7

บทที่ 7


7

 

            หลังจากถ่วงเวลามานาน ในที่สุดก็ถึงวันที่พิราอรต้องเริ่มงานดูแลผับบาบิโลนของพ่อ เรื่องนี้พัชนันท์เป็นคนจัดการเพราะผลจากการพบหมอครั้งล่าสุด แม่เลี้ยงของเธอต้องวางมือจากงานทั้งหมดเพื่อดูแลพ่อ ทั้งเรื่องการพักผ่อนและอาหารการกิน

            เย็นวันนั้นชินดนัยถูกตามตัวให้ไปกินข้าวเย็นบ้านธุวพร ส่วนพิราอรก็อยู่โยงตั้งแต่เช้าเพราะติดตามพ่อกับแม่เลี้ยงไปหาหมอ เมื่อพ่อถึงเวลาต้องหยุด น้านันท์ต้องวางมือจากทุกงานเพื่อดูแลพ่อ มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรอ้างได้อีก ทุกอย่างพร้อมรออยู่แล้ว พิราอรจึงรับปากจะเริ่มงานในวันรุ่งขึ้น และชินดนัยก็ทำเพียงพยักหน้ารับรู้

            หญิงสาวเหลือบตามองปฏิทินตั้งโต๊ะขนาดเล็ก วันศุกร์สิ้นเดือนตามปกติคงต้องเก็บเสื้อผ้าเตรียมไปถือศีล นั่งวิปัสสนากับแม่ แต่วันนี้มันจะเป็นวันแรกที่ชีวิตของเธอเปลี่ยนทิศทางจากสายบุญกระโจนลงสู่หุบเหวของคนบาป

            ชุดเรียบร้อยถูกดันไปชิดแถบหนึ่งของตู้ หญิงสาวจะไม่ยอมให้ใครมาตราหน้าว่าเธอเป็นแม่ชีหนีเที่ยวได้อีกเด็ดขาด

            วันศุกร์แห่งชาติ เงินเดือนออก ผู้คนบางส่วนกลับต่างจังหวัด เหมาะมากกับนักเที่ยว เชื่อว่าทุกผับจะต้องแน่นไปด้วยผู้คน พี่เลี้ยงของเธอส่งข้อความมานัดแนะตั้งแต่เช้าว่าให้เตรียมตัว เย็นนี้ออกไปพร้อมเขาเลย

            พิราอรได้แต่ย่นหน้าใส่โทรศัพท์ในมือ หงุดหงิดกับท่าทางนิ่งเฉยของเขา นับตั้งแต่วันที่หนีออกมาจากห้องเขาครั้งสุดท้าย ทั้งคู่ก็แทบจะไม่ได้พบหน้ากันอีก ชินดนัยตื่นสายเพราะกลับมาจากผับก็เกือบสว่าง ในขณะที่เธอพยายามยืดเวลาให้ตัวเอง เขากลับไปผับทุกวัน ไปทำงาน ไปเคลียร์งานเพื่อเตรียมไว้ให้

            ส่วนเธอมักออกมาตรวจงานที่มูลนิธิแต่เช้า พยายามหลบเลี่ยงการพบหน้า เพราะทุกครั้งที่สบตาหัวใจของเธอชอบเต้นผิดจังหวะบ่อยๆ แถมยังคอยแต่คิดถึงจูบที่เต็มไปด้วยการแสดงความเป็นเจ้าของ

            “บ้าจริง!” หญิงสาวเอ็ดตัวเอง ก่อนก้าวลงจากเตียง

            พิราอรจัดการตัวเองเรียบร้อยก็เริ่มตระเตรียมอุปกรณ์ทำของกิน ในตู้เย็นมีของสดที่ซื้อตุนไว้ เธอชอบทำอาหารกินเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าไม่ยุ่งเกินไปนักก็เปิดเตาทำเองคุ้มกว่า

            เมื่อเอาของออกมาวางตรงหน้า ความคิดเจ้ากรรมก็ดันนึกไปถึงชายอีกคน

            ผมชอบหิวตอนดึกๆ

            ไม่รู้ว่าป่านนี้จะตื่นหรือยัง แต่เธอไม่คิดจะไปปลุกเขาหรอก แค่คิดว่าจะต้องไปผับด้วยกันทุกคืนก็รู้สึกแปลกๆ แล้ว

            พิราอรสลัดความคิดเกี่ยวกับชินดนัยทั้งหมดทิ้งไป ก่อนจะเริ่มลงมือทำของกินง่ายๆ ยังไม่ทันจะได้ลงมีดหั่นผักก็ต้องวางเสียก่อน เพราะเสียงออดหน้าห้องดังขึ้น จะเป็นใครไปไม่ได้หรอก นอกจากเพื่อนร่วมชั้นเจ้าสำราญของเธอ

            “ผมหิว” ยังไม่ทันที่เจ้าของห้องจะได้เอ่ยปากถาม แขกก็ชิงโอดเสียงอ่อย เอามือข้างหนึ่งกุมท้องเหมือนใกล้ตายเต็มที “มีอะไรให้กินบ้าง”

            “ห้องฉันไม่ใช่ร้านอาหารตามสั่งนะคะ”

            “ไม่กล้าสั่งหรอก แค่อยากขอร้อง ทำอะไรก็กินได้ทั้งนั้น”

            พิราอรยืนขวาง ยังไม่ยอมเปิดทางให้เขาเข้ามาในห้องได้ง่ายๆ แล้วดูสภาพสิ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อยืดสีขาวที่เดาว่าเจ้าของเพิ่งน่าจะดึงออกจากตู้มาสวมก่อนออกจากห้อง และมองต่ำลงไปอีกก็พบว่าเขาสวมบ็อกเซอร์เพียงตัวเดียว เธอรีบเงยหน้าขึ้นบอกเขาทันที!

            “นี่คุณออกจากห้อง ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้”

            ชายหนุ่มก้มมองตัวเอง ก่อนถามงงๆ “ยังไม่เรียบร้อยอีกเหรอ”

            “ก็กางเกง...กางเกงคุณนั่น”

            “โอ๊ย...ไม่มีอะไรหรอก หิวจนไม่มีอารมณ์คิดอย่างอื่นแล้ว ทำอะไรให้กินหน่อยนะ”

            “ของในตู้คุณไม่มีเลยเหรอ วันนั้นฉันยังเห็นเหลือตั้งเยอะ เลือกๆ ใส่ไมโครเวฟก็กินได้แล้ว”

            “หมดเกลี้ยง ลืมซื้อเข้ามา”

            “งั้นก็กลับไปอาบน้ำ แต่งตัวใหม่ก่อน แล้วค่อยมากิน ฉันไม่ยอมให้คุณเข้าห้องสภาพนี้แน่” หญิงสาวไล่ พยายามไม่มองต่ำไปยังต้นขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อชวนปั่นป่วน ขืนให้นั่งกินข้าวด้วยกันทั้งอย่างนี้ มีหวังเธอคงหัวใจวายตายแน่

            ชินดนัยอมยิ้ม จะขำก็กลัวถูกโกรธจนอดข้าว เขาจึงไม่งอแงอะไรอีก แต่แบมือยื่นมาตรงหน้า หญิงสาวมองอย่างไม่เข้าใจ

            “คีย์การ์ดห้องคุณไง ผมมาอีกที คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาเปิด”

            คำพูดง่ายๆ ดูไม่มีเล่ห์ร้ายแอบแฝง แต่เมื่อเห็นแววตาพราวพรายก็ชักไม่ไว้ใจ พิราอรส่ายหน้าช้าๆ แล้วว่า “ฉันยอมเสียเวลาเดินมาเปิดห้องเองค่ะ”

            ปัง!

            “คีย์การ์ดใบเดียวทำเป็นหวง แม่ชีขี้งก” ชายหนุ่มผู้ถูกสาวปิดประตูใส่หน้าเป็นครั้งแรกในชีวิต ตัดพ้อต่อว่าไม่จริงจังนัก ก่อนหันหลังเดินยิ้มกริ่มกลับเข้าห้องอาบน้ำแต่งตัวใหม่

            ยังไงวันนี้ลูกพีชคนดีก็หนีเขาไม่พ้นหรอก ยิ่งน้านันท์ช่วยกรุยทาง เขาก็ยิ่งเปิดเกมรุกได้อย่างสบายใจ จะใจแข็งกับเขาได้ตลอดก็เอาสิ ลองมาสู้กันดูสักตั้ง

            จะว่าไป การบุกมาหาพิราอรแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีต่อร่างกายเขามากนัก ได้เห็นหน้า ได้กลิ่นกายหอมใกล้ๆ รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาบอกไม่ถูก ริมฝีปากอิ่มเต็มยามขยับเอื้อนเอ่ยดูเย้ายวนใจนัก เขานึกอยากจูบเธอขึ้นมาติดหมัด

            “โอ...แย่แล้วไอ้ชิน” จังหวะการเดินของชินดนัยดูขัดไปเล็กน้อยเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน

            ชายหนุ่มข่มความปรารถนา รีบกลับเข้าห้อง ได้น้ำเย็นๆ ก็คงจะบรรเทาอาการได้ โชคยังดีหากพิราอรบ้าจี้ชวนเขาเข้าห้องสภาพนี้มีหวังได้กินเจ้าของห้องแทนข้าวแน่

            ...

            ทำไปทำมาหลังจากกินเสร็จชินดนัยก็ตีเนียนนอนขลุกอยู่ที่ห้องหญิงสาว แถมยังยึดเอาโซฟาตัวโปรดของเธอเป็นที่นอนเสียอีก ไม่ว่าจะไล่เท่าไรก็หน้าด้านหน้าทน นอนฟังเสียงบ่นตาปริบๆ จนหนักเข้าพิราอรก็ถอนใจเฮือก หนีเข้าห้องนอนปิดประตูแน่น

            ตกเย็นชายหนุ่มที่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ลืมตาตื่นขึ้นมา นั่งมองรอบห้องไม่เห็นใครก็เดาว่า แม่ชียังคงจำศีลอยู่ในอาศรม ไม่ยอมออกมา เขาลุกจากโซฟาเดินไปเคาะห้องแล้วบอกโดยไม่รอว่าให้เธอเตรียมตัว เดี๋ยวเขาจะมารับ เมื่อภายนอกเงียบเสียง คนที่อยู่ข้างในก็ค่อยๆ แง้มประตูออก เห็นว่าเขาไปแล้วจริงๆ จึงผลุบเข้าห้องจัดแจงอาบน้ำแต่งตัวแต่งหน้าใหม่

 

            บาบิโลนในวันศุกร์สิ้นเดือนคึกคักแต่หัวค่ำ ชินดนัยวนรถมาจอดในที่สำหรับผู้บริหารโดยแยกออกมาจากลานจอดรถของแขก เพื่อนร่วมทางสาวสวยที่นั่งมาด้วยยังคงเงียบกริบ เธอเตรียมตัวมาดี คืนนี้แฟชั่นเที่ยวผับของพิราอรตรึงสายตาเขาจนเกือบลืมหายใจ

            นับเป็นก้าวแรกที่ประสบความสำเร็จ เขามองไม่เห็นวิญญาณแม่ชีในตัวพิราอรเลย วันนี้เธอแต่งหน้าเข้ม สวมชุดเดรสคอปาดรัดรูป ส่วนโค้งส่วนเว้าทำให้เขาไม่อาจจะถอนสายตาได้

            ชายหนุ่มเหลือบตามองต้นขาขาวที่โผล่พ้นชายกระโปรง นึกอยากวางมือลงไปสัมผัสความเนียนนุ่ม ขาวผ่อง แต่เมื่อเลื่อนขึ้นสบตาดุๆ ของเธอก็ต้องยิ้มจืดเจื่อน

            “จะมองอีกนานไหมคะ”

            “ไปกันเถอะ”

            หญิงสาวไม่พูด แต่ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วก้าวลงจากรถ รองเท้าส้นเข็มไม่เป็นอุปสรรค ถึงจะไม่ค่อยได้หยิบออกมาใช้ แต่วันนี้จะไม่มีใครว่าเธอให้เจ็บใจได้

            ชินดนัยพาหญิงสาวเข้าทางด้านหลังผับซึ่งเป็นทางเข้าเฉพาะผู้บริหารเท่านั้น พอผ่านทางเข้ามาได้ พิราอรก็หยิกเอวหนาของเขาแรงๆ จนคนโดนหยิกร้องโอดโอยลั่นผับ

            “ไหนวันนั้นคุณบอกว่ามีทางออกเดียวไง แล้วนี่อะไร”

            “ก็วันนั้นเรามาในฐานะนักเที่ยว ไม่ได้มาในฐานะผู้บริหารแบบนี้นี่”

            แก้ตัวน้ำขุ่นๆ พิราอรทำหน้าบึ้ง คนโกหกรีบยิ้มประจบ

            “ไม่เอาน่าพีช ไปทำความรู้จักเพื่อนร่วมงานของเรากันดีกว่า”

            พิราอรถูกพามายังห้องของผู้บริหารซึ่งต่อจากนี้ไปมันจะเป็นห้องทำงานของเธอ ในนั้นมีคนยืนรอเธออยู่ พิจารณาจากการแต่งตัวของแต่ละคนก็พอจะรู้ว่าทำหน้าที่อะไรกันบ้าง จะคุ้นหน้าหน่อยก็นายบาร์เทนเดอร์หน้าฝรั่งที่ส่งยิ้มให้เธอราวกับจะบอกว่าจำเธอได้

            เธอเห็นชินดนัยเดินเข้าไปทักทายคนพวกนั้นอย่างสนิทสนมจนน่าแปลกใจ ก็ไหนว่าเพิ่งกลับมาจากภูเก็ต ทำไมถึงสนิทกับคนที่นี่เร็วนัก เขาหันมาหาเธอ เริ่มต้นแนะนำ

            “ทุกคนครับ สุภาพสตรีที่พวกคุณเห็นคือคุณพีช ลูกสาวคนเดียวของคุณเดชทัต ในช่วงที่คุณเดชพักรักษาตัวคุณพีชจะเข้ามาดูแลบาบิโลนแทนครับ”

            “สวัสดีค่ะทุกคน” พิราอรยิ้มอย่างเป็นมิตร เธอไม่อยากให้ใครมองว่าเป็นเจ้านายที่คอยเดินเฉิดฉายไปมาโดยทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เมื่อตัดสินใจทำ เธอก็จะพยายามเรียนรู้และปรับตัว “ฉันยังใหม่กับงานนี้มาก รบกวนขอคำแนะนำจากทุกคนด้วยนะคะ”

            ทุกคนยิ้มให้หญิงสาว ชินดนัยปล่อยให้ทักทายกันนิดหนึ่งก็เริ่มแนะนำชื่อทีละคน

            “หนุ่มรูปหล่อ มาดละเมียดคนนั้นชื่อสิทธา เป็นผู้จัดการผับ ถ้าคุณอยากรู้อะไรก็ถามเขาได้เลย” ชินดนัยผายมือไปที่ชายหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลา สูงโปร่ง แต่งตัวสุภาพ บุคลิกโดดเด่นกว่าใครเพื่อน

            สิทธายิ้มให้พิราอรอย่างเป็นกันเอง และชินดนัยก็เริ่มแนะนำคนต่อไป

            “คนถัดมาคุณบรรทัด จะเรียกเขาว่าพี่โต้งก็ได้ เขาดูแลเรื่องความปลอดภัย เก็บกวาดเหตุวิวาทที่เกิดขึ้นโดยไม่ให้แขกเหรื่อของเราตกใจ ถึงหน้าพี่เขาจะดุไปนิด แต่ผมคิดว่ากับสาวสวยแบบคุณแล้ว พี่โต้งคงจะอ่อนโยนเป็นพิเศษ” คนแนะนำหัวเราะออกมาอย่างขบขัน บรรทัดเองก็หัวเราะตามไปด้วย

            “คุณพีชอย่าไปฟังคุณชินนะครับ เขาชอบล้อว่าผมเป็นนักเลงคุมผับ ทั้งที่จริงแล้วผมดูแลรักษาความปลอดภัยของทุกคนต่างห่าง”

            “พีชก็ว่าเขาพูดเกินเบอร์ไปค่ะ” พิราอรมองค้อนพี่เลี้ยงของตนเอง แล้วเบนหน้าไปทางผู้หญิงคนเดียวในห้องอย่างสนใจ

            “มิลิน ดูแลโชว์ จัดโพรโมชัน อีเวนต์ คอนเสิร์ต งานเอนเตอร์เทนแขก บลาๆๆๆ นั่นละ เขาดูแลหมด”

            “สวัสดีค่ะคุณพีช ดีใจที่ได้ร่วมงานกันนะคะ”

            มิลินเป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยแบบตรึงทุกสายตาให้มองมาที่ตัวเอง สายตาที่เจ้าหล่อนใช้มองชินดนัยก็ดูไม่ธรรมดา มันเกินกว่าสายตาเพื่อนร่วมงานใช้มองกัน แต่ไม่ถึงขนาดจะเรียกว่าทอดสะพานได้ ก็นะ คนมีเสน่ห์สองคนโคจรมาเจอกัน มันคงจะต้องมีอะไรให้ลุ้นบ้างละ

            พิราอรอยากเน้นแค่เพียงเรื่องงาน ส่วนเรื่องที่พวกเขาจะไปสานสัมพันธ์กันนอกรอบเธอจะไม่ยุ่ง!

            น่าแปลก มิลินสวยขนาดนี้ แต่สายตาชินดนัยที่มองเจ้าหล่อนกลับราบเรียบไม่วาววับเหมือนตอนมองเธอ

            “ช่วงที่ฉันเริ่มงาน คงต้องรบกวนคุณมิลินด้วยนะคะ”

            “ยินดีค่ะ ช่วงนี้มีอะไรให้เราทำสนุกๆ เยอะเลยค่ะ”

            “สาวๆ อย่าเพิ่งชวนไปสนุกที่ไหน ผมยังเหลือบุคคลสำคัญที่จะขาดไม่ได้อีกคนหนึ่ง” ชินดนัยรีบแทรก เพราะขืนปล่อยให้สาวๆ ได้รวมทีมกันได้คงป่วนไม่น้อย พิราอรท่าทางเหมือนแม่ชีก็จริง แต่ก็เห็นๆ ว่าเธอน่ะร้าย ส่วนมิลินนี่ตัวแม่เลยเชียว เห็นยิ้มๆ มองเขาตาเยิ้ม แต่เชื่อเถอะในหัวเจ้าหล่อนตอนนี้คงคิดสารพัดแผนกลั่นแกล้งเขา

            ชายหนุ่มหันไปทางหนุ่มลูกครึ่ง แนะนำสั้นๆ ห้วนๆ เหมือนขอไปที

            “นั่นริคาร์โด บาร์ แมเนเจอร์ของเรา”

            พิราอรจำได้ทันทีว่าริคาร์โดเป็นคนเดียวกับบาร์เทนเดอร์ที่ชงเหล้าให้เธอกับชินดนัยครั้งก่อน

            “สวัสดีครับคุณพีช ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะครับ” การเป็นลูกครึ่งของริคาร์โดดูจะไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ภาษาไทยเลย เขาพูดชัดมาก และนอกจากภาษาพูดจะชัดเจน ภาษากายก็ไม่ยิ่งหย่อน ประกายตาจัดจ้าของหนุ่มหล่อทำให้ชินดนัยทนยืนมองเฉยๆ ไม่ไหว รีบแทรกขวางกลาง

            “ไม่ต้องดีใจมากขนาดนี้ก็ได้ริค นี่เจ้านายแกนะ ยังไงต่อไปก็ได้เจอทุกวันอยู่แล้ว”

            “ไว้คืนนี้เจ้านายแวะไปที่บาร์นะครับ ผมจะทำเครื่องดื่มพิเศษให้” เขายิ้มใส่ตาเจ้านายสาวคนใหม่

            ชินดนัยแกล้งถอนใจออกมาดังๆ แล้วบอกกับทุกคน “เอาละ ถือว่ารู้จักหน้าค่าตากันแล้วนะ คราวนี้ก็เรียนเชิญทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองได้ เออ...พี่โต้งครับ ช่วยกำชับพวกข้างนอกด้วยนะครับว่าให้เน้นๆ หน่อย พอดีมีคำเตือนมาว่าจะมีการสุ่มตรวจ เผื่อหวยจะมาออกที่เรา กันๆ ไว้บ้างดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”

            บรรทัดพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะเดินตามเพื่อนๆ ออกไปเป็นคนสุดท้าย

            เมื่อประตูปิด ชินดนัยก็ตามไปล็อกห้อง ก่อนเดินไปที่บาร์เครื่องดื่มเล็กๆ ในห้อง เขาชูแก้ว เลิกคิ้วราวกับจะถามว่าเธอเอาไหม ทว่าพิราอรส่ายหน้าปฏิเสธ หญิงสาวก้าวไปหยุดตรงผนังห้องด้านหนึ่งที่ทำด้วย one way mirror ทุกความเคลื่อนไหวของชั้นล่าง สามารถมองได้จากตรงนี้ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่ากำลังถูกมอง

            คืนวันศุกร์สิ้นเดือนช่างเป็นอะไรที่หอมหวาน ขนาดยังไม่สองทุ่มก็ทำท่าว่าทุกโต๊ะจะมีเจ้าของจับจองจนเต็มหมดแล้ว แสงไฟถูกหรี่สลัว พนักงานเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มกับแกล้มบริการลูกค้าอย่างเต็มที่

            “เป็นไง ดูแล้วพอไหวไหม”

            หญิงสาวขยับไปด้านข้างเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนพูดมายืนไหล่แทบชิด ทว่าเธอกลับไม่รู้สึกเลย ในมือของชินดนัยถือแก้ว มีน้ำสีอำพันอยู่ในนั้น เธอไม่รู้ว่าเป็นเหล้าชนิดไหน แต่ก็ได้กลิ่นของมัน ไม่รู้ว่ามาจากในแก้วหรือมาจากลมหายใจของเขากันแน่

            “คุณดูสนิทกับพวกนั้นนะ ฉันหมายถึงพวกที่เพิ่งออกไป”

            “ก็ธรรมดา ก่อนไปภูเก็ตผมเคยทำงานที่นี่ น้าเดชให้ผมศึกษาและทำทุกอย่าง กับพวกนั้นก็เลยสนิทกันเป็นพิเศษ พอได้กลับมาเจอกันอีกเลยเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า”

            “ฉันว่าบางคนคิดกับคุณเกินเพื่อน”

            “มิลินน่ะเหรอ” ชายหนุ่มถามแล้วหัวเราะ

            “สายตาที่เธอใช้มองคุณ ไม่เหมือนกับที่เธอมองคนอื่น”

            “หึงเหรอ”

            “เปล่าสักหน่อย อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้ตัว”

            “มิลินก็แกล้งทำไปงั้นแหละ คุณโดนหลอกอีกแล้ว รายนั้นแกล้งเก่ง แต่ว่าไปก็ดีนะ สงสัยผมต้องเลี้ยงเหล้ามิลิน ตอบแทนที่ทำให้คุณหึงผมได้”

            “คุณนี่ทำตลกได้ทุกเรื่องเลยนะคะ”

            “ตลกที่ไหนล่ะ ดีใจจะตาย คุณหึงผม” ชินดนัยยิ้มกริ่มด้วยความมั่นหน้า ขณะที่พิราอรนึกระอาใจ เบนหน้าสวยมองลงไปด้านล่างแทน

            “คุณไม่กลัวฉันจะทำพังเหรอคะ”

            จริงๆ เธออยากถามเขามากกว่าว่าไม่เสียดายที่นี่หรือ อยู่ดีๆ ก็เหมือนเธอมาชุบมือเปิบ พิราอรเห็นเขายิ้มดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าในยามทอดมองลงไปเบื้องล่าง

            “ถ้าคุณทำพัง ผมก็จะช่วยซ่อมให้” เขาหันมายักคิ้วให้กวนๆ “อย่ากังวลไปเลย คุณก็แค่ปล่อยตัวตามสบาย ทุกอย่างที่นี่ถูกเซตระบบลงตัวดีอยู่แล้ว คุณก็แค่ทำให้มันเป็นเหมือนอย่างที่เคยเป็น มานี่เถอะ”

            “ไปไหนคะ”

            “จะพาไปตรวจงาน” เขาวางแก้ว ก่อนจับจูงมือเล็ก ทว่าเจ้าของมือขืนกายไม่คล้อยตาม ซ้ำยังดึงมือออก

            “เดินเองได้ค่ะ ไม่ต้องจับ”

            “เห็นใส่รองเท้าสูงปรี๊ดก็กลัวจะล้ม ข้างล่างทั้งมืดทั้งคนเยอะ ว่าแต่...ผมชมคุณหรือยังว่าวันนี้แต่งตัวได้แซ่บมาก จะเที่ยวผับก็ต้องเผ็ดๆ แบบนี้แหละ เห็นแล้วคึกคักดี อ๊ะๆ ห้ามด่า ห้ามหยิกนะ”

            พิราอรฉีกยิ้ม ก่อนจะฟาดผัวะเข้าที่ต้นแขนอย่างหมั่นไส้ไปสองที คนถูกฟาดก็แกล้งร้องโอดโอย ต้นแขนแน่นขนาดนั้นเธอควรเจ็บมือเสียมากกว่า

           

            บาบิโลนคืนนี้ก็เหมือนกับทุกคืนที่ชยินเข้ามาใช้บริการ พนักงานเดินนำเขามายังโต๊ะประจำ จากนั้นก็ยืนรอรับออร์เดอร์ ชายหนุ่มกวาดตามองไปเรื่อย มองสาวสวยดื่มกิน โยกย้ายเรือนร่างตามจังหวะเสียงเพลง อีกไม่นานที่นั่งข้างกายเขาก็จะไม่ว่าง เพราะมีสาวสวยหลายคนประสานสายตาอย่างเชิญชวนจนเลือกไม่ถูก

            หลังจากสอดส่ายสายตามองไปเรื่อยๆ ก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เขาจำเธอได้แม้วันนี้การแต่งกายจะเปลี่ยนไป ทว่ามองยังไงก็เป็นเธอคนนั้น คนที่ปฏิเสธไม่ยอมร่วมดื่มกับเขา ซ้ำยังมาจูบกับคนรักอย่างดูดดื่มต่อหน้าเขาอีก สร้างความประทับใจซะขนาดนี้ ไม่มีทางที่เขาจะลืมเธอ

            ชยินมองใบหน้าหวานละมุนคุ้นตา คืนนี้เธอแต่งตัวเปรี้ยวขึ้น ชุดเดรสสีดำคอปาดเผยลาดไหล่ขาวผุดผาดรับต้นคอระหงน่าซุกไซ้ ถึงเจ้าตัวจะแต่งหน้าเข้มขึ้น แต่เขากลับจำเธอได้ ในที่สุดก็ได้เจอกันหลังจากทิ้งให้เขามารอเก้อเสียหลายคืน

            หนุ่มวีไอพีประจำผับกวักมือเรียกมิลินให้เข้ามาหา ก่อนฝ่ายนั้นจะเดินผ่านเลยไป สาวสวยยิ้มหวานให้ลูกค้าและเข้าไปหาอย่างไม่อิดออด น้อยคนนักที่คิดจะขัดใจชยิน

            “สวัสดีค่ะคุณชยิน คืนนี้มาแต่หัวค่ำเลยนะคะ”

            “นั่นใคร” ชยินไม่สนใจจะตอบ เขาพยักพเยิดไปในทิศทางที่เป้าหมายยืนอยู่

            มิลินมองตาม รู้ได้โดยทันทีว่าหมายถึงใคร แต่กระนั้นก็แกล้งเฉไฉเลี่ยงไปอีกทาง “นั่นคุณชินค่ะ หลานชายคุณเดช เข้ามาช่วยงานที่นี่ค่ะ”

            “ไม่เอาน่ามิลิน เธอน่าจะรู้ว่าฉันหมายถึงใคร ฉันมีเพื่อนผู้ชายมากพอแล้ว ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ หลานชายคุณเดชนั่นต่างหากที่ฉันถาม”

            “เอ่อ...”

            “ผู้หญิงของหลานชายคุณเดชหรือ”

            “อุ๊ย! ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่” มิลินรีบแก้

            การมีใครสักคนเข้าใจว่าเจ้านายคนใหม่ของเธอเป็นผู้หญิงของชินดนัยนั้นไม่เข้าท่าเลย ดูก็รู้ว่าหมอนี่สนใจคุณพีช ซึ่งโดยปกติชยินไม่ค่อยเรื่องมากเลือกคู่ควง เขาเข้ามาผับตัวคนเดียวก็จริง แต่ขากลับก็เห็นหิ้วสาวกลับไปด้วยบ่อยๆ ขืนปล่อยให้เข้าใจว่าคุณพีชเป็นผู้หญิงของคุณชิน หมอนี่ก็จะหลงคิดรอต่อคิวเอาง่ายๆ

            มิลินเลือกจะบอกความจริง เพราะอย่างน้อยการเป็นลูกสาวเดชทัตผู้กว้างขวางน่าจะดีกว่า และชยินควรจะรู้ตัวว่าไม่ควรยุ่งกับผู้หญิงคนนี้

            “นั่นคุณพีชค่ะ ลูกสาวคนเดียวของคุณเดช รักดั่งแก้วตาดวงใจ เธอมาเป็นเจ้านายคนใหม่ของฉันเอง”

            “ลูกสาวกับหลานชายคุณเดชงั้นเหรอ” ชยินทวนคำยิ้มๆ อดนึกถึงเหตุการณ์ครั้งก่อนขึ้นมาไม่ได้ หลานชายของเมียใหม่จูบกับลูกสาวตัวเอง เดชทัตรู้เรื่องของสองคนนั้นหรือเปล่า ก็น่าสนุกดีกับความสัมพันธ์ของคนครอบครัวนี้

            ชยินหมดเรื่องที่อยากรู้จึงไม่รั้งมิลินไว้ เขาไล่ให้อีกฝ่ายไปทำงานต่อ สายตาของชายหนุ่มยังไม่คลาดจากใบหน้างาม บางทีเรื่องนี้อาจไม่ยากนัก อุตส่าห์เสียดายที่เห็นสองคนนั้นจูบกันดูดดื่ม คงไม่มีอะไรมาก เต็มที่ก็น่าจะแอบคบกันลับหลังผู้ใหญ่

            พวกความสัมพันธ์ต้องห้ามอย่างนี้น่าตื่นเต้นดี แต่คงไม่ยืนยาวถ้าผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย ท่าทีที่ฝ่ายชายประคับประคองราวกับไข่ในหินอย่างนั้น นายชินดนัยอะไรนี่ก็คงแอบกันท่าไว้รวบกินเองเสียมากกว่า ได้ทั้งลูกสาว ได้ทั้งผับ ไอ้หมอนี่มันแผนสูงจริงๆ คงเป็นก้างชิ้นใหญ่หากเขาต้องการผูกไมตรีกับเธอ

            แต่ไม่เป็นไรหรอก ถึงจะมีอุปสรรคบ้างก็สร้างสีสันให้ดีไม่น้อย ลองวัดกันดูสักตั้งว่าเขากับไอ้หน้าหล่อคนนั้น ใครจะเสน่ห์แรงกว่ากัน

            ชายผู้มั่นใจว่าเสน่ห์ของตัวเองไม่แพ้ใครลุกขึ้นยืน คนติดตามเตรียมขยับแปรขบวน ทว่าถูกเจ้านายยกมือห้ามไม่ให้ตาม จากนั้นชยินก็เดินตรงไปที่บาร์ สั่งเครื่องดื่มสำหรับหญิงสาวหนึ่งแก้ว แล้วเดินเข้าไปหาพิราอรและชินดนัย

            “สวัสดีคนสวย เจอกันอีกแล้วนะครับ”

            ทั้งพิราอรและชินดนัยต่างมองชยินอย่างคาดไม่ถึง ฝ่ายชายก่นด่าตัวเองในใจว่าไม่ดูให้ดีเสียก่อน แล้ววันนี้ลูกพีชก็แต่งตัวล่อตะเข้มาเลย ส่วนฝ่ายหญิงที่เคยเจอกันมาครั้งหนึ่งแล้วก็ได้แต่ฝืนยิ้มจืดเจื่อน นึกรำคาญลูกตาแวววาวของคนที่เข้ามาทักเต็มทน

            “สวัสดีค่ะ” หญิงสาวตอบรับตามมารยาท

            ดูเหมือนพิราอรจะตกที่นั่งลำบาก เพราะในขณะที่ต้องระวังมือปลาหมึกของชินดนัยที่คอยจะเลื้อยมาแตะตรงนั้นจับตรงนี้ ตอนนี้เธอยังต้องระวังผู้ชายตรงหน้าเพิ่มด้วย ดูสายตาเขาแล้วไม่น่าไว้ใจเลยจริงๆ

            “ผม...ชยินครับ” ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือออกมาตรงหน้า

            เป็นชินดนัยที่ยื่นมือมาสัมผัสตอบรับ ยิ้มมุมปากอย่างคนที่รู้ทันกันในที “ชินดนัยครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณชยินนะครับ ขอให้ค่ำคืนนี้มีความสุขกับผับบาบิโลนของเรา”

            “ผมคงจะมีความสุขมากถ้าคุณพีชให้เกียรติดื่มกับผม”

            “อ๋อ...รายนี้เขาเพิ่งออกมาเจอแสงสี ยังอ่อนดีกรีอยู่ครับ เกรงว่าคุณอาจจะดื่มได้ไม่ถึงแก้วด้วยซ้ำ จะพาหมดสนุกซะเปล่าๆ ถ้าไม่รังเกียจเปลี่ยนมาดื่มกับผมดีกว่า ดื่มกันไป คุยกันไป พอดีผมกำลังสนใจธุรกิจท่าเทียบเรือของท่านชยุตอยู่พอดีเลยครับ” ชินดนัยรีบตัดบทด้วยการโน้มหน้าเข้าไปกระซิบบางอย่างข้างหูหญิงสาว

            พิราอรสบตากับชินดนัย พยักหน้าอย่างเข้าใจ และขอตัวกับชยิน ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมง่ายๆ

            “เดี๋ยวก่อนสิครับ” ชยินบอกพร้อมกับส่งสายตาท้าทายให้ชินดนัย ก่อนเอ่ยขึ้น “พอดีว่าหมดเวลางานแล้ว คุณคงไม่ว่าผมเสียมารยาทหรอกนะ ถ้าไม่อยากคุยเรื่องงานตอนนี้”

            “ไม่หรอกครับ เป็นผมเองที่ไม่รู้กาลเทศะ”

            “ผมแค่อยากทำความรู้จักกับคุณพีชเท่านั้น คุณอย่ามองเป็นอย่างอื่นเลย นะครับ ให้เกียรติไปนั่งที่โต๊ะคุยกับผมสักครู่ก็ยังดี” ประโยคท้ายชยินบอกกับพิราอรอย่างขอร้อง

            ไอ้เวรนี่ฉลาดนัก!

            ชินดนัยขวางหูขวางตาเหลือเกิน ถึงเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักชยิน ไอ้หมอนี่มันคิดว่าพ่อมันใหญ่จึงทำเบ่ง ไปไหนก็ต้องมีลูกน้องเดินตามอย่างกับจะไปเชิดสิงโตกันอย่างนั้น ยิ่งเห็นพิราอรอึกอักๆ ก็ยิ่งขัดใจ คนหนึ่งอุตส่าห์ช่วยออกตัวเปิดทางให้แล้วแทนที่จะรีบตัดบทหนีไปซะ ดันมายืนทื่อให้มันตีวงล้อมต้อนเอาจนได้

            ลูกพีชนะลูกพีช ให้มันได้อย่างนี้สิ!

            หมดทางเลี่ยงทั้งพิราอรและชินดนัยก็จำใจต้องยอมเดินตามชยินไปนั่งที่โต๊ะ ดูเหมือนชยินจะพยายามจีบแม่ชีข้ามหน้าข้ามตาชินดนัยอย่างไม่คิดเกรงใจกันเลย ที่มันบอกว่าจะคุยๆ ก็ไม่ใช่หรอก นี่ถ้าเขาไม่นั่งอยู่ด้วย ป่านนี้คงเลื้อยมาเขมือบแม่ชีไปแล้วมั้ง

            “ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณเดชมีลูกสาวสวยขนาดนี้ ทำไมผมถึงเพิ่งเจอคุณ”

            “ฉันงานยุ่งค่ะ ไม่ค่อยได้ออกงานสังคม”

            “เข้ามาบริหารผับเองอย่างนี้ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาผมได้นะครับ ผมยินดี”

            ชินดนัยแกล้งกระแอมเรียกความสนใจ ปล่อยให้คุยกันอย่างนี้คงได้หลงลมปากมันเข้าหรอก

            “ไม่ทราบมาก่อนว่าคุณชยินเคยบริหารผับ”

            “แค่ลงหุ้นกับเพื่อนเล่นๆ ครับ ไม่ได้จริงจังอะไร”

            “ถึงว่า ตั้งแต่ผมเข้ามาดูงานที่นี่ก็เห็นคุณมาอุดหนุนผับเราทุกคืนเลย”

            “อุ๊ย!”

            สองหนุ่มมองพิราอรเป็นตาเดียว หญิงสาวเผลอทำเครื่องดื่มหกรดเสื้อ ชยินเร็วกว่าเพราะนั่งตรงกลางซึ่งอยู่ใกล้ ขยับนิดเดียวก็ถึงตัวหญิงสาว เขารีบช่วยดึงกระดาษซับน้ำ เช็ดตามเรียวแขนและฉวยโอกาสแตะต้องเนื้อตัวนุ่มนิ่มอย่างแนบเนียน

            แต่ทุกการกระทำนั้นตกอยู่ในสายตาคมกริบของชินดนัย แม้ว่าฝ่ายหญิงจะปฏิเสธแต่ก็ขัดน้ำใจไม่เต็มที่นัก ทุกตำแหน่งที่ถูกมือสกปรกนั่นแตะต้อง เขาสัญญาว่าจะลบรอยไม่ให้เหลือ และต่อไปนี้ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้มานั่งอวดโฉมให้ไอ้หน้าไหนมันแทะโลมทางสายตาอีก

            เขาจะกระทืบมัน!

            เหล้าในแก้วของชินดนัยถูกกระดกดื่มรวดเดียวหมด ความร้อนไหลผ่านลำคอ หมดเวลารักษามารยาท เห็นอยู่ว่าถ้านั่งต่อคงได้มือเท้าลั่นกันบ้าง

            “ผมว่าเราคงต้องขอตัวก่อนนะครับ เชิญคุณชยินตามสบาย”

            ชยินอยากจะยื้อเอาไว้ ทว่าจนด้วยเหตุผล แค่นี้คงเพียงพอแล้วสำหรับการทำความรู้จักกัน ยังไงเขาก็ต้องมาเจอเจ้าของผับคนสวยทุกคืนอยู่แล้ว จะรีบร้อนรวบรัดเกินไปก็คงไม่เหมาะ คืนนี้เขาไม่อยากมีเรื่อง แม้จะเห็นว่าหลานชายคุณเดชพร้อมขึ้นชกเต็มแก่

            “แล้วเจอกันใหม่นะครับ”

           

            หลุดจากชยินมาได้พิราอรก็รู้สึกว่าคนที่โอบไหล่เธออารมณ์ไม่ปกตินัก ใบหน้าของชินดนัยเรียบเฉย แต่แรงกดที่หัวไหล่ทำให้เธอนิ่วหน้า ครั้นจะปลีกตัวออกจากการเกาะกุมก็ยากยิ่ง ตอนนี้คนแน่นผับจนต้องเดินเบียด เขาจึงโอบเธอไม่ยอมปล่อย

            ชายหนุ่มพาเจ้าของผับสาวขึ้นมาบนชั้นสอง ตรงเข้าห้องทำงาน พิราอรหลงดีใจที่เขายอมปล่อยง่ายๆ แต่พอได้ยินเสียงกดล็อกห้อง หันไปมองแล้วก็ใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ชินดนัยหน้าถมึงทึงเหมือนโกรธใครมาแต่ชาติปางก่อน เขาก้าวเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางคุกคาม

            “คุณจะทำอะไรคะ”

            แววตาตื่นตระหนกของพิราอร ไม่อาจหยุดยั้งอีกฝ่าย หญิงสาวถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ ห้องทำงานไม่กว้าง และชินดนัยก็ตามติด ไม่นานแผ่นหลังของเธอก็ชนกับผนังกระจก สองมือของเขายันผนังกักขังร่างเธอไว้ ลมหายใจเขามีกลิ่นของเหล้าปะปนเป่ารดใบหน้า

            หญิงสาวเบียดแผ่นหลังแนบกระจกราวกับจะฝังกายหลีกหนีความใกล้ชิด ความรู้สึกเย็นเยียบจากกระจกก็ยังดีกว่าไอร้อนผ่าวที่แผ่ออกมาจากกายเขา

            “คุณชินคะ ฉันจะไปล้างตัวค่ะ กรุณาหลบด้วย”

            “ไม่ต้องล้างหรอก เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”

            พิราอรเม้มปาก หลับตาปี๋ เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ชินดนัยก้มลงมาจนปลายจมูกสัมผัสแก้มนุ่ม ในพื้นที่จำกัดแค่นั้นจะหนีไปไหนได้ พอเงียบเสียงเขาก็จูบเธอเหมือนโกรธกันมาสักสิบชาติ

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น