4

ตอนที่ ๔ The Lovers: เทพแห่งความรัก


The Lovers: เทพแห่งความรัก

การพบรัก อยากมีรัก มีคนเข้ามารัก หรือการต้องเลือกในความรัก

 

ราวสองปีก่อน: หลังจากน้องกี้รู้แล้วว่าเหนือพี่หมูมีเจ้าหนี้ชื่อคุณกำยาน และเหนือคุณกำยานมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนชื่อกำยำหรือพี่เก่ง

 

ผู้สมัครตำแหน่งเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีองค์กร (หมายเลข ๑) 

เพศ:

หญิง

กายภาพ:

หุ่นแจ๋ว ตาจิ๋ว จมูกกระจุ๋ม ปากกระจิ๋ม

ท่าทาง:  

ขี้อาย (มาก) ถูกถามแล้วเอียงม้วนตลอดเวลา

การศึกษา:

ขี้อาย ไม่กล้าบอกเกรด

ประสบการณ์:

ขี้อาย น่าจะยังไม่เคย

ประทับใจ:

น้องกี้:

สมมติว่าเป้าหมายในชีวิตของคุณคือผู้ชายคนหนึ่ง เป็นคนที่ตรงส

 

 

เปกทุกอย่าง แต่คุณไม่รู้จักเขาเลย คุณจะทำยังไงให้จุดมุ่งหมายนี้

 

 

สำเร็จ

 

หล่อน:

อุ๊ย! คำถามไม่เหมือนสัมภาษณ์งานเลย (ก้มหน้า บิดแขน) จะตอบดี

 

 

เหรอคะ

 

น้องกี้:

เป็นคำถามเชิงจิตวิทยาที่ควรต้องตอบค่ะ

 

หล่อน:

(แก้มแดง) คงเดินเข้าไปใกล้ๆ ใช้นิ้วก้อยเขี่ยหลังมือเขาค่ะ

การตัดสิน:

       ผ่าน           x   ไม่ผ่าน

ความเห็น:

แอ๊บ เห็นเงียบๆ กินเรียบทุกคน มีแนวโน้มต้นตอปัญหาของบริษัท

 

ผู้สมัครตำแหน่งเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีองค์กร (หมายเลข ๒) 

เพศ:

หญิง

กายภาพ:

กรีดตา ผ่าปาก คางเหลา เกลาจมูก

ท่าทาง:  

โผงผาง ไม่มีหางเสียง

การศึกษา:

บัญชี เรียน ๕ ปีในมหาวิทยาลัยเปิด

ประสบการณ์:

บัญชี ทำ ๕ ปีจนบริษัทเก่าปิด

ประทับใจ:

น้องกี้:

สมมติว่าเป้าหมายในชีวิตของคุณคือหนุ่มคนหนึ่ง ตรงสเปกคุณทุก

 

 

อย่าง แต่คุณไม่รู้จักเขาเลย คุณจะทำยังไงให้จุดมุ่งหมายนี้สำเร็จ

 

หล่อน:

พี่ทำหน้าที่ไหน

 

น้องกี้:

คะ?! ไม่ได้ทำค่ะ สวยเหรอ พ่อกับแม่ให้มาล้วนๆ เลยนะคะ

 

หล่อน:

พี่ควรจะทำ แล้วพี่จะไม่ต้องถามคำถามนี้กับหนู

การตัดสิน:

       ผ่าน           x   ไม่ผ่าน

ความเห็น:

ไร้มารยา มีแนวโน้มไม่น่าอยู่รอด

 

เนื่องจากหลังการสัมภาษณ์รอบแรกผู้เข้าสมัครงาน น้องกี้จะต้องทำรายงานเสนอพี่หมูทุกครั้ง หญิงสาวจึงมักจดบันทึกเตือนความจำสั้นๆ ไว้เสมอ หนนี้กวาดตาแล้วเธอส่ายหน้า ประวัติและคำถามเรื่องงานส่วนใหญ่ผู้สมัครตอบพอถูไถ แต่การวัดเชาวน์แสดงผลไม่น่าพอใจ

มันเป็นไหวพริบของน้องกี้เอง หลังเข้าสัมภาษณ์หลายครั้งแล้วพบว่าการต้องทนฟังผู้สมัครพล่ามปูมหลังเป็นเรื่องน่ารำคาญ แทนที่เราจะมีเวลาไปเคลียร์งานอื่น! ในที่สุด เพื่อสานประโยชน์ให้ลงตัว น้องกี้สร้างสรรค์วิธี ‘ที่ปรึกษาพิเศษ’ ขึ้น

คำถามแต่ละครั้งจะต่างไปตามสถานการณ์ชีวิตในช่วงนั้น อาจเป็นเรื่องงานที่น้องกี้คิดไม่ออก ข้อพิพาทในห้องประชุมที่ยังหาทางแก้เกมไม่ได้ เรื่อยไปถึงปัญหาส่วนตัว สูตรอาหาร การบ้านน้องสาว แหล่งศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่รวมบางสัมภาษณ์ที่ต้องสอบขีดเขียน น้องกี้จะเนียนเอางานของตัวเองมาให้ผู้สมัครช่วยทำซะเลย ซึ่งนับว่าส่วนใหญ่ได้ผลเชิงบวก งานเสร็จไวโดยไม่ต้องออกแรง และคำตอบหรือข้อเขียนที่น่าพอใจก็จะทำให้สรุปรายงานต่อพี่หมูง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม คำถามครั้งนี้คงยากเกินไป ทำยังไงน้องกี้จึงจะเข้าถึงตัวและกลายเป็นแฟนพี่เก่ง!

ตั้งแต่เกิดมาน้องกี้ยังไม่เคยมีแฟน ไม่นับความพลาดพลั้งจากครั้งไอ้โชคบ่ดีสมัย ม.ปลาย ซึ่งทำให้เธอขยาดและคาดหวังว่าถ้ามีอีกที จะต้องได้คนดีที่ช่วยยกระดับชีวิต หน้าตา ฐานะ สังคม การอบรม พรหมจรรย์ ฯลฯ ได้

เธอยังไม่เคยเจอใครครบคุณสมบัตินั้น จึงไม่เคยเปิดใจคิดเรื่องนั้น กระทั่งเหตุมหันต์อันส่งผลถึงหน้าที่การงานผ่านมา จึงกลับพบว่าโชคชะตานำพาให้พบชายในฝัน น้องกี้มั่นใจ พี่เก่งนี่เองคือคนที่ฟ้าประทานมาให้

ในความจริง ถึงไม่เคยมีคนรักแหววหวาน น้องกี้ก็ไม่คิดว่าการจะมีนั้นเป็นเรื่องยาก อย่างน้อยคงไม่ยากไปกว่าการหางาน และในเมื่อเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญชั้นเลิศด้านการรับสมัครงาน มีหรือเธอจะไม่รู้ว่าเทคนิคในการได้งานคืออะไร

ทุกอย่างใต้หล้าล้วนมาร์เกตติง! มันก็เหมือนการโฆษณาขายของในโทรทัศน์หรือโลกโซเชียล หลักการสำคัญคืออย่าจริงเกินไป อยากบอกอะไรต้องใช้แมสเสจเสริม เช่น ถ้าคุณต้องการเพิ่มยอดใช้จ่ายของลูกค้าในบัตรเครดิต คุณก็ต้องบิดไปว่าเรายินดีเติมวงเงินให้คุณเป็นพิเศษ หรือถ้าคุณต้องการขายเพชร คุณก็ต้องไม่บอกว่าหินแข็งๆ นี่แพงหูฉี่โดยที่เอาไปกินยังไม่ได้

เทียบกับผู้สมัครงาน คุณไม่ต้องบรรยายว่าตัวเองเจ๋งขนาดไหน แต่จงร่ายผลสำเร็จที่เคยเป็นและทำมา ตัวแทนคณะ อันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัย กิจกรรมที่ได้รางวัลชนะเลิศ หรือโครงการเจิดๆ จากที่ทำงานเก่า ใส่เลขปีชิดๆ กันให้คนอ่านตะลึงว่าคุณได้เลื่อนขั้นไวปานสายฟ้า หรือถ้าจะแนะนำนิสัยส่วนตัว คุณก็ปะหัวด้วยกิจกรรมเพื่อสังคม รี้ดฟอร์ไบลนด์ ไบค์ฟอร์แด๊ด งานวันแรดโลก เมื่อผู้สัมภาษณ์ผงกหัว คุณก็แค่เตรียมตัวอธิบายให้เข้ากับคอนเซปต์ความดีงามของตัวเองที่ตั้งใจไว้

แต่นั่นละ อย่าจริงเกินไป การจะรู้ว่าควรเลือกแสดงตัวตนด้านไหนเป็นสิ่งสำคัญ วิเคราะห์จากเนื้องาน...ถ้ามันต้องอาศัยการพบปะจอแจ คุณก็ไม่ควรแบว่าชอบเข้าวัด จากวัฒนธรรมองค์กร...ถ้าบริษัทเฉียบไวสร้างสรรค์ คุณก็จัดเต็มได้เลยว่าชอบโลกโซเชียล เพราะข่าวไว มีเรื่องใหม่ๆ ให้เรียนรู้ตลอดเวลา และจะยิ่งดี ถ้าคุณรู้ได้ว่าเขากำลังมีความต้องการบางอย่างเร่งด่วนอะไรบ้าง เช่น เขากำลังจะเปิดตลาดเออีซี คุณอาจลงรายละเอียดไปที่ทริปทัวร์ลาว เขมร พม่า ซึ่งนอกจากมันช่วยเปิดตา คุณยังประทับใจเรื่องบลาๆๆ ในแง่ธุรกิจอีกด้วย

และ ใช่ คุณจะตอบไม่ได้ วิเคราะห์ไม่ได้ หลงทางกับคำตอบที่จะไม่ช่วยเพิ่มคุณค่าใดๆ ตราบใดที่ยังไม่ศึกษาจนเท่าทันพื้นเพของเป้าหมายเสียก่อน!

                พี่เก่ง เกิดวันอาทิตย์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ปีมะโรง พื้นดวงเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง อวดดี เกลียดการถูกโต้แย้ง เพื่อนแยะ แต่ไม่ค่อยแคร์ใครเยี่ยงชาวราศีเมษส่วนใหญ่ นอกจากนั้นยังได้รับอิทธิพลจากปีงูใหญ่ทำให้โกรธง่าย มีนิสัยเผด็จการ เกิดวันอาทิตย์ยิ่งแสดงถึงการชอบเป็นผู้นำ วู่วาม มีไฟเสน่หาเร่าร้อน รักรีบเร่ง เซ็กซ์ถึงไหนถึงกัน แต่ขณะเดียวกัน วันเกิดวันที่ ๑๕ ก็ยังทำให้เขาเป็นคนจำพวกซ่อนความอ่อนไหวไว้ภายใน เรียกได้ว่าข้างนอกแข็ง ไม่ง้อใคร แต่ข้างในต้องการคนรัก รักอิสระ ร่าเริงจนชอบทำอะไรแผลงๆ ต้องการคู่ครองที่มอบความอ่อนหวานนิ่มนวล

เขาเป็นทายาทคนเดียวของนายพลทหารผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนแถบรังสิต คณะนิเทศศาสตร์ ปัจจุบันพยายามร่วมหุ้นกับเพื่อนทำธุรกิจหลายอย่าง เฉพาะผับและร้านอาหารก็วาดฝันอยู่หลายที่ แต่ยังไม่มีที่ไหนประสบผล คาดว่าเพราะความเอาแต่ใจไม่ฟังเพื่อน เพื่อนส่วนมากรักสนุกและถูกใจนิสัยหน้าใหญ่ของเขา

วันที่น้องกี้ตัดสินใจไปพบพี่เก่ง เขากำลังมีเรื่องกับกลุ่มนักเลงลูกนายพลตำรวจ เหตุคือรถของพี่เก่งข่วนสีข้างลัมโบร์กินี กัลลาร์โด แอลพี ๕๗๐-๔ เอดิซิโอเน่ เทคนิก้า ของอีกฝ่ายเป็นรอย สีดำด้านเนโร เนเมซิส ยังถลอกติดไฟหน้ารถของพี่เก่ง

นักเลงรุมล้อม แต่เจ้าตัวยังหยัดมั่นด้วยความหุนหันและปากดี ไม่สำเหนียกว่ากลุ่มเพื่อนกินของตนค่อยๆ ทยอยหลบหลัง และหายเรียบทันทีที่เขาถูกรุมสกรัม พี่เก่งคงตายเป็นผีถ้าไม่ได้น้องกี้โผล่ไปยกมือไหว้ห้ามพวกนั้นไว้ หญิงสาวใช้วาทศิลป์ยกยอยกใหญ่จนอีกฝ่ายคร้านจะฟังและผละไปเอง จังหวะนั้นเธอรีบประคองพี่เก่งไปเรียกแท็กซี่ พาตัวไปทำแผลที่โรงพยาบาล วีรกรรมครั้งนั้นสร้างความประทับใจจนน้องกี้ได้ขึ้นแท่นแฟนสาวของเขาในเวลาไม่นานต่อมา    

“เธอเป็นคนขูดรถลัมโบร์กินีคันนั้นตั้งแต่ต้นเพื่อสร้าง ‘ความต้องการเร่งด่วน’ ของหมอนั่นขึ้นมา แล้วหลังจากเป็นแฟนกันก็คงดึงเชงไม่ยอมมีอะไรกับหมอนั่นมาจนถึงวันนี้ เพราะเข้าใจดีว่า ‘วัฒนธรรมองค์กร’ ของหมอนั่นคืออะไร”

อีตาโชคบ่ดีปรารภหลังจากน้องกี้พูดจบ สายตาไม่ละจากหน้าจอฐานข้อมูลพนักงานบริษัทมาสนใจคู่สนทนาด้วยซ้ำ

เจ้าของเรื่องทำเสียงจึ๊กจั๊กจากเก้าอี้ตัวข้างๆ ในห้องประชุม แต่เสียงดังไม่มาก เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นทูตสวรรค์ ที่สำคัญคือกลิ่นโปโลสปอร์ตกับเสื้อโปโลสีเทาอ่อนค่อนข้างรัดรูป “ทำไมคุณโชครู้ดี”

“ฉันรู้จักวัฒนธรรมองค์กรของเธอดี” คนตอบยังไม่ยอมเลิกยกคำเธอมาล้อ “แล้วฉันก็คิดว่าฉันรู้จักหมอนั่น”

น้องกี้เงียบ ไม่คิดว่าอีตาโชคบ่ดีจะรู้จักพี่เก่งจริงๆ

ถึงจะดูดีขึ้น แต่ยังไงหมอนี่ก็เป็นคนชั้นล่าง รากหญ้า ดินใต้รากหญ้า จริงๆ แล้วน่าจะเป็นชั้นหินใต้ดินใต้หญ้า...

“หน้าชีกออย่างแฟนเธอไม่มีทางคบกับใครนานถ้าได้เผด็จศึกแล้ว”

คุณโชครู้จักพี่เก่งจริงๆ ด้วยแฮะ...

เป็นครั้งแรกที่เขาหันมาเอียงคอให้ “นายกำยำ เจริญพันธุ์”

“จรูญพันธุ์ค่ะ!” เธอกระแทกเสียงใส่แล้วพลันนึกได้ ถึงกับอ้าปากค้าง “คุณโชครู้จักพี่เก่งได้ยังไงคะ!”

เขายกไหล่หนา “หมอนี่เคยมาก้อร่อก้อติกกับไอ้แพรเมื่อตอนปีสาม”

“แพร?”

“เพื่อนสมัย ม.ปลาย เธอคงจำเพื่อนร่วมรุ่นตัวเองไม่ได้สินะ”

น้องกี้ไม่สนใจคำจิก และที่จริงเธอก็ไม่เคยสนใจเพื่อนคนไหนอยู่แล้ว “เพื่อนคุณโชคไม่น่าเป็นแบบเดียวกับที่พี่เก่งจะชอบ”

“ลืมไปว่าเธอเป็นแค่คนข้างซอยบ้าน...”

“นั่นสิคะ”

“...เพราะเพื่อนของฉันทุกคนมีสมองพอจะรู้ว่าหมอนี่ไม่โอเค”

“หืม” คนฟังเลิกคิ้ว “หมายความว่าเพื่อนคุณโชคไม่รับรักพี่เก่ง?”

“หมายความว่าไอ้แพรไม่รับรักนายกำยำ แต่หมอนี่ก็ยังมาชีกอจนแพรมันต้องขอให้ฉันทำเป็นแฟน”

“แล้วพี่เก่งก็เชื่อ?”

“ถึงเธอจะคิดว่าฉันสู้นายกำยำไม่ได้ แต่...ใช่ มันเชื่อ สุดท้ายก็เลยเลิกมาวอแว”

น้องกี้ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดบางอย่าง “แม้แต่เพื่อนของคุณโชค พี่เก่งก็ยังตกหลุมรัก แต่กับน้องกี้ ลงทุนแทบตายเขากลับยังไม่เหลียวแล”

หน้าเศร้าสร้อยและเสียงอ่อยลงของเธอช่วยให้อีกฝ่ายเริ่มออกอาการสงสาร “ผู้หญิงที่หมอนั่นไปนอนด้วยเป็นแค่ทางผ่าน เธอก็แค่ขยันเอาใจเขาสักหน่อย...”

ไม่ทันจบความ น้องกี้โพล่งแทรก “เย็นนี้คุณโชคไปกินเหล้าเป็นเพื่อนน้องกี้ได้มั้ยคะ”

 

ฝนยามเย็นเหยาะหยิมๆ แท็กซี่ค่อยๆ จอดริมร้านอาหารกึ่งผับ ตัวอาคารติดกระจกแต่งสไตล์ลอฟต์ล้อมด้วยสวนชอุ่มเริ่มประดับประดาแสงไฟ โต๊ะเก้าอี้เหล็กดัดกระจายอยู่ใต้ร่มขาวไร้เงาคน วันฟ้าหม่นลูกค้าคงน้อย

น้องกี้ก้าวออกจากด้านท้ายรถลงมา ตามด้วยอีตาโชคบ่ดี

“นี่ ไม่เอาน่า” รายหลังสาวเท้ายาวๆ ฝ่าสายฝนตามเธอมาสู่ด้านหน้าอาคาร แว่นเก็บไป เผยให้เห็นดวงตาคมชัดและแนวสันจมูกสวย ชายเสื้อพลิ้วเพราะมาดการเดินมั่นใจเหมือนนายแบบ “เธอก็ฉลาดพอจะรู้นี่ว่าแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แถมจะทำให้อ้วน ตับแข็ง ความจำแย่ อัณฑะฝ่อ”

คำพูดชะงักอย่างรอคำค้าน ต่อเมื่อไม่มีเสียงตอบโต้เขาก็ว่าต่อ “อะไรกัน แม้แต่มุกอัณฑะเธอยังไม่ปฏิเสธเลยเหรอ”

ครึ่งชั่วโมงก่อนเจ้าตัวยุให้น้องกี้โทร. ไปหาพี่เก่งอีกที ‘เขาอาจจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ได้’ แต่ปรากฏว่าในสายยังมีเสียงผู้หญิงรายเก่าเล็ดลอดเข้ามา แล้วก็มีเสียงเพลง...

ด้านหน้าร้านอาหารออกแบบให้เป็นช่องทางเดินแคบแค่พอสวนกัน ฝั่งหนึ่งแยกไปห้องน้ำ เมื่อเดินต่อมามีบันไดลิงพาดแต่งไว้ดูเก๋ แต่ทำให้เดินลำบาก เสียงดนตรีเริ่มดังแว่วออกมา

“ไม่ต้องห่วงน้องกี้ วันนี้น้องกี้อยากเมา” เธอก้าวสวบๆ เหมือนคนไร้สติ พูดโดยไม่หันไปมองคนข้างหลัง ขยับเลี้ยวเพื่อเลี่ยงช่องใต้บันไดลิง “เขาว่าคนเราเมาแล้วจะลืม น้องกี้อยากลืมว่าถ้าเสียพี่เก่งไป อีกไม่นานพี่หมูก็คงหาเรื่องไล่น้องกี้ออกจากบริษัทได้”

“รู้ตัวเหมือนกันนี่”

น้ำเสียงนั้นคล้ายเริ่มแข็งผิดไป หญิงสาวจึงลืมตัวหันมา “คะ?”

ปรากฏว่าเจ้าของร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกทะมึนอยู่ข้างหลัง ใบหน้าใต้กรอบผมตัดสั้นหันขวาซ้าย ส่องสายตาเข้าไปด้านในห้องกระจก ซึ่งตอนนี้มีคนเข้ามาจับจองอยู่แค่ไม่กี่โต๊ะ

“คะ...คุณโชคมองหาอะไร เข้ามาตรงนี้เถอะค่ะ ยืนตรงนั้นเดี๋ยวโดนฝนสาด” ว่าพลางลุกลี้ลุกลนลากแขนมีกล้ามตามมา

“หมอนั่นอยู่ที่นี่ใช่มั้ย” ชายหนุ่มถามห้วน น้องกี้รู้สึกถึงหนังตาขวากระตุก

เขาสลัดแขนทิ้ง “เมื่อกี้เธอโทร. หามันไม่ใช่เพราะฉันให้โทร. แต่เธอตั้งใจจะเช็กอยู่แล้วว่ามันกำลังอยู่ที่ไหน เธอมีข้อมูลแบ็กอัปเรื่องของมันชั้นเยี่ยม ได้ยินแค่เสียงดนตรีจากในโทรศัพท์ก็คงมั่นใจแล้วว่าใช่ที่นี่”

“คะ...คุณโชคพูดอะไร น้องกี้ไม่รู้เรื่อง น้องกี้ไม่เคยมาที่นี่ แล้วน้องกี้ก็กำลังไม่มีสติเพราะความผิดหวังนะคะ” 

“ถ้าไม่มีสติเธอคงไม่เดินหนีบันไดลิงหรอกจริงมั้ย เพราะเดินลอดมันจะทำให้...ทำให้...”

“ของขลังเสื่อมแล้วก็ซวยไปอีกเจ็ดปีค่ะ อุ๊ย!” คนพูดตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน

โชคบดีจ้องตาคาดคั้น “บอกมา ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!”

คนถูกจ้องต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก ก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ หันหาตัวช่วย พอดีกับที่พนักงานรายหนึ่งก้าวตรงมา

ยังไม่ทันพูดอะไร ผู้มาใหม่ก็ยิ้มกว้างทัก “คุณน้องกี้ วันนี้จองไว้สองที่ใช่มั้ยคะ”

หญิงสาวอ้าปากเหวอ คุณโชคเอียงคอ ไหนว่าไม่เคยมา!

เหมือนจะรู้ตัวว่าพลาด พนักงานรายนั้นทำคอย่นแล้วรีบถอยห่าง คุณโชคกระชากเสียง “ไม่บอกงั้นฉันกลับ!”

ปากของน้องกี้ยิ่งอ้ากว้าง รีบหันคว้ามือชายหนุ่มไว้ “เดี๋ยวค่ะ คุณโชค! คุณโชค!”

เขาไม่ฟังเสียง ยังออกแรงก้าวจนร่างหญิงสาวไถลตาม เป็นวินาทีเดียวกับที่อีกเสียงลั่นจากด้านหลัง

“น้องกี้!”

คราวนี้เธอตัวแข็ง คนที่ถูกรั้งแขนพลอยหยุดก้าว

เมื่อหันกลับมา น้องกี้พบว่าเจ้าของเสียงเดินออกมาจากแยกห้องน้ำ รูปร่างสูงโปร่งสะโอดสะองถูกแต่งทรงด้วยเสื้อยืดคอวีกับยีนขาเดฟสีดำ ตัดกับเข็มขัดหัวรูปตัว G ไขว้ และนาฬิกาข้อมือวิบวับ

หญิงสาวรีบสลับมือตัวเองไปอยู่ในมือคุณโชค ปรุงหน้าตกใจ “พี่เก่ง!”

แฟนหนุ่มของน้องกี้มีผิวขาวเนียนใสชนิดเด็กสาววัยขบเผาะต้องเซาะหน้าดินแล้วเอาหัวจุ่มหลบด้วยความอาย รูปหน้าเรียวเพราะผ่ากรามและร้อยไหม จมูกบรรทุกฟิลเลอร์โด่งเป็นสัน ย้อยมนเหมือนหยดน้ำ คางวี ตาค่อนข้างตี่ถูกกรีดเพิ่มสองชั้นแถมยัดบิ๊กอายส์ ติ่งหูบางประดับห่วงกลมจิ๋ววิบวับ ผมตัดสั้นสีน้ำตาลมะฮอกกานีเหลือบประกายม่วง กระทั่งริมฝีปากบางก็เป็นสีชมพูด้วยลิปมันดูสุขภาพดี

เอาเป็นว่าจางกึนซอกจะดรอปลงทันที แค่พี่เก่งของน้องกี้ยืนแคะจมูก!

บัดนี้ หน้าขาวปากแดงยิ่งแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวเข้าใจผิด คงคิดว่าน้องกี้กำลังพยายามสลัดมือจากการถูกกุม จึงกระแทกส้นรองเท้าหนังชักก้าบูตรี่เข้ามาในลักษณะจู่โจม

แต่ก่อนที่เขาจะถึงตัว น้องกี้ก็แสร้งแยกหลุดจากคุณโชค พี่เก่งจึงหยุดยืนพองอกด้วยจังหวะหายใจฟืดฟาด ตาเบิกขึ้นอีกเมื่อเพิ่งเห็นชัดว่าผู้ทำรุ่มร่ามกับแฟนสาวของตนคือใคร เขาจำคุณโชคได้ “แก!”

คุณโชคไม่สนใจ กำลังจะหันกลับ ทว่าเสียงตะคอกของพี่เก่งชะงักเท้าเขาไว้ “น้องกี้ไปรู้จักไอ้ชั้นต่ำนี่ได้ยังไง”

คราวนี้ เพียงจบคำ มือหนาของคุณโชคก็เอื้อมกลับมาคว้ามือของเธอไว้ เจ้าตัวก้มแยกเขี้ยวยิ้มให้เธอ “ฉันเป็นเพื่อนเก่าน้องกี้”

ทั้งที่หวังไว้ว่าจะเกิดเหตุวุ่นวาย หญิงสาวยังอดเบิกตาตะลึงไม่ได้ ‘คุณโชครู้ทันและกำลังจะย้อนเกล็ดเรา?!’

แต่ต้นเธอแค่คิด ในเมื่อคุณโชคเคยแย่งความรักพี่เก่งไปได้ครั้งหนึ่ง การมาถึงของเขาอีกครั้ง ย่อมทำให้พี่เก่งไม่มีวันยอม และเธอก็จะกลับมามีค่าในสายตาเขาอีกครั้ง แต่ไม่ใช่แบบนี้!

“แค่เพื่อนเก่า?!”  

น้องกี้หันมองแล้วเค้นคำ เธออยากให้พี่เก่งร้อนรนอยู่แหละ แต่ตอนนี้ดูเหมือนไฟจะปะทุเกินพอดี “พะ...พี่เก่งคะ...คือ...” คำแก้ต่างถูกดูดกลับลงคอ เพราะจู่ๆ ผู้หญิงอีกคนก็นวยนาดเข้ามาเกาะแขนแฟนหนุ่มของเธอ

“พี่เก่งทำอะไรอยู่คะ”

น้องกี้อ้าปากค้าง เสียงนี้...นังคนในโทรศัพท์!

มือสั่น อยากตะกุยหน้ามัน แต่มือข้างที่คุณโชคจับไว้กลับถูกเขาบีบแน่นเหมือนให้สติ

“เผอิญเรากลับมาเจอกันโดยไม่ตั้งใจ” คุณโชคยังตอบพี่เก่งต่อ

“ทำไมพี่เก่งช้าจังคะ จ๊ะจ๋ารออยู่ตั้งนาน” ผู้หญิงคนนั้นทำคล้ายไม่ได้ยิน และไม่เห็นใครนอกจากแฟนหนุ่มของน้องกี้

พี่เก่งสะบัด “จ๊ะจ๋าอย่าเพิ่งยุ่ง!”

หล่อนหน้าเจื่อน ส่วนน้องกี้หน้าเป็นขึ้นมา แต่ว่ายังรักษากิริยานางเอก

พี่เก่งคำรามใส่คุณโชค “แล้วทำไมต้องมาที่นี่กันสองคน!”

คนถูกถามไม่ยี่หระ ยกไหล่ยิ้ม “พอดีวันพฤหัสหน้าจะไม่เจอกัน เลยมาฉลองกันก่อน”

“ฉลอง?” พี่เก่งนิ่วหน้า

นังจ๊ะจ๋ากลอกตา กอดอก มือข้างหนึ่งยกเท้าคาง เสียงกำไลดังกรุ๋งกริ๋ง ขณะเดียวกันน้องกี้ทวนคำนั้นอยู่ในใจ

ฉลอง วันพฤหัส?

ความรู้สึกบางอย่างคลับคล้ายฟองอากาศเล็กๆ ที่เริ่มผุดใต้ฐานดวงใจ มันระริกลอยตามๆ กันขึ้นเป็นสาย จากน้อยก็เริ่มมากขึ้นคล้ายน้ำอัดลมที่ถูกเขย่า ต่างเพียงแรงเขย่าของน้องกี้เกิดจากสำเหนียกบางชนิดที่ชัดเจนถัดจากคำนั้น

ฉลอง วันพฤหัส?

วันที่ ๓๐ มิถุนา วันเกิดของน้องกี้!

แต่ละฟองเหล่านั้นดุจจะบรรจุอาการชา มันพุ่งอย่างไม่รู้ทิศไปแปลบปลาบตามปลายแขน ปลายขา หญิงสาวรู้สึกเหมือนจะหน้ามืด ตื้นตันจนหูอื้อ ได้ยินแต่เสียงวิ้งๆ ว่อนวุ้ง

จากนั้นฟองอากาศก็อัดกันแน่นจนรู้สึกทั้งตัวกลวงโหวง ก่อนบางอย่างหนักๆ จะถูกถมลงจากอก เป็นการฟูอัดขยายกันไปทั้งตัว เนืองแน่นจนเธอแทบรับไม่ไหว หัวใจมันตีบเกินอั้นจนแทบทะลักออกมาเป็นอาการอยากจะร้องไห้

น้องกี้อธิบายไม่ถูกว่ามันคืออารมณ์อย่างไร เธอไม่เคยได้ยินอะไรอย่างนี้ ไม่เคยรู้สึกอะไรทำนองนี้ แม้แต่แม่กับน้องของน้องกี้ก็ไม่เคยสนใจจะรับรู้หรือจำได้ด้วยซ้ำว่าเธอเกิดวันที่เท่าไร ที่เป็นอยู่จึงคล้ายถูกคนกลั่นแกล้ง คล้ายไม่มั่นใจว่าความจริงตรงหน้ากำลังลวงตาหรือไม่ สัญชาตญาณระแวงภัยก่อกำแพงอัตโนมัติกั้นใจสูงลิบ

แต่ทั้งอย่างนั้นเธอก็ยังตัวสั่น เหมือนจะเป็นลม เหมือนจะหมดแรง ระริกไหวจนแทบไม่อาจพูดเป็นคำ “ทะ...ทำไมคุณโชคถึงรู้...”

เขากำลังประสานตาผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าแค่คาง จึงไม่มีทางเห็นว่าจู่ๆ น้องกี้ก็น้ำตาคลอ “สร้อยที่อกเธอไง”

หญิงสาวพยายามกลืนความเปียกฉ่ำในดวงตา มือสั่นแตะอัญมณีนำโชค

“ยังกับลิเก!” นังจ๊ะจ๋าแสร้งติกำไลตัวเอง

“สร้อยคอประจำวันเกิดที่เธอชอบลูบนิ้วขอพร”

เมื่อคุณโชคหันมาสบตา น้ำตาของน้องกี้ก็หายไปแล้ว หลังม่านตารื้นแทนด้วยภาพเหตุการณ์ขณะนั่งอยู่ในห้องประชุมร่วมกับเธอตามลำพัง

‘ทำไมต้องลูบสร้อยนั่นบ่อยๆ’

‘สร้อยประจำวันเดือนปีเกิดของน้องกี้ นำโชคดีมาให้ค่ะ’

น้องกี้พยายามเรียกสติตัวเองกลับมา ขณะนั้นภาพชายหนุ่มผมเกรียนสั้นตรงหน้า ผู้กอปรด้วยความคมคายลึกล้ำของดวงตาสีดำสนิท คลับคล้ายกลายเป็นอีกคนที่น้องกี้ไม่เคยเห็นชัดหรือรู้จักมาก่อนตลอดชีวิต

อย่างไม่รู้ตัว ด้วยความรู้สึกอันไม่คุ้นเคยบางอย่าง ความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย น้องกี้กลืนอารมณ์ป่วนประหลาดในใจพลางชักมือออกจากมือคุณโชค

เขายังคงพูดต่อ “เธอบอกว่าสร้อยประจำวันเดือนปีเกิด แต่กลับมีอัญมณีอยู่แค่ชนิดเดียว คือนิล และนั่นหมายถึงคำตอบเดียวเหมือนกัน เพราะนิลเป็นอัญมณีที่แทนได้เฉพาะวันวันเดียว เดือนเดือนเดียว และปีปีเดียว ไม่เหมือนอัญมณีชนิดอื่นที่อาจแทนได้หลายปี หลายเดือน หรือหลายวัน”

“วันเสาร์ เดือนมิถุนา ปีมะเมีย” น้องกี้พูดเหมือนละเมอ ก่อนนึกขึ้นได้ “แต่คุณโชครู้ได้ยังไงว่าวันที่สามสิบ”

“ปีมะเมียปีนั้นคือ พ.ศ. ๒๕๓๓ เดือนมิถุนาปี ๒๕๓๓ มีวันเสาร์ตรงกับวันที่สอง เก้า สิบหก ยี่สิบสาม แล้วก็สามสิบ”

“แล้ว?...”

“ฉันก็เลยคิดว่าน่าจะลองใช้วิธีของเธอ”

“วิธีของน้องกี้?”

“ดูนี่...” ว่าพลางควักโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า เปิดเบราว์เซอร์เซิร์ชข้อมูล ‘ทายนิสัยตามวันที่เกิด’ แล้วอ่านออกเสียง

“คนที่เกิดวันที่ ๒ เพื่อนสำคัญที่สุด เฉียบแหลม อ่อนหวาน ไม่ชอบขัดใจผู้อื่น”

“คนที่เกิดวันที่ ๙ ขรึม ขี้อาย จริงจังกับชีวิต ทุ่มเทเพื่องาน อธิบายเก่ง แต่ไร้มุกตลก”

“คนที่เกิดวันที่ ๑๖ ชอบโลดโผนหาประสบการณ์ คนรอบข้างจึงอาจมองว่าเกเร หรือไม่น่าไว้ใจ แต่ที่จริงมีศีลธรรมและเข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างดี”

“คนที่เกิดวันที่ ๒๓ สง่า มั่นใจในตัวเองสูง มุ่งมั่น ปราดเปรื่องศิลปะวิทยาการ”

“คนที่เกิดวันที่ ๓๐ ฉลาด เด็ดขาด เชื่อมั่นในตัวเอง หาข้อได้เปรียบเพื่อเอาชนะคู่แข่งได้ไม่ยาก”

“ทั้งหมดนี้มีวันเดียวที่ตรงกับเธอที่สุด วันที่สามสิบ!”

อีกครั้งที่ความรู้สึกทรมานแปลกประหลาดหวนกลับมาเล่นงานน้องกี้ หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ รู้สึกตีบตื้อคล้ายจะหายใจไม่ออก รู้สึกเบาหวิว ทะเทิ้ม เป็นคนเดิมที่ไม่ใช่คนเดิม เป็นตัวเองที่ไม่ใช่ตัวของตัวเอง

“ว่าไง” คุณโชคเรียกสติ “ตกลงเธอยังโอเคกับร้านนี้อยู่มั้ย” เจ้าตัวพยักไปด้านในร้าน แต่เหมือนปลายคางชี้ไปที่พี่เก่งมากกว่า

คนถูกชี้กัดฟันกรอด กรากเข้ามาฉวยมืออีกข้างของน้องกี้ไว้ “น้องกี้เคยบอกว่าอาหารของที่นี่มันห่วย!” เจ้าตัวเน้นคำ สายตาราวจะผลาญทำลายชายตรงหน้า “พี่จะพาไปกินที่อื่น”

“อ้าว” จ๊ะจ๋าหน้าเสีย

คุณโชคหันหน้ามายกคิ้วให้น้องกี้ ในที่สุด ยอมปล่อยมือแล้วก้าวจากไป น้องกี้ใจหาย และโดยไม่รู้ทำไม เธอตัดสินใจปลดมือตัวเองจากการเกาะกุมของพี่เก่ง วิ่งออกมาเองโดยไม่สนใจเสียงแฟนหนุ่มที่ตะโกนเรียก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นบริภาษสาวจ๊ะจ๋าที่พยายามเกาะแกะไม่ยอมปล่อย

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น