3

เลือกอะไรได้ไหม

เลือกอะไรได้ไหม

 

เมื่อเกื้อกูลมาถึง แดนเหนือก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่หน้าบริษัทของเพียงรักแล้ว น้องชายที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาก้าวลงมาจากรถป้ายแดงของตัวเองพร้อมกับสีหน้าเบื่อหน่าย เห็นสภาพพี่ชายที่กำลังพยายามทลายกำแพงมนุษย์เหมือนคนไร้สติแล้ว เกื้อกูลถึงกับต้องลอบย่นจมูกพลางคิดกับตัวเองเงียบ ๆ คนเดียวว่า แดนเหนือนั้นโง่กว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก

“เฮีย พอได้แล้ว” เกื้อกูลเดินเข้าไปดึงพี่ชายตัวเองออกมา ก่อนที่แดนเหนือจะโดนบอดีการ์ดของเพียงรักเล่นงาน “นี่มันที่ทำงานพี่เพียงนะ ใจเย็นๆ หน่อย”

“มึงปล่อยกูไอ้เกื้อ กูจะไปต่อยไอ้หมอนั่น!” แดนเหนือตวาดน้องชาย ไม่สนใจว่าเกื้อกูลตามเขามาที่นี่ได้อย่างไร ตอนนี้สิ่งเดียวที่แดนเหนือสนใจคือ เขาต้องการเข้าไปเจอเพียงรัก และถามหญิงสาวให้รู้เรื่องว่าไอ้เวรนั่นมันเป็นใคร ทำไมเธอถึงได้สนิทสนมกับมันขนาดนั้น 

“เฮียช่วยเลิกโง่สักนาทีได้ไหม ผมเหนื่อยแล้วนะ” เกื้อกูลเอ่ยอย่างหมดความอดทน หากไม่ติดว่าแดนเหนือมีวงเงินบัตรเครดิตของเขาอยู่ในกำมือ เขาคงต่อยแดนเหนือสักหมัดสองหมัดไปแล้ว “รู้หน่อยว่านี่ถิ่นใคร”

“กูไม่กลัว”
             “แต่ผมกลัว!” แดนเหนืออาจจะไม่มีสิ่งที่จะเสียแล้ว แต่เกื้อกูลมี หากวันนี้เขาลากแดนเหนือกลับบ้านไม่ได้ มีหวังเขาคงโดนเพียงรักตัดหางปล่อยวัดเหมือนพี่ชาย “ใจเย็นหน่อยสิเฮีย ทำแบบนี้พี่เพียงเขาก็ไม่กลับมาหรอก”

“ถ้ากูใจเย็นอย่างที่มึงบอก แล้วเมียกูจะกลับมาหรือไง! กูไม่ได้โง่นะ” 

ถ้ายังใจเย็นอย่างที่เกื้อกูลบอก เขาคงเสียทั้งลูกทั้งเมียไปอีกรอบ 

“ที่เฮียทำอยู่นี่แหละโง่ แล้วเราก็จะซวยกันทั้งหมด!” เกื้อกูลเหลือทนกับผู้เป็นพี่ชายแล้วจริงๆ นี่ถ้าเพียงรักไม่เรียกเขามาเอาตัวแดนเหนือกลับบ้าน อย่าหวังเลยว่าเขาจะมาที่นี่ “เกิดพี่เพียงโกรธแล้วพาลไม่ให้ผมเจอหลานอีกคน เฮียจะทำยังไง จะกลับมายืนตะโกนหน้าที่ทำงานพี่เพียงแบบนี้อีกเหรอ” 

เมื่อความโกรธและความเสียหน้าลดลงไป แดนเหนือก็เริ่มมีสติ แล้วฟังสิ่งที่น้องชายเพิ่งพูดมา ก่อนจะพิจารณาทุกอย่างให้ถี่ถ้วนรอบคอบ เขามั่นใจว่าเพียงรักไม่ใช่คนที่พาลจนแยกแยะไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ควรประมาท ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ตราบใดที่เขากับเพียงรักยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกัน

“กลับไปตั้งหลักก่อนเถอะเฮีย เดี๋ยวพอเฮียกลับพี่เพียงก็ใจเย็นเอง” เกื้อกูลเกลี้ยกล่อมพี่ชาย รู้ว่าหากยกชื่อเพียงขึ้นมาใช้แล้วละก็ ไม่มีใครที่จะจัดการหมาบ้าอย่างแดนเหนือไม่ได้ “ผมจะได้โทร. บอกพี่เพียง แล้วนัดพี่เพียงให้เฮีย”
             “มึงมีเบอร์เพียงเหรอ”

“มีสิเฮีย” เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร และไม่ช้าก็เร็วแดนเหนือก็ต้องหาทางติดต่อกับแม่ของลูกของเขาได้อยู่ดี ดังนั้นเกื้อกูลที่เห็นโอกาสทองมาจ่อตรงหน้าจึงไม่ลังเลที่จะคว้ามันเอาไว้ ตั้งใจให้แดนเหนือซื้อเครื่องเล่นเกมเครื่องใหม่ที่เพิ่งออกให้เพื่อแลกกับเบอร์โทรศัพท์ของเพียงรัก 

“ถ้าเฮียกลับ พี่เพียงก็ต้องคิดว่าเป็นความดีความชอบผม...แล้วเราค่อยขอนัดเจอก็ยังไม่สาย”
             “มึงแน่ใจนะ” ตอนนี้แดนเหนือเอนเอียงมาทางน้องชายมากแล้ว ไม่รู้ว่าเกื้อกูลเรียนรู้วิธีพูดเพื่อให้เขาสงบใจมาจากใคร มันถึงได้รู้ว่าจะต้องพูดอย่างไรเขาจึงจะยอมเชื่อ “แน่ใจนะว่านัดเพียงให้กูได้”

“ผมไปกินข้าวกับหลานมาแล้วนะเฮีย เรื่องนัดพี่เพียงคนเดียวนี่จิ๊บๆ”

“กูจะลองเชื่อมึงสักครั้งไอ้เกื้อ แต่ถ้านัดไม่ได้ มึงโดนดีแน่” แดนเหนือชี้หน้าน้องชายอย่างคาดโทษ ก่อนจะกระฟัดกระเฟียดขึ้นรถป้ายแดงของเกื้อกูลที่เขาเป็นคนจ่ายเงิน “กลับ”

“ครับเฮีย” เกื้อกูลขบฟัน ท่องในใจว่าเพื่อเงิน เพื่อเงิน แล้วใบหน้าเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มก็กลับมาประดับด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างประจบอีกครั้ง 

ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งของรถเพื่อไปประจำตำแหน่งคนขับ เกื้อกูลก็ไม่ลืมที่จะหันไปหาบอดีการ์ดร่างยักษ์ของเพียงรัก ผงกศีรษะให้กันและกันโดยปราศจากคำพูด ก่อนจะเปิดประตูรถและสอดตัวเข้าไปในรถ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายในชุดซาฟารีนั้นหมุนตัว เตรียมขึ้นไปรายงานสถานการณ์แก่ผู้เป็นนาย ว่าตอนนี้เขาไล่คนบ้าที่เพียงรักสั่งให้ไล่ไปได้แล้วด้วยความช่วยเหลือนิดหน่อยจากเกื้อกูล

            

“จัดการเร็วนี่ น้องชายพ่อเจ้าแฝดใช่ไหม” จอร์นเอ่ยถามเพียงรักโดยไม่มองใบหน้างามของน้องสาว มุมปากหนายกยิ้มนิดๆ หลังบอดีการ์ดรายงานจบ “แต่เราไม่ควรกลับไปยุ่งกับเขา พี่จะให้ทนายคุยเรื่องคำสั่งห้ามเข้าใกล้”

“เขาไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เพียงจัดการได้” 

เพียงรักไม่อยากให้เรื่องมันไปถึงโรงถึงศาล เท่านี้เธอก็รับมือกับแดนเหนือจนเหนื่อยมากพอแล้ว หากดึงทนายเข้ามาเกี่ยวข้อง เพียงรักรู้ดีว่าแดนเหนือจะยิ่งบ้ากว่าที่เป็นอยู่ แต่พี่ชายของเธอกลับไม่เห็นด้วย

“เขาไม่ใช่คนเดิมแล้วเพียง” จอร์นไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ผู้ชายคนนี้มีนิสัยใจคออย่างไร แต่จากที่เห็นวันนี้ เขาไม่สามารถปล่อยให้หมอนั่นเข้าใกล้เพียงรักกับหลานๆ ของเขาแน่ ตราบใดที่หมอนั่นยังก้าวร้าวและอารมณ์ร้ายเหมือนอย่างที่เขาเห็น “เราก็ไม่ใช่คนเดิมแล้วเหมือนกัน เราเป็นแม่คนแล้ว ต้องเอาความปลอดภัยของลูกมาก่อน...และจากที่พี่เห็น พี่ไม่ไว้ใจเขาให้เข้าใกล้หลาน”

พอถึงตรงนี้เพียงรักก็โต้แย้งอะไรจอร์นไม่ได้ เธอกับแดนเหนือแยกกันไปนานแล้ว...และที่เธอคิดว่าเธอจัดการชายหนุ่มได้อาจจะไม่เป็นอย่างที่เธอคิด อย่างที่เขาว่ากันนั่นแหละ...เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน 

“แต่เพียงอยากคุยกับเขาก่อน เพียงไม่ได้จะกลับไปหาเขา และตราบใดที่เขายังทำตัวแบบนี้ เพียงจะไม่ให้เขาเข้าใกล้ลูกเพียง”

“แน่ใจหรือว่าเราทำได้” จอร์นไม่เคยไม่เชื่อใจเพียงรัก แต่แววตาของน้องสาวยามเอ่ยถึงคนรักเก่านั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย และเมื่อมีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง ความสามารถในการตัดสินใจของมนุษย์ก็จะลดลง “พี่จะให้คนมาประจำสาขาที่นี่แทนเรา ถ้าเราต้องการ”

“เพียงต้องคุยกับเขา เพียงเตรียมใจไว้แล้วว่าวันหนึ่งเขาก็ต้องรู้เรื่องลูก...และเหนือก็คงไม่ยอมอยู่เฉย เราสองคนมีเรื่องต้องตกลงกันอีกเยอะ” ก่อนที่เธอและแดนเหนือจะทำหน้าที่พ่อแม่ให้ลูกได้ พวกเขาต้องเคลียร์ปัญหาระหว่างกันเสียก่อน ไม่อย่างนั้นการที่พวกเขาอยู่ใกล้กันจะส่งผลเสียกับเด็กๆ แทน 

“แต่เท่าที่ดู เขาไม่ได้อยากเป็นแค่พ่อของลูกเรานะ” จอร์นท้วง มั่นใจว่าเพียงรักเองก็รู้เรื่องนั้นดีไม่ต่างจากเขา การมาของแดนเหนือในวันนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องลูกหรอก เขามาเพื่ออ้อนวอนให้เพียงรักกลับไปหาเขาต่างหาก “แล้วพี่ก็เดาว่าเขาคงยังไม่รู้ว่าเรารักคนอื่นไปแล้ว”

“นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องรู้...”

“เรากำลังเล่นเกมอันตรายเพียง...” 

เสียงเข้มงวดของพี่ชายทำให้เพียงรักนิ่งไป ครุ่นคิดถึงคำเตือนของจอร์นแล้วริมฝีปากก็เม้มแน่นอย่างต่อต้าน 

“เรากำลังจะราดน้ำมันลงไปในกองไฟ แค่เห็นเขาวันนี้พี่ก็รู้แล้วว่าเขาไม่มีอะไรจะเสีย...คิดเหรอว่าเขาจะยอมให้เพียงปฏิเสธเขา”

“เขาไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากเพียง” 

น้ำเสียงของเพียงรักเด็ดเดี่ยวจนจอร์นต้องเงียบฟัง รู้ดีว่าเพียงรักคงตัดสินใจเรื่องนี้ไปแล้วแบบคนที่วางแผนชีวิตทุกอย่างมาอย่างรอบคอบและรัดกุม 

“แค่เพียงให้เขาได้เจอลูกก็นับว่าเพียงใจดีมากแล้ว แล้วถ้าเขายังไม่พอใจ เพียงก็จะไม่ให้อะไรเขาเลยสักอย่าง”

“นั่นจะยิ่งทำให้เขาโกรธ”
             “ถึงเพียงไม่ทำอะไร เขาโกรธอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วละค่ะ” 

ดวงหน้างามคลี่ยิ้มเย็นชาที่ทำให้จอร์นรู้สึกไม่สบายใจ ทำไมจะไม่รู้ว่ารอยยิ้มอาบยาพิษของหญิงสาวนั้นหมายถึงอะไร 

“เพียงให้เขาได้เท่านี้ ถ้าไม่เอาเพียงก็ไม่เดือดร้อน...เพียงเลี้ยงลูกคนเดียวได้”

“เราตัดสินใจแล้วสินะว่าจะไม่กลับไปหาเขา”

“เพียงมั่นใจตั้งแต่วันที่เพียงเดินออกมาจากชีวิตเขาแล้วค่ะ แล้วเพียงก็ไม่คิดที่จะกลับไป” 

เพียงรักเชิดหน้า ประกายในตาคมนั้นเจิดจ้า บอกถึงความเด็ดเดี่ยวของการตัดสินใจของตัวเอง การทิ้งแดนเหนือในวันนั้นเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอ 

“ดี...ได้ยินอย่างนี้แล้วพี่ก็เบาใจ” จอร์นพยักหน้าเบาๆ อย่างพอใจกับคำตอบของน้องสาว หากเพียงรักประกาศชัดออกมาอย่างนั้นแล้วเขาก็ไม่มีอะไรต้องห่วง “แต่จำไว้ว่าเราต้องเอาความสุขลูกมาก่อน ถ้าวันหนึ่งเราลังเล...หรือกำลังจะใจอ่อน...”

“เพียงจำได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้าง หวนคิดไปถึงวันที่เธอร้องไห้จวนขาดใจเพียงลำพังที่เธอไม่มีทางลืม “เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น แดนเหนือไม่ได้อยู่ข้าง ๆ เพียง...เพียงมีแค่ลูก”

            

ดอกไม้ช่อยักษ์...ต้องย้ำอีกครั้งว่า ช่อยักษ์’ ถูกส่งมาที่ห้องทำงานของเพียงรักในเช้าวันต่อมาทันที จนเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินเข้ามานั้นถึงกับผงะ ไม่คิดว่าจะได้รับช่อดอกไม้แต่เช้าตรู่ขนาดนี้ น่าสงสารคนส่งดอกไม้ ไม่รู้ว่าต้องตื่นกี่โมงจึงส่งดอกไม้มาให้เธอได้ก่อนเวลาเข้างาน

“ดอกไม้จากเกียรติวิริยะกรุ๊ปค่ะคุณเพียง” น้ำฝนรายงานเมื่อเห็นสีหน้าสับสนของผู้เป็นนาย ก่อนจะถอนหายใจเมื่อคิดว่าเธอคงต้องแจ้งเพียงรักอีกเรื่องด้วย แล้วมีสีหน้ายุ่งยากใจ “คุณแดนเหนือขอนัดเจอคุณเพียงค่ะ บอกว่าต้องเจอวันนี้เท่านั้น”

“วันนี้ประชุมเต็มแล้วนี่” เพียงรักจะอยู่ออฟฟิศถึงบ่ายสองเท่านั้น เพราะเธอต้องไปทำหน้าที่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวต่อซึ่งเป็นที่รู้กันของคนในบริษัท ดังนั้นตารางการประชุมของหญิงสาวจึงแน่นเอี้ยดตั้งแต่เช้ายันบ่ายแทบทุกวัน แต่ถ้าคนที่ขอนัดพบเธอและคาดหวังว่าจะต้องได้พบเธอในวันเดียวกันนั้นเป็นแดนเหนือ เพียงรักก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด

เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ยอมรับว่าแพ้

“ใช่ค่ะ แต่เลขาฯ ของคุณแดนเหนือย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นเรื่องสำคัญ...” น้ำฝนอธิบายถึงความสำคัญในการผูกมิตรกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเกียรติวิริยะเอาไว้ “อันที่จริงน้ำว่านัดกับทีมอาร์ตไม่น่าจะกินเวลานานขนาดนั้นค่ะ ไม่แน่อาจจะมีเวลาสักยี่สิบนาที่ก่อนคุณเพียงไปรับเด็กๆ”

“เธอคิดว่าทางนั้นเขาตั้งใจมาคุยเรื่องงานจริงหรือน้ำฝน” 

เพียงรักถอนหายใจ เดินผ่านดอกไม้ช่อยักษ์ไปนั่ง แล้ววางกระเป๋าถือไว้บนโต๊ะก่อนจะมองหน้าเลขาฯ ของตนเพื่อขอคำตอบ เมื่อน้ำฝนนั้นสบตาเธอนิ่ง แต่ไม่ตอบคำถาม เพียงรักก็ถอนหายใจเสียงดัง ครุ่นคิดกับตัวเองอยู่เสี้ยววินาทีก่อนจะเหลือบมองไปยังดอกไม้เจ้าปัญหา 

“โอเค ยี่สิบนาที...บอกเขาว่าเขามีเวลาเท่านั้น”

“ค่ะคุณเพียง” น้ำฝนพยักหน้ารับก่อนเปิดไอแพดขึ้นมาจดยุกยิก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นนายที่เพิ่งเปิดแลปทอปเตรียมทำงาน “ไม่ทราบว่ามื้อกลางวันคุณเพียงจะทานอะไรคะ”

“อืม...” เพียงรักถอนหายใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แววตาของหญิงสาวอ่อนลงกว่าก่อนหน้าราวกับเป็นคนละคน “สั่งพิซซาเตาถ่านมาแล้วกัน อยากลองมานานแล้ว” 

“ได้ค่ะ” น้ำฝนพยักหน้าแล้วจดสิ่งที่เธอต้องทำลงไปในไอแพดอีกอย่าง “ไม่ทราบว่าคุณเพียงอยากได้อะไรอีกไหมคะ”

“ไม่จ้ะ ไปทำงานเถอะ” เพียงรักคลี่ยิ้ม มองเลขาฯ สาวที่เพื่อนแนะนำมาให้เธอแวบหนึ่งก่อนจะเริ่มอ่านอีเมลจำนวนมหาศาล ทั้งๆ ที่เพิ่งเคลียร์ไปเมื่อวาน แต่หากวัดจากองค์กรของเธอที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อีเมลเพียงเท่านี้ก็ไม่นับว่าแปลกอะไร 

ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนแทบจะกลายเป็นยูนิฟอร์มสำหรับเพียงรักไปแล้ว อันที่จริงนอกจากน้ำฝนกับพวกเออีที่ต้องออกไปพบลูกค้า พนักงานทุกคนในบริษัทก็แต่งตัวด้วยชุดสบายๆ มาทำงานทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นนโยบายของพี่ชายเพียงรักซึ่งมีที่มาจากนิสัยสุดโต่งส่วนตัวของจอร์นนั่นแหละ 

ด้วยความไม่ชอบอยู่ในกฎระเบียบ พอมีบริษัทเป็นของตัวเองแล้ว ชายหนุ่มก็กำหนดแค่กฎที่จำเป็นออกมาใช้ เรียกว่ามีกฎเท่าที่จำเป็น โดยเรื่องเครื่องแบบนั้นไม่ได้อยู่ในความจำเป็นของชายหนุ่มแม้แต่นิด เอาความชอบและง่ายเข้าว่า...ใครใคร่จะแต่งตัวแบบไหนก็ตามสบาย ขอเพียงมีความสามารถและขยันทำงานเป็นพอ

เพียงรักคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่ออีเมลของพี่ชาย หากเธอจำไม่ผิด อีเมลฉบับนี้คงเป็นฉบับที่สี่ที่เธอได้รับจากพาร์ตเนอร์กิตติมศักดิ์ตลอดปีที่ผ่านมา หญิงสาวเปิดอีเมลฉบับนั้นขึ้นมาอ่านก่อนจะหลุดหัวเราะ เมื่อเนื้อหาภายในนั้นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการบ่นขิงบ่นข่าถึงทีมการตลาดฝั่งอังกฤษที่คาดหวังให้เขาพัฒนาเกมให้เข้ากับตลาดเกมออนไลน์ 

แน่นอนว่าคนหัวขบถอย่างจอร์นไม่มีทางยอมทำตามคำสั่งใคร เพียงรักพนันได้เลยว่าอีกไม่เกินชั่วโมงเธอคงได้รับอีเมลจากทีมการตลาดอีกฉบับแน่

“คุณเพียงคะ...กาแฟค่ะ”

“ขอบคุณจ้ะน้ำฝน” เพียงรักพรมนิ้วบนแป้นพิมพ์ตอบข้อความพี่ชาย ระหว่างที่เลขาฯ ของเธอวางกาแฟเย็นยี่ห้อดังลงตรงหน้า เป็นอันรู้กันว่าหญิงสาวต้องกินกาแฟเย็นเป็นอย่างแรกก่อนเข้าประชุม เพียงรักตอบจดหมายเรียบร้อยแล้วก็คว้าแก้วกาแฟ ตามด้วยมือถือและลุกขึ้น เตรียมเข้าประชุมในอีกห้านาทีข้างหน้าก่อนสั่งน้ำฝนต่อ “เดี๋ยวให้คนเอาดอกไม้นี่ไปจัดใส่แจกันทีนะ”

“ได้ค่ะคุณเพียง” น้ำฝนพยักหน้ารับ เธอเตรียมการเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่เห็นว่ามีดอกไม้มาส่งแล้ว ก่อนจะเม้มปากแน่น เมื่อคิดถึงดอกไม้ช่อก่อนหน้าของหนุ่มปริศนาที่ส่งมาให้ผู้เป็นนาย ช่อนั้นก็เป็นดอกกุหลาบเหมือนกัน แต่อยู่ในแจกันได้เพียงไม่กี่วันก็ต้องถูกนำทิ้งเสียแล้ว น่าสงสารทั้งดอกไม้ทั้งเจ้าของดอกไม้...

แต่พอหันไปเห็นดอกไม้ช่อยักษ์ที่วางอยู่บนโต๊ะกลมหน้าโซฟา เลขาฯ สาวก็ได้แต่คิดกับตัวเองอยู่เงียบๆ คนเดียว 

ถ้าเพียงรักให้ดอกไม้ช่อนี้ชนะก็ไม่แปลกหรอก...ก็มันสดกว่า สวยกว่า ดอกใหญ่กว่า แถมยังเป็นดอกกุหลาบแดงสุดโปรดของเพียงรักอีกต่างหาก คนที่ส่งมาคงรู้ใจเพียงรักน่าดู

 

“ไหนทวนซิเฮีย...” เกื้อกูลมองหน้าพี่ชายของตนเองด้วยสายตาคาดหวัง หลังจากพยายามบอกสิ่งที่แดนเหนือต้องทำระหว่างเข้าไปเจรจากับเพียงรัก แน่นอนว่าการที่เพียงรักแทรกคิว อนุญาตให้แดนเหนือเข้าไปเจอเธอได้นั้นสร้างความแปลกใจให้ทั้งเลขาฯ ของแดนเหนือและผู้ช่วยเฉพาะกิจอย่างเกื้อกูลไม่น้อย 

อันที่จริงแดนเหนือเองก็แอบแปลกใจอยู่หน่อยๆ เหมือนกันนั่นแหละ แต่ในความแปลกใจก็ยังมีความระริกระรี้ร่วมอยู่อย่างคนที่เข้าข้างตัวเองเป็นทุนเดิม

ก็ที่เพียงรักยอมเจอเขาง่ายๆ แบบนี้ ถ้าไม่ให้คิดว่าเธอยังมีเยื่อใย แล้วจะคิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง

“ต้องใจเย็น อย่างี่เง่า รู้แล้วน่าไอ้เกื้อ แกนี่ย้ำคิดย้ำทำจริง นั่นเมียฉันนะ ฉันจะไปกล้าทำอะไรเขา” แดนเหนือฟังน้องชายพูดซ้ำมาจนเอียนแล้ว กับอีแค่ให้ใจเย็น ไม่งี่เง่า แล้วก้มหน้าก้มตารับความผิด ไม่ว่าความผิดที่ว่าจะเป็นอะไร มันจะยากสักแค่ไหนกันเชียว นี่แดนเหนือนะ เรื่องขี้ปะติ๋วเท่านี้ ไม่คณนามือเขาหรอก 

“โอ้ย ผมไม่ได้กลัวเฮียจะทำร้ายพี่เพียงหรอก แต่ที่ผมห่วงก็คือ...เฮียจะทำให้พี่เพียงโมโหแล้วพาลทำให้เราซวยกันหมดต่างหาก” เกื้อกูลเอ่ยพร้อมสีหน้าเบื่อหน่ายระคนเหนื่อยใจ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าแดนเหนือไม่มีทางทำร้ายเพียงรักแม้แต่ปลายก้อยได้ กระจอกขนาดนี้ แค่เพียงรักปรายตามองแวบเดียวก็หงอยเป็นลูกสุนัขแล้ว 

“เออ รู้แล้วน่า” แดนเหนือชักสีหน้า ไม่พอใจขึ้นมานิดหน่อยที่เกื้อกูลย้ำนักย้ำหนาราวกับเขาเป็นเด็กไม่รู้ความ ไม่ใช่กรรมการผู้บริหารแห่งเกียรติวิริยะกรุ๊ป “แกเป็นน้องฉันนะเกื้อ นี่ถ้าแกไม่สนิทกับเพียงจนเข้านอกออกในบ้านนั้นได้ อย่าหวังว่าจะได้มาสั่งสอนฉันอย่างนี้”

“ผมจะเป็นอะไร พี่เพียงก็ชอบผมมากกว่าเฮียแล้วกัน” 

เกื้อกูลอดหมั่นไส้พี่ชายไม่ได้ จนพลั้งปากเกทับแดนเหนือออกไป ซึ่งแน่นอนว่าแดนเหนือมีปฏิกิริยากับคำพูดนั้นของน้องชายแทบทันที หน้าคมบึ้งตึงขึ้นมาทันควัน ตาคมกริบของชายหนุ่มขุ่นขวางอย่างชัดเจน เมื่อเขาตวัดมองหน้าคมคายพิมพ์เดียวกันกับตนเองของเกื้อกูล ก่อนแยกเขี้ยวขู่น้องชายลอดไรฟัน

“กวนตีนแล้วนะไอ้เกื้อ...”

“ใจเย็นน่าเฮีย...” เกื้อกูลที่เริ่มเห็นวี่แววว่าอารมณ์พี่ชายใกล้จะเดือดนั้นเลือกใช้น้ำเย็นเข้าลูบ เขาไม่ใช่เพียงรัก เกื้อกูลรู้ดีว่าเขาไม่มีทางสงบพายุอารมณ์ของพี่ชายได้ง่ายๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีที่ทำให้แดนเหนืออารมณ์เย็นลง “อย่าเพิ่งโมโหเลยน่า เดี๋ยวเฮียจะต้องไปหาพี่เพียงแล้วนะ”

“อย่างนั้นมึงก็เลิกกวนอารมณ์กูสักที” แดนเหนือแยกเขี้ยวใส่หน้าน้องชายอีกหน ก่อนจะหลับตาแล้วพยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลง พร้อมกับบอกตัวเองว่า เขากำลังจะไปคุยกับเพียงรักเพื่อเคลียร์ปัญหาใจกัน ฉะนั้นเขาจะต้องใจเย็นและมีสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเพียงรักที่ใครๆ ว่ากันว่าแสนดีเป็นนางฟ้าน่ะทั้งใจเย็น เล่ห์เหลี่ยมเยอะ และวางแผนเก่งที่สุด หากเขาเพลี่ยงพล้ำแล้วละก็...มีหวังได้กลับบ้านตัวเปล่า แทนที่จะได้ลูกเมียกลับมากอดอย่างที่ตั้งใจ 

“นี่ถ้าไม่เห็นแก่เพียง มึงเจ็บหนักแล้วไอ้เกื้อ”

“ขอโทษครับเฮีย” เกื้อกูลยิ้มแหยพร้อมเอ่ยเอาใจพี่ชาย รู้ดีว่าคำพูดเมื่อครู่ของแดนเหนือเป็นความจริงทุกอย่าง หากเขาไม่มีประโยชน์กับแดนเหนือ ป่านนี้พี่ชายคงจะใช้เขาเป็นเป้าซ้อมแทนกระสอบทรายไปแล้ว 

แต่ก็อีกนั่นแหละ...จะให้เขากล่าวโทษแดนเหนือเรื่องที่ใช้เขาเป็นเครื่องมือได้อย่างไร ในเมื่อเหตุผลเดียวที่ทำให้เกื้อกูลเสี่ยงชีวิต แล้วพยายามช่วยเหลือพี่ชายอยู่ตอนนี้ ก็เพราะเงินในบัญชีของแดนเหนือเหมือนกัน ทั้งบ้านเกียรติวิริยะ ใครจะโดนหลอกและจ่ายเงินง่ายกว่าแดนเหนือนั้นไม่มีอีกแล้ว

เห็นไหมว่าส่งรูปสองแฝดให้ไม่กี่รูป เขาก็ได้รถคันใหม่แล้ว วิน-วินทั้งคู่ ไม่มีใครกล่าวโทษใครได้หรอก ของแบบนี้

“แต่เฮียอย่าทำให้พี่เพียงโกรธเด็ดขาดรู้ไหม” เกื้อกูลย้ำพี่ชายเสียงเข้ม พยายามตีหน้าขรึมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ผมไม่อยากซวยไปกับเฮียด้วย เฮียต้องอดทน...ต่อให้พี่เพียงจะด่าจะว่ายังไง เฮียก็ต้องอดทน รู้ไหม”

“รู้แล้วน่า” แดนเหนือชักสีหน้า ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเต็มกำลัง “นี่แกเห็นฉันโง่ขนาดนั้นเลยหรือไงไอ้เกื้อ ถึงได้พูดย้ำอยู่ได้...ฉันไม่ได้ความจำสั้นนะ พูดครั้งเดียวก็รู้เรื่องแล้วไอ้เวร”

“เฮีย...” เกื้อกูลว่าเสียงเข้มจัดแล้วขยุ้มคอเสื้อพี่ชายตน ดึงแดนเหนือเข้ามาจ้องตาชนิดที่ว่า ลมหายใจร้อนๆ รินรดหน้าผู้เป็นพี่เลยทีเดียว “ผมพูดจริงนะ เฮียอย่าไปทำตัวกร่างใส่พี่เพียงเด็ดขาด โกรธแค่ไหนเฮียก็ต้องทน พี่เพียงเขาเป็นต่อเราอยู่”

แดนเหนือสลัดมือของเกื้อกูลออกจากตัวด้วยใบหน้าหงุดหงิด เรื่องเพียงรักเป็นต่อเขาอยู่นั้น ชายหนุ่มก็รู้ดีอีกนั่นแหละ...

ทั้งชีวิตของแดนเหนือ คนคนเดียวที่สยบฤทธิ์เดชของเขาได้ก็มีแต่เพียงรักนี่แหละ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยที่พวกเขาคบหากันเป็นแฟนช่วงมหาวิทยาลัยแล้ว 

แดนเหนือที่ใครๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าร้ายกาจนั้นยอมเดินตามก้นนางฟ้าเพียงรักเหมือนลูกแมวไม่มีผิด ชายหนุ่มก็ไม่มีความคิดที่จะเถียงหรือโต้แย้งว่าตัวเองไม่ใช่คนกลัวแฟน ใครจะคิดอย่างไรก็เชิญคิด เชิญพูดไปตามสบาย เพราะในความคิดของแดนเหนือ เขามองว่าตัวเองก็เป็นแค่รักแฟนมากเฉยๆ ไม่ได้กงกลัวอะไรหรอก ไร้สาระ

“รู้แล้ว ฉันไม่ได้โง่นะ” 

คำพูดนั้นของแดนเหนือทำให้เกื้อกูลที่เกือบจะเชื่อมั่นในตัวพี่ชายถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง ทั้งหมดทั้งมวลที่แดนเหนือพยายามบอกว่าตัวเองไม่ได้ฉลาดน้อยนั้นกลับกลายเป็นไม่มีความหมาย ก็เพราะไอ้คำพูดสุดท้ายนี่แหละ 

“รู้ครับเฮีย” เกื้อกูลพยายามยิ้มให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สิ่งที่ปรากฏบนหน้าขาวตี๋นั้นกลับเป็นการแสยะยิ้มที่บอกให้รู้ว่า เจ้าตัวกำลังอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ขืนเขาบอกความรู้สึกจริงๆ ของตัวเองออกไปตอนนี้ มีหวังโดนแดนเหนือซัดหมอบ “เอาเป็นว่าทำให้ดีที่สุดนะเฮีย ปรับความเข้าใจกับพี่เพียงให้ได้นะ”

“เออ” แดนเหนือผงกศีรษะรับ เขาเองก็ภาวนาให้การพบกันครั้งที่สามของเขาและเพียงรักตั้งแต่หญิงสาวกลับมาผ่านพ้นไปด้วยดีดั่งเกื้อกูลอวยพร แม้ลึกๆ แล้วชายหนุ่มจะรู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายอย่างนั้นก็ตาม...แต่เขาจะพยายามอย่างที่น้องชายบอก เขาจะพยายามให้ดีที่สุด!

 

แดนเหนือคิดว่าวันนี้คงไม่ใช่วันที่ดีของเขาเท่าไหร่นัก เมื่อย่างเท้าเข้ามาในอาคารก็พบหญิงสาวที่แนะนำตัวว่าเป็นเลขาฯ ของเพียงรัก ชื่อน้ำฝนละมั้งหากเขาจำไม่ผิด เจ้าหล่อนมีสีหน้าเรียบตึงและมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง...มั่นใจได้เลยว่าเธอคงรู้เรื่องที่เขาเคยโดนลากออกไปจากที่นี่ครั้งก่อนแน่ 

แต่นี่ไม่เหมือนกันสักหน่อย คราวที่แล้วแดนเหนือมาที่นี่พร้อมอาการเมาค้างและโกรธจัด ผิดกับครั้งนี้ที่มาในฐานะคณะกรรมการผู้บริหารของเกียรติวิริยะกรุ๊ป เขาย่อมวางตัวสมกับที่ได้รับการต้อนรับขับสู้ซึ่งเพียงรักเตรียมไว้ให้เขา แดนเหนือตั้งใจว่าจะทำตัวดีๆ ไม่ให้เสียชื่อผู้ชายที่เพียงรัก (เคย) คบหาด้วยแม้แต่นิดเดียว 

“เลขาฯ ของคุณแดนเหนือแจ้งแล้วใช่ไหมคะว่าคุณเพียงรักมีเวลาว่างไม่นาน...”

“แจ้งแล้ว” 

แดนเหนือพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเข้มจัดที่ทำให้เลขาฯ ของเพียงรักถึงกับต้องเหลือบตาขึ้นมองเขาอย่างหวาดๆ ชวนให้คิดว่าหากไม่ใช่หน้าที่ เธอคงวิ่งหนีเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว 

“ถ้าคุณเพียงของเธอไล่ฉันเมื่อไหร่ ฉันก็ไปเมื่อนั้นแหละ”

คำพูดยียวนของแดนเหนือทำให้เลขาฯ ของ ‘คุณเพียง’ เม้มปากแน่น แสดงออกถึงความไม่พอใจที่เขากระแหนะกระแหนผู้เป็นนาย แต่ทำอย่างกับแดนเหนือจะสนใจ...ในโลกใบนี้เขาไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละ คนเดียวที่เขาสนใจก็คือคนที่เขาตั้งใจจะมาพบหน้าวันนี้เท่านั้น

อันที่จริงน้ำฝนตั้งใจว่าเธอจะเตือนแดนเหนือก่อนเข้าไปหาเพียงรัก ว่าวันนี้ผู้เป็นนายของเธอกำลังหงุดหงิด เนื่องจากงานที่คาราคาซังมานานยังเจรจาหาข้อตกลงกันไม่ได้ แน่นอนว่าเมื่อร่างสูงกวนประสาทเธอขนาดนี้ ก็ให้เขาเข้าไปเผชิญหน้ากับเพียงรักในภาคนางยักษ์เขี้ยวยาวเฟื้อย โดยไม่มีโอกาสเตรียมตัวเตรียมใจก่อนเลยแล้วกัน

“ค่ะ งั้นรบกวนขอมือถือด้วยค่ะ”

“อะไรนะ” แดนเหนือขมวดคิ้วมุ่น แล้วถามย้ำเผื่อว่าเขาจะได้ยินอะไรผิด “เมื่อกี้เธอพูดว่ายังไงนะ”

“มือถือค่ะคุณแดนเหนือ” น้ำฝนเอ่ยย้ำ สีหน้าและน้ำเสียงของเธอบอกถึงความจริงจัง แต่แดนเหนือก็ยังไม่ยอมล้วงมือถือของตัวเองออกมาง่ายๆ ชายหนุ่มยังคงหน้าบึ้งมองเธออย่างไม่พอใจจนน้ำฝนต้องอธิบาย “คุณเพียงสั่งไว้ค่ะว่า ก่อนที่คุณแดนเหนือจะเข้าไปต้องขอมือถือเอาไว้ก่อน”

“เรื่องมาก...” แดนเหนือทำเสียงจึ้กจั้กในลำคอ ก่อนจะล้วงมือถือส่งให้เลขาฯ ของเพียงรักแต่โดยดี บอกว่าเพียงรักสั่งแต่แรกก็จบ อมพะนำอยู่ได้เสียเวลา “แล้วทีนี้จะเข้าไปได้ยัง หรือต้องยึดอะไรอีก”

“คุณเพียงสั่งไว้แค่มือถือค่ะ” น้ำฝนบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะละความสนใจจากร่างสูง เดินไปเคาะประตูห้องทำงานของเจ้านายและขานบอกคนที่อยู่ด้านใน

ก๊อกๆ

“คุณแดนเหนือมาถึงแล้วค่ะคุณเพียง”

“แป๊บนึง!” 

เสียงตะโกนดังออกมาจากห้องที่บานประตูมีตัวหนังสือแปะว่าผู้บริหาร ทำให้แดนเหนือลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ด้วยความประหม่า หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น และอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจก ตรวจดูว่าตัวเองดูดีพอที่จะเข้าไปเจอคนรักหรือยัง ชายหนุ่มรออีกอึดใจเดียว เสียงเล็กๆ ของเพียงรักก็ดังขึ้น 

“ให้เข้ามาเลย”

“เชิญค่ะ” เท่านั้นร่างเล็กของผู้เป็นเลขาฯ ก็ดึงบานประตูให้เปิด รอกระทั่งแดนเหนือเดินเข้าห้องไป เจ้าตัวจึงหับบานประตูปิด 

ทั้งห้องเหลือเพียงแดนเหนือและร่างระหงของคนที่เขาตั้งใจจะมาหา...กับความเงียบที่ชวนหวั่นใจเล็กน้อย

คนทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่ท่ามกลางความเงียบ แม้จะวางแผนเอาไว้อย่างดิบดีแล้ว แต่พอเอาเข้าจริง สมองของแดนเหนือกลับว่างเปล่า ลืมบทที่เตี๊ยมกับน้องชายไปสนิท ชายหนุ่มได้แต่จ้องดวงหน้าหวานหยดของเพียงรักแล้วอ้าปากพะงาบๆ กลายเป็นคนที่สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะหนึ่ง 

“จะนั่งก่อนก็ได้นะ” 

เป็นเพียงรักที่ตัดสินใจทำลายความเงียบลง และนั่นทำให้แดนเหนือได้สติ เขากะพริบตาปริบๆ พร้อมกับบอกตัวเองให้เลิกมองเพียงรักเหมือนครั้งแรกที่เจอหญิงสาวได้แล้ว เรื่องระหว่างพวกเขาผ่านจุดเขินอายและตะลึงกับความสวยของเธอมาไกลแล้ว...ไกลจนครั้งหนึ่งแดนเหนือเองก็เคยคิดว่า เรื่องของพวกเขามาถึงทางตันแล้ว

เมื่อเพียงรักพูดกับเขาด้วยถ้อยคำที่แสดงถึงความสนิทสนม แม้จะไม่เท่าตอนที่พวกเขายังคบหากัน แต่ก็นับว่าดีมากแล้วสำหรับตอนนี้ อันที่จริงแดนเหนือคิดว่าเขาจะได้รับความเย็นชาจากเพียงรัก คิดว่าเธอจะทำเหมือนเขาเป็นอากาศธาตุแล้วเสียอีก...แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยหัวใจเขาก็จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ 

“ขอบคุณนะ รวมถึงที่ให้เหนือมาเจอด้วย เลขาฯ เพียงบอกเหนือแล้วว่าเพียงยุ่งมาก”

คิ้วเรียวของเพียงรักเลิกสูงขึ้นเพราะสรรพนามที่แดนเหนือใช้แทนตัว ก็มันเป็นคำที่พวกเขาใช้แทนตัวเองครั้งที่ยังคบหากันอยู่นี่ หญิงสาวตะขิดตะขวงใจอยู่นิดๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจปล่อยผ่าน เธอมั่นใจว่าการมาของแดนเหนือในวันนี้ ระหว่างพวกเขาย่อมต้องมีเรื่องทะเลาะที่ใหญ่กว่าเรื่องสรรพนามแทนตัวเกิดขึ้นแน่ ฉะนั้นอย่ามัวมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องกันอยู่เลย... 

“งั้นเหรอ แต่เลขาฯ ของเหนือไม่ได้บอกคนของเรานะว่าเหนือนัดเราทำไม”
             แน่นอนว่าสรรพนามแทนตัวของเพียงรักนั้นทำให้คิ้วเข้มของร่างสูงซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวกลางห้องนั้นขมวดมุ่นด้วยความไม่พอใจ แต่เพียงรักเลือกที่จะเมินสีหน้าหงุดหงิดของแดนเหนือ ขณะเดินอ้อมโต๊ะทำงานของเธอมาแล้วพิงตัวกับขอบโต๊ะ วางมือข้างหนึ่งยันโต๊ะไว้ใกล้กับสะโพก ก่อนจะเงยหน้ามาจ้องหน้าคมด้วยแววตาเย็นชาและคมกริบ ทำให้แดนเหนือนึกหวั่นใจขึ้นมานิดๆ แต่ก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือ

“แล้วตกลงว่าเหนือมีอะไร”

“เหนืออยากคุยกับเพียง...” เสียงห้าวนั้นเบาหวิว ชายหนุ่มลอบมองใบหน้างามของเพียงรักผ่านแพขนตาด้วยความยำเกรง รู้ดีว่าเพียงรักถือไพ่เหนือกว่าเขาทุกประตู ยิ่งหวนนึกถึงคำพูดของเกื้อกูลที่ย้ำกับเขาหนักหนาก่อนมาที่นี่ ขวัญกำลังใจของแดนเหนือก็ยิ่งหดเล็กลงกว่าเดิม “เรื่องลูก...แล้วก็เรื่องของเรา”

“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจนั้นดังขึ้นมาทันทีที่คำพูดสุดท้ายหลุดจากปากของแดนเหนือ พร้อมกับสีหน้าเบื่อหน่ายราวกับว่าเพียงรักนั้นรู้อยู่แล้วว่าแดนเหนือมาที่นี่เพื่ออะไร 

เธอเองก็เตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ว่าเขาจะต้องมาโวยวายเรื่องลูกกับเธอแน่ ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้อาละวาด แต่เพียงรักรับรองได้เลยว่าอีกไม่นาน แดนเหนือจะต้องทำอย่างที่เธอคิดแน่ เธอรู้จักเขาดี บางทีอาจจะดีกว่าที่แดนเหนือรู้จักตัวเองด้วยซ้ำไป 

“มีอะไรที่เรายังไม่ได้เคลียร์กันหรือเหนือ ก่อนที่เราสองคนจะเลิกกัน เราว่าเราก็เคลียร์ไปหมดแล้วนะ”

“ไม่เห็นมีอะไรเคลียร์ วันนั้นเพียงทิ้งเหนือมาเฉยๆ” แดนเหนือแย้ง น้ำเสียงที่เคยอ่อนโยนก่อนหน้าก็กระด้างขึ้นด้วยความแง่งอนปนน้อยใจ แต่ทำไปก็เท่านั้น เพราะเพียงรักก็ยังมองเขาด้วยสายตาเบื่อหน่ายอยู่ดั่งเดิม นั่นยิ่งทำให้แดนเหนือคันยุบยิบในใจ

สายตาแบบนั้นจะหมายความว่าอะไรได้อีก นอกจากรำคาญเขาน่ะ!

“เราบอกเหนือไปหมดแล้ว...มีอะไรที่เหนือไม่เข้าใจหรือ” เพียงรักถามเขาด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ยังคงพยายามใจเย็นและมีเหตุผลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“เพียงท้อง ทำไมไม่บอกเหนือ” นี่เป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางยอมได้ ยิ่งสำหรับแดนเหนือ เรื่องลูกนั้นทำให้เขาโกรธและน้อยใจเพียงรักที่สุด “ใจคอเพียงจะปิดเราไปเรื่อยๆ เลยใช่ไหม...ถ้าเราไม่รู้เอง เพียงก็ไม่คิดจะบอกให้เรารู้ว่าเรามีลูกตั้งสองคนใช่หรือเปล่า”

“รู้หรือไม่รู้แล้วมันจะต่างกันยังไง” หน้าผากของเพียงรักย่นเล็กน้อย พร้อมกับที่หญิงสาวยกมือขึ้นกอดอกขณะตอบอดีตคนรักด้วยคำถาม “แค่ลูกของเรามีดีเอ็นเอของเหนืออยู่ในตัวครึ่งหนึ่ง มันก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรสักหน่อย เพราะตั้งแต่ที่เด็กๆ อยู่ในท้องของเรา พวกเขาก็มีแค่เราเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ ต่อให้มีหรือไม่มีเหนือในชีวิตพวกเขา มันก็ไม่ได้แตกต่างกันหรอก”
             “เพียงใจร้ายมากนะที่บอกแบบนั้นกับเหนือ” แดนเหนือพึมพำเสียงแผ่ว ไม่คิดจริงๆ ว่าเพียงรักจะใจร้ายกับเขาถึงขนาดนี้ ใจคอเธอตั้งใจจะให้เขาขาดใจตายลงไปตรงนี้เลยหรือไง ถึงได้พูดคำพูดเมื่อครู่นี้ออกมา

“เราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก” เพียงรักพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น บอกชัดว่าเธอไม่เสียใจสักนิดกับการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง

“แต่เพียงก็ควรจะบอกเหนือบ้าง นั่นลูกเหนือนะเว้ย! ทำไมเพียงใจร้ายกับเหนือขนาดนี้วะ!” 

แดนเหนือเผลอตัวตวาดหญิงสาวออกไปด้วยความเสียใจผสมความโกรธ ลืมไปหมดแล้วว่าตอนนี้เป็นเพียงรักที่ถือไพ่เหนือกว่าตน แต่ตอนนี้ใครจะสน! 

นอกจะไม่สะทกสะท้านกับการตัดพ้อและหยาดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาคลอหน่วยตาของแดนเหนือแล้ว สีหน้าของเพียงรักยังคงราบเรียบและมีแต่ความเย็นชาจนหัวใจของแดนเหนือสะท้าน ความกลัวที่มีก่อนหน้าทวีขึ้นมาจนทำให้เขาปวดหัวใจไปหมด

หรือว่าเรื่องของเขาและเพียงรักมาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้วจริงๆ...

สายตาที่จ้องมองมานั้นว่างเปล่า...ไร้ความรู้สึกและความเสน่หา แต่แดนเหนือก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้คนตรงหน้าเขาจะเปลี่ยนไป เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่ได้ครอบครองหัวใจของเขาอยู่ดี 

เพียงรักเมื่อห้าปีก่อนนั้นเข้มแข็งมากเท่าไหร่...เพียงรักในฐานะแม่ของลูกเขาก็เข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าเป็นไหนๆ 

แต่นั่นก็ไม่ได้อธิบายสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจของแดนเหนือ และมันก็จะคาราคาซังอย่างนี้ต่อไปจนกว่าชายหนุ่มจะหาคำตอบได้ ว่าอะไรที่ทำให้เธอตัดสินใจจากเขาไปในวันนั้น

“เหนือเลวมากเลยใช่ไหม...เลวจนเพียงให้เหนือเป็นพ่อของลูกไม่ได้เลยใช่ไหม” 

คำถามนั้นทำให้เพียงรักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเนิบนาบทว่าเด็ดขาด แสดงออกถึงความจริงใจกับคำตอบของเธอ

“ก็เลวพอตัว”

“เหนือจะต้องทำยังไง...เหนือต้องทำอะไร เพียงถึงจะยกโทษให้เหนือ” คนที่ใครๆ ก็บอกว่าแข็งกระด้างและไม่กลัวใคร บัดนี้กลับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้า อ้อนวอนเพียงรักด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “เหนือเอาแต่ใจใช่ไหม เพียงถึงเลิกกับเหนือ เหนือไม่ดีตรงไหนเพียงบอกเหนือมา แต่ขอร้องนะ เพียงกลับมาหาเหนือเถอะ...”

“ไม่มีอะไรที่เหนือทำได้แล้วละ” เพียงรักสูดลมหายใจเข้าบอกลึกๆ เพื่อสะกดความโกรธของตัวเอง “เราเลิกกันแล้ว”

“ไม่เอา...” 

แดนเหนือผวาลุกขึ้น ก้าวเข้าไปหาร่างระหงเพื่ออ้อนวอนคนรักของเขา ไม่มีทางที่เขาจะยอมรับว่าเรื่องของเขากับเพียงรักจบลงแล้วได้...ไม่ว่าจะเป็นเมื่อห้าปีก่อนหรือตอนนี้ แดนเหนือก็ไม่มีทางทำใจได้ 

“เหนือรักเพียงมากแค่ไหนเพียงก็รู้...เหนือตายแทนเพียงได้ เพียงก็รู้นิ”

“เราไม่รู้หรอกเหนือ...” เพียงรักตอบในวินาทีเดียวกัน จ้องมองมือแกร่งที่เอื้อมมาจับมือเธออย่างถือสิทธิ์ แล้วดวงตาคมซึ้งก็เลื่อนขึ้นไปมองใบหน้าคมคร้ามของชายหนุ่มที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนักในตอนนี้ “เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะยังเชื่อคำพูดของเหนือได้หรือเปล่า”

“แค่เพียงบอกมา...เพียงอยากได้อะไร เพียงแค่บอกเหนือมา แค่คำเดียว...เหนือจะหามาให้เพียง...” แดนเหนือสั่นศีรษะแรงๆ ด้วยความดื้อดึงอันเป็นนิสัยเดิม ยึดมือเล็กของเพียงรักมาพรมจูบติดๆ กันหลายครั้งเพื่อคลายความคิดถึง ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะห่างสัมผัสอ่อนโยนจากมืองามมานานถึงเพียงนี้ 

“เหนือทำไม่ได้หรอก...” เพียงรักส่งยิ้มเหนื่อยล้าไปให้ร่างสูง พร้อมกับพยายามปลดมือเขาออกจากมือของเธอ แต่ความพยายามของเธอกลับกลายเป็นศูนย์ เมื่อแดนเหนือไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยมือเธอเลย จนเพียงรักต้องเอ่ยเตือนเสียงเข้ม 

“เหนือ...”

“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะเพียง มีอะไรก็ช่วยกันแก้ไง” แดนเหนือทวงคำสัญญาที่เพียงรักเคยให้ไว้เมื่อครั้งที่พวกเขายังคบหากัน “เพียงบอกเองนี่...เพียงบอก...”

“เรื่องของเรามันจบไปตั้งนานแล้วเหนือ เราบอกเหนือแล้วนี่”

“เพียง...” แดนเหนือจวนจะร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ ชีวิตเขาไม่เคยต้องอ้อนวอนใคร ไม่เคยเลยสักครั้ง...ทว่าตอนนี้เขากลับกำลังทำตัวเป็นไอ้ขี้แพ้ อ้อนวอนขอความเมตตาจากผู้หญิงใจร้ายที่มองเขาด้วยสายตารังเกียจเหมือนเขาเป็นตัวเชื้อโรค “เหนือต้องทำยังไง...ต้องทำอะไรเพียงถึงจะกลับมา...”

“เหนือทำไม่ได้หรอก...”

“ไม่” แดนเหนือปฏิเสธทันที ไม่มีอะไรที่เขาทำเพื่อเพียงรักไม่ได้ และคนที่รู้ดีที่สุดก็คือเขา “เหนือทำให้เพียงได้ทุกอย่าง...ไม่มีใครรู้ดีกว่าเหนือหรอก”

“แค่รักเราคนเดียวเหนือยังทำไม่ได้เลย! เหนือจะเอาปัญญาที่ไหนไปทำทุกอย่าง!” 

เพียงรักตวัดสายตาคมกริบขึ้นมองหน้าคนดื้อดึง เธอไม่คิดจะยกเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตขึ้นมาทำร้ายแดนเหนือและหัวใจของตนอีก แต่ในเมื่อพูดดีๆ ไม่รู้เรื่อง มันก็ต้องใช้ไม้แข็ง 

“เรื่องง่ายๆ เท่านั้นเหนือยังไม่มีปัญญา เหนือคิดว่าเรายังจะหวังอะไรในตัวเหนือได้อีก”

“เพียง...”

“เราไม่เคยขออะไรจากเหนือเลยนะตอนที่คบกัน...ไม่เคยเลยสักครั้งเดียว” คราวนี้น้ำเสียงของรักเหี้ยมเกรียมขึ้นเมื่อเธอเอ่ยลอดไรฟัน จ้องหน้าคมคายที่ยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้ ราวกับจะเข้าไปหักคอเขาให้ตายคามือเดี๋ยวนี้ หากว่าเธอทำได้ “แต่เหนือกล้าที่จะนอกใจเรา...ทำแบบนั้นมันหยามกันเกินไป!” 

ว่าแล้วเพียงรักก็ฉวยโอกาสตอนที่แดนเหนือเผลอ กระชากมือของตัวเองออกมาแล้วตวัดชี้หน้าคมคร้าม เอ่ยลอดไรฟันอีกครั้งซึ่งครั้งนี้เป็นการตักเตือนแดนเหนือครั้งสุดท้ายจากแม่เสือที่ชื่อว่าเพียงรัก 

“อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีก...ไม่อย่างนั้นเราจะทำให้เหนือจะเสียใจยิ่งกว่านี้”

“ไม่ๆ” แดนเหนือผวาเข้าไปขวางร่างบาง เมื่อเพียงรักตั้งท่าจะผละไป ทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่กลางห้องทำงานของฝ่ายหญิง และแน่นอนว่าแดนเหนือเป็นฝ่ายมีชัยด้วยพละกำลัง เขาจึงรั้งเพียงรักเอาไว้ได้นานอีกนิด “เหนือผิดคนเดียว เหนือขอโทษเพียง...แต่เพียงอย่าใจร้ายกับเหนือเลยนะ”

ตอนนี้ไม่ว่าเพียงรักจะให้เขาเป็นอะไร แดนเหนือก็ยอมทั้งนั้น...เธอจะให้เขาเป็นเศษฝุ่นหรือเป็นเชื้อโรคในชีวิตของเธอก็ได้ แดนเหนือขอเพียงเขายังสามารถอยู่ในชีวิตของเพียงรักกับลูก แดนเหนือยอมทั้งหมด

“เหนือไม่ดีใช่ไหม...เหนือทำผิดกับเพียง...”

“รู้แล้วก็เลิกยุ่งกับเราและลูกสักที” 

เพียงรักเงยหน้าขึ้นมองคนที่ร้องไห้เป็นเด็ก ไม่รู้สึกสงสารแดนเหนือสักนิด เพราะสิ่งที่เขาทำกับเธอมันเทียบกันไม่ได้เลย ความยากลำบากที่เพียงรักเคยเผชิญมา แดนเหนือไม่มีทางจินตนาการได้ด้วยซ้ำ...คนอย่างเขาไม่มีทางรู้จักรสชาติของสิ่งที่เธอต้องเจอตลอดห้าปีที่ผ่านมาหรอก 

“เราสัญญาว่าเราจะดูแลลูกให้ดี เลี้ยงดูพวกแกให้เป็นคนดี...ฉะนั้นเหนือช่วยเลิกยุ่งกับครอบครัวของเราได้ไหม”

“ไม่!” แดนเหนือสั่นศีรษะทั้งที่น้ำตานองหน้า 

“ไหนเหนือบอกว่าเหนือยอมทุกอย่างไง ไหนบอกว่าเหนือทำเพื่อเราได้ทุกอย่าง” เพียงรักย้อน สบตากับคนสับปลับด้วยสายตาเยาะเย้ยที่คล้ายจะบอกว่าเธอรู้อยู่แล้ว ว่าอย่างไรแดนเหนือก็ไม่มีปัญญาทำตามคำพูดที่เขาเคยให้ไว้กับเธอได้

ไม่ว่าตอนนี้หรือเมื่อห้าปีก่อน สิ่งที่แดนเหนือเก่งที่สุดก็คือโกหกเธอ 

“เหนือยอมเพียงทุกอย่าง แต่ไม่ใช่ให้เพียงกับลูกทิ้งเหนือไป” มือหนายังคงจับท่อนแขนงามซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะเหนี่ยวรั้งเพียงรักไว้กับตัวได้ 

“มีอะไรที่เหนือให้ลูกได้แล้วเราให้ไม่ได้บ้าง...” 

เพียงรักสงสัยจริงๆ ว่า แดนเหนือคิดว่าเขาจะให้อะไรลูกได้มากกว่าที่เธอมอบให้เด็กๆ ในทุกวันนี้ลูกของเธอจะมีเขาหรือไม่มีเขา เพียงรักก็คิดว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ 

“อันที่จริงถ้าเป็นเราถามเหนือบ้างล่ะ...ถ้าเราถามเหนือ ว่าเหนือจะดูแลลูกได้ดีเท่าที่เราทำหรือเปล่า เหนือมั่นใจหรือว่าจะทำได้ถึงครึ่งที่เราทำอยู่...เหนือคิดว่าตัวเองมีปัญญาเลี้ยงลูกให้ดีเท่าที่เราทำจริงๆ หรือ!” 

แน่นอนว่าแดนเหนือไม่มีคำตอบอะไรให้เพียงรัก ตอนนี้สมองของเขามึนตื้อ คิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง แต่สิ่งที่ทั้งคู่ต่างรู้อยู่แก่ใจดีนั่นก็คือ ต่อให้แดนเหนือตายอีกสิบครั้ง เขาก็เลี้ยงลูกให้ดีอย่างที่เพียงรักทำไม่ได้

“เพราะอย่างนั้นเราก็อยากให้เหนือเข้าใจเราบ้าง เราเลิกกับเหนือเพราะอะไร เหนือก็รู้ดีกว่าทุกคน เหนือรู้ดีพอๆ กับเรานั่นแหละว่าทำไมเราถึงไม่รักเหนือแล้ว แล้วที่เราเลือกที่จะเลี้ยงลูกเอง ก็เพราะเรามั่นใจว่ามันต้องจะดีกับพวกแกมากกว่า ถ้าให้พวกแกอยู่กับเราแค่คนเดียว”

“หมายความว่าเพียงไม่เคยคิดจะบอกเรื่องลูกกับเหนือเลยใช่ไหม...ถ้าเหนือไม่ไปดักเจอเพียงวันนั้น เหนือก็จะไม่รู้เรื่องลูกต่อไปใช่ไหม” 

“ใช่” 

เพียงรักตอบอย่างเด็ดเดี่ยว เธอเองก็คิดเรื่องนี้มาอย่างดีแล้วเช่นกัน แต่สำหรับแดนเหนือนั้นเขาพอจะเดาเรื่องราวได้อยู่แล้ว แต่พอมาได้ยินกับหูตัวเองอย่างนี้ ทำให้แดนเหนือไปต่อไม่เป็น เขาได้แต่มองเพียงรักผ่านม่านน้ำตา อ้าปากกว้างอย่างตกตะลึง

 “นั่น...ลูกเหนือนะเพียง...ลูกของเราสองคน”

“เราเลี้ยงพวกแกได้” เพียงรักเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ปราศจากอารมณ์ในน้ำเสียง มีเพียงความจริงที่แดนเหนือจำต้องยอมรับฟังเท่านั้น และเธอยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงมั่นคงชวนให้คนฟังหวั่นใจ “เราจะตั้งใจจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด...ไม่ได้ตั้งใจทำให้เหนือลำบากใจเรื่องลูกเลย การที่ไม่ให้เหนือรู้เรื่องเด็กๆ มันจะดีกับทุกคนมากกว่า”

“หมายถึงมันดีกับเพียงคนเดียวหรือเปล่า” แดนเหนือร้องไห้ออกมาแล้วจริงๆ แต่เขาก้มหน้าแล้วยกมือปาดน้ำตา ก่อนจะเหลือบมองหน้าเพียงรักด้วยสายตาผิดหวัง

ตั้งแต่ทั้งคู่รู้จักกันมา เป็นครั้งแรกที่แดนเหนือรู้สึกผิดหวังในตัวของเพียงรัก คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจในวันนั้นจะเลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้ 

“ลูกจะได้รักเพียงคนเดียว มีเพียงคนเดียวใช่ไหมล่ะ...ที่แท้เพียงก็แค่เห็นแก่ตัว กลัวว่าลูกจะรักเหนือใช่ไหมล่ะ”

“เหนือคิดว่าใครมันจะรักเหนือได้วะ” ความอดทนของเพียงรักขาดผึง หญิงสาวถลึงตามองอดีตคนรักด้วยความโกรธเพราะข้อกล่าวหาของเขา “เหนือเคยมองตัวเองบ้างไหม...เคยรู้ตัวไหมว่าทำไมใครๆ เขาถึงเกลียดเหนือ รู้บ้างไหมว่าเพื่อนที่มีอยู่ตอนนี้มีแต่เพื่อนกิน! ไม่มีใครรักแล้วก็แคร์เหนือจริงสักคน! รู้ไหมว่าทำไม...”

“...”

“ก็เพราะว่าเหนือเป็นแบบนี้ไง!” ว่าแล้วเพียงรักก็ชี้ไปที่ร่างสูง “เป็นแบบนี้! ไม่เคยเห็นว่าตัวเองทำอะไรให้ใครเสียใจบ้าง...เหนือทำเราเสียใจ เหนือนอกใจเรา...แต่พอเราจะไปจากเหนือ เหนือก็มาโวยวาย เหนือเป็นห่าอะไร!”

“เพียง...”

“แล้วเราจะบอกอะไรเหนือเอาบุญนะ เผื่อว่าเหนือโง่มากจนลืมไปว่าเราน่ะเป็นแม่...” เพียงรักว่าเสียงเหี้ยมกว่าเดิม จ้องตาแดนเหนือไม่มีหลบ “แล้วเราเป็นพ่อของเด็กๆ เราคนเดียวที่เลี้ยงพวกแก! เราคนเดียวที่ร้องไห้ตอนพวกแกป่วย เราคนเดียวที่ต้องฝืนกินของที่ตัวเองเกลียดเพราะว่ามันดีต่อลูก มีแค่เราคนเดียวที่อยู่ตอนพวกแกไม่สบาย มีแค่เราเหนือ...แค่เรา!!”

“แล้วทำไมเพียงไม่บอกเหนือว่าเพียงท้องลูกของเหนือ!”

“บอกให้มันได้อะไรขึ้นมา บอกแล้วเหนือจะเลิกนอกใจเรางั้นหรือ!” 

เป็นแดนเหนือที่สะอึกอึ้ง เมื่อเห็นหยาดน้ำตาเอ่อคลอดวงตางามที่มีแต่ความเจ็บช้ำของเพียงรัก 

“รู้ไหม...วันที่เราตั้งใจบอกเหนือเรื่องลูกน่ะ เราดันไปรู้เรื่องดีๆ เข้าก่อน เหนือลองทายสิว่าเรื่องอะไร”

ตอนนี้แดนเหนือไม่กล้าเดาแล้วว่าคำตอบของคำถามเมื่อครู่คืออะไร เพราะว่าเขากลัวจับใจว่าตัวเองจะเดาถูก

“เรารู้ว่าเหนือนอกใจเราไง!”

“นี่เพียง...” 

แดนเหนือเอ่ยตะกุกตะกัก คิดไม่ถึงว่าเพียงรักจะพูดประโยคเมื่อครู่ออกมา ขณะที่อีกฝ่ายเพียงหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของอดีตคนรัก

“นี่เหนือคิดว่าตัวเองฉลาดพอที่จะหลอกเราได้จริงๆ เหรอ” 

“นะ...เหนือ...”

“เหนือเลิกนอกใจเราไม่ได้ เหมือนที่เหนือเป็นพ่อที่ดีของใครไม่ได้นั่นแหละ” 

เพียงรักปรามาส น้ำเสียงที่เธอใช้นั้นบอกให้แดนเหนือรู้ว่า หญิงสาวปักใจแล้วจริงๆ ว่าเขาเป็นพ่อที่ดีของใครไม่ได้ 

“เรารู้จักเหนือดี สามัญสำนึกขั้นต่ำของมนุษย์เหนือยังไม่มีเลย เพราะฉะนั้นอย่าหวังว่าเราต้องยอมให้เหนือเป็นพ่อของลูกเรา...เรื่องอะไรที่เราต้องให้ลูกของเราโตมากับคนอย่างเหนือ”

“เพียง!” รู้อยู่ว่าตัวเองผิดเต็มประตู แต่เพียงรักทำร้ายเขาด้วยคำพูดเจ็บแสบขนาดนี้มันก็เกินไป

“แค่เหนือเป็นเจ้าของสเปิร์ม มันไม่ได้ทำให้เหนือเป็นพ่อของใครหรอกนะ อย่ามาเรียกร้องความเป็นพ่อของลูกเราที่นี่อีก เพราะคนที่ทำให้เรื่องเป็นแบบนี้ไม่ใช่เรา” 

เพียงรักเอ่ยเสียงเหี้ยมยิ่งกว่าเดิม หญิงสาวสู้สายตากับแดนเหนืออย่างไม่เกรงกลัว ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เธอตักเตือนแดนเหนือไป หรือจะต้องพูดกี่หนแดนเหนือถึงจะเข้าใจ เพราะชายหนุ่มยังคงมีสีหน้าว่างเปล่า คล้ายไม่รับรู้สิ่งที่เพียงรักต้องการจะสื่อ และสุดท้ายเรื่องมันก็วนกลับมาที่เดิม

“เพียง...เหนือขอร้อง” 

แดนเหนือร้องไห้สะอึกสะอื้น อ้อนวอนหญิงสาวอย่างคนที่หัวใจสลายครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างสูงผวาลงไปเกาะต้นขาของเพียงรัก แล้วเงยหน้ามองเธอ 

“อย่าทำแบบนี้กับเหนือเลย...เพียงจะเอาอะไร เหนือจะหามาให้เพียงหมดทุกอย่าง แต่เหนือขอร้อง อย่าไล่เหนือเลยนะ อย่าเอาลูกไปไหน...เหนือขอร้องนะเพียง...จะให้เหนือไหว้ก็ได้” 

แดนเหนือเกาะขาเพียงรัก กอดขาเธอแน่น อ้อนวอนเธอด้วยทุกอย่างที่เขามี 

“เหนือไม่มีเหลืออะไรแล้ว อย่าเอาลูกไปไหนอีกเลยนะ”

“อย่าทำแบบนี้เหนือ...” เพียงรักพยายามบังคับเสียงของตัวเองให้เข้มแข็ง มือก็พยายามแกะท่อนแขนที่กอดขาเธอแน่นเหมือนปลอกเหล็กออกไป “เราบอกเหนือแล้วใช่ไหมว่าเราไม่อยากเกลียดเหนือ...ฉะนั้นเลิกทำตัวให้เราเกลียดเหนือสักที”

“เพียง...เพียง เหนือขอโทษ...ยกโทษให้เหนือเถอะ เหนือผิดเอง เหนือผิดคนเดียว” แดนเหนือไม่รู้จริงๆ ว่าจะทำอะไรนอกจากเกาะขา แล้วอ้อนวอนเพียงรักให้กลับมาหาเขา เขาจนปัญญาแล้วจริงๆ 

“แน่อยู่แล้วว่าเหนือเป็นคนผิด!” 

เพียงรักผลักร่างสูงด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เธอมี กระทั่งแดนเหนือถลาไปไกล ร่างบอบบางสูดลมหายใจแล้วตลบผมยาวของเธอไปด้านหลัง ไม่นานเพียงรักก็กลับมายืนเต็มความสูง มองหน้าซีดเซียวของคนที่นั่งอยู่แทบพื้น 

“คนที่นอกใจเรามันเป็นเหนือ คนที่ไสส่งลูกของเรามันก็มีแต่คนของเหนือทั้งนั้น!”

“เพียงหมายความว่ายังไง”

“ถ้าแค่นี้ยังไม่เข้าใจ เหนือก็โง่ต่อไปแหละดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น