6

ตอนที่ 6

6

 

สัปดาห์ต่อมานันท์นพินมาสอนทำขนมตามตารางสอนที่พี่ชายบอกแกมบังคับให้มาเข้าสอน

“เอาละค่ะ ในที่สุดคอร์สนี้ก็จบลงด้วยดี หนามในฐานะตัวแทนร้านเพียงพอดีบายเรือนคุณนัทธ์ขอขอบคุณลูกศิษย์ทุกท่านที่มาเข้าคลาสครูพี่หนาม ถ้าสงสัยอะไรสามารถสอบถามมาในเพจ หรือเบอร์ติดต่อที่ให้ไว้นะคะ ส่วนใครที่อยากลงเรียนคลาสอื่นก็ดูทางเพจได้เลย”

คลาสพิเศษนี่สอนทำขนมกุหลาบชั้นฟ้า ซึ่งใช้เวลาสอนทำแบ่งเป็นสองพาร์ต ขั้นตอนการทำขนมชั้นยากตรงการดูไฟและเทชั้นขนมให้ไม่หนาไม่บางไป และเทคนิคสำคัญในการจัดขนมชั้นที่ทางสูตรของเรือนคุณนัทธ์สอนคือการจัดกลีบเป็นช่อ ดอกไม้

“ผมขอลงทุกคลาสที่ครูพี่หนามสอนได้ไหมครับ” ลูกศิษย์ชายที่ทำตัวงุ่มง่ามในการจัดกลีบดอกไม้จากขนมชั้นสอบถาม

“ได้สิคะ เดี๋ยวยังไงเลิกแล้วคุยกับทางทีมงานนะคะ” นันท์นพินส่งยิ้มหวานให้ตามที่พี่ชายบรีฟก่อนเข้าสอน

“คุยกับทางคุณหนามได้ไหมครับ ผมไว้ใจคุณหนามมากกว่า”

ช่วงนี้เธอเจอลูกศิษย์แบบนี้บ่อยแล้ว เลยฉีกยิ้มกว้างมากขึ้นหลายเท่าพร้อมหยิบเอกสารที่เตรียมเอาไว้แต่แรกยื่นให้

“กรอกแบบฟอร์มเลยค่ะ”

“ตรงไหนครับ คุณหนามช่วยหน่อยได้ไหมครับ” ลูกศิษย์หนุ่มยังคงเซ้าซี้ไม่เลิกรา ดีที่นัทธ์เดินเข้ามาแทรกกลางคนทั้งคู่

“มาครับ ผมสอนเอง ตรงไหนอ่านไม่ออก กรอกไม่เป็นบอกมะ” กอดคอคนขี้สงสัยไปคุยอีกมุม

พอมีลูกศิษย์หนุ่มคนหนึ่งมาตีซี้จะขอให้นันท์นพินสอนกรอกข้อมูล ลูกศิษย์หนุ่มคนอื่นๆ ก็ทำท่าจะเดินตรงมาให้นันท์นพินสอนกรอกข้อมูลด้วยเช่นกัน นันท์นพินเลยรีบเอ่ยประโยคเด็ดรวบรัดตัดความเสีย

“หนามมีเวลาไม่มาก เรียนจบคลาสแล้ว ใครอยากถ่ายรูปหมู่กับครูพี่หนามเชิญทางนี้นะคะ”

พนักงานในร้านเหมือนรอจังหวะ พอนันท์นพินเอ่ยแบบนั้นก็เตรียมกล้อง นันท์นพินเลือกมุมถ่าย ลูกศิษย์หนุ่มที่ตอนแรกตั้งใจจะกรอกข้อมูลลงเรียนคลาสทำขนมกับทำอาหารของที่ร้านก็วางเอกสาร แย่งกันเพื่อจะได้ยืนข้างๆ นันท์นพิน วุ่นวายกันพักใหญ่

“เดี๋ยวๆ ขออีกรูปครับ เมื่อกี้ผมหลับตา”

“ขอเปลี่ยนที่บ้างสิครับ ใครอยู่ข้างครูพี่หนามก็ขยับออกมาให้คนอื่นเขาถ่ายบ้างสิเฮ้ย!”

มีเสียงโต้เถียงกันเล็กๆ และในช่วงชุลมุนนันท์นพินเลยรีบถ่ายรูป รีบหลบออกจากเรือนสอนทำอาหาร ปล่อยเด็กในร้านเข้าไปช่วยกันเก็บข้าวของ สร้างความวุ่นวายให้คนตามเธอไม่ทัน จากนั้นนัทธ์ก็จะเข้ามาเคลียร์นักเรียนออกจากห้องเรียนที่อยู่ด้านหลังร้านเพียงพอดีบายเรือนคุณนัทธ์

เมื่อนันท์นพินแยกตัวออกมาได้ก็ไปเตรียมของกลับที่พัก เพราะพี่ชายบอกว่ายังไงช่วงนี้ก็ไม่ยอมให้กลับมาค้างที่ร้าน

“คุณหนาม เข้าไปตอบในเพจเรือนคุณนัทธ์ด้วยนะคะ ลูกศิษย์เข้ามาสอบถามเยอะ และคุณนัทธ์อยากให้อัปเดตอะไรบ้างคะ”

ทีมงานในร้านนามพี่แกงไก่เดินเข้ามาพร้อมวางถุงกระดาษดูดีบนโต๊ะและรายงานให้นันท์นพินทราบ

“พี่เขามีคอนเทนต์อะไรน่าสนใจบางล่ะคะ นอกจากทำขนมหลอกเงินนักเรียน ทำไมไม่เปิดโรงเรียนสอนให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย” บ่นพี่ชายพร้อมถอดผ้ากันเปื้อนออกแขวนที่ราว

“คอนเทนต์เดียวค่ะ”

“คือ?”

“ขายหน้าตาค่ะ”

“แรงนะคะพี่แกงไก่”

แกล้งดุอีกฝ่ายไม่จริงจังนัก ทั้งหัวเราะคิชอบใจ มือก็เปิดโน้ตบุ๊กของพี่ชาย ดูความเคลื่อนไหวในเพจเรือนคุณนัทธ์ที่จะอัปเดตเพจสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งตามความพร้อมของนันท์นพิน ในกล่องข้อความมีออร์เดอร์เรียงยาว

“แล้วดูพี่นัทธ์ขายหน้าตาเสียออร์เดอร์ยาวเหยียด ทำกันไหวได้ไงคะ ช่วงนี้ก็ไล่หนามไปค้างที่คอนโด แทบไม่ให้เข้าร้านอีก ไม่รู้อะไรของพี่แก” บ่นขณะลากเก้าอี้มาทิ้งก้นงอนๆ ลงนั่ง และตั้งหน้าตั้งตาจัดเรียงตารางออร์เดอร์มากมาย รวมทั้งรายชื่อคนมาลงคอร์สเรียนทำอาหาร คนจองร้าน จองคิวออกงาน นัดสัมภาษณ์ และอีกสารพัด

“ก็ช่วงนี้คุณพิธีกรรายการครัวคุณต้อยที่คุณหนามเคยไปออกรายการน่ะสิคะมาที่นี่บ่อยมาก มาทีก็อยู่ยาวจนดึกดื่น ตัวเองมาคนเดียวไม่พอ พาเพื่อนดารามาด้วย มาทีก็เสียงดัง บางทีก็เอาแอลกอฮอล์มากินในนี้อีก”

“พี่นัดไม่จัดการเลยล่ะคะ”

“จะว่าอะไรได้ล่ะคะ ก็เขาเป็นดารา เราทำอะไรเขาไปก็เสียชื่อร้าน เลยไล่คุณหนามไปอยู่ที่คอนโดแทนไงคะ”

“ฟังดูเหมือนว่าพี่นัทธ์หวงหนามเลยนะคะ แหมๆ ทุกทีเห็นมีแต่ขายน้อง”

“ที่หวงเพราะกลัวราคาแกตกต่างหาก”

สองสาวที่นินทากันอย่างมันหยดถึงกับสะดุ้ง หันไปมองตามที่มาของเสียง เป็นนัทธ์ยืนกอดอกอยู่ที่ประตูห้องพักส่วนตัว

“ของจะขายได้ราคาดีๆ ต้องรู้จักเล่นตัวกันบ้าง”

“แหม! พี่ชายเรานี่หัวการค้าจริงๆ” ประชดพี่ชายขณะที่มือก็ยังสาละวนอยู่ที่แป้นพิมพ์ ก่อนจะตอบรับออร์เดอร์จัดเรียงวัน ทำออกมาเป็นตารางทำงานให้พี่ชายดูง่ายและเข้าใจ

“ฉันไม่ได้ขายหน้าตาอย่างเดียวไง ตอนนี้กำลังจะขายน้องสาวกินด้วย”

นันท์นพินหลุดขำออกมา พี่ชายคงได้ยินที่เธอคุยกับแกงไก่อย่างไม่ต้องสงสัย สวนกลับเสียเสียวสันหลังวาบทีเดียว แต่มีหรือน้องจะยอม

“แปลว่านี่หนามขายออกแล้วใช่ไหมคะ สบายใจละทีนี้ นึกว่าต้องอยู่ที่เรือนคุณนัทธ์ไปอีกสามสิบสี่สิบปี นี่โล่งใจเลยนะเนี่ย”

“เรื่องหาผัวนี่เร็วเชียวนะสมองเราเนี่ย เอ้านี่” นัทธ์เดินเข้ามาก่อนชะโงกมองในถุงกระดาษ แล้วยกถุงกระดาษที่แกงไก่ถือเข้ามาในตอนแรกให้น้องสาว

“อะไรหรือพี่นัทธ์ อย่าบอกว่ามีคนเอาสินสอดทองหมั้นมาจองตัวหนามแล้ว” ถามอย่างภาคภูมิใจ 

พี่ชายเคาะแรงๆ ที่ศีรษะเล็กของน้องสาว พลางก้มมองตารางงานที่น้องสาวจัดให้ใหม่ “โทรศัพท์ไง อยากได้ไม่ใช่หรือไง ทางรายการครัวคุณต้อยเขาส่งมาให้”

นันท์นพินหันไปมองแกงไก่ครู่หนึ่ง นี่คงเป็นสาเหตุที่เธอต้องไปนอนที่คอนโดแทบจะตลอดสัปดาห์

“หนามมีโทรศัพท์แล้วนะพี่นัทธ์ ส่งคืนเขาไปเถอะ รับมาก็ต้องมานั่งลำบากใจอีก”

“แกเอาตังค์ที่ไหนไปซื้อโทรศัพท์” พี่ชายกดพรินต์งานออกมา แล้วหันมาทำหน้าดุใส่น้องสาว 

นันท์นพินก็ร้อนตัวขึ้นมาทันที ดีที่มีความสามารถในการโกหกเป็นมืออาชีพ

“นี่ใครคะ นี่น้องพี่นัทธ์นะ ทำงานเลือดตาแทบกระเด็นขนาดนี้ ต้องมีเงินเก็บบ้างสิเออ! พี่นัทธ์ใช้งานหนามหนัก หนามก็ใช้เงินพี่หนักๆ เหมือนกันแหละ” น้องสาวบอกพร้อมเอาโทรศัพท์ส่งคืนให้พี่ชาย แล้วเก็บข้าวของใส่กระเป๋า หาทางหนีก่อนถูกจับพิรุธได้

“ทำไมคอนเฟิร์มงานแค่ของฉันกับที่ร้าน แกไม่รับงานสอนเลยนะช่วงนี้ อาทิตย์หน้าแทบไม่รับสอนเลยนิ”

“เรือนคุณนัทธ์ขา...ลูกศิษย์หนามมีแต่ผู้ชาย แถมพักหลังนี่มีแต่พวกแปลกๆ เหมือนไม่อยากมาเรียนทำอาหาร ถามซอกแซกเรื่องของหนาม ถ้าพี่นัทธ์ไม่เปิดโรงเรียนสอนทำอาหาร หนามจะไม่รับสอนเป็นคลาสๆ แบบนี้ แถมเรียนหนักด้วย”

“ไม่สอน ฉันไม่ให้เงินนะ”

“งั้นหนามจะหาสามีรว...ย”

พูดยังไม่ทันจบด้วยซ้ำก็รีบกระโจนหลบเมื่อพี่ชายคว้าของใกล้มือเตรียมปาใส่ โทษฐานที่น้องกวน

“พี่นัทธ์ นี่น้องนะ”

“น้องนี่แหละตีถนัดมือหน่อย” ทำท่าหันรีหันขวาง เท่านั้นนันท์นพินก็หิ้วข้าวของออกจากห้องพร้อมตะโกนบอกพี่ชาย “โอนให้ตรงเวลาด้วยนะพี่นัทธ์ ไม่งั้นเตรียมเจอหน้าน้องเขยเลย”

“ฉันส่งให้แกไปเรียน ไม่ได้ให้ไปหาผัว”

นัทธ์ออกมาเกาะระเบียงตะโกนบอกน้องสาวที่ตอนนี้วิ่งลงไปยืนข้างรถที่ลูกน้องทางร้านเตรียมไปส่ง รายนั้นกระโดดเหยงๆ โบกมือตอบมา

ทางด้านนันท์นพินพอขึ้นรถได้ก็รีบเช็กข้อความในโทรศัพท์ เห็นทีปกรส่งไลน์มาบอกให้ถ่ายรูปว่าทำอะไรอยู่ไปให้

‘คนนี้ก็อีกคน เกิดอยากมาเป็นผู้ปกครองเรา ทำอะไรอยู่ที่ไหน เช็กเก่งกว่าพี่นัทธ์เสียอีก’

คิดแล้วก็รีบพิมพ์ข้อความตอบกลับ

Ruenkunnam : หนามถ่ายรูปส่งให้คุณทีปเยอะแล้ว คุณส่งมาบ้างสิ

ส่งแล้วก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ไม่นานโทรศัพท์ก็สั่นแจ้งเตือนอยู่ในกระเป๋าเลยดึงออกมาเช็ก เห็นเป็นข้อความของทีปกร พอกดดูเท่านั้นละแทบกรีดร้อง รูปหนุ่มหล่อทำตาเซ็กซี่จ้องมองตรงมาที่กล้อง ด้านหลังเห็นเป็นเพียงพนักเก้าอี้และจอแสดงแผนภูมิสักอะไรอย่าง

Thee_pak : ติดประชุมยาว ไหนล่ะรูปคุณ

อีตานี่เป็นโรคคลั่งรูปหรือไง แม้จะบ่นแบบนั้น แต่สุดท้ายนันท์นพินก็เลือกรูปที่เพิ่งถ่ายก่อนเข้าคลาสสอนเมื่อช่วงหัวค่ำในชุดเชฟ มีผ้ากันเปื้อน สวมหมวกขาว ส่งไปให้เขา

Ruenkunnam : วันนี้หนามมาเป็นเชฟ ตอนนี้เลิกงานแล้ว เลยถูกพี่ชายเฉดหัวส่งกลับคอนโด

Thee_pak : ทำไม

Ruenkunnam : มีหนุ่มมาจีบที่เรือนเยอะ พี่นัทธ์เลยให้ค้างที่คอนโด คนสวยก็งี้

ทีปกรไม่ได้ตอบอะไรมาอีก คนสวยเลยขาดความมั่นใจ

ที่ไม่ตอบนี่แปลว่าไม่เห็นด้วยในความสวยของเธองั้นสิ

พอคนรถส่งเธอถึงคอนโด หญิงสาวก็ตรงขึ้นห้องอาบน้ำ และนั่งอ่านหนังสือก่อนจะหลับไป

จากที่หลับซบอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือก็ลากตัวเองมานอนบนเตียง ไม่ทราบว่านานแค่ไหน จนมีเสียงโทรศัพท์ดังมา ตอนแรกนันท์นพินคิดว่าเป็นเสียงนาฬิกาปลุก กำลังจะลุกเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเตรียมไปเรียนอยู่แล้ว ดีที่หยิบโทรศัพท์มาดูเวลาเสียก่อน

“ตีสอง นึกว่าเช้าแล้วเสียอีก” บ่นงึมงำพร้อมกอดผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมเอาไว้ตอนที่กดรับสายและซุกหัวลงกับหมอนหนุนอย่างง่วงงุน

“ค่ะ”

“เดี๋ยวอีกสามสิบนาทีผมไปถึงห้อง หาอะไรให้กินหน่อยนะ”

“ค่ะ”

ไม่ได้ถามว่าใครหรืออะไร วางสายได้ก็ขดตัวซุกเข้าผ้าห่ม หลับลึกไปอีกรอบ ทั้งที่มือกอดผ้าเช็ดตัวและเสื้อคลุมอยู่แบบนั้น กระทั่งได้ยินเสียงปลดล็อกประตู เสียงเปิดปิด คนหลับก็เพียงพลิกกายนอนหงาย อยากลืมตา แต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะลืมตาได้ เลยซุกหน้าเข้ากับหมอนไปอีกรอบ

ไม่นานกลอนประตูห้องนอนตนเองก็ขยับ ประตูเปิดออก มีเสียงก้าวเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียง แต่นันท์นพินคิดว่าตนเองฝัน

“คนสวยเขานอนกันแบบนี้หรือ”

ทีปกรเอ่ยขรึมๆ ไออุ่นจากลมหายใจหนุ่มรินรดแก้มใสปลุกนันท์นพินให้หรี่ตามองข้างหนึ่ง ในคราวแรกเธอเห็นเพียงเงาตะคุ่มๆ ต่อมาก็เห็นฟันสีขาวเรียงสวย แล้วค่อยเห็นชัดว่าน่าจะเป็นทีปกร

“คิดถึงมากจนฝันเลยหรือเนี่ย” บ่นงึมงำ เอื้อมมือออกไปคว้าท่อนแขนแกร่งกำยำได้ก็ดึงมากอด ทำเอาร่างโตที่โน้มกายอยู่เหนือเตียงเสียหลัก ทิ้งน้ำหนักลงทาบทับคนตัวเล็ก

ทีปกรยกยิ้มเมื่ออีกคนซุกกายเข้าอกอุ่น สองมือก็รัดแขนเขาแนบอกจนสัมผัสความนุ่มนิ่มของสองก้อนกลม

“คุณจะนอนโดยไม่อาบน้ำก็ได้ แต่ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ นั่งอยู่ในห้องประชุมทั้งวัน อยากเอาตัวแช่น้ำเต็มแก่แล้ว”

“นั่นแน่! เสียงชัดเสมือนจริง”

คนหลับยังเอ่ยงึมงำเพราะฝันดีๆ ของตนเอง มือก็เริ่มไต่สะเปะสะปะไปตามหน้าอก หัวไหล่ แล้วก็เป็นหน้าเขา ดวงตาคู่สวยที่หลับพริ้มเบิกโตเมื่อรู้สึกว่าฝันของตนเองไม่ได้มาแต่ภาพ สัมผัสก็ชัดแสนชัด ดวงหน้าหวานเงยขึ้นมองคนที่ตนดึงมากอดบนเตียงอย่างตกใจ พอรับรู้ว่าทีปกรตรงหน้าเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่ตัวแสดงแทน ไม่ใช่สตันต์ก็ถึงกับผวาออกห่าง

“คุณทีป!”

“ก็ผมน่ะสิ หรือคิดว่าเป็นใคร”

ทีปกรขยับกายขึ้นพิงพนักเตียง ทอดสายตามองคนที่ลนลานลุกขึ้นไปเปิดไฟ และยืนกุมมือยุกยิกอยู่ห่างจากเขา

“คุณมาได้ไง แล้วเข้ามายังไง หนามนึกว่าตัวเองคิดถึงคุณมากจนเก็บเอามาฝัน”

ชายหนุ่มยกคิ้วล้อเลียน แต่ดูเหมือนว่าคนเพิ่งตื่นไม่รู้ว่าตัวเองหลุดปากพูดว่าคิดถึงเขาถึงสองครั้งแล้ว ทำเอาหัวใจทีปกรอุ่นซ่านแปลกๆ

“ก็ผมเอาคีย์การ์ดไปตั้งแต่วันนั้นไง บอกคุณแล้ว”

“ค่ะ” นันท์นพินเพิ่งจำได้ เพราะตนเองไปเอาคีย์การ์ดของพี่ชายมาใช้แทน ก็ไม่คิดว่าเขาจะบุกมาถึงห้องแบบนี้

“แล้วนี่เคล็ดลับความสวยของคุณคือไม่ต้องอาบน้ำ?” หยิบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อคลุมที่วางกองอยู่บนเตียงขึ้นมา 

นันท์นพินรีบเข้าไปแย่งมากอดไว้ ขัดเขินจนวางหน้าไม่ถูก ลืมสภาพเพิ่งตื่นของตนเองไปจนสิ้น ผมก็ยุ่ง หน้าก็ยับ ใต้เสื้อยืดตัวโตนั่นไม่มีบราเซียร์ กางเกงก็สั้นมาก

ทุกอย่างไม่ใช่ปัญหาของทีปกรเลย เพราะนันท์นพินน่ากิน เอ๊ย! น่ามองมาก

“หนามได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็นึกว่าเช้าแล้ว เลยเตรียมอาบน้ำ สงสัยตอนคุณทีปโทร. มาหนามนึกว่าฝันไปเสียอีก”

“ผมเลยไม่มีอะไรกินงั้นสิ”

“แต่นี่ดึกแล้วนะคะ”

“ผมยังไม่ได้กินอะไรทั้งวัน ประชุมยาวตั้งแต่เช้า กินแต่ของว่าง ผมว่าในท้องผมคงมีน้ำอยู่สักเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้”

ทีปกรก้าวลงจากเตียง เดินมาหยุดตรงหน้าเจ้าของห้องที่ลนลานทำอะไรไม่ถูก ก่อนชายหนุ่มจะเอื้อมมือมาแย่งเอาผ้าเช็ดตัวในมือเธอไป

“เตรียมเสื้อผ้าและอาหารให้ผมด้วย เดี๋ยวขออาบน้ำก่อน อ้อ แปรงสีฟันด้วยนะ ถึงผมจะเคยถูกคุณจูบมาแล้ว แต่อย่างน้อยก็ขอแยกแปรงก่อน เมื่อลึกซึ้งกันแล้วค่อยว่ากันอีกที หรือจนกว่าคุณจะหัดอาบน้ำอาบท่าให้สะอาดสะอ้าน”

‘คนบ้าๆ’ นันท์นพินทั้งก่นด่าทั้งอยากกระทืบเท้าใส่เขานัก เรื่องผ่านมาตั้งหลายวันยังรื้อฟื้นขึ้นมาพูดอยู่นั่นละ กระนั้นสุดท้ายที่นันท์นพินทำได้คือเดินไปค้นหาแปรงสีฟันอันใหม่ให้เขา

“อาหาร หนามโทร. สั่งได้ไหมคะ หนามไม่อยากเข้าครัว” แม้จะเป็นครูสอนทำอาหาร ทั้งสอนทำขนม แต่ชีวิตจริงๆ ก็ไม่อยากจะเข้าครัวตลอดเวลา

“ไปทำเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นเห็นทีเราต้องคุยกันเรื่องคุกคามทางเพศที่คุณทำกับผมอย่างจริงจังเสียที เอ๊ะ! เมื่อกี้คุณเพิ่งลวนลามผมโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว”

“ค่ะๆ หนามจะไปทำตอนนี้เลย คุณทีปใจเย็นๆ นะคะ เชิญอาบน้ำให้สบายใจ”

ผายมือเชิญอีกคนเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็ชักสงสัยว่าทำไมเขาต้องมาอาบน้ำที่คอนโดเธอด้วย ดึกขนาดนี้ก็ควรกลับคฤหาสน์ของเขาไหม คิดอย่างไม่พอใจ แต่ก็ต้องเข้าไปค้นหาชุดของนัทธ์ที่ห้องข้างๆ เอามาเตรียมให้เขา แล้วเข้าไปในครัว ดูว่ามีอะไรที่กินได้บ้าง

“ขอโทษทีนะคะพี่นัทธ์ที่หนามไม่รักษาจรรยาบรรณแม่ครัวเรือนคุณนัทธ์”

นันท์นพินมองอาหารที่เรียงเต็มโต๊ะ เธอชอบเอาอาหารจากที่เรือนคุณนัทธ์มา แล้วแบ่งใส่ถุงแช่แข็งเอาไว้ เป็นการถนอมอาหารที่เก็บไว้ได้นานสุดและเหมาะกับคนขี้เกียจเข้าครัวอย่างเธอ เพราะแค่เอาออกมาละลายน้ำแข็ง จะอุ่นด้วยเตาหรือไมโครเวฟก็สะดวกที่สุด

เสียงเปิดปิดประตูห้องดังขึ้น นันท์นพินก็รีบตักข้าวร้อนๆ ใส่จานยกมาวางที่โต๊ะอาหาร เห็นเจ้าของร่างสูงที่อยู่ในชุดเสื้อยืดของพี่ชายแล้วดูดีมีสง่าราศีกว่าพี่ชายหลายเท่าตัว

“ผมอาบน้ำแค่ไม่กี่นาที คุณทำอาหารได้หลายจานเลยหรือ”

ทีปกรชะโงกหน้ามองอาหารอย่างจับผิด เท่านั้นนันท์นพินก็ร้อนตัว ส่งยิ้มแห้งๆ ไปก่อนเป็นด่านแรก

“หนามเจียวไข่เจียวผักสดอย่างเดียวค่ะ นอกจากนั้นเป็นของแช่แข็งจากร้านเรือนคุณนัทธ์ทั้งนั้นค่ะ”

ก็นี่เวลาไหนแล้วล่ะ ใครจะมานั่งลงครัวเป็นกุลสตรีศรีสยามอยู่เล่า ตาเธอก็แทบปิดอยู่รอมร่อแล้ว 

ทีปกรหยิบจานไข่เจียวที่มิกซ์รวมกับผัก หยิบช้อนแล้วเดินไปทิ้งกายนั่งหน้าทีวี และเอื้อมมือหยิบรีโมตมากดเปิดทีวี

“ซอสมะเขือเทศด้วยครับ ขอบคุณ”

ก็รวบรัดตัดความขนาดนั้นแล้ว นันท์นพินเลยจำต้องเดินเข้าครัวไปเอาซอสให้เขา แล้วมองอาหารที่ตนเปลืองพลังงานในการเอาออกมาอุ่น

“แล้วอาหารบนโต๊ะล่ะคะ”

“ผมไม่ชอบอาหารแช่แข็ง”

ก็แปลว่าเธอต้องเก็บงั้นสิ ช่างเป็นนายท่าน ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าเจ้ากรรมนายเวรของเธอจริงๆ อยากได้อะไรสั่งมาได้เลยครับท่าน ดีครับผม เหมาะสมครับท่านจริงๆ

ประชดหน้างอง้ำแล้วต้องเก็บอาหารที่เพิ่งอุ่นกลับไป แล้วเช็ดโต๊ะ ก่อนจะมานั่งรอให้นายท่านของเธอกินให้เสร็จ จะได้ล้างจานในคราวเดียวกัน

“ผมไม่ชอบแคร์รอต คราวหลังไม่ต้องใส่มานะ”

“คุณเป็นเด็กหรือไงคะ ไม่ชอบก็เขี่ยออกสิ” ดุเขาทั้งทำท่าจะตาปรือลงอีกครั้ง มองอะไรพร่ามัวเพราะว่าเหนื่อยและง่วงมาก เรียนหนัก พี่นัทธ์เคี่ยวกรำในครัว แล้วสอนนักเรียนในคลาสอีก พลังงานเธอถูกรีดเค้นไปจนหมดสิ้นแล้วเวลานี้ ที่อยู่ตรงนี้ได้มีแต่กายหยาบทั้งสิ้น

“ถามจริง คุณเป็นแม่ครัวที่สอนคนทำอาหารจริงสิ ทำอะไรเป็นแค่นี้”

“ก็มันดึกแล้วนิคะ หนามง่วง แล้วอีกอย่างในครัวก็ไม่มีอะไรด้วย”

จากนั้นทีปกรก็ก้มหน้าก้มตาจัดการไข่เจียวใส่ผักจนหมด แม้แคร์รอตที่บอกว่าไม่ชอบก็ไม่มีเหลือให้ทิ้ง 

นันท์นพินล้างจานในตอนที่ทีปกรเปิดตู้เย็นหาเบียร์ที่ซื้อมาตุนตั้งแต่คราวนั้น

“แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้แอบกินเบียร์ของผม”

“หนามคงอยากกินหรอกค่ะ อร่อยก็ไม่อร่อย แถมกินแล้วเมา แล้วที่เหลือในตู้นั่นก็จัดการให้หมดด้วย พี่นัทธ์มาเห็นเข้า หนามถูกดุพอดี”

นันท์นพินคิดว่ายังโชคดีอยู่มากที่ช่วงนี้พี่นัทธ์ของเธอไม่เข้ามาที่คอนโดเพราะงานเยอะ แค่ออร์เดอร์ที่รับทำนั้นก็ยาวจนเธอจัดตารางให้แทบไม่ไหว ไหนจะดูแลร้านและรับสอนอีก

“ทำไม หรือคุณกลัวเมาแล้วมาปล้ำจูบผมอีก”

เสียงทุ้มดังอยู่ข้างใบหูพร้อมร่างโตๆ ของคนพูดมาหยุดยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ทำเอาจานในมือแทบร่วง หันมามองเขา จะถอยก็ไม่ได้ จะขยับก็ถูกเขากักเอาไว้หน้าอ่างล้างจาน

“ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนั้น เพราะผมจะรักษาตัวให้ดีทุกครั้งที่คุณดื่ม”

ยิ้มเยาะท่าทีแตกตื่นของคนตัวเล็ก ซึ่งดูยังไงก็ยังเด็ก หยอกนิดหยอกหน่อยก็ตัวสั่นไปเสียหมด แบบนี้จะคิดถึงเรื่องแต่งงานเขาหอได้ยังไง

คิดแล้วทีปกรก็เดินมาทิ้งกายนั่งหน้าทีวี ส่ายหัวแรงๆ

‘อย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่นเลย’ ไม่ใช่งูที่ไหน งูของเขาเนี่ยที่ตื่นบ่อยจัง เพียงเจอหน้าใสๆ ก็แข็งขึงเต็มหน้าขาเสียแบบนี้

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น