4

ลุยสิ

นพเก้าสวมชุดนอนตัวบางแนบเนื้อเดินออกมาจากห้องน้ำ แม้ว่าระพีจะยังนั่งอยู่ที่ระเบียงไม่ได้หันมา แต่นพเก้าก็รู้สึกอายอยู่ดี ยิ่งอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำแบบนี้ยิ่งรู้สึกเหมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย หญิงสาววางชุดแต่งงานเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าก่อนจะเดินมานั่งที่เตียง เธอหยิบ โทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความลงในไลน์

            ‘ไงต่อ’

            ‘สามีแกล่ะ’ กัญญาพิมพ์โต้ตอบมา

            ‘อยู่ที่ระเบียง เขารออาบน้ำต่อจากฉัน’

            ‘เรียกสิ บอกว่าแกอาบเสร็จแล้ว’

            นพเก้าวางโทรศัพท์แล้วสูดหายใจเข้าลึก เรื่องแบบนี้เธอคุยกับกัญญาได้แค่คนเดียว มันน่าอายเกินไปที่จะให้พวกผู้ชายมารับรู้ด้วย ร่างบางลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ประตูกระจก เธอเคาะเบาๆ สองครั้งระพีก็หันมา

            ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่เพิ่งจะเป็นภรรยาของเขาตามนิตินัยด้วยความแปลกใจ เธอสวมชุดนอนสายเดี่ยวตัวบางสั้นจนเห็นต้นขาขาวเรียว กระทั่งสายตาของเขาไล่ลงมาถึงถุงเท้าสีเหลืองรูปตัวการ์ตูนก็ต้องชะงัก ทุกอย่างเข้ากันดีหมดยกเว้นถุงเท้าคู่นี้ หญิงสาวเลื่อนประตูออกมานิดหน่อยก่อนจะเอ่ยว่า

            “พี่พีอาบน้ำต่อได้เลยค่ะ” หญิงสาวว่า

            ระพีพยักหน้าก่อนจะเก็บคอมพิวเตอร์ของตนเองแล้วเดินเข้ามาข้างในด้วยท่าทางปกติ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจชุดวาบหวิวของเธอเลย เมื่อร่างสูงเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้ว นพเก้าก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปหากัญญา

            ‘เขาเฉยมากเลยอะ’

            ‘ใจเย็น แกบอกเองนี่ว่าเขาเห็นแกเป็นน้อง จะให้กระโจนเข้าใส่ตั้งแต่วันแรกหรือไง’

            ‘อ้าว’

            ‘ไม่ต้องรีบ ลองเปิดเผยตัวตนให้เขาเห็นก่อน’

            นพเก้าอ่านแล้วก็ตัดสินใจปิดโทรศัพท์ ช่างมันแล้วกัน...ตอนนี้เธอแต่งงานกับเขาแล้ว จะให้เสแสร้งจนสำเร็จเธอก็คงต้องอยู่อย่างนั้นไปชั่วชีวิต ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาเองก็สัญญาจะให้เธอทำตามใจตัวเอง ดังนั้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเธอจะทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองอยากทำ 

            เพราะอย่างนั้นตอนที่ระพีเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นร่างบางกำลังนอนตะแคงยกขาขึ้นก่ายหมอนที่ใช้หนุนอีกใบที่ควรจะเป็นหมอนของเขา ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ เขาคิดว่าเธอจะนอนเรียบร้อยกว่านี้เสียอีก แต่พูดก็พูดเถอะ ชุดที่นพเก้าใส่อยู่นั้นเมื่ออยู่บนเรือนร่างของเธอแล้วก็น่ามองไม่เบา สายตาของเขาจดจ้องอยู่ที่ต้นขาของหญิงสาวที่ยกขึ้นข้างหนึ่งด้วยความรู้สึกประหลาด

            สำหรับผู้ชายความรักกับตัณหานั้นเป็นคนละเรื่อง เขาไม่จำเป็นต้องรักก็ทำเรื่องอย่างว่ากับคนคนนั้นได้ กับภรรยาเองก็คงไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ผิดที่ภรรยากับคนที่เขาเห็นว่าเป็นน้องสาวที่น่าเบื่อดันเป็นคนเดียวกัน แบบนี้แล้วเขาจะทำอะไรได้ ถ้านี่ไม่ใช่นพเก้าผู้ที่เขาตะโกนบอกมารดาปาวๆ ว่าเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น เขาคงจะกระโจนใส่ร่างแน่งน้อยที่ริอาจแต่งตัวยั่วสวาทในคืนเข้าหอนี่ไปแล้ว

            “โอ้ยไอ้แพท ทำไมแกโง่จังวะ ไม่ใช่ทางนั้น เล่นเป็นปะเนี่ย” อยู่ๆ นพเก้าก็ละเมอขึ้นมา

            “ลูกเกด เป็นอะไรหรือเปล่า” ระพีเอ่ยถามขึ้นเบาๆ 

            “เป็นดิ ถ้าแพ้อีกทีแกตายแน่!!” 

ร่างบางดิ้นไปมาเหมือนกำลังต่อสู้กับใครอยู่ ถึงจะตกใจ แต่ระพีก็กลัวอีกฝ่ายตกเตียงมากกว่า เขาจึงพยายามปลุกเธอให้ตื่น แต่ยังไม่ทันที่จะเข้าถึงตัวอีกฝ่าย เขาก็ถูกเท้าของเธอยันเข้าที่ไหล่จนแทบหงายหลัง แต่โชคดีที่เขาจับแขนของนพเก้าเอาไว้ ทำให้ร่างของหญิงสาวถูกดึงมาทับร่างของเขาในที่สุด กลายเป็นว่าตอนนี้ใบหน้างามกำลังซบอยู่บนอก ในขณะที่อกนุ่มหยุ่นของเธอกำลังเสียดสีอยู่บริเวณหน้าท้องของเขา

            นพเก้าลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากรู้สึกถึงแรงกระแทกบริเวณใบหน้า หมอนของเธอดูเหมือนจะแข็งกว่าตอนแรก เมื่อเธอเงยศีรษะขึ้นมาก็เจอกับเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาในฝัน ผมของชายหนุ่มถูกปล่อยลงมาตามธรรมชาติ ไม่ได้จัดทรงไว้เหมือนทุกครั้งที่เจอกัน เธอรู้ว่าระพีเป็นคนหล่อ แต่ก็ไม่คิดว่าตอนที่ยังไม่ได้แต่งตัวจะหล่อยิ่งกว่า

            “ตื่นแล้วเหรอ พี่ไม่ยักรู้ว่าเกดนอนละเมอด้วย” เสียงของเขายิ่งเหมือนของจริงเข้าไปใหญ่ 

            ไม่สิ!...นี่มันเรื่องจริง

            นพเก้ารีบหมุนกายลงจากร่างของเขาทันที หญิงสาวไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ยังดีที่ความมืดช่วยอำพรางใบหน้าของเธอเอาไว้ไม่อย่างนั้นนพเก้าคงไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรดี

            “ขอโทษค่ะ” เสียงของหญิงสาวพูดในความมืด

            “ไม่เป็นไร นอนกันเถอะ เหนื่อยมากแล้ว” เขาว่าก่อนจะหันหลังไปอีกทาง ส่วนร่างบางที่กำลังอับอายอย่างเต็มที่ก็นอนตะแคงหันหลังไปอีกทาง

            คืนวันเข้าหอผ่านไปอย่างนั้นจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้นนพเก้าก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เธอไม่เห็นระพีนอนอยู่ข้างกายแล้ว เมื่อคืนเขาคงจะรับไม่ได้ที่เธอนอนละเมอดิ้นไปมาแน่ บางทีการเป็นตัวเองก็น่ากลัวเหลือเกิน แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอต้องทำให้ได้ อย่างน้อยก็คงจะเรียกร้องความสนใจจากเขาได้บ้าง หญิงสาวเดินออกมาจากห้องนอนก็เจอชายหนุ่มนั่งอ่านบางอย่างอยู่ในแท็บเล็ต เมื่อรู้สึกว่ามีคนเลื่อนประตูเขาก็วางแท็บเล็ตลง

“ตื่นแล้วเหรอ เกดไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาแล้วออกมาคุยกับพี่หน่อย” ชายหนุ่มว่า ในขณะที่นพเก้ารู้สึกเหมือนถูกผีสิง ตัวแข็งขึ้นมาทันที นี่เพิ่งผ่านไปแค่คืนเดียวเขาคงไม่คิดจะหย่ากับเธอหรอกใช่ไหม

            “เป็นอะไรหรือเปล่า” ระพีถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไม่ยอมขยับ ให้เธออยู่ในชุดนอนยั่วสวาทแบบนั้นนานๆ คงไม่ดีแน่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักชอบภรรยาคนนี้ แต่อย่างไรก็อดคิดอกุศลไม่ได้อยู่ดี 

            “เปล่าค่ะ รอแป๊บนะคะ” เธอว่าก่อนจะผลุบหายเข้าไปที่เดิม

            นพเก้าใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำแต่งตัว วันนี้พวกเขาต้องย้ายไปอยู่บ้านเรือนหอที่ซื้อไว้ไม่ไกลจากบ้านมารดาของชายหนุ่มนัก หญิงสาวเคยไปที่นั่นกับคุณหญิงรำพึงหลายครั้งเพื่อดูการตกแต่งและซื้อของบางอย่างเข้าไปไว้ แต่กลับกันเจ้าบ่าวของเธอยังไม่เคยไปเหยียบที่นั่นเลยสักครั้ง ดูเขาจะไม่สนใจจริงๆ คงคิดแค่ว่าอย่างไรก็ต้องหย่ากับเธอจึงไม่ได้ใส่ใจการแต่งงานนี้เท่าที่ควร

            “นี่ที่พี่สัญญาเอาไว้” เขายื่นเช็คเงินสดมาให้เธอ หญิงสาวรับมาก่อนจะก้มลงมองกระดาษในมือ

            “สามแสนเหรอคะ” นี่เป็นจำนวนเงินที่เยอะสำหรับนพเก้า เธอต้องทำงานกี่เดือนถึงจะได้เงินก้อนนี้มา หญิงสาวมองหน้าระพีครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเก็บเช็คนั่นเข้ากระเป๋า

            ศักดิ์ศรีมันกินได้ที่ไหน...!!

            “ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวยิ้มกว้าง

            ระพีรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด เขาชดเชยเธอด้วยเงินแล้วเธอก็รับเอาไว้ ในเมื่อทุกอย่างลงตัวแบบนี้ก็ดีแล้ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องหย่ากันเขาจะได้ไม่รู้สึกผิดกับอีกฝ่ายมาก

            “มีอีกเรื่องค่ะที่เกดอยากจะขอ” นพเก้าเอ่ยขึ้น

            “ครับ ถ้าพี่ให้ได้ก็จะให้”

            “เกดอยากมีคอนโดสักที่ค่ะ เรามีบ้านแล้วก็จริง แต่หลังจากหย่าเกดคงไม่กลับไปอยู่ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่แล้ว เพราะฉะนั้น...”

            “ได้ครับ เดี๋ยวพี่จัดการให้”

            นพเก้าหัวเราะเสียงดังอยู่ในใจ ตอนนี้เธอเหมือนอีหนูที่กำลังอ้อนขอของจากเสี่ยรวยๆ แต่กลายเป็นว่าเธอกำลังทำการแลกเปลี่ยนของพวกนี้กับสามีของตนเอง แทนที่จะรู้สึกแย่ แต่นพเก้ากลับรู้สึกดีสุดๆ เขาจะต้องสนใจบ้างแหละว่าเธอจะผลาญเงินไปกับอะไร

            “เกดทำอะไรได้อย่างที่ต้องการทุกเรื่องเลยใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามเพื่อความแน่ใจอีกรอบ

            “ครับ ยกเว้นเรื่องที่กระทบต่อความรู้สึกของผู้ใหญ่” ระพีกังวลเรื่องนี้มากที่สุด ใช่ว่าเขาจะให้นพเก้าต้องระวังแค่ความรู้สึกของมารดาของเขา แต่ตัวเองก็ต้องใส่ใจความรู้สึกของบิดามารดาของอีกฝ่ายด้วย ระหว่างนี้เขาก็คงต้องระวังเรื่องผู้หญิงเหมือนกัน จะให้ผู้ใหญ่มาเห็นไม่ได้ว่าเขาคบคนอื่น แม้เขาจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ส่วนด้านนพเก้าเขาคงไม่ต้องกำชับ เพราะผู้หญิงแบบเธอไม่มีทางทำอะไรนอกลู่นอกทางอยู่แล้ว

            “โอเคค่ะ เกดจะทำอะไรที่อยากทำ” หญิงสาวว่า

            เป็นอันว่าหลังจากที่ได้เงินก้อนแรกมาแล้ว นพเก้าก็รู้สึกว่าเธอต้องไปที่ไหนสักแห่ง ต้องเป็นสถานที่ที่ยังไม่เคยไปมาก่อน หลังจากถามเพื่อนในก๊วนแล้วก็ได้คำตอบว่าเธอควรออกเที่ยวกลางคืนเสียบ้าง จะได้รู้ว่าโลกภายนอกนั้นเป็นอย่างไร แต่เธอคิดว่าเหตุผลที่แท้จริงคือพวกนั้นแค่อยากจะรู้เรื่องคืนวันแต่งงานเท่านั้นเอง

            ระพีพาเธอไปส่งที่บ้านเรือนหอหลังจากนั้น เธอลางานเป็นอาทิตย์เนื่องจากต้องเตรียมงานแต่งงาน ยังเหลือเวลาอีกสามสี่วันที่ใช้เวลาเที่ยวเล่นได้ ส่วนสามีของเธอหลังจากส่งเธอที่บ้านแล้ว เขาก็บอกว่าต้องไปทำงานต่อ เป็นเจ้าของธุรกิจก็ไม่เห็นจะสบายตรงไหน ขนาดแต่งงานยังหยุดไปไหนไม่ได้เลย

            แต่ช่างเถอะ...ก่อนจะวางแผนจับเขาต่อ ก็ขอเวลาให้เธอลิ้มรสชาติของอิสรภาพหน่อยแล้วกัน

            คืนวันนั้นเธอจึงนัดเพื่อนทุกคนรวมตัวกันที่ผับแห่งหนึ่งที่รพัดแนะนำมาว่าต้องมาที่นี่ให้ได้ นอกจากเรื่องที่ว่าสถานที่นี้มีผู้หญิงสวยๆ ชอบมาเที่ยวกันแล้ว นพเก้าก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรพิเศษอีก ก็เหมือนที่เธอเคยดูในทีวี อาจจะมืดกว่านิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ดูน่าสนใจขนาดนั้น

            “ไม่เห็นจะสนุกเลย รู้งี้นั่งเล่นเกมบ้านไอ้แพทดีกว่า” นพเก้าบ่น

            “ชีวิตคนเราจะเล่นแต่เกมได้ยังไง ต้องหาสีสันอย่างอื่นบ้างสิไอ้นพ” ถึงตอนนี้รพัดเองก็ยังตะขิดตะขวงใจกับใบหน้าสวยหวานของนพเก้าอยู่เลย ทุกครั้งที่เรียกว่า ‘ไอ้นพ’ เขารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นยักษ์อัปลักษณ์ถือปืนตามที่เห็นในรูปโพรไฟล์

            “พูดอย่างกับพี่ไม่เล่นเกม พ่อคนเป็นผู้ใหญ่” หญิงสาวพูดจบก็เบ้ปากก่อนจะหันหน้าไปมองรอบๆ ก็สะดุดตากับผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่จ้องมาทางเธอแล้วพากันหัวเราะ 

            หรือเธอคิดไปเองนะ...

            “เออนี่ถามหน่อย ฉันมีอะไรแปลกๆ ไหม หัวยุ่ง ข้างหลังเสื้อเป็นรูเหรอ” นพเก้าตัดสินใจหันไปถามกัญญา เพื่อนคนเดียวในกลุ่มที่มีชื่อนำหน้าตามบัตรประชาชนแบบเดียวกับเธอ ส่วนกัญญาพอได้ยินเพื่อนถามแบบนั้นก็หันมาพิจารณามองเสื้อผ้าที่นพเก้าใส่มาก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

            “เปล่าหรอก ฉันเพิ่งสังเกตว่าเสื้อผ้าแกเนี่ยเห็นแค่ข้อมือกับข้อเท้า นี่อะไรเนี่ย เสื้อคอเต่าเหรอ” 

กัญญาจับที่คอเสื้อของอีกฝ่ายด้วยท่าทางขบขัน แม้ว่านพเก้าจะไม่ค่อยพอใจนัก เธอก็ไม่ได้โกรธกัญญา แต่หันไปทุบพศธนที่หลังดัง ‘ปัก’ แทน

            “โอ้ยอะไรวะ!” พศธนโวยวายขึ้นมา

            “ไหนตอนฉันถามแกบอกดูดีแล้ว อยากให้ฉันอายใช่ไหม”

            “ใครจะไปรู้ล่ะ ก็แกใส่ของแกแบบนี้อยู่แล้ว จะให้พูดว่าอะไร ขี้เหร่มากเว้ยเหรอ”

            “พอๆ จะทะเลาะกันทำไมเนี่ย ดูไอ้สามคนนั้น ได้สาวแล้วน่ะ” รพัดเป็นฝ่ายห้ามก่อนจะชี้ไปที่พาทีและสองฝาแฝดพิธานกับพิพัฒน์ที่กำลังเต้นอยู่กับผู้หญิงกลุ่มหนึ่งด้วยท่าทางเปี่ยมไปด้วยความสุข

            นพเก้ากันไปมองชายหนุ่มทั้งสามคนนั้นด้วยความหมั่นไส้ นี่มันวันฉลองอิสระของเธอแท้ๆ แต่คนที่ดูมีความสุขกลับเป็นไอ้เด็กชั่วพวกนั้น เลี้ยงข้าวเลี้ยงเครื่องดื่มแล้วก็รู้สึกเสียดายเงินชะมัด หญิงสาวหรี่ตามองเครื่องดื่มสีอำพันตรงหน้าอย่างชั่งใจ ก่อนจะหยิบมาดื่มเข้าไปพรวดหนึ่ง

“แหวะ!!” หลังจากกลืนลงคอแล้วเธอก็ต้องร้องออกมา ใบหน้าเหยเก สิ่งนี้น่ะเหรอที่ผู้คนบอกว่าเป็นของดีที่สร้างความหฤหรรษ์ได้ สำหรับนพเก้ามันก็คือน้ำเน่านั่นแหละ รสชาติห่วยแตก แต่พอจิบไปครั้งที่สอง สามสี่ ทำไมมันรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ...

รู้ตัวอีกทีเธอก็เห็นทุกอย่างเป็นวันเดอร์แลนด์ อยู่ๆ เสียงดนตรีก็น่าฟังขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“เมาแล้วว่ะ เอาไงดี” กัญญากวาดสายตามองไปยังเพื่อนทุกคน

“ก็พากลับบ้านไปสิวะ พวกเราจะสนุกกันต่อ โว้วว” พาทีว่าก่อนจะเดินออกไปเต้นต่อ เหลือรพัดที่เมาไม่แพ้กันกำลังนั่งบ่นพึมพำถึงเรื่องที่ทำงานโดยไม่มีใครฟัง

“ไอ้แพทแกรู้ไหมบ้านนพมันอยู่ไหน” 

“ไม่รู้อะ แกก็เอาไปนอนด้วยก่อนหนึ่งคืน เป็นผู้หญิงเหมือนกันไม่เป็นไรหรอก นอกจากแกจะผิดผีกับมัน” พศธนว่าก่อนจะหัวเราะเหมือนคนไร้สติ ตอนนี้คนที่มีสติดีที่สุดก็คือกัญญา แน่นอนว่าถึงจะเป็นสาวหล่อ แต่เธอก็เป็นผู้หญิง จะมาเมาไร้สติเละเทะแบบนพเก้าก็ใช่ที่ หญิงสาวส่ายหน้าไปมาพลางมองเพื่อนสาวข้างกายด้วยความเอือมระอา ดูเหมือนจะเป็นกุลสตรีกำมะลอจริงๆ 

“ไอ้บ้า งั้นแกช่วยพามันไปข้างนอกหน่อยดิ ฉันจะเรียกแท็กซี่กลับแล้ว” กัญญาพูดกับพศธน

“เออได้” เมื่อผลักตัวภาระไปพ้นแล้วพศธนก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที ปกติเขาจะถูกนพเก้าจิกหัวใช้ตลอด ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำตาม อาจจะเป็นเพราะความเคยชินหรือเพราะนิสัยของตัวเองที่ใครใช้ให้ทำอะไรก็ทำ พศธนเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ เขาต้องหลุดจากวงจรอุบาทว์นี่ให้ได้

ชายหนุ่มพยุงร่างของนพเก้าไปที่ด้านหน้าผับ ในระหว่างนั้นคนข้างตัวก็พูดแสดงศักดาของตนเองไม่ยอมหยุด ทั้งที่ปกติเธอจะระวังเรื่องนี้มากเพราะไม่อยากให้ใครรู้ตัวตนที่แท้จริง

“ฉันใคร ฉันเทพ G นะโว้ย มาตัวตัวกันได้ปะล่ะ” นพเก้าโวยวายไปตลอดทาง กว่าที่พศธนกับกัญญาจะพาหญิงสาวมาถึงด้านหน้าผับได้ก็เหนื่อยสาหัส 

“มีผ้าอะไรปิดปากมันไหม เดี๋ยวไปโวยวายบนรถ” กัญญาถาม

“ไม่มี เอานี่ไปก่อนแล้วกัน” พศธนว่าพลางถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วยื่นให้กัญญา สาวหล่อรับมาก่อนจะลองดมดูสักพักก็ทำหน้าแขยง

“แกซักปะเนี่ย”

“เพิ่งใส่สองครั้งเอง”

“ดีนะที่ไม่ใช่ฉัน ขอโทษนะไอ้นพ” กัญญาว่าก่อนจะเอาเสื้อตัวนั้นพันที่ปากของเพื่อนแล้วผูกเอาไว้เพื่อไม่ให้นพเก้าร้องเสียงดังโวยวาย หลังจากที่เรียกแท็กซี่ได้สองหนุ่มสาวก็ช่วยกันยกร่างของเพื่อนที่เมามายไม่ได้สติขึ้นไปที่เบาะหลังอย่างทุลักทุเล

“เออถึงแล้วโทร. มาบอกด้วยล่ะ” พศธนเอ่ยขึ้น

“เออๆ” กัญญาว่าก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถไป

หลังจากนั่งมาได้สักพักกัญญาก็สังเกตว่าคนขับรถแท็กซี่จ้องมองมาทางเธอเป็นระยะๆ เมื่อเห็นว่าไม่ค่อยชอบมาพากลเธอจึงแกล้งทำเป็นพูดคุยกับนพเก้าที่กำลังนอนอยู่

“นพ ผัวแกรออยู่หน้าบ้านใช่ไหม” กัญญาถาม

“อื้ออืออื้ออื้ออื้อ” 

ไม่รู้ว่านพเก้าพูดอะไรออกมา แต่กัญญาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองกำลังพาร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่ได้สติออกมาจากผับ แล้วยังจะเอาเสื้อมาปิดไว้ที่ปากอีก

“ขอโทษที่เสียงดังนะคะ คือเพื่อนหนูมันโวยวายเลยต้องหาอะไรมาปิดปากไว้แบบนี้” กัญญายิ้มเจื่อนๆ

“ไม่เป็นไรหรอกหนู เอาผ้าออกเถอะ เดี๋ยวเพื่อนหายใจไม่ออก” คนขับแท็กซี่ว่า

“อ่อค่ะ” หญิงสาวว่าก่อนที่จะค่อยๆ เอาเสื้อของพศธนออก เมื่อเห็นนพเก้านิ่งไปก็ดีใจคิดว่าอีกฝ่ายคงหลับไปแล้ว แต่เพียงไม่นานท่านเทพ G ในตำนานก็ก่อเรื่อง

“แกเป็นใครเนี่ย หน้าไม่คุ้นเลย” นพเก้าเอ่ยขึ้นหลังจากที่กัญญาเอาเสื้อออก 

“ฉันไง ไอ้กัญไง”

“กัญไหนวะ กัญชา หรือ กันคิ้ว” พอพูดจบก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก

“หนู นี่เพื่อนหนูจริงเหรอ” คนขับแท็กซี่ถามอีกครั้ง ช่วงนี้ไว้ใจใครไม่ค่อยได้ ถึงจะเป็นแค่รถรับจ้าง แต่เมื่อพบเห็นเรื่องที่ไม่น่าไว้ใจอย่างไรก็ต้องสอบถามให้รู้เรื่อง โดยเฉพาะพวกหนุ่มสาวที่ออกจากผับในเวลาแบบนี้ อาจจะถูกมอมยามาก็ได้ใครจะรู้

“ค่ะเพื่อนหนูจริงๆ ไอ้นพ ฉันไงกัญ”

“ไม่รู้จัก ลุงคะช่วยด้วยหนูถูกจับตัวมา” นพเก้าเกาะที่เบาะหน้ารถแน่น

“ไอ้นพแกจะบ้าเหรอ ลุงเพื่อนหนูมันล้อเล่นค่ะ”

“ไม่นะ เขาจะพาหนูไปข่มขืน”

“ฉันเป็นผู้หญิงนะเว้ย จะข่มขืนแกยังไง”

หลังจากเถียงกันอยู่ในรถพักใหญ่ ในที่สุดคนขับแท็กซี่ก็ตัดสินใจขับพาสองสาวมาที่สถานีตำรวจ เพราะคิดว่ากัญญาไม่น่าไว้ใจ ถึงจะสนิทกันแค่ไหน แต่กัญญาก็พบว่าเธอไม่รู้นามสกุลจริงของนพเก้า ไม่รู้ด้วยว่าบ้านของอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน ระบุตัวตนไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายได้อย่างไร 

นพเก้าเองก็พูดไม่รู้เรื่อง ตอบคำถามอะไรไม่ได้เลย ในโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวนั้นไม่ได้ตั้งเบอร์โทร. ฉุกเฉินเอาไว้ แล้วยังปิดเสียงเรียกเข้าอีกด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็มีสายเข้าพอดี อีกฝ่ายอ้างว่าเป็นสามีของหญิงสาวและกำลังจะเดินทางมารับเธอที่นี่

 

ระพีไม่คิดว่าตัวเองจะต้องรับหน้าที่ผู้ปกครองของนพเก้า แม้เขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลับบ้าน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องโทร. ตามหรือออกตามหา หญิงสาวโตแล้ว แต่ทุกคนทำเหมือนเธอเป็นเด็กที่ต้องตามหาทุกสองชั่วโมง เหมือนที่มารดาของเขากับมารดาของเธอกำลังทำอยู่

‘น้องไม่ได้อยู่กับพีเหรอลูก น้าโทร. หาก็ไม่ยอมรับสายเลย ไม่โทร. กลับด้วย’ ชิดชนกมารดาของนพเก้าโทร. มาหาเขาตอนเย็น ซึ่งเขาก็ตอบไปว่าตนเองยังติดงานอยู่และไม่ได้กลับบ้าน บางทีนพเก้าอาจจะเหนื่อยจากงานแต่งงานจนเพลียหลับไปก็ได้ ชิดชนกก็ยอมวางสายไป แต่พอตอนค่ำมารดาของเขาโทร. มาอีกด้วยเรื่องเดียวกัน แล้วบอกว่าตอนนี้ชิดชนกกินไม่ได้นอนไม่หลับ กลัวว่านพเก้าจะเป็นอะไรไป เพราะตั้งแต่เล็กจนโตลูกสาวไม่เคยหายไปนานขนาดนี้โดยไม่ติดต่อใคร

จะบ้าหรือไง ถึงสิบชั่วโมงหรือยังเนี่ย!! 

พอมารดาพูดแบบนั้นเขาก็ไม่มีแก่จิตแก่ใจทำงาน ต้องกลับมาที่เรือนหอของตัวเองแล้วเดินตามหานพเก้าจนทั่วก็ไม่เจอใคร เจอแต่โน้ตแปะอยู่ที่ตู้เย็นว่า ‘ออกไปเที่ยวกับเพื่อนนะคะ กลับดึกหน่อย’

ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะโทร. กลับไปบอกมารดาว่านพเก้าออกไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ยังไม่ทันไรเขาก็โดนต่อว่ากลับมาอีก เพราะชิดชนกบอกว่าโทร. ถามเพื่อนทุกคนของนพเก้าแล้ว แต่ลูกสาวไม่ได้อยู่กับใครเลย เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะมีเพื่อนคนอื่น ถึงตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะสงสารตัวเองหรือนพเก้าดีที่อายุเท่านี้แล้วยังโดนติดตามเหมือนเป็นเด็ก ชายหนุ่มตัดสินใจโทร. หาหญิงสาวอีกครั้ง แต่กลับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรับสายแล้วบอกว่า เธอกำลังเมาอยู่ที่สถานีตำรวจกับบุคคลน่าสงสัยที่อ้างตัวเป็นเพื่อน

นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!

เมื่อไปถึงระพีก็เจอกับภรรยาของตัวเองกับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อน ชายหนุ่มเข้าไปแสดงตัวและนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับนพเก้าอย่างสำเนาทะเบียนสมรสมาด้วยเพื่อยืนยันตัวตน พอเจ้าหน้าที่ตำรวจดูเอกสารแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คงจะรู้สึกขบขันที่เพิ่งผ่านมาแค่วันเดียวภรรยาของเขาก็หนีเที่ยวเสียแล้ว

“แล้วรู้จักคุณคนนี้หรือเปล่า เธอบอกเป็นเพื่อนของภรรยาของคุณ” เจ้าหน้าที่ตำรวจถามขึ้น ตอนนี้กัญญากำลังอยู่ในขั้นตอนที่จะถูกปล่อยกลับบ้านหรือไม่ก็ปล่อยเข้าตาราง พอระพีพิจารณาใบหน้าของหญิงสาวดีๆ แล้วก็นึกได้ว่าเคยเห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่ที่โต๊ะของเพื่อนนพเก้าในงานแต่งงาน

“ครับ เธอเป็นเพื่อนของภรรยาผม” ระพีว่า

กัญญารู้สึกเหมือนกำลังเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมน เธอนั่งอยู่ที่นี่มาสักพักใหญ่แล้ว ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียอยากจะกลับบ้านไปอาบน้ำนอนเต็มแก่ พอระพีมาก็ทำให้ความหวังของเธอเป็นจริง จึงเป็นธรรมดาที่กัญญาจะลุกขึ้นมาจับมือขอบคุณชายหนุ่ม

“ขอบคุณมากนะคะ คุณพีสมกับเป็นอภิชาตสามีจริงๆ” สีหน้ากัญญาดีขึ้นกว่าเดิมมาก ตอนนี้เธอจะได้กลับไปนอนที่บ้านแทนที่จะเป็นคุกแล้ว

“คุณชื่ออะไร” ระพีถาม

“กัญค่ะ กัญญา”

“ขอชื่อจริงนามสกุลจริงกับเบอร์โทรศัพท์ด้วย เผื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกจะได้ติดต่อกันได้” ระพีว่าก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้กัญญาบันทึกข้อมูลที่ขอให้ แม้ว่าจะงงอยู่นิดหน่อย แต่หญิงสาวก็รับมาแล้วพิมพ์ชื่อกับเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองให้เขาก่อนจะส่งกลับคืน

“ถ้าเสร็จแล้วกัญขอตัวกลับก่อนนะคะ” หญิงสาวว่า

“ดึกแล้วเดี๋ยวผมไปส่งดีกว่า คุณกลับคนเดียวอันตราย” ระพีอาสา อันที่จริงเขาไม่ใช่คนใจดีอะไรขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่คนสะเพร่าที่จะปล่อยอีกฝ่ายไปโดยไม่รู้ที่อยู่ หากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเขาจะได้รู้ว่าจะไปหานพเก้าได้ที่ไหนบ้าง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เกรงใจ”

“ไปเถอะ” ชายหนุ่มว่าก่อนจะอุ้มร่างของนพเก้าเดินนำไปที่รถของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าคนอย่างนพเก้าไปรู้จักกับเพื่อนแบบกัญญาได้อย่างไร แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องกังวล งานของเขาตอนนี้ก็คือสร้างภาพเป็นสามีที่สมบูรณ์แบบให้นพเก้าไม่ขายหน้า แต่สิ่งที่เขาจะขอจากเธอเมื่อได้สติขึ้นมาแล้วก็คือเรื่องเดียวกันนี้ เพราะเขาเองก็มีหน้ามีตาต้องรักษาเหมือนกัน

ชายหนุ่มมาส่งกัญญาที่ตึกห้องเช่าทรุดโทรมแห่งหนึ่งที่อยู่เกือบจะท้ายซอย แต่โชคดีที่แถวนี้มีร้านค้าเปิดอยู่เกือบตลอดทางทำให้ดูไม่เปลี่ยวนัก

“คุณอยู่ที่นี่เหรอ” ระพีถาม เขาไม่ได้ทำท่าทางดูถูกดูแคลน แต่แค่แปลกใจเข้าไปใหญ่ว่าทำไมกัญญาถึงมารู้จักกับนพเก้าได้ บอกตามตรงภรรยาของเขาเป็นเหมือนนกน้อยในกรงทองของบิดามารดา จะไปไหนมาไหนก็มีคนขับรถไปส่ง หากไม่ใช่เขา ครอบครัว หรือลุงคนขับรถก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะออกจากบ้านไม่ได้เลย

จะเรียกว่า ‘น่าสงสาร’ ก็คงใช่ แต่ดูเหมือนว่านพเก้าจะไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการประคบประหงมของที่บ้าน นี่คือสิ่งที่เขาหนักใจที่สุดในการแต่งงานครั้งนี้ เพราะเธอเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้าน ดังนั้นหากจะหย่าในอนาคตเขาต้องคิดให้รอบคอบ ต้องให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจว่าการแต่งงานแบบคลุมถุงชนนี้ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกคู่

“ใช่ครับ เออคุณ ถ้าไอ้นพ เอ้ย ลูกเกดตื่นแล้วบอกให้โทร. กลับหากัญด้วยนะ” กัญญาว่า

“ได้ครับ เข้าบ้านเถอะ” ชายหนุ่มพยักหน้า

กัญญาลงจากรถไปแล้ว เหลือเพียงเขากับนพเก้าที่กำลังนอนไม่ได้สติ กลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฟุ้งไปทั่วเหมือนอีกฝ่ายไปอาบของมึนเมาพวกนั้นมา กว่าเขาจะพาร่างของนพเก้าเข้ามาในบ้านได้ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว ชายหนุ่มวางร่างของภรรยาหมาดๆ ลงบนเตียงก่อนจะหาผ้าห่มมาคลุมร่าง ส่วนตัวเขาหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วก็เอาหมอนกับผ้าห่มมานอนที่โซฟา 

ถึงจะโชคดีที่ได้แยกออกมาอยู่ที่เรือนหอกันสองคน แต่อย่างไรเรื่องห้องนอนคุณหญิงรำพึงมารดาของเขาก็ยังเป็นคนจัดการ เพราะไม่รู้ว่าวันไหนจะเจอมารดามาเยี่ยมที่บ้าน เรื่องแยกห้องนอนจึงต้องตกไป แต่เขาก็พยายามจะทำตัวเหมือนพวกพระเอกในละครโดยการย้ายมานอนโซฟาหน้าทีวี ตรงนี้ทำเลดี จะดูการแข่งขันฟุตบอลก็ได้หรือจะเอางานมาทำก็ได้ ไม่รบกวนนพเก้าสักเท่าไร

เช้าวันรุ่งขึ้นชายหนุ่มก็ไม่เห็นภรรยานอนอยู่บนเตียงแล้ว ที่นอนถูกจัดเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ม่านถูกปิดเอาไว้อาจจะเพราะกลัวว่าแสงแดดจะทำให้เขาตื่น หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วเขาก็เดินลงไปชั้นล่าง กลิ่นหอมของอาหารเตะจมูกเขาเข้าอย่างจัง นพเก้ากำลังทำอาหารอยู่ พอเห็นเขาเธอก็ยิ้มหวานให้แล้วยกกับข้าวมาวางบนโต๊ะ ดูแล้วเป็นภาพศรีภรรยาในอุดมคติของใครหลายคน แต่ไม่ใช่กับระพี

นี่มันแม่บ้านชัดๆ...แต่วินาทีต่อมาก็ถูกแทนที่ด้วยภาพเมาปลิ้นเมื่อคืน จนชายหนุ่มต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ

“พี่พีลองชิมสิคะ” นพเก้าว่าก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อน พับวางเอาไว้ที่เก้าอี้แล้วนั่งลงตรงที่นั่งข้างเขา ชายหนุ่มยิ้มให้ภรรยาก่อนจะลองตักกับข้าวของอีกฝ่ายเข้าปาก เขารู้อยู่แล้วว่าเธอทำอาหารอร่อยทั้งคาวและหวานจึงไม่แปลกใจอะไรกับรสชาติ

“อร่อยมากครับ”

“เกดทำดีใช่ไหมคะ” หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ

“หมายถึงอะไร”

“ก็ทำหน้าที่ภรรยาไงคะ”

“ครับ ก็ถือว่าดี แต่ติดอยู่เรื่องนึง” ระพีไม่รู้ว่านพเก้าแกล้งลืมหรือว่าอะไร 

“เมื่อคืนเกดไปเที่ยวผับกับเพื่อนค่ะ ไปครั้งแรกเลย ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องทำให้พี่พีลำบาก แต่เกดไม่เคยไปเที่ยวแบบนั้นเลยจริงๆ นี่ถ้าไม่ได้แต่งงานก็คงไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน” 

สีหน้าที่เจื่อนลงของนพเก้าทำให้เขานึกสงสาร อย่างไรเธอก็ยังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการไปเที่ยว สนุกกับเพื่อน แล้วเขาก็พูดเองว่าเธอจะทำอะไรก็ได้

“พี่เข้าใจ แต่เกดต้องมีลิมิตนะ ต่อไปนี้ถ้าจะไปเที่ยวกลางคืนบอกพี่หน่อย พี่จะได้รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน แล้วต้องตอบคำถามที่บ้านยังไง” 

“ได้ค่ะ เอ่อ...จริงๆ ก็มีอีกเรื่อง”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น