The Five of Wands: ห้าไม้เท้า
การทำงานที่ไม่เป็นทีม ขัดแย้ง ติดขัด
ผู้สมัครตำแหน่งเจ้าหน้าที่แผนกวางแผนกลยุทธ์ (หมายเลข ๓) |
||
เพศ: |
เจนี่ (กลางวันครับ กลางคืนค่ะ) |
|
กายภาพ: |
หน้าคม ผิวสองสี มีกล้ามท้อง |
|
ท่าทาง: |
คล่อง มั่นใจ |
|
การศึกษา: |
เกรดเยี่ยม |
|
ประสบการณ์: |
จบใหม่เอี่ยม |
|
ประทับใจ: |
น้องกี้: |
อยากทำงานกับเพื่อนร่วมงานแบบไหนคะ |
|
มานพ: |
สร้างสรรค์ ไม่งี่เง่า ไม่เจ้าอารมณ์ หรือเจ้าระเบียบเกินไปฮะ |
|
น้องกี้: |
เกรดดีๆ อย่างน้องนี่เลือกเพื่อนร่วมงานได้เลยนะ พี่แนะว่าควรเลือก |
|
|
แบบที่นี่แหละค่ะ แล้วน้องจะมีแต่ความสุข น้องมานพมาถูกที่แล้วค่ะ |
|
|
เพื่อนร่วมงานที่นี่ทั้งใจดี ใจกว้าง และใจเย็น |
|
มานพ: |
ดีฮะ เพราะว่าผมเป็นคนพูดตรงๆ เอาใจใครไม่เป็น ผมติดเน็ต ก็ |
|
|
เข้าใจนะฮะว่ามันทำให้ใจร้อน แต่ไม่คิดจะปรับตัวหรอก ถือว่าเป็นจุด |
|
|
แข็ง พวกเหวี่ยงๆ หรือปัญญาอ่อนมานี่โดนผมด่าซะแทบแอบหลบไป |
|
|
แกล้งตายนักต่อนัก |
การตัดสิน: |
xxxxxxxxxxx ผ่าน ไม่ผ่าน |
มานพเข้างานมาหลังจากรักเร่ได้เป็นพนักงานรายวันเพียงหนึ่งสัปดาห์ ทั้งคู่ต้องร่วมกิจกรรมกันหลายอย่างประสาน้องใหม่ ด้วยวัยเท่าๆ กันทำให้หนุ่มสาวสนิทสนมจนหลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นมากกว่าเพื่อน แล้วเลยนินทาว่าฝ่ายชาย ‘ตาไม่ดี’ ค่าที่มานพหล่อเหลา ผิวสองสีดูกระจ่าง ฉลาด ทั้งคล่องไวกว่าพนักงานในวัยและอายุงานไล่เลี่ยกันมากโข เรียกว่าอนาคตสดใสน่าจะหาคนข้างกายได้ดีกว่าสาวท้วม สมองทึบ และคืบคลานช้าอย่างรักเร่
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครพยายามแก้ความเข้าใจผิดเหล่านั้น และคนนอกอย่างน้องกี้เท่านั้นที่รู้เท่าทันว่าเป็นเพราะอะไร
กันยายนปีที่แล้ว ระหว่างเงาร้ายของงานงบประมาณย่างกรายครอบคลุมทั่วบริษัท น้องกี้สำเหนียกถึงปัญหาจากการที่ตนและเด็กใต้อาณัติใช้จ่ายโดยไม่ได้บันทึกตามจริง ทว่าวิ่งเฉลี่ยส่วนที่เหลือโปะส่วนที่ขาดจนข้อมูลคลาดเคลื่อน ก่อนที่ฝ่ายบัญชีจะนำแบบฟอร์มมาให้กรอก หญิงสาวรีบแก้เคล็ด นัยว่าล้างอาถรรพ์ด้วยศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย รอคนส่วนใหญ่ออกจากออฟฟิศแล้วนำเกลือเม็ดใหญ่ผสมเศษสตางค์ไปเดินหว่านทั่ว
ภัยร้ายจงออกไป ภัยร้ายจงออกไป!
ขณะผ่านมุมมืดหนึ่ง ฝีเท้าชะงักเพราะเสียงคิกคักแว่วมา ตอนแรกน้องกี้ตกใจคิดว่าเป็นพวกลมเพลมพัด จวบทันได้เห็นแผ่นหลังสูงโปร่งของมานพกำลังยืนก้มดูอะไรบางอย่าง
ทำไมต้องแอบไปดูอะไรในมุมอย่างนั้นด้วย
อย่างเงียบเบาด้วยฝีเท้าของนักสอดรู้ น้องกี้ตามไปชะโงกดูผ่านใต้รักแร้ของเจ้าตัว หญิงสาวตาถลนเมื่อพบว่าสมาร์ตโฟนในมือหนากำลังแสดงภาพสองชายระเริงรักด้วยท่าทางผาดโผน ที่สำคัญ หนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครนอกไปจากเจ้าของโทรศัพท์มือถือนั่นเอง!
‘อุบาทว์ ส่งมาทำไม ลบไปเดี๋ยวนี้เลยนะ เดี๋ยวแม่ตัวเองก็เห็นหรอก’ มานพยกโทรศัพท์มือถือแนบหูคุยต่อคิกคัก ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนแอบรู้ความลับ แถมกำลังเขย่งถอยห่างไปด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำ
ใช่ มันคือความลับ ในเมื่อเจ้านายสายตรงของมานพรังเกียจเพศที่สามยังกับกิ้งกือ แถมหัวโบราณจนถือว่าพวกข้ามเพศต้องนมใหญ่สวมกระโปรงเท่านั้น นั่นคงเป็นเหตุให้มานพยึดเอาเพื่อนอย่างรักเร่มาเป็นกำบัง
วันนี้ กว่าการประชุมเรื่องงานเลี้ยงส่งท่านประธานจะจบก็เกือบเที่ยง มานพไลน์หาเพื่อนสนิทเพื่อตามไปกินข้าว พอรู้ว่ารักเร่อยู่ในห้องประชุมชั้นล่างกับคุณโชคบดี คนไลน์ก็ดี๊ด๊า วิ่งตัดหน้าพนักงานอาวุโสอย่างพี่ยาออกจากห้องไป ไม่สนใจสายตาเย็นชาพยาบาทที่จดจ้องมาตั้งแต่กรณีเสียงหัวเราะของเขาราวยี่สิบนาทีก่อน
“เร่ ไปกินข้าวกัน” หนุ่มแผนกกลยุทธ์ยื่นหน้าเข้าไปหว่างช่องประตู พูดกับเพื่อน ทว่าสายตาจ้องอีกคนที่นั่งข้างหล่อน
คุณโชคบดีซัปพลายเออร์งานไอทีดูดีสมกับที่ยัยอ้วนตกหลุมรักหัวคะมำ หน้าคมเป็นรูปไข่ คิ้วคางดวงตาพอเหมาะพอเจาะ ไม่หล่อมาก แต่รวมๆ แล้วดูดีมาก ผิวเข้มส่งให้ดูแมนเต็มตัว แขนยาว ขายาว ต่อเมื่อสวมแว่นบางภาพลักษณ์คล้ายนักกีฬาก็กลับนิ่งขรึม แถมเขายังหันมาเม้มปากยิ้มเป็นมิตรให้แก่มานพซึ่งยังไม่ทันรู้จักกันด้วย
ใจดี มีเสน่ห์อย่างที่แกบอกเป๊ะเลยว่ะ! เกย์หนุ่มส่งสายตาเมาท์กับเพื่อน ก้าวเข้าไปยืนรอในมุมห้องเพื่อมองคุณโชคชัดๆ
เพื่อนร่างใหญ่ยิ้มขำ ก่อนเดินเข้ามาตีไหล่เขาเบาๆ พอดีกับที่มีเสียงดังจากช่องประตูอีกคำรบ
“คุณโชคขา น้องกี้เคลียร์งานเสร็จแล้ว เดี๋ยวเย็นนี้เราไปซื้อชุดกันดีกว่า” ผู้มาใหม่ไม่ทันหันมองมุมด้านในจึงไม่เห็นรุ่นน้องทั้งสอง
มานพทันสังเกตว่าคุณโชคที่นั่งเก็บของอยู่ต้องเป็นฝ่ายเงยหน้าลากสายตาชี้แทน พี่แอ๊บหันตาม รอยระรื่นกระตุกแค่ชั่วแวบ เห็นได้ชัดว่าไม่รู้และไม่คิดว่ารักเร่จะแอบมาหาคุณโชคระหว่างที่รุ่นพี่ติดงานอย่างอื่นอยู่
แต่ก็แค่ชั่วแวบ พี่แอ๊บเผยอยิ้มยิ่งขึ้น ยกมือปัดหน้าม้าชวนแบ๊วที่มานพเห็นแล้วขัดลูกตาตลอดมา ท่าทางหล่อนจะยังไม่รู้สึกรู้สาว่าตัวเองพูดผิดตรงไหน
ในที่สุดคุณโชคต้องส่งซิก “จะไปงานวันเกิดกับแฟนเธอพรุ่งนี้อะนะ”
“ถึงน้องกี้จะรู้อยู่ว่าพี่เก่งจะไม่ปฏิเสธในที่สุด แต่เปล่าหรอกค่ะ” คนพูดหันไปหารักเร่ ยิ้มกว้างอีกคล้ายจะอวด “ชุดสำหรับไปงานแต่งกับคุณโชควันมะรืนนี้ต่างหาก!”
มานพมองฝั่งโน้นทีฝั่งนี้ที ได้กลิ่นไม่ปกติก็รีบกระตุกแขนเพื่อนออกจากห้อง “นี่มันอะไร ทำไมเหมือนพี่แอ๊บมาทำเป็นหมาหวงก้าง แฟนชีก็มีหัวโด่อยู่ชัดๆ”
สาวอ้วนสีหน้าเจื่อนลง “เขาอาจจะเป็นแฟนกันอีกแค่ไม่นานก็ได้”
“หมายความว่าไงวะ”
รักเร่เหลือบมองซ้ายขวา จนคนข้างกายรำคาญ “เขาไปกินข้าวกันหมดแล้วน่า!”
คนถูกถามจึงยอมตอบด้วยเสียงเบาลง “อย่าพูดไปนะ”
“ไม่พูด!” คนถามเริ่มอารมณ์เสียกับความเรื่องมากของอีกฝ่าย
“พี่หมูกำลังพยายามหาทางทำให้พี่แอ๊บกับแฟนเลิกกัน อำนาจจะได้กลับมาอยู่ที่พี่หมูจริงๆ ซะที”
มานพพยักหน้าเข้าใจ ก่อนหน้านี้เพื่อนสาวเคยไล่เลียงผังอำนาจในหน่วยงานของตนให้เขาฟังมาบ้าง
รักเร่พูดต่อด้วยน้ำเสียงเครียดขึ้น “แล้วตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่แอ๊บกับคุณโชคก็เป็นประเด็นที่พี่หมูเริ่มจับตา”
“แต่ถ้าชีเลิกกับแฟนตอนนี้ คุณโชคบดีสุดหล่อของแกก็โดนพี่แอ๊บงาบชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ!”
รักเร่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“อะไร!” เพื่อนเก้งกระชากเสียงสูง “อย่าบอกนะว่าคนที่พี่หมูใช้ให้มาทำงานนี้ก็คือแก!”
รักเร่พยักหน้า
“อีบ้า! ฉันว่าต่อไปแกตามพี่แอ๊บไปสะเดาะเคราะห์บ้างดีกว่า”
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง” สาวท้วมถามเสียงเครือ
แววตาของมานพครุ่นคิด “แกจำได้ใช่มั้ยว่าแม่ผัวของชีเป็นใคร”
“ฮื่อ”
“เอาอย่างนี้...”
“ว่าไงนะคะ!”
เสียงแหลมของน้องกี้เรียกให้คุณโชคบดีหันมา บ่ายแก่วันนี้ไม่มีงานเร่งจากข้างนอกอีก เธอจึงให้รักเร่ออกไปจากห้องประชุม ตัวเองกลับเข้ามานั่งข้างคุณโชคแทน ความสงบอันน่ารื่นรมย์ดำเนินไปกระทั่งหญิงสาวได้รับโทรศัพท์จากแฟนหนุ่ม
ต่อคำถามเสียงสูงนั้น พี่เก่งย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า “เรื่องงานวันเกิดที่จะจัดให้ที่บ้าน สรุปว่าพ่อกับแม่ของพี่จะมานั่งทานด้วย แล้วท่านก็ยินดีให้น้องกี้พาแม่กับน้องสาวมา เพียงแต่ว่าพี่จะขอเลื่อนเป็นวันมะรืนแทน”
ถ้าไม่มีทักษะด้านการแสดงสูงส่ง น้องกี้คงหลุดเบิกตาตกใจไปแล้ว แต่หญิงสาวมีสติรีบซ่อนอาการ แม้แต่ทวนคำก็แค่คิดในใจ
วันมะรืน...วันแต่งงานของคุณแพร!
คุณโชคหลงกลเมื่อเธอไม่มีกิริยาผิดปกติใด เจ้าตัวจึงหันไปง่วนกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองต่อ
“คือคุณป้าสรวงท่านขอให้แม่พี่ไปช่วยเลือกของชำร่วยเย็นวันพรุ่งนี้พอดี นี่พี่เองก็ต้องตามไปด้วย...” น้องกี้รู้ว่าพี่เก่งหมายถึงคุณหญิงสรวงพิสุทธิ์ ภรรยาของนายพลเอกหัวหน้าสายตรงของบิดาเขา และเป็นผู้ใหญ่ที่คุณกำยานมารดาของเขานับถือ ทั้งติดสอยห้อยตามไปร่วมงานสมาคมต่างๆ บ่อยๆ
ตลอดเวลาที่ถือสาย ยิ่งฟังน้องกี้ก็ยิ่งหงุดหงิดใจ เป็นความหงุดหงิดที่เหมือนเข็มสะกิดให้คิดได้ว่าตัวเองช่างโง่เง่า!
ใช่! เพราะการไปบ้าน พบหน้าปะตาระหว่างสองครอบครัวของเธอกับพี่เก่งควรจะเป็นปรารถนาสูงสุด ทว่าวินาทีนี้น้องกี้กลับไม่มีความสนใจเหลือเลย เธอไม่รู้สึกอยากรู้ว่าแฟนหนุ่มจะยังจัดงานดังกล่าวให้หรือไม่ จัดที่ไหน ธีมอะไร หรือใครไปได้ ไม่ได้บ้าง
จะว่าไปต่อให้เขาพาบินไปกินเลี้ยงบนยอด ตึกเบิร์จคาลิฟา แล้วมีนักร้องรับเชิญเป็นมาดอนน่า น้องกี้ก็ยังไม่รู้สึกว่านั่นน่าดึงดูดเท่ากับการไปงานแต่งกับคุณโชคอยู่ดี
เพราะ...พร้อ...
เพราะอะไร (วะ) คะ!
อาจเป็นเพราะว่า น้องกี้น่าจะอยาก...อยากเจอเพื่อนเก่า ก็ตั้งแต่จบมัธยมไป น้องกี้ก็ไม่เคยพบใครอีกเลยนี่นา
แต่จะทำยังไง ถ้าเธอปฏิเสธพี่เก่งตรงนี้ คุณโชคบดีก็จะได้ยินและปะติดปะต่อเรื่องได้ พอปะติดปะต่อเรื่องได้ เขาย่อมขับไสน้องกี้ให้ไปงานวันเกิดแทนแน่นอน
“พี่เก่งขา น้องกี้ไม่แน่ใจว่าจะสะดวกมั้ย ถ้าเราลองเปลี่ยนเป็นวันอื่น...”
“น้องกี้มีปัญหาอะไร” อีกฝ่ายเริ่มตวัดเสียง
“คือช่วงนี้น้องกี้รับงานหนักมาก เดี๋ยววันนั้นก็จะมีประชุมนำเสนองาน อาจต้องอยู่เย็น น้องกี้กลัวเหลือเกินว่าจะไปไม่...”
“น้องกี้ไม่ต้องกลัว พี่จะบอกพี่หมูให้เอง เอาเป็นว่าทุกอย่างตามนี้นะ!” เขารวบรัดแล้วตัดสาย
น้องกี้ยังหูค้าง รู้สึกเหมือนแบกโลกเอาไว้บนไหล่
“มีอะไรรึเปล่า” เสียงคุณโชคปลุกจากภวังค์
เธอกลืนน้ำลายเอื๊อก ก้าวเข้ามาใกล้ ได้กลิ่นโปโลสปอร์ตละมุนอ่อน “คือว่า งานวันมะรืน...” คำยังติดอยู่ในคอ สายตาไวทันเสไปเห็นหน้าจอของคุณโชคพอดี มันกำลังแสดงภาพแบบเสื้อผ้าสตรี
“เสื้อผ้าพวกนี้ คุณโชคหาให้น้องกี้อยู่เหรอคะ”
หน้าเขาเหลอหลา “ก็...มันมีเดรสโค้ด ฉันเลยลองเซิร์ชดู เผื่อเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินหา ว่าแต่เมื่อกี้ว่าวันมะรืนทำไม”
น้องกี้ยิ้มขำที่เขาจงใจเปลี่ยนเรื่องกลบเกลื่อน ปากบอกเสร็จสรรพ “ปัญหาทางบ้านของพี่เก่งน่ะค่ะ สรุปว่าเย็นนี้คุณโชคจะไปเลือกเสื้อเป็นเพื่อนน้องกี้สินะคะ”
ภายใต้แนวคิด ไอเดียโอโพลิส สยามเซนเตอร์ได้รับรางวัลจากเวทีเอเชียแปซิฟิกชอปปิงเซนเตอร์ ทั้งยังติดหนึ่งในห้าศูนย์การค้าที่ออกแบบดีที่สุดในโลก เพียงเห็นการจัดสถานที่และแฟลกชิปสโตร์นานา น้องกี้ก็แทบลืมความกังวลเรื่องงานเลี้ยงทับซ้อนไปสิ้น หญิงสาวตะลึง ลานตากับสินค้าเสื้อผ้าและสิ่งละอันพันละน้อย อยากรวบทุกอย่างกลับบ้าน แต่วงเงินในการ์ดและวงเงินที่จะจ่ายการ์ดมีจำกัด เธอเริ่มงุ่นง่านเพราะตัดสินใจไม่ได้ ที่สำคัญคือไม่มีคนคอยช่วยตัดสินใจ เพราะคนที่มาด้วยต้องคอยไปตัดสินใจให้คนอื่น
หญิงสาวขัดใจตั้งแต่รักเร่เซ้าซี้ขอติดสอยมาด้วยแล้ว อุตส่าห์เปลี่ยนจากประตูน้ำเป็นห้างหรูเพื่อขู่ว่ายังไงหล่อนก็ไม่มีทางซื้อได้ รุ่นน้องยังไม่วายเบิกเงินมาพร้อมรบ และแล้วหน้าเศร้าๆ กับท่าทางอ้อยส้อยก็ทำให้คุณโชคมัวคอยป้วนเปี้ยนยื่นคำแนะนำและความช่วยเหลือหล่อนไม่ห่าง
“คุณเร่ผิวขาว ใส่สีไหนก็ขึ้นครับ ถ้าเป็นอย่างยัยคนนั้นสิว่าไปอย่าง” คุณโชคกำลังพินิจเนื้อผ้าที่ลูกน้องของน้องกี้ยกทาบไว้กับตัว ขณะเดียวกันร่างท้วมใหญ่ก็หันซ้ายขวาอยู่หน้ากระจกเงา
น้องกี้รี่เข้าไปขวางอย่างสุดจะทน ถึงกระนั้นรอยยิ้มยังพรายอยู่บนตาและเรียวปาก “คุณโชคน่ารักจัง ขนาดน้องกี้ไม่อยู่ข้างๆ ยังคอยนึกถึงพูดถึงตลอด”
“คุณโชคบอกว่าพี่แอ๊บตัวดำค่ะ”
“เมื่อกี้พี่ไม่ได้ยินแบบนี้นะคะ” หญิงสาวกะพริบตาให้ ดวงตาแทบพ่นพิษคล้ายนาคจำพวกปูติมุข
“ใช่ ไม่ได้พูดแบบนั้น” คนกลางออกปากค้าน น้องกี้พลันยิ้มชนะในสีหน้าแอ๊บแบ๊ว “ฉันหมายถึงยัยคนนั้น ไม่ได้หมายถึงเธอ อย่าสำคัญผิด!” เขาพยักหน้าไปยังลูกค้าต่างชาติอีกรายที่ลองเสื้ออยู่ไม่ไกลกัน
รักเร่หัวเราะ “คุณโชคตลกจังค่ะ เร่กลัวว่าใส่ผ้าแปลกๆ มาแล้วคุณโชคจะขำแบบนี้แหละ เร่ไม่ค่อยได้เลือกซื้อเสื้อเองเลย”
น้องกี้แทบกัดริมฝีปาก “ดีจังเลยนะคะ มีแฟนซื้อให้” แฟนเก้ง!
“ปละ เปล่าค่ะพี่แอ๊บ ตั้งแต่เกิดมาเร่ยังไม่เคยมีแฟนเลย” แล้วหล่อนก็หันหาคุณโชคอย่างเฉพาะเจาะจง “ที่บ้านเร่ป้าเขาเปิดร้านตัดผ้า ปกติป้าเลยตัดเสื้อให้เร่ตลอดค่ะ”
“แล้ววันนี้มาซื้อเองแบบนี้ ป้าจะว่าอะไรมั้ยครับ”
“ป้าน้องเร่ไม่ว่าหรอกค่ะ ก็น้องเร่เคยบอกนี่คะว่าป้าไม่ค่อยสนใจ!”
แค่จบคำ รักเร่ก็ทำตาโตตกใจ น้ำตาคลอหน่วย
คุณโชคมุ่นคิ้ว ถอนหายใจแรงและทำเสียงเข้มใส่น้องกี้ “หยุดพูดซะที!” พอหันไปพูดกับยัยอ้วนกลับทำเสียงอ่อน “คุณเร่ไม่ต้องกังวลไปครับ ถ้าชอบตัวนี้ก็ซื้อตัวนี้ มันเข้ากับคุณเร่แน่นอน”
น้องกี้เป็นฝ่ายร้อนแทน อยากกระทืบเท้ากลางร้าน แต่รู้ว่านั่นคือกิริยาของนังตัวร้าย หญิงสาวพยายามสงบใจ ยกนิ้วไล้เนื้อผ้า “แต่พี่ว่าหนูเร่ใส่ไม่ได้แน่นอน เสื้อตัวเล็กแค่นี้ ไซซ์ใหญ่อยู่ตรงไหนคะแม่ค้า!”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะพี่แอ๊บ” สาวร่างใหญ่เสียงเครือ “เร่กำลังลดความอ้วนอยู่ จะเอาเสื้อตัวนี้เป็นเป้าหมาย”
“แน่ใจนะคะว่าแค่เสื้อ!”
“นี่!” คุณโชคขู่ซ้ำ “เธอยังไม่ได้ชุดตัวเองไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ไปตามหาต่อ เดี๋ยวจะได้รีบกลับบ้าน”
“คุณโชค! ทีรักเร่ทำไมคุณโชคช่วยดู แต่กับน้องกี้ไล่ให้ไปดูเอง น้องกี้เป็น...เป็น...” ถ้อยสะดุดเพราะขุดหาคำเด็ดๆ มาใช้ไม่พบ “น้องกี้เป็นแฟนเก่าคุณโชคนะคะ!”
นอกจากคนทั้งร้านที่หันมา แม้แต่รักเร่ที่เมื่อครู่ยังหน้าเศร้าก็ถึงกับหลุดตาโต
คุณโชคกระชากต้นแขนน้องกี้แล้วกำแน่น “เฮ้ย! พูดบ้าอะไร” เขาพยายามส่งสายตา “ฉันเสียหายนะ!...”
ไม่ทันจบคำของคุณโชค และไม่ทันที่หญิงสาวตัวร้ายจะยอมผละไป รุ่นน้องร่างใหญ่ก็โพล่งขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เงียบ และนิ่ง “พี่แอ๊บจะไปงานวันเกิดที่แฟนคนปัจจุบันจัดให้จริงๆ เหรอคะ”
คำถามไม่ทำให้น้องกี้สนเท่ห์เท่าสายตาที่แปลกไปของคนถาม “หมายความว่ายังไงคะ...”
“รีบไปหาชุดของเธอไป!” คุณโชคส่ายหัว ไม่ยอมให้อีกฝ่ายพูดต่อ ดึงแขนบางจ้ำไปทางอื่น “ไหน จะเอาตัวไหน...”
เหลือเพียงรักเร่ที่ยืนทะมึนสูดลมหายใจ ดวงตาจ้องนิ่ง ดวงหน้าไม่ไหวติง จดจ้องภาพคนทั้งสองที่ก้าวห่างไปด้วยความร้อนร้ายอันแลบเลียในอกตน พลันนั้นเสมือนร่างตันกลับกลายเป็นโพลงโหวง เวียนว่อนด้วยเสียงสะท้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
น้องกี้เป็นแฟนเก่าคุณโชค
น้องกี้เป็นแฟนเก่าคุณโชค
น้องกี้เป็นแฟนเก่าคุณโชคนะคะ
รักเร่ไม่รู้ตัวเลยว่ามือหนาของตนหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเมื่อไร ปลายนิ้วสั่นด้วยอารมณ์บางประการกดไล่หารายชื่อ และมันกำลังค้างอยู่ที่ชื่อของพี่หมู!
หญิงสาวรู้สึกเหมือนจะหน้ามืด โลกหมุน แต่การหมุนของมันกลับเหวี่ยงอีกเสียงสนทนาย้อนกลับมาในมโนนึก
‘พี่หมูกำลังพยายามหาทางทำให้พี่แอ๊บกับแฟนเลิกกัน อำนาจจะได้กลับมาอยู่ที่พี่หมูจริงๆ ซะที...แล้วตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่แอ๊บกับคุณโชคก็เป็นประเด็นที่พี่หมูเริ่มจับตา’
‘แต่ถ้าชีเลิกกับแฟนตอนนี้ คุณโชคบดีสุดหล่อของแกก็โดนพี่แอ๊บงาบชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ!’
ปลายนิ้วอวบยิ่งสั่นด้วยอาการลังเลระทึกใจ แต่ไหนแต่ไรมาเธอแทบไม่เคยตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง...
ตั่งยาวอันเคยเป็นที่นอนประจำของบิดานั้น บัดนี้แปรสภาพสู่ที่จัดแสดงเดรสสั้นเหนือเข่า แขนยาว เนื้อผ้าสักหลาดสีชมพูตุ่น งานปักลายด้านหน้าละเอียดยิบราวฉลุตั้งแต่บ่าสองข้างลงมาตรงกลางเหมือนรูปตัววี เมื่ออยู่ใต้แสงไฟ เกลียวด้ายจะสะท้อนประกายวะวับ
“ก็สวยดี” พูนลาภยืนดู มือข้างหนึ่งกอดไว้ใต้ราวนม อีกข้างยกแตะปลายคาง สีหน้าพยายามปรุงเรียบ แต่ดวงตาส่อแววริษยา “แต่ว่าวันมะรืนที่พี่จะไปงานมันเป็นวันศุกร์ วันศุกร์ต้องนุ่งเหลือง ห่มน้ำเงินแก่ไม่ใช่เหรอ”
“นั่นสิวะ” คุณนายอิงบุญต่างหากที่มุ่นคิ้วแน่นอย่างมีปัญหาจริงๆ “ค่าชุดนี้ตั้งเท่าไหร่ เอามาใส่วันอื่นก็ไม่ได้ เพราะไม่ตรงกับสีมงคลเลยสักวัน”
รอยยิ้มเจ้าของเสื้อหย่อนลงเล็กน้อย ดวงตาพลอยราแสงเพราะเพิ่งสำเหนียกได้ อึดใจหนึ่งความกลัวจึงเกิด
แต่ไหนแต่ไรน้องกี้ไม่เคยสวมเสื้อผ้าด้วยเฉดต่างจากในตารางสีมงคล ตารางที่คุณแม่แนะนำ ด้วยเหตุผลเดียวกับเรื่องต่างๆ...ความหวังในการเป็นลูกคนโปรดของคุณแม่!...
เพราะอย่างนั้น หญิงสาวจึงจำปรับความเชื่อ เปลี่ยนความคิดโดยไม่รู้ตัว ภูมิปัญญาเดิมถูกกลบฝังไว้ และแล้วเธอกลายเป็นหุ่นชักที่พร้อมจะเชื่อและทำอะไรก็ได้ตามที่ผู้ปกครองต้องการ ปิดตาไม่สนว่าตรรกะอันควรคืออย่างไร ไม่รับรู้ว่าโลกภายนอกหมุนวนไปทางทิศไหน ได้แต่คิดว่าตัวเองมีโลกใบเล็กๆ ที่อบอุ่นและปลอดภัย เท่านี้ก็ตอบสนองสิ่งที่เธอต้องการเสมอมาได้
ทว่าวันนี้มันกลับเปลี่ยน...
เริ่มจากคุณโชค น้องกี้อยากเห็นตัวเองเดินคู่ไปกับคุณโชคในชุดนี้ นี่เองทำให้ตรรกะหรือสิ่งซึ่งผู้ปกครองขนานว่า ‘ความดื้อรั้น’ ย้อนมาผุดเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
เราถูกกำหนดให้แต่งตัวตามตารางสีมงคล แล้วใครกันนะเป็นคนกำหนดสีในตาราง
น้องกี้ให้คำตอบไม่ได้ และมันยิ่งกระพือความร้อนรนหงุดหงิดใจจากแรงปะทะระหว่างสิ่งที่อยากและสิ่งที่ควร โดยเฉพาะ...แน่หรือว่ามันคือสิ่งที่ ‘ควร’
อึดใจหนึ่ง หญิงสาวหวนนึกถึงคำรักเร่
‘...เร่ไม่ค่อยได้เลือกซื้อเสื้อเองเลย’
‘...ที่บ้านเร่ป้าเขาเปิดร้านตัดผ้า ปกติป้าเลยตัดเสื้อให้เร่ตลอดค่ะ’
ตอนฟังเธอหยันในใจ จะมีใครน่าสมเพชไปกว่านั้น! แต่ตอนนี้น้องกี้พบแล้ว พบแล้วว่านั่นไม่ใช่ใครนอกไปจากตัวเธอเอง!
รักเร่ถูกบังคับเพราะไม่มีพ่อแม่ การจะอยู่กับป้าผู้รับอุปการะ เจ้าตัวจำยอมตามและช่วยเหลือทุกอย่าง ทั้งที่หลายอย่างก็ไม่อยากทำ ทั้งหมดนั่นเพื่อความอยู่รอด
ทว่ากับน้องกี้เล่า! เธอจำยอมตกใต้อำนาจของอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น หาเหตุผลไม่ได้ ทั้งไม่เคยคิดหาเหตุผลด้วยซ้ำว่าทำไมต้องทำ หรือทำไมจึงไม่อาจทำตามใจทั้งที่ไม่ใช่เรื่องผิดบาป!
หญิงสาวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ “น้องกี้จะใส่ชุดนี้ค่ะคุณแม่!”
คุณนายอิงอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนโวย “แกมันก็อย่างเนี้ย ไม่ได้ดั่งใจฉันสักอย่าง แล้วไปงานแต่งชาวบ้านก็ต้องใส่ซองให้เขาอีกละสิ สอนไปไม่รู้กี่หนแล้วว่าอย่าคบคนให้มันเยอะแยะนัก เกิดมาชง!...”
“โธ่คุณแม่ขา” น้องกี้ลดเสียงลงมาเป็นหวานพะนอ “นานๆ เพื่อนจะแต่งงานนะคะ”
“แกต้องจดไว้นะนังลัค ใส่ซองไปเท่าไหร่ ให้ใครบ้าง วันหลังแกแต่งบ้างก็ต้องเชิญมันให้ถูกคน แล้วดูเงินในซองมาเทียบด้วยว่ามันให้น้อยกว่าเรารึเปล่า”
“อย่าลืมคำนวณด้วยค่าฟิวเจอร์แวลู่๑ กับอัตราเงินเฟ้อด้วย” น้องลาภเตือน ท่าทางเริ่มอดใจไม่ไหว คอยังตั้ง แต่มือของเจ้าตัวเริ่มลดจากปลายคางมาแตะเนื้อผ้า เสียงครางดังจากคอ แต่พอรู้ตัวก็แสร้งเสไปว่า “แล้วตอนนี้พี่กับแฟนคืนดีกันรึยัง”
“น้องลาภขา” คนถูกถามทำเสียงจึ๊กจั๊ก “นี่มันระดับพี่น้องกี้นะคะ คุณแม่สอนเรามาดีแค่ไหน น้องกี้ไม่มีวันทำให้คุณแม่ผิดหวัง นี่พี่เก่งเขายังจะเชิญเราไปกินข้าวที่บ้านเขาเนื่องในโอกาสวันเกิดของพี่น้องกี้”
“หา!” ท่าคอตั้งของพูนลาภถึงกับแหลกสลาย แทนที่ด้วยการเบิกตาเป็นไข่ “ฉันกับแม่ก็จะได้ไปด้วยเหรอพี่! เมื่อไหร่ วันอะไร เดี๋ยวเราจะได้ไปเตรียมเสื้อสีมงคลไว้ก่อน ฉันขอไปซื้อร้านนี้บ้างนะแม่”
“ใจเย็นๆ สิโว้ย” แม่ตีต้นแขนลูกรักเบาๆ ถ้าเป็นน้องกี้อาจโดนตีจนล้ม “ว่าไงนังลัค เขาจะให้แกไปเมื่อไหร่”
“ก็...” ความเครียดคืนมา “น่าจะเร็วๆ นี้ค่ะ”
มารดาพ่นลมหายใจ “เฮ้อ แกนะแก ไปหลอกเขาได้ว่าเกิดเดือนนี้ คนเกิดเดือนมิถุนามันเป็นคนฉลาด แต่ว่าสองหน้า เอาแต่ใจ ชอบเที่ยวชอบผลาญเงินนะโว้ย เดี๋ยวเขาก็มองแกในแง่ไม่ดีซะหรอก...”
เจ้าของวันเกิดแทบจะกลอกตา “น้องกี้เกิดเดือนนี้จริงๆ ค่ะ เพียงแต่ว่าคุณแม่ไม่เคยจำได้”
ความคิดเห็น |
---|