8

ตอนที่ 7


บทที่ ๗

 

                มือใหญ่ที่ถ่ายทอดความร้อนและความอบอุ่นจับกระชับข้อมือเล็กเอาไว้มั่น แม้ว่าจะพยายามไม่คิดเข้าข้างตนเอง แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่า เหตุใดกันที่ทำให้เขาใจดีกับเธอ เมตตาให้ที่อยู่อาศัยแก่เธอ ไหนจะหลายๆ สิ่งที่เขาทำให้เธออีกเล่า

                คีตกาลแอบมองแผ่นหลังกว้างของคนตัวสูงใหญ่ที่เดินอยู่เบื้องหน้า เพียงไม่กี่วันก็เห็นข้อดีของเขามากมายหลายอย่าง เริ่มจากหลงรักน้ำเสียงที่ขับขานออกมาเป็นเพลง จนกระทั่งได้พบหน้าและรับน้ำใจจากเขา ต่อให้ใจแข็งเพียงใดก็ต้องมีหวั่นไหว มีคิดกันบ้าง

                ‘ถ้าหัวใจของเราตรงกันมันก็คงจะดีอยู่มิใช่น้อย...’

           

                “น้องคีย์” อิชย์เรียกคีตกาลเสียงหวานทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวถูกอินทัชจับจูงเข้ามาภายในห้องพักนักดนตรี “คิดถึงพี่อิชย์ใช่ไหมคะ ถึงได้มาหาพี่วันนี้”

อินทัชใช้มือกันคีตกาลให้หลบไปอยู่เบื้องหลังตนเองทันที เมื่อเห็นเพื่อนรักเดินรี่เข้ามาหาหญิงสาว “คีย์มากับกู ไม่ได้มาหามึง”

“จุ๊ๆ ไม่เอาๆ อย่าโกหก กูดูสายตาน้องคีย์ที่มองมากูก็รู้แล้ว” อิชย์ยังเอียงตัวส่งยิ้มหวานชวนใจละลายมาให้หญิงสาวที่ถูกกักไว้เบื้องหลังร่างสูงใหญ่จนเกือบมิดมองแทบไม่เห็น “ไม่เห็นต้องอายเลย เดินมาหาพี่อิชย์เร็วคนดี”

“ไอ้อิชย์!”

น้ำเสียงเหี้ยมๆ ที่ดังลอดไรฟันของอินทัชทำเอาอิชย์เลิกคิ้วขึ้นสูง มองดูเพื่อนรักด้วยสายตากวนๆ

“ก็กูบอกแล้ว คนนี้กูขอ”

มือใหญ่ผลักอกอิชย์ให้ขยับถอย ก่อนจะจับจูงหญิงสาวให้เดินลึกเข้าไปในห้องด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ ปกติเขากับอิชย์เข้าใจกันดีทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องผู้หญิง แต่ทำไมหนนี้เพื่อนของเขาถึงได้ดูกวนอารมณ์ชวนให้อยากลงไม้ลงมือแบบนี้

“คุณคะ...” คีตกาลมองใบหน้าบูดบึ้งของคนที่กดไหล่เธอลงนั่งบนเก้าอี้อย่างใจไม่ดี เธอไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของอินทัชมาก่อน ก่อนจะเหลือบไปมองอิชย์ นักร้องหนุ่มรูปงามที่ยังมองมายังจุดที่เธอนั่งอยู่

“อุ๊ย!” หญิงสาวอุทานตกใจเมื่ออยู่ๆ อิชย์ก็ยกมือขึ้นมาส่งจูบให้เธอเสียอย่างนั้น แถมอินทัชเองก็เห็นเสียด้วย เขาเลยหันกลับมาจ้องเธอตาเขียวทันที

“ตั้งใจอยากมาหาไอ้อิชย์จริงๆ อย่างที่มันพูดใช่ไหม”

ปากบางอ้าค้างเตรียมจะเอ่ยปฏิเสธคำกล่าวหา แต่ไม่ทันได้พูดอะไร อินทัชก็หมุนตัวผละห่างไปเสียก่อน ทิ้งให้คีตกาลนั่งอึ้งไปทันที และยิ่งอึ้งหนักไปอีกเมื่ออิชย์รีบปรี่เข้ามานั่งข้างเธอทันทีเหมือนรอโอกาสอยู่แล้ว

เขายักคิ้วใส่เธอ “อยากแกล้งคน” อิชย์กระซิบบอก พร้อมกับเอนกายเข้าไปใกล้คีตกาลมากขึ้นจนไหล่แทบเบียดกัน

แต่คีตกาลไม่เข้าใจในสิ่งที่อิชย์พูดและกระทำอยู่ “แกล้งอะไร ยังไงคะ”

“ใสซื่อแบบนี้ไง ถึงมีคนอยากทำตัวเป็นพระเอก” อิชย์กล่าวขำๆ ดูอารมณ์ดี หัวเราะระรื่น “น้องคีย์มารู้จักสมาชิกของวงพี่ก่อน เรามีกันห้าคน นั่นโป้ง ใหม่ หนึ่ง”

หนุ่มๆ สมาชิกในวงส่งยิ้มพร้อมยกมือรับไหว้ เมื่อคีตกาลยกมือขึ้นมาไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ

“คีย์ค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัวง่ายๆ ก่อนที่จะมีสาวสวยแต่งตัวสุดเฉี่ยวสามสี่คนเดินเข้ามาในห้องพักนักดนตรี

“เด็กเพื่อนพี่เอง” อิชย์อธิบายขณะที่สาวๆ แยกย้ายกันเข้าไปนั่งข้างกายแฟนหนุ่มของพวกเธอ เหลือเพียงหนึ่งสาวที่ดูจะเป็นส่วนเกิน

คีตกาลนึกสงสัยทันทีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนสาวของใคร หากเป็นแฟนสาวของอิชย์ก็คงต้องมีอาการหึงหวงกันบ้างเมื่อเห็นเธอนั่งชิดติดกับเขาแบบนี้ หรือว่า...

หญิงสาวใจหายวาบ เหลือบไปมองอินทัชซึ่งยืนหันหลังตั้งสายกีตาร์อยู่ที่มุมห้องทันที

“ว่าไงจ๊ะน้องเมย์สุดสวย ใจอ่อนยอมให้พี่อิชย์จีบหรือยังเอ่ย”

หญิงสาวที่ชื่อเมย์เหลือบตาขึ้นมองอิชย์และคีตกาลที่นั่งอยู่คู่กัน ก่อนที่ริมฝีปากแดงๆ นั้นจะยกยิ้ม

“แล้วถ้าเมย์ใจอ่อน น้องที่นั่งอยู่ข้างๆ พี่อิชย์จะไม่ว่าเอาหรือคะ” เจ้าของร่างบอบบางแต่อวบอิ่มในบางส่วนส่งสายตาพร้อมขยับตัวอย่างยั่วยวน

อิชย์หันมามองคีตกาล แล้วส่งยิ้มใจดีให้หญิงสาวทั้งสองคน

“น้องคีย์ใจดีจะตาย เขาไม่ว่าพี่หรอก แต่ถ้าเป็นอีกคนละไม่แน่” ประโยคหลังของอิชย์ค่อนข้างเบา แม้แต่คีตกาลที่นั่งอยู่ข้างๆ กันยังไม่ค่อยได้ยิน

คีตกาลขยับตัวอย่างอึดอัดเมื่ออยู่ๆ สายตาของเมย์ก็ตวัดมามองเธอตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ก่อนจะประสานสายตากันเข้าอย่างจัง หญิงสาวเป็นฝ่ายหลบตาอีกฝ่ายก่อนอย่างไม่ชอบใจ พร้อมกับคิดในใจว่าผู้หญิงที่ชื่อเมย์นั้นไร้มารยาทสิ้นดี

“ไม่ต้องไปสนหรอก ไม่มีใครทำอะไรน้องคีย์ได้” อิชย์กล่าวน้ำเสียงจริงจังขึ้น ทำให้คีตกาลลดความกังวลเรื่องสายตาของเมย์ลงทันที “ว่าแต่น้องคีย์จ๋า พี่อิชย์อยากถามอะไรน้องคีย์หน่อย”

“ค่ะ พี่อิชย์อยากถามอะไรคะ” หญิงสาวขยับตัวตั้งใจฟังคำถามของอิชย์ทันที โดยไม่เห็นว่าตอนนี้สายตาของอินทัชจับจ้องมาที่ตัวเธอ

“คือพี่อิชย์เนี่ย สนใจอยากทำความรู้จักเพื่อนน้องคีย์ คนที่ตาคมๆ ผิวสีน้ำผึ้ง คนที่นั่งอยู่ข้างๆ น้องคีย์คืนนั้น”

คีตกาลนึกอยู่นานก่อนจะเอ่ยชื่อใครคนหนึ่งที่มีความน่าจะเป็นออกมา “นิลหรือคะ”

“ชื่อนิลหรือ คมเข้มสมชื่อจริงๆ แล้ว...ไม่ทราบว่าน้องนิลมีแฟนหรือยังครับ”

น้ำเสียงกระตือรือร้นของอิชย์ทำเอาคีตกาลหลุดยิ้ม ก่อนจะส่ายศีรษะ เพราะเธอไม่รู้จริงๆ ว่านิลรพัดมีคนรู้ใจหรือยัง

“เรื่องนี้คีย์ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ เราเรียนคณะเดียวกันก็จริง แต่คีย์เพิ่งมาสนิทกับนิลจริงๆ ช่วงก่อนปิดเทอมนี่เอง”

“ว้า แย่จัง”

อิชย์ลากเสียงยาวทำหน้าเศร้าจนคีตกาลยังอดสงสารไม่ได้ ลืมเลือนอินทัชไปชั่วขณะเพราะมัวแต่สนใจเรื่องของอิชย์และนิลรพัด เธอชอบนิลรพัดเพราะหญิงสาวดูเป็นคนตรงๆ พูดจาตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือนกรวินทร์ที่ดูมีลับลมคมในเหมือนมีอะไรในใจมากกว่า

“เสียดายจัง อยากทำความรู้จัก แต่ช่างเถอะ วาสนาพี่คงไม่มี”

เพราะน้ำเสียงเศร้าสร้อยของอีกฝ่ายนั่นแหละที่ทำให้คีตกาลรู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนผิดขึ้นมา

“คีย์มีเบอร์นิลนะคะ ถ้าหากพี่อิชย์อยากจะลองคุยกับนิล”

“จริงหรือครับน้องคีย์” ชายหนุ่มถามไว ใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม

คีตกาลพยักหน้ารับ มองตรงไปสบตาอิชย์ เขาไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร อีกอย่างเธอเชื่อว่าคนอย่างอินทัชต้องเลือกคนที่คบหาด้วยแน่ๆ

“แต่พี่อิชย์สนใจนิลจริงๆ หรือคะ”

“โธ่ น้องคีย์ จริงสิครับ ไม่งั้นพี่จะมาอ้อนน้องคีย์แบบนี้ทำไม”

มาถึงตอนนี้คีตกาลเกิดลังเล ไม่มั่นใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่ถ้าเธอถือวิสาสะมอบเบอร์โทรศัพท์ของนิลรพัดแก่อิชย์ไป มาถึงตรงนี้ก็คิดได้ว่าไม่น่าหลุดปากออกไปเลยจริงๆ หญิงสาวมีสีหน้าหนักใจ

“คีย์เปลี่ยนใจไม่ให้เบอร์ได้ไหมคะ”

“น้องคีย์” อิชย์คว้ามือของคีตกาลเอาไว้ทันที “อย่าแกล้งพี่แบบนี้สิครับ ให้พี่เถอะนะครับ พี่สนใจน้องนิลจริงๆ นะครับ นะครับ”

สีหน้าของคีตกาลตอนนี้มีแต่ความลังเล ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจ “ขอเป็นให้ไลน์ได้ไหมคะ”

อิชย์มีสีหน้าดีขึ้นทันตา “อะไรก็เอาครับ มา มา เรามาเป็นเพื่อนไลน์กันดีกว่า คีย์จะได้ส่งไอดีของน้องนิลให้พี่ได้”

คีตกาลพยักหน้ารับ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาสแกนคิวอาร์โคดของอิชย์

“แล้วคืนนี้น้องนิลจะมาไหมครับ”

คีตกาลพยักหน้า ทำเอาอิชย์ยิ้มประจบหญิงสาวทันที

“น้องคีย์ต้องเป็นแม่สื่อให้พี่นะ”

“ไม่ดีมั้งคะ แค่คีย์ให้ไลน์นิลไป ก็ไม่รู้ว่านิลจะโกรธไหม”

อิชย์ยกสองมือขึ้นมาปิดปากแถมกระทืบเท้าเบาๆ “พี่ไม่พูด เหยียบแน่น”

หญิงสาวขำท่าทางและคำพูดของอิชย์จนหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ หันกลับมาอีกทีก็ต้องตกใจ ใจหล่นลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม หน้าเสียไปทันทีเมื่อตอนนี้อินทัชมานั่งหน้าดุอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ที่ทำเอาหญิงสาวถึงกับจุกพูดไม่ออกนั่นก็คือ ผู้หญิงที่นั่งขนาบแทบขึ้นไปเกยอยู่บนตักของชายหนุ่มต่างหาก

“นี่ค่ะอิน” เมย์ยกแก้วเหล้าที่ชงเสร็จใหม่ๆ ส่งให้อินทัช ร่างบางนั้นเอียงหน้าซบลงไปที่ต้นแขนแข็งแรง สองมือเกาะเกี่ยวต้นแขนล่ำใต้เสื้อเชิ้ตสีดำพอดีตัวไว้แน่น โดยที่เจ้าของแขนไม่มีท่าทีเดือดร้อนแต่อย่างใด

คีตกาลทำอะไรไม่ถูกไปทันที หญิงสาวหันกลับมามองหน้าอิชย์ที่เหมือนจะรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้เช่นเดียวกับหญิงสาว

อิชย์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ขยับลุกขึ้นยืนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อีกชั่วโมงกว่าจะถึงคิว กูจะออกไปนั่งจิบเหล้าชมวิวข้างนอกหน่อยนะ ในนี้อึดอัดพิกล ไป น้องคีย์ไปกับพี่ดีกว่า”

อิชย์คว้าข้อมือของคีตกาลพร้อมฉุดรั้งให้หญิงสาวขยับยืนขึ้น ไม่เปิดโอกาสให้ได้ปฏิเสธสักนิดยามที่พาคีตกาลออกมานอกห้องนั้น

ควงตาคมจับจ้องข้อมือเล็กๆ ที่อิชย์จับอยู่เขม็ง มือนั้นเขาเพิ่งจับมาสดๆ ร้อนๆ ก่อนจะเข้ามาในห้องนี้ แต่ตอนนี้กลับมีผู้ชายอีกคนมาทับรอย นาทีนี้อินทัชเพิ่งเข้าใจคำว่า ‘หวง’ เขาไม่เคยหวงอะไรอิชย์มาก่อน เขากับอิชย์แลกเปลี่ยนกันแทบทุกสิ่งโดยไม่เคยคิดที่จะหวงอะไร แต่ตอนนี้เขากลับหวง หวงคีตกาลทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์

แก้วเหล้าที่เพิ่งถูกจิบไปเพียงไม่กี่อึกถูกจับกระแทกวางไปบนโต๊ะตรงหน้า จนเมย์ที่นั่งลูบคลำแขนของชายหนุ่มอยู่ตกใจ ถึงกับสะดุ้งเบาๆ

“เมย์ชงไม่ดีหรือคะ ให้เมย์ชงให้ใหม่ไหมคะอิน”

มือใหญ่ปลดมือที่เล็บเคลือบสีแดงสดไว้นั้นออกจากแขนอย่างไม่ไยดี “ผมจะไปห้องน้ำ”

“เดี๋ยวสิคะอิน อิน อินคะ!” เมย์ร้องเรียกเมื่ออีกฝ่ายลุกพรวดออกจากห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเธอสักนิด และเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าเธอจะให้ท่าเขาขนาดไหน อินทัชก็ไม่เคยชายตามองหรือตอบรับไมตรีจากเธอเลย

“แห้วอีกแล้วละสิ” นก แฟนของหนึ่งเอียงตัวผละจากแฟนหนุ่มมากระซิบกับเพื่อนสาวที่ตอนนี้สีหน้าบึ้งตึง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น

“อืม”

“ก็เตือนแล้วไม่ฟังนี่ พี่อินน่ะเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้หรอก พี่หนึ่งเคยพูดว่าพี่อินจะไม่มีแฟนจนกว่าทำตามความฝันได้เสียก่อน”

เมย์ตวัดสายตากลับมาจ้องนก “แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”

“อีกไม่นานนี้แหละ แกอดทนอีกหน่อยละกัน” นกยิ้มอย่างมีเลศนัย “อีกไม่นาน” เธอย้ำ

 

“นับเลขได้เท่าไหร่แล้ว” อิชย์ยืนอิงเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม กวาดตามองไปทั่วร้านอย่างมีความหวัง

“สามสิบค่ะ” คีตกาลตอบ ไม่เข้าใจว่าอิชย์จะให้เธอนับหนึ่งถึงร้อยไปทำไม

“นับต่อๆ ถ้าไม่มีคนเดินมาขัดจังหวะเราก่อนคีย์นับถึงห้าสิบ เดี๋ยวคืนนี้พี่จะเลี้ยงน้องคีย์และเพื่อนเอง”

“ใครจะมาคะ” คีตกาลถามด้วยความสงสัย นาทีนี้เธอไม่อยากนับเลขเลยสักนิด จิตใจมันห่อเหี่ยว จำได้แต่ภาพที่ทำเอาสะเทือนไปทั้งใจเมื่อครู่ “แล้วถ้ายังไม่ถึงห้าสิบเล่าคะ”

“คีย์ต้องเป็นแม่สื่อช่วยให้พี่จีบน้องนิลให้ติด ถึงไหนแล้ว”

ลมหายใจถูกปล่อยออกมาจากอกของหญิงสาว เธอไม่เข้าใจอิชย์เลยสักนิด “สี่สิบห้ามั้งคะ”

“ไม่ต้องนับแล้ว” อิชย์พูดกลั้วหัวเราะ หมุนตัวกลับไปยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ “น้องคีย์ต้องเป็นแม่สื่อให้พี่แล้วละ”

“ทำไมคะ...”

คีตกาลพูดยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อมีมือของใครไม่รู้เข้ามาโอบเอวเธอไว้ หญิงสาวหันกลับไปมองก่อนจะอ้าปากค้างเพราะตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นเขา

“สักแก้วไหมวะ” อิชย์ถามผู้ที่มาใหม่

“ก็ดี”

ร่างสูงขยับเข้าไปยืนแทรกกลางระหว่างอิชย์กับคีตกาล จนอิชย์ต้องขยับออกห่างให้พร้อมกับหัวเราะในลำคอ

“น้อง ออนเดอะร็อกแก้ว” อิชย์ตะโกนบอกบาร์เทนเดอร์ แล้วชะโงกหน้าข้ามคนที่มายืนกั้นกลางขวางคีตกาลกับเขาเอาไว้ “เมื่อครู่พี่เห็นเพื่อนน้องคีย์มาแล้ว น้องคีย์จะไปหาเพื่อนเลยไหมคะ เดี๋ยวพี่พาไป”

หญิงสาวที่กำลังจะละลายจากสัมผัสของมือใหญ่ที่ยังโอบเอวเธอเอาไว้รีบพยักหน้ารับไว เพราะนาทีนี้ทั้งขัดเขินทั้งสับสน แถมยังเริ่มหายใจหายคอไม่ออก อึดอัดไปหมด ไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ของตนเองอย่างไร คิดว่าหากได้ไปอยู่กับกลุ่มเพื่อน ความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในใจอาจทุเลาลงก็เป็นได้

แต่...มือใหญ่นั้นกลับลงน้ำหนักมากขึ้นรั้งเธอเอาไว้ จนเธอต้องทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาเขา

“อย่าดื่ม”

คีตกาลพยักหน้ารับปากคอสั่น รีบก้มหลบตาเป็นพัลวัน

“อิชย์...” อินทัชเอ่ยรั้งเพื่อนรักไว้ด้วยน้ำเสียงเย็นๆ พร้อมสีหน้าเรียบสนิท แต่ดวงตาคมกลับมีประกายจ้า

“ก็แค่จะเดินไปส่งน้องคีย์ที่โต๊ะเพื่อนเขาเท่านั้นเอง มาค่ะน้องคีย์” ประโยคหลังชายหนุ่มบอกคีตกาลพร้อมกวักมือเรียกไปพร้อมๆ กัน

“เดี๋ยวจบการแสดงจะเดินไปรับที่โต๊ะ”

เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นใกล้ๆ หู ครั้งหนึ่งเธอเคยถามตนเองว่า หากอินทัชมากระซิบเบาๆ ข้างหูจะให้ความรู้สึกอย่างไร นาทีนี้เธอรู้แล้ว และมันก็ทำให้เธอถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว ขาแข้งพานจะอ่อนเอาเสียอย่างนั้น คีตกาลรีบพยักหน้ารับอีกหน พร้อมกับเดินออกจากจุดนั้นไปอย่างรวดเร็ว

 

นิลรพัดโบกไม้โบกมือยิ้มต้อนรับคีตกาลทันทีที่เห็นเพื่อนสาว แต่รอยยิ้มของเธอต้องค่อยๆ หุบลงเมื่อเห็นร่างสูงของใครบางคนที่อยู่ในห้วงคำนึงของเธอมาตลอดสองสามวันนี้เดินตามมาด้วย

“นิล...สงสัยยายคีย์มันจะเป็นแฟนกับหนึ่งในสมาชิกวงนี้จริงๆ ด้วย” กรวินทร์กระซิบเสียงแหลม เหมือนลึกๆ แล้วก็ยังไม่เชื่อในสิ่งที่ได้รู้ได้เห็น

“สวัสดีครับสาวๆ” อิชย์เดินแซงขึ้นมาแจกยิ้มให้สองสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ “พี่เอาน้องคีย์มาส่ง ฝากด้วยนะครับ”

“ยินดีค่าคุณอิชย์” กรวินทร์ตอบรับเสียงหวาน ในขณะที่นิลรพัดทำเป็นมองเมินหันมาให้ความสนใจคีตกาลที่ขยับเข้ามานั่งข้างๆ เธอ

“วันนี้เต็มที่นะครับ บิลโต๊ะนี้ผมขอจัดการเอง”

“คุณอิชย์ใจดีจังเลยค่า” กรวินทร์ตบมือทำเสียงยินดีจนนิลรพัดต้องเบะปาก

อาการทุกอย่างที่นิลรพัดแสดงออกอยู่ในสายตาของอิชย์ตลอด แต่เขาก็ทำเป็นไม่เห็น และหันมาให้ความสนใจอีกหนึ่งสาวที่มีท่าทางยินดียามเขามาที่โต๊ะ

“ใกล้ถึงเวลาที่วงผมต้องขึ้นไปเล่นแล้ว ถ้ายังไงเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ” อิชย์หันมาส่งสายตาให้นิลรพัดอย่างมีความนัย แต่สาวเจ้ากลับสะบัดหน้าหนีเสียอย่างนั้น แม้จะเก้อ แต่คนอย่างเขาหรือจะถอย “น้องคีย์อย่าดื้ออย่าซนนะคะ”

“พี่อิชย์ คีย์ไม่ใช่เด็กเล็กๆ นะคะ” คีตกาลทำหน้าเง้า

อิชย์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “โอเค พี่ไปแล้ว เดี๋ยวมารับ”

ชายหนุ่มพูดจบก็หมุนตัวเดินกลับไปยังห้องพักนักดนตรีทันที ระหว่างทางที่อิชย์เดินไปก็ต้องแวะหยุดเป็นระยะๆ เพราะมีแฟนเพลงเรียกรั้งทักทายตลอดทาง

“คืนนี้หลับฝันดีแน่ๆ เลยเรา” กรวินทร์พูดเสียงยานคาง เท้าคางมองตามอิชย์ไปเหมือนคนละเมอ “หนุ่มในฝันเดินมาหาถึงโต๊ะ นี่! แล้วเห็นไหม มีแต่คนมองมาที่โต๊ะของเราด้วยความริษยา ว่าแต่แกเถอะคีย์ อุบเงียบเชียวนะ ไอ้เราก็นึกว่าเป็นเด็กเรียน รักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียน ที่ไหนได้ มีแฟนแซงหน้าพวกเราไปเฉยเลย แถมยังเด็ดดวงเสียด้วย”

                “นั่นสิ ไปรู้จักกันยังไงตอนไหน” นิลรพัดเอ่ยถามขึ้นมาอีกคนด้วยความสงสัย

                คีตกาลยิ้มแห้ง ไม่รู้จะเริ่มอธิบายตั้งแต่ตอนไหน

“ก็...ก็ไม่นาน” เธอตอบเสียงเบา หากจะเล่า เธอก็ต้องเล่าถึงเรื่องที่หนีออกมาจากบ้านด้วย แม้จะเป็นเพื่อนกัน แต่สิ่งที่ไม่ดีของตนนั้นเธอก็ยังลังเล ไม่อยากแพร่งพรายให้นิลรพัดกับกรวินทร์รู้ แล้วถ้าหากสองคนนี้รู้ว่าเธอไปอาศัยพักพิงอยู่ที่บ้านของอินทัชจะคิดอย่างไร เมื่อคิดแล้วว่ามีแต่ผลเสียมากกว่าผลดี คีตกาลเลยนิ่งไป ไม่พยายามอธิบายอะไรเพิ่มอีก

                “โอ๊ย ชาติก่อนทำบุญมาด้วยอะไรยะ ชีวิตเธอถึงได้ดีงามขนาดนี้ แม้แต่แฟนยังหล่อลากดิน แต่ถึงหล่อยังไงก็สู้คุณอิชย์ของฉันไม่ได้ ว่าแต่...คีย์รู้จักสมาชิกวงนี้ แล้วรู้ไหมว่าคุณอิชย์มีแฟนหรือยัง”

                หญิงสาวขมวดคิ้ว เธอเพิ่งพบอิชย์เพียงสองครั้งเท่านั้นเลยไม่มั่นใจสักเท่าไร

“คงยังไม่มีมั้ง เพราะไม่เคยเห็น แต่พี่โป้ง พี่ใหม่ พี่หนึ่งมีแฟนแล้ว แฟนมาเฝ้าอยู่ในห้องพักโน่น”

                “อย่ามั้งสิแก แกต้องไปสืบมานะ เพราะถ้ายังไม่มีฉันจะได้เดินหน้าจีบ”

                มาถึงตรงนี้คีตกาลก็ลอบเหลือบตาไปมองนิลรพัดที่นั่งสูบบุหรี่ไฟฟ้าอยู่

“แต่เราว่าพี่อิชย์มีคนที่เขาชอบๆ อยู่นะ” หญิงสาวเอื้อมมือไปดึงบุหรี่ออกมาจากมือของนิลรพัด “อย่าดูดเลย ไม่ดีหรอก”

                “นานๆ ทีน่ะคีย์”

                “เดี๋ยวๆ แกว่ายังไงนะคีย์ มีคนที่ชอบอยู่แล้ว” กรวินทร์ถามเสียงสูง สีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด

                “อืม...” หญิงสาวรับเสียงยาว “เห็นว่ามองๆ อยู่”

                กรวินทร์ตบเบาะที่นั่งอยู่ ท่าทางไม่พอใจสิ่งที่คีตกาลเล่า “เสียอารมณ์ แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอก ก็แค่มองๆ ยังไม่มีแฟน ถึงเป็นแฟนก็ยังไม่ใช่เมีย และถึงเป็นเมียก็เลิกได้”

                “แหม...นิยามของสาวใจกล้ายุค ๔.๐ เลยนะ” นิลรพัดเอ่ยแซ็วกรวินทร์

                “ยุคนี้ด้านก็ได้ อายก็อด จะให้นั่งเกาะอยู่บนคาน ฉันขอบาย”

                “ย่ะ”

                คีตกาลหัวเราะการต่อปากต่อคำระหว่างนิลรพัดกับกรวินทร์ ที่แม้บางคำจะดูแรง แต่ทั้งสองก็ไม่มีท่าทีถือสากันแต่อย่างใด

                “กรี๊ดๆๆ คุณอิชย์ขา” อยู่ๆ กรวินทร์ก็ป้องปากส่งเสียงร้องอย่างไม่เกรงใจใคร ยกไม้ยกมือโบกไปทางเวที ทำเอาคีตกาลและนิลรพัดต้องหันไปมองตามทันทีโดยอัตโนมัติ

                หญิงสาวอมยิ้ม อิชย์มีเสน่ห์ก็จริงยามยืนอยู่หน้าเวที แต่คนที่อยู่ในสายตาของคีตกาล กลับเป็นชายหนุ่มอีกคนที่ยืนดีดกีตาร์ร้องเพลงอยู่ข้างๆ นั่นต่างหาก

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น