๕
อะไรก็ยอม
สรุปว่าคืนนี้ทั้งแดนเหนือและเกื้อกูลได้รับอนุญาตให้ค้างคืนที่บ้านของเพียงรักได้ แน่นอนว่าคนที่ดีใจที่สุดไม่พ้นที่จะเป็นแดนเหนือ แม้จะพยายามเม้มปากเพื่อซ่อนรอยยิ้มสมใจไว้มากเพียงใด ก็ไม่อาจซ่อนประกายวิบวับในดวงตาของเขาจากเพียงรักไปได้
ทว่าแม้จะยินดี ก็ยังมิวายมีเรื่องให้แดนเหนือหงุดหงิดใจในตอนท้าย เมื่อเขาพบว่าต้องนอนห้องของเกื้อกูล ทำให้แดนเหนือฉุกคิดและอดที่จะถามตัวเองไม่ได้ว่าเกื้อกูลต้องมาค้างที่นี่บ่อยแค่ไหน เพียงรักถึงได้จัดห้องให้เกื้อกูลโดยเฉพาะ
หลังเข้าไปเห็นห้องของน้องชายแดนเหนือก็ยิ่งขมวดคิ้วมากกว่าเดิม เพราะข้าวของเครื่องใช้กระทั่งเสื้อผ้าในตู้ก็ยังเต็มไปด้วยของของเกื้อกูล ทำให้คิดเป็นอื่นไม่ได้เลยว่าแท้จริงแล้วเกื้อกูลอาศัยอยู่ที่นี่เป็นหลักมาตลอด ไม่ใช่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัยที่ครอบครัวซื้อไว้ให้
“นี่แกอยู่นี่มานานเท่าไหร่แล้ววะเกื้อ ขนาดมีห้องของตัวเองในบ้านเพียงได้” แดนเหนือถามหลังจากสำรวจข้าวของในห้องนอนของน้องชายเรียบร้อยแล้ว
“ก็ตั้งแต่ที่พี่เพียงย้ายกลับมาอะเฮีย ผมอาบน้ำก่อนนะเฮีย” เกื้อกูลตอบอย่างพาซื่อ ไม่ได้ฉุกใจคิดว่าคำตอบของเขาจะทำให้แดนเหนือไม่พอใจ เพราะตอนนี้เกื้อกูลมีแค่เรื่องอาหารเย็นที่พี่จิ๊บกำลังเตรียมให้เขาอยู่ในหัว จึงบอกตัวเองให้รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จะได้รีบออกไปกินอาหารมื้อดึกที่รอคอยเขาอยู่
“เออ”
แดนเหนือพยักหน้ารับแล้วไม่เอ่ยอะไรต่อ เขาไม่พอใจที่เกื้อกูลมีห้องส่วนตัวในบ้านของเพียงรักแล้วอย่างไร เขามีสิทธิ์อะไรไปโวยวายหรือเรียกร้องอะไรด้วยหรือ ทางที่ดีที่สุดคือต้องข่มความไม่พอใจแล้วรีบหาทางปรับความเข้าใจกับเพียงรักให้เร็วที่สุด
ที่สำคัญรฉัตรก็เริ่มสงสัยว่าเขาคิดไม่ซื่อกับเพียงรักแล้ว...หากเด็กหญิงไม่ชอบใจเรื่องนี้ แล้วดึงพี่ชายอย่างดวินมาเป็นแนวร่วมในการต่อต้านเขาหรือคิดกำจัดเขาออกไป แดนเหนือคงลำบากกว่านี้แน่ ดังนั้นต้องลงมือให้เร็ว!
ชายหนุ่มฟุ้งซ่านกับตัวเองได้เพียงไม่กี่นาที เขาก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้แดนเหนือต้องรีบวางปัญหาทั้งหลายแหล่ของตัวเองลงแล้วรีบเดินไปเปิดประตู ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่อีกฟากของบานประตูคือแม่บ้านของเพียงรัก และเป็นพี่เลี้ยงของเด็กๆ ด้วย
“คุณเพียงให้เอาผ้าเช็ดตัวกับแปรงสีฟันใหม่มาให้ค่ะคุณเหนือ” เสียงของจิ๊บมีแววไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นคำสั่งของเจ้านาย เธอจึงไล่แดนเหนือไปอย่างที่ใจต้องการไม่ได้ “เสื้อผ้าคงต้องใช้ของคุณเกื้อไปก่อนนะคะ อาหารเกือบจะเสร็จแล้ว รีบออกมาก่อนที่มันจะเย็นนะคะ”
“ขอบคุณครับ” แดนเหนือกะพริบตาปริบๆ ฟังทุกคำพูดของพี่จิ๊บแล้วพยายามจดจำให้ได้ทุกคำพูด แต่สุดท้ายเขาก็จำได้เพียงว่าหลังจากอาบน้ำต้องรีบไปกินอาหารเย็น ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เด็กๆ เข้านอนแล้วหรือครับพี่จิ๊บ”
“ค่ะ” พี่เลี้ยงของสองแฝดตอบอย่างขอไปที เมื่อแดนเหนือยังจ้องหน้าเธอด้วยสายตาคาดหวัง จิ๊บจึงต้องอธิบายเพิ่มอย่างเสียมิได้ “ปกติน้องฉัตรกับน้องวินเข้านอนกันตั้งแต่หัวค่ำ แต่วันนี้ได้อยู่เล่นดึกเป็นพิเศษ ตอนนี้คุณเพียงคงกล่อมอยู่ค่ะ”
“โอเคครับ” แดนเหนือพยักหน้ารับแล้วเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง เวลาสามทุ่มนั้นยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าดึกในความคิดของแดนเหนือ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงเพิ่งถึงคลับสักคลับหนึ่งในย่านทองหล่อ และคงยังดื่มไปได้ไม่เท่าไหร่เอง
ทว่าพอได้รู้ว่าเวลานี้เพียงรักกำลังกล่อมลูกเข้านอน หัวใจของแดนเหนือก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมานิดๆ พานให้คิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทำอะไรกันอยู่ เสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่าไหร่ ระหว่างที่เพียงรักใช้เวลาของเธออยู่กับลูกๆ หากเขารู้เร็วกว่านี้ คงจะมีโอกาสส่งลูกเข้านอนบ้าง และคงจะได้ต่อของเล่นกับพวกแกอีกหลายๆ ชิ้น...
“ทำอะไรอยู่เหรอเฮีย”
เกื้อกูลที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันตัวตะโกนถามพี่ชาย แดนเหนือที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูจึงรู้สึกตัว หันขวับกลับมาหาเกื้อกูลที่กำลังเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เพื่อหาชุดนอนให้ตัวเอง
“ไม่มีอะไร พี่จิ๊บเอาผ้าขนหนูกับแปรงสีฟันใหม่มาให้” แดนเหนือตอบน้องชาย เป็นครั้งแรกตั้งแต่แดนเหนือจำความได้เลยว่า พวกเขาคุยกันดีๆ ได้โดยไม่กวนประสาทกัน “เขาบอกให้ใช้ชุดนอนแกไปก่อน”
มือที่กำลังค้นหาชุดนอนให้ตัวเองหยุดชะงัก ก่อนที่เกื้อกูลจะเหลือบมองหน้าพี่ชาย เม้มปากแน่นด้วยความไม่พอใจ เขาไม่ใช่พวกที่ชอบใช้ข้าวของร่วมกับใคร แม้คนคนนั้นจะเป็นพี่ชายก็ตาม แต่ตอนนี้คงไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะหากเขามีปัญหา เพียงรักคงเล่นงานพวกเขาทั้งพี่ทั้งน้อง
เกื้อกูลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเอ่ยออกไป “เฮียจะใส่ตัวไหนก็หาเอาเองแล้วกัน”
“เออ” แดนเหนือพยักหน้ารับรู้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ใช้เวลาไม่นานร่างสูงก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูพันท่อนล่างไม่ต่างจากเกื้อกูล หยดน้ำยังเกาะอยู่บนผิวขาวๆ ของแดนเหนือระหว่างที่เขาเดินไปหาเสื้อผ้าให้ตัวเอง พอเปิดประตูตู้เสื้อผ้า คิ้วหนาของแดนเหนือก็เลิกสูงด้วยความแปลกใจอีกหน หลังเห็นจำนวนเสื้อผ้ามากมายของเกื้อกูล ทำให้เขาอดที่จะขบกรามด้วยความหงุดหงิดไม่ได้
สรุปว่าที่ผ่านมาเขาพลาดไปหลายอย่างจริงๆ ไม่อย่างนั้นเกื้อกูลคงไม่ทำคะแนนรุดหน้าเขาได้ขนาดนี้
พลันแดนเหนือก็รู้สึกเหน็ดเหนื่อยขึ้นมาอีกครั้ง รู้ตัวว่าเขาทำพลาดไปครั้งแล้วครั้งเล่า สมกับที่เพียงรักคิดว่าเขาหน้าโง่จริงๆ
แต่เขาจะไม่ยอมพลาดอีกแล้ว หลังจากนี้เขาจะไม่มีทางยอมให้ใครหรืออะไรก็ตามมาทำให้เขาไขว้เขวได้อีก ณ ตอนนี้เขารู้ดีแล้วว่าอะไรสำคัญกับเขาที่สุด และเขาจะทำทุกอย่างให้ได้มันมา แม้จะต้องแลกกับอะไรก็ตาม...เขาจะทำ
แดนเหนือบอกเงาที่อยู่ในกระจก ตาคมจ้องตอบกันอย่างแน่วแน่หลังตัดสินใจได้ ชายหนุ่มเช็ดผมของตัวเองลวกๆแล้วรีบเดินออกมาจากห้องนอนของเกื้อกูล ด้วยเกรงว่าหากออกมาช้าเขาจะพลาดอะไรไปอีก
อย่างแรกที่แดนเหนือได้ยินก็คือ น้ำเสียงเป็นห่วงและกังวลของเพียงรักที่กำลังถามไถ่เรื่อง ‘เพื่อน’ ของเกื้อกูล เท่านั้นแดนเหนือก็เนื้อเต้น การที่จะได้กินข้าวพร้อมเพียงรักในรอบหลายปีทำให้เขาทั้งตื่นเต้นและดีใจ
“คุณเหนือมาแล้วค่ะ” พี่จิ๊บเป็นคนแรกที่สังเกตที่การมาของแดนเหนือ พูดแล้วก็หันไปคดข้าวจากในหม้อใส่จานมาวางข้างเกื้อกูล ทำให้แดนเหนือจำต้องนั่งคนละฟากโต๊ะกับเพียงรัก แม้ว่าเขาตั้งใจจะนั่งที่เก้าอี้ว่างข้างเพียงรักก็ตาม
“คุยอะไรกันอยู่หรือ ทำไมเครียดจัง” แดนเหนือพยายามซ่อนความเสียดายของตนเองไว้ด้วยการเอ่ยถาม แม้เขาจะไม่ได้อยากรู้เรื่องของเพื่อนคนที่ว่าของเกื้อกูลแม้แต่นิด
“เฮียไม่ต้องรู้หรอก”
เกื้อกูลหน้าตูม นั่นยิ่งทำให้แดนเหนือขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เหลือบมองเพียงรักเพื่อขอความเห็น แต่หญิงสาวกลับทำเพียงสั่นศีรษะเบาๆ เชิงบอกให้เขาปล่อยเรื่องนี้ไปเสีย เพราะเธอเองก็ไม่มีทางบอกเขา หากเกื้อกูลไม่ยินยอม
“เป็นความลับขนาดนั้นเลยหรือ” คำถามนี้แดนเหนือถามเพียงรัก เริ่มเอะใจว่าเรื่องของเพื่อนคนนี้คงไม่ธรรมดา เกื้อกูลและเพียงรักถึงกังวลกันขนาดนี้
“ไม่ใช่ความลับหรอก” เพียงรักถอนหายใจ ลอบมองหน้าของเกื้อกูลที่บูดบึ้งยิ่งกว่าเดิมด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ “แต่รู้ไปก็ทำอะไรไม่ได้...เพราะคนที่ทำได้ เขาไม่กล้าทำ”
“พี่เพียง!” เกื้อกูลหันขวับ ถลึงตามองเพียงรักอย่างคาดโทษหลังจากโดนหญิงสาวพูดจี้ใจดำ “ผมก็ทำเท่าที่ทำได้แล้วไงเล่า...”
“พูดให้มันดีๆ หน่อยไอ้เกื้อ” แดนเหนือขัดหูกับน้ำเสียงของน้องชายที่ใช้กับเพียงรัก “อย่ามาชักสีหน้าใส่เพียง อยู่บ้านเขาแล้วยังมาทำตัวอย่างนี้อีกนะแก”
“เฮียเข้าข้างพี่เพียงอะ” เกื้อกูลตัดพ้อก่อนจะจ้วงข้าวคำใหญ่เข้าปาก
จิ๊บเอาจานผลไม้ซึ่งคว้านเมล็ดเรียบร้อยแล้วมาวางบนโต๊ะ ขณะเอ่ยปรามสงครามระหว่างพี่น้องจนแดนเหนือต้องรีบหุบปาก
“อย่าว่าคุณเกื้อเลยค่ะ วันนี้ดึกแล้ว...คุณเกื้อคงจะเหนื่อยเฉยๆ”
“พี่จิ๊บก็เข้าข้างเกื้อทุกที” เพียงรักทำปากยื่น มองหน้าพี่เลี้ยงของลูกเธอซึ่งตอนนี้ทำท่าว่าจะถือหางเกื้อกูลมากกว่าเสียอย่างนั้น “อีกเดี๋ยวเราก็ต้องมานั่งปลอบใจเขาอีก ตอนที่คนนั้นกลับไปคืนดีกับแฟนของเขา”
“พี่เพียงทำไมต้องซ้ำเติมผมด้วย” เกื้อกูลแทบน้ำตาร่วง เรียกได้ว่าอีกนิดคงต้องกินข้าวคลุกน้ำตา ก่อนจะเหลือบมองหน้าเพียงรักสลับกับแดนเหนือด้วยสายตาตัดพ้อ “ก็มันตัดใจไม่ได้จะให้ผมทำไง...จะบอกให้เขาเลิกกับแฟนมาหาผมงี้เหรอ ไม่เอาหรอก”
“แล้วทรมานตัวเองแบบนี้มีความสุขหรือไง” เพียงรักถอนหายใจ เธอได้ยินเรื่องเพื่อนคนนี้ของเกื้อกูลมานาน “ชอบนักหรือ เป็นที่ปรึกษาให้ใจตัวเองพังเนี่ย”
“ไม่ชอบแล้วจะทำไงได้ล่ะพี่” เกื้อกูลหมดความอยากอาหารแล้ว ตอนนี้เขาจุกไปทั้งอกเมื่อคิดตามคำพูดของเพียงรัก ซึ่งเป็นสิ่งที่เกื้อกูลรู้อยู่แล้ว แต่เลือกที่จะมองข้ามมาตลอด
“ไม่เลิกรักเขาล่ะ” เพียงรักแนะทางออก หากเธอเป็นเกื้อกูล การหักใจเลิกรักคนที่ทำร้ายหัวใจตัวเองคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“มันเลิกรักกันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก”
คราวนี้เป็นแดนเหนือที่แทรกขึ้นมา ทำให้เพียงรักต้องดึงสายตาจากเกื้อกูลมาจ้องแดนเหนือด้วยแววตาคมกริบจนแดนเหนือต้องเป็นฝ่ายหลบตาก่อน
“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้มแข็งแบบเพียงนะ”
“ก็จริงแหละ” เพียงรักถอนหายใจ รู้สึกว่าแดนเหนือไม่ได้กำลังพูดเรื่องเกื้อกูลแต่อย่างใด “แต่คนเราเจ็บไปเรื่อยๆ วันหนึ่งมันก็ต้องหยุดนะ จะทรมานตัวเองไปทำไม จะหวังให้เขาหันมาเห็นความดีเราสักวันหนึ่งเหรอ คนไม่รักก็คือไม่รักนั่นแหละ เราทำดีให้เขาแค่ไหนก็จะบอกว่าขอบคุณ แต่เขาก็ไม่รักเราอยู่ดี”
เกื้อกูลเจ็บเจียนกระอักเลือดเพราะคำพูดของเพียงรัก ขณะที่แดนเหนืออยากจะแย้งว่าเขาไม่เคยไม่รักเพียงรัก
เขารักเธอคนเดียว รักมาตลอด ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้น หากเพียงรักมองไม่ออกคนที่โง่ก็ไม่น่าจะมีแค่เขาแล้ว!
“พี่เพียง...ใจผมก็มีเท่านี้ไหม ไม่ต้องพูดแรงขนาดนี้ก็ได้”
“เกื้อ...” เพียงรักสูดลมหายใจ ละสายตาจากหน้าของแดนเหนือกลับไปจ้องตากับเกื้อกูล เธอเห็นใจและสงสารเขา แต่เมื่อรับรู้เรื่องความซับซ้อนที่เกิดขึ้นมาพักใหญ่ เพียงรักก็โทษฝ่ายนั้นฝ่ายเดียวไม่ได้ ส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องมันอีนุงตุงนังขนาดนี้ก็เพราะเกื้อกูลยอมให้เพื่อนของเขาทำทุกอย่างได้ตามใจ
“เอาจริงๆ เลยนะ เราคิดว่าที่เขาเห็นเราเป็นของตายได้แบบนี้เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะเรายอมเขาทุกอย่างมาเหรอ”
“ก็ไอ้เกื้อมันรักเขา” แดนเหนือที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องราวแทรกขึ้นมา พยายามพูดให้เพียงรักเข้าใจมุมของเกื้อกูลบ้าง “คนมันรัก มันจะทำอะไรได้ล่ะเพียง ก็ทำได้แค่ยอมเขานั่นแหละ”
“จริงครับเฮีย...”
“เพราะอย่างนั้นไง เขาเลยไม่เลือกเกื้อ” ตอนนี้เพียงรักเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้วจริง “เขาก็คงคิดแบบเกื้อนั่นแหละถึงได้กลับไปหาแฟนเขาอยู่เรื่อย เกื้อก็เป็นได้แค่ตัวสำรองของเขา เขาจะมาหาก็ตอนที่เขาทะเลาะกับแฟนเท่านั้น”
“เพียงจะให้ไอ้เกื้อมันตัดใจในวันสองวันเลยไม่ได้หรอก ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนเพียงนะ” แดนเหนือขมวดคิ้ว เพียงรักคิดว่าการตัดใจจากคนที่รักมันง่ายดายถึงเพียงนั้นเลยหรือ ถ้ามันทำได้ง่ายขนาดนั้น เขาเองก็คงไม่รักเธอมาจนถึงวันนี้หรอก
“อย่างนั้นก็คงกินข้าวคลุกน้ำตาไปจนตายนั่นแหละ”
เพียงรักโต้แดนเหนือกลับไปอย่างเผ็ดร้อน มาถึงตอนนี้เธอและแดนเหนือต่างรู้ดีว่า ทั้งคู่ไม่ได้โต้เถียงกันเรื่องของเกื้อกูล แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่คาราคาซังอยู่ของพวกเธอต่างหาก
“ถ้าไม่ตัดใจ ก็ต้องเจ็บไปเรื่อยๆ แบบนั้นแหละ เพราะถ้าเขารักเราก็คงเลือกเราไปตั้งนานแล้ว ไม่กั๊กเราไว้เป็นตัวสำรองมาจนป่านนี้หรอก”
“แต่ว่า...”
“จะบอกว่ารักเขาหรือ รักแล้วมันยังไงล่ะ”
เพียงรักไม่รอให้แดนเหนือได้แย้งอะไรอีก เธอยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบและจริงจัง บอกถึงความเด็ดเดี่ยวชนิดที่แดนเหนือต้องเม้มปากแน่นเพื่อสะกดอารมณ์
“ก็รู้นี่ว่ามีแค่ความรักอย่างเดียวมันไปกันไม่รอด มันผิดตั้งแต่คบกันสามคนแล้ว ผิดตั้งแต่แรกแบบนี้ คิดหรือว่าจะไม่พัง” หญิงสาวเว้นวรรคเพื่อพักหายใจ แล้วพูดต่อด้วยท่าทางจิกกัด เล่นเอาคนฟังแสบไปทั้งทรวง “จะหลอกตัวเองเก่งแค่ไหน แต่ลึกๆ ก็ใช่ว่าจะไม่รู้นี่ สู้รีบๆ ตัดใจ จบเรื่องแล้วเริ่มต้นใหม่กับคนดีๆ ไม่ดีกว่าเหรอ จะเสียเวลาไปทำไม”
“ก็ไม่ได้อยากเริ่มต้นใหม่กับคนอื่นหรือเปล่าวะ” แดนเหนือตอบด้วยเสียงขึ้นจมูก เขาไม่ได้อยากเริ่มต้นใหม่กับใครหน้าไหนทั้งนั้น...เขารอมาขนาดนี้ เพียงรักยังไม่รู้อีกหรือว่าเขาต้องการอะไร
“เหนือจะอยากหรือไม่อยากก็ไม่มีใครสนใจหรอก” เพียงรักตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่ทำให้แดนเหนือต้องขบกรามแน่น “เรายิ่งไม่สนใจเลย เหนือก็รู้ดีนี่ว่าเราไม่ชอบเรื่องซับซ้อน เราไม่ชอบเรื่องยากๆ จะเป็นปัญหาหรือตัวปัญหา สู้เราตัดออกไปจากชีวิตเราไม่ง่ายกว่าเหรอ”
ตอนนี้ทั้งเกื้อกูลและจิ๊บต่างพยายามทำตัวเองให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง เพราะรู้ดีว่าตอนนี้การก้าวเข้าไปขวางศึกที่เพียงรักกำลังฟาดฟันแดนเหนืออย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้นไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดนัก
น้อยครั้งที่เพียงรักจะแสดงออกชัดเจนว่าเธอโกรธอย่างหนัก ยิ่งการใช้คำพูดทิ่มแทงที่ประกาศชัดว่าตนพร้อมสู้ยิบตาเช่นนี้ ทั้งจิ๊บที่อยู่กับเพียงรักมานานและเกื้อกูลต่างไม่เคยเจอกับตัวเอง แต่แดนเหนือเคยเผชิญหน้ากับโทสะของเพียงรักมาบ้างจึงพอใจกล้า จ้องตาหญิงสาวได้ไม่หัวหดเหมือนผู้เป็นน้อง
“คุณเพียงคะ ใจเย็นๆ ก่อน” จิ๊บที่ได้รับการอ้อนวอนทางสายตาจากเกื้อกูลรีบเข้ามาลูบไหล่มน กล่อมให้เจ้านายสาวใจเย็นๆ เพราะตอนนี้ไม่ได้มีแต่เพียงรักกับแดนเหนือ หากมีปากเสียงแล้วเกิดรฉัตรและดวินบังเอิญตื่นมาได้ยินจะไม่เป็นผลดีต่อเด็กๆ
“นี่ตกลงว่าเพียงกำลังด่าเหนือถูกไหม”
“เราแค่พูดความจริง” เพียงรักเอียงคอมองหน้าแดนเหนืออย่างกวนประสาท ก่อนยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ยจนแดนเหนือต้องขบกรามแน่นอย่างเจ็บใจ
เขาโง่จนไม่รู้ว่าโดนเพียงรักหลอกด่าอีกแล้ว!
“ทำไม...จี้ใจดำหรือไง ทนฟังไม่ได้สินะ”
“ก็ด่ามาดิ” แดนเหนือท้าทาย ถ้าการด่าเขามันทำให้เพียงรักรู้สึกดีขึ้น เขาก็เต็มใจให้เธอด่า หรือถ้าเพียงรักจะตีเขา เขาก็จะนั่งให้เธอตี ไม่หนีไปไหน “ด่าให้ตายเหนือก็ไม่ไปไหนหรอก”
“นี่ท้าเหรอ”
“เปล่า” แดนเหนือสูดลมหายใจ เขาหรือจะกล้าท้าทายแม่ของลูก เหอะ...เขาโง่มากก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะรักตัวกลัวตายไม่เป็น “เหนือเป็นคนผิด เพียงอยากด่า อยากตีเหนือ หรือจะอยากทำอะไรกับเหนือก็ได้ทั้งนั้น...”
“คิดว่าทำตัวแบบนี้แล้วเราจะสงสารหรือไง คิดว่าเราตามแผนตื้นๆ ของเหนือไม่ทันเหรอ”
“เหนือไม่เคยวางแผนอะไรกับใครเขาหรอก เพียงก็รู้...ก็เหนือรักเพียง เพียงจะให้เหนือทำยังไง”
ทุกคนในที่นั้นรู้ดีว่าสิ่งที่แดนเหนือเอ่ยมาเป็นความจริง เรื่องที่ว่าเขาไม่เคยคิดวางแผนอะไรเอาไว้ล่วงหน้าทั้งนั้น
“ถ้ารักเราแล้วมันจะไม่มีความคิดแบบนี้ก็เลิกรักเถอะ เผื่อเหนือจะเป็นผู้เป็นคนกับเขาขึ้นมา”
“ไม่!” คราวนี้น้ำเสียงของแดนเหนือกร้าวขึ้น ผิดกับที่พูดเมื่อครู่ลิบลับราวกับเป็นคนละคน “ก็เหนือรักของเหนือ เพียงจะมาบังคับเหนือให้เลิกรักเพียงไม่ได้ ทีตอนเพียงจะเลิกรักเหนือ...เพียงก็ยังไม่ถามความเห็นเหนือก่อนเลย”
“กล้าพูดนะ...”
“ก็รู้ว่าเหนือผิด รู้ว่าเหนือทำพังทุกอย่าง แล้วจะให้เหนือทำยังไงวะ เพียงก็ทิ้งเหนือไปแล้ว แถมเลิกรักเหนือ ทำเหมือนเหนือไม่ใช่คนไปแล้ว เพียงยังจะมาบังคับให้เหนือเลิกรักเพียงอีกเหรอ ไม่เอาอะ”
เพียงรักคันไม้คันมือขึ้นมาติดหมัด พลันความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว...เธออยากจะรู้นักว่าถ้าซัดแดนเหนือสักหมัดสองหมัดตอนนี้ เขาจะมีสติขึ้นมาบ้างไหม หรือว่าจะยังสามารถหน้ามึน พูดจากวนประสาทเธอต่ออย่างไม่สะทกสะท้านได้อยู่อีก
“เพียงอยากจะเลิกรักเหนือก็เรื่องของเพียง เหนือจะรักเพียงไปเรื่อยๆ มันก็เรื่องของเหนือ เพียงห้ามยุ่ง!”
การปะทะคารมระหว่างเพียงรักและแดนเหนือลงเอยด้วยการที่หญิงสาวเกือบพลั้งมือปาขวดพลาสติกที่อยู่ใกล้มือใส่ชายหนุ่ม ทว่ายังโชคดีที่เพียงรักคุมสติตัวเองเอาไว้ได้ ก่อนเป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วเดินหนีจากโต๊ะทานอาหาร ตรงดิ่งไปยังห้องนอนของเธอ ทิ้งให้แดนเหนืออยู่กับเกื้อกูลและจิ๊บต่อ
“พี่เพียงน่ากลัวจัง...” เกื้อกูลเป็นคนทำลายความเงียบหลังจากที่เพียงรักเดินพ้นไป หลังพ่นลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ออกมายาวเหยียด หันไปมองหน้าจิ๊บเชิงถามความเห็น ก็เห็นว่าอีกฝ่ายแปลกใจไม่น้อย เห็นทีคงไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่เพิ่งเห็นเพียงรักตอนโมโหเป็นครั้งแรก
“ปกติคุณเพียงไม่เคยโมโหร้ายแบบนี้ เมื่อกี้คงโกรธมากจริงๆ” อีกความหมายหนึ่งของจิ๊บก็คือ หากแดนเหนือไม่กวนประสาทเพียงรัก เธอก็คงไม่กลายเป็นคนละคนกับยามปกติ
“ความผิดผมเองครับ” แดนเหนือยอมรับความผิดทุกอย่างเอาไว้เพียงคนเดียว
จิ๊บเห็นท่าทางอีกฝ่ายแล้วก็พอใจไม่น้อย ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าแดนเหนือเป็นฝ่ายกดขี่เพียงรัก และยังนอกใจเจ้านายของเธอจนเพียงรักทนไม่ไหว หอบลูกหนีแดนเหนือไปอยู่ต่างประเทศกับแม่และครอบครัวใหม่ แต่เท่าที่สังเกตดู ชายหนุ่มไม่น่าจะกล้าข่มเหงเพียงรัก...หรืออย่างน้อยก่อนหน้านี้ เจ้านายของเธอก็ไม่น่าจะตกเป็นเบี้ยล่างเสียทีเดียว นอกจากเพียงรักจะไม่เกรงกลัวแดนเหนือแม้แต่นิดแล้ว ยังเป็นแดนเหนือที่ไม่กล้าหือกับเจ้านายของเธออีกต่างหาก
“คุณเพียงคงเหนื่อยด้วยแหละค่ะ” จิ๊บพยายามพูดให้แดนเหนือรู้สึกดีขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าเกื้อกูลที่หวนกลับมาลงมือรับประทานอาหารที่เริ่มเย็นชืดอีกครั้ง “แล้วก็เพราะห่วงคุณเกื้อมากเลยเผลอใส่อารมณ์ไป รู้ไหมคะคุณเกื้อ”
“พี่จิ๊บอย่าลากผมไปเอี่ยวสิ อุตส่าห์รอดมาได้แล้วเชียว” มือหนาของเกื้อกูลชะงักค้างกลางอากาศ สบตากับพี่เลี้ยงของหลานแวบหนึ่งแล้วจึงตอบ จากนั้นรีบยัดช้อนเข้าปาก “ตอนนี้ก็หลบมาทำใจอยู่นี่ไงครับ ไม่ได้จะอยู่เป็นของตายให้เขาตลอดไปหรอกน่า ไม่ต้องห่วง”
“ให้มันจริงเถอะค่ะ” จิ๊บกระแทกลมหายใจ พอแดนเหนือเริ่มลงมือรับประทานอาหารไปเงียบๆ เธอก็วางใจไปเปลาะหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “คราวที่แล้วพี่ก็เห็นคุณเกื้อพูดแบบนี้”
“คราวนี้ผมพูดจริงๆ ผมจะเลิกชอบเขาแล้วจริงๆ” เกื้อกูลให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทว่าทุกคนกลับมองเขาด้วยสายตาเอือมระอา กระทั่งแดนเหนือที่เพิ่งรู้ว่าน้องชายของตัวเองแอบรักเพื่อนข้างเดียว แถมยอมอยู่ในสถานะของตายเองก็ยังมิวายมองเกื้อกูลด้วยหางตา แสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่เชื่อคำพูดเมื่อครู่ของเกื้อกูลแม้แต่นิด จนเกื้อกูลอดที่จะรู้สึกฉุนขึ้นมาไม่ได้ จึงต้องย้ำด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานอีกครั้ง เพื่อเรียกคืนความน่าเชื่อถือให้แก่ตนเอง
“ผมพูดจริงๆ ผมจะเลิกชอบเขาแล้วจริงๆ นะเฮีย”
“ให้มันจริงเถอะ” แดนเหนือตอบเสียงเรียบ รู้สึกอิ่มตื้อแม้อาหารจะตกถึงท้องไปไม่เท่าไหร่ คงเพราะเหตุผลที่ทำให้เขารีบอาบน้ำแล้วออกมายังห้องอาหารนี้ไม่ใช่มื้อค่ำตั้งแต่ต้น แต่ต้องการพูดคุยและหวังได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกับเพียงรักต่างหาก เมื่อผู้ที่แดนเหนือต้องการเจอนั้นหนีเข้าห้องนอนไป เขาเองก็ไม่มีเหตุผลให้รั้งรออยู่ต่อ
“แกมีสายชาร์จมือถือไหมเกื้อ”
“อยู่ในห้องแหละเฮีย หาเอา” เกื้อกูลไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พอเขากลับมาหายใจได้เต็มปอดอีกครั้งความหิวของเขาก็หวนกลับมา ยิ่งแดนเหนือแยกออกไปแล้ว เกื้อกูลก็ยิ่งสบายใจและกินอาหารได้มากขึ้น
หลังจากที่แขกแปลกหน้าเดินหายไป จิ๊บเองก็ผ่อนคลายกลายมาเป็นพี่เลี้ยงใจดีคนเดียวกับที่เกื้อกูลสนิทสนมประหนึ่งอยู่ด้วยกันมานานอีกครั้ง ก่อนจะถามอีกฝ่ายเป็นการทำลายความเงียบ
“คุณเหนือเขาดูไม่ดุเหมือนพี่เคยคิดเท่าไหร่นะคะ”
จากคำบอกเล่าทั้งของเพียงรัก เกื้อกูล และเพื่อนๆ ของผู้เป็นนายทำให้แดนเหนือในจินตนาการของเธอนั้นเป็นคนอารมณ์ร้าย ชอบใช้กำลัง และวางอำนาจกับคนรอบกาย พอได้มาเจอจริงๆ แดนเหนือก็ปกติ ไม่ได้เลวร้ายเท่าที่เธอคิดไว้...แต่จะบอกว่าเขาเป็นคนดีก็คงเร็วไป
“ก็มีพี่เพียงอยู่ด้วยไงครับ เมื่อกี้นี้ถ้าไม่ใช่พี่เพียงเป็นคนพูดนะ ผมรับรอง...ยับ” เกื้อกูลที่โตมากับพี่ชายรู้ดีถึงฤทธิ์เดชของแดนเหนือเบ้หน้าขณะบอก
“พี่ก็เพิ่งรู้ว่าคุณเพียงเอาเรื่องขนาดนี้ ตกใจเลยเนี่ย” จิ๊บพึมพำด้วยความแปลกใจ เธอดูแลเพียงรักมาตั้งแต่ที่หญิงสาวเรียนจบชั้นมัธยมปลายจากอังกฤษและย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองไทย แม้จะเป็นเวลาช่วงสั้นๆ ก่อนที่เพียงรักจะย้ายไปอยู่ที่หอใกล้มหาวิทยาลัย แต่เพียงรักในตอนนั้นไม่มีทางที่จะพูดจาร้ายกาจ ทำร้ายหัวใจคนฟังได้อย่างที่ทำกับแดนเหนือเมื่อครู่นี้แน่
“เอาไว้พี่จิ๊บรู้ฤทธิ์เฮียก่อน พี่จิ๊บจะเข้าใจว่าทำไมพี่เพียงถึงต้องพูดขนาดนั้น”
“แบบนั้นก็ใช่ค่ะ...แต่ว่าคุณเหนือเพิ่งมีปัญหากับที่บ้านมาไม่ใช่หรือคะ คุณเพียงไม่น่าจะพูดแรงขนาดนั้น”
“พี่จิ๊บอย่าเพิ่งรีบใจอ่อน...” เกื้อกูลรีบยกมือปราม หลับตาแล้วส่ายหน้าเบาๆ อย่างคนที่ผ่านอะไรมามาก “เดี๋ยวพี่จิ๊บจะรู้ ที่ผมกับพี่เพียงเคยพูดไว้น่ะไม่ได้ใส่สีตีไข่เลยสักนิด ความจริงล้วนๆ”
“เข้าใจค่ะ”
จิ๊บพยักหน้า เดินมาทรุดนั่งที่เก้าอี้เป็นเพื่อนเกื้อกูลระหว่างที่ชายหนุ่มจัดการอาหารบนโต๊ะ รู้ว่าเกื้อกูลไม่ชอบกินอาหารเพียงลำพัง ที่ขยันแวะมาฝากท้องที่นี่ไม่ใช่แค่เพราะขี้เกียจทำอาหารอย่างเดียวหรอก คงจะเพราะเหงาด้วยนั่นแหละ
“คุณเกื้อเองเถอะ...มีอะไรก็บอกพี่ได้นะคะ ทั้งเรื่องเพื่อนคนนั้น แล้วก็เรื่องที่บ้าน พี่ไม่เอาไปบอกใครหรอก...อย่างมากก็คงเอาไปฟ้องคุณเพียง”
“ผม...”
เกื้อกูลเงยหน้าสบตากับพี่เลี้ยงของหลานๆ ยิ้มขื่นอย่างไม่รู้จะพูดเรื่องไหนก่อนหรือหลังดี สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดทั้งเรื่องเพื่อนและเรื่องที่บ้านออกมา แต่กลับถอนหายใจยาวเหยียด เท่านั้นจิ๊บก็พอจะรับรู้ถึงความหนักใจที่เกื้อกูลกำลังเผชิญอยู่
“ผมไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องไหนก่อนดี”
“ถ้ายังไม่อยากเล่าไม่ต้องเล่าก็ได้ค่ะ” จิ๊บเข้าใจ สีหน้าของเกื้อกูลได้บอกทุกอย่างแล้ว เธอไม่รู้หรอกว่าครอบครัวของเกื้อกูลและแดนเหนือเป็นอย่างไร แต่หากพวกเขาจะมาหลบอยู่ที่นี่สักพัก เธอก็จะทำหน้าที่ของเธอและดูแลพวกเขาให้ดีตลอดระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ที่นี่ อาจจะต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้น แต่คงไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องกังวลนัก
หมายถึงถ้าแดนเหนือไม่แผลงฤทธิ์จนโดนเพียงรักเล่นงานอีกรอบน่ะนะ...
“พี่แค่บอกไว้ เผื่อคุณเกื้ออยากคุยกับใครสักคน”
“ผมไม่อยากกลับไปที่บ้านเลยครับพี่จิ๊บ” เกื้อกูลผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด แล้วหลุบตาลงมองจานข้าวตรงหน้า “วันนี้ผมก็ไม่น่ากลับไปที่นั่นเลย ถ้าผมเลือกมาหาพี่กับสองแฝดตั้งแต่แรก ผมกับเฮียคง...”
เด็กหนุ่มหยุดไป เมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อหัวค่ำ จู่ๆ เขาก็พูดไม่ออกเสียจนเปลี่ยนใจไม่เล่าต่อ
“พูดแล้วเซ็ง...”
“แบบนั้นก็รีบกินเถอะค่ะ พรุ่งนี้วันเสาร์นะคะ อย่าลืม” จิ๊บเองไม่รั้นที่จะซักไซ้ต่อเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเกื้อกูล
เท่านั้นเกื้อกูลก็ลืมความเศร้าไปสนิท ยิ้มแฉ่งออกมาอย่างตื่นเต้นแล้วรีบลงมือทานอาหารอย่างมีความสุข พลางพึมพำเบาๆ ราวกับย้ำเตือนกับตัวเอง
“จริงสิครับ พรุ่งนี้วันเสาร์...ผมเกือบไปเลย”
ความคิดเห็น |
---|