัญกับใคร เขาแค่แวะเอาของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไปมอบให้แก่รัฐมนตรีคนหนึ่งตามคำสั่งของเดชทัต เสร็จแล้วก็มานั่งจิบกาแฟกับสาทิตที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง

            ที่เขาบอกพิราอรไปอย่างนั้นก็เป็นแผนล่อหลอกเธอมาแกล้งหยอกเล่น ความจริงเมื่อเช้าเขารู้สึกตัวตั้งแต่เธอเปิดประตูห้องนอนเข้ามาแล้ว แม่คุณเล่นเข้ามาถอนหายใจดังเฮือกๆ ใครจะไม่ตื่น เขาเป็นคนหลับง่าย แต่ก็หูไวใช้ได้อยู่ ที่ไม่ยอมขยับตัวก็แค่อยากนอนต่อให้เธอปลุก

            คลุมโปงรอตั้งนานกว่าจะส่งเสียงหวานเรียกขาน เขาต้องนอนกลั้นหัวเราะเกือบจะแย่ หน้าตาของลูกเลี้ยงน้านันท์ตลกชะมัดตอนเห็นเขานอนตัวเปล่า แถมเจ้าน้องชายก็ยังประกาศศักดาต่อหน้าเธออีก หวังว่าคงไม่เก็บเอาไปฝันร้ายหรอกนะ เวลาที่ได้แกล้งให้พิราอรสมาธิกระเจิง ทำอะไรไม่ถูก เขารู้สึกสนุกจริงๆ

            “ผมว่าวันนี้ดูบอสอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะครับ มีอะไรที่ผมต้องร่วมยินดีด้วยหรือเปล่า นอกจากได้ห้องพักอยู่ชั้นเดียวกับคุณพีชแล้ว”

            “พูดมากน่าทิต” ชินดนัยอมยิ้ม ส่ายหน้า โบกมือปฏิเสธ “ถ้าจะยินดี ก็คงเป็นเรื่องที่นายได้ดูแลผับของฉันที่ภูเก็ต ทำให้ดีละ ถ้าทำเละโดนเตะนะ”

            “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ แต่ทางนี้สิ ไม่มีผม บอสแน่ใจนะครับว่าจัดการได้”

            “น้อยๆ หน่อยทิต ก่อนฉันจะมีนาย ฉันก็จัดการอะไรด้วยตัวเองทั้งนั้น”

            “แต่ผมอยากอยู่ช่วยบอสนะครับ” สายตาของสาทิตออดอ้อน

            ชินดนัยหรี่ตามองหน้าคนสนิท ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างรู้ทัน ไอ้หมอนี่ทำท่าจะรู้ดีเกินไปแล้ว

            “พูดมากอยู่ได้ ไหนล่ะของที่สั่งให้ซื้อมา” ชายหนุ่มเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น

            “นี่ครับ ไร้สาย ใส่สบาย ไม่เกะกะ รำคาญ ระบบปฏิบัติการดีเยี่ยม”

            ชินดนัยแกะกล่องดูของข้างใน ก่อนใส่มันกลับไปตามเดิม “ขอบใจมาก แล้วนายจะกลับภูเก็ตวันไหน”

            “ตอนแรกผมว่าจะอยู่ช่วยบอสสักอาทิตย์ แต่เสียดายคุณพีชยังไม่พร้อมเริ่มงาน ผมคงรอดูบอสสอนงานสาวไม่ไหว อีกอย่าง...”

            “กลับวันไหนทิต”

            “พรุ่งนี้ครับ” สาทิตยิ้มจนตาหยี ขืนพูดต่อมีหวังได้โดนเตะ

            “เออ...ก็แค่นั้น พูดอะไรไปเยอะแยะ หนวกหู คืนนี้ก็ไม่ต้องตามฉันไปที่บาบิโลนหรอก นอนพักที่โรงแรมนั่นแหละ เดี๋ยวฉันไปเอง”

            “คร้าบบบ”

            ชินดนัยปรายตามองราวกับจะค้อน ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกขึ้น เป็นสาทิตที่มองเจ้านายอย่างงุนงงตามไม่ทัน

            “จะไปแล้วเหรอครับ”

            “เออสิ ก็เสร็จธุระแล้ว นายกลับไปเถอะ นานทีได้พักก็พักซะ ถ้ามีอะไรโทร. หาฉันได้ตลอด ดูแลเฟรทิสให้ดีนะ”

            สาทิตมองตามเจ้านายจนออกจากร้าน ตั้งแต่เจอกับคุณพีชโดยบังเอิญที่บาบิโลนคืนนั้น เจ้านายของเขาก็ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ผู้หญิงน้อยคนนักที่จะมีผลต่อความคิดของชินดนัย แต่หญิงสาวท่าทางเรียบร้อยอย่างคุณพีชกลับทำอะไรที่สาทิตคาดไม่ถึง เจ้านายเขาก็นะเห็นทำเป็นบ่นค่อนขอดว่าสาวเจ้างั้นงี้ แต่ของที่สั่งให้ไปหามาน่ะ มันแสดงความห่วงใยต่อเธอชัดๆ

            แยกกับสาทิตแล้ว ชินดนัยกดโทรศัพท์หาพิราอรทันที เริ่มงานอาทิตย์หน้าเหรอ เฮอะ! ฝันไปเถอะคนสวย เขาไม่ใจดี นอนตีพุงรอเธอได้นานขนาดนั้นหรอก หากเธอมีงานคั่งค้างเหลืออยู่ เขาจะช่วยจัดการให้เอง

            ชายหนุ่มรอสายไม่นานก็ได้ยินเสียงหวานตอบรับนุ่มนวลจนอดยิ้มออกมาไม่ได้ พิราอรคือความละมุนละไมของโลกใบนี้

            “สวัสดีค่ะ”

            “กราบนมัสการครับแม่ชี”

            “คุณชิน!”

            นั่นปะไร พอรู้ว่าเป็นเขา เสียงเปลี่ยนทันที

            “ครับ ผมเอง ชินดนัย คนดี คนเดิมของคุณไง”

            เสียงถอนหายใจเฮือกที่เขาเริ่มจะคุ้นหูดังมาตามสาย ได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้ ลูกเลี้ยงน้านันท์ยั่วง่าย ก็ไหนว่าแอบไปฝึกสมาธิกับแม่บ่อยๆ เจอคนบาปอย่างเขาเข้าไป ขันติที่ฝึกมากลายเป็นขันแตกเสียแล้ว

            “ถ้าคุณไม่มีธุระสำคัญอะไร ฉันวางนะคะ”

            “เดี๋ยวสิ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”

            “เพิ่งกลับจากมูลนิธิค่ะ กำลังจะไปบ้าน เมื่อวานฉันลืมของไว้ที่นั่น”

            “แสดงว่าคุณก็ต้องผ่านคอนโด โอเค...งั้นแวะมารับผมไปบ้านด้วยนะ พอดีมีเรื่องอยากปรึกษากับน้าเดช”

            “ก็แล้วทำไม คุ...”

            ชินดนัยกดวางสายโดยไม่สนใจฟัง พลางส่งจูบทิ้งท้ายกับหน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกตัดสัญญาณไปแล้ว

            “บายยย”

           

            พิราอรจอดรถอย่างหงุดหงิด ปกติเธอเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดี แต่ช่วงนี้ต้องมีเหตุให้หัวเสียไม่หยุดหย่อน กลับมาถึงคอนโดแล้วโทร. หาเขานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีการตอบรับ เธอจึงตัดสินใจโทร. หาชินดนัยอีกครั้ง รอจนกระทั่งเสียงสัญญาณกลายเป็นให้ฝากข้อความ

            พอกันที!

            หญิงสาวกำโทรศัพท์ในมือแน่นพลางมองไปยังช่องจอดรถไม่ไกลกันนักก็เห็นว่ารถเขายังจอดอยู่ แสดงว่าไม่ได้ไปไหน แล้วทำไมถึงไม่ยอมรับสายเธอ สั่งให้มารับ ก็มาแล้วไง นี่คงไม่ต้องให้เธอขึ้นไปอัญเชิญถึงห้องหรอกนะ

            “ทำไมฉันต้องมาเจอะมาเจอกับคนบ้าๆ อย่างคุณด้วยนะ ชินดนัย!”

            ความอดทนของพิราอรสิ้นสุดลง เธอเปิดประตูรถ สาวเท้าไปขึ้นลิฟต์ สัญญากับตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย เธอจะไม่สนใจเขาอีก และหากเขาคิดจะทำอะไรรุ่มร่ามกับเธอ ไม่ว่าจะความจริงหรือความฝัน เธอจะจัดการกับเขาขั้นเด็ดขาด!

            ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก หญิงสาวก็เดินไปทางห้องของชินดนัย คีย์การ์ดของเขาอยู่ในกระเป๋า เธอแตะมันเพื่อปลดล็อกประตู ผลักเข้าไปโดยไม่เสียเวลาเคาะ ทั้งห้องว่างเปล่า สภาพไม่ต่างจากเมื่อเช้าที่เธอเข้ามา

            “คุณชิน!”

            เธอแผดเสียงลั่นห้อง ไม่มีเสียงขานรับ จึงตัดสินใจเข้าไปในห้องนอนและลองเปิดประตูดู มันไม่ได้ล็อกเหมือนเดิม ชินดนัยอยู่บนเตียง นอนหลับตานิ่ง โทรศัพท์วางอยู่ไม่ห่าง ดูจากท่านอนแล้วเจ้าตัวคงเผลอหลับไป เธอหยิบโทรศัพท์เขาขึ้นมาดูแล้วก็ได้คำตอบ

            “เล่นปิดเสียงไว้แบบนี้ จะรู้ได้ไงว่าใครโทร. หา บ้าจริง”

            หญิงสาวนิ่วหน้า ทำเสียงขัดใจ ฟังเสียงลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เห็นว่าไม่ควรปลุกเขา คงจะเพลียมากถึงหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว

            วิถีชีวิตคนทำงานกลางคืนมักเป็นแบบนี้ กลางคืนทำงานดึกดื่น กลางวันนอนพักเอาแรง พ่อเธอก็เป็น ยังจำได้ว่าแม่คอยกำชับเสมอว่าห้ามเสียงดังรบกวน ให้พ่อได้นอนพักเต็มที่

            พิราอรนั่งลงบนเตียง มองชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม ขนตาเขาหนา คิ้วเข้มๆ นั่นก็ด้วย นอนนิ่งอย่างนี้ดูไม่มีอันตราย แต่พอลืมตาขึ้นมาเมื่อไร ชอบทำให้เธอโมโห

            มาคิดย้อนดูตอนเด็กชินดนัยออกจะน่ารัก คอยดูแลเป็นเพื่อนเล่น ชวนเธอเล่นซุกซนตามประสา แถมยังมีของเล่นมาฝากเธอตลอด กระทั่งตอนหลังเธอชักไม่สนุกกับการเล่นโลดโผนของเขา จึงอยู่กับแม่และเก็บตัวเงียบบนห้องเมื่อแม่ไม่อยู่ กลับมาเจอกันตอนนี้ เธอไม่นึกอยากให้เขาเติบโตขึ้นมาเลย อยากให้เขาเป็นพี่ชินตอนเด็กๆ มากกว่า

            หญิงสาวช่วยดึงผ้าห่มคลุมให้ ตั้งใจจะกลับห้อง แต่ถูกคนหลับคว้ามือเอาไว้

            “คุณมาแล้วเหรอ” เขาถามเสียงอู้อี้ ไม่ยอมขยับ มีแต่เพียงมือที่จับมือเธอไว้เท่านั้น

            “อือ...คุณง่วงก็นอนต่อเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว”

            “ไม่เป็นไร”

            ชินดนัยบิดกายอย่างเกียจคร้าน หน้าตายังงัวเงียเพราะนอนไม่เต็มที่ ครั้งนี้เขาหลับจริงจังเลย แต่เมื่อพิราอรแวะมารับแล้ว เขาก็ไม่ควรจะป่วนเธอไปมากกว่านี้

            “ออกไปนั่งรอผมข้างนอกนะ ขอล้างหน้าล้างตาแป๊บ เสร็จแล้วเราจะได้ไปบ้านใหญ่กัน”

            หญิงสาวพยักหน้า ดึงมือออกจากการเกาะกุมแล้วเดินออกไปจากห้อง นั่งรอเพียงไม่นานชินดนัยก็ออกมา คราวนี้เป็นคุณชายเจ้าสำราญขนานแท้ รอยยิ้มของเขาทำให้พิราอรต้องรีบเปลี่ยนไปมองอย่างอื่นแทน

            “ไปกันเถอะ”

            เธอลุกขึ้นตามคำชวน ชินดนัยดูสดชื่นแม้ใต้ตาก็ยังมีร่องรอยที่บอกว่าพักผ่อนไม่เพียงพออยู่ ชายหนุ่มเปิดประตูไปนั่งด้านข้างของคนขับ ประกาศตัวเป็นผู้โดยสาร เจ้าของรถรู้อยู่แล้วว่าต้องออกมารูปการณ์นี้ ยังไงเธอก็ไม่ปล่อยให้เขาขับรถหรอก เกิดวูบหลับขึ้นมาคราวนี้คงได้นอนข้างถนนศพไม่สวย

            “ฉันเป็นขาซิ่งนะจะบอกให้” เธอแกล้งบอกขณะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด

            ชินดนัยทำตามบ้าง พอคาดเข็มขัดเสร็จก็ส่งยิ้มกว้างให้แล้วบอกว่า “เหยียบให้มิดเลยก็ได้ ผมไม่มีปัญหา เพราะว่าจะนอนต่อ ตั้งใจขับรถนะ”

            พิราอรไม่นึกว่าจะเจอไม้นี้ พอปรับเบาะได้ตำแหน่งที่พอใจแล้ว อีกฝ่ายก็หลับตา ทิ้งให้เธอนั่งเหลอ “ถ้าจะง่วงขนาดนี้ กลับไปนอนดีกว่าไหม”

            “ถ้ากลับเข้าห้องพร้อมกับคุณอีกครั้ง กลัวว่าจะทำอย่างอื่นจนไม่ได้นอนน่ะสิ”

            ชินดนัยพูดทั้งที่ยังหลับตา ทว่าพิราอรก็ยังอุตส่าห์เข้าใจความนัยที่เขาต้องการบอก นี่เขาชักจะหมกมุ่นเกินไปแล้ว

            โกธํ ทเมน อุจฺฉินฺเท...พึงตัดความโกรธด้วยความข่มใจ

            หญิงสาวได้แต่สะกดโทสะที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ

            “ถ้าพูดไม่เข้าหู ฉันจะจอด ทิ้งคุณไว้กลางทาง”

            ชินดนัยหัวเราะหึๆ กอดอก หลับตา ทว่ามุมปากโค้งขึ้นน้อยๆ พลิกกายตะแคงข้างมาทางคนขับ ตอบกลับอย่างมั่นใจ

            “ไม่ได้แอ้มผมหรอก”

 

            คนในบ้านธุวพรดูจะตื่นเต้นกันใหญ่ที่เห็นคุณหนูลูกพีชขับรถมากับคุณชิน โดยเฉพาะพัชนันท์ที่กำลังเดินเล่นกับเดชทัตถึงกับยกมือขยี้ตา เพ่งมองให้ชัดว่าลูกเลี้ยงกับหลานชายตัวแสบเดินเข้าบ้านมาพร้อมกัน นึกขัดใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นี่คำพูดของเธอไม่เคยซึมผ่านเข้าโสตประสาทของชินดนัยบ้างเลยใช่ไหม

            “ทำไมถึง...”

            “คุณชินเขารู้ว่าพีชจะเข้ามาเอาของเลยขอติดรถมาด้วยค่ะ” พิราอรบอกแม่เลี้ยง ก่อนจะหันไปทางคนที่มาด้วย “คุณมีอะไรจะคุยก็คุยเถอะ ฉันขอไปหาป้าแก้วในครัวก่อน”

            “เดี๋ยวสิลูก” เดชทัตเองก็ดีใจที่ลูกสาวมาบ้านสองวันติด “มานั่งคุยก่อนก็ได้”

            “ไม่ดีกว่าค่ะพ่อ เขามีเรื่องอยากปรึกษาพ่อกับน้านันท์ บางทีอาจเป็นเรื่องสำคัญ พีชขอไปเอาของที่ลืมไว้ก่อนดีกว่า” พิราอรไม่ฟังเสียงใคร ตอนนี้จึงเหลือแค่เดชทัต พัชนันท์ และชินดนัย

            “แกมีอะไรงั้นเหรอ”

            “เอ่อ...คือว่า...” ชินดนัยยังไม่ทันได้คิดเรื่องก็ถูกน้าสาวจี้ถาม “อ๋อๆ ผมจะมาบอกน้าเดชครับว่า เรื่องที่ให้ไปจัดการเรียบร้อยแล้ว”

            “แค่นี้”

            “ครับ แค่นี้แหละ”

            “นี่แกกวนประสาทฉันเหรอ”

            “ผมเปล่านะ”

            “คุณนันท์ก็อย่าไปคาดคั้นหลานนักเลย มาก็ดีแล้ว” เดชทัตปรามภรรยาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

            “คุณดูสิคะว่ามันพิรุธขนาดไหน แค่รายงานเรื่องที่ให้ทำ ไม่เห็นต้องมาด้วยตัวเองเลย แล้วไปทำยังไงถึงได้มากับลูกพีชได้” พัชนันท์สอบสวนหลานชายอย่างเข้มงวด

            “ก็ตามที่ลูกพีชบอก เอ่อ...น้าเดชครับ ท่านโสภณฝากมาบอกว่าเร็วๆ นี้จะมีการตรวจสอบสถานบันเทิงทั่วกรุงเทพฯ ท่านสั่งให้เราเตรียมตัวครับ”

            “จัดการตามเห็นสมควรได้เลย น้าเชื่อว่าเราทำได้ แล้วก็อธิบายให้ลูกพีชเข้าใจด้วย”

            “วันนี้ผมว่าจะชวนลูกพีชไปบาบิโลนด้วยกันครับ”

            “งั้นฉันขอไปด้วย” พัชนันท์แทรกขึ้น

            “ถ้าคุณนันท์ไปแล้วใครจะนวดให้ผม ไหนจะสารพัดอาหารบำรุงอีก” เดชทัตเลิกคิ้วถามภรรยา ทราบว่าเธอเป็นห่วง แต่ทุกคนต้องเติบโตขึ้น พิราอรก็เช่นกัน จะตามไปฟูมฟักชักนำทุกเรื่อง เห็นจะไม่เข้าท่า “ปล่อยให้เด็กๆ เขาจัดการกันเถอะ แค่นี้งานคุณก็เยอะจนไม่มีเวลาพักแล้ว ไหนจะต้องดูแลผมอีก”

            “น้าเดชพูดได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์เลยครับ”

            “ฉันแค่เป็นห่วง แต่ถ้าคุณเดชวางใจ ฉันก็ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ไปรอที่ห้องนะคะ”

            “อ้าว โกรธจริงหรือนั่น” เดชทัตขำท่าทางกระฟัดกระเฟียดของภรรยา ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้แก่คนที่นั่งอยู่ “ชินก็สั่งคนของเราให้ดี โดยเฉพาะตรงทางเข้า อย่าปล่อยให้มีปัญหาเด็ดขาด”

            “ครับ”

            “จริงๆ อยากชวนกินข้าวเย็นด้วยกัน แต่ถ้าจะไปบาบิโลนก็คงจะไม่ยอมอยู่ต่อกันสินะ”

            ชินดนัยทำเพียงแต่ยิ้มรับ จังหวะเดียวกับพิราอรที่เดินเข้ามาพอดี ในมือของเธอมีโหลคุกกี้ที่พัชนันท์เตรียมไว้ให้

            “ลืมหรือไง” เดชทัตมองโหลคุกกี้แล้วถามลูกสาว

            “ค่ะพ่อ น้านันท์โทร. ไปบอก ถึงนึกได้”

            “จะไปดูบาบิโลนก็ไปกันเถอะลูก พีชตั้งใจฟังสิ่งที่พี่เขาสอนนะลูก ไม่มีพ่อ ไม่มีพี่ ลูกก็ต้องดูแลมันต่อไปได้”

            “ทำไมพ่อพูดงั้นล่ะคะ แล้วใครบอกว่าพีชจะไปบาบิโลนคืนนี้”

            “ผมบอกเอง ไปกันเถอะ” ชินดนัยเดินมาแย่งโหลคุกกี้เอาไปถือไว้ซะเองแล้วกล่าวลาน้าเขย “เราสองคนขอตัวก่อนนะครับ”

            เดชทัตพยักหน้าตอบรับ ขณะนั่งมองหลานชายของภรรยาดึงมือลูกสาวให้เดินไปด้วยกัน นับเป็นความสนิทสนมที่คงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เขานิยมชมชอบในฝีมือการทำงานของชินดนัยนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากเป็นพี่น้องเหมือนวันวานมันจะไม่มีปัญหา

            เขาคิดแค่เพียงอยากให้กลับมาเป็นพี่เลี้ยงสอนงานพิราอร แต่หากชินดนัยอยากเลื่อนสถานะเป็นอย่างอื่น ก็คงต้องเรียกมาเปิดอกคุยกันแมนๆ กับเขานอกรอบ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น