บทที่ ๓
พ่อบ้านเฉิน
เหวินลู่ชิงกำลังประชุมกับลูกน้องหลายคนในห้องประชุมบริษัท แต่ลูกสาวก็ผลักประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
“ป๊าต้องยกเลิกคำสั่งทั้งหมดเดี๋ยวนี้”
เขาเพิ่งให้คนขับรถไปส่งหยางอิงที่คลับเมื่อสามชั่วโมงก่อน ปกติหยางอิงมักจะขลุกอยู่ที่นั่นเกือบทั้งวัน บางครั้งช่วงบ่ายก็แวะไปซ้อมเต้นที่สตูดิโอ บ้างก็ไปซ้อมร้องเพลงกับครูจนกระทั่งเย็นถึงกลับบ้าน สีหน้าเคร่งเครียดทำให้เหวินลู่ชิงรู้ดีว่าหยางอิงมีเรื่องหงุดหงิด เขาหันไปหาพนักงานคนอื่น
“ขอเวลาผมกับลูกสาวสักครู่ เดี๋ยวถ้าพร้อมแล้วจะเรียกพวกคุณ”
พนักงานค้อมกายก่อนเดินออกจากห้อง
หยางอิงกระแทกตัวลงบนเก้าอี้ ตอนนี้ในห้องประชุมเหลือกันแค่สองพ่อลูก สีหน้าของหญิงสาวงอง้ำอย่างเด็กสาวที่เอาแต่ใจ
“ป๊าไล่ดราก้อนออกจากโพรเจกต์ทำไม”
เหวินลู่ชิงนิ่ง ไม่ตอบแต่นัยน์ตาวาวเข้มขึ้น เขาขบกรามจนเป็นสันนูน ต้องเป็นฝีมือไอ้นักร้องหนุ่มนั่นแน่ๆ ความจริงเขาไม่ได้แปลกใจเลยด้วยซ้ำที่ลูกสาวเดินปึงปังเข้ามาแบบนี้ นั่นก็เพราะสายที่ส่งไปดูแลหยางอิงแอบส่งรูปมาให้ดูก่อนแล้ว แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจก็คือเพราะอะไรลูกสาวถึงต้องยอมให้ดราก้อนปั่นหัว
“ทำไมหนูต้องเดือดร้อนแทนมัน ป๊าคิดว่าหนูไม่ชอบขี้หน้ามันไม่ใช่หรือ”
“ใช่ อิงไม่ชอบเขา แต่ก็ไม่ต้องการให้ป๊าบีบเขาออกจากโพรเจกต์ สิ่งที่อิงต้องการคือให้เขายอมรับเข้าใจไหมป๊า”
เหวินลู่ชิงถอนหายใจ การพิสูจน์ตัวเองกับคนที่เปรียบเป็นแค่ธุลีดินเป็นเรื่องไม่คู่ควร เขาแค่ต้องการจัดการกับคนที่เป็นอันตรายต่อลูกสาว
“หนูไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองกับคนพรรค์นั้น ก็แค่ทำให้ผู้ชายห่วยๆ อย่างมันกระเด็นออกไปจากโพรเจกต์ก็สิ้นเรื่อง”
“แต่คนอื่นเขาจะหาว่าอิงใช้เส้น แล้วแบบนี้เมื่อไหร่คนถึงจะยอมรับความสามารถของอิงเสียทีล่ะคะป๊า ถ้าป๊าเอาแต่ใช้อำนาจของตัวเองบีบคนรอบตัวอิงให้กระเด็นออกไป อย่างนี้ใครเขาจะยอมรับอิง”
หยางอิงเคยขอบิดา หล่อนอยากเป็นตัวของตัวเอง สมัยลงประกวดก็ห้ามเด็ดขาดไม่ให้เหวินลู่ชิงก้าวก่ายหรือแม้แต่ใช้อิทธิพลช่วย แต่ถึงอย่างนั้นยังถูกทุกคนปรามาสว่าหล่อนชนะโดยอาศัยอิทธิพลของบิดาอยู่ดี
“แล้วหนูจะให้ป๊าทำยังไง”
“ทำยังไงก็ได้ให้ดราก้อนกลับมาร่วมโพรเจกต์ ถ้าเขาต้องออกก็เพราะความห่วยของตัวเอง”
“แต่ป๊าคงทำอย่างนั้นไม่ได้ ทุกอย่างพ้นมือป๊าไปแล้ว”
“ทำไมจะไม่ได้ ป๊าทำได้ทุกอย่างถ้าอยากจะทำ จะต้องให้อิงพูดไหมว่าป๊ามีอิทธิพลแค่ไหน แค่ยกหูโทรศัพท์กริ๊งเดียวป๊าก็จัดการเรื่องทุกอย่างได้แล้ว”
เหวินลู่ชิงขบกรามแน่นอย่างสะกดอารมณ์
หยางอิงขอบตาแดงก่ำพูดต่อ “หรือป๊าไม่มั่นใจว่าอิงยืนหยัดในวงการนี้ได้ด้วยตัวเอง ป๊าถึงคอยใช้คอนเนกชันของตัวเองไล่คู่แข่งอิงออกไป ป๊าเห็นอิงเป็นเด็กอมมือใช่ไหม”
พอเห็นลูกสาวตาแดงเหมือนจะร้องไห้ พ่อก็พูดไม่ออก
“ป๊าเชื่อมั่นในตัวหนูเสมอนะอิง”
“ถ้างั้นป๊าก็ต้องฟังความคิดเห็นของอิง ปล่อยให้อิงเลือกทางเดินชีวิตเอง ไม่ใช่เอาแต่ปกป้องอิงจากทุกคนจนอิงเดินไม่เป็น”
นักธุรกิจสูงวัยถอนหายใจ หยางอิงเหมือนกับภรรยาของเขาไม่มีผิด ทั้งดื้อรั้นและเอาแต่ใจ แถมยังชอบเอาชนะ เขารู้ดีว่าขืนเถียงไปก็คงไม่ชนะ
“ป๊าไม่มีทางเลือกอื่นเลยใช่ไหม”
“ถ้าป๊ายังรักอิง ป๊าก็ต้องทำตามสัญญาที่เคยให้เอาไว้ ไม่อย่างนั้นอิงจะหนีออกจากบ้าน ไปให้ไกลแสนไกลจนป๊าหาไม่เจอ เราสองคนจะไม่ได้เจอกันอีก”
“หยางอิง” เหวินลู่ชิงพ้อ สีหน้าของลูกสาวบ่งบอกว่าหยางอิงพูดจริง เขาลุกขึ้นจากโต๊ะ พ่นลมหายใจออกมาอย่างอึดอัด ก่อนเปลี่ยนจากไม้แข็งเป็นไม้อ่อนแทน “งั้นหนูก็ต้องสัญญากับป๊า เพื่อให้ป๊าสบายใจพอที่จะต้องปล่อยให้ลูกสาวไปอยู่ใกล้ไอ้ผู้ชายชีกอคนนั้น”
หยางอิงพยักหน้าหงึกๆ เอื้อมมือมาเกาะแขนบิดาอย่างเอาใจ “ได้ทุกอย่าง ป๊าอยากได้อะไรบอกอิงมาเลย”
เหวินลู่ชิงลูบเส้นผมบุตรสาว จับมือบอบบางเอาไว้ “หนูต้องไม่อยู่ใกล้ชิดไอ้หมอนั่นเกินความจำเป็น นอกเวลางาน หลีกได้เป็นหลีก และถ้ามันมาวอแวหนูละก็ต้องเรียกให้บอดีการ์ดมาจัดการทันที”
“แหม ป๊าก็ อิงไม่ได้พิศวาสผู้ชายอย่างนั้นสักหน่อย อิงตั้งใจจะทำอย่างนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“ก็นั่นละ ถ้าหนูไม่รับปาก ป๊าคงไม่มีสมาธิทำงาน เผลอๆ จะต้องไปนั่งเฝ้าตอนหนูเข้าห้องอัด”
“ได้ค่ะ อิงสัญญา จะไม่เข้าใกล้ผู้ชายคนนั้น ไม่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง แค่ทำงานด้วยกัน งานจบก็แยกย้าย ป๊าเชื่ออิงนะคะ”
“งั้นก็ได้ ป๊าจะโทร. ไปบอกทางฝ่ายนู้นว่าทุกอย่างให้เป็นไปตามเดิม แต่ถ้าไอ้ดราก้อนมันกล้ามาทำร้ายลูกสาวป๊าละก็ ป๊าไม่เอามันไว้แน่”
“ได้ค่ะป๊า อิงจะไม่ทำให้ป๊าผิดหวังเด็ดขาด ป๊าเชื่อใจนะว่าอิงดูแลตัวเอง ลูกสาวของป๊าคนนี้ได้เลือดป๊ามาเต็มๆ”
สิ่งแรกที่ดราก้อนทำเมื่อผลักประตูเข้าไปในบ้านคือเดินเร็วๆ ไปยังส่วนของครัว
คฤหาสน์หลังนี้สร้างขึ้นมาเกือบสิบปีแล้ว เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว มารดาจึงให้ผู้รับเหมาที่รู้จักสนิทสนมกันหาที่ดินเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ขึ้น สิ่งที่ต้องการคือตัวบ้านอยู่บนเขา เห็นวิวทะเลจากด้านบน และที่สำคัญคือฮวงจุ้ยต้องดี จะเสียเงินแพงเท่าไหร่ไม่ว่าคฤหาสน์หลังนี้จึงมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง สร้างแบบโมเดิร์นผิดกับบ้านของคหบดีคนอื่นๆ ในฮ่องกงที่เน้นสิ่งของเสริมมงคลมากกว่าความสวยงาม ผนังโดยรอบบ้านกรุด้วยกระจกทุกด้านล้อมรอบด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อให้ร่มเงาและความร่มรื่น
มารดาทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ต้นไม้นานาพรรณที่ให้ความสวยงาม ด้านหน้ามองลงไปจดทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา สระว่ายน้ำที่สร้างอยู่เอาต์ดอร์ มีฉากหลังเป็นขอบฟ้าตัดกับพื้นน้ำสีคราม ทุกครั้งยามพระอาทิตย์ตกแสงสีทองเรื่อเรืองที่ฉาบอยู่ด้านหลังทำให้วิวของบ้านหลังนี้งดงามหาใดเปรียบ
ตัวบ้านแบ่งเป็นสองส่วนคือที่พักอาศัยของสองแม่ลูกกับเรือนของคนงาน กั้นด้วยสวนกุหลาบที่ปลูกเป็นแนวตรงกลาง กุหลาบอังกฤษทุกต้นนำเข้าจากต่างประเทศ มารดาคัดเลือกพันธุ์เองทุกต้นเพื่อให้ได้กุหลาบที่แข็งแรง ออกดอกตลอดปี ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณ ตึกหลังเป็นส่วนของแม่บ้านซึ่งมีคนงานอยู่ด้วยกันสองคน ส่วนครัวแบบฝรั่งสำหรับประกอบอาหารง่ายๆ อยู่ภายในตัวบ้าน ห้องของดราก้อนอยู่ชั้นสองติดกับห้องนอนใหญ่ ส่วนห้องทางซ้ายมือเป็นห้องรับแขกที่ไม่เคยมีใครเข้าพักมาก่อน
“ป้าหลินครับ ป้าหลิน”
ดราก้อนร้องเรียกแม่บ้านอาวุโส ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ช่วยเลี้ยงดูเขาตั้งแต่เล็ก หล่อนอายุราวห้าสิบ สุภาพเรียบร้อย ที่สำคัญคือทำอาหารอร่อย ดราก้อนเองก็ได้รับสืบทอดฝีมือทำอาหารมาจากหลินซินด้วยเหมือนกัน
คนที่กำลังง่วนกับการต้มซุปบนเตาเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มอย่างดีใจ
“อ้าว คุณริวกลับมาแล้ว”
ชายหนุ่มโผเข้ากอด ป้าหลินเบี่ยงตัวหลบ
“อย่าค่ะ ป้าตัวเหม็น อยู่แต่ในครัวทั้งวัน”
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย หอมออก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ป้าหลินผอมไปนะ”
“คุณริวปากหวานจัง มาเหนื่อยๆ กินอะไรมาหรือยังคะ”
“เรียบร้อยมาแล้วครับ” ดราก้อนชะโงกหน้าไปยังซุปบนเตา กลิ่นยาที่โชยออกมาทำให้รู้ว่าไม่ใช่เมนูอาหารค่ำแน่ๆ เขาขมวดคิ้ว “นั่นยาใครหรือครับ”
“ของคุณผู้หญิงค่ะ เห็นบ่นว่าปวดหัว ปวดเมื่อยเนื้อตัว ป้าเลยต้มยาจีนบำรุงให้”
“แม่ไม่สบายงั้นหรือ”
หลินซินพยักหน้า “คุณหนูขึ้นไปดูคุณแม่เสียหน่อยเถอะค่ะ อาทิตย์นี้คุณผู้หญิงกินน้อยมาก สงสัยจะคิดถึงคุณหนูริว”
“แม่น่ะหรือจะคิดถึงผม”
ป้าหลินยื่นมือไปปิดเตา เทยาจีนสีข้นคลั่กลงในชามก่อนนำใส่ถาดแล้วยื่นให้ดราก้อน
“คิดถึงสิคะ คุณผู้หญิงผอมลงเพราะตรอมใจคิดถึงลูก คุณริวอย่าน้อยใจคุณแม่เลยนะ คุณก็รู้ว่าท่านงานยุ่ง”
“ยุ่งหรือว่ามีหนุ่มใหญ่มาจีบจนไม่มีเวลาให้ลูกกันแน่”
ดราก้อนน้อยใจมารดามาตลอด เพราะท่านทำแต่งานและกลับดึก ส่วนเรื่องที่สองคือไอ้ผู้ชายชีกอที่เทียวไล้เทียวขื่อไม่เว้นแต่ละวัน และหนึ่งในนั้นคือเจ้าพ่อมาเฟียชื่อเหวินลู่ชิงนั่นเอง เขาเคยค้านมารดาไม่ให้คบหาอีกฝ่ายแต่ท่านก็เอาแต่พร่ำบอกว่าจำเป็น สิ่งที่มารดาย้ำเสมอคือไม่ควรทำตัวเป็นศัตรูกับเหวินลู่ชิง
“คุณผู้หญิงไม่เคยเปิดใจให้ใคร คุณริวก็รู้”
“นั่นเพราะแม่ไม่รู้จะเลือกใครมากกว่า”
สมัยเด็กดราก้อนชอบทำตัวเกเรเพื่อเรียกร้องความสนใจ ทุกครั้งมารดาไม่เคยลงโทษด้วยการตี มีแค่คำพูดที่ทำให้ดราก้อนเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
‘ถ้าคิดว่าทำตัวแบบนี้แล้วสบายใจก็ทำไปเถอะ แต่แม่เชื่อว่าริวของแม่คิดเป็น’
คำพูดเรียบๆ แต่สร้างความรู้สึกผิดได้ชะงัดนัก ดังนั้นแม้จะเกเรไม่เข้าเรียนแต่ดราก้อนไม่เคยสอบตก อาจเพราะเขาฉลาดเป็นทุนเดิมอีกทั้งยังเป็นอัจฉริยะในหลายๆ ด้าน ตอนที่ชายหนุ่มเลือกที่จะเข้าวงการแทนการทำงานในบริษัทมารดาก็ไม่คัดค้านสักคำ
‘แม่แล้วแต่ริว ชีวิตเป็นของริว แม่พร้อมสนับสนุนทุกอย่าง’
เป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่า เขาถึงไม่เคยโกรธท่านลง ดราก้อนแค่น้อยใจ เขาตั้งใจจะพูดดีแต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการทะเลาะ สองแม่ลูกต่างมีความสุขตอนลอบมองกันและกันในความเงียบแทนการเริ่มต้นบทสนทนาที่ลงเอยด้วยการโมโห
“ไม่เอานะคะคุณริว เป็นผู้ชายแต่ขี้น้อยใจ ไม่น่ารักเลย จำที่ป้าสอนได้ไหมคะว่าผู้ชายต้องรู้จักง้อผู้หญิงก่อน”
“จำไม่ได้ ทำไมต้องกดขี่ทางเพศกันแบบนี้ด้วย สมัยนี้เขาเรียกร้องความเท่าเทียมระหว่างหญิงกับชายแล้วไม่ใช่หรือ” เขาปั้นหน้างอ ทำปากยื่น
หลินซินส่ายหน้า วางถาดโลหะลงบนมือชายหนุ่ม “ปากยื่นแบบนี้น่ะไม่สมกับเป็นนักร้องขวัญใจชาวฮ่องกงเลยนะคะ ไปค่ะ ยกยาไปให้คุณแม่หน่อย ท่านคงดีใจมาก ท่านอยู่บนดาดฟ้านะคะ”
“แม่ไปทำอะไรบนดาดฟ้า ทั้งที่อากาศหนาวขนาดนี้เนี่ยนะ”
จุดเด่นอีกอย่างของบ้านหลังนี้คือชั้นดาดฟ้าที่เปิดโล่ง ตอนกลางคืนหากท้องฟ้าไม่มีเมฆจะเห็นหมู่ดาวมากมายดารดาษ ดราก้อนจำได้ว่าเขากับแม่ชอบนอนมองดาวอย่างเงียบๆ แต่คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมของคนที่กำลังไม่สบายแน่ๆ อุณหภูมิบนดาดฟ้าจะลดต่ำกว่าปกติสองสามองศาเซลเซียสเลยทีเดียว
“ทำไงได้คะ คุณผู้หญิงก็ดื้อพอๆ กับคุณหนู ป้าขัดไม่ได้ ก็เลยขอร้องให้ใส่เสื้อหนาๆ”
“เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“คุณหนูริวขึ้นไปห้ามท่านเองสิคะ” หลินซินยิ้มเย็น
ดราก้อนมองถาดยาในมือ สุดท้ายไม่มีทางเลือกจึงถือถาดเดินกลับมาที่ตึกใหญ่ เขาเดินขึ้นบันไดไปดาดฟ้า บนนั้นมีเก้าอี้สนามตั้งเรียงกันอยู่ อีกทั้งยังมีสวนหย่อมที่มีดอกไม้กลางคืนส่งกลิ่นหอม ร่างบางที่เขาคิดถึงอยู่ทุกวันนอนหลับตาอยู่บนเก้าอี้ หล่อนสวมเสื้อกันหนาวไหมพรมแต่ถึงกระนั้นลมบนดาดฟ้าก็เย็นจนร่างบางต้องห่อตัว ดราก้อนเดินเร็วๆ เข้าไปและพบว่ามารดานอนหลับ เขาวางถาดยาลงก่อนหันไปหยิบผ้าห่มที่พับอยู่ด้านข้างขึ้นมาห่มให้
มารดาผอมลงไปมากอย่างที่ป้าหลินซินบอก ใบหน้ารูปไข่ดูอิดโรย ขอบตาคล้ำ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเห็นความงามที่ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย เหว่ยป๋อจือคือดาวค้างฟ้าของฮ่องกง ทุกครั้งที่ท่านปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมักจะได้รับคำชมจากทุกคน ทั้งในเรื่องผิวพรรณ หน้าตา มารดารักษาสุขภาพมาก ท่านออกกำลังกายในยิมอาทิตย์ละสามวันกับเทรนเนอร์ประจำตัว นอกจากนั้นยังแบ่งเวลาไปเล่นกีฬาทางน้ำและปั่นจักรยานอีกด้วย
ดราก้อนเผลอจ้องมอง ขอบตาร้อนผ่าว ครั้งสุดท้ายแม้ลงเอยด้วยการทะเลาะกันแต่ชายหนุ่มก็ยังรักมารดามากอยู่ดี
จู่ๆ เปลือกตาที่ปิดอยู่ก็ลืมขึ้น นัยน์ตาจ้องมองดราก้อนด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง
“ริวกลับมาแล้วหรือ”
ร่างที่โน้มไปใกล้ชะงัก ดราก้อนผงะ ปั้นหน้านิ่งในทันที
“ผมคิดว่าแม่หลับเสียอีก”
“แม่ตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงริวขึ้นบันไดมาแล้ว หิวไหม แม่ให้ป้าหลินทำอะไรให้กินดีไหม” มารดาถัดตัวขึ้นจากเก้าอี้ นัยน์ตาที่อิดโรยเปล่งประกายขึ้นมาทันที
ดราก้อนกัดกรามแน่น ทำไมนะเขาถึงเจ็บปวด อาจเพราะระหว่างเขากับมารดามีช่องว่างมหาศาลที่ถมไม่เต็ม มันเกิดจากคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ
‘พ่อผมเป็นใคร’
มารดาไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้ ทั้งที่ดราก้อนเป็นผู้ใหญ่บรรลุนิติภาวะแล้ว เขาแค่อยากรู้ที่มาของตนเท่านั้น
‘เอาไว้เมื่อถึงเวลา ริวก็จะรู้เอง’
ดราก้อนเคยตะโกนใส่หน้ามารดาด้วยความโกรธ แต่ท่านไม่โต้ตอบ กลับทำดีต่อเขามากยิ่งขึ้น ยิ่งมารดาเป็นห่วง ชายหนุ่มก็เจ็บแปลบราวกับถูกแส้ที่มองไม่เห็นโบยตี เขาไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรดี จะโกรธหรือควรจะพูดดีกับมารดา เขาคิดถึงและโหยหาอ้อมกอดจากท่านเป็นที่สุด แต่ทิฐิเพราะความน้อยใจทำให้ผละออก
“ผมไม่หิว ป้าหลินฝากยามาให้ แม่รีบกินเถอะ”
หนุ่มร่างสูงยืนขึ้น ปั้นหน้าเย็นชา เขามองเหว่ยป๋อจือด้วยแววตาว่างเปล่า
“นั่งคุยกันก่อนไม่ได้หรือ แม่อยากรู้ว่าริวไปเมืองไทยทำอะไรมาบ้าง เราสองแม่ลูกไม่ได้นั่งคุยกันนานแล้วนะ”
“ผมเพิ่งกลับมา เหนื่อย อยากพัก เชิญแม่ตามสบายเถอะ”
ดราก้อนหันหลัง ขอบตาร้อนผ่าว ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กเล็กๆ ที่อยากวิ่งเข้าไปกอดและซบตักแม่ สำหรับป้าหลินซิน เขาทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างไม่ขัดเขิน แต่ทำไมกับแม่ตัวเองเขากลับรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า ดราก้อนกลัวที่จะแสดงความรัก กลัวที่จะรู้สึกถึงความผูกพันกับแม่บังเกิดเกล้า หรือว่าที่จริงแล้วเขากลัวความจริงมากกว่าหลายครั้งที่เขาฝันถึงเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้ดราก้อนเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาคือเด็กเก็บมาเลี้ยงหรือเปล่า
“แค่เล่าให้ฟังนิดเดียวก็ไม่ได้หรือ”
น้ำเสียงนั้นแฝงด้วยความน้อยใจ ดราก้อนกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ อยากจะโผเข้าไปกอดมารดาด้วยความรัก
“ผมเหนื่อยจริงๆ เอาไว้โอกาสหน้าเถอะ”
ร่างสูงเดินเร็วๆ ไปที่บันได เขาหวังว่าจะได้ยินคำทักท้วงจากมารดา แต่เปล่าเลย ท่านกลับมองไปที่ถ้วยยาที่วางบนถาดแล้วถอนหายใจ ดราก้อนเอ่ยขึ้นในความเงียบ
“อากาศหนาวมาก ถ้าไม่จำเป็นอย่าอยู่บนนี้นานเกินไป ผมเป็นห่วง”
เขากลั้นใจวิ่งลงบันไดโดยไม่ฟังว่ามารดาจะพูดอะไรต่อ ทำไมนะ เขาถึงต้องรู้สึกแบบนี้ ทำไมเขาถึงต้องสงสัยเรื่องที่มาของตน ทำไมต้องอยากรู้ว่าตนเองเป็นใครๆ ลึกๆ แล้วชายหนุ่มกลัวใจตัวเอง ดราก้อนรู้แต่เพียงว่าหากขืนทนอยู่ตรงนี้เขาอาจจะเผลอแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครๆ ได้เห็น
หยางอิงหายใจสะดุดเมื่อผลักประตูเข้าไปในห้องประชุมใหญ่บริษัท และเห็นว่าทุกคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ยิ่งเห็นชายหนุ่มซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามมองด้วยหางตาก็อดหงุดหงิดไม่ได้
“นั่งสิแองเจิ้ล ทุกคนกำลังรอคุณอยู่”
หญิงสาวค้อมศีรษะให้ประธานบริษัทที่นั่งอยู่หัวโต๊ะและยิ้มทักทายทุกคน มีเพียงคนเดียวที่มีสีหน้าบอกบุญไม่รับ ถึงดราก้อนยังไม่พูดแต่หยางอิงก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงต้องการตำหนิ ต้องโทษผู้จัดการของหล่อนที่มัวแต่คุยกับบิดาอยู่นานสองนาน แถมก่อนออกจากบ้านเหวินลู่ชิงยังบังคับให้หญิงสาวเปลี่ยนชุด อ้างว่ากระโปรงสั้นไปบ้าง คอผ่าลึกไปบ้าง เมื่อมาถึงบริษัททุกคนก็พร้อมหน้าในห้องประชุมเรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษนะคะ พอดีวันนี้รถติด”
“ไม่เป็นไรหรอกแองเจิ้ล วันนี้พวกเรามีเวลาเหลือเฟือ ค่อยๆ คุยกันตามสบาย อยากดื่มอะไรให้หายเหนื่อยก่อนไหมแล้วค่อยเริ่มคุยโพรเจกต์กัน วันนี้คงใช้เวลาสักหน่อย”
หยางอิงทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นสีหน้างอง้ำของนักร้องหนุ่ม
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเรียบร้อยมาแล้ว เรามาเริ่มกันเลยเถอะค่ะ”
ประธานในที่ประชุมวันนี้คือหัวหน้าโพรเจกต์เดอะเลิฟเวอร์ชื่อว่าหย่งเต๋อ เริ่มต้นด้วยการแนะนำทุกคนให้ได้รู้จักกัน
โพรเจกต์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อหกเดือนก่อน ดราก้อนถูกเลือกเข้ามาในโพรเจกต์เป็นคนแรก ส่วนหยางอิงที่เพิ่งชนะการประกวดเมื่อสามเดือนที่แล้วก็ได้รับการติดต่อในลำดับถัดมา สำหรับหญิงสาวนี่คือโอกาสที่หล่อนใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตในการก้าวไปสู่การเป็นนักร้องอาชีพ ความฝันของหยางอิงคือการขึ้นเป็นนักร้องวัยรุ่นอันดับหนึ่งของวงการ ดังนั้นพอได้ยินข้อเสนอ หยางอิงจึงตอบรับอย่างไม่ลังเล มีเพียงเรื่องเดียวที่ลำบากใจนั่นก็คือต้องทำงานกับดราก้อน
หย่งเต๋อส่งสัญญาณให้ผู้ช่วยเปิดโพรเจกเตอร์เพื่อนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับโพรเจกต์เดอะเลิฟเวอร์ โพรเจกต์นี้ถือเป็นการพบกันครั้งแรกของดราก้อนกับหยางอิง ชื่อของโพรเจกต์สื่อความหมายถึงคู่รัก นั่นก็เพราะทางค่ายต้องการคอนเซปต์ที่แปลกใหม่กว่าเดิม เพราะคู่รักที่พูดถึงนี้สุดท้ายกลับต้องพบกับความพลัดพราก
แรงบันดาลใจของเพลงในอัลบัมชุดนี้มาจากเรื่องจริงนำมาปรับเป็นเพลง รายได้จากเพลง ยอดเข้าชมมิวสิกวิดีโอและคอนเสิร์ตใหญ่ที่จะจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้าจะถูกนำไปใช้ในการกุศลทั้งหมด โดยเฉพาะคู่รักที่ป่วยเป็นมะเร็ง โพรเจกต์นี้มีแผนจะโพรโมตใน ไทย ไต้หวัน และจีน อีกทั้งยังมีงานอีกมากที่จะต่อยอดในอนาคต ตอนแรกต้นสังกัดวางแผนจะจัดประชุมต้นเดือน แต่ต้องเลื่อนมาสองสัปดาห์เนื่องจากคิวของนักร้องทั้งสองแน่นมาก
ภาพบนโพรเจกเตอร์คือต้นแบบของคู่รักที่ถูกนำมาใช้ในการแต่งเนื้อเพลงแรกของอัลบัม ฝ่ายชายเป็นนักกีฬาชกมวยที่มีชื่อเสียงและเคยเป็นแชมป์มาหลายรายการ แต่ช่วงหลังเขามีอาการปวดศีรษะและมีปัญหาเรื่องการมองเห็น ตอนแรกแพทย์คิดว่าเป็นผลของการบาดเจ็บจากการชก แต่พอเข้าตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าถึงได้รู้ว่าเขาเป็นมะเร็งที่สมอง เนื่องจากเป็นสมองส่วนลึกทำให้ผ่าตัดไม่ได้ จึงต้องรับการรักษาโดยการฉายแสงและให้ยาเคมีบำบัดแทน ชายหนุ่มค่อยๆ สูญเสียความทรงจำในแต่ละวันไป ตอนนี้เขาจำภรรยาตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ ทุกวันหล่อนจะทำหน้าที่เปิดอัลบัมรูปเก่าๆ และเล่าเรื่องราวในอดีตให้ชายหนุ่มฟัง แม้เนื้อเพลงจะออกแนวเศร้าแต่ก็สื่อถึงรักแท้ระหว่างคนสองคน ดังนั้นทางค่ายจึงต้องการนักร้องคู่ชายหญิงมาถ่ายทอดอารมณ์เพลงรักออกมาให้มากที่สุด
“เพลงนี้เราได้คุณเทียนไอ่มาแต่งเนื้อร้องให้ และได้คุณไป่ถังมาช่วยใส่ทำนองและดนตรี ผมได้ฟังเดโมแล้ว ไพเราะมากๆ”
เทียนไอ่เป็นนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในฮ่องกง เพลงของเขาได้รับรางวัล แถมยังฮิตติดชาร์ตแทบทุกเพลง ช่วงห้าปีหลังเขาปฏิเสธที่จะรับงาน แต่จะเลือกเฉพาะโพรเจกต์ที่ตนสนใจเท่านั้น
“แต่เพลงนี้เป็นเพลงช้า ไม่รู้ว่านักร้องหญิงของเราจะถนัดหรือเปล่า” ดราก้อนแขวะ เขาเคยดูบันทึกการแสดงของหยางอิงและพบว่าหล่อนถนัดการเต้น
“คุณดราก้อนคงลืมไปแล้วว่าฉันได้แชมป์เพราะเลือกเพลงช้ามาประกวดในรอบไฟนัล ถ้าคุณไม่เคยฟังดิฉันจะส่งลิงก์ให้ ดีไหมคะ” หญิงสาวแขวะกลับแต่ฉีกยิ้มเพื่อกลบเกลื่อน
หย่งเต๋อที่นั่งอยู่รีบสำทับ “จริงของแองเจิ้ล ผมเคยฟัง พลังเสียงเธอสุดยอดมากๆ แถมยอดวิวในยูทิวบ์ก็พุ่งทะลุสิบล้านไปเรียบร้อยแล้ว”
“แต่แองเจิ้ลยังเด็ก ผมยังไม่แน่ใจว่าเธอจะถ่ายทอดเพลงในลักษณะของคู่รักได้หรือเปล่า” เทียนไอ่เป็นเจ้าของเพลงโพล่งขึ้น
“ข้อนั้นไม่ต้องกังวล แองเจิ้ลเตรียมตัวมาอย่างดี สองอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอเข้าคลาสกับครูเพื่อพัฒนาเทคนิคการร้อง เธอต้องทำได้ดีแน่”
“แต่บุคลิกของเธอ” ไป่ถังแย้ง อุปสรรคของหยางอิงก็คือภาพลักษณะที่ดูวัยรุ่น ตอนแรกที่หย่งเต๋อเสนอชื่อหยางอิง ทั้งสองรีบออกโรงคัดค้าน แต่เพราะขัดสปอนเซอร์หลักอย่างเหวินลู่ชิงไม่ได้นั่นเอง
“นั่นก็ไม่มีปัญหา แองเจิ้ลยินดีปรับภาพลักษณ์ทุกอย่าง ทั้งการแต่งกาย ทรงผม เพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุด ฐานแฟนคลับของเธอที่มีอย่างเหนียวแน่นเทียบกับนักร้องคนอื่นๆ ที่ทีมเสนอมา ผมเชื่อว่าปัจจัยนี้จะทำให้โพรเจกต์นี้ประสบผลสำเร็จสูงสุด” หย่งเต๋อพูดขึ้น
“แต่ผมได้ยินมาว่าคุณแองเจิ้ลมีข้อจำกัดด้านทำงานหลายอย่าง ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า”
“เรื่องนั้นทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวพอจบประชุมดิฉันจะชี้แจงให้ฟัง คุณแองเจิ้ลมีข้อเรียกร้องกับทีมงานแค่เพียงหน้ากระดาษเดียวเท่านั้น ซึ่งทำตามได้ไม่ยาก รับรองว่าไม่เป็นปัญหาต่อการทำงานแน่นอน”
ดราก้อนพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
“หน้าเดียวแต่เรียกร้องเป็นร้อยๆ ข้อละสิ” ดราก้อนประชด
“ริว” ลี่หงส่ายหน้า เอื้อมมือมาแตะศอกเพื่อปราม
หยางอิงพูดแทรกขึ้น “เพื่อให้งานโพรเจกต์นี้สำเร็จ ฉันยินดีทำทุกอย่างที่ทีมต้องการ”
หย่งเต๋อซึ่งถือหางหยางอิงตั้งแต่ต้นคลี่ยิ้ม “ได้ยินอย่างนี้ทุกคนคงวางใจแล้วนะ ผมไม่อยากให้เราเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ ที่ผ่านมาข่าวในเชิงลบของศิลปินทำให้คนหันไปสนใจเรื่องอื่นมากกว่าโพรเจกต์”
ดราก้อนหน้าตึง เขากับหย่งเต๋อเป็นไม้เบื่อไม้เมามาตั้งแต่แรก แต่ที่นักร้องหนุ่มยังได้อยู่ต่อเพราะประธานบริษัทที่ชื่อมิสเตอร์ลีต่างหาก
“ฉันเห็นด้วยค่ะ ทุกคนควรจะร่วมมือกันให้ข่าวฉาวน้อยๆ ลงหน่อย ไม่อย่างนั้นคนจะโฟกัสเรื่องคาวๆ มากกว่าเพลง”
“เธอว่าใคร” ดราก้อนกดเสียงต่ำ จ้องมองหยางอิงตาวาว
“ฉันก็พูดโดยภาพรวมๆ หวังว่าคงไม่กระทบใจใครใช่ไหมคะ เราต้องตั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ของโพรเจกต์”
ท่าทางยียวนของนักร้องสาวทำให้ดราก้อนควันออกหู แต่เพราะอยู่ต่อหน้าทุกคน เขาจึงแสดงท่าทีออกไปมากไม่ได้ ลี่หงหันไปปรามด้วยสายตาอีกครั้ง
“ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ข่าวก็คือข่าว ดราก้อนไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา และเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ผมได้ยื่นฟ้องนักข่าวที่ปล่อยคลิปตัดต่อเพื่อกู้ชื่อเสียงดราก้อนกลับคืนมา”
“คลิปตัดต่องั้นหรือ” เทียนไอ่ถามขึ้น
“ใช่ครับ แถมยังเขียนมั่วซั่วไปหมด คลิปต้นฉบับแบบเต็มๆ ได้เปิดให้สื่อมวลชนดูแล้วว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดราก้อนไม่ได้ไปค้างคืนกับใคร ดังนั้นต่อไปนี้ใครที่คิดจะใส่ความดราก้อนอีกต้องเจอดีแน่”
“แต่นั่นจะไม่ยิ่งทำให้ชื่อของบริษัทเราเสียหายหรอกหรือ ผมบอกแล้วไงว่าไม่อยากได้ข่าวฉาว” หย่งเต๋อโต้
“เรื่องนี้เป็นความคิดของมิสเตอร์ลีโดยตรงครับ ท่านอยากให้คนในสังคมได้รู้ความจริงว่าดราก้อนไม่ได้มั่วผู้หญิง พวกหล่อนเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน”
ดราก้อนปรายตาไปทางหยางอิง แต่หล่อนกลับเสมองหย่งเต๋อแทน ชายหนุ่มกัดฟันกรอดๆ
ชื่อประธานบริษัททำให้หย่งเต๋อไม่คัดค้าน
“ถ้าเคลียร์กันได้ผมก็วางใจ เราเหลือเวลาอีกไม่มากนักก่อนงานคอนเสิร์ตการกุศลจะเริ่มขึ้น อยากให้ผู้จัดการของทั้งสองคนล็อกคิวให้เรียบร้อย ถ้าติดขัดตรงไหนเราจะได้ปรับ”
ลี่หงพยักหน้า เขาพลิกดูเอกสารซึ่งเป็นข้อความเดียวกันกับที่ฉายบนโพรเจกเตอร์ รวมถึงระยะเวลาที่ดราก้อนต้องเข้ามาซ้อมสัปดาห์ละสี่วัน ผู้จัดการของหยางอิงก็ทำเช่นเดียวกัน ตารางที่ทีมงานวางไว้ค่อนข้างแน่นเนื่องจากเวลาที่กระชั้นเข้ามา ทั้งสองคนต้องรับงานเพื่อให้มีเวลาว่างในการฝึกซ้อม หยางอิงลืมความหงุดหงิดไปชั่วขณะเมื่อเทียนไอ่เล่าถึงคอนเซปต์ของเพลง รวมถึงแผนโพรโมตที่เขาวางแผนเอาไว้แล้ว
พวกเขาจะใช้คู่รักตัวจริงมาร่วมให้สัมภาษณ์ อีกทั้งยังมีการเดินทางไปทำกิจกรรมต่างๆ ทางค่ายเล็งว่าจะหาคู่รักที่ป่วยและต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินเข้ามาเติมเต็มโพรเจกต์ นอกจากจะทัชใจคนดูเพราะเป็นเรื่องจริงแล้วยังเป็นการสร้างชื่อเสียงที่ดีแก่ศิลปินด้วย
“เราน่าจะซ้อมกันบ่อยกว่านี้ รวมถึงตารางออกกำลังกายด้วย ช่วงเล่นคอนเสิร์ตศิลปินต้องแข็งแรง”
ดราก้อนปรายตามองหยางอิงอีกครั้ง หล่อนเชิดหน้าขึ้นโต้กลับ
“ฉันแข็งแรงดี ปกติฉันวิ่งวันละสิบกิโลทุกวัน ส่วนเรื่องเทรนเนอร์ก็มีคนมาดูแลการออกกำลังกายให้ที่บ้านอยู่แล้ว”
“บ้านรวยว่างั้น” ดราก้อนแขวะให้
หยางอิงกัดฟันกรอดๆ แต่พอหันไปหาลูซี่ก็พบว่าอีกฝ่ายยิ้มหวานมาให้ หญิงสาวเข้าใจดี นั่นหมายถึงการปรามไม่ให้หล่อนไปต่อปากต่อคำด้วย
“ผมอยากให้ทุกคนเต็มที่กับโพรเจกต์ มันคืออนาคตของค่ายเราเลยทีเดียว”
เงินทุนมหาศาลที่ใช้ในการโพรโมตทำให้บริษัทต้องการความมั่นใจว่าทุกอย่างจะประสบผลสำเร็จ นับตั้งแต่มีข่าวเพลงคู่ออกไป กระแสตอบรับก็ดีมาก
“ผมให้เต็มร้อยเลยกับงานทุกชิ้น”
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ”
“ได้ยินทั้งสองคนรับปาก ผมเองก็วางใจ แต่ผมมีเรื่องต้องขอร้องดราก้อนกับแองเจิ้ล ไม่รู้ว่าคุณสองคนจะให้ผมได้ไหม” เทียนไอ่เอ่ยขึ้น มองหน้าทั้งคู่ “เพื่อความเป็นธรรมชาติในการร้องเพลงคู่ ผมต้องการให้คุณสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันทุกวันไม่ต่ำกว่าหกชั่วโมง”
“อะไรนะ!” ดราก้อนโพล่งขึ้นพร้อมๆ กับหยางอิง
ลูซี่ซึ่งนั่งเงียบและพูดน้อยโพล่งขึ้น “ทำไมต้องทำแบบนั้น”
เทียนไอ่ถอนหายใจ “ผมเคยทำงานกับศิลปินทั่วฮ่องกงและในหลายๆ ประเทศ การร้องเพลงไม่ใช่แค่สักแต่ว่าเปล่งเสียงออกไป ผมยอมรับว่าคุณทั้งสองเสียงดี การแสดงบนเวทีก็ยอดเยี่ยม พวกคุณทั้งคู่มีพรสวรรค์ซึ่งไม่มีใครเถียง แต่สิ่งที่พวกคุณขาดก็คืออารมณ์ของคู่รัก ไม่สิ คุณสองคนเป็นคู่กัดกันมากกว่า”
ดราก้อนอึ้ง เถียงไม่ออก ทุกคนต่างเห็นว่าทั้งสองคอยจิกกัดกันตลอดเวลา หยางอิงหลุบตาลงอย่างรู้สึกผิด
ไป่ถังพูดต่อ “ผมเห็นด้วยกับเทียนไอ่ คุณสองคนไม่ถูกกัน แค่เริ่มต้นก็ปะทะกันแล้ว อย่างนี้จะร้องเพลงคู่ได้งั้นหรือ”
ทั้งสองคนเงียบ ไม่กล้าเถียง ดราก้อนเหลือบมองลี่หง และเห็นอีกฝ่ายส่ายหน้า
เทียนไอ่พูดต่อ “พวกคุณยังเด็ก ถึงได้คิดว่าการแสดงจะกลบเกลื่อนทุกอย่างได้ แต่ไม่จริงเลย การร้องเพลงรักต้องเริ่มจากความรู้สึกถึงเนื้อหาของเพลงจริงๆ ไม่ใช่การแสดง และถ้าพวกคุณยังทำให้คนในห้องนี้เชื่อไม่ได้ว่าคุณคิดเช่นนั้น ผมกับไป่ถังจะไม่ยอมเอาอนาคตของพวกเราไปเสี่ยง เราจะถอนตัวออกจากโพรเจกต์ทันที” เทียนไอ่โพล่งขึ้น
“เดี๋ยวสิเทียนไอ่ ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดกัน” หย่งเต๋อแย้งขึ้น
“ใช่ค่ะคุณเทียนไอ่ ฉันยินดีทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง”
“ไม่ได้นะคะคุณหนูหยางอิง” ลูซี่ซึ่งอดรนทนไม่ไหวพูดขึ้นมา “เอ่อ คือว่าในข้อเรียกร้อง”
“นี่พวกคุณสองคนเล่นเกมอะไรกันอยู่ นี่มันโพรเจกต์ในรอบห้าปีของผมเลยนะ ผมจะไม่ยอมฝากอนาคตไว้กับศิลปินที่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานหรอก ถ้าคุณสองคนไม่จริงจังก็เชิญลาออกไปเสีย ผมจะได้หานักร้องคนอื่นมาแทน”
“ไม่! ผมตั้งใจกับงานนี้จริงๆ และผมไม่มีปัญหากับข้อเสนอของคุณเทียนไอ่และข้อเสนอของทุกๆ คน ผมยินดีทำตามทุกอย่าง” ดราก้อนพูดขึ้น
“ฉันก็เหมือนกันค่ะ”
“งั้นผมว่าคงถึงเวลาแล้วที่คุณลูซี่จะกางข้อเสนอหนึ่งหน้ากระดาษของคุณออกมา เราทุกคนจะได้เคลียร์เรื่องนี้ให้มันจบๆ”
ความคิดเห็น |
---|