๖
The Six of Cups: หกถ้วย
การหวนมาคืนดีของคนรักเก่า เกิดผลที่ดีกับปัจจุบัน ช่วยแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต
ภายในหนึ่งวัน ฐิตวรรณรับโทรศัพท์จากนุติ์แฟนหนุ่มรุ่นน้องประมาณสามสิบหน แต่ละหนล้วนเรื่องสำคัญที่ไม่อาจให้ใครรู้ เธอจึงมักแอบไปคุยที่มุมใดมุมหนึ่งของอาคาร
หนที่เจ็ดของวันนี้ เมื่อกลับมาเจ้าตัวพบว่าที่โต๊ะข้างๆ รักเร่กำลังเปิดแฟ้มเอกสารมือเป็นระวิง จึงชะโงกถาม “เฮ้ยเร่ ทำไมกลายเป็นว่าแกต้องมาทำสกิลฯ แทนแอ๊บมันอีกล่ะ ไหนงวดที่แล้วพี่สาวแกเขาสัญญาว่าคราวหน้าจะพยายามทำให้ทันด้วยตัวเองไง”
“พะ...เพราะ พี่แอ๊บมีโพรเจกต์ไอทีตัวใหม่เข้ามาน่ะค่ะ” สาวอ้วนเสียงอ่อย
อันที่จริง เมื่อครู่ก่อนรักเร่ถูกตามเข้าไปในห้องทำงานของพี่หมู สาวอ้วนก้าวเซื่อง เมื่อเปิดประตูเข้าไปคนเป็นหัวหน้าก็ยิ้มให้แค่มุมปาก ผายมือเป็นทำนองเชิญนั่ง นั่งเก้าอี้ตัวนี้ทีไรรักเร่รู้สึกใจคอไม่ดีชอบกล
ด้วยเหตุนั้น พนักงานสาวน้องใหม่จึงพยายามจดจ่อสมาธิไปที่ผมขาวแกมเทาของหัวหน้าแทน มันถูกเสียบลวกๆ ไว้ด้วยด้ามดินสอ ขณะเดียวกัน ปลายจมูกของพี่หมูก็เป็นที่วางของแว่นหนา ลักษณะเลนส์ไม่ใช่แบบโพรเกรสซีฟ พี่หมูจึงต้องมองคู่สนทนาด้วยสายตาลอดแว่น
คนมองลอดแว่นเริ่มบทสนทนาด้วยเสียงต่ำ ‘ที่พี่ให้เร่เข้าไปถาม ได้ความว่ายังไงบ้าง เรื่องสองคนนั้น’
‘คุณโชคกับพี่แอ๊บ...’ รักเร่คราง ‘เขาเคยเป็นเพื่อนห้องเดียวกันสมัยมัธยมปลาย แล้วบ้านก็อยู่ใกล้ๆ กันค่ะ’
‘แสดงว่าน่าจะสนิทกันพอสมควร หนูบอกพี่ว่าเมื่อวานเห็นสองคนนั้นออกไปพร้อมกันตอนเย็นด้วยใช่มั้ย’
รักเร่พยัก ประโยคต่อมาหน้าเหย ‘ทำไมพี่หมูต้องให้เร่ไปสืบเรื่องนี้ด้วยคะ’
เจ้าของคำสั่งยิ้มมุมปาก ถอดแว่นออกเผยให้เห็นดวงตาเป็นประกาย ‘เพราะถ้านายโชคบดีอะไรนั่นมีความสัมพันธ์กับน้องกี้เกินเพื่อน เขาก็อาจจะช่วยให้เร่ทำงานสบายขึ้นไงล่ะ’
‘เร่...เร่ไม่เข้าใจ’
เจ้านายทอดถอนใจเหมือนรำคาญ ‘งานสกิลฯ งวดนี้ยังไม่มีใครเริ่มทำใช่มั้ย’
เธอไม่ทันตอบ พี่หมูก็พูดต่อ ‘น้องกี้เขาขอให้พี่สั่งให้เร่ทำแทนเขา’
ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวสะดุดลง เพราะเสียงที่ดังขึ้นใกล้ตัว
“หยุดค่ะหนูเร่!”
ทั้งเธอและฐิตวรรณหันไปมองผู้มาใหม่เป็นตาเดียว “พี่แอ๊บ!”
เจ้าของฉายาดึงแฟ้มงานออกจากใต้แขนของรุ่นน้อง
ฐิตวรรณยกมือกอดอก “พี่หมูบอกว่าเธอขอให้เร่ช่วยทำ?”
“พี่บอกแค่ว่ากลัวจะทำไม่ทัน ไม่ได้บอกอย่างนั้นซะหน่อย”
มีเสียงกระแอมดังขึ้นห้าวๆ จากหน้าห้องประชุม คุณโชคกำลังยืนกอดอกท่าเดียวกับคุณฐิตา
น้องกี้จำใจแก้ใหม่ “พี่หมายความว่า พี่หมูคงจะเข้าใจผิดน่ะค่ะ หนูเร่เอามา เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
คนพูดกำลังจะหมุนตัวไปวางที่โต๊ะตน แต่นึกขึ้นได้เสียก่อน “เอ่อเดี๋ยวนะคะ เวลาทำสกิลฯ นี่เราเริ่มจากไฟล์ไหน พี่จำไม่ได้”
รักเร่หัวเราะ “พี่ฐิตาสอนให้เริ่มจากตรงนี้ค่ะ” นิ้วอวบช่วยชี้
ฐิตวรรณกลอกตา เป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ของน้องกี้มีสายเข้า หญิงสาวรีบหยิบดูหน้าจอ
พี่เก่ง...
เธอรวบรวมลมหายใจ กดรับ ยกโทรศัพท์ประกบหู ทว่าเสียงที่ดังออกมาแทบจะทำให้ต้องยกห่าง “พี่โทร. หาตั้งแต่เมื่อคืน ทำไมไม่รับสาย”
น้องกี้ลอบมองสมาชิกอีกสองรายในแผนกเดียวกัน ถึงทั้งคู่จะทำเหมือนกำลังยุ่งกับงาน แต่เธอก็รู้ทันว่าที่จริงต่างคงกำลังหูผึ่ง (เพราะปกติน้องกี้ก็ทำแบบนี้!) หญิงสาวจึงตัดสินใจนั่งคุยต่อ ตั้งใจให้คุณฐิตาได้ยินแล้วอิจฉาแบบที่เธอเคยอิจฉาหล่อน แต่แน่นอน คุณฐิตาจะต้องอิจฉาน้องกี้มากกว่า เพราะน้องกี้ทรงอิทธิพลกับพี่เก่งมากกว่าที่คุณฐิตาทรงอิทธิพลกับน้องนุติ์ และอิทธิพลนี้ก็จะมีต่อไปถึงพี่หมูด้วย
น้องกี้แค่คุยโทรศัพท์ ไม่ได้ฝ่าฝืนคำคุณโชคนะคะ
หญิงสาวกรอกเสียงตอบ ยกนิ้วอีกข้างสำรวจเล็บเหมือนกำลังสราญอารมณ์ “น้องกี้จะรับสาย เมื่อน้องกี้อยากรับค่ะพี่เก่ง”
“นี่!” ปลายสายทำเสียงจึ๊กจั๊ก
น้องกี้จินตนาการเห็นภาพจางกึนซอกถอนหายใจ
“โอเค น้องกี้อาจจะโกรธอยู่ แต่พี่อยากให้น้องกี้รู้ว่านี่กำลังทำให้พี่อารมณ์เสีย และถ้าน้องกี้ไม่รีบขอโทษ...”
“แบตน้องกี้ใกล้หมดแล้ว พี่เก่งมีอะไรก็รีบพูดดีกว่ามั้ยคะ”
“ทำไม!” เขากระชากเสียง “เมื่อคืนไปต่อกับไอ้บ้านั่นแล้วยังจะโทร. คุยกับมันจนโทรศัพท์จะดับเลยรึไง!”
“เหลืออีกหนึ่งนาที หรือพี่เก่งอยากให้น้องกี้ตัดสายตอนนี้เลยคะ”
“ก็ได้!” พี่เก่งสูดลมหายใจฟืดฟาด ประโยคต่อมาเสียงอ่อนลง “น้องกี้อย่าทำอย่างนี้ พี่จะบอกว่าเรามาคืนดีกันซะทีเถอะ พี่ไม่ชอบให้เป็นอย่างนี้เลย”
น้องกี้หัวเราะ ปรุงเสียงหวานขึ้นหน่อย “ปกติพี่เก่งไม่เคยง้อใครเลย”
“และมันจะมีให้เฉพาะน้องกี้จ้ะ” เสียงเขาดีขึ้นอีกระดับ “พฤหัสหน้าวันเกิดน้องกี้ใช่มั้ย เราจะไปที่ไหนกันดี”
“พี่เก่งให้น้องกี้เลือกจริงๆ เหรอคะ ที่เดียวที่น้องกี้อยากไปก็คือบ้าน...”
“ไม่มีปัญหา เราจะสั่งร้านอาหารไปจัดที่บ้านน้องกี้ให้สวยเลยนะ”
“น้องกี้หมายถึงต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่พี่เก่งค่ะ บ้านของพี่!”
มีความเงียบ เพียงอึดใจสายก็ถูกตัด
น้องกี้ยกโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอเพื่อความมั่นใจ ท่าทางของเธอเรียกให้คุณฐิตาหัวเราะ แต่หล่อนก็แสร้งทำเป็นขำมุกในเฟซบุ๊ก
น้องกี้มัวแต่ฮึดฮัด ไม่ทันสำเหนียกว่ามีอีกสายตาลอบมองมาอย่างครุ่นคิด
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากถูกทูตสวรรค์สั่งให้ทำตัวเป็นพนักงานและเพื่อนร่วมงานที่ดี น้องกี้จึงไม่มีสิทธิ์โบ้ยงานให้ใครอีก กองงานหนักที่คั่งค้างอยู่ทยอยโถมจนไม่มีเวลามานั่งอารมณ์เสีย กว่าจะรู้ตัวอีกครั้ง เข็มนาฬิกาก็วิ่งถึงห้าโมงเย็น ไวยังกับใช้แบตเตอรี่ที่หน้าอกไอรอนแมน! นอกจากนั้น อีกสาเหตุที่ทำให้หญิงสาวเลิกขุ่นมัวไปได้เร็วไว อาจเพราะว่าเธอมีเรื่องใหม่ให้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จดจ่อ
เรื่องนัดวันเสาร์กับคุณโชค!
จึงไม่แปลกที่เช้าถัดมาหญิงสาวจะมาปรากฏตัวหน้าประตูบ้านคุณโชคตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เรือนไม้ยกพื้นของเขามีขนาดไม่กว้าง ชั้นล่างต่อเติมทีหลังพอใช้สำหรับนั่งเล่นและเก็บข้าวของ กระนั้น แม้อยู่ห่างจากรั้วไปเพียงสามสี่ก้าว น้องกี้ก็ต้องทำคอยาวพอสมควรกว่าจะเห็นเงาร่างใหญ่ เหตุที่ซี่รั้วไม้ด้านหน้าเลี้ยงเถาพวงชมพูไต่เป็นซุ้มหนา
“ไปแล้วๆ” คุณโชคตะโกนลงมาจากเรือน วิ่งตึงๆ แทบกระโดดพรวดลงบันไดทีละสองขั้น มือและแขนล่ำใหญ่ยังวุ่นวายกับการดึงเสื้อกล้ามเนื้อผ้าโพลีเอสเตอร์ลงคลุมท่อนบนอันอัดด้วยมัดกล้าม
ครั้นลอดซุ้มประตูออกมาหา เขาบ่นว่า “มาเช้าจัง” ต่อเมื่อน้องกี้ทำคล้ายไม่ได้ยิน เจ้าตัวก็ซักต่อ “เหม่ออะไร”
“นม!” คนถูกซักเผลอหลุดคำตามภาพติดตา แต่ว่าทันได้สติ “เอ้อ ดมค่ะ ดมกลิ่นดอกพวงชมพู!”
คุณโชคดูไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ใส่ใจ เขาหิ้วกระเป๋าใบย่อมที่ใส่เสื้อผ้าอีกชุดเดินนำไปหน้าปากซอย มีน้องกี้คอยกลืนน้ำลายให้แก่แผ่นหลังกว้างใหญ่ไร้ไขมัน แถมโชว์ส่วนสัด และผิวเนียนสีอ่อนที่ปกติซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้า
นี่ขนาดฟ้ามัว เห็นเป็นเงาๆ ยังเร้าใจขนาดนี้...
“เฮ้ เดินช้า” เขาหันกลับมาเพราะว่าเธอมัวรั้งท้าย
“วันนี้คุณโชคไม่ได้ฉีดโปโลสปอร์ตมาเหรอคะ” เธอถามไปคนละเรื่อง
คนถูกถามจึงทำหน้างง หนีบแขนซ่อนขนรักแร้เมื่อคู่สนทนาก้าวตรงมาด้วยสายตาคล้ายจะซอนเข้าไปข้างใน “ฉีดทำไม เดี๋ยววิ่งเหงื่อก็ออก”
น้องกี้ไม่ได้พูดอะไรต่อ รอให้เขาเป็นฝ่ายยกมือเรียกแท็กซี่ แล้วใช้จังหวะนี้มองลอดเข้าไปใต้เว้าแขนเสื้อแทน
หญิงสาวแทบไม่รู้ตัวว่าสารถีพามาถึงสวนลุมพินีแล้ว มัวกะจังหวะรถเด้งเพื่อเขยิบเข้าไปสีต้นแขนคนข้างๆ ในที่สุดจึงถูกเขาทำเสียงดุใส่
“จะจ้องนมฉันอีกนานมั้ย ลงซะที!”
หญิงสาวอายยิ้มขันของคนขับแท็กซี่ รีบกระวีกระวาดตามลงไป
ฟ้าเริ่มสว่าง ภายในสวนลุมพินีเริ่มมีคนขวักไขว่ สีเขียวของต้นไม้ สายลมและน้ำใสในบึงกว้างช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง แต่ยังโปร่งใจไม่เท่าการได้เห็นดวงหน้าชัดๆ ของคุณโชค
ไม่เห็นเข้าใจว่าอะไรทำให้เจ้าตัวดูดีขึ้นได้ขนาดนี้ หัวก็หัวเดิม กลมเกรียนดูกรามแข็ง สันจมูกค่อนข้างแคบสูงจากช่องตาคมกริบที่น้องกี้เคยเกลียดชัง ผิวแก้มสีแทนเข้มไม่เนียนนัก แต่ร่องรอยจางๆ จากสิวเก่ากลับทำให้เขาดูปกป้องเธอได้ คือ...หมายถึง ไม่สำอางจนเกินไป ริมฝีปากอวบใหญ่ตรงกลางมีรูเหมือนทำปากจู๋ เชื้อเชิญ ชักชวน ช้อบชอบ
คุณโชคก้าวนำขึ้นไปหยุดบนลานข้างถนนหันกลับมา ชายหนุ่มก็พบว่าคนข้างหลังกำลังก้มจ้องบางอย่าง ทว่าสิ่งที่เรียกความสนใจของเขามากกว่าคือ “นี่แต่งชุดอะไรเนี่ย”
“ก้น!” สาวคนพูดสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงตัวเอง “เอ้อ จากก้นตู้มีแค่นี้น่ะค่ะ วันนี้วันเสาร์ ต้องนุ่งโศกห่มสีม่วงเม็ดมะปราง”
เขาเหยียดริมปากเหมือนจะขำ กวาดตาขึ้นลงมองท่อนบนและล่างของน้องกี้ เสื้อแขนยาวนั้นเป็นไหมพรม ส่วนกางเกงเป็นกางเกงเล “แน่ใจนะว่าวิ่งบ่อย”
“คอยดูน้องกี้ก็แล้วกัน จะวิ่งให้คุณโชคตามไม่ทันเลย”
“เหรอจ๊ะ”
ต่อน้ำเสียงยียวน หญิงสาวตอบหนัก “ค่ะ” จากนั้นวิ่งนำออกมาเลย แต่แค่ห้าก้าวก็เริ่มแปลกใจที่คนขายาวตัวใหญ่ยังตามมาไม่ทัน
“อ้าว คุณโชคทำไมไม่วิ่งตามมาคะ”
ปรากฏว่าเขากำลังเหยียดขาพาดบนเก้าอี้ ก้มตัวพยายามเอาปลายนิ้วมือแตะนิ้วเท้า “ไม่วอร์มร่างกายก่อน เดี๋ยวก็เจ็บตัวหรอก”
“แล้วทำไมคุณโชคไม่บอก” คนพูดยังมัวมองชายกางเกงขาสั้นของเขาที่เลิกขึ้นสูงเพราะท่าก้มเหยียดนั้น
ขาวจั๊วะ!
“ก็เห็นบอกว่าวิ่งบ่อยนี่ คงไม่เป็นอะไรไม่ใช่เหรอ”
“วันนี้น้องกี้จะวอร์มร่างกายก่อน คุณโชคสอนน้องกี้ด้วยสิคะ”
คนถูกขอให้สอนส่ายหน้า แต่ก็ยอมแนะนำด้วยท่ายืดกล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อสะโพก ต้นขาด้านหน้า ต้นขาด้านข้าง กำลังจะต่อด้วยพังผืดด้านนอกต้นขา น้องกี้ก็เริ่มเซถลาไปกองกับพื้น
“เฮ้ยๆ ไหวรึเปล่าเนี่ย” เขาถามทั้งยังอยู่ในท่ายืนเหยียดแขนเหนือศีรษะและบิดตัวประหลาดๆ นั้น
“ทำไมคุณโชคฟิตจังคะ”
“ฉันมาวิ่งทุกอาทิตย์ ปกติถ้าตอนเย็นไม่ติดอะไรก็ไปฟิตเนส”
น้องกี้ยกมือขึ้น “คุณโชคช่วยพยุงน้องกี้หน่อยซี”
“รู้จักช่วยตัวเองซะบ้าง” เขากลับมายืนท่าปกติ “ทุกอย่างในชีวิตจะหวังแต่คนอื่นหรืออำนาจอื่นมาช่วยไม่ได้หรอกนะ” พูดจบเจ้าตัวก็ส่ายหน้าแล้วเริ่มออกวิ่งนำลงไปในถนนด้านล่าง
“คุณโชคอ้ะ” หญิงสาวตะกายตาม สับเท้าเบียดใครต่อใครบนถนนจนขึ้นมาอยู่ข้างๆ คุณโชค “ใจร้าย ทำไมใจร้ายอย่างนี้คะ”
คนถูกพ้อแสร้งยัดหูฟังเพลงไม่ใส่ใจ น้องกี้ยื่นมือไปกระตุกสายออก “ไหนเขาบอกว่าคนเกิดวันที่สี่จะรักเพื่อนมากไงคะ”
“อะไรนะ! นี่แอบไปดูวันเกิดฉันมาจากไหน”
“น้องกี้รู้ก็แล้วกัน รู้อีกหลายอย่างด้วย”
เย็นวันเดียวกับที่ไปเจอพี่เก่งในร้านอาหารนั่นเอง เมื่อกลับถึงบ้าน คุยกับแม่และน้องสาว
‘คุณแม่กับน้องลาภจำได้มั้ยคะว่าวันเกิดของน้องกี้วันที่เท่าไหร่’
ไม่มีใครตอบได้ น้องกี้ไม่เศร้า แต่เกิดแรงบันดาลใจลุกไปหาผู้รอบรู้ประจำหมู่บ้าน
แค่ชะโงกหน้าเคาะรั้วพรุนเป็นรูตะแกรงไม่นาน ป้าปริกก็โผล่หน้าออกมา น้องกี้ถามว่า ป้าปริกรู้จักคุณโชคบดีมั้ยคะ บ้านเขาอยู่ซอยข้างๆ เรา ห้านาทีต่อจากนั้นหญิงสาวก็ได้วัน เดือน ปี ราศีเกิด ตลอดจนเวลาตกฟากและกรุ๊ปเลือดของคุณโชคมาไว้ในกำมือ
...วันจันทร์ที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๓๓ ปีมะเมีย...
คนเกิดวันที่ ๔ มีความจริงใจและมั่นคงต่อเพื่อน เอาการเอางาน รับผิดชอบเป็นเลิศ กอปรกับปีม้าทำให้ปากแข็งใจอ่อน ขี้อาย แต่ลึกๆ แล้วก็มีความใจร้อนและเชื่อมั่นในตัวเองสูงอยู่ มักใช้แรงกายแรงความคิดอย่างเต็มความสามารถเพื่อบรรลุเป้าหมาย นอกจากนั้น ชายพฤษภส่วนใหญ่ยังเป็นหนุ่มหล่อล่ำ มาดเข้ม เช่นเดียวกับสีผิว บุคลิกมั่นคง แม้จะดูสบายๆ รักความเรียบง่าย แต่ก็จริงจังรอบคอบและเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ที่สำคัญคือแสนโรแมนติก...
คุณโชคเบ้ปากส่ายหน้าแล้ววิ่งเร็วขึ้นไป น้องกี้ทำหน้าย่นแล้วพยายามไล่ตาม แต่ตามทันแค่ช่วงแรก ไม่ช้าก็เริ่มหอบแฮก เสื้อไหมพรมทำให้ร้อนและเปียกหนักไปทั้งตัวอย่างกับแบกน้ำวิ่ง รู้สึกเหมือนตัวเองวิ่งเฉื่อยลงจึงพยายามเร่งฝีเท้า...
คราวนี้ แค่ไม่นานต่อมาเธอเริ่มปวดท้องน้อยฝั่งซ้าย แล้วลมหายใจก็เริ่มทำเจ็บอก ขนาดตัดใจหยุดยืนอยู่กับที่ยังไม่วายเจ็บท้องจนตัวงอและแทบสูดลมเข้าไม่ได้ คันเนื้อตัวยิบๆ เพราะเหงื่อโซม มันลูบผมจนแฟบและไหลเข้าตาจนแสบไปหมด น่องเต้นตุบๆ และเพิ่งรู้ตัวว่าปวดตึง ครั้นจะขยับตัวก็สำเหนียกถึงไอเย็นฉ่ำไร้ต้นตอที่เป่าพรวดไปทั้งร่าง มันไม่ได้เย็นอย่างลม ทว่าเย็นอย่าง...จะเป็นลม!
รู้สึกวิ้งๆ ใจหวิวๆ ภาพตรงหน้าเริ่มมืดลงๆ มีคนวิ่งแซงไปเรื่อยๆ น้องกี้ไม่มีสติพอจะงุนงงด้วยซ้ำว่าทำไมคนพวกนั้นเริ่มวิ่งตัวเฉียงๆ โลกเริ่มเอียง และก่อนที่ศีรษะจะฟาดถึงฟื้น ใครบางคนก็พรวดเข้ามารับเธอไว้เสียก่อน
คุณโชค!
แม้มองไม่ถนัด แต่เธอรู้แน่ว่าเงาดำๆ ที่ก้มลงมานั้นไม่มีทางเป็นใครนอกจากเขา หญิงสาวพยายามขยับเรียก แต่ทันทีที่อ้าปาก คลื่นบางอย่างก็พุ่งทะลักใส่คนข้างหน้าเหมือนลาวาระเบิด
“คุณโชค น้องกี้ขอโทษนะคะ”
ผ่านมาอีกหลายชั่วโมง เจ้าของลาวาอาเจียนยังไม่วายโอด “เดี๋ยวน้องกี้จะเอาเสื้อกลับไปซักให้อีกทีที่บ้าน”
“ไม่ต้องขนาดนั้น” จากท่าทางของเขา หญิงสาวรู้ว่าเจ้าตัวหมายความตามนั้นจริงๆ
ตอนนี้ทั้งคู่กำลังอยู่บนที่นั่งตอนท้ายรถแท็กซี่อีกคัน ก่อนหน้านั้นโชคบดีปฐมพยาบาลคนป่วยจนอาการดีขึ้น ระหว่างให้น้องกี้นั่งพัก ชายหนุ่มก็ไปอาบน้ำล้างตัวและซักเสื้อยัดถุงพลาสติกลงกระเป๋า โชคดีที่เอาชุดมาเตรียมเปลี่ยนแต่แรก เขาจึงผลัดมาอยู่ในเสื้อยืดสะอาดสีเทากับยีนเก่าๆ อีกตัว กลิ่นสบู่ให้อารมณ์ต่างจากโปโลสปอร์ต มันช่วยให้คนใกล้ชิดรู้สึกชิดใกล้กันมากยิ่งขึ้น
น้องกี้เอง หลังจากได้สติก็กะโผลกกะเผลกเพราะน่องแข็งไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เช่นกัน ด้วยเสื้อลูกไม้ขาวกับกระโปรงขลิบระบายเหมาะแก่การไปไหว้พระต่อ
แท็กซี่เลี้ยวซ้ายจากเส้นสนามไชยสู่ถนนหน้าพระลาน เมื่อรถชะลอใกล้หน้าวัด คุณโชคยังหันมาถามคนนั่งข้าง “วิ่งบ่อยจนเป็นลม ขาแข้งสั่นขนาดนี้ จะไปทำบุญต่อไหวจริงอะ”
“คุณโชคไม่ต้องให้น้องกี้ขี่หลังก็ได้ค่ะ แค่ประคองก็พอ” น้องกี้ยื่นส่งค่ารถบ้าง เที่ยวเมื่อเช้าคุณโชคแย่งจ่ายไปแล้ว
“ใครบอกว่าฉันจะให้เธอขี่”
“คุณโชคตั้งใจจะซื้อยามานวดขาให้น้องกี้เหรอคะ” คนตาโตดึงมือจับเปิดประตู จะเลื่อนตัวออกทว่าทำไม่ได้
ขาทั้งท่อนไม่มีความรู้สึก!
โชเฟอร์จ้องผ่านกระจกมองหลัง “เอ้าคุณ เร็วหน่อย ตรงนี้เขาไม่ให้จอดนาน”
ชายหนุ่มที่มาด้วยกันจึงจำหอบก้นข้ามตักน้องกี้ไปยืนข้างนอกก่อน จากนั้นเอื้อมแขนแข็งแรงเข้ามาช้อนร่างเธอลงพื้น
“ขอบคุณค่ะ” เธอแตะศอกเขาต่างไม้ค้ำ พยายามสะบัดขาเรียกแรง แต่มันยังคงตึงปวด “น้องกี้เกรงใจจัง ดีนะรถจอดฝั่งนี้ ถ้าต้องข้ามถนนคงต้องรบกวนคุณโชคประคองแน่นๆ น้องกี้กลัวจะมีอันตราย”
“ไม่น่ามีอะไรอันตรายเท่าเธอแล้วละ”
ถึงพูดอย่างนั้น แต่ตลอดชั่วโมงถัดมา ครั้นพบว่าน้องกี้ตามหลังไปไกลเข้า คนปากเสียก็ยังคอยหันมาดูตลอด น้องกี้เป็นผู้หญิงตัวเล็กกลืนไปในกลุ่มนักท่องเที่ยวของวันเสาร์ช่วงสาย บางทีเขาก้มหาไม่เจอก็ปรากฏสีหน้าร้อนใจ น้องกี้จึงพยายามเดินช้าๆ เพื่อจะได้เห็นสีหน้านั้นบ่อยๆ
หญิงสาวกระย่องกระแย่งผ่านรูปปั้นท่านฤาษีชีวกโกมารภัจจ์ (ไหว้) ยักษ์ทวารบาล (ไหว้) ศาลาราย (ไหว้) ฯลฯ จากนั้นก็จุดธูปเทียนบูชาพระแก้วมรกตด้านหน้า ก่อนเข้าไปนั่งอธิษฐานต่อในพระอุโบสถอีกสองนาน ระหว่างนั้นคุณโชคใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูป หรือไม่ก็กวาดสำรวจบรรยากาศรอบๆ ด้วยสายตาพึงใจ หลายทีเขายิ้มมุมปากและเจือรอยสราญในตาคม เพียงแค่เห็นมุมขำขันเล็กๆ น้อยๆ
ช่างตรงข้ามกับพี่เก่งยามจำใจมาไหว้พระพร้อมน้องกี้ รายนั้นหัวฟัดหัวเหวี่ยงคนรอบข้าง ประหนึ่งภาพพระสงฆ์องคเจ้าทำให้เขาร้อนรน ต้องรีบเร่งน้องกี้ให้จบกระบวนการแล้วออกไปสถานอโคจรต่อไวๆ
“ไหว้พระนี่เขามีกุศโลบายเพื่อน้อมนำใจไปสู่ความสงบ เคารพและระลึกถึงคำสอนกับคุณงามความดีของพระท่าน ส่วนอธิษฐานแปลว่าการตั้งมั่น หมายถึงตั้งไว้ซึ่งความเพียรอันไม่ถอยกลับ ไม่ใช่หมายถึงมาขอพรเพื่อให้ฟ้าหรือพระท่านประทานมา”
เสียงเบาเย็นของคนข้างกายเรียกให้น้องกี้ยอมวางมือลงและเปิดตา พบว่ามือใหญ่ยื่นมาตรงหน้า เขาพยักอย่างจะรู้ว่าเดี๋ยวเธอคงลุกไม่ขึ้น
น้องกี้ซ่อนรอยยิ้มร้อยละเจ็ดสิบไว้ในใจเพื่อรักษาความเป็นหญิงไทยกิริยางาม กระชับมือเขาพยุงร่างลุกขึ้น หูทันได้ยินเสียงมนุษย์ป้าคู่หลังที่แต่งอาภรณ์ไม่ต่างจากเธอ “ดูสิ ผู้ชายหน้าตาดี๊ดี ไม่น่ามีพี่สาวพิการเลย”
หลังออกจากพระอุโบสถ คุณโชคพาเดินชื่นชมสถาปัตยกรรมภายในวัดได้ไม่นาน หญิงสาวก็บ่นปวดขา สองคนจึงกลับออกมาทางประตูวิเศษไชยศรีอีกครั้ง
คนปวดขาชวนคุย “ทำไมคุณโชคเลือกมาทำงานในบริษัทเล็กๆ อย่างซิกซ์คอมพ์คะ น้องกี้ว่าบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆ คงพร้อมใจต้อนรับคนมีความสามารถอย่างคุณโชค”
“ซิกซ์คอมพ์เป็นบริษัทที่เพื่อนๆ กับรุ่นพี่ในกลุ่มของฉันร่วมกันก่อตั้ง ฉันมาช่วยพวกเขาขยายงาน”
สองคนคุยกันระหว่างเดินฝ่าแดดร้อนจัดและคนพลุกพล่าน ขณะกำลังจะข้ามถนนไปยังฝั่งมหาวิทยาลัยศิลปากร ท่ามกลางคนสลอน สายตาดุจเหยี่ยวของน้องกี้ก็ทะลุทะลวงเห็นหลังไวๆ ของใครบางคนเข้า “นั่นมันคุณฐิตากับน้องนุติ์!”
“จะเดินไปทักเหรอ” คุณโชคเปรย เมื่อคนที่เกาะแขนขยับขาไวกว่าที่เดินมาเกือบตลอดทั้งวัน
“แค่เดินตามก่อนค่ะ” คนพูดชะเง้อกลัวเป้าหมายคลาดสายตา “น้องกี้สงสัยว่าคุณฐิตาไม่น่ามาไหว้พระ เธอเป็นพวกชอบตั้งคำถาม ไร้ความศรัทธาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่รู้มาทำอะไรแถวนี้กันแน่”
“เที่ยวกับแฟนเขาละมั้ง”
“แฟนน่ะ ตอนนี้ใช่ แต่ต่อไป หมายถึงต่อไปในระยะสั้น น้องกี้ว่าไม่แน่ อีกอย่าง น้องนุติ์ไม่ใช่อย่างเราๆ ที่จะมาเดินติดดิน”
“พ่อเป็นทาร์ซานเหรอ”
“นักธุรกิจค่ะ!”
‘เกษมจินดา’ นามท้ายของคุณนุสนธิ์บิดาของน้องนุติ์อาจไม่ถึงกับเป็นสกุลดัง กระนั้นเจ้าตัวก็ถือหุ้นบริษัทใหญ่ๆ ไว้หลายแห่ง น้องนุติ์เป็นบุตรสุดท้องของภรรยาคนท้าย หากถึงอย่างไรเจ้าตัวก็ยังรวยจัด รวยกว่าพี่เก่งของน้องกี้ด้วยซ้ำ! เด็กหนุ่มเลือกมาสมัครฝึกงานกับ แอ๊กซ์ อิเล็กทรอนิกส์ เพราะต้องการประสบการณ์นอกปีกพ่อ เพิ่งจบการศึกษาเมื่อเดือนเมษายน ป่านนี้คงเข้าไปเป็นทีมบริหารในบริษัทของบิดาแล้ว
“เร็วค่ะคุณโชค!” หญิงสาวเร่งเมื่อถนนมีช่วงรถว่าง คนเร่งวิ่งกระโปรงปลิวข้ามถนนไปได้เองอย่างลืมปวดขา
บนบาทวิถีฝั่งมหาวิทยาลัยศิลปากรนี้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหนาแน่น น้องกี้ก้าวได้ไม่ไวเท่าใจอยาก ระหว่างชะแง้หาสองคนข้างหน้า ปากก็เล่าว่าคุณฐิตาอาศัยฐานะพี่เลี้ยงตีสนิทน้องนุติ์ตั้งแต่เขาเข้ามาฝึกงาน ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มก็ช่วยหล่อนคิดหัวข้อทำรายงานในช่วงที่คุณฐิตาตั้งตาทำปริญญาโทด้วย ซึ่งแน่นอนว่า...
“...ไม่ผิดจากที่น้องกี้คิดไว้แต่ต้น จะจบอยู่รอมร่อก็ยังไม่เห็นว่ามันจะทำให้ชีวิตการงานของเธอดีขึ้นตรงไหน อย่างเดียวที่น้องกี้เห็นว่าการเรียนให้คุณฐิตาได้ก็คือปริญญาใจอย่างน้องนุติ์นี่แหละค่ะ”
“ประเทศแบบเมืองไทย ต้องยอมรับว่าวุฒิสูงกว่าก็ทำให้คนยอมรับมากกว่า ต่อไปมันจะช่วยเปิดโอกาสให้เขาได้”
ชายหนุ่มก้าวตามเธอผ่านธนาคารกรุงไทยไปยังตึกแถวหน้าพระลาน อาคารสีเหลืองตัดกับบานเฟี้ยมและหน้าต่างสีเขียว เป็นสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคอายุเก่าแก่ตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งได้รับการบูรณะแล้วเสร็จไปเมื่อต้นปี ๒๕๕๔ ร้านรวงเรียงราย ขายตั้งแต่เสื้อผ้า ของฝากจิปาถะ ร้านถ่ายรูป เครือพิซซาและคอฟฟีชอป น้องกี้จำได้ติดตาว่าคุณฐิตาผลุบหายเข้าไปในประตูช่องหนึ่งเกือบสุดอาคาร เยื้องกับประตูวิมานเทเวศร์ของพระบรมมหาราชวังฝั่งตรงข้าม
มันคือร้านอาหาร
ด้านหน้าแต่งกระจกใสทั้งบาน หญิงสาวยกโทรศัพท์มือถือขึ้นกดถ่ายคลิปวิดีโอขณะก้าวผ่านช้าๆ ด้วยอิริยาบถแสนเป็นธรรมชาติเพื่อไม่ให้คนข้างในทันสังเกต ครั้นพ้นระยะที่คนข้างในจะมองเห็น เจ้าตัวรีบเช็กเทปโดยมีคุณโชคมาก้มดูตาม
ภายในร้านค่อนข้างแคบ มีลูกค้าอยู่ประปราย เป็นฝรั่งคู่หนึ่งกับชายร่างใหญ่วัยกลางหน้าตากระเดียดมาทางไทยอีกสาม รายหนึ่งมีหนวดเป็นพุ่ม รายหนึ่งหัวล้าน ส่วนอีกรายนั้นริมฝีปากล่างหนาครอบริมฝีปากบนด้วยลักษณะคางยื่น กลางคนหมู่นั้น คุณฐิตวรรณและน้องนุติ์กำลังทักทายผู้เป็นเจ้าของสถานที่ ไม่ต้องขยายภาพชัดน้องกี้ก็เห็นถนัดว่าคือพี่หมูและสามีเด็กของเธอ!
ความคิดเห็น |
---|