4
ชำระหนี้
“ขอโทษนะคะ รบกวนพาฉันลงไปข้างล่างที ฉันมีธุระต้องรีบไปจัดการ” พิมพ์นาราแสร้งทำหูทวนลม สายตาฝ้าฟางขึ้นมากะทันหัน จับแขนพนักงานแน่นราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย
“เธอกล้าเมินฉันเหรอ!” มิเกลขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายตั้งแต่เท้าจดหัว
“ฉันต้องไปเก็บของขึ้นเครื่องแต่เช้า รบกวนด้วยนะคะ” หญิงสาวแต่งเรื่องโกหกกับพนักงาน ปั้นหน้านิ่งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงโหยหวนตรงหน้า อยากขอส่วนบุญก็ขอไป หล่อนไม่เหลือเศษบุญให้คนประเภทนี้
“ส่งผู้หญิงคนนี้ให้ฉัน ฉันมีธุระกับหล่อน” ชายหนุ่มกล่าวกับพนักงานเป็นภาษาฝรั่งเศส เมื่อเห็นว่า ‘เจ้าหนี้’ เผยสีหน้าฉงนออกมา จึงหันไปพูดกับนางแบบสาวข้างตัว
“ส่วนเธอกลับไปก่อน ไว้ว่างแล้วฉันจะให้คนติดต่อไป”
แม้ว่าฝ่ายหญิงจะอดหงุดหงิดไม่ได้ แต่ก็ไม่กล้าโต้แย้ง ‘ลูกค้า’ คนสำคัญ นานๆ ทีจะได้รับทรัพย์จากเศรษฐีแคซาโนวาหนุ่ม ดังนั้นการขัดใจเขาจึงเป็นเรื่องค่อนข้างสิ้นคิด
“ซินดี้จะรอคุณว่างนะคะ” นางแบบสาวกล่าวพร้อมยื่นหน้าไปจูบลา ไม่สนใจสายตาผู้ไม่เกี่ยวข้องอีกสองคนที่ยืนอยู่
เสียงลิ้นกระหวัดลิ้นสร้างความกระอักกระอ่วนให้พิมพ์นาราไม่น้อย ถึงแม้นี่จะเป็นโรงแรม แต่หน้าลิฟต์มันก็ถือว่าเป็นที่สาธารณะหรือเปล่า คนที่ทำอะไรในที่แบบนี้ได้ผิวหน้าต้องทำมาจากอะไร
“อืม...” เสียงครางอย่างรัญจวนของนางแบบสาวดังขึ้นเป็นระยะ
พิมพ์นาราได้แต่ข่มใจทำเป็นไม่ได้ยิน อีกแค่สองก้าวจะเข้าไปในลิฟต์ได้ แต่หนทางดูยาวไกลกว่าที่เห็นนัก หล่อนพยายามดึงแขนออกแต่ก็ไม่เป็นผล พนักงานสาวด้านข้างไม่ยอมให้ความร่วมมือในการพาหลบหนี ปฏิกิริยาจากคนช่วยพยุงแปรเปลี่ยนเป็นเจ้าหน้าที่คุมตัวในชั่วพริบตา
อยู่ๆ หญิงสาวก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าชายตรงหน้าพูดอะไรบางอย่างกับพนักงานซึ่งหล่อนฟังไม่เข้าใจ หล่อนไม่คิดจะพาตัวเองมาเสี่ยงกับอะไรแบบนี้เป็นรอบที่สองแน่
ความปลอดภัยลดลงอยู่ในระดับต่ำสุด มีสัญญาณเตือนในสมองว่าต้องทำอะไรสักอย่าง พิมพ์นาราตัดสินใจผลักพนักงานออกแล้วพุ่งตัวหนีเข้าลิฟต์ในระหว่างที่สองคนนั้นยังนัวเนียกันอยู่
‘แย่แล้ว!’ ความเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาในจังหวะที่เท้าสัมผัสพื้นอีกครั้ง
โครม!
ร่างบางล้มคว่ำอยู่ระหว่างประตูลิฟต์ โอกาสหนีของหล่อนจบสิ้นแล้ว คู่อนาจารด้านหลังหยุดนัวเนียกันและระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง ชั่วครู่ขาเรียวสวยของใครบางคนก็เดินข้ามผ่านไป เหมือนมองไม่เห็นมนุษย์ที่ขวางทางอยู่ตรงนี้ พนักงานสาวที่หล่อนเคยคิดว่าเป็นมิตรก็ตามเข้าไปติดๆ
“แล้วเจอกันนะคะมิเกล” นางแบบสาวล่ำลาคู่ค้าต่างเพศ ก่อนจะกดปุ่มปิดประตูลิฟต์หนีสถานการณ์ตรงหน้า
“รอด้วย! ให้ฉันลงไปด้วยเถอะค่ะ!” พิมพ์นาราส่งสายตาวิงวอนเพื่อนเพศเดียวกัน ยื่นมือไปขวางเซนเซอร์ไม่ให้ประตูลิฟต์ปิดได้ง่ายๆ
“...”
สองสาวส่งความเงียบเป็นคำตอบ พิมพ์นาราตัดสินใจนั่งคั่นกลางตรงนี้นี่แหละ ถ้าหล่อนไม่ได้ลง คนอื่นก็ห้ามลง!
“กรี๊ด!”
พิมพ์นาราหวีดร้องเมื่อมือหยาบกระด้างจับเข้าที่ข้อเท้าลากหล่อนออกมาข้างนอก สองสาวนั่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่อยากยุ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาประตูเหล็กทั้งคู่ก็ปิดตัวหากัน
“คุณจะจองเวรจองกรรมฉันไปถึงไหน ฉันไปทำอะไรให้คุณ!” หล่อนสะบัดข้อเท้าออกจากมือเขาแล้วหันมากรี๊ดใส่ชายหนุ่มซึ่งนั่งยองๆ ตรงหน้าและพยายามสะบัดข้อเท้าให้หลุดออกจากพันธนาการเมื่อเขาจับไว้อีกครั้ง ขณะที่มือทั้งคู่ก็จับชายกระโปรงไม่ให้ร่นขึ้นไปสูงกว่านี้
“เห็นฉันแล้วเหรอ” ชายหนุ่มลากร่างบางเข้ามาใกล้อีกครั้ง
“กรี๊ด!”
ด้วยความตกใจหล่อนจึงปล่อยมือจากชายกระโปรงสั้นเปลี่ยนเป็นมายันพื้นไม่ให้หงายหลังแทน ดวงตาวาวโรจน์จ้องกลับเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ หายใจแรงจนทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลง
“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” ชายหนุ่มใช้น้ำเสียงสั่งการ ไม่สนใจสายตาทิ่มแทงจากคนตรงหน้า
“แต่ฉันไม่มี! ปล่อย!”
“ฉันให้เธอเลือกระหว่างอยู่เฉยๆ ให้ฉันอุ้ม หรือจะให้ฉันเตะเธอกลิ้งเป็นลูกบอลเข้าไปในห้องแทน”
แน่นอนว่าหญิงสาวหุบปากสนิท หล่อนเชื่อว่าอีกฝ่ายกล้าเตะจริงๆ
หมับ!
ไม่ต้องรอคำตอบ ชายหนุ่มก็เขยิบไปช้อนร่างบางขึ้นมาพาดไหล่ทันที โชคดีที่รอบนี้สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ออกกำลังกายทั้งนอกห้องและบนเตียงไม่มีขาด ต่อให้หญิงสาวตรงหน้าดิ้นพราดเป็นปลาถูกทุบหัวก็ไม่มีทางหลุดรอดออกไปได้แน่
หญิงสาวพยายามใช้แขนยันไม่ให้ตัวไปเสียดสีกับอีกฝ่ายมากเกินไป เบือนหน้าหนีกลิ่นน้ำหอมผสมแอลกอฮอล์ที่อยู่ใกล้ปลายจมูกเป็นระยะ อยู่ๆ ก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งตัวแบบไม่ทราบสาเหตุ
ชายหนุ่มหยุดที่ประตูห้องริมสุด สอดมือหาคีย์การ์ดในสูท ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้วยแขนข้างเดียว
โครม!
มิเกลโยนหญิงสาวลงบนโซฟาเหมือนเด็กโยนตุ๊กตา จังหวะที่หล่อนเด้งตัวขึ้นและชุดรัดๆ นั่นร่นขึ้นไปจนเกือบจะปิดอะไรต่อมิอะไรไม่มิดทำให้นัยน์ตาสีครามเป็นสีเข้มจัดขึ้นชั่วพริบตา เขากอดอกมองต้นขาและปลีน่องเรียวด้วยสายตาโลมเลียม
“มีอะไรก็พูดมา!” นัยน์ตาคมกริบทำเอาหญิงสาวร้อนฉ่าไปทั้งตัว รีบคว้าหมอนอิงมาปิดต้นขาและเขยิบถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณ
เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็น ‘คนไร้บ้าน’ ชัดๆ เต็มตา วันนี้อีกฝ่ายอยู่ในชุดสูทตัวนอกสีน้ำเงิน สวมเสื้อเชิ้ตข้างในสีขาว ผมสีน้ำตาลเข้มเซตเป็นทรงเหมือนนายแบบตามปกหนังสือ เคราเขียวเห็นชัดว่าเพิ่งโกน ใบหน้าเหลี่ยมและจมูกโด่งเป็นสันตรงดูแข็งกร้าว คิ้วเข้มรับกับนัยน์ตาสีครามดุดันเหมือนสัตว์ป่า ริมฝีปากหยักบางเหยียดยิ้มน้อยๆ แสดงถึงความเจ้าอารมณ์ ดูหยิ่งยโสเหมือนนิสัยที่เขาแสดงออกต่อผู้อื่น
ถ้าวันนั้นเขานอนพะงาบในสภาพนี้ หล่อนต้องนึกว่ากำลังถ่ายภาพยนตร์อยู่แน่ๆ
“ทำไมไม่เอาเช็คไปขึ้นเงิน” ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมย้ายร่างกำยำไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“ฉันยังไม่รีบใช้เงิน” หญิงสาวปั้นน้ำเป็นตัว ใครจะกล้าบอกว่าตนฉีกกระดาษแผ่นนั้นเป็นร้อยแปดสิบแปดชิ้นโปรยทิ้งไปแล้ว
“โกหกหน้าด้านๆ” เสียงทุ้มกดต่ำ เขาหรี่ตาเค้นความจริง
“ฉันไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร สำหรับเธอล้านเดียวมันคงไม่พอสินะ เลยเสนอหน้าตามฉันมาถึงที่นี่ ใช้เวลาสืบนานไหม หึ! ดูโง่ๆ แต่แอบร้ายไม่เบาเลยนะ”
เมื่อหลายเดือนก่อนเขาไม่เห็นอีกฝ่ายไปขึ้นเงินเสียที เลยส่งผู้ติดตามไปสืบเกี่ยวกับหล่อน แม่นี่เจ้ามารยาสุดๆ ทำเป็นไม่สนใจหนีออกจากประเทศไป แต่การกระทำตรงกันข้ามชัดๆ เสนอหน้ามาถึงที่นี่ คงไม่ต้องถามความคาดหวัง
“ฉันบอกแล้วไงว่าเอาเงินมาแล้วก็ออกจากบ้านฉันไป แต่ฉันไม่ได้บอกนี่ว่าจะต้องใช้เงินก้อนนั้น ต่อให้ฉันเอาไปใช้หรือเอาไปพับนกพับดาวมันก็เรื่องของฉัน เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว”
“เธอเป็นสายของใคร ถ้ายอมตอบดีๆ ฉันจะจ่ายให้สองเท่า” ชายหนุ่มคาดคั้น มีคนปกติธรรมดาที่ไหนไม่อยากได้เงิน ต้องเป็นแบบที่เขาคิดแน่ๆ พวกศัตรูทางธุรกิจหาทางส่งคนมาใกล้ชิดแล้วบ่อนทำลายจากภายใน
พิมพ์นาราแค่นเสียงขึ้นจมูก นอกจากไม่มีใครสั่งสอนแล้วยังคิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเก่ง อธิบายกับคนแบบนี้ไปก็เท่านั้น ยังไงเขาก็เอาความคิดตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว
“ถ้าไม่มีอะไรสำคัญ ฉันขอตัวนะคะ ฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีกเยอะ”
ปัง!
“ฉันยังพูดไม่จบ!”
เสียงตบโต๊ะดังสนั่นทำเอาร่างบางสะดุ้งด้วยความตกใจ ตาคมกริบที่จ้องมาทำเอาผิวเนื้อทุกส่วนนอกร่มผ้าร้อนผ่าวเหมือนอังเตาผิง น่าแปลกที่ว่ามือไม้และริมฝีปากกลับสั่นระริก ขนทั่วสรรพางค์ลุกซู่เหมือนคนเจอความหนาวเย็น
แน่นอนว่าอาการของหล่อนคือ ‘กลัว’ แต่ชายหนุ่มหาได้คิดเช่นนั้นไม่ ริมฝีปากแดงฉ่ำอวบอิ่มนั่นทำให้เขานึกถึงสัมผัสเมื่อหกเจ็ดเดือนก่อน เล็บคมๆ ที่เคยฝังบนผิวเนื้อของเขายังเหลือรอยจางๆ อยู่บนหลังคอ หล่อนแต่งตัวดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากโข ดูเป็น ‘นังตัวร้าย’ ขึ้นมาหลายระดับ
“ฉันเดาทางเธอออก...” เขากล่าวเสียงเรียบ
“จริงๆ เธอไม่อยากได้เงิน แต่เธออยากได้อย่างอื่นที่...สุขสบาย” นัยน์ตาสีครามกวาดมองอย่างจาบจ้วงทั่วร่างของอีกฝ่ายไม่หยุด
“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ” หญิงสาวข่มอาการหวาดกลัวเอาไว้ภายใน ภาวนาให้เขาไม่บ้าคลั่งขึ้นมาอีก
“อุตส่าห์ตามมาถึงที่นี่ แต่ขอโทษที ฉันไม่นิยมเลี้ยงระยะยาว ถ้าเดือนสองเดือนเราก็พอจะตกลงกันได้” ชายหนุ่มยักไหล่ยื่นข้อเสนอ ถึงอย่างไรรสนิยมในเรื่องอย่างว่าที่ ‘รุนแรง’ ก็ตรงกัน
“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังจะสื่ออะไร แต่ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็ไม่เอา” พิมพ์นาราตอกกลับเสียงแข็ง พยายามรักษากิริยาให้ดูสงบทั้งๆ ที่ใจอยากจะลุกขึ้นแล้ววิ่งสี่คูณร้อยเมตรออกไปใจแทบขาด
ให้ตายเถอะ! ทำไมขาเลวต้องมาทรยศหล่อนตอนนี้ด้วย!
“ฉันมีเงิน เธอก็ไม่เอา อำนาจ ฉันก็ให้ไม่ได้ ก็เหลือแต่อย่างสุดท้ายนี่แหละที่พอจะเอามาใช้หนี้ตอบแทนได้”
“จริงๆ ฉันอยากได้เงินที่สุด เอาเป็นว่าคุณรีบเซ็นเช็คให้ฉัน และรบกวนโทร. เรียกพนักงานให้มารับฉันลงไปข้างล่างที หลังจากนั้นเราก็หายกัน ต่างคนต่างอยู่ เป็นวิธีที่ดีมากสำหรับเราสองคน” เธอพูดรัวจนลิ้นพันกัน สายตาของชายตรงหน้าให้คำตอบแบบโจ่งแจ้งว่าอย่างสุดท้ายที่เขากล่าวมันคืออะไร
“ไหนๆ คืนนี้ฉันก็ว่างพอดี อย่าเสียเวลาพูดมากเลย”
“คุณบ้าไปแล้วเหรอ กรี๊ด!”
หญิงสาวพยายามปัดป้องหลบหลีกร่างสูงซึ่งกระโจนพรวดเข้ามาเหมือนเงาปีศาจ แต่แรงลูกแกะมีหรือจะสู้หมาป่าผู้หิวโหยได้ ชายหนุ่มรวบแขนหญิงสาวเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว อีกข้างที่ว่างก็กดร่างบางลงจนแทบจะกลืนไปกับโซฟา
“ฉันลืมไปว่าเธอชอบแบบนี้”
“กรี๊ดดด! ไอ้สารเลว! ออกไป!”
พิมพ์นาราดิ้นพราดเหมือนปลาโดนทุบหัว พยายามเบี่ยงหน้าหลบใบหน้าดุดันซึ่งฝังลงมาที่ซอกคอ เสียงกรีดร้องไม่ได้ทำให้เขาหยุด แต่กลับเพิ่มทั้งการกัดและดูดเม้มเหมือนกำลังสวาปามของหวานเลิศรส
“ช่วยด้วยยย!” ถึงแม้จะรู้ดีว่าผนังโรงแรมห้าดาวทำหน้าที่ในการเก็บเสียงได้ดีมาก แต่หล่อนก็ภาวนาให้ใครสักคนได้ยิน และมาช่วยหล่อนจากสัตว์ร้ายที่กำลังทึ้งร่างตนในขณะนี้
“ขอให้ร้องดังๆ แบบนี้ทั้งคืนนะ”
แควก!
ชายหนุ่มฉีกชุดเดรสส่วนหน้าออกจากกันอย่างง่ายดายเหมือนฉีกกระดาษ อีกฝ่ายตกใจลืมตาโพลงพร้อมรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายดิ้นสุดแรงเกิด เขาไม่ควรประมาทหมาจนตรอกจนเกินไป เพราะผลลัพธ์ที่ได้คือกลิ้งตกโซฟากระแทกพื้นเจ็บตัวด้วยกันทั้งสองฝ่าย
เมื่อหลุดจากพันธนาการ หญิงสาวก็แข็งใจลุกขึ้นวิ่งตรงไปยังประตูซึ่งเป็นทางรอดอันแสนริบหรี่
“ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!”
ยังไม่ทันพ้นสามก้าวแขนแข็งแรงก็รัดตัวหล่อนจากด้านหลัง ยกร่างบางลอยหวือเหนือพื้น หญิงสาวพยายามทั้งดิ้น จิก ทุบ แต่เขากลับไม่สะทกสะท้านเหมือนท่อนแขนแข็งแรงเป็นอวัยวะไร้ความรู้สึก คนสารเลวอุ้มหล่อนเดินตรงไปทางอื่นที่ไม่ใช่ส่วนรับแขก เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เรี่ยวแรงที่พอจะเหลืออยู่น้อยนิดก็พลันสลายวับไปเหมือนลูกโป่งโดนปล่อยลม
พลั่ก!
ชายหนุ่มโยนหญิงสาวลงบนเตียงอย่างไร้ซึ่งการถนอม ขณะที่มองร่างกึ่งเปลือยพยายามหนี มือทั้งคู่ก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองไปด้วย
“ฉันกลัวแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะนะ” หญิงสาวร้องไห้โฮยกมือไหว้อีกฝ่ายปลกๆ หล่อนรู้ว่าเขาคงไม่เข้าใจความหมายที่ตนกำลังสื่อ แต่สติก็กระเจิงจนไม่รู้จะสรรหาวิธีอะไรที่ดีกว่านี้ออกมาได้
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตามคุณมาจริงๆ นะ ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ทำการค้าครั้งนี้ฉันรับรองได้ว่าเธอไม่ขาดทุนแน่นอน”
ร่างหนาแข็งแรงด้วยกล้ามเนื้อพุ่งเข้ามาคร่อมโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พักหายใจ มือหยาบกระชากสิ่งกีดขวางบนตัวคนใต้ร่างออกจนเหลือแค่กางเกงในตัวจิ๋วซึ่งแทบจะปิดความสาวไม่มิด ริมฝีปากร้อนครอบครองทรวงอกเต่งตึง ทั้งขบกัดสลับดูดเม้ม ไม่สนใจเจ้าของซึ่งพยายามป่ายปัดออก ยิ่งหล่อนดิ้น เขายิ่งลงมือหนักขึ้น
“ไอ้ชั่ว! ไอ้สารเลว! คนอย่างคุณมันหน้าตัวเมีย รังแกคนไม่มีทางสู้!” หญิงสาวด่ากราดทั้งน้ำตานองหน้า ขณะจิกทุบไหล่หนาอย่างบ้าคลั่ง
“จะตัวผู้ตัวเมีย เธอได้รู้เร็วๆ นี้แน่”
นิ้วหยาบกร้านบังคับให้หล่อนเผยอปากรับสัมผัสจากลิ้นสากอย่างถนัดถนี่ แรงที่คนสารเลวส่งมาไม่มีคำว่า ‘ยั้งมือ’ แม้แต่น้อย ความเจ็บปวดแผ่ลามไปทั่วร่างจนรู้สึกชาหนึบ แม้จะรังเกียจแค่ไหนแต่หล่อนก็ไม่อาจหนีความป่าเถื่อนจากคนตรงหน้าได้พ้น
จมูกไล้จมูก ริมฝีปากทั้งคู่บดเบียดกันจนแดงก่ำ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมสยบชายหนุ่มจึงคลายมือออกจากใบหน้าเล็ก ก่อนจะลากปลายนิ้วผ่านทรวงอก หน้าท้องแบนราบ และลามไปยังที่ที่ต่ำกว่า
“กรี๊ด! ไอ้เลว! ไม่!”
ขาเรียวทั้งคู่ถูกจับให้แยกออกจากกันโดยมีร่างหนาแทรกเข้ามาตรงกลาง ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาขบเม้มต้นขาด้านในก่อนจะไล่สูงขึ้นมาเรื่อยๆ ปราการด่านสุดท้ายลอยละลิ่วไปข้างเตียงโดยที่แม้แต่เจ้าของยังไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร เธอดิ้นและถีบสุดแรงเกิดแต่ก็ไม่เป็นผล ศีรษะซึ่งชิดกับหัวเตียงเปรียบเสมือนเครื่องจองจำหญิงบริสุทธิ์ให้ติดกับปีศาจร้ายผู้เจนจัดในทางโลก
ดอกไม้งามถูกผึ้งที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาหาความหวานล้ำอย่างอุกอาจ ถูกสำรวจทุกซอกทุกมุม แม้เจ้าตัวจะรู้สึกอับอายแข็งขืนปฏิเสธ แต่ก็ไม่อาจหนีจากแขนแกร่งซึ่งรัดรึงอยู่ได้เลย
ความเปียกลื่นก่อให้เกิดเสียงบางอย่างซึ่งทำให้หญิงสาวหน้าแดงก่ำ ลมหายใจหนักหน่วงขึ้นทุกวินาที มือทั้งคู่กำผ้าปูที่นอนแน่นจนนิ้วขึ้นข้อขาว แต่ริมฝีปากกลับเม้มสนิทไม่ปล่อยให้เสียงน่าอายหลุดออกมา
นัยน์ตาสีครามเข้มเหลือบขึ้นมองหน้านิ่วคิ้วขมวดหญิงสาว ยิ่งหล่อนพยายามขัดขืนก็ทำให้เขายิ่งอยากเอาชนะ ยิ่งหล่อนต่อต้านเขาก็ยิ่งอยากทำให้สยบ โชคร้ายที่หล่อนเจอคู่ต่อสู้ผิดคน เพราะเขาไม่เคยแพ้ในสงครามบนเตียง
“เธอชอบ...” เสียงทุ้มแหบพร่า ก่อนขบเม้มที่จุดอ่อนไหว
“มะ...ไม่ อ๊ะ!” เสียงหวานขาดห้วง หญิงสาวแหงนหน้ากัดริมฝีปากกล้ำกลืนทุกอย่างไว้ข้างใน ไม่ยอมให้ความรุ่มร้อนจากชายตรงหน้ามามีอำนาจเหนือกว่า
“จริงเหรอ แต่ ‘ข้างล่าง’ ไม่เห็นตอบแบบนั้นเลย มันเตรียมพร้อม ‘รับ’ ฉันเข้าไปทั้งหมด” ชายหนุ่มเม้มปากหนักๆ หลายทีจนร่างบางบิดไปมา
คำด่าที่เตรียมไว้กลายเป็นเสียงหอบครางเมื่อนิ้วหนึ่งรุกล้ำเข้าสู่ภายในกายบอบบาง นิ้วโป้งก็ไม่ได้ว่างงานนานนักเพราะชายหนุ่มใช้มันบดขยี้ควบคู่กันไป
แม้จะแปลกใจว่าแค่นิ้วเดียวทำไมถึงคับแน่นได้ขนาดนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ขยับนิ้วเป็นจังหวะต่อ
“ไม่! ออกไป! อ๊ะ!”
“ร้องออกมาสิ ชอบไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มมองอาการของ ‘เจ้าหนี้’ ซึ่งสติกำลังเตลิดเปิดเปิงอย่างพอใจ เพราะหล่อนไม่สามารถข่มความรู้สึกไว้ข้างในได้อีกแล้ว
ภาพตรงหน้าทำให้ความเป็นชายภายใต้กางเกงแข็งกร้าวจนรู้สึกปวดหนึบ ชายหนุ่มใช้มืออีกข้างที่ว่างรูดซิปแล้วปล่อยกายแกร่งออกสู่ภายนอก หลั่งรดไม่ต่างจากหล่อน อารมณ์ร้อนแรงที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในทำให้เขาอยากเปลี่ยนจากนิ้วเป็นอย่างอื่นที่เข้าไปยังช่องคับแน่นนั่น แต่สุดท้ายก็ต้องข่มใจไว้ เพราะว่าเขายังมีเวลาจ่ายทั้งต้นและดอกให้หล่อนทั้งคืน
ความลำพองใจที่เห็นอีกฝ่ายจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ทำให้ชายหนุ่มเร่งทุกอย่างให้เร็วและแรงยิ่งขึ้น ความเจนจัดในเรื่องโลกีย์ทำให้เขารู้ว่าหล่อนกำลังจะถึงสวรรค์ในอีกไม่นาน ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มเย้ยหยัน สุดท้ายเขาก็เป็นผู้ชนะ
“อื๊อ!”
ร่างบางบิดเกร็งกระตุกหลายที หล่อนขบริมฝีปากแน่นจนซีดขาว แต่ไม่อาจฝืนบังคับร่างกายที่ตอบรับตามธรรมชาติได้ ชายหนุ่มยังไม่ถอนนิ้วออกและใช้นิ้วโป้งบดคลึงเบาๆ ความเปียกลื่นบอกได้ดีว่าหล่อนเร่าร้อนและพร้อมกับศึกต่อไปขนาดไหน
เมื่อความต้องการอันร้อนแรงได้รับการตอบสนอง สติสัมปชัญญะของหญิงสาวก็กลับมาอีกครั้ง แม้หล่อนจะไม่เคยกับเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ได้ใสซื่อขนาดที่จะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ตาคู่นั้นที่มองมาทำให้ร่างเปลือยเปล่าของหล่อนร้อนผ่าว ทุกจุดที่เขาสัมผัสและลากผ่านเหมือนโดนไฟจี้ก็ไม่ปาน และหล่อนจะไม่เสี่ยงถลำลึกไปมากกว่านี้ จึงข่มความอายยันตัวขึ้นแล้วใช้เท้าถีบอกกว้างให้ถอยออกไป
“ฉันยังไม่ต้องการคุณตอนนี้” หล่อนเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ สะกดความหวาดหวั่นเอาไว้ภายใน
“เธอไม่คิดเหรอว่ามันจะเอาเปรียบกันไปหน่อย ตัวเองครางลั่นขึ้นสวรรค์คามือฉันไปแล้ว แต่จะให้ฉันค้างเติ่งอยู่แบบนี้” เสียงทุ้มสั่นพร่าขณะที่เขาเอื้อมมือไปหยิบเครื่องป้องกันมาสวมใส่
หญิงสาวหน้าแดงกับคำพูดน่าเกลียดของอีกฝ่าย สมองที่ขาวโพลนอยู่แล้วสว่างจ้าขึ้นไปอีกเมื่อเขาปัดเท้าหล่อนออกแล้วแทรกตัวเข้ามาระหว่างกลางเรียวขา กายแกร่งที่ถูไถขึ้นลงรับความเปียกลื่นทำเอาร่างบางสั่นสะท้านจนเผลอหลุดหายใจหนัก
‘จะปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้!’
หล่อนเด้งตัวขึ้นและผลักร่างหนานอนลง เปลี่ยนเป็นนั่งคร่อมที่หน้าท้องซึ่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของอีกฝ่ายแทน
ด้วยคิดว่าหล่อนคงอยากเป็นผู้คุมเกมมิเกลจึงไม่ได้ระแวดระวังอะไรมาก เขาเคยลองสาวที่ภายนอกดูเรียบร้อยใสซื่อแต่ภายในร้อนรักมานักต่อนักแล้ว หล่อนก็คงเป็นประเภทนั้น
เมื่อคิดได้ดังนั้นมิเกลจึงเปลี่ยนมาเป็นนอนหนุนแขนปล่อยตัวตามสบาย นัยน์ตาสีครามมองหน้าตาและเรือนร่างของอีกฝ่ายให้ชัดเจน ผมยาวสีดำยุ่งเหยิงปรกใบหน้าที่เคยแต่งแต้มเครื่องสำอางแต่บัดนี้ซีดเซียวจากการโรมรันเมื่อครู่ คิ้วเรียวได้รูปรับกับดวงตาโตสีน้ำตาลเข้ม จมูกเล็กเชิดขึ้นเล็กน้อยและริมฝีปากกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง น่าแปลกที่หล่อนไม่ใช่ประเภทสวยจัดเร้าใจ แต่กลับมีเสน่ห์คล้ายมีมนตร์สะกดเวลาที่ตาดื้อรั้นคู่นั้นทอดมอง ภายนอกดูผอมเพรียว แต่จริงๆ แล้วซ่อน ‘ของดี’ ไว้ไม่น้อย ทรวงอกเต่งตึงนั่นแม้จะไม่อวบใหญ่เท่าทาสสวาทคนอื่นของเขา แต่ก็เนื้อแน่นเต็มมือ หน้าท้องแบนราบและเอวคอดได้สัดส่วน ต่ำลงมาคือ ‘สิ่ง’ ที่ทำให้เขาแทบคลั่งอยากครอบครองจนปวดร้าว
“ฉันชอบท่านี้นะ” ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม นัยน์ตาสีครามเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
ขณะที่เขาพยายามขยับกายให้ทุกอย่าง ‘เข้าที่’ แต่ร่างบางกลับแข็งขืนไม่ให้ความร่วมมือ
“แต่ฉันไม่ชอบ จะท่านี้ท่าไหนถ้ากับคุณฉันก็ไม่เอา” ริมฝีปากอวบอิ่มเหยียดยิ้มกลับ
“ว่ายังไงนะ” เสียงทุ้มกดต่ำก่อนเขาจะพลิกร่างกลับขึ้นมาเป็นผู้ควบคุมเกมอีกครั้ง
“ฉันไม่อยากนอนกับคุณ แต่ถ้าคุณอดอยาก ขอแค่ไม่มีหางก็เอาได้ไม่เลือก จะข่มขืนฉันก็ได้นะ”
“!!!”
คำพูดเผ็ดร้อนที่หล่อนพ่นออกมาดุจดั่งลมพายุกระพือไฟโทสะให้แรงขึ้นกว่าเดิม มือหยาบบีบคางของหญิงสาวแน่นจนเส้นเลือดขึ้นที่หลังมือโดยที่ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเจ็บหรือไม่
“หึ! ผู้หญิงแบบเธอมีอีกเป็นร้อยที่แค่เห็นเศษเงินก็ขี้คร้านจะวิ่งตามผู้ชายขึ้นเตียง แบบนี้เรียกโสเภณีได้รึเปล่า” ชายหนุ่มกล่าวด้วยโทสะ สะบัดมือออกอย่างแรงจนอีกฝ่ายหน้าหัน
มิเกลลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า แม้จะยังปวดร้าวกับความต้องการที่ยังไม่ถูกสนองตอบ แต่ความหงุดหงิดมีมากกว่า นัยน์ตาดุดันจ้องร่างเปลือยที่เจ้าของพยายามดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบัง น่าแปลกที่อากัปกิริยานั้นยิ่งมีแต่จะเพิ่มความเดือดดาลให้เขามากกว่าเดิม ชุดขาดวิ่นถูกมือหนาเหวี่ยงไปกระแทกหน้าผู้เป็นเจ้าของอย่างแรง
“อยากจะแก้ผ้าวิ่งโร่ไปหาแขกมันก็เรื่องของเธอ แต่ช่วยออกไปยืนตามถนนไกลๆ จากที่นี่นะ โรงแรมของฉันไม่ต้องการของถูกๆ มาทำให้ภาพลักษณ์เสื่อมเสีย”
ตั้งแต่เกิดมาพิมพ์นาราเพิ่งเคยได้ยินคำพูดดูถูกแบบนี้ และไม่อยากจะเชื่อว่ามันหลุดออกจากปากคนที่หล่อนเคยช่วยไว้ ชาวนากับงูเห่าเป็นฉันใด หล่อนกับเขาก็คงเป็นฉันนั้น
หญิงสาวกัดปากตัวเองจนขาวซีด ไม่ตวาดด่าทอ ไม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเรียกความสงสาร มีเพียงสายตาเกลียดชังที่อธิบายทุกอย่างออกมาจนหมด
คนสารเลวไม่อยู่ให้หล่อนรำคาญสายตานานนัก เสียงกระแทกประตูดังขึ้นแทบจะพร้อมๆ กับร่างหนาที่หายออกไป เมื่อไม่มีผีห่าซาตานในห้องแล้ว คลื่นความรู้สึกมากมายก็พลันซัดเข้ามากระแทกเขื่อนความอดทนให้พังทลาย หมอนนุ่มใกล้มือถูกเจ้าตัวเหวี่ยงกระเด็นด้วยความเดือดดาลก่อนจะปล่อยโฮน้ำตาไหลพราก ความรู้สึกเกลียดชังจนอยากจะฆ่าให้ตายเป็นยังไงก็เพิ่งได้รู้วันนี้ อย่าว่าแต่อยากจะตะโกนด่าเลย แค่ต้องหายใจใช้อากาศร่วมกันก็อยากจะอาเจียนแล้ว
ชุดขาดวิ่นถูกนำกลับมาสวมใหม่ด้วยมือสั่นเทา สภาพของหล่อนเละเทะไม่ต่างจากคำดูถูกที่คนปากสุนัขนั่นพ่นออกมา หญิงสาวฝืนกลืนก้อนสะอื้น ยกมือปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะพยายามพาร่างบอบช้ำลงจากเตียง การลงมือทำไหนเลยจะง่ายดายดังเช่นความคิด เพียงแค่ขาทั้งคู่ต้องรับน้ำหนัก ร่างบางก็ล้มโครมลงไปกองกับพื้นแทบจะทันที
หล่อนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไร ภาพที่ปรากฏตรงหน้ามีเพียงพรมสีเข้มที่เปียกชื้นน้ำตาเป็นวงกว้าง ก่อนที่จะเริ่มทำตามความคิดที่ว่าต่อให้ต้องคลานก็ขอออกไปจากที่บัดซบนี่ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
พิมพ์นาราไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง ปล่อยให้บรรยากาศรอบตัวถูกความเงียบกลืนกิน ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อผู้มาใหม่คลุมเสื้อโคตสีดำบนร่างของหล่อน แม้ไม่อ่อนโยนแต่ก็ไม่ได้รุนแรงดังที่ผ่านมา ไม่ต้องให้หล่อนเงยหน้าขึ้นมอง เสียงทุ้มนุ่มนวลก็ดังขึ้น
“ผมว่าคราวนี้คุณคงต้องรู้จักผมแล้วละครับ”
ความคิดเห็น |
---|