9

ถูกคน ถูกที่แต่ผิดเวลา

๙ 

ถูกคน ถูกที่แต่ผิดเวลา

 

ห้องประชุมบริษัทไนน์สตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์คลาคล่ำไปด้วยผู้บริหารระดับสูง ทั้งชยา ตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ ชมนาด มารดาชานนท์ผู้เป็นประธานบริษัท และสุรีย์ ผู้ช่วยคนสนิท ฝั่งซ้ายมือคือตัวแทนฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายบุคคลและชานนท์ฝ่ายดูแลนักแสดง ตรงข้ามคือแขขวัญซึ่งนั่งหน้าซีดเผือดอยู่ข้างจิรัศยา ที่แม้จะประหม่าก็ยังคงเชิดหน้าได้อย่างสง่างาม 

“ครบนะ” ชมนาดกล่าวเสียงกังวานเมื่อกวาดตามองแล้วไม่มีฝ่ายไหนขาดหายไป “คุณจินช่วยอธิบายเรื่องนี้หน่อยค่ะ”

คำถามเจาะจงตรงตัว ทำให้จิรัศยาเผลอเลียริมฝีปาก เอาเข้าจริงก็ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ซ้ำเตวิชยังเตือนเรื่องที่อาจมีคนของแก๊งควีนบีแฝงตัวอยู่ในบริษัทอีก แม้จะสังเกตการณ์ดูแล้วว่าคนในห้องอาจไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง แต่ก็ไม่มีใครการันตีว่าข่าวจะไม่กระจายออกไป

“ผมว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า” ชานนท์แทรกขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศเคร่งเครียด “ผู้ชายในข่าวเป็นญาติของจินครับ จินแค่แวะไปพักด้วยช่วงวันหยุด คุณแม่ก็เห็นใช่ไหมครับว่าบ้านนี้มีหญิงวัยกลางคนเข้าออกด้วย” เขากดสไลด์แสดงภาพที่ถ่ายติดนารีกับนุชฤดีบนโปรเจคเตอร์ให้ได้เห็นโดยทั่วกัน 

จิรัศยาเพิ่งจะเห็นภาพดังกล่าวมือไม้จึงเย็นเฉียบ แสดงว่าภาพที่ว่อนอยู่ในโซเชียลตอนนี้ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่ถูกถ่ายไว้ได้

“ว่ายังไงคุณจิน”

คนที่โดนชมนาดเรียกมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ ยิ่งหันไปสบตาก็ราวกับโดนข่มจนตัวหดหรือเพียงสองนิ้ว แม้จะอยู่บริษัทนี้มาเนิ่นนานแต่ไม่บ่อยเลยที่จะได้เผชิญหน้ากัน แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงรังสีบางอย่างที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ชอบเธอเป็นทุน

“คุณคงรู้นะว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ต่อให้ปกปิดแค่ไหนสักวันมันก็แดงออกมาอยู่ดี”

“คุณแม่อย่าขู่จินอย่างนั้นสิครับ” ชานนท์กล่าวแทรกออกมาอีกครั้ง ด้วยคิดว่าจิรัศยาไม่มีสิ่งใดปิดบังตน

“แกก็ปล่อยให้คุณจินพูดบ้างเถอะ ออกตัวแทนเสียทุกเรื่องแบบนี้หล่อนเป็นแฟนแกหรือไง”

บรรยากาศภายในห้องราวกับถูกปกคลุมด้วยเมฆฝนทันทีที่ชยาเอ่ยจบ ทุกสายตามองชานนท์สลับกับจิรัศยาอย่างใคร่รู้ระคนสงสัย

“จริงเหรอตานนท์” ชมนาดจ้องบุตรชายเขม็ง สีหน้าบึ้งตึง 

และดูเหมือนทุกคนต่างก็รอฟังอย่างใจจดใจจ่อโดยเฉพาะจิรัศยา เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้ว ‘เราเป็นอะไรกัน’

ชานนท์อึกอัก มองมารดาสลับกับจิรัศยาอย่างชั่งใจ ‘เขาชอบเธอ’ อันนี้คือความจริงและก็มั่นใจกับความรู้สึกนี้มาหลายปี ทุกการกระทำที่แสดงออกล้วนมาจากใจและคิดเสมอว่าเธอสามารถรับรู้ได้ หลายครั้งที่ได้ยินคำถามอ้อมๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์จากเธอแต่เป็นเขาเองที่มักบ่ายเบี่ยง ซึ่งสาเหตุล้วนมาจากมารดา 

แม้ธุรกิจของครอบครัวจะเกี่ยวกับวงการบันเทิงโดยตรงแต่ชมนาดกลับไม่อยากให้ได้สะใภ้เป็นบุคคลมีชื่อเสียง เหตุก็เพราะบิดาที่เสียไปมีภรรยาน้อยมากหน้าหลายตาซึ่งล้วนเป็นดารานักแสดง น้องชายอย่างชยาเองก็เคยแต่งงานกับนักแสดงระดับแถวหน้าแต่ก็มีปัญหาจนต้องเลิกรากันไป ชมนาดที่มาจากชาติตระกูลดีจึงอคติเสมอ ดูถูกว่าผู้หญิงพวกนี้แค่กระหายชื่อเสียงเงินทอง ยอมแลกทุกอย่างได้แม้กระทั่งความเป็นมนุษย์ เธอไม่รังเกียจหากบุตรชายคนเดียวจะหาเศษหาเลยกับแม่ผู้หญิงที่กระสันความสำเร็จจนตัวสั่น แต่เมื่อไหร่ที่คิดจริงจังขึ้นมานั่นเท่ากับว่าประกาศตัวเป็นศัตรู ชานนท์รู้ซึ้งในข้อนี้ดีจึงไม่พร้อมให้จิรัศยาต้องพบเจอกับความกดดันนี้

“อ้อ แล้วข่าวที่ว่าคุณจินไปเกี่ยวข้องกับแก๊งควีนบีนี่จริงหรือเปล่า” ระหว่างที่ชานนท์ยังไม่ได้ให้คำตอบ ชยาก็ถามคำถามใหม่ขึ้นมาอีก ซึ่งเรื่องนี้ก็นับว่าไม่ใช่เล็กๆ เลย

“จริงเหรอ” ชมนาดปราดมองผ่านชานนท์แล้วไปหยุดที่จิรัศยา เดาได้ทันทีว่าที่ตนไม่เรื่องก็เพราะลูกชายใช้เส้นสายปิดไว้เต็มที่ 

“ไม่จริงครับ” เป็นชานนท์ที่ออกตัวแทนอีกเช่นเคย “เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ความจริงแล้ว...”

“หุบปากตานนท์!” ชมนาดตวาดลั่นจนทุกคนในห้องตะลึง “สรุปแกเป็นอะไรกับคุณจิน”

เจอคำถามนี้อีกครั้งชานนท์ก็เหงื่อตก เม้มปากแล้วเหลือบมองที่จิรัศยาก่อนจะหลับตาลงอย่างชั่งใจ เธอกำลังจะหมดสัญญาในอีกเจ็ดเดือนข้างหน้าเขาจึงวางแผนกว่าจะกล่อมให้เธอลาออกจากวงการไปเริ่มต้นทำธุรกิจหรือไม่ก็เข้ามาช่วยบริหารบริษัทถึงตอนนั้นมารดาก็คงยอมโอนอ่อนบ้าง แต่ถ้าปฏิเสธก็จะเป็นการทำร้ายจิตใจเธออีกครั้ง “คือผม...”

“เราไม่ได้เป็นอะไรกันค่ะ” จิรัศยาตอบเสียงเรียบ หันไปสบตากับชมนาดอย่างจริงจัง “พี่นนท์ดีกับนักแสดงทุกคนในค่าย จินไม่เห็นว่าจะได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่นๆ ตรงไหน”

“จิน...” แม้จะโล่งใจแต่ชานนท์ก็อึ้งกับประโยคราวกับไม่มีเยื่อใย 

“พี่นนท์ไม่ต้องช่วยจินโกหกหรอกค่ะ ความจริงยังไงก็คือความจริง ไหนๆ ข่าวก็ออกมาขนาดนี้แล้ว”

 “หมายความว่ายังไง” ชมนาดถามอย่างข้องใจ

จิรัศยายืดตัวตรง มือที่วางบนตักกำแน่น แม้ตอนแรกจะรับปากเตวิชมาแล้วว่าจะทำให้เขาเดือดร้อนที่สุดทว่าพอโดนกดดันมากๆ ก็รู้สึกรับมือไม่ไหว ไอ้เรื่องข่าวชู้สาวนี่ไม่เท่าไหร่แต่ชยายังลากข่าวแก๊งควีนบีมาอีก 

“ผู้ชายในภาพไม่ใช่ญาติจินหรอกค่ะ เราไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทางสายเลือด”

มีเสียงฮือฮาดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ต่างก็คาดไม่ถึงกับคำตอบที่ได้รับ

“มะ...หมายความว่าไงคะน้องจิน” แขขวัญหันไปจับแขนคนที่ดูแลใกล้ชิดมาตลอดหลายปีเขย่า ด้วยไม่เคยระแคะระคายเลยว่าอีกฝ่ายหนีไปมีแฟน แถมชานนท์ก็ย้ำกับตนหนักหนาว่าให้ดูแลจิรัศยาอย่างดี หลายๆ ครั้งที่ชานนท์โผล่ไปหาแบบถูกเวลาก็เพราะตนเป็นคนส่งข่าว หากผลสรุปออกมาอีหรอบนี้แสดงว่าเธอทำงานพลาดอย่างแรง

“เขาเป็น...” จิรัศยาเม้มริมฝีปากก่อนจะหลับตาลงแล้วตัดสินใจเอ่ยออกมา “แฟนจินเองค่ะ”

บรรดาคนในห้องประชุมต่างอึ้งในคำตอบ เพราะส่วนมากที่นักแสดงมีแฟนมักปกปิดด้วยส่งผลกระทบโดยตรงกับภาพลักษณ์และงานที่บริษัทจะป้อนให้ ทว่าจิรัศยากลับยอมรับหน้าตาเฉย 

“เอาละ! แล้วคุณจะจัดการเรื่องนี้ยังไง” ชมนาดกล่าวออกมาท่ามกลางความเงียบ นึกโล่งใจที่อย่างน้อยจิรัศยาก็รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร

“แถลงข่าวยอมรับค่ะ”

“จิน!” ชานนท์ลุกขึ้นอย่างเหลืออด แทบอยากจะเดินเข้าไปจูงมือเธอออกไปคุยกันให้รู้เรื่อง

“อันที่จริงจินก็ไปอยู่ที่บ้านคุณเตมาสักพักแล้วค่ะ ได้เจอครอบครัวเขาแล้วด้วย ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องปิดบัง จินอยากให้เกียรติครอบครัวเขา”

ทุกคำบาดหูจนชานนท์ได้แต่กำมือแน่น ส่วนชมนาดก็นิ่งไตร่ตรองอันที่จริงหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ต่อให้ยืนกรานปฏิเสธก็ยิ่งถูกขุดคุ้ยอยู่ดี

“เธอคงรู้นะ ว่าอาจจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง”

ประโยคนั้นทำให้จิรัศยาเงียบไปอีกรอบ นักแสดงบางคนก็แทบไม่มีที่ยืนในวงการหลังจากเปิดตัวเพราะแฟนๆ ต่างรับไม่ได้ แต่บางคนก็ได้รับการตอบรับที่ดี

“จินไม่ได้รับบทนางเอกอยู่แล้ว คงไม่กระทบอะไรมากหรอกค่ะ”

ชมนาดเห็นด้วย ส่วนใหญ่ที่แฟนๆ รับไม่ได้ที่นักแสดงในดวงใจมีแฟนหรือครอบครัวก็เพราะขัดกับภาพลักษณ์และโกหก

“ถ้าเธอมั่นใจ ฉันก็เห็นด้วย”

“คุณแม่!”

“แกมีปัญหาหรือตานนท์” ชมนาดหันขวับไปทางบุตรชาย ซึ่งมีท่าทีเหมือนมีอะไรจะพูดแต่สุดท้ายก็ไม่เอ่ยออกมา

“เอาตามที่คุณจินว่าก็แล้วกัน ให้ทางฝ่ายพีอาร์นัดหมายสื่อเพื่อเตรียมแถลงข่าว ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ให้แฟนคุณจินมาร่วมด้วยก็แล้วกัน”

“คะ?”

“มีปัญหาเหรอ” ชมนาดย้อนถาม เมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนจะลำบากใจ

“เอ่อ คือ คุณเตไม่ค่อยรู้เรื่องวงการบันเทิงเท่าไหร่ เขาชอบอยู่เงียบๆ มากกว่า ก็เลยคิดว่าอาจจะไม่สะดวก” จิรัศยาหน้าตาตื่น แค่ถือวิสาสะเอาเขามาสมอ้างทั้งที่ไม่บอกก่อนก็เสียวสันหลังจะแย่ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมมาแถลงข่าวด้วย

“คุณลองไปคุยก่อนก็แล้วกัน”

“ก็ได้ค่ะ” แม้ปากจะตอบรับ แต่เธอตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะไม่เอ่ยเรื่องนี้กับเตวิชเด็ดขาด

“งั้นที่เหลือก็ฝากผู้เกี่ยวข้องจัดการด้วยก็แล้วกัน ฉันยังมีธุระอื่นต่อ” เมื่อได้บทสรุปที่พอใจ ชมนาดก็ปลีกตัวออกไปคนแรก ตามด้วยชยาที่ลุกไปด้วยอีกคน

พอไม่มีสองหัวเรือใหญ่ในห้องก็เงียบกริบ ด้วยสังเกตแล้วว่าสภาวะอารมณ์ของผู้มีอำนาจอีกหนึ่งคนไม่ปกติ 

“เชิญคนอื่นๆ ออกไปก่อนครับ ผมมีเรื่องต้องคุยกับจิน”

ผู้เกี่ยวข้องที่เหลือหันมองหน้ากันก่อนจะทยอยกันลุกขึ้น ซึ่งคนสุดท้ายเห็นจะเป็นแขขวัญที่ตบไหล่นักแสดงภายใต้ความดูแลของตนอย่างให้กำลังใจ

ชานนท์หันมองบุคคลที่นั่นตรงข้ามอย่างไม่รู้ควรเริ่มตรงไหนดี 

“พี่นนท์ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกค่ะ จินตัดสินใจแล้ว อีกอย่างก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร” จิรัศยากล่าวไปตามเนื้อผ้า เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ ความสัมพันธ์ก็แค่เจ้านายลูกน้อง หรือถ้ามากกว่านั้นก็อาจจะพี่ชายน้องสาว การห่วงใยย่อมมีขอบเขต แถมนี่ก็เป็นการตัดสินใจของเธอด้วย

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่? จินพูดออกมาได้ยังไง” ชานนท์ตวาด ลุกขึ้นเดินไปเดินมาอย่างพยายามระงับโทสะ “ถ้าข่าวออกไปมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ แล้วจินคบกับหมอนั่นรู้จักมันดีแค่ไหน”

“คุณเตไม่ใช่คนเลวร้าย”

“น้อยไปสิ”

จิรัศยามองคนหน้าเครียดด้วยความฉงน เขาพูดดั่งว่ารู้จักเตวิช

“ใช่ พี่รู้จักมัน” ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากถาม ชานนท์ก็เดาได้จากสีหน้า

คนได้ฟังตะลึงงัน ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ “รู้จักได้ยังไงคะ ที่นี่เคยใช้บริการบริษัทคุณเตเหรอ” เป็นเพียงเหตุผลเดียวที่เธอนึกออก เพราะทั้งสองเรียกว่าคนละสายงานกันก็ได้

“เราเรียนมหา’ลัยเดียวกัน” ชานนท์ตอบแล้วหันหน้าไปมองภาพวิวผ่านกระจกจากชั้นสิบห้า ปิดบังบางเรื่องที่หน่วงในใจเอาไว้ 

“บังเอิญจัง” จิรัศยาพอเดาได้แล้วว่าทำไมชานนท์ถึงดูไม่พอใจ ก็บุคลิกอย่างเตวิชใครกันจะไม่หมั่นไส้ หน้าตายามปกติก็ดูยียวน พูดออกมาแต่ละคำราวกับอวดฉลาดแถมดูไม่กลัวใครอีก ความมั่นใจในตัวเองก็เกินพันเสียกระมัง

“จินไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับมัน”

“เขาเป็นคนดีจริงๆ นะคะ” จิรัศยายืนยัน ระยะเวลาที่ได้อยู่ร่วมบ้านมาสักพักก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว แถมขีดเส้นความสัมพันธ์ชัดเจน ไม่มีท่าทีจะพิศวาสอะไรเธอกลับบอกว่าไม่ใช่สเปกด้วยซ้ำ

“จิน!”

“พี่นนท์วางใจเถอะค่ะ จินจะทำให้ดีที่สุด ถ้าอยู่กันไปแล้วไม่รอดจินก็พร้อมจะยอมรับ” เธอตั้งใจจะไม่บอกเขาถึงที่มาที่ไป ให้ชานนท์เข้าใจไปแบบนี้ดีแล้ว เธอจะได้อาศัยจังหวะนี้ตัดใจไปด้วยเลยเพราะยังไงเขาก็ไม่ได้เห็นเธอเป็นคนพิเศษ อีกทั้งชมนาดก็ดูจะไม่พึงพอใจเธอด้วย ถือว่าเป็นการตัดปัญหาหลายๆ อย่างในคราวเดียว

“พี่ชอบจิน”

ประโยคสารภาพที่จู่ๆ ก็ออกมาจากปากชานนท์ทำให้เหตุผลร้อยแปดที่อยู่ในหัวปลิวหายวับไป เธอค่อยๆ หันไปสบตาคนพูด

“เหตุผลที่พี่ไม่อยากให้จินทำแบบนี้เพราะพี่ชอบจิน”

จิรัศยารู้สึกราวกับโดนชกจนมึนไปหมดเมื่อชานนท์ย้ำแล้วเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า คว้ามือเธอไปกุมไว้

“พี่ไม่อยากให้จินไปยุ่งเกี่ยวกับมัน อย่าทำลายอนาคตตัวเองแบบนี้เลยนะ เราหาทางออกอื่นเถอะ”

ฝ่ายคนโดนบอกรักยังอึ้ง มองคนที่ตัวเองแอบชอบมาหลายปีดั่งไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอดึงมือออกแล้วก้มหน้าด้วยความสับสน

“จิน”

“หยุดค่ะ” จิรัศยาร้องห้ามเมื่อชานนท์เอื้อมมาคว้ามือ เธอยังตั้งตัวไม่ทันบอกไม่ถูกด้วยซ้ำว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร “พี่นนท์ชอบจินตั้งแต่เมื่อไหร่”

“นานแล้ว แต่ที่พี่ไม่บอกเพราะ...” ชานนท์เว้นช่วง เม้มปากเล็กน้อยก่อนจะยอมเอ่ยออกมา “คุณแม่พี่ไม่อยากให้คบกับคนในวงการ พี่ก็เลยไม่บอกจิน”

“ขนาดจินถาม พี่นนท์ก็ไม่เคยยอมรับ” จิรัศยาเอ่ยต่อ ซึ่งหลายครั้งหลายหนที่ต้องเจ็บช้ำอยู่ลำพัง

“พี่ขอโทษ คือพี่...”

“เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลยค่ะ ไหนๆ จินก็ตัดสินใจแล้ว”

“จินคบกับหมอนั่นจริงๆ เหรอ”

แววตาเศร้าๆ ทำให้ใจของคนที่แอบชอบเขามานานพานอ่อนไหวไปด้วย เธอไม่เคยเห็นชานนท์เป็นแบบนี้เลย 

“หรือจริงๆ แล้ว จิน...รักมัน”

คนฟังเม้มปาก ถึงแม้อยากจะบอกความจริงแต่บอกตรงๆ ว่ายังไม่มั่นใจ เธอกลัวว่าเขาจะมีส่วนรู้เห็นในการหายตัวไปของเรนนี่

ความเงียบทำให้ชานนท์ยิ่งใจคอไม่ดี ความสุขุมเยือกเย็นที่เคยมีมลายหายไป ในใจตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวลและหวาดหวั่น “จินบอกพี่ จินไม่ได้รักมันใช่ไหม”

จิรัศยามองคนที่จับมือตัวเองเขย่าอย่างลังเล “พี่นนท์ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ก่อนที่จินจะตอบ จินขอถามอะไรพี่นนท์สักอย่างได้ไหม” เธอหยั่งเชิง หากจะต้องเป็นฝ่ายเปิดเผยความจริงก็อยากให้เสมอกันทั้งสองฝ่าย 

“ได้ครับ ถามมาเลย” มาถึงจุดที่จะสูญเสีย ชานนท์ก็ยอมแลกทุกอย่าง

“พี่นนท์รู้เรื่องที่เรนนี่หายตัวไปมากน้อยแค่ไหนคะ”

ชานนท์เต็มไปด้วยความแปลกใจ เพราะครั้งที่แล้วก็โดดคาดคั้นเรื่องนี้ไปแล้วรอบหนึ่ง

“พูดความจริงกับจินได้ไหม”

 คนฟังผ่อนลมหายใจ แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่ามันเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังคุยกันตรงไหนแต่เมื่อเธออยากรู้เขาก็พร้อมจะเปิดเผย เพราะอาจจะทำให้เธอเปลี่ยนใจไม่ทำตามแผนของมารดาก็เป็นได้ 

“ก็ได้ครับ แต่จินต้องใจเย็นๆ นะรู้ไหม” เขารู้ว่าเธอสนิทกับเรนนี่มาก ตอนแรกที่ปิดบังก็เพราะอยากกันให้ออกห่างแต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

 จิรัศยาพยักหน้า แม้ในใจจะคิดว่าชานนท์เตือนเธอช้าเกินไป

“เรนนี่มาบอกพี่ว่าถูกนำภาพลับไปปล่อยให้ห้องแชตควีนบีและถูกโหวตให้เป็นสตาร์บี เธอกลัวมากอยากจะขอหลบไปสักพัก พี่ก็ตกลงตามนั้น” ตอนแรกชานนท์ไม่รู้จักห้องแชตนี้จึงไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ “แต่จู่ๆ เรนนี่ก็หายตัวไป พี่พยายามสืบแล้วพบว่าก่อนหายตัวมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามตามล่าเธอ จึงรู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วที่พี่ปิดบังจินเพราะไม่อยากให้จินต้องเสี่ยงไปด้วย”

“แต่เรนนี่เป็นเพื่อนจิน”

“แต่พี่เป็นห่วงจิน”

ประโยคที่สวนมาแทบจะทันทีทำให้จิรัศยากำหมัดแน่น ทำไมทุกคนห่วงเธอแต่ไม่ห่วงสวัสดิภาพของเรนนี่เลย แบบนี้ยิ่งทำให้รู้สึกแย่และรู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่เข้าใจเธอเลยสักนิด

“พี่นนท์อนุญาตให้เรนนี่พักแล้ว ทำไมยังรับงานให้อีกคะ” เป็นอีกหนึ่งข้อที่เธอสงสัย และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ไว้ใจเขาด้วย

“ข้อนั้น” ชานนท์มีท่าทีลำบากใจ แต่พอหันไปสบสายตาจริงจังก็จำต้องยอมเอ่ย “เป็นคำสั่งคุณแม่ ดูเหมือนงานนั้นจะเป็นของพาร์ตเนอร์ของบริษัท และเขาก็ชื่นชอบเรนนี่มาก ทางเราจึงปฏิเสธไม่ได้”

คำตอบที่ได้ทำให้จิรัศยาลังเล “จินเชื่อใจพี่นนท์ได้ใช่ไหม”

“ที่ผ่านมาพี่อาจปิดบังเพราะไม่อยากให้จินต้องเสี่ยงอันตราย แต่พี่รับปาก ตั้งแต่วันนี้ไปพี่จะไม่ปิดบังหรือโกหกอะไรจินอีกแน่นอน”

จิรัศยานิ่งอย่างคิดไตร่ตรอง แล้วก็ตัดสินใจว่าจะลองเชื่อเขาอีกสักครั้ง “ขอบคุณค่ะ”

แววตาของความไม่มั่นใจในตัวเขาหายไปแล้ว ชานนท์จึงพลอยยิ้มออก ลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ แล้วคว้ามือไปกุมไว้อีก

“จินล่ะ เล่าให้พี่ฟังได้ไหมว่าไปเกี่ยวข้องกับหมอนั่นได้ยังไง”

คำถามนี้ทำให้จิรัศยาลังเลขึ้นมาอีก แต่ในเมื่อเขายอมเปิดเลยสิ่งที่สงสัยเธอก็ควรจะแฟร์ๆ เช่นกัน “ที่จินรู้จักกับคุณเตก็เพราะ...ไปสืบข่าวของเรนนี่” แล้วเธอก็เล่าที่มาที่ไปทั้งหมดให้ชานนท์ฟังอย่างไม่ปิดบัง ทั้งเรื่องสืบข่าว ถูกหลอกใช้และการที่เตวิชช่วยเหลือจนต้องไปอยู่ที่บ้านเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ซึ่งพอฟังจบสีหน้าชานนท์ก็กังวลมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า

“ทำไมเอาตัวเองไปเสี่ยงขนาดนี้”

“ก็ตอนนั้นจินไม่มีวิธีอื่น” จิรัศยาเสียงอ่อย “พี่นนท์ก็มีส่วนผิด ถ้าบอกความจริงแต่แรกจินก็คงไม่ใช่วิธีนี้”

คนได้ฟังถึงกับเถียงไม่ออก ยกมือเสยผมด้วยอึดอัดใจ “พี่พยายามกันจินให้ออกห่าง แต่จินกับวิ่งเข้าไปหาปัญหา”

“ก็จินเป็นห่วงเรนนี่นี่คะ”

“พี่เข้าใจ แต่เราปล่อยให้มืออาชีพจัดการก็ได้ ตอนนี้ตำรวจก็พยายามสืบหาหลักฐานเพื่อจัดการแก๊งนี้อยู่” ชานนท์ก็ไม่ได้เพิกเฉยเสียทีเดียว เขาให้ความร่วมมือกับทีมตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการคดีนี้ แม้จะยังไม่เป็นรูปธรรมหรือมีความคืบหน้าอะไรมากก็ตาม “อีกอย่างพี่ก็รู้ว่าอาจมีคนในบริษัทเกี่ยวข้อง พี่ให้พนักงานที่ไว้ใจได้จับตามองอยู่เพราะฉะนั้นจินไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องให้ตัวเองต้องเดือดร้อนเลย”

พอรู้ว่าชานนท์ไม่ได้ละเลยเรนนี่ จิรัศยาก็รู้สึกดีขึ้นมาก ความรู้สึกติดลบช่วงก่อนหน้านี้จึงเพิ่มมาอยู่จุดเดิม แถมอาจจะมากขึ้นเพราะเขาสารภาพรักกับเธอแล้วด้วย

“ยิ้มอะไร พี่ไม่เห็นว่าจะมีเรื่องไหนที่ทำให้ยิ้มได้เลยนะ”

“จินไม่คิดว่าพี่นนท์จะห่วงจินขนาดนี้”

“จิน!”

ยิ่งได้ยินเสียงตวาดจิรัศยายิ่งยิ้มกว้าง แม้ในสถานการณ์แย่ๆ แต่หัวใจก็ฟูฟ่อง

“เด็กดื้อ” ชานนท์เองก็อ่อนใจ ยื่นมือไปลูบศีรษะเจ้าของดวงใจอย่างอ่อนโยน

“รู้แบบนี้แล้ว ก็เลิกล้มแผนแถลงข่าวเปิดตัวได้แล้วใช่ไหม”

จิรัศยาส่ายหน้า คว้ามือชานนท์มากุมไว้ “ไม่ค่ะ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผนเดิม”

ชานนท์มองอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเราสองคนเคลียร์กันเข้าใจก็ไม่เห็นต้องสร้างมลทินให้ตัวเอง

“คุณเตไว้ใจได้ แล้วจินก็อยากให้เขาช่วยตามหาเรนนี่ด้วย เขามีเส้นสายที่เป็นตำรวจอยู่นะคะ ที่จินไม่ถูกจับเรื่องที่โดนหลอกเป็นนกต่อก็ได้เขาช่วยไว้”

“แต่พี่ไม่ไว้ใจมัน” ชานนท์ตอบแบบไม่เสียเวลาคิด

“จินจะตกลงกับคุณเตเอง ระหว่างพวกเราจะเกี่ยวข้องกันแค่เรื่องคดีของเรนนี่เท่านั้น”

ความมั่นใจที่อีกฝ่ายแสดงออกมาทำให้ชานนท์ใจอ่อน และก็ค่อนข้างมั่นใจด้วยว่าตนเป็นคนที่จิรัศยามีใจให้มาหลายปี คงไม่มีสิ่งใดหรือใครมาแทรกแซงได้ง่ายๆ 

“แล้วพี่ล่ะ”

“คะ?” จิรัศยาเงยหน้ามองคนที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องอย่างสงสัย

“จิน...จะให้พี่เป็นอะไร” ถามแล้วก็ลุ้นฟังคำตอบ ขอแค่เธอเอ่ยปากต่อให้จะมีการแถลงข่าวใหญ่โตขนาดไหน เขาก็จะไม่หวั่นไหวใดๆ

“เป็นพี่นนท์ เหมือนที่ผ่านมาไงคะ”

“แต่เรา...”

“รอให้ข่าวและเรื่องเรนนี่ผ่านไปก่อนเถอะค่ะ เราค่อยมาขีดเส้นสถานะตอนนั้นก็ยังไม่สาย” จิรัศยาเอ่ยอย่างจริงจัง เธอไม่อยากขึ้นชื่อว่าเกี่ยวข้องกับผู้ชายสองคนในเวลาเดียวกัน ในเมื่อจะประกาศคบหากับเตวิชก็ไม่ควรให้ความสัมพันธ์กับชานนท์เกินเลยไปกว่าที่เป็นอยู่ “พี่นนท์จัดการเรื่องยุ่งๆ ของตัวเองก่อนดีไหมคะ ไม่แน่...ปัญหาอาจไม่ได้อยู่ที่จิน”

ชานนท์ถอนใจอย่างจำยอม พยักหน้าแกนๆ จำต้องปล่อยให้คนที่ตัวเองรักไปมีข่าวคบหากับผู้ชายอีกคนที่ตัวเองก็ไม่ชอบหน้าเป็นทุน

“จินจำเป็นต้องไปอยู่บ้านมันด้วยเหรอ”

“จินจัดการได้ค่ะ” จิรัศยาตัดบท ในเมื่อความสัมพันธ์ของเราสองคนยังไม่ถึงขั้นเป็นคนรัก หลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างเธอก็อยากจะคิดตรึกตรองเอง “พี่นนท์ช่วยร่างคำแถลงให้ทีนะคะ เอาที่เห็นว่าเหมาะสม”

“ไม่มีอะไรเหมาะสมทั้งนั้นแหละ”

จิรัศยามองคนที่นานๆ จะยียวนทีแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ไม่คุ้นกับชานนท์ในลุคนี้เลยจริงๆ “ฝากด้วยนะคะ จินยังมีเรื่องต้องไปจัดการ”

“กับหมอนั่น”

จิรัศยายักไหล่ รู้สึกว่าตัวเองเป็นต่อขึ้นมานิดหน่อย ก็เขาหลอกให้เธอสับสนว้าวุ่นใจมานานหลายปี ได้เอาคืนบ้างเล็กๆ น้อยๆ คงไม่เป็นไร

ชานนท์มองตามคนที่เดินออกไปแล้วก็ได้แต่ฮึดฮัด ไม่ได้รู้สึกสบายใจเลยสักนิดที่จิรัศยาไปเข้าใกล้เตวิช

“หมอนั่นมันไม่น่าคบหาเลยสักนิด” แม้ไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัว แต่เขาก็ได้ยินชื่อนี้มานานและไม่ใช่ในแง่ดีเสียด้วย 

ชานนท์เดินไปเดินมาอยู่สองสามรอบด้วยความว้าวุ่นใจ สุดท้ายก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหาผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้เข้ามาร่วมกันร่างคำแถลงที่จะใช้พรุ่งนี้ ในเมื่อจิรัศยาตัดสินใจแล้วเขาก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากคอยเฝ้ามอง เคียงข้างและให้กำลังใจอยู่ห่างๆ หวังเหลือเกินว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น